Review: Versace Man Eau Fraiche
Versace Man Eau Fraiche
แม้ว่าตัวนี้จะเป็น Flanker ที่แตกออกมาจากรุ่นปกติ (ที่ผมไม่เคยลองใช้มาก่อน) แต่กลับปลายเป็นว่ารุ่นนี้ของ Versace เด่นแซงหน้ารุ่นต้นตำรับไปหลายสโตรกเลย แถมได้รับความนิยมมาอย่างนานยาว เพราะมีความเข้าใจถึงและใช้ง่าย กลิ่นถูกใจมหาชนกันสุดๆ นั่นคือ Versace Man Eau Fraiche ครับ
Top Notes เปิดมาได้แบบสดชื่นวันฟ้าใสไม่น้อยเลยทีเดียวกับกลิ่นโทนซิตรัสผสมผลไม้ แบบที่เลมอนนำก็จริง แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากคือกลิ่นของมะเฟืองที่เด่นขึ้นมาทำให้กลิ่นซิตรัสช่วงนี้ไม่คมเกินไปสดใสกำลังดีให้ความรู้สึกฉ่ำๆ กันเลยทีเดียว โดยที่จะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้ติดกุหลาบจางๆ รองพื้นอยู่ให้กลิ่นไม่เบาโหวงเกินไป เพียงไม่นาน Middle Notes โผล่มาทักทายกับกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่จะทำให้กลิ่นออกทางนิ่งๆ เสริมด้วยพริกไทยจางๆ และกลิ่นโทนสมุนไพรติดหวานโดยที่ยังมีกลิ่นช่วงต้นตามมาอยู่เลยทำให้กลิ่นยังความสดชื่นแบบออกทางฉ่ำน้ำอยู่สมชื่อ Eau Fraiche กันเต็มๆ จนถึง Base Notes ที่โทนวู้ดดี้จะเริ่มชัดมากขึ้น โดยมี Musk มาทำให้เกิดความนุ่มเย้าไปเรื่อยๆ ซึ่งมีกลิ่นออกทางเมทัลลิคนิดๆ กับโทนหวานบางๆ มาเสริม เลยทำให้ยังมีความสดชื่นตามมาตลอด ซึ่งใช่เลยครับ กลิ่นใช้ง่ายมาก เข้าถึงได้ง่าย แถมมีระดับในเนื้อกลิ่นที่ทำให้คนใส่ดูดีไม่ใช่น้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮิตจนถึงปัจจุบันนี้ และคงไปต่ออีกยาวนาน
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้สบายๆ ครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายจริงอะไรจริง ดึงดูดให้เสียตังค์ตั้งแต่เพียงแค่ช่วงต้น แถมที่เหลือที่ดีงามใช้ง่ายไปจนถึงช่วงท้าย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียวไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ จนถึงนอนแก้ผ้าแผ่หราตากพักลมที่บ้านเฉยๆ ก็สามารถ ส่วนยามกลางคืนกลิ่นอาจจะได้ในลักษณะทั่วๆ ไป แต่ถ้าใส่กินเหล้าจบกันครับ กลิ่นโดยกลบหมด ส่วนคุณผู้หญิงก็ใช้ตัวนี้ได้อยู่นะครับ ให้ความสดชื่นทะมัดทะแมงไม่น้อยเลย
ความทน - กลิ่นทนประมาณ 8 ชั่วโมง บวกลบ 1 - 2 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญครับ
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดมากลางๆ ในช่วงกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายที่ยังคงความสดชื่นให้คนใส่รับรู้อยู่จนกว่าจะหายไปจากผิวครับ
ทิ้งท้าย - ง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ เพราะนี่คือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เลยล่ะครับ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น