วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Review: Calvin Klein - Eternity for Men EDP

Calvin Klein - Eternity for Men Eau de Parfum 

เทรนด์ยอดนิยมในการเอาต้นตระกูลเดิมที่ติดลมบนเหนือกาลเวลาใช้ไปเถอะยังไงก็รอดแบบยาวๆ มาปรับทิศทางตั้งเรือธงกันใหม่ให้เข้ากับเทรนด์น้ำหอมในปัจจุบัน ที่เริ่มมีมากขึ้นในการจับตลาดผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยเน้นสดชื่น Fresh & Cool ก็เริ่มที่จะต้องมีโทนอื่นๆ เข้ามาเสริมให้มีอะไรมากขึ้น เพิ่มข้อความห้อยจากชื่อรุ่นดังนั้นๆ หรือจากที่เคยมีเพียง Eau de Toilette (EDT) ก็ต้องมีรุ่น Eau de Parfum (EDP) มารับช่วงต่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีแบรนด์ CK หรือ Calvin Klein ที่ค่อยๆ ปรับตามเทรนด์และเอาดีงามเก่าๆ มาสร้างทิศทางใหม่ๆ ของน้ำหอมกับเขาเช่นกัน 

และหนึ่งในไลน์หลักของแบรนด์อย่าง Eternity for Men ที่คงความนิยมมาเสมอตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปัจจุบัน และแตกแขนงออกไปมากมาย โดยที่เดิมทีจะเป็น EDT ก็ได้เปิดตัว EDP ออกมาแล้วในปี 2019 นี้ ซึ่งก็ครบ 30 ปีพอดี เช่นนั้นจากต้นตระกูลที่สร้างความอมตะนิรันดร์กาลเหนือกาลเวลา เมื่อนำมาปรับความเข้มข้นแล้ว มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็มาพิสูจน์กันเลยดีกว่าว่าจะมาในรูปแบบไหน 

สปอยกันก่อนเลยว่า กลิ่นมีความแตกต่างจาก Eternity for Men EDT เดิมอยู่ราวๆ 20% เพราะกลิ่นยังคงยึดพื้นฐานการเป็นโทน Aromatic Fougere ที่ให้ความหอมติดเขียวรื่นรมย์และแมนสบายๆ แต่ที่โดดเด่นขึ้นมากคือความเข้มข้นที่ชัดขึ้นในแต่ละโทน รวมถึงใส่ความเย้ายวนเนียนๆ เข้าไปตามสมัยนิยมที่ต้องมีความเซ็กซี่ผสมผสานอยู่บ้าง ซึ่งกลิ่นจะถ่ายทอดออกมาโดยเริ่มต้นที่ Top Notes กับการเป็นโทนสดชื่นของกลิ่นสายสมุนไพรปร่านวลๆ ปนกลิ่นออกทางเขียวๆ ที่มาอารมณ์เดียวกับตัวต้นตระกูล โดยจะเด่นที่กลิ่นของเซจที่ให้อารมณ์สมุนไพรติดพริกไทยนวลๆ หน่อยๆ กลิ่นแนวสดชื่นที่ออกทาง Citrus ปนอากาศดีๆ รวมถึงได้โทนลาเวนเดอร์กึ่งเขียวปนนวลสมุนไพรแบบที่เป็นตัวหลักมาตั้งแต่รุ่น EDT เพียงแต่จะมีโทนติดผลไม้เขียวเจือเปรี้ยวอย่างแอปเปิ้ลเขียวที่เข้ามาเสริมทัพ และมีกลิ่นโทนออกทางไม้หอมปนปร่าแบบกลิ่นไม้สนเข้ามาร่วมด้วย เลยทำให้ช่วงต้นนี้อารมณ์กลิ่นเปิดแบบตัวต้นตระกูล แต่จะมีความแน่นขึ้น ชัดขึ้น เขียวขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ได้ข้นหรือหนักไป 

Middle Notes จะเป็นการกวาดเอาช่วงต้นมาทั้งหมด ยกเว้นแอปเปิ้ลเขียวที่บางลงไปจนเหลือเพียงเบาๆ แต่เพิ่มความเป็นไม้หอมติดสะอาดและความเป็น โทนกึ่ง Floral กึ่งเขียวเข้ามาอีกหน่อยจากเจอราเนียม และมีความปร่านวลๆ จากเม็ดจันทน์เทศ ทำให้ช่วงกลางคือช่วงที่กลิ่นโทนสมุนไพรปร่านวลมาเจอกับความ Aromatic ของลาเวนเดอร์กับโทนไม้หอมติดสะอาด กลิ่นจะคงความแมนๆ เข้าถึงง่าย ดูแบบสบายๆ แต่ไม่ได้ถึงกับเบาบางจางหายไปไหน ซึ่งเมื่อกลิ่นดำเนินไปซักพัก จะจับจับโทนกลิ่นนวลอวลแบบกลิ่นหนังกลับที่ให้ความนวลสะอาด เข้ากลิ่นไม้หอมแห้งๆ ติดปร่าๆ Spicy ปน Earthy ติดถั่ว Nutty แต่มีโทน Smoky บางๆ ซึ่งเป็นลักษณะของหญ้าแฝก เข้ามาร่วมด้วย จนเป็นการเข้าสู่ Base Notes ที่จะมีเลเยอร์กลิ่น 2 สเต็ป คือ โทนสมุนไพรอะโรม่ารื่นจมูกที่เป็นกลิ่นชั้นบน แต่พอดมเข้าใกล้ผิวลงไปเรื่อยๆ จะได้กลิ่นนวลๆ อวลๆ กำลังดีเป็นไม้หอมเจือหนังติดโทนแป้งอ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลิ่นจะผสมผสานมิติการรับกลิ่นได้ดี มีความเป็น CK Style ที่ชัดเจน คือ ไม่หนักเกินไป แต่เข้าถึงได้ง่าย แบ่งภาคกันได้ดีระหว่างความรื่นรมย์สบายๆ และความเย้ายวนเนียนๆ แมนๆ นิ่งๆ ซึ่งบอกเลย ยังไงก็รอดมากจริงๆ กับกลิ่นแบบนี้ ซึ่งถ้าว่ากันเรื่องความแตกต่างของ 2 รุ่น อย่าง EDT และ EDP ก็ว่ากันได้ตามนี้เลย

EDT - จะให้ความเขียวใส Aromatic แมนๆ รื่นรมย์ผ่อนคลาย มีความสบายและเข้าถึงง่ายแบบร่วมสมัยไม่มีตกยุค
EDP - กลิ่นจะมีความชัดขึ้น เข้มขึ้น และแฝงด้วยความเย้ายวนเนียนๆ แบบผู้ชายเข้าไป โดยยังมีขนบแบบ EDT เป็นลายเซ็นอยู่ให้รับรู้ตลอด 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไป สามารถใช้ได้สบายมาก เพราะ EDT ตอบโจทย์การใช้แบบไหน EDP ก็ไม่ต่าง ซึ่งก็อยู่ที่ความชอบเน้นๆ ว่าชอบความชัดเจน หรือชอบความเรื่อยๆ สบายๆ โดยกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันครอบจักรวาลเลย แบบว่ายังไงก็รอดหมด รวมถึงยามค่ำคืนเองก็สามารใช้งานได้แบบเพิ่มสเปรย์หน่อยก็ออกงานได้สบายมาก จะมีก็แต่การใส่เพื่อท่องราตรี ที่อาจจะโดนกลบเอาได้จากโทนแน่นๆ ของคนอื่นที่ใส่มาประชัน แต่ถ้าไม่มายด์ก็จัดไป 

ความทน - เกินคาดมาก แน่นอนว่า EDT เองแกว่งในเรื่องนี้ แม้จะกลิ่นดีมาก แต่พอมา EDP ความทนเสถียรมากและดีขึ้นมาก เพราะสิ่งที่เจออยู่ที่ราวๆ 12 ชม. ได้เลย กับการใช้งาน 6 สเปรย์ ซึ่งถ้าเอาเป็นค่าเฉลี่ย อย่างน้อยก็ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและคงที่ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงกลางซักพักเลย ก่อนที่จะลดลงมาที่กลางๆ ซักระยะ แล้วจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนเมื่อถึงราวๆ 8 ชม. กลิ่นจะค่อยๆ เป็น Skin Scent ตามลำดับ แต่ยังตีขึ้นเมื่อขยับเนื้อตัว 

สรุป - เอาความเป็น Eternity for Men ปกติมาเพิ่มความเข้มข้นเข้าไป ทำให้กลิ่นมีความชัดมากขึ้น เข้มขึ้น แต่ยังไม่ทิ้ง Concept เดิมคือ กลิ่นโทนผู้ชายที่ให้ความสบายเข้าถึงได้ง่ายแบบสไตล์ร่วมสมัยที่ไม่มีตกยุค แต่เพิ่มความเย้ายวนเนียนๆ แบบตามเทรนด์ยุคใหม่ของน้ำหอมที่ต้องใส่โทนลักษณะนี้ในการสร้างความดึงดูดและสามารถเป็นเรือธงใหม่ใหม่ของสาย Eternity ฝ่ายชายได้เลย เพราะ EDT รุ่นเดิมเป็น #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ในฝั่งน้ำหอมชายแบบไหน Eternity EDP ของผู้ชายก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่กลิ่นจะให้ความแน่นขึ้น ชัดขึ้น เขียวขึ้น ทนขึ้น และอวลขึ้นนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.parfumo.de/Parfums/Calvin_Klein/eternity-for-men-eau-de-parfum

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น