Van Cleef & Arpels - Midnight in Paris Eau de Parfum
เคยกล่าวถึงปฐมบทแห่งความโรแมนติคจากแบรนด์ Van Cleef & Arpels ไปแล้วในรุ่น Midnight in Paris ซึ่งเป็นแบบ EDT และพอมารู้อีกทีว่ามันมีแบบ EDP ด้วย เช่นนั้น นอกจากขวดสวยมากกกกก และกลิ่นโรแมนติคมากอยู่แล้ว ดันมีประกาศออกมาว่าเลิกผลิตแล้วจ้าาาาา จึงได้จัดมาทันทีแบบไม่คิดใดๆ เลย เช่นนั้นมาดมกันครับว่า EDP จะเป็นอย่างไร
ต้องบอกเลยครับ ว่ากลิ่นของ EDP ไม่ได้แตกต่างจาก EDT เลย โทนกลิ่นมาในโทนเดียวกันหมด ไม่ได้กลิ่นแปลกหรือแตกต่างไปตรงไหนในแง่ของภาพรวม แต่สิ่งที่แตกต่างไม่ใช่ว่าจะไม่มี มีและชัดเสียด้วย คือ ความเข้มข้นของกลิ่นครับ เพราะกลิ่นต่างๆ ที่ผสมผสานกันจะเข้มข้นขึ้นจนจับกลิ่นเด่นๆ ได้ชัดมากเลยทีเดียว เริ่มที่ Top Notes กับกลิ่นหนังนุ่มๆ ที่จะมาแบบโทนเข้มๆ โทนสดชื่นที่ได้เด่นๆ กลั้วหนังใน EDT จะหายไปเป็นรองพื้นให้กลิ่นหนังเข้มๆ เด่นแทน และบอกเลยว่ากลิ่นหนังนี้จะตามติดไปในทุกๆ ช่วงลดระดับกันลงไป จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes ที่กลิ่นหนังจะลดลงมาเป็นหนังนุ่มๆ กลั้วกับกลิ่นชาเขียวมัทฉะที่เข้มขึ้นกว่าของเดิมและยังคงกลิ่นหอมเย็นๆ เพราะความเป็นดอกกระดิ่งที่มาเสริมในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน เรียกว่า กลิ่นในช่วงนี้หอมนุ่มละมุนและโรแมนติคมากเช่นเคย กลิ่นเย้ายวนแบบน่าเชื่อถือให้มาซบใกล้ๆ ได้เลยนะนั่น ปิดท้ายด้วยกลิ่นอายแห่งความเย้ายวนกันอย่างชัดเจนแบบมีระดับ ไม่ได้ชวนผัด แต่ชวนให้อยู่ใกล้ๆ ไม่อยากห่าง โดยมีกลิ่นหนังที่รองพื้นหลังอยู่ แต่กลิ่นของโทนธูปไม้หอมและกำยานจะดันขึ้นมาแบบเข้มๆ โดยความนุ่มนวลแบบครีมมี่ของอัลมอนด์และตองก้าจะมาให้ความครีมมี่และอบอุ่นแบบจัดเต็ม ซึ่งช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่เรียกว่าสุภาพบุรุษโรแมนติตคแสนชวนนัวเนียได้ไม่ยากเลยล่ะครับ
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป บอกเลยว่ากลิ่นหนัก เข้ม และแน่น ขนาดรุ่นธรรมดาว่าแน่นอยู่พอสมควร อันนี้แน่นกว่าแน่นอน สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ ไม่งั้นจะหนักไป ยิ่งงานทางการกลิ่นเข้าทางเลย เพราะโทนกลิ่นสร้างความอบอุ่นน่าเชื่อถือได้ดีเลยทีเดียว ชิลล์ๆ ก็พอได้ ใส่ไปโรแมนติคกับแฟนก็เข้าที่ ยิ่งยามกลางวันไม่ต้องพูดถึง จัดไป กลิ่นโรแมนติคอบอุ่นชวนนัวมากเลยล่ะครับ
ความทน - ยกให้เลย 10 ชั่วโมงกลิ่นยังตีขึ้นอยู่
การกระจาย - นี่แหละครับ ที่เป็นอีก 1 ข้อแตกต่าง เพราะกลิ่นกลับกลายเป็นกระจายได้ด้อยกว่ารุ่น EDT เป็นกลิ่นโทนกระจายดี กลางๆ และออร่าออกทาง Skin Scent ในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย - สรุปง่ายๆ คือ กลิ่นเดียวกันแหละครับ แต่ EDT กระจายดีกว่า มีความสดชื่นและสดใสกว่า แต่ EDP กลิ่นเข้มกว่า มีโทนอบอุ่นมาเต็มกว่านั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น