วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Memo Paris - French Leather

Memo Paris - French Leather

ครั้งแรกที่เห็นขวดของแบรนด์นี้ เรียกว่ามีความตาวาวอย่างมาก เพราะขวดสวยจริงอะไรจริงกับลวดลายที่สื่อสารออกมาถึงการใช้ลูกเล่นสีทองกับสีดำ บางรุ่นแม้ขวดจะขาวหรือใสก็ยังดูหรูและดูแพง ซึ่งเมื่อค้นหาข้อมูลดูจึงได้รู้ว่า Memo Paris เป็นแบรนด์ Niche ที่ออกมาในปี 2007 ที่มีที่มาจากการได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ทั่วโลก แล้วมาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจเพื่อสร้างกลิ่นหอมๆ ออกมา เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้พบเจอกับกลิ่นแรกของแบรนด์นี้ที่ได้มาจากการแบ่งปัน ก็ขอบอกต่อกันซะหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นลักษณะใด 

French Leather เป็นหนึ่งน้ำหอมที่อยู่ในไลน์ดังของแบรนด์นี้ที่เน้นเกี่ยวกับกลิ่นหนังอิงตามประเทศต่างๆ อย่าง Cuir Nomades ซึ่งจะเปิดตัวด้วยกลิ่นอายแบบปร่าสมุนไพรที่มีความเป็น Citrus กลั้ว ผสมกลิ่นอายแบบเขียวติดเหล้าจินที่น่าจะมาจาก Juniper Berry กันก่อน ในวูบถัดมากลิ่นของกุหลาบจะเริ่มเข้ามาผสมผสาน จนรู้สึกได้ชัดเลยว่า กลิ่นนี้กุหลาบน่าจะเป็นตัวเด่น ซึ่งก็ใช่เลยจะเด่นยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ ซึ่งเมื่อเข้าช่วงกลางกลิ่นอายของกุหลาบจะเริ่มชัดขึ้น เคล้ากับกลิ่นโทนพริกไทยที่ติดหวานบางๆ กลิ่นจะมีความละมุนกลั้วความเป็นสมุนไพรติดซ่าปร่าที่มาจากตอนต้นกำลังดี แต่สิ่งที่แทรกเข้ามานั่นคือกลิ่นโทนหนังกลับ (Suade) ที่มาให้ความนุ่มนวลๆ ในเนื้อกลิ่นได้ลงตัว กลิ่นจะได้ 2 ความรู้สึกคือกุหลาบติดปร่ากับนวลหนังกลับได้น่าสนใจ และกลิ่นไม่ได้หนักหน่วง มีความเรียบหรูและมีระดับพอสมควร โดยกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเมื่อกลิ่นอายของ Musk เริ่มแทรกเข้ามา ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่กุหลาบจะจางลงไป ให้กลิ่นหนังกลับกับ Musk ผสมผสานกันเป็นกลิ่นนุ่มนวลละมุน แต่ยังติดกลิ่นกุหลาบบางๆ จางๆ อยู่ ซึ่งจะมีกลิ่นอายของไม้หอมแห้งๆ มาทำให้เกิดความรู้สึกสะอาดและขรึมกำลังดี ผสมผสานกัันชูโรงให้เป็นโทน Musky แบบนุ่มๆ สะอาดๆ แบบยาวไป ภาพรวมถ้ามองในลักษณะของการเป็น French Leather ที่ตัวนี้นำเสนอ นั่นคือกลิ่นอายของการเป็นหนังกลับนุ่มๆ เคล้าความเป็นกุหลาบที่มีความเป็นโทนสมุนไพรติดเขียวปร่าให้ความรู้สึกแบบสไตล์น้ำหอมฝรั่งเศสที่จะแอบมีโทนนี้ให้รู้สึกเสมอนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เรียกว่ามีความกึ่งกลางกำลังดี จึงมาสาย Unisex ชัดเจน แม้ว่าจะไพล่ไปทางผู้หญิงบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรที่ผู้ชายจะใช้ เพราะยังมีความเข้าถึงง่ายกลิ่นมีเสน่ห์แบบที่ใช้ไม่ยาก จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นยามทางการที่เข้าทางมาก ใส่ได้หมดทั้งทำงานและพบปะผู้คนสำคัญ รวมถึงใส่แบบทั่วๆ ไป ที่ให้ความรู้สึกมีระดับและมีความภูมิฐานกำลังดี แต่ข้ามเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นไม่ได้มาสายนี้ และมันแพง เปลืองตังค์ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้แบบออกงาน พบปะผู้คน เพราะกลิ่นมีระดับมากพอที่สร้างออร่าที่มีเสน่ห์แบบที่แตกต่าง แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีหาเหยื่อ เพราะกลิ่นแม้จะมีความเย้ายวนอยู่บ้างแต่เบาไปถ้าจะสู้กับกลิ่นหนักๆ ที่ขนมาเรียกแขกกัน พูดง่ายๆ ให้เน้นเรียบหรูดูดีไรงี้ 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวใส่แบบอยู่ในห้องแอร์สบายๆ กลิ่นลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้ไม่ยากกับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์แบบกดเต็ม 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าเป็นช่วงที่ทำให้ปรับตัวก่อน แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางแบบยาวไป ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นสัก 6 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็น Skin Scent นุ่มสะอาด

ทิ้งท้าย - เป็นกลิ่นหนังที่ใช้ง่ายมาก และมันไม่ใช่หนังในแบบที่มาเต็มขนาดนั้น เพราะเน้นความนุ่มนวลแบบโทน Musky เสียมากกว่า ซึ่งอาจจะไม่ได้ถึงกับหวืิอหวามาก แต่ก็เป็น Niche ที่เข้าถึงได้ง่ายและเหมาะมากกับคนที่จะเข้าสู้การหัดใช้น้ำหอมโทนหนังที่จะทำให้ชอบได้ไม่ยากนั่นเอง ส่วนราคา ก็ตัวใครตัวเผือกอ่ะจ้าาาาา

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by 
https://fimgs.net/images/secundar/o.29085.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น