วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Jo Malone - Velvet Rose & Oud

Jo Malone - Velvet Rose & Oud 

หลังจากที่ผ่าน Jo Malone ในโซน Cologne มาหลายรุ่น ก็ได้เวลาของการมาแตะฝั่ง Cologne Intense ขวดดำกันบ้างที่แน่นอนว่าจะต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น เพียงแต่ว่ายังคง Concept ของการเป็นน้ำหอมโทน Whispering ที่มาแบบเบาๆ ผู้ดีตามสไตล์อยู่เสมอ เช่นนั้น มาพิสูจน์กันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรบ้างและความเข้มข้นระดับ Intense จะเป็นอย่างไง กับรุ่นนี้เลย Velvet Rose & Oud 

เรียกว่าสมกับการเพิ่มระดับเป็น Cologne Intense และการเป็น Jo Malone ได้ชัดเจน เพราะช่วงต้นเป็นช่วงที่บ่งบอกถึงคำว่า Intense ในรูปแบบที่กลิ่นมีความแน่นอวลในระดับที่กำลังดี ไม่ได้มาแบบใสกระจ่างแบบรุ่Cologne ปกติ เพราะกลิ่นจะออกลักษณะติดโทนอบอวลและแฝงไปด้วยความดาร์กนัวกับกลิ่นของกุหลาบแดงที่มาเข้มเย้ากลั้วกลิ่นอวล Oud แต่ไม่ได้แน่นจัดจ้านแบบน้ำหอมตะวันออกกลางที่จัดหนักจัดเต็มขนาดนั้น เพราะมีกลิ่นติด Spicy โปร่งจางๆ เจืออยู่ และในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสลักษณะสไตล์ Cologne ของแบรนด์ที่แฝงตัวเป็นเอกลักษณ์ให้รู้สึกได้อยู่ตลอด และกลิ่นของกุหลาบแดงกับ Oud นี่แหละที่จะอยู่คู่กันยาวไปราวกับคู่ผัวตัวเมียจนถึงช่วงท้ายเลย โดยกลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนโทนในช่วงกลาง เป็นกลิ่นอายแบบกุหลาบกลั้วควันไม้กฤษณาที่ความอวลเริ่มจางลงไปมากขึ้น โดยที่จะมีกลิ่นครีมมี่ติดขนมแนวๆ ชอคโกแลตที่มีครีมสอดไส้หอมหวานผสมผสานเข้ามาด้วย เลยทำให้ได้อารมณ์แบบขนมครีมๆ ดาร์กๆ ติดกลิ่นควันไอไม้ที่มีกลิ่นกุหลาบเจือแบบอ้อยอิ่งและไม่ได้มาแบบหนักหน่วงเหมือนได้กลิ่นขนมลอยมาแบบห่างๆ และเมื่อผ่านไปจนถึงช่วงท้ายก็เข้าสู่เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความเป็น Whispering Scent ลอยมาอ่อนๆ ให้รู้สึกได้ เพราะกลิ่นกุหลาบจะยังอยู่แบบเบาๆ เจือความสะอาดนวลเข้ามา และมีโทนไม้หอมอ่อนๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังซ่อนความเป็นขนมชอคโกแลตติดครีมกลั้ว Oud ที่เป็นควันไอจางๆ กลิ่นดาร์กอยู่ก็จริง แต่มีความโปร่งแนวซีทรู อารมณ์ที่ได้จึงออกแนวสะอาดติดน่าค้นหาจากโทนไม้หอมกลั้วหวานนวลละมุนที่หรูหรามีระดับ เข้าลักษณะเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาในเนื้อกลิ่นยังไงยั้งงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - เขาตราไว้ว่า Unisex เช่นนั้นใช้ได้หมดทุกเพศ โดยกลิ่นอาจจะไพล่ไปทางสาวๆ ประมาณ 65% แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายๆ เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายแน่นอวลแขกจ๋าแต่ประการใด ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จัดได้หมด ได้อารมณ์น่าค้นหา เย้ายวน แบบที่ไม่โจ่งแจ้งและมีความเรียบหรูดูแพงเสียด้วยซ้ำ ใส่ออกกลางแจ้งพอได้แต่ให้รอช่วงกลางๆ จะดีกว่า และถ้าออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ ไปได้เลย ไม่งั้นเดี๋ยวเวียนหัวยามร่างกายต้องการออกซิเจนเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจริงๆ ใส่ได้สบายๆ แบบหรูๆ จิบเบาๆ หรือออกเดท โรแมนติคได้หมด แต่ถ้าจะใส่ไปเต้นแหกหน้าแหกหลังหรือสร้างเสน่ห์เผื่อได้เหยื่อ แพ้ชาวบ้านเขาแน่นอนจ้ะ 

ความทน - เป็น Cologne Intense แน่นอนว่ากลิ่นอยู่ทนให้รับรู้มากขึ้น กับประมาณ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบไปบ้าง อิงที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงประเภทผิวผู้ใช้ด้วย โดยส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กับ 6 สเปรย์แบบกลิ่นติดผิว

การกระจาย - ปล่อยของได้ดีในตอนต้น ฟุ้งแต่ไม่ถึงกับหนักหน่วง แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พ้น 8 ชม. ไปแล้วจะผันเป็น Skin Scent ที่ติดผิวแบบยาวไปอิงตามความทนที่บอกได้ข้างต้น

ทิ้งท้าย - เรียกว่าคนรักกุหลาบไป็นอีกตัวที่ไม่น่าพลาดเพราะกลิ่นมีมิติและคงความเป็น Jo Malone ที่เข้มขึ้นมาในระดับหนึ่ง แถมกลิ่น Oud ที่มีก็ไม่แขกเสียด้วย ส่วนตัวชอบกลิ่นช่วงกลางกับท้ายมากที่เป็นขนมกลิ่นกุหลาบติดไม้ไหม้ เพราะฟินไปเลย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - http://talkingmakeup.com/tm65/jo_malone.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Armaf – Club de Nuit Intense for Women

Armaf – Club de Nuit Intense for Women

จาก Club de Nuit Intense ฝ่ายชาย เรียกว่าทำเอาจี๊ดกับกลายเป็นน้ำหอมที่กลิ่นอายคล้าย Creed Aventus ในล็อตการผลิตที่มีกลิ่นอายแบบ Smoky เด่นนำ ก็มาถึงฝ่ายหญิงกันบ้างว่าแบรนด์จากตะวันออกกลางอย่าง Armaf จะทำออกมาในลักษณะไหนซึ่งคงไม่ต้องคาดเดาอะไรมากเพราะว่า

Club de Nuit Intense for Woman มาในลักษณะกลิ่นอายที่ใกล้เคียงรุ่นดังและเป็นตัวเทพอีกหนึ่งตัวจากไลน์ Private ของ Tom Ford เลย นั่นคือ Noir de Noir แต่ก็มีความแตกต่างให้สัมผัสได้อยู่บ้างกับเนื้อและความแน่นหนาของกลิ่น ซึ่งกลิ่นนี้จะเปิด Top Notes กันด้วยลักษณะเดียวกันกับรุ่นดัง เพราะจะมาสายดาร์กที่เป็นกุหลาบเข้มๆ ติดเครื่องเทศดาร์กๆ แต่หวานลึกๆ เย้ายวนของหญ้าฝรั่น ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ลงไปถึงความนัวจัดๆ มากนัก เพราะว่าจะมีกลิ่นติดซิตรัสกึ่งดอกไม้ให้รู้สึกได้แบบเบาบาง กลิ่นเลยจะออกแทนดาร์กแบบซีทรูเสียมาก ซึ่งพอเข้า Middle Notes ความคล้ายเริ่มจะเบาลงไปให้กลิ่นเครื่องเทศเริ่มเด่นขึ้นมาแบบที่มีความหวานหอมดาร์กและโปร่งในความนุ่ม กลิ่นกุหลาบกับหญ้าฝรั่นจะเจือไปด้วยเครื่องเทศโทนหวานที่มาแบบกำลังดี มีความนัวระหว่างความเป็นพริกไทยที่ให้ความปร่ากับเม็ดจันทน์เทศที่มาให้กลิ่นออกไม้หอมนิดเผ็ดนุ่ม กลิ่นมีความโปร่งติดแป้งจางๆ และมีกลิ่นเย้าๆ ติดสากบางๆ ของพิมเสนกับไม้หอมติดอุ่นๆ ดันขึ้นมาผสมผสานด้วยในช่วงนี้กลิ่นเลยจะเป็นกุหลาบ หญ้าฝรั่น และพิมเสนที่มีความอุ่นติดไม้หอมเคล้ากันลงตัว โดยยังให้ความรู้สึกดาร์กแบบซีทรูอยู่คุมโทนได้ดี แล้วส่งต่อให้ Base Notes ที่คราวนี้จะเป็นกลิ่นแบบอุ่นนัวชัดเจนมากขึ้น เพราะกุหลาบกับหญ้าฝรั่นจะจางลงไปเป็นสายสนับสนุน ปรับโทนให้กลิ่นมาสายอบอุ่นติดนัวเพราะจะเด่นที่ความเป็นพิมเสนกลั้ววานิลลาอุ่นๆ กลั้วไม้หอม ในช่วงนี้จะสัมผัสได้ว่ามี Oud อยู่ แต่จะมาแบบเบาบางแทบไม่มีความอวลแบบ Oud แบบชัดๆ นัก มาแบบนักแสดง Extra ประมาณนั้น กลิ่นมีความเย้ายวนดึงดูดชัดเจน ยังคุมโทนความดาร์กแบบซีทรูที่มีความอุ่นนัวมากขึ้น 

ภาพรวมจึงเป็นกลิ่นที่คล้ายตัวดังที่อ้างถึงแน่ๆ แต่จะไม่ได้มาแบบแน่นดาร์กจัดเต็มสไตล์ Noir de Noir ที่จะให้ความรู้สึกแบบกุหลาบดำที่โดนชอคโกแลตอุ่นๆ สาดจนชุ่มที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลความดาร์ก ซึ่งถ้าจะเปรียบจริงๆ Club de Nuit จะให้ภาพของกุหลาบเด่นอยู่หลังม่านดำซีทรูที่มีกลิ่นนัวๆ ยั่วและเย้ายวน แบบเบาๆ เซ็กซี่ ดึงดูด โดยที่ไม่ปล่อยพลังกระจายจัดๆ นั่นแล 

เหมาะสำหรับ รุ่นนี้ตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง แต่เอาจริงๆ มีความเป็นโทน Unisex ในระดับหนึ่งที่ผู้ชายสามารถใส่ได้สบายๆ เพียงแต่จะเอนไปทางสาวๆ ราวๆ 65% นั่นเอง โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม โยกลิ่นสามารถใส่ได้ในยามทางการที่อาจจต้องเลือกงานหน่อย ถ้างานทางการจัดๆ อาจจะไม่เอื้อนัก ส่วนยามชิลล์ๆ ก็จัดไป กลิ่นดูมีของไม่น้อย งดใส่ยามออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้เป็นอีกตัวที่สมชื่อรุ่นว่า Club เลย เพราะใส่ไปท่องราตรีได้เลย แต่อาจจะต้องอัดสเปรย์นิดนึง ก็สู้ชาวบ้านได้แล้ว 

ความทน อยู่ที่ประมาณ 6 ชม. เป็นตัวตั้ง แต่จะมากหรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงสภาพผิวเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวจัดไป 6 สเปรย์ อยู่ทั้งในห้องแอร์และอากาศร้อนด้านนอก กลิ่นลากไปที่ 8 ชม. ได้สบายๆ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะลดลงไปเรื่อยๆ ที่ออร่าเบาๆ และเป็น Skin Scent ในเวลาต่อมา ลากไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปจากผิว 

ทิ้งท้าย ง่ายๆ มันคือ Noir de Noir แบบ Lite Version ที่ใช้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง จบข่าว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - https://4.imimg.com/data4/TK/YS/MY-11554839/clubdenuitintense-500x500.jpg

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: John Varvatos - Platinum Edition

John Varvatos - Platinum Edition 

หลังจากที่ได้ลองรุ่นไม้สาน Artisan for Men ไป ก็เรียกว่าไม่ได้กลับมาแตะแบรนด์ John Varvatos นี้อีกเลยจนมาได้มีโอกาสกลับมาหาอีกครั้งยามเมื่อเห็นว่าขวดสีเงินกับชื่อรุ่นว่า Platinum Edition มันดึงดูดสายตาให้ลองกลิ่นเสียเหลือเกิน และมีคนบอกว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นแนวหนังกลั้วไม้หอมที่น่าสนใจมาก เช่นนั้นได้โอกาสจัดมาซะเลย และลองกันเน้นๆ ผลที่ออกมาคือ 

Top Notes มากับกลิ่นโทนสมุนไพรกลั้วเครื่องเทศที่ออกทางไม้หอมติดอบอุ่นอย่างอบเชยกันก่อน เพียงแต่ว่าโทนสมุนไพรที่เผ็ดปร่ามีความโปร่งในเนื้อกลิ่นอย่างเม็ดผักชีที่เป็นตัวนำจะค่อนข้างเด่นกลบโทนอบอุ่นของอบเชยไปพอสมควร และมีตัวสนับสนุนที่ดีอย่างโทนซิตรัสที่มาแบบติดเปลือกขมนิดๆ เสียด้วย ที่สำคัญในเนื้อกลิ่นจะชัดมากว่ามีกลิ่นแนวๆ ยางไม้หรือเรซิ่นให้รู้สึกได้ กลิ่นจะผสมผสานกันออกมาเป็นโทนแบบปร่าสดชื่น บางวูบจะได้อารมณ์ยาหม่องบ้าง เพราะกลิ่นสมุนไพรแนวนี้มันเข้าโทนยาหม่องได้อยู่ และบางวูบจะได้ความรู้สึกแบDirty เท่ห์ Cool เข้ามาด้วย ซึ่งพอเข้า Middle Notes กลิ่นจะเริ่มชัดขึ้นถึงความเป็นโทนไม้หอมที่มีลักษณะของโทนธูปที่ติดเปรี้ยวนิดๆ แนว Frankincense ผสมผสานกับกลิ่นอบอุ่นนวลๆ แนวยางไม้ กลิ่นจะมีความ Smoky ให้รู้สึกได้จากหญ้าแฝก และยังมีกลิ่นอายของพิมเสนที่มาแบบโทนนวลๆ เข้ามา ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นหนังนุ่มๆ รองพื้นอยู่ เป็นตัวตรึงและสนับสนุนให้โทนยางไม้และธูปเด่นขึ้นมาแบบชัดเจนเสียมาก แล้วกลิ่นจะส่งต่อไปยัง Base Notes ที่คราวนี้พิมเสนจะเป็นตัวเด่นขึ้นมาตีคู่กับโทนไม้หอม ซึ่งจะมีกลิ่นไม้จันทน์หอมนวลๆ ที่จะเป็นตัวนำเลยในช่วงนี้ และจะมีความอบอุ่นของแอมเบอร์ที่ไม่ได้มาสายติดวานิลลา แต่มาสายติดเปรี้ยวจางๆ เคล้ากลิ่นยางไม้อุ่นๆ มาเคล้ากับนุ่มนวลของหนังให้รู้สึกได้โดยมาลักษณะสายสนับสนุนรองพื้นชั้นดีให้กลิ่นหอมนวลของไม้จันทร์หอมและพิมเสนเด่นแบบยาวไป ซึ่งภาพรวมน้ำหอมตัวนี้จะให้ความความรู้สึกแบบผู้ชายเท่ห์ๆ ติด Dirty แมนที่มาสายอบอุ่นนวลๆ น่าค้นหาประมาณนั้นเลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ได้แล้ว แต่มันจะไพล่มาทางกลิ่นอัพให้เราโตและอบอุ่นขึ้น ถ้าไม่มายด์จัดไป แต่ถ้าเป็นโซนวัยทำงาน ตัวนี้จะเข้าทางมากในแง่ของการใช้ในหลายๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นทางการและทั่วๆ ไป แต่กลิ่นจะไม่เหมาะกับแนวๆ ออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งเพราะเดี๋ยวจะตีขึ้นจนตื้อเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ตัวนี้อัดสเปรย์หน่อยกลิ่นเท่ห์ออกท่องราตรีแบบแนวคูลๆ ได้เลยล่ะ 

ความทน - อยู่ที่ประมาณ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบราวๆ 2 ชม. ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด พึ่งเคมีบางส่วนเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับ 6 สเปรย์ แบบวันอากาศร้อนๆ ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ได้สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางแบบลากยาวไป พอเข้าช่วงท้ายจึงจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว พ้น 8 ชม. ไปแล้วก็ Skin Scent ชัดเจน ก่อนจะจางไปตามเวลา 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ถือว่าทำออกมาเหนือความคาดหวังส่วนตัวของผมพอสมควร เพราะดีและลงตัวในแง่ของการเป็นน้ำหอมโทนไม้จันทร์ พิมเสน และแอมเบอร์ที่หอมแบบมีของอยู่ในตัวมาก และที่สำคัญตัวนี้ Limited Edition ด้วย เรียกว่ามีจี๊ดสำหรับคนชอบเก็บน้ำหอม Discontinued กันเลยทีเดียว 

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - https://fimgs.net/images/secundar/o.23225.jpg

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Azzaro – Chrome Legend

Azzaro – Chrome Legend

Azzaro Chrome เป็นหนึ่งในตองอูทางด้านน้ำหอมกลิ่นสะอาดที่ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยมาเสมอ และแน่นอนมีออกลูกออกหลานกันเต็มไปหมดลากกันเด่นยกไลน์เลยทีเดียวจนมาเมื่อปี 2007 ก็ได้ออกลูกออกมาอีก 1 ตัวที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมกลิ่นสดชื่นที่กำลังภายในดีเป็นลำดับต้นๆ ของแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งกลิ่นจะเป็นยังไงต้องพิสูจน์ซะหน่อยกับรุ่นนี้เลย Chrome Legend 

เปิดต้นกลิ่นมาก็สดชื่นกันเต็มที่ไปเลยกับการเป็นกลิ่นโทนซิตรัสแบบสะอาดสดชื่นกันเต็มๆ มีความคมติดเมทัลลิคแบบที่ต้นตระกูลทำไว้เลย เพียงแต่ในความสดชื่นวาบๆ คมๆ นั้นจะมีกลิ่นโทนผลไม้ติดเปรี้ยวสดชื่นที่เด่นขึ้นมาอย่างแอปเปิ้ลเขียว และมีกลิ่นของชาที่มาแบบเขียวสว่าง กลิ่นในช่วงนี้จะได้อารมณ์แบบเหมือนอากาศสดชื่นถาโถมตู้มเป็นโกโก้ครันช์ให้โทนสีฟ้าน้ำทะเลสร้างความรู้สึกตื่นตัวกระปรี้ประเปร่าได้เลย และจะเป็นโทนหลักที่ยืนพื้นอยู่ในทุกๆ ช่วงของน้ำหอมให้ความสดชื่นและสะอาดแบบยาวไป จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางความสดชื่นทั้งหลายจากช่วงต้นจะยังมีอยู่ แต่จะชัดเจนขึ้นมากเพราะกลิ่นอายแบบทะเลสบายๆ ออกแนว Sea Breeze หรือลมทะเลที่ไม่มีกลิ่นคาวมาเจือ เน้นให้ความสดชื่นเต็มๆ โดยที่เนื้อกลิ่นจะมีความเขียวเจือติดแมนและมีความนุ่มสะอาดติดครีมมี่มีไม้หอมจางๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นโทนครีมมี่กับไม้หอมจะชัดมากขึ้นนำเข้าสู่ช่วงท้าย ที่แน่นอนความสดชื่นยังคงมาเต็มๆ อยู่ แบบกึ่งทะเลกึ่งสะอาดแต่จะมีความเป็นไม้หอมแห้งๆ เสริมเข้ามามากขึ้นแบบสายสนับสนุนที่ให้ความสบายๆ อบอุ่นเบาๆ และเนื้อกลิ่นจะมีความครีมมี่ที่ชัดขึ้น กลิ่นจะมีความนวลขึ้นมาจากถั่วตองก้า แต่จะไม่ได้มาแบบครีมมี่ปุยนุ่นจนกลบความสดชื่นไปเสียหมด เพราะเนื้อกลิ่นช่วงนี้จะมีสมดุลย์ลงตัวกันพอดีและระหว่างความสะอาด ความสดชื่น และความนุ่มนวล บนพื้นฐานความแมนสดชื่นสะอาดตามสไตล์ของการเป็น Azzaro Chrome แต่ยกระดับให้เนื้อกลิ่นมีความนุ่มและมีผลไม้เข้ามาทำให้มีมิติที่ฉีกออกมาโดยไม่ทิ้งความเชื่อมโยงที่ควรจะเป็นนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่าย มีลักษณะของความสดชื่น สะอาด และ Sport เสริมด้วยความนุ่มนวลครีมมี่ที่ทำให้มีมิติมากขึ้น โดยที่คนไม่ยี้เพราะมันหอมแบบสากลนิยมและมีความปลอดภัยมากเลยทีเดียว (แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม) ซึ่งสามารถใช้ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เรียกว่ากวาดหมดทุกกรณี ส่วนยามค่ำคืน ถ้าเป็นใส่เดินเล่น เดินเที่ยวเสริมความสะอาดติดนุ่มเจือสบายๆ ใส่ได้เลย แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรีกลิ่นนี้อาจจะดึงดูดได้อยู่ เพียงแต่เวลาไปเจอกับโทนหวานๆ เย้ายวน อาจจะเหนื่อยในการสู้เพื่อดึงดูดความสนใจพอสมควร

ความทน อันนี้สิ ยกนิ้วให้เลย กลิ่นนี้เรียกว่าต่อยอดความทนจาก Azzaro Chrome ปกติ มาให้ทนมากขึ้น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8 ชม. เป็นหลัก ซึ่งมากกว่านี้ได้ถ้าจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเหมาะสม ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. สบายๆ เลยกับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ หอมสดชื่นตลอดวันทนแดดทนเหงื่อได้ดีเลยทีเดียว

การกระจาย กลิ่นกระจายแบบ Fresh Bomb กันเลยในตอนแรก เพราะกระจายดีเว่อร์มากในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นกระจายดีในช่วงกลาง แล้วผันตัวเป็นกระจายปานกลางกึ่งออร่าสะอาดๆ สดชื่น ติดนุ่มสบายในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย ถ้า Versace pour Homme เป็นตัวหลักที่เอาความสดชื่นคมๆ เป็นที่ตั้ง และ Chanel Allure Homme Sport เอาความครีมมี่เป็นตัวหลัก Azzaro Chrome Legend เหมือนเป็นตัวที่อยู่ตรงกลางของ 2 ตัวนี้ แบ่งภาคกันได้ดีระหว่างสดชื่นกับครีมมี่ไม้หอม โดยที่ยังดึงเอาความเป็น Signature ของไลน์มาโชว์ให้เห็นได้ชัดเจน ประมาณนี้เลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ  https://i5.walmartimages.ca/images/Enlarge/954/247/999999-3351500954247.jpg

วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Tauerville – Fruitchouli Flash

Tauerville – Fruitchouli Flash

กลับมาหา Tauerville กันอีกดีกว่า ซึ่งคราวนี้ Andy Tauer เจ้าของแบรนด์รวมถึงการเป็น Perfumer จะมาปล่อยความสนุกกับการสร้างความเป็น Flash ด้วยกลิ่นอายของการผสมผสานความเป็นผลไม้และพิมเสนเข้าด้วยกันตามสไตล์ Funville ของเขา ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างก็มาดมผ่านตัวหนังสือกันดีกว่ากับรุ่นนี้เลย Fruitchouli Flash

เรียกว่ากลิ่นเปิดเล่นเอาอึ้ง เพราะถือว่าปล่อยของแรงกันใช่ย่อยกับความเป็นกลิ่นแนวไซรัปแอปริคอตเคล้ากลิ่นพีชที่เด่นเป็นสง่าสมคำว่า Fruit กันเต็มๆ เพียงแต่ว่าจะไม่ได้มาในลักษณะผลไม้ฉ่ำหวานอมเปรี้ยวแบบที่คาดว่าจะเจอ เพราะความสนุกมันอยู่ตรงที่เขาบิดความเป็นกลิ่นผลไม้ลักษณะนี้ด้วยโทนพิมเสนที่มีความสากติดไม้หอมใส่ความเป็น Chouli ต่อจากคำว่า Fruit กลิ่นที่ได้เลยจะเป็นตีคู่กันเด่นจนออกแนวไซรัปติดเปรี้ยวเจือหวานมีความคมผสมสมุนไพรพุ่งกันชัดเจน เรียกว่าเปิดมาก็เอาสไตล์คล้าย A*Men หรือ Joop! Homme ที่เน้นพุ่งทะลวงปล่อยของไม่ยั้งเลย ซึ้งแน่นอนหลายๆ คนอาจจะตกใจในความคมบาดกระจายและรู้สึกไม่พึงประสงค์ที่จะเจอนัก เรียกว่ามาสาย รักมากหรือเกลียดสุดๆกันตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งกลิ่นอายของผลไม้และพิมเสนจะเป็นตัวหลักราวกับเป็นศูนย์กลางของกลิ่นอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ โดยเมื่อเข้าช่วงกลางกลิ่นจะลดทอนลงมาคงความเป็นผลไม้ออกทางไซรัปติดเปรี้ยวเจือหวานปลายลงมา เพราะมีกลิ่นโทนดอกไม้มาตัดทอนให้นุ่มมากขึ้นอย่างกุหลาบและโทนดอกไม้ขาวที่จะมาแบบกำลังดี ไม่ได้ออกทางแน่นข้นเน้นเป็นสายสนับสนุนเสียมาก ให้กลิ่นนวลลงมาและทำให้กลิ่นของผลไม้กับพิมเสนรวมตัวเข้ามาหอมแบบผลไม้ติดกลิ่นสมุนไพรเจือไปตลอด และมีเสน่ห์แบบลั่นล้ากรุ้มกริ่มได้ลงตัว จนเมื่อผ่านไปก็ได้เวลาของ Base Notes กลิ่นผลไม้จะลดทอนลงมาอีกเพราะความนุ่มนวลเจือความอบอุ่นแบบจางๆ ที่มาจากโทนไม้หอม โดยจะมีกลิ่น Musk มาเสริมทัพแบบรองพื้นชัดเจนแบบที่ถ้าไม่ดมติดผิวแทบจะไม่รู้เลยว่ามี แต่สิ่งที่ดีงามขึ้นมาเลยคือ พิมเสน ที่จะกลายเป็นตัวคุมโทนหลักหอมรื่นจมูก มีความสะอาดแบบติดสมุนไพรแห้งๆ ให้เกิดความรื่นจมูกเคล้าความเปรี้ยวอมหวานของกลิ่นผลไม้ที่ยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ตลอด ภาพรวมจึงเรียกว่าเป็นกลิ่นที่มาแบบแหวกแนวความเป็นโทนผลไม้ในแบบที่เคยได้กลิ่นกันมาค่อนข้างมาก มีความ Unique และกลิ่นอายที่แฝงความสนุกและความเก๋แบบที่ไม่เหมือนใครได้มากเลย

เหมาะสำหรับ กลิ่นนี้มาสาย Unisex ชัดเจน แบ่งภาคกันได้เป็นอย่างดีแบบผลไม้คือผู้หญิง พิมเสนคือผู้ชาย ซึ่งจะอยู่คู่กันเป็นแกนกลางหลักของน้ำหอมตัวนี้เลย กลิ่นเรียกว่าแอบยากพอสมควรในแง่ของการใช้งานแบบทางการบ้าง เพราะกลิ่นแนวนี้มันได้อารมณ์ติดลั่นล้าพอสมควร แต่ถ้าใส่ทำงานใน Office ทั่วไป หรือไม่ได้พบปะผู้คนอะไรมาก ก็ถือว่าจัดไป นอกนั้นใส่แบบทั่วไปชิลล์ๆ ก็สามารถ เพียงแต่จำนวนสเปรย์เหมาะสมจะดีกว่า เพราะจะหอมกำลังดี ลั่นล้ากำลังงาม ไม่งั้นจะเป็นไซรัปคมๆ เจือสมุนไพรเดินได้เอา ที่สำคัญงดใส่ออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งไปเลยกลิ่นจะกระจายดีมากจนจุกคอหอยเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนกับการท่องราตรีกลิ่นนี้ถือว่ามาสายเรียกร้องความสนใจได้ดีแบบ Joop! และ Thierry Mugler ได้สบายมาก 

ความทน มากกกกก 10 ชม. กลิ่นยังอยู่ เรียกว่าความทนไม่ได้ลดราวาศอกเลยทีเดียว และมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายๆ กับความเป็นผลไม้เจือพิมเสนที่ฟินมาก

การกระจาย มาเต็มที่สุดในช่วงแรก เรียกว่าพุ่งเปิดตัวกันแบบปังๆ เลยทีเดียว แล้วจะค่อยลดลงมากระจายปานกลางในช่วงกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย เอาตรงๆ คนชอบ A*Men, Angel หรือ Joop! Homme จะชอบตัวนี้ได้ไม่ยาก เพียงแต่จะมาแบบไซรัปผลไม้เด่นจัดชัดจริงมากกว่าจะหวานเย้ายวน ซึ่งถือว่าทำออกมาได้สมชื่อ มีความแปลกเก๋แกมสนุกสนานในเนื้อกลิ่นได้น่าสนใจมาก ที่สำคัญถ้า A*Men จะทำ Flanker ออกมาเป็นตัว Pure Fruit หรือ Ultra Fruit แล้วล่ะก็ เอาตัวนี้ไปแทนได้เลย เพราะมีกลิ่นอายที่จูนเข้ากันได้กับไลน์ดาวฝั่งชายทั้งหมดสบายๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ เข็มขัดสั้น

Review: Christian Audigier – Ed Hardy: Villain for Men

Christian Audigier – Ed Hardy: Villain for Men 

ลวดลายแบบ Graffiti ที่เป็นเอกลักษณ์ของไลน์ Ed Hardy จากแบรนด์ Christian Audigier จะเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดสายตาได้เสมอ ซึ่งขวดน้ำหอมก็เช่นกัน เมื่อขวดสวยก็ต้องพิสูจน์ ยิ่งขวดเป็นลายงูผงาดด้วยก็อยากรู้เลยว่ากลิ่นจะทำให้ผงาดขนาดไหน ผลที่ออกมาคือ 

Villain for Men เปิดต้นกลิ่นมาด้วยความคมของโทน Citrus ผสมผสานกับสมุนไพรที่จะมีความนัวบาดรองพื้นด้วยความอบอุ่นที่สัมผัสได้กันตั้งแต่ตอนนี้กันก่อนเลย ได้อารมณ์แบบมาร้ายๆ แรงๆ กันเต็มๆ อาจจะพาลเอาฉุนได้ ซึ่งกลิ่นของมะกรูดจะเป็นตัวเด่นนำแต่กลิ่นจะเสริมความแมนกันตั้งแต่ช่วงนี้ตรงสมุนไพรติดปร่าและอวลจากโหระพาและเซจ ซึ่งในความอบอุ่นที่เป็นตัวรองพื้นจะค่อนข้างชัดและกลิ่นสร้างความเย้ายวนกันตั้งแต่ต้น ซึ่งความนวลอวลจะเริ่มชัดขึ้นโดยที่กลิ่นปร่าๆ สมุนไพรในตอนต้นจะเริ่มจางลงไป ก็จะเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นโทน Citrus จะเริ่มลดระดับมาผสมผสานกับกลิ่นนวลๆ ของลาเวนเดอร์ที่ให้ความแมนๆ เคล้ากลิ่นหอมหวานเย้าติดเผ็ดของเม็ดกระวานทำให้กลิ่นเข้าทางเซ็กซี่ดึงดูดกันเต็มๆ โดยเนื้อกลิ่นจะมีความเผ็ดสดชื่นเข้มหน่อยๆ ของพริกไทยเจือแบบแย่งซีนไปด้วยตลอดแต่ก็มีความนุ่มเจือให้รู้สึกได้บ้าง กลิ่นเลยจะบอกอารมณ์แนวๆ เท่ห์อุ่นแต่มีความเก๋าแบบ Bad Boy พอสมควร โดยที่กลิ่นอบอุ่นของไม้หอมที่อวลๆ นัวๆ จะยังคุมโทนหลักแบบตัวรองพื้นที่ไม่ให้ใครแย่งซีนและจะเริ่มนำเข้าสู่ช่วงท้ายโดยกลิ่นของแอมเบอร์ที่มาแบบไม้หอมติดอบอุ่นนัวๆ กลิ่นอยู่ระหว่างความติดเปรี้ยวนิดๆ อุ่นติดวานิลลาบางๆ โดยที่จะมีกลิ่นไม้หอมอย่างซีดาร์ที่ให้ความขรึมแทรกไปตลอด ซึ่งเนื้อกลิ่นจะไม่ได้คมแบบตอนต้นเพราะกลิ่นมีความนวลๆ ของ Musk ที่ตัดทอนความคมออกไปได้เสียหมด เลยจะได้ความนัวอุ่นเร้าใจและเซ็กซี่กำลังดีไปตลอด ซึ่งภาพรวมกลิ่นจะออกทางเย้ายวนเซ็กซี่ โดยไม่ได้เน้นสายหวาน แต่มาสายอบอุ่นติดคมแมนนัวร้ายนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นอาจจะมาสายคมอุ่นแหลมกันนิดนึงในตอนต้น ที่เหลือจะเริ่มเป็นกลิ่นนัวๆ แมนๆ อุ่นๆ ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป หรือถ้าใส่ทำงานก็พอได้ แต่ถ้าออกงานทางการจัดๆ หรือรับแขกบ้านแขกเมืองอาจจะดูนัวไปนิด ออกกำลังกายและกิจกรรมการกลางไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่เดี๋ยวอึดอัด ยกเว้นออกกำลังกายในร่มบนเตียงกับใครนั่นอีกเรื่อง ส่วนยามค่ำคืนจัดไปกลิ่นถือว่าทำหน้าที่ได้ดีในการสร้างความแมนและลุค Bad Boy และเย้ายวนชวนอุ่นนัวได้น่าสนใจแบบที่ไม่ได้ดูลั่นล้าจัดๆ ออกแนวมีของซ่อนคมประมาณนั้นเลย 

ความทน กลิ่นทนน่าสนใจมากที่ราวๆ 8 ชม. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าจะคมๆ แมนๆ อุ่นๆ กันก่อน เรียกว่าอาจจะตกใจกันนิดนึง พอเข้าช่วงกลางแล้วจะกระจายปานกลางกำลังดีนัวๆ แล้วจะลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวกึ่ง Skin Scent ติดผิวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - ซึ่งถ้า D&G The One for Men เป็นตัวที่ให้ความเย้ายวนแบบกรุ้มกริ่มเจ้าเสน่ห์แบบเมโทร ตัวนี้จะมาสายใกล้เคียงกันเพียงแต่ว่าแค่ไม่มียาสูบเป็นตัวเด่น เพราะเน้นอุ่นนัวฮอตฉ่า Bad Boy ติดดิบเท่ห์กว่านั่นแล 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตก่อนหน้านี้แล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - https://i5.walmartimages.com/asr/82597019-1a59-43d3-abdd-a269e70c7bba_1.53a6a7a6b2c690adeed569b734542997.jpeg

วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Cerruti – Image Harmony

Cerruti – Image Harmony 


ใครที่ชอบน้ำหอมกลิ่นเบาสบาย ปลอดภัย และไม่รบกวนใคร เห็นทีต้องมาพิจารณารุ่นนี้ของ Cerruti กันหน่อย เพราะว่าทำออกมาได้ครบถ้วยการเป็นน้ำหอมที่เป็นโทนกลิ่นอ่อน สะอาด และสุภาพ แบบที่ไม่รบกวนใคร ซึ่งจะ Safe Scent แบบไหน Image Harmony ก็มาลักษณะนี้เลย


เปิดมาก็เขียวสดชื่นแบบเบาๆ ใสๆ กันเลย เพราะกลิ่นใน Top Notes จะเป็นการผสมผสานระหว่างโทรผลไม้ที่ติดฉ่ำๆ หน่อยของลูกแพร์แบบไม่ได้มาสายหวานนัก มีความเป็นโทนหวานติดจืดจางๆ ซึ่งจะเป็นตัวหลักเคล้ากับกลิ่นเขียวของๆ ของมินท์และใบตอง เนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นโทนซิตรัสติดเขียวเจือ มีความโปร่งติดเผ็ดบางๆ รวมกันจนได้อารมณ์แบบสดชื่นแบบยามเช้ากำลังดี มีความแมนเบาๆ สบายๆ ในเนื้อกลิ่น ซึ่งเพียงไม่นานก็ขะเข่าสู่ Middle Notes กับการยกเอากลิ่นในช่วงแรกทั้งหมดตามมา แต่จะเริ่มมีตัวเด่นขึ้นมาตีคู่ผสมผสานกับลูกแพร์อย่าง จูนิเปอร์เบอร์รี่ ที่จะมาให้อารมณ์เขียวเบาๆ ติด Spicy กลิ่นจะไม่ได้แบบหนักหน่วงจนทำให้รู้สึกแบบเขียวซ่าจัดๆ หรือออกแป้งเย็นอะไรขนาดนั้น ทุกอย่างโดนคุมโทนให้มาแบบผ่อนคลายสบายๆ หมด เลย โดยที่กลิ่นจะให้ความเบากำลังดี มีกลิ่นมะลินวลใสจางๆ มีความเขียวบางๆ ติดครีมมี่นิดๆ ได้อารมณ์แบบกลิ่นสบู่ที่มีโทนเขียวติดครีมหน่อยๆ ติดผิวกาย กลิ่นจะมีความนิ่ง มีภูมิ ออกแนวไม่โฉ่งฉ่างและเบาบางแบบไม่รบกวนใคร ได้ความรู้สึกแบบสะอาดสบายๆ ตั้งแต่ตอนนี้และส่งต่อไปยัง Base Notes ที่ความครีมมี่อ่อนๆ จะชัดเจนเป็นกลิ่นโทนไม้หอม ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความอบอุ่นนวลๆ มีความเขียวเจือจางสะอาด ซึ่งก็เหมือนเดิมจ้ะ กลิ่นยังคงความเบาบางรื่นรมย์ ออกแนวใส่น้ำหอมที่เน้นความเรียบง่ายไม่เน้นปล่อยของเน้น ให้ความรู้สึกกลิ่นสะอาดสะอ้านนิ่งๆ Safe Scent ชัดเจนไม่มีผิดเพี้ยนตั้งแต่ต้นยันจบเลย

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศทุกวัยยกเว้นวัยทารกหรือเด็กอนุบาล ส่วนเด็กประถมขึ้นไปฉีดใส่เสื้อที่สวมซัก 1-2 สเปรย์ทิ้งไว้ซักพักก่อนเอามาใส่ก็เลยไม่ระคายเคืองผิวด้วย เพราะกลิ่นจะสะอาดนิ่งๆ สบายๆ ซึ่งกลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมาก มหาชนชอบ ไม่มีคนยี้กลิ่นนี้แน่ๆ โดยสามารถใส่ได้หมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดเกลี้ยงแบบเน้นปลอดภัยทางด้านกลิ่น ใส่ออกกำลังกายก็ได้เลยเพราะให้ความสดชื่นสะอาดไม่คมเกินไป ส่วนยามค่ำคืน ถ้าเน้นสดชื่นสบายๆ ก็จัดไป แต่ถ้าเน้นไปท่องราตรีหยุดเถิด กลิ่นนี้โดนกลบหมดแน่นอนแบบแค่ก้าวขึ้นรถจะไปเที่ยวจะจบข่าวได้เลย ส่วนสำหรับคุณผู้หญิงกลิ่นนี้ถือว่าใช้ได้สบายมาก มีความ Unisex อยู่มากเลยเพียงแต่จะแฝงความติดแมนบ้างนิดหน่อย ถ้าไม่มายด์ก็ใช้ได้สบายมาก

ความทน อยู่ที่ราวๆ 4 – 6 ชม. โดยประมาณ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวอยู่ที่ราวๆ 6 ชม. ได้สบายๆ แต่จะมีติดผิวอยู่บ้างแบบเบาๆ ยืดไปได้อยู่ถ้าไม่ได้เจออากาศร้อนๆ

การกระจาย กลิ่นกระจายกำลังดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่าสดชื่นสะอาดเบาๆ รอบๆ ตัว แล้วจึงเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย เป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อนที่ยังไงก็ไม่รบกวนใครจริงๆ สมชื่อว่า Harmony ที่รื่นรมย์ได้อยู่ ที่สำคัญเป็น Limited Edition ใครชอบน้ำหอมแบบที่ใส่ให้ความสะอาดสดชื่นแล้วไม่อยากรบกวนใคร เน้นให้รู้สึกถึงความเป็นผู้ชายสะอาดสะอ้านตัวนี้เข้าทางเลย และอีกอย่าง หัวฉีดเก๋ดีกดง่ายด้วย ^^

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ


วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Parfums Dusita – Issara

Parfums Dusita – Issara

Parfums Dusita แม้ใน Database ของเวบน้ำหอมจะบอกว่าเป็นน้ำหอมสัญชาติฝรั่งเศส แต่เกิดขึ้นจากฝีมือของคนไทยอย่างคุณ Pissara Umavijani ที่ทำให้แบรนด์นี้ก้าวขึ้นไปสู่การเป็น Niche Perfume ที่แจ้งเกิดระดับโลกกันเลย กับการเปิดตัว 3 รุ่นแรกเมื่อปี 2015 กระแสมาตรึมเลยทีเดียว (แน่นอนว่ายังไม่มีขายในไทย) ซึ่งสบโอกาสได้ลองก็ไม่พลาดที่จะมาบอกเล่าว่ากลิ่นน้ำหอม 1 ใน 3 รุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาอย่าง Issara กลิ่นจะเป็นยังไงบ้างล่ะนั่

คำเตือน คนที่ชอบน้ำหอมโทนสว่าง ผ่อนคลาย มีความสุขุม แต่ก็ชวนอบอุ่นในหัวใจและรื่นรมย์ให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้ายามที่ได้กลิ่นจากคนใกล้ตัว อย่าได้สนใจน้ำหอมรุ่นนี้เป็นอันขาด ทำไมน่ะเหรอ 


เพราะคุณจะหลงมันได้นี่แหละ (><) 

กลิ่นเปิดต้นทางด้วยการเป็นกลิ่นไม้นวลหอมติดเขียวเจือของสนไพน์ที่จะมีกลิ่นอายติดปร่าเขียวสมุนไพรจางๆ เสริมเข้ามา ซึ่งกลิ่นจะมีความชัดและเป็นธรรมชาติกันชัดเจน แต่เหนืออื่นใดกลิ่นที่เป็นตัวรองพื้นอย่าง Musk แบบนวลรื่นจมูกจะมาแจมกันตั้งแต่ช่วงนี้ด้วยการทำตัวเป็นสายดันดาราให้กลิ่นได้ความรู้สึก Aromatic นุ่มนวลจมูกดันโทนสมุนไพรและกลิ่นไม้หอมแบบธรรมชาติให้เป็นตัว On top ที่มีความอะโรม่าสูงมากให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เนื้อกลิ่นจะมีความครีมมี่เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นในช่วงต้นจะตามมาทั้งหมดแต่ให้ความครีมมี่มากขึ้นแต่ไม่ได้ถึงกับข้นมากของถั่วตองก้าที่จะมาแบบนุ่มนวลปุยเมฆมีความอบอุ่นกำลังดีเสริมเข้ากับโทนนุ่มของ Musk ได้ลงตัว เสริมด้วยกลิ่นของยาสูบที่มาทำให้เนื้อกลิ่นมีความหวานโปร่งกลั้วกับความเป็นไม้หอมติดเขียวนวลที่จะมีความแห้งมากขึ้นคงความเป็น Aromatic Tone ที่สมดุลมากและผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกันได้ละมุนและอ่อนโยนมีระดับ กลิ่นมีความเรียบหรู และมีความสบายผ่อนคลายแบบยาวไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่กลิ่นของ Musk จะเริ่มเป็นตัวเด่นให้ความนวลนุ่มออกมาชัดเจนเคล้ากับความครีมมี่ติดหวานเขียวโปร่งที่กลายเป็นลูกคู่สนับสนุน (แอบมีความใกล้เคียงโทนสบู่ครีมสมุนไพรเบาๆ กลิ่นแนวธรรมชาติอยู่พอสมควร) กลิ่นมีโทนแบบผิวกายติดเค็มหน่อยๆ เสริมเข้ามาให้มีความละมุนมากขึ้นเป็นพื้นฐานของกลิ่นในช่วงนี้ เสริมด้วยโทนกลิ่นติดเขียวสากๆ แบบมีเสน่ห์ตามธรรมชาติของ Oak Moss จะเจือเข้ามาให้อารมณ์แบบหรูหราแนว Fougere และมีความอบอุ่นสบายๆ เพิ่มมากขึ้นจากความเป็นไม้หอมติดแห้งสบายๆ แบบกลิ่นเนื้อไม้นวลๆ ภาพรวมเลยเป็นกลิ่นที่ได้ความรู้สึกเรียบหรู นิ่งงันและสบายๆ ไม่ได้มาสายสดชื่นลั่นล้าแบบที่น้ำหอม Designer ทั่วไปเขาทำให้สดชื่นเข้าไปก่อนเป็นดี แต่มาสายนุ่มนวล ธรรมชาติ อบอุ่นแบบคล้ายต้องแสงแดดยามอากาศเย็นๆ (มากกว่าที่โดนแดดแล้วร้องโหยหวนแบบแดดเมืองไทย) ที่สำคัญเนื้อกลิ่นแม้มาสาย Unisex แต่ค่อนมาทางแนว Family Man หรือผู้ชายอบอุ่นพอสมควร ก็ลองนึกถึงเวลาที่เที่ยวป่าอากาศเย็นๆ มีแสงแดดอุ่นกำลังดีส่องลงมา แล้วอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายแข็งแรงซักคนที่กลิ่นกายสะอาดนุ่มๆ หอมนุ่มละมุนเคล้ากลิ่นธรรมชาติดูสิ ประมาณนั้นเลย 

เหมาะสำหรับ เหมือนที่บอกไปว่าแม้น้ำหอมตัวนี้จะบอกว่าเป็น Unisex ที่แตะได้ทุกเพศ แต่ค่อนมาทางผู้ชายมากกว่า ซึ่งเอาจริงๆ ผู้หญิงถ้าใส่กลิ่นนี้ก็จะได้อารมณ์อบอุ่นนุ่มนวลได้อยู่ แม้จะแอบเจือความสตรองลงไปบ้างก็ตาม เช่นนั้นจัดไป ได้หมดตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่น้ำหอมตัวนี้ได้แล้ว (ถ้ามีตังค์ซื้อ) เหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันทั้งหมดกวาดเกลี้ยง แม้ยามออกกำลังกายก็ใส่ได้อยู่แต่งดใส่ในช่วงนี้เลยก็ดี เพราะเปลืองตายชัก (ไม่ได้ราคาถูกนะยู จะเอามาใส่ให้โดนเหงื่อชะล้างออกหมด ถ้ารวยจริงก็ทำไป หรือส่งมาให้เข็มขัดสั้นฟรีๆ เลยก็ได้ถ้าไม่เสียดายในการฉีดมากขนาดนั้น) ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นนี้ไม่เหมาะกับการเอาไปท่องราตรีหาเหยื่อเลย อาจจะโดนกลบเอาได้ แต่ถ้าออกแนวใส่สบายๆ ผ่อนคลาย ให้แฟนซุกอยู่บ้านจะดีกว่า หรือไม่ก็ใส่ไปเดินเล่นให้กลิ่นหอมๆ ดึงดูดคนอื่นให้รู้สึกว่าคนนี้หอมจังเลย แบบนี้เข้าทางกว่าเยอะมาก 

ความทน ลงตัวมากกับ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน ที่อาจจะมีบวกลบอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวจัดตัวนี้ไป 4 สเปรย์โดยประมาณ (เพราะเสียดายไม่กล้าฉีดเยอะ) กลิ่นทนถึง 8 ชม. ได้ดีและลงตัวมาก

การกระจาย กลิ่นค่อนข้างมีความเสถียรในการกระจายที่ไม่หนัก ไม่พุ่ง มาสายปานกลางในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบนุ่มนวลธรรมชาติลากยาวไปจนถึงช่วงท้าย พอพ้นประมาณ 6 ชม. แล้วถึงจะเป็น Skin Scent

ทิ้งท้าย ก็ Parfum Extrait นี่เนาะความเข้มข้นสูง กลิ่นดีงาม หอมน่าหลงมาก ยอมใจจนอยากจะครอบครองหลายๆขวดเพื่อตุนกันเลย โปรดอย่าถามถึงเรื่องงบประมาณ เพราะสั้นจะไม่ตอบ มันเจ็บ -__-“

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - https://www.parfumsdusita.com/product-page/issara

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Comptoir Sud Pacifique - Mage d'Orient

Comptoir Sud Pacifique - Mage d'Orient

กลับมาที่แบรนด์ Niche ที่เก่งในเรื่องการทำกลิ่นขนมหอมหวานอวลแน่นอย่าง Comptoir Sud Pacifique อีกครั้ง จากที่เดิมที่กลิ่นแนวๆ ขนมที่วานิลลาเด่นๆ มักจะเป็นตัวเรียกแขกเสมอ และมาในแบบ Unisex ซึ่งถ้าไม่รวมไลน์ที่มี Oud หรือทำออกมาแนวๆ กึ่งตะวันออกกลาง เขาก็มีน้ำหอมชายที่น่าสนใจหลายๆ ตัวไม่น้อย และใครที่ชอบกลิ่นอายมะพร้าวคงจะพลาดตัวนี้ไม่ได้นั่นคือ Mage d'Orient 

สิ่งที่แรกที่รู้สึกได้เลยว่า ถ้า Virgin Island Water ของ Creed เป็นหนึ่งในกลิ่นมะพร้าวใสๆ ที่มีความเป็นธรรมชาติติดหรูหรา ก็อยากจะขอเพิ่มตัวนี้เข้าไปอีกตัวทันที เพราะว่ากลิ่นที่ได้จะมีความเป็นมะพร้าวแบบเมืองร้อน ที่ไม่ได้มาลักษณะแบบกะทิข้นๆ จนแน่นไปหมดแต่ประการใด ซึ่งเป็นพระเอกของน้ำหอมตัวนี้เลย โดย Top Notes ก็มะพร้าวสดใสมีกลิ่นอายติดเปรี้ยวของมะนาว และมีกลิ่นเจือหวานของสับปะรดเสริมเข้ามา ทำให้ช่วงแรกจะได้อารมณ์แบบน้ำมะพร้าวที่ติดเปรี้ยวเจือหวานติดสดใส ซึ่งแอบได้อารมณ์แบบค็อกเทล Pina Colada ที่ไม่ได้ใส่กะทิลงไปเยอะมากจนแย่งซีน ที่แน่ๆ ได้อารมณ์แบบเจือกลิ่นทะเลที่ไม่ติดคาวล้อมอยู่แบบบางๆ รอบๆ ด้วย เพียงแค่ช่วงต้นก็มาเต็มในลักษณะแบบเกาะกลางทะเลแบบตะวันออกในวันพักผ่อนพร้อมเครื่องดื่มค็อกเทลผลไม้ซักแก้วชัดเจน ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นทะเลจะนำเข้าสู่ Middle Notes ตีคู่กับความเป็นกลิ่นอายของโทนดอกไม้ โดยจะมีมะลิมาให้ความนวลใส แกล้มความเป็นดอกส้มจางๆ ซึ่งมะพร้าวยังตามมาในช่วงนี้ เป็นมะพร้าวติดกลิ่นอากาศแบบทะเลเคล้าความนวลดอกไม้ กลิ่นจะออกแนวผ่อนคลายสบายๆ ไม่ได้ดูเป็นผลไม้เมืองร้อนหรือค็อกเทลแบบตอนแรกแล้ว เพียงไม่นานกลิ่นโทนครีมมี่นุ่มนวลแบบ Lite Version จะเริ่มผสมผสานเข้ามาเรื่อยๆ จนนำไปสู่ Base Notes ที่กลิ่นอายของวานิลลาจะมาแบบเบาๆ เคล้าความครีมมี่ที่เบาๆ ปุยนุ่น โดยจะมีความเป็นไม้หอมอบอุ่นเจือไปตลอดของซีดาร์และไม้จันทน์หอม ที่สำคัญมะพร้าวยังอยู่แบบเบาๆ บางๆ ให้รู้สึกได้อยู่ทำให้กลิ่นจะออกแนวสบายๆ นวลๆ ชิลล์ๆ ได้ความรู้สึกพักผ่อนสบายๆ ริมทะเลชัดเจน แม้กลิ่นจะมาแบบสไตล์ของแบรนด์กับความเป็นวานิลลาที่มีSignature ของตัวเอง แต่ถือว่าตัวนี้ลดระดับความเป็นขนมหอมหวานลงมาได้มากจนพอเหมาะพอเจาะจนเป็นอีกกลิ่นหนึ่งที่สื่อออกมาจนได้ภาพความชิลล์ สบาย และผ่อนคลายแบบที่เป็นโทนที่ผู้ชายไม่ตะขิดตะขวงใจในการใช้งานได้เลย

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็สามารถใช้งานน้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ เพราะกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติแบบสภาพแวดล้อมแห่งการพักผ่อน และสบายๆ ริมทะเล ที่คนได้กลิ่นมักจะผ่อนคลายได้ไม่ยาก โดยสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย ทั้งทางการที่พอแตะได้อยู่ แบบไม่ได้ดูลั่นล้าจนน่าเกลียดแต่อย่างใด ส่วนชิลล์ๆ นี่เข้าทางมาก ถึงมากที่สุด ใส่ออกกำลังกายยังได้เลยสำหรับตัวนี้ เพราะไม่ได้มาสายขนมหนักหน่วง ส่วนยามค่ำคืนไม่ค่อยเข้าทางเท่าไหร่ ถ้าใส่แบบชิลล์ๆ พักผ่อน หรือเดินเล่นอันนี้ลงตัว แต่ถ้าเน้นไปหาเหยื่อเย้ายวน หยิบตัววานิลลาอื่นๆ ของแบรนด์นี้มาใส่แทนจะดีกว่า 

ความทน กลิ่นทนกำลังดีที่ประมาณ 6 ชม. อาจจะมากกว่านี้ได้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวจัดไปที่ 6 สเปรย์กดเต็ม กลิ่นทนไปถึง 8 ชม. ได้สบายๆ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น อารมณ์ชิลล์ผ่อนคลาย แต่มีความสดใสที่ไม่ลั่นล้ากระโตกกระต๊าก จะชัดเจนขึ้นมาให้รู้สึกได้เลย ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว แบบสบายๆ ผ่อนคลาย แล้วจึงเป็นกลิ่นอวลๆ แนว Skin Scent ที่ยามร่างกายขยับเนื้อตัวกลิ่นจะตีขึ้นแบบครีมมี่นวลๆ 

ทิ้งท้าย ไม่ผิดหวังเลย ที่ได้ใช้ตัวนี้ เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ชอบน้ำหอมกลิ่นมะพร้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกะทิแค่ไหนก็เถอะ แต่นี่ทำให้ได้อารมณ์มะพร้าวแบบค็อกเทลผลไม้ผ่อนคลายและแมนๆ ได้อารมณ์นอนริมทะเลจิบเครื่องดื่มแบบสบายๆ มีระดับ แบบที่ไม่ใช่สายฉิ่งฉับเคาะขวดเหล้าทัวร์เป็นหมู่คณะแต่ประการใด 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - https://fimgs.net/images/secundar/o.14855.jpg

วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Jo Loves - Pomelo

Jo Loves – Pomelo

หลังจากที่ Jo Malone ได้ประสบความสำเร็จอย่างแรงมาก แน่นอนว่าก็มีเครือดังมาขออุ้มชูต่ออย่าง Estee Lauder ก็ทำให้ Jo Malone ฮิตติดลมบนมาตลอดเป็นแบรนด์ดังระดับโลกทางด้านน้ำหอม จนมาถึงวันหนึ่งป้าโจเขาก็ปล่อยให้เครือนี้เขาดำเนินการโดยใช้ชื่อของเขาต่อ และหันมาเปิดแบรนด์น้ำหอมของตัวเองอย่าง Jo Loves แยกออกมาเป็น Exclusive แบบชัดเจนที่ UK เท่านั้น ไหนๆ มีโอกาสได้อะไรที่หายากมาเช่นนี้ก็ต้องขยายกันหน่อยแล้วว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไงบ้างกับแบรนด์นี้ ในตัวแรกที่มีโอกาสได้ลองนั่นคือ Pomelo

ส้มโอชัดเจนมากตั้งแต่ต้นยันจบ เพราะกลิ่นนี้มาเต็มในเรื่องของความเป็น Citrus ที่ชัดเจนอย่างกับปอกเปลือกส้มโอแล้วกลิ่นฟุ้งขึ้นมา ตามด้วยหยิบเนื้อส้มขึ้นมากินให้มีกลิ่นอายเปรี้ยวฟุ้งในคอและในปากหอมอย่างธรรมชาติและอะโรม่าฟินๆ กันไป หรือจะเอาเปลือกส้มโอที้ปอกแล้วมาคลุมหัวเป็นผมหน้าม้ากลิ่นที่ได้ก็มาแบบเปลือกส้มหอมมาเลยก็ย่อมได้ และนี่คือ Top Notes แบบชัดเจนมากกับการเป็นส้มโอที่มาครบเครื่องในเรื่องความเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว แม้ว่าเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นกุหลาบ แต่ก็แบบเบาบางพอสัมผัสได้แนวๆ สายสนับสนุนให้กลิ่นส้มโอจัดเต็มไปเลย เรียกว่าเป็นส้มโอเดินได้กันเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง ความเป็นส้มโอในช่วงแรกจะยังคงชัดเจนอยู่ แต่กลิ่นของหญ้าแฝกจะเสริมเข้ามาให้มีความเป็นโทนไม้หอมแห้งๆ ลดทอนความสดชื่นหอมจัดเต็มของส้มโอในตอนแรกลงมาบ้างแบบสมดุล โดยที่ไม่ลดบทบาทส้มโอให้หายต๋อมแบบน้ำหอมโทนสดชื่นอื่นๆ ที่โทน Citrus มักมาเร็วเคลมเร็ว กลายเป็นสนับสนุนกันเป็นอย่างดีไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝกชูโรงความเป็น Citrus ได้ลงตัวติดขมนิดๆ กลิ่นจะมีความนวลเขียวติดดินกำลังดีและมีพิมเสนเริ่มเข้ามาเจือจนเข้า Base Notes ที่พิมเสนจะมาแบบนวลสะอาดเคล้ากลิ่นของส้มโอที่เริ่มเบาลงมา โดยจะมีกลิ่นนวลๆ นุ่มของหนังกลับเป็นตัวรองพื้นเอาไว้ตรึงกลิ่นให้สดชื่นติดหอมนวล โดยที่จะมีความสะอาดนุ่มแบบไม่โหลและมีความสดชื่นคลอแบบกลิ่นส้มโอติดผิวกายไปตลอดจนฟินไปเลย

เหมาะสำหรับ ทุกเพศตั้งแต่วัย ม.ต้นขึ้นไป ก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมากกับการปอกเปลือกส้มโอที่จะได้ความรู้สึกที่สดชื่นติดขมเขียวอะโรม่าชัดเจน กลิ่นเข้าถึงง่ายมากด้วยเช่นกัน จึงสามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบว่ากวาดหมด ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งก็สามารถ (แต่มันหายากนะจะเปลืองไปไหมถ้าไม่ได้อยู่ UK) ส่วนยามค่ำคืนอาจจะเหมาะกับยามอากาศร้อนๆ ที่จะช่วยให้สดชื่นและผ่อนคลาย แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไป ล่าแต้มแต่ประการใด เพราะกลิ่นจะไปสู่โทนหวานไม่ได้แน่ๆ เผลอๆ อาจจะมีคนทักว่าใครปอกส้มโอมาเสียด้วยซ้ำ

ความทน เรียกว่าความทนลงตัวกับประมาณ 6 ชม. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงเคมีด้วยเป็นสำคัญ ส่วนตัวใส่อยู่ในห้องแอร์ตลอดไม่ได้เจออากาศร้อนๆ มากนัก เจอที่ 8 ชม. ได้สบายๆ เลย

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าได้ความเป็นส้มโอแบบจัดเต็มและธรรมชาติมากจริงๆ ก่อนจะลดลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบคนใส่สดชื่นกับตัวเอง แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายจนกว่าจะจางไปจากผิว

ทิ้งท้าย ตอนนี้บอกเลยว่าไม่มีน้ำหอมตัวไหนที่ให้กลิ่นอายแบบส้มโอได้ชัดและธรรมชาติได้มากเท่าตัวนี้แล้วจากที่เคยได้สัมผัสมา ของเขาดีจริงๆ ที่สำคัญมัน Rare Item มากด้วย อยากได้ก็ต้องบินไปหรือฝากชาวบ้านเขาสินะ 555555

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ
- http://www.joloves.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/p/r/product_middle_fragrance_100_pomelo.jpg