Jo Malone - Pomegranate Noir
เปิดตัวกลิ่นอายความเป็น Jo Malone ที่แตกต่างแต่ยังคุมสไตล์ของแบรนด์ได้อย่างดีในปี 2005 อยู่มาพอสมควร ก็โดนจับไปรวมเป็นหนึ่งใน Limited Collection อย่าง Rock The Ages ในปี 2015 พอหมดระยะ Limited ก็กลับมาสู่การอยู่ไลน์ปกติในการผลิตเพื่อวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ ซึ่งทำให้อยากพิสูจน์ว่า Pomegranate Noir ต้องมีดีอะไรแน่ๆ ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ กลิ่นนี้ค่อนข้างฉีกจากการเป็นสไตล์ Jo Malone พอสมควร เช่นนั้น เมื่อได้ลองจึงได้รู้ว่า
Pomegranate Noir เปิดตัวที่กลิ่นอายสไตล์ Fruity ที่ค่อนข้างชัดเจนในการสื่อสารถึงคำว่า Pomegranate และคำว่า Noir ได้อย่างน่าสนใจ เพราะกลิ่นอายของ Pomegranate หรือลูกทับทิม จะค่อนข้างชัดเจน เพราะจะให้ความเปรี้ยวเจือหวานปลาย และให้อารมณ์คล้ายไวน์แดงเจือเมทัลลิคหน่อยๆ แต่ในเนื้อกลิ่นจะมีความเปรี้ยวติดเบอร์รี่ของผักรูบาร์ปที่ทำให้กลิ่นมีความเปรี้ยวสดชื่นตีคู่ไปกลับกลิ่นโทนราสเบอร์รี่ที่ให้โทนสีแดงออกทางหวานหอมเป็นเลเยอร์ชั้นบนสุดที่ให้โทนสีแดงสร้างลักษณะของการเป็นกลิ่นอายทับทิมได้อย่างดีมาก แต่เนื้อกลิ่นสายผลไม้แค่ช่วงต้นไม่ได้มีเพียงแค่นี้เพราะความ Noir ที่เป็นตัวรองพื้นอย่างกลิ่นลูกพลัมที่จะให้โทนฉ่ำหวานนัวให้โทนสีเข้มๆ เคล้ากับกลิ่นออกทางเครื่องเทศโทนปร่าซ่าบางๆ สนับสนุนกลิ่นโทนผลไม้สีแดงในช่วงต้น ทำให้อารมณ์กลิ่นที่ได้จะไล่เรียงกันจากแดงใสมาสู่แดงเข้มปนม่วงนัวเจือซ่าอ่อนๆ ได้อย่างลงตัวมากเลยทีเดียว
เมื่อเนื้อกลิ่นโทนผลไม้สีแดงในช่วงต้นเริ่มลดทอนลงมา และเนื้อกลิ่นมีความเป็นโทน Spicy ที่ให้ความปร่าเจือเผ็ดซ่าปนนุ่มมากขึ้น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่กลิ่นอายโทนผลไม้สีแดงจะมีความแห้งมากขึ้น และมีสายสนับสนุนแบ่งออกมาเป็น 3 โทน คือ กลิ่นอายโทนดอกไม้ที่เด่นของกลิ่นอาย Spicy ติด Waxy หน่อยๆ ของลิลลี่ รวมถึงกลิ่นอายกุหลาบที่ให้ความเป็นโทนสีแดง เชื่อมโทนกลิ่นอายของเครื่องเทศอย่างพริกไทยสีชมพูที่ให้ลักษณะเจือกลิ่น Floral ออกทางกุหลาบหน่อยๆ เจือความมีมิติของพริกไทยอ่อนๆ ที่มีความนุ่มนวล ความปร่าที่จับได้ช่วงต้นยังมีอยู่และชัดเจนมากขึ้นทำให้จับต้องได้ถึงกลิ่นอายของกานพลู รวมถึงเชื่อมโทนกับกลิ่นอายโทน Woody Incense ที่ให้ความ Peppery อ่อนๆ กึ่ง Somky ของ Frankincense และไม้ Guaiac ที่ให้ความอวลปนเย้ายวนสร้างออร่าความนัวภายใต้กลิ่นอายผลไม้ที่ให้โทนสีแดง ซึ่งผสมผสานกันจนได้อารมณ์สีแกงออกทางกำมะหยี่ Velvet ได้ค่อนข้างชัดเจนในช่วงนี้
เมื่อกลิ่นโทนไม้หอมแนวๆ โปร่งๆ มีความปร่าหน่อยๆ ของไม้ซีดาร์เริ่มที่จะเปิดตัวออกมาพร้อมกับโทนอ้อยอิ่งปนหวานเจือดาร์กนัวที่เกลากลิ่นมาอย่างดีไม่ได้ไปสายสมุนไพรจนเกินไปของพิมเสน ก็เป็นการนำเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเป็นช่วงของการนำเสนอความเป็นโทนไม้หอมเด่นนำแทนโทนผลไม้ที่เริ่มเป็นโทนสนับสนุนให้ออร่าความเป็นโทนสีแดงรายล้อมอยู่ โดยที่กลิ่นไม้หอมที่มีโทนสะอาดนุ่มอ่อนๆ ของ Musk ที่ติดโทนอบอุ่นหน่อยๆ มาผสมผสาน ให้พิมเสนผู้นำกลิ่นอายสายนัวพร้อมพรรคพวกสายเดียวกันที่ตามมาตั้งแต่ช่วงกลางอย่างโทน Incense กับ Smoky ที่ลดทอนมาให้ออร่ามีเสน่ห์และน่าค้นหากำลังดีในกลิ่น ซึ่งภาพรวมจะยังคุมโทนกลิ่นอายที่เป็นสีแดงอยู่เช่นเดิม แต่เพิ่มความน่าค้นหาปนเสน่ห์กลิ่นออกทางไม้หอมติดนัวกำลังดีมีความเป็นสไตล์ Cologne ที่ไม่หนักหน่วงของแบรนด์ โดยเพิ่มเสน่ห์กลิ่นอายสายสีแดงที่มีระดับและหรูหราและแตกต่างจากตัวอื่นๆ ของแบรนด์ได้อย่างดีงามเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงเอาไว้ว่า Unisex แต่เพราะโทนกลิ่นที่ให้ความเป็นผลไม้สีแดงเลยจะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าราวๆ 70% แต่เพราะ Base Notes มันเป็นโทนไม้หอมเด่นเลยมีช่วงที่เป็น Unisex ได้อยู่ ซึ่งผู้ชายก็ใช้ได้ถ้าไม่เคอะเขินอะไร โดยกลิ่นนี้สามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลย กลิ่นมีความหรูหราและมีระดับอยู่แล้ว จึงเข้าได้กับทั้งการใส่เพื่อออกงาน ใส่แบบทั่วๆ ไป รวมถึงใส่ทางการก็พอได้ (แต่เลือกสถานการณ์หน่อยก็ดี) ตลอดจนการใช้ยามค่ำคืนที่เน้นไปทางออกงานหรู ดินเนอร์ หรือท่องราตรีแบบมีระดับที่เน้นจิบและพูดคุย มากกว่าจะเต้นรากแตกลืมลุค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการจริงๆ
ความทน - เป็น EDC ที่ความทนเกินคาดที่สุด และทนเป็นลำดับต้นๆ ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. ได้เลย อาจจะมีบวกลบราวๆ 2 ชม. ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วย ส่วนตัวบอกเลยว่าดีงามมาก เพราะความทนลากไปที่ 12 ชม. ได้เลยทั้งๆ ที่เป็นวันที่อากาศร้อนๆ และเหงื่อซึมๆ ตลอดวัน
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้นที่ให้ความเป็นสีแดงไล่เลเยอร์ความแดงจากใสสู่เข้ม ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ให้ความเป็นแดงเข้มกำมะหยี่หน่อยๆ แล้วกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายที่ให้ความเป็นโทนสีแดงที่โปร่งมากขึ้น แต่ยังมีความเป็นเลเยอร์โทนดาร์กนัวเย้ายวนมีระดับดึงดูดเจือปนไปตลอด
สรุป - Pomegranate Noir เป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายที่เอาความเป็นสายเรียบหรูของ Jo Malone มาใส่ความเท่ห์และเก๋เข้าไปจนได้กลิ่นอายที่มีความเป็น Jo Malone ในรูปแบบที่มีความเป็น Niche Perfumery ก็ได้ เป็นกลิ่นอายที่เรียกลูกค้าอื่นๆ ที่ชอบกลิ่นอายที่มีสไตล์เฉพาะแตะทั้งความชอบสไตล์เดิมแต่เพิ่มเติมความ Unique เข้าไปในกลิ่นให้ได้อะไรใหม่ๆ ก็สามารถ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.lookfantastic.com/jo-malone-london-pomegranate-noir-cologne-various-sizes/12079070.html