วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Parfum Prissana - Ma Nishtana

Parfum Prissana - Ma Nishtana

Ma Nishtana (The Four Questions) เป็น 2 คำแรกจากประโยคเต็มในภาษาฮิบรู Mah nishtanah, ha-laylah ha-zeh, mi-kol ha-leylot ที่ถ้าแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษก็คือ Why is tonight different from all other nights? ซึ่งเป็นท่อนแรกของเพลงที่เอาไว้ร้องกล่อมเด็กของชาวยิว และรวมถึงเป็นเพลงที่ใช้ในการสอนเรื่องราวเกี่ยวกับไบเบิ้ล  ซึ่งเพลงนี้ได้มีการแปลออกมาเป็นภาษาต่างๆ ราว 300 กว่าภาษาเลยทีเดียว

และ Ma Nishtana ก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นของแบรนด์ Parfum Prissana ที่อ้างอิงถึงเพลง Had Gadya ที่ปรากฎบนภาพยนต์เรื่อง Free Zone ที่ Natalie Portman นำแสดง (โดยเพลงจะประกอบฉากร้องไห้บนรถอันทรงพลังและถึงอารมณ์มากของตัวละคร Rebecca ที่ Natalie แสดง) โดยจะสื่อสารผ่านโทน Incense หรือธูป เน้นไปที่ยางไม้อย่าง Olibanum หรือ Frankincense เช่นนั้น จะถ่ายทอดออกมาอย่างไร ว่ากันตามนี้เลย

Frankincense จะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นที่เป็นเสมือน Center Notes โดยจะให้อารมณ์พื้นฐานของการเป็นกลิ่นโทน Incense เป็นสำคัญ แต่จะปรับเปลี่ยนกลิ่นสนับสนุนเพื่อสร้างอารมณ์และมิติกลิ่นที่แตกต่างแบบค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละช่วง โดยจะเปิดตัวที่การเป็นกลิ่นอายสาย Spicy Incense กันก่อนในช่วงต้น ซึ่งกลิ่นจะมีความเผ็ดปร่าออกมาค่อยข้างชัดเจนมาก จากโทนกลิ่นสายเครื่องเทศอย่างกานพลู อบเชย เม็ดจันทน์เทศ พริกไทย โดยมีตัวเชื่อมโทนหลักอย่างพริกออลสไปซ์ (ที่ให้ความเผ็ดปร่าแบบกานพลู ซ่าเจือหวานแบบอบเชย และกลมกล่อมแบบลูกจันทน์เทศ) และเสริมด้วยกลิ่นออกทางสบู่ฟุ้งพุ่งๆ ของ Aldehydes ที่สร้างความเผ็ดปร่ากึ่งสดชื่นเจืออุ่นหวานเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นออกมาก่อนเลย แล้วระหว่างการรับกลิ่นสายเครื่องเทศจะมีอารมณ์กลิ่นเผ็ดติดยางไม้ที่มีกลิ่นออกทางผลไม้กึ่งเขียววูบขึ้นมาเนียนๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งนั่นก็คือ Frankincense ตัวเอกหลักของเรานี่เอง ที่มาเสริมให้มิติกลิ่นมีความเป็น Spicy Incense ที่ชัดเจน โดยที่กลิ่นไม่ได้พุ่งคมบาดหรือว่าฟุ้งหนักหน่วงเกินไป ให้ความปร่าเผ็ดปนลุ่มลึกมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด โดยไม่ได้ไปสายเย้ายวน แต่เป็นสายสุขุมนิ่งและมีพลังแบบขรึมขลัง รวมถึงบ่งบอกถึง Signture ของสุคนธกรได้ชัดเจนมากในการนำเสนอโทน Incense ลักษณะนี้

เพียงไม่กี่อึดใจ การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงกลางเริ่มชัดตรงที่กลิ่นโทนเครื่องเทศปร่าเผ็ดฟุ้งๆ ตอนแรกจะเบาลงมาหน่อย แต่ให้กลิ่นที่มีความนุ่มนวลมากขึ้น เพราะมีโทนออกทางติดฝาดปร่าเผ็ดของพริกไทยสีชมพูเคล้ากับกุหลาบเริ่มมาตัดทอน แต่ความเป็นเครื่องเทศก็ไม่ได้จบลงเพราะจะมีลูกสนับสนุนออกมาเพิ่มอย่างโทนเผ็ดหวานปนกลิ่นโทน Animalic คล้ายเหงื่อของยี่หร่าและกลิ่นขมปนหวานลึกของหญ้าฝรั่นเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะตีคู่ไปกับกลิ่น Frankincense ที่เริ่มมีโทนออกทางควันเคล้ายางไม้มากขึ้น อารมณ์กลิ่นเริ่มเป็นแบบ Frankincense ที่มีมิติความลุ่มลึก ซับซ้อน ขรึมและขลัง โดยที่มีความดาร์กลึกในเนื้อกลิ่นชัดขึ้นตีคู่กับกลิ่นอายเครื่องเทศที่มีความปร่าเผ็ดเจือหวานอย่างสมดุลย์ และบางวูบจะจับต้องกลิ่นอายไม้หอมติดจืดหอมเจือพิมเสนปลายกลิ่นอยู่ด้วย ซึ่งยิ่งเติมเต็มเข้าไปเพิ่มอีกและเริ่มกลายเป็นกลิ่นออกทาง Oriental Woody ที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ โดยยังมีความขรึมขลังชัดเจนอยู่ทุกสโตรกเลย

แล้วเมื่อการเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดเจนมากขึ้นเพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนอบอุ่นเสริมขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นโทนหนังติดเข้มเจือ Smoky ที่จะมาเสริมเป็นฐานให้กลิ่นโทนธูปยางไม้ Incense ติดปร่าเคล้าควันของ Frankincense เป็นเลเยอร์บนไล่ชั้นลงไปเป็นโทนอบอุ่นสไตล์แอมเบอร์ลึกๆ เคล้ากลิ่นยางไม้ติดหวานปนปร่าเผ็ดอ่อนๆ ของ Myrrh และมีกลิ่นไม้จืดหอมกำลังดีมาให้ความลุ่มลึกอบอวลอย่างมีพลัง และเมื่อดมเข้าไปใกล้ๆ จะจับต้องได้ถึงพื้นกลิ่นที่เป็นกลิ่นโทนหนังติด Animalic เจือ Smoky เข้มแปร่งซึ่งเมื่อชะโงกไปดู Note กลิ่นก็เลยถึงบางอ้อว่าเป็นกลิ่นของ Castoreum หรือต้่อมเพศบีเวอร์ที่จะให้อารมณ์กลิ่นประมาณนี้เลย ทำให้การผสมผสานทางกลิ่นในช่วงท้ายจะได้ความเป็นธูปยางไม้ติดหวานเจือควันเคล้าโทนอบอุ่นปน Animalic เนียนๆ ที่สร้างความน่าค้นหาและขรึมขลังซับซ้อนอยู่ในทีแบบได้ทั้งความอบอวลเวลาดมใกล้ๆ และอ้อยอิ่งเวลาดมห่างๆ ที่มีพลังและมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดไปเรื่อยๆ เป็นช่วงท้ายและปิดท้ายการเป็น Ma Nishtana อย่างมีชั้นเชิงกันยาวไป

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่เป็นโทนกลางๆ ได้หมดทั้งชายและหญิง เพราะกลิ่นจะสร้างอารมณ์แบบที่เสริมบุคลิกในสายขรึมขลังอย่างมีชั้นเชิงให้กับผู้ใช้ให้มีมิติของคาแรคเตอร์แบบ Mix & Match ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะต้องผ่านน้ำหอมสาย Frankincense มาบ้าง จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งกลิ่นสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและทั่วๆ ไป โดยที่กับอากาศในเมืองไทยอาจจะกะสเปรย์ให้เหมาะสมไม่งั้นเดี๋ยวจะหนักไปจนเกินความมีเสน่ห์ที่ควรจะเป็นของน้ำหอม แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ออกงานเพื่อสร้างบุคลิกที่ขรึมขลังน่าค้นหาจะลงตัวที่สุด

ความทน - มากกกกกกก เพราะ 12 ชม. ยังจับต้องกลิ่นได้ รวมถึงลามไปที่ 18 ชม. ก็เป็นประจำ เช่นนั้น ทนจัดชัดเจน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงพุ่งคมจัด แต่ให้อะโรม่ากลิ่นอายสายเครื่องเทศปนธูปที่งามและมีเสน่ห์มาเลย ก่อนจะลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ถึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป แล้วกลายเป็นติดผิวเมื่อผ่านไป 12 ชม. แล้ว

สรุป - หนึ่งในกลิ่น Frankincense ที่มีความงดงามทางกลิ่นสูงมาก ให้อารมณ์ทั้งอ้อยอิ่ง ขรึม ขลัง อบอวล ดาร์ก หวานปลายเย้า สุขุม มีระดับ และมีเสน่ห์น่าค้นหา ที่สำคัญมาด้วยความเข้มข้นแบบ Pure Perfume ที่จัดเต็มในเรื่องความลุ่มลึกทางกลิ่น เรียกว่าอีกหนึ่ง Masterpiece ของแบรนด์นี้เลยก็ย่อมได้ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/parfumprissana/photos/587965638450147/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น