วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Worth pour Homme


Worth pour Homme

แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์แฟชั่นเก่าแก่มากเลยทีเดียวของฝรั่งเศส จนปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ ที่สำคัญถือเป็นแบรนด์แฟชั่นแบรนด์แรกๆ เลยที่มาทำน้ำหอม (แบบที่ไม่ใช่แบรนด์น้ำหอมเพียวๆ ตั้งแต่ต้น) เช่นนั้น แบรนด์นี้ถือว่าปล่อยน้ำหอมชายมาตั้งแต่ปี 1932 แบบเงียบๆ แล้วค่อยมาเปิดตัวจริงจังเอาช่วงปี 1980 เช่นนั้น มารู้จักน้ำหอมชายที่กลิ่นคลาสสิคเหนือกาลเวลาอย่างตัวนี้กันครับ Worth pour Homme

อย่างที่บอกกันไปที่ย่อหน้าแรก น้ำหอมตัวนีมีความคลาสสิคเหนือกาลเวลามากเลยทีเดียว เพราะกลิ่นแม้จะออกทาง Old School ก็จริงๆ แต่มันมีความกลางๆ พอที่จะใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัยโดยไม่ทำให้ใครต้องมองว่า “แก่” มีแต่จะมองว่า กลิ่นสดชื่น สะอาด และนุ่มเนี้ยบเสียด้วยซ้ำไป เพราะเปิด Top Notes กันด้วยกลิ่นโทนของลาเวนเดอร์กับโรสแมรี่ที่จะมาในโทนสมุนไพรแบบนุ่มๆ ติดโทนเขียวๆ เย็นวาบจากจันทน์เทศกันเลย มีโทนแน่นๆ กำลังดีของอบเชยมาเสริมให้กลิ่นไม่เบาโหวงเกินไป และมีโทนซิตรัสมาทำให้กลิ่นมีความสดชื่นด้วย เพียงแค่กลิ่นต้นก็ทำให้นึกถึงกลิ่นสะอาดสดชื่นของสบู่กลั่นแบบมาดามเฮงหรือเบนเนทเลย แต่พอไม่นานเข้าสู่ Middle Notes งานนี้เริ่มเป็นกลิ่นสะอาดสดชื่นแบบสบู่กลั่นมากขึ้น เพราะโทนเขียวๆ ซิตรัสจะเด่นขึ้นมาให้รู้สึกได้ โดยจะมากลั้วกับโทนวู้ดดี้และกลิ่นออกทางดอกไม้อ่อนๆ ที่มาในโทนสะอาด ซึ่งกลิ่นลาเวนเดอร์ก็ยังคงอยู่ให้ความนุ่มเช่นเคย ซึ่งกลิ่นแบบสร้างความกระปรี้กระเปร่าได้แบบเต็มๆ จนเมื่อ Base Notes ปล่อยของบ้างงานนี้โทนแมนๆ แบบ Old School กำลังดีจะมาเพราะกลิ่น Oak Moss มาเต็มเลย โทนเขียวๆ สดชื่นก็ยังคงอยู่ครบ โดยมีโทนนุ่มๆ ของ Musk และหนังมากลั้วให้ไม่กลิ่นออกโทนเขียวแหลมเกินไป มีกลิ่นไม้หอมและหญ้าแฝกฉ่ำๆ มาตัดให้กลิ่นมีความกลางๆ และสมูธมากขึ้น ทั้งหมดบอกถึงความเป็นสุภาพบุรุษในแนวๆ คลาสสิค ที่ยืนอยู่ระหว่างยุคสมัยต่างๆ ที่ผ่านพ้นไป โดยไม่เอาท์แม้แต่นิดเดียว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป แม้กลิ่นจะออกทาง Old School แต่แน่นอนว่ากลิ่นนี้ไม่ทำร้ายใครเพราะมีความนุ่มนวลแซมไปตลอด และกลิ่นคุ้นชินแน่ๆ กับกลิ่นใกล้เคียงสบู่กลั่น ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ รวมถึงใช้กลางคืนก็ยังได้ เรียกว่าครอบจักรวาลกันเห็น

ความทน – กลิ่นทนดีเลยทีเดียวครับ เพราะสิ่งที่เจอคือ 8 ชั่วโมงสบายๆ ซึ่งอาจจะเกินหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากเลยในช่วงต้นๆ แต่ไม่แหลมบาดจมูก และจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ผมยกให้เลยครับว่านี้คือหนึ่งในน้ำหอมที่คลาสสิคและเหนือกาลเวลามาก รวมถึงเป็น #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ชัดๆ เลย ซึ่งถ้าใครอยากจะลองน้ำหอมที่ออกทาง Old School คลาสสิคในขั้นต้น ตัวนี้เหมาะเหม็งมากครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น