วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Review: Ralph Lauren – Polo Blue Eau de Parfum

Ralph Lauren – Polo Blue Eau de Parfum 

เมื่อ Polo Blue อยู่ยั้งยืนยงมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2003 และเป็นอีกหนึ่งรุ่นของ Ralph Lauren ที่ได้รับความนิยมมาตลอดในการเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นอายสดชื่นติด Aquatic เด่นที่แตงกวาและเมล่อน ที่แน่ๆ คนเล่นน้ำหอมหลายๆ คนต้องผ่านกลิ่นนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เมื่อแบรนด์ได้เอารุ่นยอดนิยมแบบนี้มาต่อยอดจาก EDT มาสู่ EDP เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมากลิ่นจะเป็นอย่างไร จะปรับเปลี่ยนหรือว่าคงเดิมเพิ่มความเข้มข้นหรือไม่ก็ต้องพิสูจน์

เปิดตัว Top Notes กันด้วยความแตกต่างจากที่เคยได้กลิ่นมาในระดับหนึ่งเพราะไม่ได้มีลักษณะของการเป็นแตงกวากับเมล่อนแบบที่ได้รับรู้บน EDT แล้ว แต่จะเป็นกลิ่นอายสดชื่นแบบทะเลแบบติดความเป็น Citrus กันก่อน ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความแน่นติดเครื่องเทศที่หอมกึ่งหวานกึ่งเผ็ดปร่าแต่นุ่มจมูกอย่างเม็ดกระวานทำให้กลิ่นช่วงต้นนี้มีความสดชื่นที่แน่นและชัดมากให้รู้สึกได้เลยว่ากลิ่นมันเข้มข้นขึ้น เพียงไม่นานความรู้สึกซ่าๆ ของสมุนไพรจะดันขึ้นมานำเข้าสู่ Middle Notes โดยความเป็นทะเลในเนื้อกลิ่นจะมีความปร่าซ่าของเซจและนวลติดเขียวของใบโหระพาเลยทำให้กลิ่นจะไม่มีโทนออกทางคาวทะเลแต่ประการใด ที่สำคัญยังคงความรู้สึกออกทาง Citrus ติดเขียวสดชื่นได้อยู่ โดยที่กลิ่นยังคงความชัดเจนที่สัมผัสได้ตลอด มีความแน่นแต่ไม่หนักหน่วงตามสไตล์น้ำหอมที่เป็นโทนสดชื่นเด่น แล้วเพียงไม่นานกลิ่นอายของไม้หอมแห้งๆ ที่นำทางด้วยหญ้าแฝกจะเริ่มเปิดตัวชัดขึ้นแทรกเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเอาความเป็นลักษณะของ Polo Blue เดิมมาให้รู้สึกได้เสียด้วยใน Base Notes ซึ่งกลิ่นอายของหนังกลับนุ่มๆ เคล้ากับกลิ่นอายของ Musk จะเป็นเหมือนตัวรองพื้นให้กลิ่นมีความนวลสะอาด โดยที่หญ้าแฝกที่เป็นโทนไม้หอมแห้งๆ จะตีคู่ขึ้นมากับพิมเสนที่ให้ความรู้สึกนวล โดยที่กลิ่นอายของทะเลติดสมุนไพรยังคงอยู่แต่ลดระดับลงมาจากช่วงกลางซึ่งจะยังให้ความรู้สึกสดชื่นอยู่ตลอด ภาพรวมยังคงมีลักษณะที่เป็นกลิ่นอายสดชื่นได้อารมณ์ติดเท่ห์หน่อยๆ มีความเป็นโทนสีฟ้าน้ำเงินสมกับความเป็น Polo Blue ที่โทนกลิ่นหลักคล้ายกันแต่เปลี่ยนตัวเอกในการนำกลิ่นที่แน่นและชัดเจนโดยไม่ทิ้ง Concept เดิมแต่อย่างใด

เปรียบเทียบความแตกต่าง ทั้ง 2 รุ่น มีพื้นฐานกลิ่นในช่วง Base อารมณ์เดียวกันคล้ายกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ
EDT – กลิ่นจะใสและสดชื่นเด่นที่แตงกวากับเมล่อนมีความเป็นโทน Aquatic มากกว่า
EDP – กลิ่นจะเน้นที่โทนทะเลกลั้วสมุนไพรที่ชัดและแน่นมากขึ้น

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นยังคงความเข้าถึงง่ายใช้ง่ายและมหาชนปลื้มปริ่มตามสไตล์ความเป็น Polo ที่ Ralph Lauren ทำมาได้ตลอดเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งกวาดหมดในทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วๆ ไป ครอบจักรวาลกันสุดๆ ที่สำคัญรุ่น EDP ยังสามารถใส่ยามค่ำคืนกับอากาศบ้านเราได้ดีเสียด้วย แม้ว่าอาจจะไม่ได้มาสายเย้ายวนอะไรมากก็ตาม แต่มันเข้าทางยังไงก็รอดได้สบายๆ

ความทน ในเมื่อเป็น EDP กลิ่นเลยเข้มข้นและทนมากขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะมากกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าสดชื่นเป็นผู้ชายสีฟ้าอมน้ำเงินเข้มกันเลยทีเดียว แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย รุ่น EDT มีความดีงามอยู่แล้วแลเป็นหนึ่งในของดีเทคนิคไม่ต้องดียังไงก็ผ่าน อย. ทางด้านกลิ่น แต่พอเป็น EDP ถือว่าเป็นการต่อยอดที่ดีและชัดเจนมาก ซึ่งทำให้ Polo Blue ยังคงอยู่ในยุทธจักรน้ำหอมสดชื่นแบบตีคู่กันไปทั้ง 2 แบบได้อีกนานมาก ยังไงก็ตาม รุ่น EDP ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ต้องยกตำแหน่ง #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ให้อยู่ดี ซึ่งส่วนตัวผมจะชอบ EDP มากกว่าเพราะความแน่นและความชัดเจนของเนื้อกลิ่นที่จับต้องได้มากขึ้นครับ

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit
ภาพ - http://s7d2.scene7.com/is/image/PoloGSI/s7-1235777_standard?%24flyout_main%24&cropN=0.12%2C0%2C0.7993%2C1&iv=ZHYdm0&wid=1410&hei=1770&fit=fit%2C1



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น