วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Review: Bond No.9 - I Love NY for Marriage Equality


Bond No.9 - I Love NY for Marriage Equality 

ปิดท้ายกับ Bond No.9 ทั้ง 7 กับหนึ่งในกลิ่นอายที่จะสื่อสารถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นใน New York ทำให้เกิดความเท่าเทียมซึ่งกันและกันในการแต่งงานของทุกเพศไม่ใช่เพียงแค่ชาย-หญิงเท่านั้น ตามวันที่ประกาศกฎหมายดังกล่าวออกมาคือวันที่ 24 เดือน 7 ปี 2011 นั่นเอง เช่นนั้นกลิ่นนี้จะทำออกมาในลักษณะไหนนั้นมาดมกันดีกว่ากับ I Love NY for Marriage Equality

เปิด Top Notes ได้ค่อนข้างแน่นพอสมควรกับกลิ่นอายของเครื่องเทศที่มาแบบจัดเต็มรองพื้นด้วยโทนไม้หอมอมหวานกลั้วซิตรัสเบาๆ โดยกลิ่นของเม็ดจันทน์เทศและอบเชยจะพุ่งมาจัดเต็มก่อนเลยก่อนที่กลิ่นของลูกพลัมจะค่อยๆ แรงขึ้นๆ ทีละนิดจนเต็มที่พอดีในไม่นาน กลิ่นในช่วงนี้เลยจะออกทางนัวแน่นเหมือนจะดาร์กจะยังไม่ใช่ เหมือนจะขาวสว่างก็ยังไม่เชิง หลังจากผ่านไปไม่นาน งานนี้ความไม่แน่นอนมะรุมมะตุ้มเลยจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนมากขึ้นใน Middle Notes ที่กลิ่นของลูกพลัมและความเป็นเครื่องเทศติดไม้หอมอมหวานจะโดนแทรกโดยดอกไม้นวลสว่าง โดยกลิ่นของกุหลาบกับมะลิจะมาแบบนวลๆ รื่นจมูก ลดทอนความแรงในช่วงต้นลงไปแต่ไม่ได้กลบจนหมด เพราะยังมีความเป็นเครื่องเทศที่นัวในตอนแรกเป็นโทนสว่างขาวติดสีครีมอย่างชัดเจนมากขึ้น และจะมีกลิ่นไม้หอมที่ผลุบๆ โผล่ๆ ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจนนำเข้าสู่ Base Notes กันเต็มๆ กับกลิ่นอายของไม้หอมนวลนุ่มจมูก กลิ่นมีความอบอุ่นท่ามกลางโทนกลิ่นที่ให้ความขาวสว่างอยู่ ซึ่งจะยังมีความเป็นผลไม้จางๆ กับกลิ่นเครื่องเทศผสมดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกเย้ายวนกลั้วหวานแบบชวนยิ้มให้รู้สึกเบาๆ ไปเรื่อยๆ ภาพรวมเลยเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกไล่เรียงจากความมะรุมมะตุ้มแน่นหนักไม่มั่นใจว่าจะเป็นรูปไหน ก่อนจะเปลี่ยนถ่ายสู่การเลือกข้างโทนสว่างขาวออกสีครีมอย่างชัดเจน และนำไปสู่ความอบอุ่นในช่วงท้าย มันใช่เลยกับการสื่อถึงชื่อรุ่นนี้ 

เหมาะสำหรับ - Unisex ได้หมดทุกเพศเลย ไม่ใช่ว่าพอชื่อ Marriage Equality แล้วเกย์กับเลสเบี้ยนเท่านั้นถึงจะเหมาะ ไม่ใช่หนทางแห่งการเท่าเทียมซักเท่าไหร่ถ้าคิดแนวนั้น ซึ่งกลิ่นนี้จะเข้ากับวัยทำงานขึ้นไป (น้องๆ มหาลัยก็ใส่ได้ แต่อาจจะต้องเลือกสถานการณ์ที่ออกทางอบอุ่นกันซักหน่อย) เพราะเนิ้อกลิ่นมีความอบอุ่นติดภูมิฐานจากไม้หอมแทรกอยู่เป็นระยะ โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการและทั่วๆ ไป งดใส่ออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะช่วงต้นกลิ่นมันหนักจนนัวอาจจะตีขึ้นจนเวียนหัวได้ ส่วนยามค่ำคืนเน้นในเรื่องโรแมนติคหรือออกงานจะดีกว่า เพราะกลิ่นแม้จะออกเย้ายวนอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สื่อถึงการล่าแต้มอะไรนัก

ความทน - อยู่ที่ 8 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะเป็น EDP ของแบรนด์นี้ จัดเต็มเรื่องความเข้มข้นอยู่แล้ว ส่วนตัวจัดไป 4 สเปรย์ ลากยาวได้จาก 7 โมงเช้าถึง ทุ่มนึงได้สบายๆ เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายหนักหน่วงมากในช่วงแรก พอผ่านไปแล้วกลิ่นจะเริ่มกระจายปานกลางและนุ่มจมูกมากขึ้น ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบอบอุ่นโทนสว่างในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - เดิมทีสอยมาแบบไม่รู้มาก่อนว่ากลิ่นเป็นยังไง แล้วพอแรกฉีดก็แบบว่าจะแน่นไปไหน แต่พอใช้ไปมากขึ้น กลายเป็นกลิ่นนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหอมโทนสว่างมากเลย นี่แหละครับที่ตัดวินเพียงแต่ Top Notes กันไม่ได้จริงๆ ที่สำคัญ #เลิกผลิต แล้วนะครับ เพราะผลิตเฉพาะกาลเท่านั้นเอง ^^ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - เข็มขัดสั้น ถ่ายเอง ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น