วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Diptyque - L'Ombre Dans L'Eau EDP

Diptyque - L'Ombre Dans L'Eau EDP 

พูดถีงแบรนด์ Diptyque ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ Niche กลิ่นแบบเรียบหรูและธรรมชาติแบบเข้าถึงได้ง่ายในะดับหนึ่ง แต่เคยลองแต่ Vetiverio ไป เลยอยากรู้ว่าตัวอื่นๆ จะเป็นยังไง ก็ลงเอยที่ตัวเอกของแบรนด์นี้ซะหน่อย อยากรู้ว่ากลิ่นจะงามขนาดไหนกับ L'Ombre Dans L'Eau ซึ่งกลิ่นนี้จะมี 2 เวอร์ชั่นนั่นคือ EDT กับ EDP เลยขอข้ามมาที่ตัวเจ้มจ้นเลยแล้วกัน ง่ายดี 

กลิ่นเปิดมากันเต็มๆ ที่ความเป็นเบอร์รี่ติดใบเขียวๆ มีความเป็น Green แบบฟรุตตี้ผสมผสานกันแบบชัดเจนมากตั้งแต่ตอนต้น และสัมผัสได้ถึงกลิ่นกุหลาบที่แทรกอยู่ข้างในนั้น โดยโทนกลิ่นจะมาทางเขียวๆ จะแหลมๆ หน่อยๆ แต่รายล้อมด้วยกลิ่นของแบล็คเคอแรนท์กับซิตรัส กลิ่นช่วงนี้คนชอบโทนผลไม้เปรี้ยวติดเขียวจะปลื้มได้ไม่ยาก เพราะกลิ่นจะมาแนวอะโรม่าคมๆ แบบปลุกโสตประสาทให้ตื่นเลยทีเดียว กลิ่นจะมีการเปลี่ยนถ่ายโทนกันแบบค่อยเป็นค่อยไปและไม่ได้เปลี่ยนมากนักในแต่ละช่วง เพราะกลิ่นจะออกแนวสลับสับเปลี่ยนตัวเด่นขึ้นมาแทนที่ โดยยังคงเมนหลักที่ความเป็นกลิ่นเขียวๆ และกลิ่นโทนเปรี้ยวผลไม้ ซึ่งกลิ่นของกุหลาบจะดันขึ่นมาต่อในช่วงกลางๆ ที่จะให้ความเป็นกุหลาบติดโทนแห้งหวานนวลๆ กลั้วกลิ่นเขียวๆ เปรี้ยวๆ มีโทนเครื่องเทศบางๆ หน่อยๆ กลิ่นจะเริ่มมีความหอมกุหลาบเปรี้ยวอมหวานลากยาวไปเรื่อยๆ จนจะเริ่มมีโทนอบอุ่นกำลังดีแบบผิวกายติดกลิ่นเขียวๆ เปรี้ยวสดชื่นรายล้อมด้วยกุหลาบแบบแผ่ออกมาอยู่ ลดโทนคมๆ ลงไปเป็นรื่นรมย์จมูกมากขึ้น ซึ่งกลิ่นที่ติดผิวจะออกแนว Musk นุ่มๆ สะอาดติดกลิ่นนวลๆ นั่นเองซึ่งจากการใช้งานต้องบอกว่ากลิ่นมีความเข้มข้นแต่ไม่เบาเลย เทียบกับ EDT เพียงแค่ดมผ่านๆ ซึ่งจะใสและเบากว่านั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - สาวๆ เลย กลิ่นนี้ได้หมดตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลายเป็นต้นไปก็ใช้ได้ กลิ่นออกทางสดชื่นรื่นรมย์ แม้จะคมหน่อยแต่รับได้สบายๆ ที่สำคัญกลิ่นมีระดับมากพอ ไม่ใช่ไก่กาอะไรเสียด้วย ออกแนวผู้ดีสดชื่นไรงี้ สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย เพราะกลิ่นมันออกทางอะโรม่าด้วย งดใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด เพราะกลิ่นเปรี้ยวๆ เจอเหงื่ออาจจะแปลกๆ ส่วนยามค่ำคืนแบบทั่วๆ ไปจัดได้สบายๆ ไปเที่ยวกลางคืนก็ยังจัดได้เลย แต่อาจจะไม่ได้เน้นเรียกเรตติ้งเท่าไหร่ ส่วนผู้ชาย ถ้าไม่มายด์ใส่ได้เลย เพราะกลิ่นถือว่าออกทางอะโรม่ามากกว่าจะชี้ชัดว่าคนใส่สาวแตกแต่ประการใด 

ความทน - EDP ทนมากเลย แบบที่ไม่นึกว่ากลิ่นโทนนี้จะทนได้มากขนาดนี้ กับ 12 ชม. ได้สบายๆ ถ้าจำนวนสเปรย์แบบลงตัว แถมอาจจะทนลากยาวไปกว่านั้นอีก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงต้น แล้วลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - พูดง่ายๆ EDP แพงกว่า EDT และเต็มแน่นกว่าด้วย ซึ่งงานนี้อยู่ที่ความชอบเน้นๆ ครับ ส่วนตัวเทใจกับ EDP เรียบร้อย กลิ่นเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ อ้อ EDT ขวดจะใส ส่วน EDP ขวดจะมีขอบสีดำนะครับผม และมีขนาดเดียวคือ 50 ml 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://cdn.diptyqueparis.com/media/catalog/product/cache/1/image/523x768/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/l/o/lombre_dans_resize.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น