แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The House of Oud แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The House of Oud แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Review: The House of Oud - Wonderly

The House of Oud - Wonderly

หิมะตกที่ทะเลทรายซาฮาร่า ถือเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่พักนี้เริ่มเกิดขึ้นถี่ แน่นอนว่ามันอจจะเป็นสัญญาณทางธรรมชาติอย่างหนึ่งที่อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็จริง แต่เมื่อปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้น ในแล่ของความงดงามตามธรรมชาติก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในความสวยงามที่ตัดกันได้อย่างลงตัวระหว่างกับสีขาวของหิมะและสีน้ำตาลของผืนทราย

และปรากฎการณ์นี้ก็เป็นหนึ่งในที่มาที่ไปในการนำมาสร้างสรรค์กลิ่นหอมของ The House of Oud แต่เป็นอีกมุมมองเสียมากกว่าที่ไม่ได้ถอดเอาความเป็นธรรมชาติของปรากฎการณ์ลักษณะนี้มาสู่ขวด แต่มองในมุมที่ว่าเมื่อเราเห็นผืนทะเลทรายที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ มันได้อารมณ์เหมือนขนมหวานอบบางอย่างที่มีน้ำตาลไอซิ่งโรยทั่วไปทั้งหมด อารมณ์เปลี่ยนจาก Desert เป็น Dessert อะไรประมาณนี้ ก็เลยกลายเป็นน้ำหอมกลิ่นนี้ออกมา ซึ่งนั่นก็คือ Wonderly

ช่วงเปิดจะมีอารมณ์เนื้อกลิ่นที่ให้ความกึ่งๆ อยู่พอสมควร เพราะจะมีอารมณ์กึ่งผลไม้ที่มีความเปรี้ยวอมหวานที่ไม่หนักเกินไป ค่อนไปทางโทนแห้งๆ ค่อนแป้งเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นที่จับได้จะมีความหวานอมเปรี้ยวอ่อนๆ ที่มีความนมๆ เล็กๆ ของแอปริคอต และมีกลิ่นออกทางกึ่งเบอร์รี่กึ่งกุหลาบแห้งอ่อนๆ แฝงอยู่ แต่ทั้งหมดจะออกแนว On Top เสียมากกว่าเพราะว่าพื้นกลิ่นคือแป้งที่มีกลิ่นออกทางอัลมอนด์แบบกลางๆ กำลังดี ไม่ได้เป็นอัลมอนด์ที่มาแบบสไตล์ถั่วๆ แต่อย่างใด อารมณ์กลิ่นแป้งอัลมอนด์กึ่งดอกไม้ประมาณนั้นเลย ซึ่งถือว่าเปิดมาก็ให้ความเป็นกลิ่นกึ่งแป้งกึ่งอบอุ่นที่มีความนวลๆ แกมหอมสดชื่นเปรี้ยวอมหวานอ่อนๆ ได้ดี ไม่หนักเกินไป และเข้าถึงได้ง่ายแบบที่ไม่ได้ไก่กาเสียด้วย

การเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางสิ่งที่ชัดมากขึ้นเลยก็คือโทนดอกไม้ขาวอย่างมะลิที่มาเสริมโทนให้กลิ่นมีความเป็นแป้งและมีโทนสีออกทางขาวนวลมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นอัลมอนด์แกมดอกไม้ยังคงมีอยู่แบบพอเหมาะ แต่สิ่งที่ชัดเจนมากขึ้นอีกอย่างคือ โทนไม้หอมนวลๆ ของไม้จันทน์หอมและกลิ่นวานิลลาที่ออกทางแป้งอบอุ่นแกมหวานติดโทนแห้งๆ จะเสริมขึ้นมามากขึ้นตามลำดับทำให้เนื้อกลิ่นมีความนัวๆ อวลๆ ที่กลางๆ กำลังดีมีความละมุนๆ แกมหวานไปเรื่อยๆ จนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพราะมีโทนออกทางยางไม้ติดหวานแห้งๆ แกมแป้งฝุ่นที่ค่อยๆ เปิดตัวออกมาปูทางไปสู่ช่วงถัดไปของน้ำหอม

และในช่วงท้ายจะชัดเจนมาก คือ การเป็นโทนแป้งที่มีความแห้งและมีความเป็นโทนออกทางแป้งฝุ่นเข้ามามากขึ้นของดอกไอริสและน่าจะรวมหัวเหง้าออริสเข้ามาด้วยที่ทำให้กลิ่นมีความทึบแบบแป้งฝุ่นเมื่อเสริมเข้ากับโทนไม้หอมแห้งๆ กึ่งนวลของไม้จันทน์หอมแกมยางไม้ที่มีอารมณ์กลิ่นออกทางกึ่งยากึ่งหวานหน่อยๆ ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นโทนของ Myrrh เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีโทนออกทางผืนทรายและให้สีในความรู้สึกคือสีน้ำตาลเอิร์ธโทนของผืนทรายได้ชัดเจนมากขึ้น โดยมีความหอมหวานอบอุ่นประปรายของบรรยากาศที่มีวานิลลาติดอัลมอนด์อ่อนๆ คลออยู่แบบกำลังดี แกมกลิ่นหวานปนขมยางไม้และไม้แห้งๆ ที่เป็น Effect เสน่ห์ของความแห้งแบบอารมณ์ทะเลทรายเป็นการปิดท้าย

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่อาจจะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่านิดหน่อย แต่ยังไงผู้ชายก็ใช้งานได้สบายมาก ซึ่งเนื้อกลิ่นอาจจะมาสายหวานก็จริง แต่กลิ่นไม่ได้ถึงกับปล่อยพลังจัดจ้านมากเกินเหตุถ้าไม่ได้รัวหนักจนอาบน้ำหอม เลยใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นใส่ทำงาน Office หรือทั่วๆ ไป ซึ่งจะใส่ในวันร้อนๆ ก็พอไหวอยู่แบบจำกัดจำนวนสเปรย์ แต่สิ่งที่ให้ข้ามไปได้เลยคือ ใส่ออกกำลังกาย กลิ่นไม่ได้เหมาะกับกิจกรรมเข้าจังหวะแบบนั้นนัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือว่าโรแมนติคน่าจะดีที่สุด หรือจะใส่ไปท่องราตรีก็ได้อยู่แบบเพิ่มสเปรย์เองตามความเหมาะสม

ความทน - ประมาณ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันตามสภาพผิวผู้ใช้ แต่ถ้าให้ยืดเวลาไปนานที่สุดเท่าที่เคยใช้มาก็ไม่เกิน 10 ชม.

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วค่อนข้างคงตัวไปราวๆ 30 นาที ก่อนที่จะคงที่กับการกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ราวๆ 3 ชม. ชม. ถึงจะผ่อนลงมาที่ออร่ารอบๆ ไปจนถึงประมาณ 7 ชม. ก็เริ่มที่จะ Skin Scent แล้วค่อยๆ จางไปตามเวลา  

สรุป - ถือเป็นการตีความการผสมผสานการเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกแห้งแบบทะเลทรายที่มีความเป็นโทนออกทางแป้งดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกสีขาวเข้ามาสื่อสารถึงการเป็นสีของหิมะ แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้มีความเยือกเย็นในความเป็นหิมะแบบที่ควรจะเป็นก็ตาม แต่ทั้งนี้ภาพรวมของกลิ่นก็ให้ความเป็นโทนออกทางกึ่งๆ ระหว่างความเป็นกลิ่นหวานขนมที่มีพื้นฐานของความเป็นโทนแป้งกึ่งไม้หอมมาผสมผสานกันแบบที่ไม่หนักหน่วงและให้ความรู้สึกรื่นรมย์เคล้าความหวานได้กำลังดี

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit -  https://www.goldenscent.com/en/p/the-house-of-oud-wonderly-eau-de-perfum-for-men-and-women-23651.html?action=prod&id=23650

 

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: The House of Oud - What About Pop

The House of Oud - What About Pop

แม้ว่าการสร้างแบรนด์จะมาจากการจับมือกันระหว่าง Perfumer ชาวอิตาเลี่ยนกับผู้ค่าไม้กฤษณาจากอินโดนีเซียจนได้ชื่อแบรนด์ว่า The House of Oud แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหอมทุกรุ่นต้องมี Oud เสมอไป ซึ่งต่างก็มี Collection แยกกันไปตามแต่ละโซนที่สร้างสรรค์ขึ้นมาประมาณนั้น ไม่ว่าจะเป็น The House of Oud Collection ที่ถือเป็น Signature ของแบรนด์ ก็มี Collection ย่อยแยกออกมา 2 โซนนั่นคือ Desert Day กับ KLEM Garden หรือ Crop Collection ที่ออกมาเป็น Limited Edition เป็นรายปี รวมถึง Collection พิเศษต่างๆ เป็นต้น

แต่จากที่กล่าวไปข้างต้น ยังขาดไปอีก 1 ไลน์ที่เรียกว่าเป็นที่นิยมไม่น้อย ทั้งจากที่สีขวดที่งดงามและกลิ่นที่เข้าถึงได้ไม่ยาก นั่นก็คือ THoO Collection ที่เป็นการรวมเอา 2 Collections ย่อยอย่าง From the Earth to the Sky และ Colorful ที่เอาที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์กลิ่นมาแบบหลากหลายมากเช่นงานศิลปะ ดนตรี ความงาม ธรรมชาติ การใช้ชีวิต และขนมหวาน เป็นต้น (คือกวาดหมดทุกที่มาที่ไปที่จะเอามาทำน้ำหอมได้ว่างั้น) เช่นนั้นเมื่อมาเจอกับหนึ่งใน Collection นี้กับการเอาความเป็นของหวานมาเป็นพื้นฐานของการทำกลิ่นอย่าง What About Pop ใช้แล้วก็ต้องมาเล่ากันหน่อยว่าจะสร้างความขนมน่ากินบนตัวเราอย่างไรบ้าง

Salted Caramel Popcorn ชัดๆ เลย เปิดมาก็เล่นเอาความหอมหวานลักษณะนี้มายื่นเข้าจมูกเต็มๆ ซึ่งแบบชัดเจนแทบไม่ต้องค้นหรือลงลึกอะไรให้มากความเพราะกลิ่นเปิดมาแบบตรงตัว ได้ทั้งความเป็นคาราเมลติดเค็ม และความเป็นข้าวโพดคั่วอุ่นๆ แต่มีความโปร่งมากกว่าจะแน่นที่รวมกันเป็นเนื้อเดียวส่งตรงให้รับรู้ แต่พอวูบถัดมาจะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นออกทางกึ่งเนยๆ แกมครีมนมๆ ที่เข้ามาเสริมความเป็น Popcorn แต่ก็เป็นลักษณะของการเสริมให้ความเป็น Salted Caramel Popcorn นั้นชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเรียกว่าชวนหิวกันตั้งแต่แรกฉีดแบบไม่ต้องปฏิเสธเลยจริงๆ

เมื่อความครีมมี่นมๆ ติดวานิลลา จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นตีคู่กับความเป็น Salted Caramel Popcorn ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นจะกลายเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ในการเป็นสายของกลิ่นแต่เพิ่มกลิ่นหวานโปร่งๆ แนวดอกไม้ขาวกึ่งนวลกึ่งแห้งหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งอารมณ์กลิ่นในช่วงนี้จะเหมือนครีมนมวานิลลาที่มีความอวลๆ หอมนุ่มแกมลึกที่ On Top ด้วยกลิ่นของฝั่ง Popcorn และมีกลิ่นแบบหวานดอกไม้บางๆ ประปรายให้จับต้องได้ แต่พอผ่านไปซักระยะสิ่งที่เริ่มสัมผัสได้มากขึ้นคือ เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนไม้หอมติดอวลๆ กึ่งเค็มหน่อยๆ ค่อยๆ แทรกตัวมาผสมผสานแบบเนียนๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเป็นช่วงรอยต่อเพื่อส่งเข้าช่วงถัดไปแล้ว

ช่วงท้ายสิ่งที่กลายเป็นหัวใจหลักจะกลายเป็นโทนไม้หอมติดอวลๆ ที่มีความเค็มหน่อยๆ ซึ่งชัดเจนว่าเป็นสารหอมอย่าง Ambroxan ที่ให้ลักษณะแบบนี้ เสริมด้วยความเป็นไม้หอมติดไม้แห้งๆ มีความดาร์กอวลแบบกำลังดีที่ทำให้กลิ่นไม้ชัดขึ้น ซึ่งเนื้อกลิ่นจะยังมีโทนติดวานิลลาอวลๆ อยู่แต่มีความเข้มลึกแต่ไม่ถึงกับหวานแหลม ซึ่งน่าจะเป็นลูกผสมระหว่างวานิลลาที่ตามมาจากช่วงกลางกับกำยาน Benzoin ที่ให้กลิ่นแบบยางไม้เจือวานิลลาที่โดนตัดทอนความหวานแหลมออกไปเพราะมีโทนนุ่มสะอาดของ Musk ที่มีประปรายให้จับต้องได้มาตัดทอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเป็น Popcorn ก็ยังคงอยู่เป็นปลายกลิ่นที่จะให้อารมณ์แบบข้าวโพดกึ่งคาราเมลอ่อนๆ เนียนแฝงอยู่ตลอด เลยทำให้ช่วงท้ายอารมณ์กลิ่นเลยจะได้ความเป็นเสมือนสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นมีขนมจำพวกครีมกับ Popcorn มาเสริมให้มีความหวานละมุนหอมชวนลิ้มลอง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความหวานทางกลิ่นที่ทำให้ผู้ใช้มีออร่าความหวานไม่เหมือนใครได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน จัดได้หมดทุกเพศและทุกวัยตั้งแต่น้องๆ วัยประถมเลยก็ยังได้ (แต่เด็กๆ ฉีดเสื้อที่สวมน้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว) ซึ่งเป็นกลิ่นสายชิลล์และหอมหวานที่จะสร้างความสุขในการใช้งานก็ได้ หรือความโรแมนติคแย่ง/แบ่งกันกิน Popcorn ก็สามารถ ซึ่งได้หมดแบบทั่วๆ ไป ใส่ทำงาน Office ก็ได้อยู่ รวมถึงการใส่แบบยามค่ำคืนที่เน้นชิลล์ๆ สบายๆ หรือถ้าต้องการจะใส่เพื่อเที่ยวกลางคืน อัดสเปรย์หน้อยก็พอได้ แต่คนจะทักเสียมากกว่าที่จะสนใจความเซ็กซี่ว่าไปต่อแถวซื้อ Popcorn มาเหรอเสียก่อนน่ะสิ ซึ่งถ้าไม่มายด์ก็แล้วแต่ความสะดวกกันได้เลย

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งสามารถไปต่อได้อีกราวๆ 2 - 4 ชม. ตามแต่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น คือสร้างความสุขชัดเจนในการได้กลิ่น Popcorn แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางกันยาวๆ ไปจนถึงราวๆ 6 ชม. จึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วปิดท้ายที่ Skin Scent เมื่อผ่านไปแล้วราวๆ 8 - 10 ชม. เป็นต้นไป 

สรุป - เออ Popcorn จริงๆ คือกลิ่นไม่ได้ซับซ้อน ไม่ต้องล้ำลึกจากไหน แค่ให้ความรู้สึกหวานหอม Salted Caramel Popcorn ก็เรียกว่าสร้างรอยยิ้ม + ความหิวได้แล้ว ซึ่งแม้ว่าจะมีกลิ่นอวลๆ แนวๆ ครีมมี่วานิลลาแต่ก็ยังให้ความเป็น Popcorn จนหยดสุดท้ายที่รับรู้กลิ่นได้อยู่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายสายขนมที่ไม่ค่อยเหมือนใครในท้องตลาดและสร้างความหวานที่แตกต่างจากความอวลแน่นจัดหนักทั้งหลายได้ดีไม่น้อยเลย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เข็มขัดสั้นเขียนไว้ เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.beautyshoponline.it/en/perfumes/the-house-of-oud-what-about-pop-edp-75-ml/pr-28170

 

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Review: The House of Oud - Grape Pearls

The House of Oud - Grape Pearls 

สิ่งแรกที่ต้องชมเลยคือ ขวดสวยมากจริงๆ กับลักษณะคล้ายไข่ที่มีลวดลายคล้ายหินอ่อนเป็นเปลือกตั้งบนฐานสีทองสวยงาม ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้เพียงแค่แรกเห็นขวดแบบนี้ ก็ต้องหากันเลยทีเดียวว่าแบรนด์นี้คือแบรนด์อะไร ซึ่งก็ได้คำตอบว่าเป็นแบรนด์ที่มาจากการจับมือไปด้วยกันของ Perfumer ชาวอิตาเลี่ยนกับผู้ค้าและผลิตไม้กฤษณาจากอินโดนีเซีย แล้วก่อตั้งขึ้นเป็นแบรนด์ The House of Oud นี้ขึ้นมา นอกจากขวดสวยจะเป็นความประทับใจแรกพบแล้ว ก็ได้เวลาของการมาใช้งานที่กลิ่นกันบ้าง ซึ่งก็มีความถูกชะตากับรุ่นหนึ่งที่เห็นว่ามีกลิ่นอายองุ่นเป็นกลิ่นหลัก เช่นนั้นจัดไปอย่าได้เสีย ได้ผลแบบนี้ว่า 

Grape Pearls เปิดตัวด้วยความเด่นของกลิ่นอายโทนผลไม้ที่หวานอมเปรี้ยวเจือแนวๆ บลูเบอร์รี่เด่นออกมาเคล้ากับกลิ่นออกทางน้ำองุ่นหรือไวน์องุ่นที่รองพื้นด้วยกลิ่นอายของวานิลลา ซึ่งจะชัดเจนเลยว่าน้ำหอมรุ่นนี้จะเป็นโทนขนมเป็นตัวเด่นนำกันตั้งแต่แรกเลย แต่ในวูบถัดมากลิ่นจะเริ่มมีโทนดอกไม้อย่างกุหลาบเข้ามาเสริมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ช่วงกลางที่จะกลายเป็นการผสมผสานผสานระหว่างวานิลลา กุหลาบ และผลไม้ที่องุ่นจะเป็นตัวนำทีม ซึ่งกลิ่นจะหวานหอมมีเลเยอร์ที่จับต้องได้ทั้งความหวานแบบไวน์องุ่นที่มีความเปรี้ยวอมหวาน ความหวานเย้ายวนและลึกของกุหลาบ และความหวานนวลข้นปนครีมของวานิลลา ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มีเพียงแค่ลักษณะนี้เท่านั้น เพราะว่าในความหวานหอมอวลนวลจะมีลักษณะของการมาตัดทอนให้กลิ่นมีมิติขมปน Spicy มากขึ้นจากกลิ่นอายขมหอมของกาแฟและกลิ่นอายสไตล์พริกไทยที่ให้ความ Spicy เผ็ดปร่าในเนื้อกลิ่น ทำให้ภาพในหัวจะปรากฏออกมาเลยว่าเหมือนนั่งอยู่ใน Cafe ที่มีกลิ่นของวานิลลาข้นนวลกุหลาบที่ตกแต่งร้าน ไวน์/น้ำองุ่นสีเข้ม และกาแฟรวมอยู่ในที่เดียวกัน ซึ่งจะเป็นไฮไลท์หลักที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายของน้ำหอมเลย เพียงแต่เมื่อเข้าช่วงท้ายกลิ่นจะดรอปความหวานลงมาหน่อยความอบอุ่นจะเพิ่มมากขึ้นมาระดับหนึ่งพร้อมกับความนวลนุ่มสะอาดของกลิ่นจาก Musk ที่ทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสายหวานแหลมเกินไป มีความนุ่มหอมมากขึ้น เติมเต็มภาพในหัวเพิ่มเติมอีกหนึ่งสเต็ปว่าเป็น Cafe ที่มีสีขาวสะอาดตากับกลิ่นอบอวลหวานหอมข้นนวลกำลังดีนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ได้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นเน้นที่ความเป็นโทนออกทางขนม (Gourmand) ที่ไม่ได้ดูโฉ่งฉ่างหรือหวานแหลมตะบี้ตะบันน่ากินมันเข้าไป เพราะเนื้อกลิ่นมีระดับและมีมิติให้จับต้องได้ โดยเน้นสร้างความรู้สึกแบบอยู่สภาพแวดล้อมที่ทำให้เรารื่นรมย์กับกลิ่นขนม ดอกไม้ และเครื่องดื่มเสียมาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะจะทำให้หอมหวานลงตัวกำลังดีไม่หนักจนเลี่ยน โดยกลิ่นนี้อาจจะตัดการใส่ออกงานทางการจัดๆ ที่ต้องการมาดและความสุขุม กิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายไปได้เลย เพราะไม่เข้าทาง ที่เหลือจัดไป ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน รวมถึงท่องราตรีก็จัดตัวนี้ได้สบายมาก 

ความทน - ดีงามมมมมม ลากยาวไปที่ 10 ชม. ได้สบายๆ และมากกว่านั้นได้อีกด้วย อิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น สื่อสารโทนกลิ่นได้ชัดเจนมาก แล้วจะลดลงมากระจายดีในต้นๆ ช่วงกลาง ก่อนจะผ่อนตัวเองลงมากระจายปานกลางไปเรื่อย จนเมื่อเข้าช่วงท้ายถึงจะคาบเกี่ยวระหว่างปานกลางกับออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย - ใครที่ชอบ Montale - Intense Cafe, Mancera - Roses Vanille และ Maison Francis Kurkdjian - Oud Satin Mood จะอินกับตัวนี้ได้ไม่ยาก เพราะกลิ่นโทนใกล้ๆ กันเลย เพียงแต่ Grape Pearls จะต่างตรงที่เอาความ Fruity ขององุ่นมาทำให้มีโทนหวานหอมแตะความเป็นผลไม้ด้วย อ้อ และที่สำคัญ แม้ชื่อแบรนด์จะบอกว่าเป็นบ้าน Oud แต่กลิ่นนี้ไม่มี Oud เลยล่ะ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.10corsocomo-theshoponline.com/contents/imgs/products/1_33349-the-house-of-oud-grape-pearls-edp-75-ml.jpg