วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review: Christian Dior - Sauvage

Christian Dior - Sauvage 

เรียกว่ากูรูทางด้านน้ำหอมของต่างประเทศหลายคนค่อนขอดน้ำหอมรุ่นนี้ของ Dior แบบเผ็ดแซ่บถึงกึ๋นกันอย่างน่าดูชมและฮามากมาย เพราะแทบทุกสำนักกูรูต่างบอกว่านี่คือพี่น้องฝาแฝดของ Bleu de Chanel กันเสียเกือบทั้งหมด จนบางคนถึงขั้นไปตัดต่อขวดลบคำว่า Sauvage ออก ในคำว่า Unoriginal ลงไป เล่นเอาซะฮาแทบกรามค้าง เช่นนั้น ได้เวลามาที่เราต้องได้ลองกันบ้างแล้วว่าจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงหรือไม่ ผลออกมาก็คือ 

เอิ่มมมมม มันเหมือนจริงๆ อ่ะ กร๊ากกกกกกกกกกก เพราะกลิ่นเปิดมันคือ Bleu de Chanel เลยจ้า มาเต็มมากกับกลิ่นของโทนซิตรัสอย่างมะกรูดและเกรฟฟรุตจะมาเด่นมาก มีกลิ่นอายของมิ้นท์จางๆ และที่โดดออกมาหน่อยแบบให้รู้สึกได้คือ จะมีกลิ่นอายแบบสับปะรดเด่นขึ้นมาด้วย แต่เนื้อกลิ่นมีโทนอบอุ่นรองพื้นด้านหลังเลยทำให้กลิ่นจะเข้มข้นแน่นพอสมควร พูดง่ายๆ คือ Bleu de Chanel ใส่โทนผลไม้ลงไปเลยล่ะในช่วงนี้ ซึ่งกลิ่นในช่วงตอนต้นนี้จะตามไปที่ช่วงกลาง โดยกลิ่นอายแบบสับปะรดกลั้วซิตรัสจะยังคงอยู่ แต่จะลดโทนลงมาแบบหอมสดชื่นกลั้วอบอุ่นแบบติดโทนไม้หอมวู้ดดี้ โดยจะมีกลิ่นของพริกไทยสีชมพูและโทนเครื่องเทศอื่นๆ ที่เด่นขึ้นมาทำให้กลิ่นอายของช่วงนี้ออกทางเมโทรกันชัดเจน โดยจะมีลาเวนเดอร์มาตัดลดทอนความแน่นลงไปให้นุ่มจมูกมากขึ้น ส่งต่อให้ช่วงท้ายกลิ่นอายของโทนแอมเบอร์ติดกลิ่นผิวกายสะอาดที่มาจากอิทธิพลของ Ambroxan (เป็นเคมีสังเคราะห์ประเภทหนึ่งที่จะให้กลิ่นโทน Ambergris หรืออำพันทองจากปลาวาฬ ซึ่งเป็นตัวที่เสริมความหอมเฉพาะตัวแต่ละบุคคลโดยอิงจากเคมีของคนนั้นๆ ด้วยส่วนหนึ่ง) โดยมีกลิ่นของไม้หอมที่ติดกลิ่นอายแบบ Smoky ของหญ้าแฝกจะเด่นขึ้นมาแบบกำลังดี และลงตัวมาก มีพิมเสนจางๆ ให้ความนวลๆ เย้าๆ อ้อยอิ่ง คงความเป็นเมโทรติดทางเท่ห์ๆ ด้วยกลิ่นอายเครื่องเทศที่ตามมาจากช่วงกลางได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว 

ซึ่งจากทั้งหมดที่ได้ลอง เลยไม่แปลกใจที่กูรูเขาจิกกัดน้ำหอมตัวนี้กันอย่างหนำใจขนาดนั้น เพราะกลิ่นมันดูไม่ต่างจาก Bleu de Chanel นัก แม้จะมีจุดต่างที่ชูความเป็นโทนแอมเบอร์ที่มาแนวอบอุ่นเด่นนำแทนแนวเมโทรโดยมีกลิ่นอายแบบนวลเท่ห์ ซึ่งถือว่าทำได้ดีเลย เพราะมันมีอะไรที่แตกต่างอยู่แม้โทนกลิ่นจะมาแนวเดียวกัน แต่ก็นะ คนส่วนใหญ่เขาคาดหวังว่า Dior จะทำอะไรออกมาได้เก๋กว่านี้นี่นา ทำไงได้ล่ะ ^^"

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไปได้สบายๆ ถ้าจะเอาไปใส่เพื่ออกกำลังกายแนะนำว่าไม่ควรนัก รอให้เป็นช่วงท้ายๆ ก่อนจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าใส่ได้สบายๆ และมีความดีงามกว่า Bleu de Chanel ตรงที่มันมีโทนอบอุ่นและมีความแน่นกว่านี่แหละที่จะดึงความสนใจของคนที่ได้กลิ่นนี้ได้สบายๆ 

ความทน - เกิน 8 ชม. ขึ้นไป ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด โดยจะอิงเคมีจากตัวคนใส่บ้าง แต่เรียกได้เลยว่ารุ่นนี้ทนกว่า Bleu de Chanel แน่ๆ กับอากาศอย่างบ้านเรา

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น อาจจะแน่นนิดนึงแต่พอปรับตัวได้ กลิ่นจะดีงามไปเรื่อยๆ กระจายกลางๆ จนปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

หมายเหตุ - การเปรียบเทียบกับ Bleu de Chanel ผมเทียบกับรุ่น EDT นะครับ 

Credit ภาพ - http://www.unpacked.ph/wp-content/uploads/2015/09/Sauvage-Cover-Photo.jpg

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ16 สิงหาคม 2559 เวลา 04:44

    พอจะช่วนแนะนำกลิ่นแนวๆนี้ตัวอื่นได้หรือเปล่าครับ
    โดนตัวนี้มาก โดนกว่า Bleu de Chanel อีกครับ

    ตอบลบ
  2. น่าจะเป็น Versae pour Homme Dylan Blue และ Bvlgari Aqva pour Homme Atlantique น่าจะพอไปได้ครับ

    ตอบลบ