วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Review: Cartier – Panthere EDT

Cartier – Panthere EDT

หนึ่งในสัญลักษณ์ของ Cartier อย่างที่รู้ๆ กันคือ เสือดำ หรือ Panther ซึ่งเป็นเสือดาวประเภทหนึ่งที่เราแทบจะไม่เห็นลายจุดของมัน เช่นนั้นหนึ่งในไลน์เครื่องประดับแน่นอนว่ามีเกี่ยวกับเจ้าเสือตัวนี้แน่ๆ รวมถึงน้ำหอมก็ด้วยเช่นกัน เมื่อสบโอกาสได้รับการแบ่งปันมาให้ลองตัว Vintage ของรุ่น Panthere ของแบรนด์นี้เลยต้องรีบมาบอกเล่าเลยว่าเป็นยังไง

ต้องบอกความคาดหวังกันก่อนว่า เตรียมพร้อมตั้งรับสุดๆ ที่จะเจอกลิ่นโทน Animalic แบบย้อนยุคแน่นๆ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย เพราะกลิ่นเปิดจะแว้บนึงมากับโทนสดชื่นติดหวานเบาๆ ของขิง แต่กลิ่นของดอกไม้อย่างดอกส้มแบบนวลๆ จะมากลั้วกับกุหลาบ แล้วก็จะเข้าสู่ช่วงกลางที่คราวนี้เป็นเวลาของมวลดอกไม้กันเลยที่จะมาแบบโทนดอกไม้สีขาวนุ่มนวลไม่ออกทางแป้งจัดจ้ายเกินไป เพราะกลิ่นเด่นเป็นสง่าเลยคือดอกซ่อนกลิ่นที่จะให้ความนวลครีมมี่ ตามด้วยกลิ่นของดอกพุดและมะลิที่มานวลนุ่มหอมเย็น ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมาก ซึ่งจะมีโทนเครื่องเทศติดเขียวจางๆ และมีโทนแป้งนวลอ่อนๆ กลิ่นจะไม่ได้ออกทางตะบี้ตะบันอัดหนักนัก เลยทำให้กลิ่นอายจะมีระดับและมีความเป็นผู้ดีในเนื้อกลิ่นสูงมาก โดยจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมกลั้วกลิ่น Animalic ที่ไม่แน่นนักรองพื้นอยู่ข้างหลัง และกลิ่นของดอกไม้จะเริ่มเบาลงแต่ไม่หายไปไหน เพราะจะแบ่งให้กลิ่นอายของไม้จันทน์หอมเด่นขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นของชะมดเช็ด (Civet) เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเข้าสู่ช่วงท้ายชัดเจน ซึ่งความดีงามอยู่ตรงที่กลิ่นอายของชะมดเช็ดไม่ได้มาหนักหน่วงเลย มาแบบให้รู้ว่านี่คือ Animalic นะ แต่เน้นสนับสนุนให้กลิ่นอายของดอกไม้มีความนุ่มลึกมากขึ้น ล้อมด้วยกลิ่นไม้หอมติด Smoky จางๆ มีความครีมมี่กลั้วอบอุ่นเข้ามาผสมผสานด้วย เลยจะได้อารมณ์แบบเย้ายวน กรุยกรายเบาๆ แบบมีระดับ และเซ็กซี่ที่ไม่ต้องแสดงออกอะไรมาก กลิ่นบอกชัดเจนถึงผิวกายผู้หญิงอบอุ่นที่มีทั้งความปลุกเร้าแบบกำลังดีท่ามกลางความหอมครีมมี่นุ่มนวลโปร่งๆ จมูกของดอกไม้สีขาวนั่นเอง

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป และอย่างน้อยผ่านน้ำหอมมาในระดับหนึ่งและพร้อมจะเข้าสู่โทนติดกลิ่นอายคลาสสิคผสมผสานกับความร่วมสมัยในเนื้อกลิ่น หรือชอบกลิ่นอายโทนหรูหรามีระดับด้วยกลิ่นโทน Animalic และแป้งดอกไม้นวลเนียนจะชอบตัวนี้ได้ไม่ยาก โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไปแบบมีระดับได้สบายๆ ยกเว้นการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ยามแดดเปรี้ยงไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง ส่วนยามค่ำคืน ออกงาน หรือจิบแบบสวยๆ มีระดับก็จัดได้สบายๆ

ความทน ลงตัวมากที่ 8 ชม. ซึ่งอิงที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย เป็นตัวที่ Timeless มากมายกับกลิ่นอายที่มีทั้งความหรูหรา มีระดับ และเซ็กซี่แกมนุ่มนวล แอบปวดจิตทีหาได้ยากเต็มทนนี่แหละครับ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น