Bond
No.9 – Scent of Peace
เปิดต้น
Episode
ของการรีวิวน้ำหอมแบรนด์เดียวอย่างต่อเนื่องกับ Bond No.9 ด้วยกลิ่นที่มานำเสนอเกี่ยวกับความสวยงามจากความสงบสุขที่ทุกคนต้องการให้เกิดขึ้นกับความสวยงามของขวดที่มีทั้งเวอร์ชั่นปกติและเวอร์ชั่นพิเศษที่ประดับไปด้วยคริสตัล
(แพงแหงแซะ) ก็ขอเปิดตัวที่รุ่นนี้ในการเริ่มต้น Bond No.9 ทั้ง
7 เลย กับ Scent of Peace
เปิดต้นกลิ่นได้น่าประทับใจมากเลยกับความเป็นซิตรัสกลั้วฟรุตตี้ที่หอมสดชื่นและสดใส
จากกลิ่นอายของเกรฟฟรุตและแบล็คเคอแรนท์ ซึ่งมีความเขียวจางๆ
ในเนื้อกลิ่นและมีความเป็นดอกไม้แบบสดชื่นแทรกๆ อ่อนๆ ไปตลอด
กลิ่นทำให้เกิดความรู้สึกรื่นรมย์ได้ในทันทีเมื่อแรกฉีดและสามารถทำให้ปิ๊งได้ในทันทียามที่ดมเพียงช่วงนี้
รวมถึงเสียเงินสอยมาครอบครองได้ถ้าเงินถึง
ซึ่งกลิ่นอายของโทนผลไม้กลั้วซิตรัสจะยังตามไปในช่วงกลางที่โทนดอกไม้แบบสดชื่นจะเด่นเป็นสง่าขึ้นมากลั้วกับกลิ่นเขียวอ่อนๆ
กลิ่นจะยังคงให้ความรื่นรมย์แบบยามเช้าที่สดใสและสดชื่น
ซึ่งโทนดอกไม้จะไม่ได้มาแบบแน่นหนา มาแบบใสๆ สบายๆ ให้โทนสว่างไปตลอดแบบไม่ซับซ้อน
โดยจะเริ่มมีกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ แทรกขึ้นมาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ช่วงท้ายกับโทน Musky ที่จะให้ความนุ่มสะอาดรองพื้นกลั้วกับกลิ่นสบายๆ
จมูกแบบไม้หอมอ่อนๆ ที่มาจากไม้ซีดาร์
แต่สิ่งที่ยังคงตามมาให้เสน่ห์ในความสดชื่นและเรียบง่ายก็คือโทนดอกไม้ใสๆ
ที่จะมาแบบเบาๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจรวมถึงมีความอ่อนโยนที่ลงตัว ภาพรวมกลิ่นไม่ได้ซับซ้อน
มีความรื่นรมย์และสดใสแบบสว่างติดฉ่ำอากาศดีๆ นี่แหละ Scent of Peace ของ Bond No.9
เหมาะสำหรับ
– ผู้หญิงทุกเพศวันเรียน ม.ต้น ก็ใส่ได้แล้ว เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายมาก
หอมสดชื่นดอกไม้กลั้วผลไม้แบบไม่ซับซ้อนอะไรมาก ที่สำคัญคนอื่นๆ ได้กลิ่นมักไม่ยี้กับกลิ่นโทนแบบนี้
โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันจัดเลยได้หมด
เพียงแต่ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกายอาจจะรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า
(จะเอาไปใส่ออกกำลังกายนี่แอบสะเทือนใจ มันแพงนะ 5555) ส่วนยามค่ำคืนสามารถจัดได้ยามชิลล์ๆ
ผ่อนคลายให้รู้น่ารักอ่อนโยนสดใส แต่ถ้าจะเน้นเอาไปยั่วยวนอันนี้ผิดงานกันเต็มๆ
เพราะกลิ่นไม่ได้เน้นทางนี้เลยแม้แต้นิดเดียว ส่วนผู้ชายก็จัดตัวนี้ได้
ถ้าไม่มายด์เรื่องน้ำหอมกลิ่นดอกไม้
ความทน
– ราวๆ 6 – 8 ชม. โดยประมาณ
อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ
การกระจาย
– กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ
ตัวในช่วงกลาง และปิดท้ายที่ Skin Scent ตีขึ้นยามขยับเนื้อตัว
ทิ้งท้าย
– ถ้ามองที่ความคาดหวังจาก Brand และราคา
อาจจะคิดว่ามันแพ๊งงงแพงนะกับกลิ่นที่ไม่ได้ซับซ้อนแบบนี้
แต่ถ้ามองที่กลิ่นแบบว่าให้ตายยังไงก็เข้าถึงได้ง่าย ตลอดจนไม่มายด์เรื่องราคา
และเป็นกลิ่นที่คิดอะไรไม่ออกก็บอกเถิดตัวนี้จัดได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเพราะว่ามันคือ
#ของดีเทคนิคไม่ต้อง นั่นเอง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น