วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Review: Elizabeth Arden – White Tea

Elizabeth Arden – White Tea

ถ้าพูดถึงน้ำหอมกลิ่นชาเขียวหรือ Green Tea แน่นอนว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงแบรนด์ Elizabeth Arden ที่มีน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นตัวชูโรงแถมออกลูกออกหลานมากันตรึมๆ เยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหนึ่งใน Safe Scent ที่กลิ่นอ่อนให้ความสดชื่นและไม่รบกวนใครมาเสมอ แต่แล้วเมื่ออยู่ดีๆ แบรนด์นี้ประกาศทำชาขาวหรือ White Tea ออกมานี่สิ ความน่าสนใจบังเกิดขึ้นมาทันทีว่ากลิ่นจะเป็นแบบไหน และผลออกมาก็คือ 

ก็ชาขาวจริงๆ เพียงแต่อาจจะไม่มาแบบเพียวๆ ขนาดนั้น โดยเปิดตัวที่ Top Notes กับกลิ่นแนว Aquatic ที่ออกทางทะเลหน่อยๆ แต่ไม่ได้มาสายที่มีกลิ่นคาวใดๆ และมีความเขียวแบบเปียกๆ เจือกันก่อนเลย ซึ่งกลิ่นจะมีความสดชื่นติดสมุนไพรหน่อยๆ ให้รู้สึกได้ ที่สำคัญกลิ่นชาจะมาผสมผสานอยู่ในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นโทนเขียวติดโทนทะเลจะเริ่มลดลงเป็นสายสนับสนุนที่ยังมีอยู่ให้รู้สึกได้เบาๆ แต่สิ่งที่เด่นขึ้นมาเลยคือกลิ่นชา ที่จะเจือความเป็นสมุนไพรติดเขียวจางๆ แต่กลิ่นไม่ได้ไปสายชาเขียวอย่างที่คิดเพราะว่ากลิ่นโทนแป้งของดอกไอริสที่มาแบบติดจืดอับมันมาลดทอนความเขียวลงไปทำให้ได้กลิ่นชาใสบางแบบชาขาวได้อยู่ ซึ่งจะลอย On Top ออกมาให้รู้สึกได้ว่าเป็นกลิ่นชาขาว แต่พอดมใกล้ๆ ก็จะเป็นโทนที่ติดเขียว Aquatic บางๆ เพียงไม่นานกลิ่นจะเริ่มมีความครีมมี่มาขึ้น นำเข้าสู่ Base Notes ที่คราวนี้กลิ่นจะเปลี่ยนโทนชัดเจนแบบเรียกว่าพลิกเกมกันได้เลยในระดับหนึ่งจากชาขาวใส มีความเขียวนิดๆ จะเป็นกลิ่นอายชาที่จะครีมมี่เข้ามาผสมผสาน โดยมีกลิ่นอายแนว Musk กับถั่วตองก้าเป็นตัวทำให้เกิดความนวลนุ่มครีมชัดเจน ที่สำคัญเนื้อกลิ่นมีความเป็นไม้หอมแห้งๆ แต่มีโทนอบอุ่นให้รู้สึกไปตลอด ซี่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ให้อารมณ์แบบสีขาวนวลนุ่มจมูกไปเรื่อยๆ ซึ่งภาพรวมต้องยอมรับว่ากลิ่นนี้ได้ความเป็นชาขาวอย่างที่บอกไว้ข้างต้น แต่จะมาสายกลิ่นชาที่เป็นโทนสีขาวนวลเสียมากกว่า ออกแนวแบบจิบชาขาวริมทะเลกับเสื้อผ้าสีขาวนวลผ่อนคลายนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นใช้ง่ายมาก เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราที่ร้อนๆ กลิ่นให้ความหอมที่สบายๆ ไปเรื่อยๆ โดยสามารถใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ออกกลางแจ้งก็ยังได้ แต่ถ้าออกกำลังกาย รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ซึ่งยังไงกลิ่นนี้ก็ถือว่าครอบจักรวาลมากเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ไปชอปปิ้ง เดินเล่น หรือพักผ่อนสบายๆ จะลงตัวกว่าใส่ไปท่องราตรีที่เรียกว่าแพ้ชาวบ้านเขากันอย่างชัดเจนได้เลย เพราะเบาไป

ความทน เรียกว่าลงตัวเพราะกลิ่นทนราวๆ 6 – 8 ชม. ซึ่งจะมีบวกลบไปบ้างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งกลิ่นนี้ถ้าฉีดเสื้อทับจากฉีดตัวด้วย กลิ่นจะติดทนขึ้นพอสมควรเลย 

การกระจาย กลิ่นกระจายกำลังดีในตอนต้น เรียกว่าไม่ได้มาสายหนักหน่วงปล่อยพลังนัก แต่คนใส่ได้กลิ่นเต็มๆ แน่ๆ แล้วจึงลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัว ที่ยังทำให้รู้สึกได้อยู่ ก่อนจะผันเป็น Skin Scent ที่จะตีกลิ่นอายอบอุ่นนวลขาวขึ้นให้รู้สึกได้ยามร่างกายขยับเนื้อตัว 

ทิ้งท้าย กลิ่นถือว่าฉีกออกมาจากความเป็น Green Tea ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานได้สบายๆ และเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกสีขาวนวลสบายๆ และมีความอบอุ่นไปในตัวได้ดีเลย เอาตรงๆ กลิ่นแบบนี้มัน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง อยู่แล้วล่ะ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - https://www.punmiris.com/himg/o.51439.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น