Christian Dior – Dior Homme Sport 2017
เมื่อมีข่าวประกาศออกมาว่า Dior Homme Sport จะปรับสูตรเป็น Generation ที่ 3 ก็เรียกว่าได้ลุ้นกันเลยทีเดียว ว่าจะเสียดายหรือว่าปรบมือให้กับ Gen ใหม่ ที่จะออกมาเพราะว่ารุ่นปี 2008 มันดีงามสดชื่นสุดๆ และรุ่นปี 2012 เป็นรุ่นที่มีความเชื่อมโยงกับความเป็นไลน์ Dior Homme ที่จะออกแนวสำอางเมโทรได้ดีเลยทีเดียว เมื่อมีโอกาสได้มาจัดไปสิ อยากรู้มากมายเลยทีเดียวว่าจะออกมาเป็นลักษณะไหน
เปิดตัว Top Notes ชัดเจนมากกับการเป็นโทน Citrus ที่มาสายสดชื่นกันก่อนเลย เพียงแต่ว่าเนื้อกลิ่นจะมีความกึ่งแห้งกึ่งฉ่ำ เพราะจับได้ถึงโทน Fruity บางอมหวานเจือเป็นตัวเสริม ซึ่งกลิ่นจะไม่คมนัก มีลักษณะแบบเป็นโทน Sport ที่มีความลักษณะแบบ Watery ที่แบบคล้ายโทนน้ำเจือกลิ่นหวานรองอยู่ และที่แน่ๆ คือ กลิ่นโทน Fresh Spicy ของโทนเครื่องเทศแบบโทนโปร่งติดเผ็ดปร่าอวลนวล ที่จะแทรกขึ้นมาตีคู่กับโทนสดชื่นได้ไวมาก โดยจะดึงเข้าช่วง Middle Notes ที่จะเป็นการผสมผสานความเป็นโทนเครื่องเทศแบบโปร่งผสมอวลหน่อยๆ กลิ่นเลยจะเป็น Citrus ที่มีความหนาขึ้น แต่ไม่ได้แน่นมากกับความเป็นกลิ่นติดโทนเบอร์รี่จางๆ ปนเครื่องเทศอย่างพริกไทยสีชมพูที่มีกลิ่นของเม็ดจันทน์เทศมาตัดทอนให้มีความเป็นไม้หอมติดเผ็ดนุ่มเจือ เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้แบ่งภาคผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยที่จะจับได้ทั้งความสดชื่นแบบ Citrus ความเย้ายวนโปร่งติดหวานของเครื่องเทศ และความนุ่มของไม้หอมที่จะเริ่มเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งต่อให้ Base Notes ที่กลิ่นจะเริ่มเป็นกลิ่นอายนุ่มเท่ห์ๆ ด้วยการเป็นไม้จันทน์หอมที่นุ่มนวลแกมอบอุ่น มีกลิ่นไม้แห้งๆ ที่ติดหวานเจือจางๆ ของหญ้าแฝกแบบไม่มีความเป็น Smoky มาทำให้กลิ่นหอมแห้งๆ สะอาด โดยที่จะยังสัมผัสได้อยู่ว่ากลิ่นโทนสดชื่นจะยังคงอยู่กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึก Sport ติดหรูหรากำลังดีและมีความลงตัว
เปรียบเทียบ – จาก 3 Generations ต้องบอกว่า กลิ่นเปลี่ยนโทนกันอย่างชัดเจน โดยอิงที่ความเป็นน้ำหอมโทนSport ซึ่งรุ่น 2017 จะเอาลายเซ็นของความเป็น Dior Homme ที่จะมีโทนเครื่องสำอางแบบติดแป้งของไอริสมาน้อยลง ตัดออกให้มีความเป็น Sport แบบเย้ายวนมากขึ้น โดยอิงที่ความเป็นเมโทรของเนื้อกลิ่นที่เป็นไปตามยุคสมัยที่เน้นความหวานมาเจือ โดยที่ความสดชื่นยังเป็นตัวตั้งต้น ให้ความเย้ายวนแบบมีระดับติด Sport แถมด้วยความเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น มาแทนที่ความเรียบหรูดูหล่อจัดติดหวานท่ามกลางความ Sport ที่เคยมีในรุ่นก่อนหน้านี้
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อน มีความสดชื่นกลั้วความฉ่ำกำลังดี ไม่ได้ถึงกับติดหรูหราเกินไปจนเข้าถึงได้ยาก แต่มีความคูลเท่ห์เมโทรแบบติดลุยมากขึ้น โดยสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยแบบว่ากวาดหมดทั้งทางการและไม่ทางการ เรียกว่ายังไงก็รอด ส่วนยามค่ำคืนถ้าเป็นใส่แบบโรแมนติค หรือเที่ยวสบายๆ ก็จัดได้ แต่ถ้าจะเอาไปเน้นปล่อยของยามค่ำคืนอาจจะต้องอัดสเปรย์น่าดูชมกันพอสมควร
ความทน – เรียกว่ามีดีตรงนี้ ยอมให้เขาจริงๆ กับความทนที่ประมาณ 8 ชม. ขึ้นไป อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดมที่ฉีด ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์แบบกดเต็มรวมฉีดเสื้อด้านหน้า
การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว ในช่วงท้าย แล้วลดลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านราวๆ 8 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent
ทิ้งท้าย - สิ่งแรกที่เกิดจากการใช้งาน ต้องลบภาพสิ่งที่เคยได้ลองเพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบก่อน ซึ่งกลิ่นนี้ถ้าไม่ได้มองความดีงามของรุ่นก่อนหน้านี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีสมกับการแปะแบรนด์ Dior เข้าไป เพราะมีความสมดุลทั้งสดชื่น Sport เย้ายวน เท่ห์ และนุ่มจมูก แต่ถ้าเทียบกับของเก่า มันลดระดับความเชื่อมโยงไปบ้างก็เท่านั้นเอง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Credit ภาพ - https://www.punmiris.com/himg/o.51475.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น