วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: AJMal - Hiba (Oil Perfume)

AJMal - Hiba (Oil Perfume) 

วนกลับมาอีกครั้งกับโซน Oil Perfume ของ AJMal ที่ห่างหายไปนาน งานนี้เพราะว่าอยากรู้ว่าในโซนนี้ของแบรนด์นี้เขาจะมีน้ำหอมโทนสดชื่นใช้ง่ายบ้างหรือไม่ เพราะจะเจอแน่นๆ เสียส่วนใหญ่และบางทีจะมี Signature ของแบรนด์ของไม้กฤษณาเป็นซีนเด่นเสียมาก เช่นนั้นจึงได้มาเจอตัวนี้ คือ Hiba ก็เลยต้องลองกันหน่อยว่า จะออกมารูปแบบไหน 

คำว่า Hiba เท่าที่ค้นดูแปลว่า ของขวัญ เช่นนั้น กลิ่นเปิดก็ทำให้รู้สึกน่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะว่ากลิ่นโทนซิตรัสแบบโทน Oil ที่มีโทนเขียวๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งรองพื้นด้วยกลิ่นไม้หอมมันเด่นขึ้นมา แต่ไม่ได้มาแบบคมๆ เพราะมีกลิ่นโทนนุ่มๆ ติดสะอาดลักษณะคล้ายลาเวนเดอร์มาตัดโทน เลยทำให้เป็นโทนสดชื่นแบบติดแน่นกำลังดีเสียมาก กลิ่นช่วงนี้มีความแมนในระดับหนึ่งในเนื้อกลิ่นจากโทนติดเขียวกับไม้หอม จนเมื่อผ่านไประยะหนึ่งจนเข้าช่วงกลาง กลิ่นจะเริ่มมีความนุ่มมากขึ้นผสมผสานกับโทนเขียวนวลๆ ให้รู้สึกได้แนวๆ กลิ่นโทนจากไวโอเล็ต โดยที่โทนไม้หอมยังคงลักษณะเป็นตัวรองพื้นอยู่ เน้นแทรกซึมขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงท้ายที่ชัดเจนมากกับการเป็นกลิ่น 3 เกลอ คือ Musk ไม้หอม และแอมเบอร์ ซึ่งโทนไม้หอมจะเด่นชัดขึ้นมาแทนที่แล้ว แน่นอนว่ามีลักษณะกลิ่นคล้ายกระดาษาสาสะอาดๆ ที่มาจากไม้ซีดาร์และมีไม้จันทน์หอมเป็นตัวเอกล้อมจนได้กลิ่นโทนวู้ดดี้อ่อนๆ รองพื้นด้วยความสะอาดนุ่มจาMusk และมีความอบอุ่นจากแอมเบอร์แบบเบาๆ ซึ่งภาพรวมจึงเป็นกลิ่นสดชื่นออกแนวทะมัดทะแมงเสียมาก แถมเป็นโทนซิตรัสที่ไม่ได้เบาโหวงเกินไปด้วยเพราะมาลักษณะแบบ Oil นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - มาในโทน Unisex ซึ่งใช้ได้หมดทุกเพศในวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป แต่เนื้อกลิ่นมีความเป็นผู้ชายอยู่ที่ 60 - 70% ได้ เพราะกลิ่นติดเขียวแมนเท่ห์ที่อยู่ในช่วงต้นและมาในช่วงกลาง นอกนั้นมีความสมดุลย์ในเนื้อกลิ่นลงตัวไปตลอด สามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งงานทางการและไม่ทางการ ซึ่งถ้าใส่ออกกำลังกายควรรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่ไปเที่ยวก็สามารถได้อยู่ เพราะลักษณะของความเป็น Oil มันจะมีความแน่นในระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่ากลิ่นนี้จะไม่ได้มาในโทนเย้ายวนก็เท่านั้นเอง 

ความทน - 8 ชม. สบายๆ เพราะเป็น Oil Perfume และสามารถลากยาวไปได้มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง และคงตัวเป็นลักษณะนี้ไปตลอด จนเมื่อเวลาผ่านไปซัก 8 ชม. กลิ่นจึงมีลักษณะแบบ Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าเป็นอีกกลิ่นที่น่าสนใจในการใช้งาน เพราะเหมาะกับอากาศบ้านเรา โดยที่แต้มกำลังดีกลิ่นก็ลงตัวไปตลอดวันนั่นเอง จะว่าไปกลิ่นแนวๆ นี้ เป็นหนึ่งใน#ของดีเทคนิคไม่ต้อง ยังได้เลยล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - เข็มขัดสั้นถ่ายเอง

Review: Rancé 1795 – Rue Rance Eau Duc de Berry


Rancé 1795 – Rue Rance Eau Duc de Berry

เพราะแบรนด์นี้เขาทำน้ำหอมออกมา Tribute ในความเป็นฝรั่งเศสและสดุดีให้กับนโปเลียนผู้ยิ่งใหญ่ในการสร้างประเทศฝรั่งเศสให้เกรียงไกร เช่นนั้น Rance 1795 จึงได้เอาช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในยามที่นโปเลียนได้เปลี่ยนแปลงทั้งกฎและวัฒนธรรมต่างๆ ของฝรั่งเศสจนเป็นประเทศที่รุ่งเรืองสุดๆ มาทำเป็นน้ำหอมในรุ่น Rue Rance Eau Duc de Berry นั่นเอง 

เริ่มฉีดเท่านั้นแหละ Top Notes นี่เรียกความคุ้นเคยได้พอสมควรกับการเป็นกลิ่นเม็ดผักชีกับเม็ดกระวานล้อมด้วยกลิ่นซิตรัสของส้มขมแนวๆ เดียวกับ Cartier Declaration เพียงแต่จะมาในแบบที่ไม่เป็นมัสมั่นแกงแก้วตามากขนาดนั้น เพราะความเป็นซิตรัสมาตีคู่กับเครื่องเทศค่อนข้างสูสี ก่อนที่กลิ่นโทนเขียวโปร่งๆ จะเริ่มดันขึ้นมารับช่วงต่อจนเข้าช่วง Middle Notes ที่กลิ่นออกแนวเขียวโปร่งนวลของไวโอเล็ตจะมาตัดโทนหวาน แต่กลิ่นเครื่องเทศก็ยังคงตัวอยู่เพราะเม็ดกระวานยังคงเด่นเป็นสง่าคู่กับเม็ดผักชีแถมด้วยกลิ่นซิตรัสของส้มขมก็ยังมาจางๆ เพียงแต่จะมีพริกไทยที่ดึงโทนให้เป็นโทนสะอาดติด Spicy มากขึ้นด้วย กลิ่นเลยออกทางเซทตัวเป็นแนวๆ หอมนวลๆ ติดหวานเครื่องเทศหน่อยๆ ดูติดหรูหราเสียมาก แล้วจะมีกลิ่นอายไม้หอมดันขึ้นมาทีละนิดจนเข้าช่วง Base Notes ที่โทนไม้หอมจะมาเด่นกับความเป็นไม้ซีดาร์ มีกลิ่นติดหวานของลูกจันทน์เทศจางๆ กลั้วไปมากับเครื่องเทศที่ตามมาเบาๆ ให้รู้สึกได้ กลิ่นในช่วงนี้มีความสุภาพและอบอุ่นมีภูมิดูน่าเชื่อถือพอสมควร เพราะกลิ่นไม้หอมจะมาเด่นแบบสว่างๆ กำลังดีไปตลอดนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ กลิ่นนี้ Unisex เลย แต่มีความเป็นผู้ชายประมาณ 70% เลยทีเดียว โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการยิ่งเข้าทีเพราะกลิ่นเสริมบุคลิก นอกนั้นใส่ทั่วไป จะทำงาน Office หรือชิลล์ๆ แบบมีระดับก็ทำได้ แต่งดใส่ออกกำลังกายเพราะกลิ่นไม่ได้มาในทางแบบนี้นัก ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้แบบออกงาน แต่ถ้าไปเที่ยวเมาหาเหยื่ออาจจะพอไหวบ้าง แต่กลิ่นไม่เข้าทางแน่ๆ เวลาเมาเป๋มันจะเสียลุคทางด้านกลิ่นไป 

ความทน เรียกว่าลงตัว เพราะอยู่ที่ประมาณ 8 ชม. บวกลบประมาณ 2 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย กลิ่นกระจายกำลังดี ในตอนต้นและคงตัวไปตลอดยาวไปจนถึงปลายช่วงกลาง ก่อนจะลดระดับมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ในช่วงท้าย แล้วจางลงไปตามเวลาที่อยู่บนตัวเรา 

ทิ้งท้าย เอาจริงๆ ใกล้ Cartier Declaration มากครับ เพียงแต่กลิ่นจะเบากว่า และเสริมความเป็นเครื่องเทศสะอาดๆ ติดหรู ไม่ได้ออกทางเย้ายวนแบบ Declaration ที่จะมีกลิ่นชามาผสานนั่นเอง

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - https://orchard.vn/images/detailed/13/Rance-1795-Rue-Rance-Eau-Duc-De-Berry-For-Men.jpg

Review: Etat Libre d’Orange - Jasmin et Cigarette

Etat Libre d’Orange - Jasmin et Cigarette 

กลับมาหาแบรนด์สุดล้ำทางด้านน้ำหอมอย่าง Etat Libre d’Orange อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ได้รับการแบ่งปันมาจากเพื่อนสมาชิกในกลุ่มน้ำหอมที่อยากให้ลองความแนวของแบรนด์นี้ ได้มาเราก็จัดซะ ผลออกมากับรุ่น Jasmin et Cigarette ก็ออกมาเป็นแบบนี้เลย

กลิ่นเปิดทำเอาอึ้งไปพอสมควร เพราะกลิ่นแน่นและนัวมากกับมะลิที่มาเต็มเหนี่ยวไปเลยพี่เต็มที่ไปเลยเธอสุดๆ โดยจะมีกลิ่นอายติดหวานกลั้วผลไม้ของแอปริคอตและมีความเขียวของหญ้าแห้งผสมผสานอยู่ให้พอรู้สึกได้ แต่เพียงไม่นานงานยาสูบก็มา แต่มาแบบทำเอาตะลึงพึงเพริดมาก เพราะกลิ่นที่ได้จะมาในรูปแบบของยาสูบแบบควันไอเต็มๆ และจะค่อยๆ นำเข้าสู่ช่วงกลางกันอย่างเต็มตัวกับความเป็นมะลิติดผลไม้ที่จากช่วงต้นมากลั้วควันซิการ์แบบชัดเจน กลิ่นมีความอบอุ่นให้รู้สึกได้อยู่เป็นระยะ ซึ่งในช่วงนี้บอกเลยว่า ถ้าไม่ชอบกลิ่นควันซิการ์ไพล่ไปทางควันบุหรี่อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกว่า นี่มันคืออัลไลเพราะมันจะมาเต็มจริงจังมากจนแบบว่านี่ชั้นเป็นสิงห์รมควันไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่สิ่งดีคือการตีคู่ขนานของกลิ่นมะลิและยาสูบ จะทำให้รู้สึกเหมือนผิวกายที่มีกลิ่นหอมหวานของมะลิที่ไม่แมนและไม่สาวเกินไปควันไอของยาสูบที่มาเต็มคลุ้งทั้งห้องจนมันนัวด้วยกลิ่นไปหมด ก่อนที่กลิ่นอายไม้หอมจะเริ่มมาล้อมลดโทนควันแบบ Smoky ลงไปได้มาก ซึ่งก็เข้าสู่ช่วงท้ายกลายเป็นเหมือนกลิ่นมะลิติดควันไอจางๆ ติดสะอาดของ Musk มาแบบนวลๆ นุ่มๆ มีกลิ่นของไม้ซีดาร์มาสร้างความเป็นไม้หอมแบบนวลจมูก มีความครีมมี่อวลๆ ไปตลอด เหมือนออกจากสถานที่สูบซิการ์ออกมาแล้วกลิ่นติดผิวกายแบบติดเซ็กซี่กำลังดี เรียกว่าภาพรวมเหมือนแบบเห็นผู้หญิงสูบซิการ์แบบจัดหนักแบบไม่แคร์สายตาใคร แล้วกลิ่นกายกลั้วกับกลิ่นซิการ์ก่อนที่จะนวยนาดออกไปกับผู้ชายซักคนชัดๆ เลย 

เหมาะสำหรับ - น้ำหอมตัวนี้ตราเอาไว้ว่าเป็นของผู้หญิง แต่เอาเข้าจริงๆ กลิ่นมัน Unisex มากเลยทีเดียว เพราะกลิ่นยาสูบแบบซิการ์รสเข้มมันตัดกับมะลิที่ไม่ได้สาวมากนี่แหละ เลยก้ำกึ่ง ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวันที่ไม่เน้นงานทางการ ถ้าจะใส่ไปทำงานแบบไม่ได้พบปะใครนักก็พอได้ เพราะมันก็จะออกแนวเหมือนกลิ่นคนไปสูบซิการ์มา แต่ยังมีความหอมของมะลิดับเอาไว้ แต่ไม่ใช่เหม็นควันบุหรี่จนไม่ไหวจะเคลียร์ นอกนั้นชิลล์ๆ ใส่ได้หมด ยกเว้นออกกำลังกายที่ควรจะงด เพราะอาจจะทำให้เวียนหัวหนักทั้งคนอยู่ใกล้และตัวคนใส่เอง ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นนี้มันเข้าทางสถานที่เที่ยวยามราตรีที่จัดซิการ์และบุหรี่กันได้ชัดๆ แถมกลิ่นที่ได้มันมีระดับและเซ็กซี่ได้อยู่ด้วย เพราะมะลิกับยาสูบมันเป็นตัวเรียกแขกด้านความเย้ายวนอยู่แล้วนั่นเอง 

ความทน - เรียกว่าทนซะขนาด กับ 12 ชม. กลิ่นยังอยู่ มาเต็มจริงจังเลย

การกระจาย - เรียกว่ามาหนักกันหน่อยในตอนแรก ก่อนที่จะลดลงมากระจายดี และปิดท้ายด้วยการกระจายปานกลางลดระดับลงไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ไม่คาดไม่ฝันว่าจะเจอน้ำหอมกลิ่นควันซิการ์แบบเข้มข้นได้มากชนาดนี้ แอบอึ้งไปไม่พอ เจอคนทักด้วยว่า สูบบุหรี่ด้วยเหรอเนี่ยถึงกับเอ๋อไปเลยเพราะเปล่าสูบ เรียกว่ากลิ่นนี้ทำออกมาได้เก๋ไก๋สไลเดอร์มากจริงๆ และที่สำคัญกลิ่นเปิดทำให้ผมนึกถึง Dolce & Gabbana pour Homme ด้วยที่เป็นมะลิกับยาสูบนัวๆ เซ็กซี่จัดจ้าน แต่ตัวนี้ของ Etat มาแบบแน่นและเรียลกว่านั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.ichetkar.fr/wp-content/uploads/2011/07/ELO_ichetkar_jasmin_cigarette.jpg

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Paco Rabanne – 1 Million Cologne


Paco Rabanne – 1 Million Cologne

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไลน์ที่ได้รับความนิยมมากเลยทีเดียวกับ 1 Million ของ Paco Rabanne ที่บ่งบอกถึงความเป็นหนุ่มเมโทรเท่ห์ๆ ไลฟ์สไตล์แบบหนุ่มดูแลตัวเองในสังคมเมือง ซึ่งมีการต่อยอดไลน์นี้ออกมาหมดไม่ว่าจะเป็นรุ่น Intense ที่เข้มข้นซะ และรุ่น Cologne ที่ลดระดับความหวานลงมา เช่นนั้นรุ่นแน่นยังไม่ถึงเวลาขอรุ่น Cologne ก่อนแล้วกันว่าจะออกมาในรูปไหน 

เปิดต้นกลิ่นในแบบที่ทำเอาตะลึงไปพอสมควร เพราะ Top Notes มากับโทนซิตรัสแบบส้มผสมเลมอนสดชื่นกันเลย ซึ่งยังไม่พอขนความเป็นกลิ่นอายของโทนสดชื่นแบบน้ำทะเลมาด้วย ซึ่งแอบแปลกใจใช้ผิดขวดหรือเปล่า แต่พอจับโทนหวานเย้าติดเท่ห์ได้จากเม็ดกระวาน เลยได้ความเชื่อมโยงจากรุ่นต้นตระกูลมาได้อยู่ ซึ่งกลิ่นของโทนสดชื่นนี้จะเป็นเป็นตัวรองพื้นและตัดโทนให้ช่วง Middle Notes ที่เอาความเป็น 1 Million มาชัดเจนกับกลิ่นอบเชยกลั้วกุหลาบแบบหนุ่มเมโทร แต่มันจะเบาลงไปเยอะจากต้นตระกูล เพราะกลิ่นซิตรัสกับโทนสดชื่นมาตัดทอนลงไปพอสมควรโดยเฉพาะความหวานแน่นจากอบเชย แต่กุหลาบยังคงอยู่แบบน่าดูชมแทนแบบไม่ออกสาว กลิ่นยังมีความเป็นโทนทะเลแบบไม่มีกลิ่นคาวให้รำคาญใจเลย และกลิ่นโทนอบอุ่นจะเริ่มเข้ามาผสมผสานจนดันเข้าสู่ Base Notes กับการเป็นกลิ่นหนังนุ่มๆ ที่มีความครีมมี่ในเนื้อกลิ่นกับลักษณะออกนวลๆ คล้ายผิวกายติดหวาน ล้อมด้วยกลิ่นอายของพิมเสนที่หอมนวลจมูกเคล้ากลิ่นอายหวานกำลังดีที่ยังเป็นอิทธิพลจากช่วงกลางมาถึงตอนนี้แบบไม่หนัก ซึ่งลักษณะแบบเป็นการสลับโทนกลิ่นของรุ่นต้นตระกูลที่กลิ่นหนังจะเด่นให้เกิดความนุ่มอบอุ่นติดเมโทร มาเป็นให้พิมเสนเด่นแล้วหนังลดทอนความหนักลงไป โดยยังคงความเป็น 1 Million ได้อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่เสริมการสดชื่นและการใช้ง่ายในลักษณะแบบ Cologne เข้ามา ชัดเจนตรงนี้ 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ก็ใช้ได้แล้ว ซึ่งกลิ่นนี้ลดโทนหนักๆ จากรุ่นปกติไปได้เยอะเลยทำให้วัยหนุ่มละอ่อนมาใช้ตัวนี้ได้ด้วยสบายๆ ซึ่งกลิ่นออกแนวสดชื่นก็จริง แต่แฝงด้วยความเย้ายวนพอสมควร และมีความภูมิฐานได้อยู่ น้องๆ ม.ปลาย อาจจะต้องดูสถานการณ์ในการใส่นิดนึง ส่วนวัยอื่นๆ ที่โตขึ้นมาตัวนี้สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการและทั่วๆ ไป ส่วนยามค่ำคืนสามารถใช้ได้สบายๆ แต่อาจจะต้องอัดสเปรย์กันนิดนึง และอาจจะสู้ชาวบ้านไม่ได้ถ้าจะเน้นปล่อยเสน่ห์ จึงแนะว่าให้ไปหารุ่นปกติหรือ Intense จะดีกว่า มาเต็มและจัดหนักตามลำดับขั้นกว่า 

ความทน แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น Cologne แต่กลิ่นอยู่ในระดับ EDT ที่ความทนน่าสนใจมาก อยู่ระหว่าง 6 – 8 ชม. ซึ่งอาจจะมีบวกลบบ้าง อิงที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น เรียกว่าสดชื่นแบบมีของซ่อนอยู่ให้รู้สึกได้เลย ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวคงตัวไปตลอดจนถึงช่วงท้าย ก่อนจะจางลงไปเป็น Skin Scent ตามกาลเวลา 

ทิ้งท้าย แอบประทับใจ เพราะส่วนตัวมีความเฉยๆ กับ 1 Million ตรงที่มีน้ำหอมหลากแบรนด์ที่กลิ่นใกล้เคียงกันไปหมด เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีลักษณะเมโทรเท่า พอมา Cologne เฮ้ย! กลิ่นดีนะนั่น เรียกว่าลดทอนความเกร่อลงมาได้น่าสนใจไม่น้อย ที่สำคัญ Design ขวดได้สวยมาก เวลาแสงตกกระทบจากพื้นหลังสีทองทำให้ขวดงามอร่ามตาเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://iscentyouaday.com/wp-content/uploads/2015/07/1-million-cologne.jpg

Review: Jo Malone – Rain & Angelica

Jo Malone – Rain & Angelica

เรียกว่าแบรนด์นี้ทุกคนรู้สรรพคุณกันเป็นอย่างดีกว่ามันหอมธรรมชาติมาก และมาในแนว Whispering ที่จะไม่ได้เน้นกระจาย เรียกว่ามาแบบผู้ดีๆ ตามสไตล์ของ Jo Malone และเมื่อปี 2014 ป้าโจได้ออก Limited Edition ที่บอกถึงความเป็นกลิ่นสายฝนอย่าง Collection: London Rain เมื่อสบโอกาสได้มาลองใช้เพราะใจอยากได้กลิ่นแนวๆ น้ำฝนมาดับร้อนโคตรๆ ของอากาศอยู่แล้ว จึงได้จัดรุ่น
นี้มาเลยนั่นคือ Rain & Angelica 

กลิ่นเปิดเรียกว่าหอมสดชื่นกันเลยทีเดียว มาแบบน้ำติดฉ่ำๆ หวานกำลังดีมีความสดชื่นกำลังงาม โดยมีกลิ่นอายของโทนซิตรัสจากมะนาวๆ ที่มาแบบไม่เสียดคมจมูก เพราะโดนตัดทอนความคมด้วยกลิ่นโทนน้ำสะอาด ซึ่งกลิ่นจะมีลักษณะได้อารมณ์แบบฝนตกตามธรรมชาติกลิ่นหอมฉ่ำสดชื่น มีความหวานเสริมเข้ามาเต็มๆ เพราะกลิ่นของโสมตังกุยจะเข้ามาเด่นด้วยในช่วงนี้ จนนำเข้าสู่ช่วงกลางกับกลิ่นอายหอมสดชื่น ติดหวานมีความซ่าเบาๆ ประปราย โทนน้ำเย็นฉ่ำยังคงตามมาอยู่ กลิ่นจะมีความเป็นสมุนไพรกับน้ำใสๆ เย็นๆ ซ่าๆ หวานๆ กลั้วกันไปมา ก่อนที่โทนน้ำจะค่อยๆ เบาบางลง มีกลิ่นอายหวานๆ ติดแป้งนวลๆ แทรกเข้ามาพร้อมกับกลิ่นฉ่ำๆ ของหญ้าแฝกที่นำเข้าสู่ช่วงท้ายกับกลิ่นบรรยากาศหลังในตก ที่มีความหวานและชื้นฉ่ำให้รู้สึกได้ กลิ่นมีความสะอาดนวลๆ มีความเป็น Musk นุ่มๆ ให้รู้สึก เหมือนได้อารมณ์เดินริมถนนในเมืองใหญ่ที่สะอาดๆ กลิ่นคอนกรีตชื้นๆ ให้รู้สึกได้ หรือเดินในสวนสาธารณะยามฝนหยุดตกที่ให้ความรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวและสดชื่น ซึ่งต้องยอมรับเลยว่ากลิ่นอายมาแบบธรรมชาติจริงหมอแบบได้อารมณ์ยามเริ่มฝนตกยันไปสู่ฝนหยุดได้อย่างชัดเจน 

เหมาะสำหรับ ได้ทุกเพศเลยจ้า กลิ่นแบบนี้ใส่ยังไงก็สดชื่น เข้าถึงง่ายมาก มหาชนมักชอบ และกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมากเลย โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดกวาดทุกสโตรกว่าอยากใส่ในช่วงเวลาแบบไหน ยิ่งอากาศร้อนๆ กลิ่นยิ่งหอมสดชื่นแบบฉ่ำน้ำติดหวานเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะเอาไปใส่ยามค่ำคืนก็ได้อยู่ แบบชิลล์ๆ ทั่วๆ ไป แต่ถ้าไปเที่ยวชนแก้วหันเถอะพี่น้อง กลิ่นจะอายไปหมดเกลี้ยงเพราะโดนเหล้ากลบจ้า 

ความทน ต้องถามว่าคาดหวังอะไรกับ Jo Malone ที่มาในแบบ EDC แต่มันหอมมากกันเหรอในเรื่องนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถ้าเทียบกับหลายๆ ตัว ตัวนี้ถือว่าทนกว่าไม่น้อย เพราะลากยาวมาที่ 6 ชม. ได้อยู่ ถ้าจำนวนสเปรย์ถึง (รวมอัดเข้าที่เสื้อที่สวมใส่ด้วย) แต่เอาเข้าจริงค่าเฉลี่ยก็อยู่ที่ 4 – 6 ชม. บวกลบพอประมาณนั่นแหละ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้นแบบว่าหอมสดชื่นติดหวานสมุนไพรฉ่ำน้ำกันเลย แล้วจึงค่อยลดลงมาเป็นกระจายแบบออร่ารอบๆ ตัว ปิดท้ายกด้วย Skin Scent 

ทิ้งท้าย นี่เป็นหนึ่งในน้ำหอมของ Jo Malone ที่ผมชอบมากกกกกก คือ มันหอมฉ่ำน้ำสดชื่นดีแท้ ซึ่งกลิ่นอายแบบฝนตกราวๆ นี้ คงไม่มีโอกาสได้เจอในเมืองหลวงของไทยแลนด์แน่ๆ เพราะกลิ่นน้ำครำมันจะเด่นกว่ากลิ่นฝน 5555 ซึ่งก็นะ ได้มาแบบแบ่งขาย แถม Limited ตอนนี้เลยต้องตามล่าหาขวดเต็มมาครอบครองตามเคย -___-“ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.osmoz.com/Public/Files/perfume/rain_angelica_jo_malone_a19a537839.jpg



วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Estée Lauder – Youth-Dew

Estée Lauder – Youth-Dew 

พอเห็นชื่อว่า Estee Lauder มักจะนึกถึงกลิ่นน้ำหอมแนวหรูหรา สะอาด สุภาพ มีความเป็นผู้ดีแบบมีชั้นเชิงแฝงไปด้วยในแต่ละกลิ่นตลอด แต่เพราะไม่ได้ใช้น้ำหอมผู้หญิงเลยมักมองข้าม พอวันนึงมีมิตรสหายผู้รักน้ำหอมด้วยกันส่งน้ำหอมมาให้ได้ลอง ทำให้ได้เห็นว่าแบรนด์นี้เขาทำน้ำหอมได้เด็ดดวงมากมาตั้งแต่อดีตและเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่คลาสสิคเหนือกาลเวลามากเสียด้วยกับตัวนี้เลย Youth-Dew 

เปิดต้นกลิ่นมาเรียกว่ามาเต็มตามลักษณะของน้ำหอมโทนหรูหราแบบติด Vintage กับ Aldehydes ที่จะมาแบบกลิ่นสบู่สะอาดๆ คมๆ ดันเด้งขึ้นมาก่อนเลย โดยจะมีกลิ่นของโทนซิตรัสมาสนับสนุนจางๆ แต่กลิ่นที่มาผสมผสานแบบเด่นกว่าจัดเต็มคือโทนเครื่องเทศที่จะมาแบบ Spicy กันเต็มๆ แต่แปลกมันมีความนุ่มผสมๆ อยู่ติดโทนสะอาด ซึ่งน่าจะมาจากลาเวนเดอร์ กลิ่นจะเริ่มพัฒนาเข้าสู่ Middle Notes ที่เล่นเอาประทับใจมาก คือ กลายเป็นกลิ่นแบบ Coca Cola ที่มีกลิ่นอายติดแป้งหอมดอกไม้รายล้อม ด้วยการผสมผสานของอบเชยและกานพลูที่จะมาแบบ Cola หน่อยๆ ติดซ่าๆ กับแป้งหอมเย้ายวนติดเครื่องเทศที่ยังคงตามมาเด่น โดยรู้สึกได้ถึงความ Smoky จางๆ ที่แทรกอยู่ กลิ่นในช่วงนี้ถือว่ามีเสน่ห์ที่หาตัวจับได้ยากไม่น้อย เพราะมันจะได้ความรู้สึกแบบ Sexy กลั้วความดาร์กติดความนวลของแป้งหอมอย่างบอกไม่ถูก เพียงไม่นานโทนอบอุ่นก็จะเริ่มดันขึ้นมาเรื่อยๆ กลิ่น Smoky ที่ว่าจึงมาเต็มกันในช่วง Base Notes ที่โทนธูปและยางไม้จะมาเต็มมาก เปิดตัวหลังจากหลบๆ ซ่อนๆ มาตั้งแต่ช่วงแรก กลิ่นของโทนแป้งยังคงตามมาอยู่โดยวานิลลารับช่วงต่อ ตามด้วยมีความอบอุ่นแทรกอยู่ตลอดจากโทนแอมเบอร์ แต่สิ่งที่ตัดกันได้น่าดูชมคือ พิมเสนและ Oakmoss ที่มาในโทนเข้มดาร์ก ซ่อนพื้นหลังแบบติด Animalic ด้วยกลิ่น Musk ที่แม้จะนุ่มแต่ซ่อนเขี้ยวเล็บแบบเย้ายวนติดสาปปลุกเร้าแบบดิบๆ ให้รู้สึกได้ เรียกว่าเป็นการผสมผสานน้ำหอมออกมาได้ดีงามมากอีกตัวกับการรวมความเป็นผู้หญิงในหลายๆ อารมณ์ ทั้งสดชื่น มีจริต หรูหรา มีระดับ น่าค้นหา ลึกลับ เย้ายวน และเซ็กซี่แบบติดดิบๆ นี่แหละภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป อย่างน้อยต้องเป็นคนผ่านน้ำหอมมาพอสมควรและมีความชอบในโทนกลิ่นแบบ Vintage ที่มีลักษณะแบบกลิ่นที่เหนือกาลเวลาและคลาสสิคแบบมีชั้นเชิง ยิ่งถ้าใครเคยได้กลิ่นนี้จากคนในครอบครัวที่ใช้น้ำหอมมาก่อนเรียกว่าสามารถฟินได้เลย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ กลิ่นจะให้ความงามแบบน่าค้นหาได้ดีมาก งดใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกาย เดี๋ยวจะตายก่อนเพราะกลิ่นตีขึ้นหนำใจมาก ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรูเรียกว่า ปล่อยเสน่ห์กันไม่ยั้งได้เลยทีเดียว 

ความทน กราบบบบบบบบ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่เลย ขนาดจัดไปแค่ 3 สเปรย์เท่านั้นเอง ขอกราบบบบบอีกที 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากแบบว่าตอนฉีดครั้งแรก อาจจะผงะกันได้เลยทีเดียว แล้วจะค่อยลดลงมาตามเวลาที่ผ่านไปเป็นกระจายดีมนช่วงกลาง ซึ่งในช่วงท้ายเป็นกระจายกลางๆ ก่อนที่จะผันตัวไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัว ส่วนหลังจากนี้ไม่รู้แล้วจ้า เพราะอาบน้ำก่อน ^^ 

ทิ้งท้าย แม้ผมเองจะผ่านน้ำหอมโทนแบบนี้มาไม่มาก แต่เนื้อกลิ่นเบลนด์ออกมาได้ชั้นครูเลย มีลักษณะออกแนวเล่นใหญ่ก็จริง แต่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างน่าเชื่อถือมากเลย ง่ายๆ มันคือ Masterpiece ครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://images.moneysavingexpert.com/images/yslyouthdew.jpg

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Avon – Exploration

Avon – Exploration

พอได้น้ำหอมผู้ชายของ Avon มา เรียกว่าขนมากันให้รึ่มเพราะจัดทีจัดเยอะและจัดเต็ม ก็ได้ถึงเวลาของตัวออกใหม่ล่าสุดอีกตัวอย่าง Exploration ที่พอรู้ว่ามีกลิ่นที่ส่วนตัวค่อนข้างชอบอย่างส้มสีเลือด เลยจัดเต็มแบบหนำใจผลปรากฏออกมาคือ
 

Top Notes มากันเต็มๆ กับกลิ่นซิตรัสของส้มสีเลือดก็จริง แต่อาจจะไม่ใช่ส้มจ๋านักเพราะว่ามีกลิ่นของเกรฟฟรุตที่มาโทนติดซ่าหน่อยๆ เข้ามาผสมปนเปค่อนข้างมาก เลยทำให้กลิ่นส้มจะไม่ติดหวานเกินไปออกทางซิตรัสคมกำลังดีเพราะแอบมีโทนเขียวๆ หน่อยๆ เบาๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นโทนนี้จะเริ่มเบาลงไปในช่วง Middle Notes ที่จะเป็นโทนเขียวสมุนไพรเด่นนำขึ้นมาติด Spicy จางๆ เพราะกลิ่นของเซจและโรสแมรี่จะเด่นขึ้นมาทำให้รู้ว่ากลิ่นอายติดซ่าๆ ตอนแรกน่าจะแอบมาจาก 2 ตัวนี้ โดยจะมาให้เขียวสะอาดสดชื่นกำลังดี และมีโทนผลไม้เบาๆ ให้รู้สึกได้ แต่ไม่ได้มาเด่นมาก แอบให้ความหวานจางๆ ในเนื้อกลิ่นอยู่ ก่อนที่จะมีกลิ่นอายไม้หอมนวลๆ ดันขึ้นมาทีละนิดจนเข้าสู่ช่วง Base Notes ที่กลิ่นไม้หอมจะมาตีคู่กับหญ้าแฝกให้ความสะอาดแมนๆ โดยมี Musk ให้กลิ่นนุ่มๆ เบาๆ โดยที่ยังมีกลิ่นอายจากช่วงกลางที่ให้ความสดชื่นประปราย มีความใกล้ๆ กับกลิ่นแบบผ้าซักตากจนแห้งสะอาดติดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มนวลๆ ไม่มีกลิ่นอับใดๆ อยู่ไม่น้อย ซึ่งภาพรวมเป็นกลิ่นออกแนวสดชื่นใช้ง่ายแบบสบายๆ อีกหนึ่งกลิ่นเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวับเรียน ม.ต้น ก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายมาก คนได้กลิ่นก็ไม่มองด้วยหางตาง่ายๆ ที่สำคัญใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ยิ่งอากาศร้อนๆ กลิ่นยิ่งสดชื่น ส่วนยามค่ำคืน ถ้าทั่วๆ ไปก็ใส่ได้ แต่ถ้าใส่เพื่อไปเที่ยวอันนี้เบาไป ไม่เข้าทางเท่าไหร่ 

ความทน อยู่ที่ประมาณ 6 ชม. ในห้องแอร์ โดยบวกลบอยู่ 2 ชม. อยู่ที่การอัดสเปรย์เน้นๆ และถ้าอยู่กลางแจ้งอากาศร้อนๆ กลิ่นก็จะไปไวพอสมควร พกไปเติมระหว่างวันจะช่วยได้ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย ราคาไม่แพงเลย และเป็นตัวที่ใช้ง่ายสบายๆ มันก็หอมสดชื่นแบบติดลุยเลยล่ะครับ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - https://01.avoncdn.com/shop/assets/en/prod/prod_1162181_xl.jpg?w=700


วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Kenneth Cole - Reaction Connected

Kenneth Cole - Reaction Connected 

เห็นขวดทรงขวดน้ำพกพาเท่ห์ๆ ติดสปอร์ตแบบนี้ครั้งแรกแล้วติดใจเลยว่ามันต้องมีอะไรที่น่าสนใจ กับแบรนด์ Kenneth Cole ซึ่งพอไปดูข้อมูลแล้วก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในไลน์ของ Kenneth Cole แบรนด์ที่เขาเด่นเรื่องรองเท้าและกระเป๋า ในโซนของ Reaction เช่นนั้นจัดมาเลยขวดเต็มเราต้องได้ลอง ผลออกมาคือ 

Connected จะมากับโทนหวานแบบโปร่งสบายมากเลย เพราะ Top Notes ขนความเป็นผลไม้หอมหวานแบบติดโทน Aquatic โดยเฉพาะกลิ่นของลูกพลับ แอปเปิ้ลแดงและมังคุดที่มาแบบหอมหวานสดชื่นกำลังดี มีกลิ่นอายซิตรัสจางๆ ซึ่งเป็นน้ำหอมตัวแรกที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นลูกพลับที่มาเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ ที่สำคัญจะมีกลิ่นโทนเขียวๆโปร่งๆ ของเข้ามาร่วมด้วยโดยให้ความสดใสติดนวลๆ ในเนื้อกลิ่น ภาพรวมช่วงต้นเลยจะออกทางน้ำหอมกลิ่นผลไม่รวมหวานฉ่ำๆ กำลังดี ติดโทนแมนๆ สดชื่น ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นจะตามไปยังช่วง Middle Notes ที่จะมีเครื่องเทศโทนหวานเย้าเข้ามากับเม็ดกระวานมาเพิ่มความหวานแบบสบายๆ ให้เนื้อกลิ่น โดยจะมีกลิ่นสบายๆ สดใสของโทนซิตรัสกับกลิ่นโทนเขียวสมุนไพรเย้าอยู่รอบๆ ซึ่งเป็นข้อดีมากอย่างนึงคือกลิ่นไม่ได้แน่นเลย คงความเป็นลักษณะน้ำหอมกลิ่นโทนติดน้ำฉ่ำๆ อยู่ได้เสมอต้นเสมอปลายมาก แล้วกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ จะเริ่มดันขึ้นมาทีละนิดๆ จนเข้าสู่ช่วง Base Notes โดยจะมาแบบหอมสะอาดๆ สบายๆ ติดโทนแมนๆ กับกลิ่นอายแนวๆ สีฟ้ามาเลย ซึ่งกลิ่นจะมาแบบอ่อนๆ กำลังดี ซึ่งภาพรวมของตัวนี้เลยเป็นหนึ่งในน้ำหอมโทนหวานสบายๆ ชิลล์ๆ เหมือนผู้ชายใส่เสื้อผ้าแบบCasual ใส่ Sneakers เท่ห์ๆ คาบเกี่ยวอารมณ์แบบสปอร์ตและอารมณ์ชิลล์ๆ ไปในตัวยามที่ได้เห็นนั่นเอ 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ก็ใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นเรียกว่าเป็นโทนหวานโปร่งที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ง่ายไม่บาดจมูก โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน โดยเฉพาะการใส่แบบทั่วๆ ไป ได้หมดทั้งทำงาน Office ชิลล์ๆ สบายๆ วันหยุด เที่ยวโน่นนี่ จะลุยๆ ก็ยังได้เลย ออกกำลังกายก็สามารถแต่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า แต่ถ้าเป็นทางการ รับแขกบ้านแขกเมืองอาจจะเลี่ยงดีกว่า เพราะกลิ่นมันดูสบายและ Casual ไป ส่วนยามค่ำคืนถ้าเบาๆ ทั่วไป ใส่ได้สบายๆ แต่ถ้าไปเที่ยวราตรีเต้นเด้งหน้าเด้งหลังหรือกินเหล้า กลิ่นนี้เบาไปล่ะนะ 

ความทน - อยู่ที่ 6 ชม. โดยประมาณ ซึ่งจะบวกลบได้อยู่ต้องอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. กับจำนวนสเปรย์ที่ 7 สเปรย์ แบบกดมิด และอยู่ในห้องแอร์ตลอดวัน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายแบบดีในช่วงต้น ฟินกับกลิ่นหอมหวานแบบโปร่งๆ ของลูกพลับเลยจ้า แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง มาใกล้ๆ จะหอม ปิดท้ายด้วย Skin Scent ชัดเจน ตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัวหรือทำความร้อน 

ทิ้งท้าย - ใครอยากจะลองน้ำหอมโทนหวานแบบไม่ใช่หวานแน่น เป็นหวานโปร่งจากผลไม้ตัวนี้เป็นตัวเปิดทางได้ดีตัวนึงเลย ที่สำคัญมันแอบเป็น Safe Scent เสียด้วย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.lilydirect.com/assets/images/Fragrances/Kenneth_Cole_Reaction_Connected_42_Men_Retail_500X500.JPG

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: The Different Company - Osmanthus

The Different Company - Osmanthus

แบรนด์ Niche ที่น้ำหอมเรียกว่ากลิ่นแตกต่างอย่างมีระดับและหรูหรามากเลยทีเดียวอีกหนึ่งแบรนด์จากฝรั่งเศส ซึ่ง The Different Company ขนสุคนธกรมือหนึ่งมาร่วมงานเพียบเลยทีเดียว และหนึ่งในคนปรุงน้ำหอมชื่อดังให้ Hermes อย่าง Jean-Claude Ellena ก็ได้มาร่วมปรุงน้ำหอมด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Osmanthus นั่นเอง 

ชื่อรุ่นของตัวนี้สื่อสารชัดเจนว่าจะเป็นกลิ่นของ Osmanthus หรือดอกหอมหมื่นลี้นั่นเอง โดยกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้จะเหมือนเป็น Main หลักของน้ำหอมที่จะไปผสมผสานในทุกๆ ช่วง เหมือนเป็นศูนย์กลางหลักของน้ำหอมเลย โดยเริ่มที่ช่วงแรกกับกลิ่นซิตรัสติดเขียวจะเด่นขึ้นมา โดยจะได้กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ที่ค่อยๆ แทรกตัวขึ้นมาทีละหน่อยจะให้ความรู้สึกแบบหอมสดชื่นปนความหอมหวานติดผลไม้กำลังดี ผ่านไปไม่นานจึงเข้าสู่ช่วงกลางที่คราวนี้กลิ่นของหอมหมื่นลี้จะเด่นขึ้นมาหอมหวานแบบกำลังดี กลิ่นมีความเป็นดอกไม้ติดโทนพีชซึ่งเป็นตามธรรมชาติของดอกไม้ชนิดนี้ มีกลิ่นอายหอมนวลๆ จางๆ ของมะลิหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นไม่ได้ขนดอกไม้มาทั้งสวนเลย มาลักษณะแบบเราได้กลิ่นดอกหมอหมื่นลี้ลอยมาตามลมยามเดินชมสวนที่มีดอกนี้ประปราย มาแบบชื่นใจ จนเข้าสู่ช่วงท้ายที่งานนี้จะมาในลักษณะกลิ่นหอมสะอาดซึ่ง Musk จะเป็นตัวเด่นชูโรง โดยให้กลิ่นอายแบบผิวกายสะอาดติดหวานจากกลิ่นของหอมหมื่นลี้จางๆ มีกลิ่นกุหลาบหน่อยๆ มาเสริมให้กลิ่นหอมนวลๆ มีระดับแบบนิ่งๆ ไม่โจ่งแจ้ง ภาพรวมจึงเป็นน้ำหอมอีกตัวที่กลิ่นอายธรรมชาติกำลังดี หอมแบบสดชื่น รื่นรมย์ สะอาด สุภาพ และมีคลาสแบบไม่ต้องพยายามเลย 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เขาบอกไว้ว่าเป็นของผู้หญิง แต่เอาเข้าจริง Unisex ได้อยู่ เพราะกลิ่นค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ออกกำลังกายพอได้แต่เปลืองไปนะ น้ำหอมแบรนด์นี้มันแพงนะขอบอก 55555 ส่วนยามค่ำคืนก็ใส่ได้แบบเบาๆ สบายๆ ไม่ควรใส่ออกไปเที่ยวกลางคืน เพราะกลิ่นเบาไปจ้า

ความทน - เพราะเป็นกลิ่นอายที่ธรรมชาติ แบบไม่ได้ออกทางปรุงแต่งอะไรมากมาย กลิ่นเลยจะมีความทนในระดับหนึ่ง คือราวๆ 4 - 6 ชม. ตามจำนวนสเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายกำลังดีในตอนต้น สดชื่นติดหวาน ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง และปิดท้ายที่ Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ซึ่งนี่แหละเป็นตัวบอกเลยว่า น้ำหอมแท้แถมยัง NIche ด้วยนะ มันไม่จำเป็นต้องทนจัดเสมอไป แต่ถ้ามีกลิ่นอายที่ธรรมชาติ และมีความเหมาะสมมากพอที่จะสื่อสารถึงคอนเซปท์ของน้ำหอม มันก็ทำหน้าที่ได้ดีและกินขาดมากแล้วล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.perfumeriahortensia.com/480-large_default/osmanthus-the-different-company.jpg

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Joop! Homme Wild


Joop! Homme Wild 

เพราะตัวต้นตระกูลเป็นหนึ่งในตำนานที่ถ้ารักจะหลงมาก ถ้าเกลียดจะสาปส่ง พอมีลูกหลานแตกแขนงออกมา สิ่งที่คนมักกลัวกันคือ มันจะเอาลักษณะของท่านตำนานมาด้วยหรือเปล่า เช่นนั้น งานนี้ต้องพิสูจน์ และผลที่ออกมา Joop! Homme Wild บอกแบบนี้เลย

เรียกว่าความเป็นต้นกระกูลจะเชื่อมโยงมาอยู่แน่นอนกับความหวานและการเป็นโทนดอกไม้สีขาวตามมาแน่ๆ ไม่ต้องห่วง แต่ว่ามันไม่ได้เอาความเป็นกลิ่นแนวๆ พลาสติกฉีดสีฉีดกลิ่นหอมลงในเนื้อที่กำลังโดนเผาไม้จนละลายเลย เพราะ Top Notes ความหวานของโทนเครื่องเทศที่ติดกลิ่นฟรุตตี้เล็กๆ จะมาเด่นในช่วงนี้จากพริกไทยสีชมพู โดยมีกลิ่นซิตรัสเบาๆ ให้พอรู้สึกได้ และมีโทนดอกส้มเบาๆเอาความเป็นต้นตระกูลมา แต่ไม่หนักและบาดจมูกเท่า ซึ่งเป็นเรื่องดีเลยที่กลิ่นเปิดไม่ชวนตกใจนัก แต่มันบอกถึงความยั่วยวนอย่างชัดเจน แล้วกลิ่นที่เริ่มเข้าสู่ช่วง Middle Notes จะมาด้วยการนำของเหล้ารัมที่จะเด่นเป็นสง่ามาเลย แต่ไม่ทิ้งความหวา่นในช่วงต้นไป โดยจะมีกลิ่นออกโทนไม้หอมนวลๆ แทรกรองพื้นด้านหลัง แบบลักษณะเหล้ารัมในบาร์ไม้และความหวานอวลนวลรายล้อม เรียกว่าเจ้าชู้กรุ้มกริ่มกันเต็มๆ ในช่วงนี้และมีความความเป็นแบดบอยที่สามารถรู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นรัมนี่จะเด่นเป็นสง่ายาวนานไปจนถึงช่วง Base Notes ที่จะมีกลิ่นยาสูบแบบนวลๆ หวานเบาๆ มาเสริมความเจ้าชู้ของรัมให้กลิ่นออกทางนวลขึ้น โดยยังมีกลิ่นไม้หอมที่เด่นขึ้นมาให้อารมณ์แบบแมนอบอุ่นกำลังดี กลิ่นมีความเซ็กซี่แบบที่ชวนซบแบบว่า จะมาปราบ Bad Boy ควรจะเข้ามาใกล้ๆ ยังไงยังงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็ใช้ได้แล้ว แต่อาจจะต้องเลือกสถานการณ์กันหน่อย เพราะกลิ่นมันมาชัดเจนในเรื่องของความยั่ว เจ้าชู้ และเซ็กซี่ ถ้าใส่ไปงานทางการคงไม่เหมาะนัก ยกเว้นใส่แบบทำงานในห้องแอร์ ทั่วๆ ไปแบบจำกัดสเปรย์ หรือยามโรแมนติคจะลงตัวพอสมควร งดใส่ออกกำลังกายและการอยู่กลางแดดและความร้อน กลิ่นจะจุกคอหอยคนรอบข้างเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจัดไปจ้า กลิ่นนี้เป็นกลิ่นแนวราตรีอย่างชัดเจนมาก ปล่อยของความเป็นหนุ่มแบดบอยได้ลงตัวเลย 

ความทน - ประมาณ 8 ชม. ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกกก ในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลางและเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ถือว่ากลิ่นนี้มีความดีงามตรงที่ไม่กระจายรอบตัวเป็นวงกว้างและมาแนวๆ กลิ่นมาก่อนคน คนไปแล้วกลิ่นยังอยู่แบบต้นตระกูล เลยทำให้ใช้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ที่แน่ๆ ตัวนี้มีมากกว่า Joop! Homme คือ ความเจ้าชู้แบบโจ่งแจ้งนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://nm7la41ve552c4hmd457nmg1.wpengine.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/2015/03/Joop_Homme_Flanker_Wild_Bad_Feels_So_Good_2013_SelectNY_Select_Rev.jpg

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Diesel – Fuel for Life Spirit


Diesel – Fuel for Life Spirit 

ถ้าบอกว่าตัวเทพของไลน์ Fuel for Life ของผู้ชายในด้านความทนถึกอึดกระจายกว้านไปหมดทุกช่วงตัวนี้ คงต้องยกให้ตัวล่าสุดที่พึ่งออกมาเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาอย่าง Diesel Fuel for Life Spirit ตัวนี้เลย เพราะว่ามาเต็มจัดหนักมาก เริ่มที่ 

Top Notes ปล่อยของกันเต็มๆ กับความเป็นเครื่องเทศกลั้วความเป็นซิตรัสของมะกรูด ซึ่งเอาจริงๆ ซิตรัวคือองค์ประกอบเท่านั้นเองให้กลิ่นมีความสดชื่นหน่อยๆ แต่ความเป็นเครื่องเทศจะมาเต็มสุดๆ เลยกับกลิ่นของอบเชย ซึ่งกลิ่นนี้จะเด่นตามไปยังทุกช่วงเลย โดยผ่านไปไม่นานก็เข้าช่วง Middle Notes กับความเป็นแป้งของไอริสที่จะมาแบบเคล้ากลิ่นอายสดชื่นของดอกส้ม ซึ่งแน่นอนความหวานเย้าของอบเชยตามมาแบบไม่ลดราวาศอก เรียกว่าพอผสมคลุกเคล้าจนเข้ากันเลยกลายเป็นโทนหวานเย้ายวนของอบเชยกลั้วแป้งติดดอกส้มแบบนวลๆ แฝงไปด้วยความอบอุ่นรองพื้น กลิ่นช่วงนี้เรียกว่าเป็นการผสมความเป็น Floral Oriental อย่างชัดเจน มีความแน่นในเนื้อกลิ่นสูงมาก แล้วกลิ่นอายอบอุ่นจะเริ่มฉายแสงขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้า Base Notes ที่กลิ่นอบอุ่นของแอมเบอร์จะมากลั้วกับกลิ่นของไม้หอมแบบแน่นเท่ห์ แต่จะรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายของโทนธูปหอมติดกลิ่นอบเชยที่ยังตามมาอยู่ กลิ่นอายจะมีความแมนเท่ห์อบอุ่นติดหวานเย้าแบบนวลแน่นอยู่ไม่หนีไปไหนเลยล่ะ ต้องยกนิ้วให้ตัวนี้เลย มาแรง มาเด็ด และเอาจริง

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยมหาลัยก็ใส่ได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องผ่านน้ำหอมแน่นๆ มากันซักหน่อยจะรับตัวนี้ได้ กลิ่นจะไม่ได้เหมาะกับช่วงกลางวัน ยืนกลางแจ้งอากาศร้อนหรือออกกำลังกายนักเพราะเอาตายรอบทิศ แต่จะเหมาะกับการใส่อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ฉ่ำๆ ใส่ออกงานทางการได้อยู่ในสเปรย์ที่เหมาะสม เพราะกลิ่นมีความอบอุ่นสูงมาก และแอบเย้ายวนเซ็กซี่ด้วย ส่วนยามทั่วๆ ไปใส่ได้อยู่แบบจำกัดสเปรย์ ยกเว้นอากาศหนาวๆ อัดได้ตามสะดวก ยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นนี้เรียกร้องความสนใจได้ดีมากกกกกตัวนึงเลยทีเดีย 

ความทน มากกกกกกกกก คือทนกว่าต้นตระกูลอีก ยาวนานไปถึง 15 ชม. แล้ว กลิ่นยังตีขึ้น 

การกระจาย โคตรกระจาย บอกแบบนี้เลยดีกว่า กลิ่นเปิดตีขึ้นแบบหนำใจไม่พอ ช่วงกลางเอารอบทิศกระจาย พอมาช่วงท้ายๆ จึงลดมากระจายดี ปานกลาง และออร่ารอบๆ ตัวตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย ตอนเทสว่าแรงแล้ว ใช่จริงแรงยิ่งกว่า กลิ่นเป็นบาเรียหุ้มรอบตัวประมาณเมตรนึงได้เลยบนผิวผม เพราะเจอคอมเม้นต์มาจากคนแปลกหน้า ขนาดใส่ในวันอากาศเย็นจัดยังกระจายดีขนาดนี้ ถ้าอากาศร้อนๆ คงฆ่าตายหมดแหงแซะ ของเขาแน่จริงๆ ครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.punmiris.com/himg/o.19293.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: M. Micallef – Ananda Dolce

M. Micallef – Ananda Dolce

เป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่ขวดหรูหราอลังการมาก ขวดธรรมดาว่าสวยมากแล้ว ยิ่งโซนขวดที่ประดับประดาด้วยเพชรแบบ Handmade เรียกกว่าโคตรของโคตรหรูเลยทีเดียว เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง กราบบบบบบบเลยดีกว่า แน่นอนว่าน้ำหอมเป็นแบรนด์ Niche อย่างชัดเจน และมีหลายรุ่นหลายไลน์ออกมากันให้รึ่มแล้วเช่นกัน ดังนั้นเปิดศักราชการรีวิวตัวแรกของแบรนด์นี้อย่าง Ananda Dolce เลยแล้วกัน 

ก่อนอื่นต้องบอกว่า Ananda Dolce ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบักจ่อย: อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม แต่เป็นหนึ่งในไลน์น้ำหอม ที่ชื่อว่า Ananda Collection โดยเป็นตัวล่าสุดของไลน์นี้ที่ปล่อยออกมา ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ไปแตะในเรื่องความเชื่อมโยงว่าไลน์นี้มาในรูปแนวแบบไหน เพราะยังไม่เคยได้ลองตัวอื่นๆ เข้ามาที่ตัวนี้เต็มๆ โดยเมื่อเปิด Top Notes ออกมากลิ่นแรกคือน้ำมันอัลมอนด์จะแหลมขึ้นมาก่อนเลย กลิ่นจะหอมหวานกันเต็มๆ ตั้งแต่ช่วงนี้ แต่ข้อดีคือ พีชที่จะเข้ามาอย่างไว มาผสมผสานให้กลิ่นโทนหวานในช่วงเปิดนี้เป็นกลิ่นอายที่สดชื่นและสดใสแทน เรียนกว่า 2 กลิ่นนี้จะเป็นคู่บุญให้น้ำหอมตัวนี้อย่างมาก เพราะสามารถทำเอาคนที่ฉีดเทสตกหลุมรักในความสดใสฉ่ำๆ หวานได้เลยทันที และอาจเสียตังค์ซื้อได้ถ้ามีกำลังทรัพย์ ส่งต่อให้ช่วง Middle Notes กลิ่นของอัลมอนด์จะซอฟท์ลงไปให้อารมณ์ออกแนวนวลจมูกมากขึ้น โดยที่จะมีโทนดอกไม้สีขาวต่างๆ แน่นอนว่าแอบจับได้ถึงมะลิและดอกส้มจางๆ แต่เป็นความดีอย่างนึงคือ พีชที่ไม่หนีไปไหน ยังตามมาให้ความหอมฉ่ำสดชื่นอย่างเคย เป็นตัวเอกของกลิ่นกันเลยทีเดียว ในช่วงนี้กลิ่นจะบอกอารมณ์อย่างชัดเจนคือสีชมพูอ่อนที่หวานแกมสดใส หอมหวานแบบติดผลไม้และดอกไม้อย่างลงตัว มีความหรูหราปะปนอยู่และไม่มีคำว่าแป้งมารบกวนให้รำคาญใจแต่ประการใด และปิดท้ายที่ Base Notes กลิ่นโทนหอมหวานลูกผสมอัลมอนด์และพีชล้อมด้วยโทนดอกไม้จะเบาลงไปมาก แต่ยังอยู่แบบบางๆ ผสมกับกลิ่นอายของ Musk ให้ออกทางนุ่มสะอาดติดหวานหน่อยๆ มีความอบอุ่นครีมมี่นวลๆ ในเนื้อกลิ่นกำลังดีลากยาวจนหายไปจากผิวนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงเลยจ้า ทุกเพศวัย ม.ต้น ก็ใส่ได้แล้ว เรียกว่าเป็นน้ำหอม Niche ก็จริง แต่มันใช้ง๊ายยยยง่ายยยย เป็น Niche ที่ให้โทนหอมหวานสดชื่นตามธรรมชาติเสียมาก โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นชวนให้คนรู้สึกสดชื่นหอมหวานไปด้วย ออกกำลังกายอาจจะพอได้แต่ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า และยามค่ำคืนก็พอได้ แบบทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรีอาจจะต้องอัดหน่อย และเลือกสถานที่ไป ที่สามารถแสดงความใสน่ารักหอมหวานได้ด้วย เพราะกลิ่นมันแอบมีความหรูอยู่ ถ้าใส่ไปแล้วเต้นรากแตก ดิ้นเป็นปลาช่อนขาดน้ำ มันคงไม่เข้าทางกับกลิ่นนัก ส่วนผู้ชาย เอาจริงๆ กลิ่นไม่ได้เข้าทาง แต่ถ้าใส่พอดีๆ ไม่เน้นจำนวนสเปรย์มากเกินไป ก็ไม่ได้สาวจัดเกินกว่าเหตุนัก 

ความทน เพราะกลิ่นค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติสูง ความทนเลยอยู่ที่ประมาณ 6 ชม. ถ้าจำนวนสเปรย์มากขึ้นสามารถลากยาวไปที่ 8 ชม. ได้อยู่ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวหอมหวานตีขึ้นให้รับรู้ตลอดในช้วงกลาง และปิดท้ายที่ Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย กลิ่นน่ารักมากกกกกกครับ ตอนผมแต้มช่วงแรกก็ตกใจ มันส๊าวววววสาวววว แต่พอพีชมาเท่านั้นแหละ สาวนะ แต่หอมจริง สดชื่นอมหวานฉ่ำๆ เลย จุดนี้หาได้แคร์ไม่ถ้าใครจะบอกว่าผมใส่น้ำหอมผู้หญิง ก็มันหอมนี่นา 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.mmicallef.com/shop/113-thickbox_default/ananda-dolce-by-mmicallef.jpg

Review: Bond No.9 – Andy Warhol

Bond No.9 – Andy Warhol

ถ้าพูดถึง Andy Warhol แน่นอนว่าเขาคนนี้เป็นหนึ่งในตัวพ่อตัวแม่ทางด้านศิลปะแบบ Pop Art ที่ได้รับการยกย่องแบบที่สุดตั้งแต่ช่วงปี 60 เป็นต้นมา แม้กระทั่งเสียชีวิตไปแล้วก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลอย่างทางทางด้านศิลปะอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่า Bond No.9 ก็ไปทำข้อตกลงกับมูลนิธิของ Andy Warhol ทางด้าน Visual Art เพื่อมาทำน้ำหอม Tribute ให้ออกมาทั้งหมด 6 รุ่น ซึ่งเมื่อได้ลองตัวท้ายสุดที่ชื่อรุ่นเอาชื่อและนามสกุลของคนที่จะ Tribute มาเต็มๆ จึงมาบอกเล่าว่า 

เปิดตัวที่ Top Notes กับความรู้สึกสีออกโทนม่วงกันเลยทีเดียวเพราะกลิ่นลูกพลัมติดหวานนิดๆ จะมาโดดเด่นมาก โทนซิตรัสที่มาในช่วงต้นจะมาแบบเป็นตัวช่วยให้กลิ่นอายพลัมไม่เข้มเกิน เพราะมีความสดชื่นเข้าไป แถมด้วยกลิ่นอายออกทางไม้หอมอ่อนๆ รองพื้นด้านหลัง ซึ่งต้องบอกว่ากลิ่นพลัมนี่จะตามไปเด่นในช่วง Middle Notes ด้วย โดยทีกลิ่นของ Oud จะมาผสมผสานในช่วงนี้ก็จริง แต่ไม่ได้มาเด่นจัดแบบแน่นอวลตามประสาขนาดนั้น เพราะกลิ่นพลัมมาเบรกเอี๊ยดเอาไว้ แถมกุหลาบกับโทนดอกไม้จะดันขึ้นมาหอมละมุนกำลังดี มีพิมเสนรายล้อมหอมนวลกำลังงาม เลยทำให้ช่วงนี้เป็นกลิ่นพลัมกลั้ว Oud เย้าๆ ด้วยกุหลาบพิมเสนได้ลงตัวมาก ไม่หวานเกินไป เย้ายวนแบบติดเจ้าชู้หน่อยๆ โดยแอบมีโทนอบอุ่นรองพื้นให้รู้สึกได้ ซึ่งเพียงไม่นานกลิ่นอายอบอุ่นของวานิลลาจะเผยตัวขึ้นมาจจนเข้า Base Notes ที่กลิ่นวานิลลาจะไม่ได้มาแบบขนมเลย มาแบบออกโทนแป้งหน่อยๆ โดยมีกลิ่นของไม้จันทน์หอมมาผสมผสานแบบไม้หอมนวลกำลังดี สิ่งที่เด่นขึ้นมาอีกตัวคือโทนธูปยางไม้อย่าง Frankincense ที่ทำให้วานิลลากลั้วกลิ่นไม้หอมติดพิมเสนจากช่วงกลาง ทำให้กลิ่นในช่วงนี้อยู่ระหว่างความเป็นกลิ่นอายอบอุ่นติดแมนๆ มีความน่าค้นหาติดลึกลับกำลังดี และมีความ Unique แบบมีคลาสในเนื้อกลิ่นที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ดันน่าสนใจไปตลอดนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย คือกลิ่นอายของพลัมค่อนข้างอยู่ตรงกลางมากพอที่ทำให้ผู้ชายและผู้หญิงทุกเพศมาใส่ตัวนี้ได้ โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ โดยของดใส่ออกกำลังกายและออกกลางแจ้งจะดีมาก ไม่งั้นตีขึ้นหนำเอาแน่ๆ ส่วนยามค่ำคืนถือว่าจัดได้หมด กลิ่นออกแนวเย้ายวนก็ได้เลย ออกแนวกลิ่นอายแบบมีระดับมากพอที่จะทำให้คนรู้ว่า การเย้ายวนแบบมีชั้นเชิงมันเป็นเช่นนี้ 

ความทน ปรบมือให้เลย เกิน 8 ชม. แน่นอน ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 15 ชม. กับ 5 สเปรย์สบายๆ การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้นและค่อนข้างคงตัวไปเรื่อยๆ จะมีลดระดับมาที่กระจายกลางๆ อยู่ แต่ก็ถือว่ากลิ่นยังคงทำหน้าที่ได้ดีงาม มีช่วงท้ายๆ ที่เป็นออร่ารอบๆ ตัวที่ยังมีให้รู้สึกได้เรื่อยๆ 

ทิ้งท้าย กลิ่นดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แบบซ่อนมิติของเนื้อกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นพลัมที่มาแบบมีระดับจนผมเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นกลิ่นที่ผู้ชายใส่แล้วออกแนวปล่อยของได้ ไม่ผิดหวังที่ได้มีโอกาสลองครับ 
หมายเหตุ: 1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://fimgs.net/images/secundar/o.16339.jpg