Nishane - B-612
จากจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมอมตะที่สร้างความประทับใจระดับโลกอย่างเจ้าชายน้อย (Little Prince) ของอองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี ที่อย่างน้อยควรได้สัมผัสและอ่านเพื่อได้ความลึกซึ้งและการหาความหมายของชีวิต ซึ่งไม่ว่าใครก็ต่างมีความเป็นเจ้าชายน้อยในตัวเองเสมอ สู่การสร้างสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ตุรเคียอย่าง Nishane ที่เอาสิ่งที่น่าสนใจในการเป็นจุดเริ่มต้นของเจ้าชายน้อยทั้งในวรรณกรรมและความเป็นจริงมาบรรจบกันได้อย่างสวยงามใน Concept ไม่น้อยนั่นคือ ดาวเคราะห์น้อย B-612 ที่เป็นดาวของเจ้าชายน้อย และการค้นพบด้วยนักดาราศาสตร์ชาวตุรเคียถึงดาวเคราะห์น้อย B-612 ที่มีจริงๆ บนท้องฟ้าและอวกาศอันกว้างใหญ่นี้
และ Nishane เองก็ไม่ธรรมดาสร้างสรรค์น้ำหอมที่สื่อสารออกมาถึงเรื่องเจ้าชายน้อย ออกมาถึง 2 กลิ่น โดยจับรวมกันเป็น Imaginative Collection - Le Petit Prince ซึ่งแน่นอนว่า B-612 เป็นหนึ่งใน Collection นี้ ที่จะสื่อสารถึงดาวเคราะห์น้อยของเจ้าชายน้อยที่เติบโตมาผ่านจินตนาการทางด้านกลิ่นในการจับลงสู่ขวด ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเป็นอย่างไรให้ความรู้สึกแบบไหนนั้น มาว่ากันดีกว่า ส่วนอีกกลิ่นที่เป็นการเล่าถึงดอกกุหลาบอันเป็นที่รักอย่าง Vain & Naive ค่อยมาว่ากันทีหลัง
B-612 เปิดต้นกลิ่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นแบบอ่อนๆ แต่มีความอบอุ่นนุ่มนวลแฝงในเนื้อกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนมาก โดยแกนหลักของกลิ่นแทบไม่ต้องเดาอะไรให้มากความเลยนั่นคือ โทนไม้หอม จะเป็นแกนหลักของกลิ่นแน่นอนและมั่นใจได้ ซึ่งกลิ่นเปิดค่อนข้างมีความเฉพาะตัวพอสมควรเพราะจะเป็นโทนลาเวนเดอร์ที่มีความเขียวกึ่งน้ำในแจกันดอกกุหลาบ แต่จะมีกลิ่นออกทางไม้แห้งๆ แกมกลิ่นปร่าออกทางยางสนที่เป็นสไตล์กลิ่นของสนไซเปรสที่จะได้ความรู่สึกสว่างๆ เข้ามา ทำให้กลิ่นเปิดอารมณ์กลิ่นอยู่ตรงกลางพอดีระหว่างความนุ่มนวลละมุนๆ ที่มีความเป็นไม้หอมปร่าสะอาดๆ แกมกลิ่นสดชิ่นติดเขียวกึ่งกุหลาบบางๆ ซึ่งถือว่าเนื้อกลิ่นให้อารมณ์ที่มีความ Classic เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วยให้จับต้องได้
การเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดเจนมากขึ้นโดยที่ความเป็นลาเวนเดอร์กับโทนไม้สนไซเปรสยังคงอยู่ แต่ลดทอนความสดชื่นลงไปกลายเป็นกลิ่นโทนที่มีความอบอุ่นมากขึ้น โดยความเป็นไม้หอมที่เด่นชัดมาก แล้วยังมีความเป็นลูกผสมของกลิ่น Musky เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นกลิ่นของสารหอมติดอวลที่ให้อารมณ์เหมือนกลิ่นออกทางเสื้อผ้าทอที่อบอุ่นแกมกลิ่นไม้หน่อยๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะของ Cashmeran ที่มาผนวกกับกลิ่นไม้ซีดาร์ที่ให้ความปร่าขรึม เสริมด้วยความไม้หอมมิลค์กี้โทนสว่างครีมของไม้จันทน์หอมแกมกลิ่นพิมเสนปร่าระเรื่อ ซ่งเมื่อมาผนวกกับโทนลาเวนเดอร์จะได้อารมณ์ 3 โทนประสานหลักๆ อย่างไม้หอมอวลๆ แกมกลิ่น Musky Amber อบอุ่น และมีความเป็นแป้งลาเวนเดอร์เสริมให้กลิ่นมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้กลิ่นมีความสว่างแกมนุ่มนวลและอบอุ่นอวลๆ ที่ชัดเจน ซึ่งแม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ถึงกับซับซ้อนมาก แต่มีความลุ่มลึกที่ให้ความอบอุ่นสว่างนวลกำลังดีที่สร้างความประทับใจได้ไม่ยากเช่นกัน
เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีความอวลไม้หอมแกมกลิ่นที่น่าค้นหาและเริ่มแตะในเรื่องความผ่อนคลายที่เข้ามาให้รู้สึกได้ แต่ก็ยังคงมีน้ำหนักในเนื้อกลิ่นในด้านความอบอุ่นอยู่ เนื้อกลิ่นจะเริ่มจับต้องได้ถึงความเป็น Woody Musky ที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ Cashmeran กับไม้ซีดาร์และพิมเสนที่ยังคงอยู่เท่านั้น แต่จะมีตัวเสริมชั้นดีอย่าง Ambroxan ที่เข้ามาให้ความอบอุ่นในเนื้อกลิ่น สร้างน้ำหนักในกลิ่นและให้พลังแบบไม่โจ่งแจ้งแบบเนียนๆ ซึ่งจะมีกลิ่นออกทางนุ่มๆ ของ Musk มารองรับในแง่ของกลิ่นโทนสว่าง และมี Oak Moss มาตัดทอนให้กลิ่นออกทางเขียวเข้มแกม Classic ให้มีความน่าค้นหาและแอบมีกลิ่นออกทางติดหวานแกมถั่วที่จะกึ่งวานิลลาก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นของถั่วตองก้าทำให้กลิ่นมีความอบอุ่นแกมหวานแบบกำลังดีมีเสน่ห์แบบที่ได้ความร่วมสมัยในการใช้งาน เป็นการปิดท้ายกลิ่นที่คุมโทนความอบอุ่นนุ่มนวลและมีเสน่ห์ได้อย่างลงตัวตั้งแต่ต้นยันปลายจริงๆ
เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ได้หมดทุกเพศ เพียงแต่เนื้อกลิ่นไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นตัวเจ้าชายน้อย แต่บอกถึงสภาพแวดล้อมบนดารเคราะห์ กลิ่นเลยจะไม่ได้เหมาะกับเด็ก แต่จะแตะตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืนได้เลยไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วไป แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายนักเพราะกลิ่นไม่ได้มาสายสดชื่นเท่าไหร่ ยกเว้นรอช่วงท้ายๆ อันนี้ได้อยู่ รวมถึงใส่ท่องราตรีถ้าอัดสเปรย์ก็ไม่ติด เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้มาสายปล่อยพลังรอบทิศหรือเรียกร้องความสนใจก็เท่านั้น
ความทน - เรียกว่าดีงาม เพราะว่าขั้นต่ๆที่เจอก็ 8 - 10 ชม. และยาวนานที่สุดก็ติดผิวจนข้ามไปอีก 1 วัน แม้ว่าจะอาบน้ำล้างตัวจนนอนไปจนถึงเช้าแล้วก็ตาม เรียกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลย
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วไม่เกิน 15 นาทีก็จะลดลงมาที่ปานกลางกันยาวๆ ไปจนถึงชั่วโมงที่ 5 ก่อนที่จะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแล้วคงความเสถียรต่อไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 8 - 10 แล้วแต่บุคคล ถึงลงมาติดผิว
สรุป - ภาพรวมทั้งหมดในเนื้อกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบ สิ่งที่ได้ในความรู้สึกเลยนั่นถือ เหมือนสถานที่อบอุ่นที่มีความนุ่มนวล และโทนสีสว่างในโทนแบบสีเอิร์ธโทนตั้งแต่เฉดขาวครีมยันน้ำตาลอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แม้ว่าจะอบอวลแต่ก็ไม่โฉ่งฉ่างจัดจ้าน ทุกอย่างให้ความสมดุลย์ทางกลิ่นที่พอเหมาะ และถ้าจะต้องนึกถึงสถานที่อย่างดาวเคราะห์ B-612 ที่เจ้าชายน้อยเกิดและเติบโตขึ้นมา ก็เข้าทางที่จะต้องเป็นสถานที่ที่มีความอบอุ่นแบบนี้ได้ไม่ยาก
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://nishane.com/product/b-612/