วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review: Giorgio Armani - Acqua di Gio Blue Edition


Giorgio Armani - Acqua di Gio Blue Edition 

Blue Edition เป็นหนึ่งในการต่อยอดแตกเป็น Flanker ของน้ำหอมฮิตตลาดแตกอย่าง Acqua di Gio โดยทำขึ้นเป็น Limited Edition ในปี 2014 ซึ่งพอเห็นอะไรที่เป็น Limited Edition เข็มขัดสั้นจะไม่ปล่อยผ่าน เพราะกลัวไม่ได้กลิ่น เลยจัดมาจนขอบอกเล่ากันหน่อยนั่นเอง 

AdG Blue Edition เอาเข้าจริงเป็นการต่อยอดจากรุ่น Essenza ผสมกับ Acqua for Life เพราะกลิ่นมีความเชื่อมโยงกับ 2 รุ่นที่ว่าโดยตรง มีโทนใกล้เคียงรุ่นต้นตระกูลบ้างในเรื่องของความเป็น Aquatic ติดโทนน้ำทะเลแบบสดชื่น แต่จะเพิ่มความหวานแบบฉ่ำๆ และความนุ่มลงไปมากขึ้น ได้อารมณ์ทะเลยามเย็นเลย ซึ่งเปิด Top Notes ก็เช่นเคยไม่มีผิดเพี้ยนกลิ่นน้ำหอมสะอาดกลั้วซิตรัสของมะกรูดและส้ม โดยมีโทนดอกส้มเข้ามาผสมผสานจึงได้กลิ่นอายสดชื่นแบบไม่คมจัดๆ เรียกว่ากลิ่นเปิดเอาความดีงามของรุ่นต้นตระกูลมาครบในเรื่องของการเรียกแขกให้เสียตังค์ซื้อได้แบบไม่ต้องดมช่วงอื่นต่อ ซึ่งพอเข้า Middle Notes ซึ่งกลิ่นของความเป็น Aquatic สดชื่นกำลังดีในช่วงแรกยังคงอยู่ เพิ่มความสดชื่นแบบแป้งเย็นเข้ามา แต่ก็มีความหวานฉ่ำด้วยกลิ่นของลูกพลับ รายล้อมด้วยกลิ่นดอกไม้นุ่มๆ กลิ่นช่วงนี้หอมนวลๆ ติดหวานบนพื้นฐานของความเป็นน้ำหอมโทน Aquatic ได้ลงตัว ปิดท้ายด้วย Base Notes ที่จะมาแบบกลิ่นวู้ดดี้อ่อนๆ สะอาดๆ มีโทนพิมเสนจางๆ ให้เกิดความนุ่มเย้ามีระดับ กลิ่นอายคงความเข้าถึงง่ายและมีความสดชื่นให้รู้สึกไปตลอด ต่อยอดแบบคงความดีงามของความเป็น AdG ได้เข้าทีเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็จัดได้แล้วครับ กลิ่นใช้ง่ายมาก หอมสดชื่นแบบมีระดับ สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ฺยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะเป็นงานทางการทั่วๆ ไป หรือไม่ทางการ ชิลล์ๆ ในวันหยุด หรือเที่ยวร่อนริมทะเลก็เข้าทีอย่างยิ่ง ส่วนยามกลางคืนหรือยา่มเย็นแบบทั่วๆ ไปก็ใส่ได้ครับ กับอากาศบ้านเรา แต่ถ้าไปเมาเละคงไม่เข้าทางเท่าไหร่

ความทน - อยู่ที่ 6 ถึง 8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์ที่อัดและจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวอัดไป 6 สเปรย์แบบกดเต็มมิด (รวมฉีดเสื้อด้านนอกด้วย) กลิ่นติดถึง 8 ชม. ได้สบายๆ ครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีตามประสาของการเป็น AdG ที่พร้อมให้คนอื่นได้รับความสดชื่นตั้งแต่ช่วงต้น ลดลงมากระจายกลางๆ รายล้อมรอบตัวช่วงกลาง ก่อนจะเป็น Skin Scent ควบออร่าแบบใกล้ชิดผิวกายในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - ส่วนตัวผมแพ้ทาง Essenza เพราะกลิ่นโทนดอกไม้ที่แปลกๆ ในช่วงกลาง แต่พอเป็นตัวนี้ที่ต่อยอดมาผสานกับ Acqua for Life เลยกลายเป็นชอบไปเลยในความเข้าถึงง่ายติดหวานแบบที่ Smooth มากเลยทีเดียว ซึ่ง Limited Edition จ้า หมดแล้วหมดเลยนะจ้า ^^

1 ความคิดเห็น: