วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Review: Lalique – Le Baiser

Lalique – Le Baiser

มาสู่ตัวที่ 2 กับการนำเสนอน้ำหอมแบรนด์เดียวอย่างต่อเนื่อง 7 รุ่นของแบรนด์ Lalique ที่ส่งต่อกลิ่นอายหรูหรามีระดับ และคราวนี้ก็ขอมาที่กลิ่นอายแนวดอกไม้เด่นนำลักษณะแบบแป้งหอมกันบ้าง กับชื่อรุ่นที่ให้ความรู้สึกวี้ดวิ้วไม่น้อยเพราะแปลตรงๆ ว่า “จูบ” อย่าง Le Baiser นั่นเอง

เปิดตัวด้วยกลิ่นอายแป้งหอมดอกไม้ผสมผลไม้กันก่อนเลย โดยกลิ่นของดอกไวโอเล็ตที่จะมาให้ความเป็นแป้งหอมติดเขียวนวลโปร่งจะเป็นตัวเอกที่รองพื้นดันให้กลิ่นดอกพุดเป็นตัวเอกเด่นนำตีคู่กับกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของแบล็คเคอแรนท์ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้เรียกว่าได้เวลาของความสาวกันเต็มๆ ครีมมี่แป้งหอมติดผลไม้ชัดเจนมาก และจะมีกลิ่นนวลๆ หอมหวานแบบกุหลาบค่อยๆ ดันขึ้นมาแทรกด้วยความเป็นไม้หอมจางๆ ที่เนียนไปกับความครีมมี่ ผสมผสานกันจนนำไปสู่ช่วงกลางที่กลายเป็นแป้งหอมกุหลาบครีมมี่มีความโปร่งกำลังดีเคล้ากลิ่นดอกไม้โทนขาวนวลอย่างดอกพุดและมะลิที่มาแบบหอมสดชื่น ซึ่งกลิ่นผลไม้ยังตามมาอยู่ให้รู้สึกได้ถึงความหวานและจะมี Notes ที่เป็นลายเซ็นของแบรนด์เลยก็ว่าได้อย่างพริกไทยเสริมเข้ามาให้มีความสดชื่นติดเครื่องเทศจางๆ กลิ่นช่วงนี้จะเป็นกลิ่นโทนแป้งหอมดอกไม้ที่มีมิติลงตัวมากไม่ออกแป้งหอมแน่นหนา แต่เป็นแป้งหอมดอกไม้แบบรื่นจมูกมีความโรแมนติคของดอกไม้อย่างกุหลาบซึ่งจะกลายเป็นตัวเด่นที่จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้าย โดยกลิ่นอายของไม้จันทน์หอมที่ซุกตัวเนียนมาตลอดก็ได้เวลาเปิดตัวชัดขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นแป้งหอมกุหลาบที่กลิ่นจะนุ่มลงมาเพราะมี Musk มากลั้วด้วยในช่วงนี้ กลิ่นเลยจะได้อารมณ์ผิวกายสะอาดนุ่มละมุนเคล้ากลิ่นแป้งดอกไม้นวลๆ จางๆ โปร่งๆ ไปตลอด ภาพรวมจึงเป็นกลิ่นอายที่สื่อสารตรงตัวจากดอกไม้อย่างกุหลาบที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงเคล้าด้วยความโรแมนติคเย้ายวนกำลังดีจากโทนแป้งนั่นเอง

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็สามารถใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นค่อนข้างเข้าถึงได้ง่ายและมีระดับกำลังดี ไม่ได้ดูแบบสูงศักดิ์เกินไปจนใช้งานยาก แถมบ่งบอกความเป็นผู้หญิงกันอย่างชัดเจนไม่มีอ้อมค้อม ยิ่งคนชอบกุหลาบที่มาในโทนแป้งโปร่งๆ จะรักกลิ่นนี้กันได้เลยทีเดียว ซึ่งเข้ากับทั้งยามทางการและทั่วๆ ไป ขอข้ามการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและการออกกำลังกายจะดีที่สุด ยกเว้นว่าผ่านไปถึงช่วงท้ายๆ แล้วอาจจะพอได้อยู่บ้าง ส่วนยามค่ำคืนถ้าต้องการความโรแมนติคน่ะ ใช่เลย แถมยังพอที่จะใส่ไปท่องราตรีได้อยู่ถ้าอัดสเปรย์ได้ลงตัว

ความทน ลงตัวที่ 8 ชม. ซึ่งอิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้นรับความเป็นผลไม้ผสมดอกไม้กันก่อน แล้วจึงลดลงมากระจายปานกลางหอมหวานออกแป้ง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ากึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย ถือว่าเป็นกลิ่นสำหรับผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานก็ได้ ยิ้มง่ายก็ดี เข้าถึงได้ง่ายและหอมชวนหลงแบบไม่ได้ออกทางยั่วยวนเกินไปนัก ออกแนวขับเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงเสียมาก เช่นเคยว่าใส่แล้วมีคนทักว่า “กลิ่นหอมผู้หญิ๊งง ผู้หญิงมาเชียว” ซึ่งถือว่าเป็นคำชมเพราะถือว่ากลิ่นหอมนั่นเอง 55555

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


Credit ภาพ - https://fimgs.net/images/secundar/o.4120.jpg    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น