แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bvlgari แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bvlgari แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Bvlgari - Eau Parfumee: au The Noir

Bvlgari - Eau Parfumee: au The Noir 

ผ่านมาหลากหลายสายชากับโซน Eau de Cologne ใน Collection - Eau Parfumee ของ Bvlgari ที่มีทั้งชาแดงที่หรูหรา ชาเขียวที่สดชื่น ชาขาวที่สุภาพอ่อนโยน และชาอู่หลงที่ผ่อนคลาย ก็ได้เวลาของชาดำที่ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสายนี้กันบ้าง และยังเอากลิ่นอายยอดฮิตในช่วงเวลาที่น้ำหอมรุ่นนี้ได้ปล่อยออกมาอย่าง Oud เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งกลิ่นอายจะมาในลักษณะไหนนั้นก็ว่ากั
นตามนี้

au The Noir เปิดต้นกลิ่นออกมาด้วยโทน Citrus ที่มีความขมติด Airy แห้งๆ ของ Bergamot (มะกรูดฝรั่ง) ปนกลิ่นชาดำหน่อยๆ จนตอนแรกนึกว่าเป็นโทนของชาเอิร์ลเกรย์เสียด้วยซ้ำไป แต่ไม่ใช่ เพราะกลิ่นกุหลาบจะแทรกตัวเข้ามาไวมาก แต่จะไม่ใช่กุหลาบที่เข้มข้นจัดเต็มแบบกุหลาบจ๋าๆ เพราะจะมาแบบสร้างออร่าความโรแมนติคที่ให้ความเบาๆ กุหลาบอ่อนๆ แต่ค่อนไปทางสายดาร์กที่มีความซีทรูไม่หนักหน่วง ซึ่งช่วงนี้เป็นลักษณะชาดำที่มีอะโรม่าของกุหลาบกับโทน Citrus สร้างออร่าเย้ายวนดึงดูดแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ให้ความกำลังดีที่มีชั้นเชิงและยังฝากลายเซ็นกลิ่นอายแบบสไตล์ Eau Parfumee ที่ให้ความเรียบหรูไปตลอดเสียด้วย 

เมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยกลิ่นอายไม้หอมติดดาร์กมีความ Smoky ที่ติดนัวปนอวลหน่อยๆ ไม่แต่หนัก เพราะกลิ่นยังคงความเป็นลักษณะโทนซีทรูอยู่ ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงกลางของกลิ่นที่จะมีลักษณะของการมาเจอกันระหว่าง 4 โทน คือ ไม้หอม ควันไอ กุหลาบ และชาดำ ซึ่งจะมีความเป็นโทน Citrus ติดนุ่มประปรายแทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นที่สร้างมิติที่ต่อเนื่องจากช่วงต้น แต่ก็จะหายไปเหลือเพียงความดาร์กที่ยังโปร่งให้เห็นทะลุได้ มีความดึงดูดชัดเจนจากลักษณะโทนกลิ่นสไตล์ Oud ที่ไม่ได้มีความเป็นโทนอวล แน่น ลึก แบบ Oud สายน้ำหอมตะวันออกกลางที่จัดเต็ม เน้นมาสายไม้หอมที่มีความดาร์กติดควันไอสร้างออร่ากลิ่นอายติดดาร์กไหม้อ่อนๆ ที่ไม่หนักหน่วง ซึ่งเมื่อเจอกลับกลิ่นชาดำที่ให้ความอวลและนวลนัวติดสมุนไพรหน่อยๆ ตามด้วยกุหลาบที่สร้างความดึงดูดเย้ายวนแบบสายสนับสนุน เลยทำให้ได้ออร่าสีดำติดซีทรูที่น่าค้นหาแบบไม่หนักหน่วง ให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ ที่เรียบหรูในทีไปตลอด จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของโทนคล้ายหนังที่ค่อยๆ แทรกตัวออกมาก็จะเริ่มชัดเจนถึงการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นช่วงของกลิ่นอายไม้หอมสไตล์ Oud ที่แห้งๆ ติดควันไอเคล้ากลิ่นนวลชาดำและกลิ่นทึบหนังที่มาแบบเบาๆ มีกลิ่นระเรื่อจมูกของพิมเสนเล็กๆ เย้าๆ ประปราย ซึ่งยังคุมโทนอารมณ์กลิ่นแบบดาร์กแต่ซีทรูในระดับหนึ่งได้อย่างดี มีความเย้ายวนปนเรียบหรู วางตัวดี Sexy น่าค้นหากำลังงามและมีระดับ ไม่ได้โจ่งแจ้งการยั่วเข้าไปแต่อย่างใด 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นมาสายดาร์กนัวแต่โปร่งๆ ที่แตะได้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ซึ่งผู้หญิงใช้ก็จะได้ลักษณะดาร์กนัวมีระดับกึ่ง Sexy แบบใส่ชุดซีทรูสีดำที่น่าค้นหา แต่ถ้าผู้ชายใช้อารมณ์จะเป็นเหมือนสุภาพบุรุษในชุดสีดำที่มีความสมาร์ทและดึงดูดปนเย้ายวน ซึ่งกลิ่นจะสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันเพราะว่ามาสาย Eau de Cologne กลิ่นเลยจะไม่หนักหน่วง ไม่ว่าจะใส่ยามทางการก็ได้อยู่ หรือใส่แบบทั่วๆ ไปสร้างออร่าน่าค้นหาที่ไม่จงใจเกินไปก็สามารถ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานได้สบายมาก ยิ่งถ้าใส่กับชุดสีดำยิ่งลงตัว เอาจริงๆ จะใส่ไปท่องราตรีแบบหรูๆ นั่งจิบแบบคูลๆ ก็ได้ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปเต้นยับจนเสียลุคก็เท่านั้นเอง 

ความทน - แม้จะเป็น EDC แต่ความทนถือว่าดีงาม เพราะลากยาวไปที่ 6 - 8 ชม. ได้สบายๆ อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นสายนี้ของ Bvlgari ไม่ได้เน้นในการปล่อยพลังอยู่แล้ว เลยจะกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนตั้งแต่ตอนต้นถึงช่วงกลาง จึงค่อยๆ ลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป 

สรุป - au The Noir มาในลักษณะที่สร้างออร่าสีดำโปร่งๆ แบบผ้าซีทรูที่ให้ความน่าค้นหาและเย้ายวนเจือความเซ็กซี่มีระดับ เพราะเป็นการเอาโทนกลิ่นสายไม้ติดไหม้ที่สร้างมิติความน่าค้นหา ปนกับกลิ่นโทนอะโรม่ากึ่งนวลติดเข้มของชาดำ โดยมีกุหลาบเป็นตัวสร้างมิติกึ่งโรแมนติคเย้ายวน ซึ่งถือว่าเป็นการผสมผสานกลิ่นออกมาได้อย่างลงตัวและนำเสนอความเป็นชาดำได้ดีมากเลยทีเดียว 

ทิ้งท้าย: 
au The Rogue - สีแดงเต็มแน่นและหรูหรา
au The Blanc - สีขาวสะอาดและสุภาพ
au The Vert - สีเขียวสดใสและสดชื่น
au The Bleu - สีฟ้าที่สบายและนุ่มนวล
au The Noir - สีดำที่ดึงดูดและเย้ายวน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/perfume/Bvlgari/Eau-Parfumee-au-The-Noir-31400.html



วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Bvlgari pour Homme Soir

Bvlgari pour Homme Soir

เป็นหนึ่งในตัวที่ผลัดวันประกันพรุ่งมานานจนเรียกว่าลืมไปเลยน่าจะชัดกว่า (สารภาพกันตรงนี้) จนมานึกขึ้นได้อีกทีว่า “Bvlgari ไลน์ Pour Homme ยังไม่ได้ลองรุ่น Soir เลยเช่นนั้น ได้เวลามาเจอกันและก็ลงเอยที่ว่า “พลาดไปได้ยังไงกันเพราะว่า 

กลิ่นของ Bvlgari pour Homme Soir ถือว่านำเสนอความเป็นชาแบบที่นุ่มละมุน หอมอย่างมีระดับและมีชั้นเชิงด้วยการเล่นโทนความสดชื่นติด Citrus ปนขมบางๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) กับโทนหอมอะโรม่าติดดอกไม้จางๆ ของชาดาร์จีลิงในช่วง Top Notes กลิ่นจะมีความหอมชากำลังดีมีความ Airy ในระดับหนึ่งมาในวูบแรก แต่พอวูบถัดมากลิ่นจะเริ่มมีโทนที่นุ่มและอวลมากขึ้นโดยจะมีกลิ่นติดโทนนุ่มสะอาดนวลๆ มาคลอเคลียดับโทนชาจากลาเวนเดอร์ และมีโทนไม้หอมติดกุหลาบหน่อยๆ นวลๆ กำลังดีดันขึ้นมานำเข้าสู่ Middle Notes ที่จะเป็นกลิ่นชาละมุนๆ ติดกลิ่นไม้หอมแห้งๆ นวลๆ มีความติดโทน Earthy ที่กลิ่นออกทางดินๆ เจือบางๆ แต่มาแบบอ้อยอิ่ง เพราะลาเวนเดอร์ทำให้กลิ่นนุ่มสะอาดผ่อนคลาย ทำให้กลิ่นช่วงนี้เป็นโทนชาที่เย้ายวนแบบมีระดับ ละมุนดึงดูดไปตลอด กลิ่นมีความน่าค้นหาแบบมีคลาส ให้อารมณ์ผู้ชายที่เนี้ยบสะอาดหล่อนวลมาเชียว ซึ่งกลิ่นจะเริ่มนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขนสัมผัสได้ไม่ยากว่าเป็นกลิ่นของ Musk ที่เริ่มผันตัวจากสายรองพื้นมาเด่นตีคู่กับกลิ่นละมุนในช่วงกลางผสมผสานกันจนเข้าสู่ช่วง Base Notes ที่กลิ่นจะสะอาดนุ่มนวลปนอะโรม่าที่มีความอบอุ่นจางๆ และมีกลิ่นเย้าๆ อ้อยอิ่งติดรวยรินของพิมเสนบางๆ ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์ท่ามกลางความนวลนุ่มน่าซบแบบยาวไปจนกว่าจะหายไปจากผิว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบาย กลิ่นมีความนวลเนี้ยบน่าค้นหาแบบไม่ต้องนวลแน่นหนักในตัวสูง สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน โดยเฉพาะการใส่ออกงานทางการหรือว่าใส่ทำงานถือว่ารอดและสบายมาก แถมใส่แบบทั่วๆ ไปก็ไม่แย่ ให้ความรู้สึกสะอาดเนี้ยบนุ่มนวลอีกด้วย แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้ไม่ว่าจะออกงาน หรือท่องราตรีแบบไม่ได้เน้นแดนซ์กระหน่ำ ออกทางจิบสบายๆ พูดคุย หรีือไปสายโรแมนติคเรียกว่าจัดไป ลงตัวมากเลยทีเดียว 

ความทน - เรียกว่าลงตัวและดีงามมากกับราวๆ 8 ชม. ซึ่งจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายๆ แถมเข้ากับผิวมากเลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายแบบกำลังดีในตอนต้น แล้วจะมากระจายดีในช่วงกลาง พอพ้นซัก 4 ชม. ถึงลดลงมากระจายปานกลาง ยาวไปถึงช่วงท้าย จึงค่อยเป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย - หนึ่งในรุ่นที่ทำออกมาได้ดีมากและมีความนุ่มหรูมีระดับจนทำให้รู้สึกพลาดที่มองข้ามไป แต่ก็ยังดีใจที่กลิ่นนี้ยังไม่ได้หายไปไหน แถม Strong พอที่จะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาเสมอเสียด้วยซ้ำ ใครที่อยากได้ความนุ่มละมุน มีความเซ็กซี่ติดเนี้ยบๆ โดยยังมีคลาสผสมผสานในเนื้อกลิ่น ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่ถ้ามีโอกาสควรจะลอง 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by http://image.11st.my/h/0/0/1/4/8/7/46001487_B.jpg

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Bvlgari - Aqva Divina


Bvlgari - Aqva Divina 

ตอนแรกที่ได้เห็นน้ำหอมรุ่นนี้ก็ดีใจไม่น้อยกว่าฝั่งสาวๆ จะได้เจอความเป็น Aqva ของ Bvlgari บ้างแล้ว ซึ่งขวดมาสวยงามเชียว เรียกว่าเป็นหนึ่งในเครื่องประดับยังได้เลย แล้วกลิ่นล่ะ จะเป็นยังไง 

Aqva Divina เปิด Top Notes มาได้หอมแบบน่าสนใจตรงที่เป็นขิงกลั้วกลิ่นเกลือ โดยมีซิตรัสของมะกรูดล้อมเอาไว้ เรียกว่าจะได้ความสดชื่นติดหวานแบบเหมือนอากาศสดชื่นริมทะเลแบบกำลังดี เรียกว่าช่วงนี้กลิ่นเกลือมาแบบมีเสน่ห์น่าสนใจมากเพราะติดซ่าๆ หอมลงตัวเชียว และกลิ่นในช่วงต้นนี่แหละจะตามไปแตะถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยเริ่มมาผสมผสานกับช่วง Middle Notes ที่กลิ่นของควินซ์ (ผลไม้ลูกเหลืองๆ นวลๆ มีลักษณะของแอปเปิ้ลผสมลูกแพร์ หรือมองเผินๆ เหมือฝรั่งผลสีเหลืองลูกย่อมๆ กลิ่นออกทางเปรี้ยวอมหวานนวลๆ มีอารมณ์แบบสับปะรดเปรี้ยวๆ ผสมน้ำผึ้ง) ที่จะมาเด่นตีคู่กับเกลือและขิงเลย โดยมีกลิ่นโทนดอกไม้จางๆ ล้อมรอบ แต่มาแบบหวานอมเปรี้ยวติดสดชื่น กลิ่นจะหอมสดชื่นติดดปรี้ยวอมหวานเคล้าเกลือไปตลอด แล้วกลิ่นอายอบออุ่นจะเริ่มดันขึ้นมาทีละหน่อยจนเข้าสู่ช่วง Base Notes ที่กลิ่นของโทนไม้หอมจะดันขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นของขี้ผึ้งที่มีความหวานจางๆ กลิ่นจะออกหวานวลๆ เคล้าผิวกายมีความอบอุ่นประปรายไปตลอด โดยที่เกลือนี่แหละยังอยู่ทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นกลิ่นกลิ่นอายริมทะเลได้ นั่งหรือนอนเล่นบนเก้าอี้ไม้ริมทะเลหลังจากขึ้นจากน้ำแล้วผิวกายติดเค็มผสมหวานหน่อยๆ กลิ่นสามารถออกแนวเซ็กซี่ริมชายหาดก็ยังได้เลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงสาวๆ ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้สบายๆ ยิ่งใครชอบบรรยากาศริมทะเลแบบไม่มีกลิ่นคาวน้ำทะเลจะปลื้มได้ไม่ยาก เพราะมันจะดูชิลล์ๆ ติดเซ็กซี่ได้อยู่ โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน แต่ขอยกเว้นงานทางการจัดๆ ที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมืองหรือผู้ใหญ่ เพราะกลิ่นมันชิลล์ไป นอกนั้นใส่ได้หมด ใส่ทำงาน Office ยังได้เลย ส่วนถ้าออกกำลังกายอาจจะไม่ค่อยเข้าทางให้รอช่วงท้ายๆ อาจจะดีกว่า ยามค่ำคืนถ้าชิลล์ๆ ก็จัดไป แต่ถ้าไปเที่ยวราตรีแนะนำว่าแพ้ชาวบ้านน้ำหอมหวานแน่นแน่นอน ส่วนคุณผู้ชายใส่ได้สบายๆ เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็น Unisex พอสมควรเลย เผลอๆ คนที่ไม่ชอบกลิ่นสาหร่ายหรือคาวทะเลจะชอบตัวนี้มากกว่ารุ่น Aqva ปกติอีกนะเออ 

ความทน - ประมาณ 8 ชม. กำลังดี อาจจะมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น เรียกว่าหอมเกลือติดหวานซ่าสดชื่นได้งามเลย ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ แบบฟรุตตี้ผลไม้หวานอมเปรี้ยว และปิดท้ายด้วยหวานอบอุ่นเบาๆ เคล้าเกลือในช่วงท้ายแนวๆ Skin Scent

ทิ้งท้าย - ข้อดีมากมายของตัวนี้คือ ไม่มีกลิ่นคาวทะเลหรือสาหร่ายต่างๆ ทำให้ผมชอบมากกว่า Aqva และ Aqva Marine ทั้งหลายเสียอีก เพราะพวกนั้นทำให้เมาสาหร่ายขั้นสุดแบบจะลาป่วยเอา ที่สำคัญรุ่นนี้ออกมาคู่กับ Aqva Amara งานนี้ได้เสียตังค์ซื้อมาวางคู่กันแหงๆ 55555555 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ 

Credit ภาพ - http://www.glitter.si/wp-content/uploads/parfumi-nasl.jpg

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari - Eau Parfumee: au the Bleu


Bvlgari - Eau Parfumee: au the Bleu

ผ่านมานานมากกกกกกับไลน์ Eau Parfumee ของ Bvlgari ที่บอกถึงน้ำหอมกลิ่นชาประเภทต่างๆ ที่เคยทำเป็น Series เรียงต่อกันตั้งแต่เริ่มรีวิวน้ำหอมไหม ก็นึกว่าจะไม่มีตัวไหนออกมาอีก ซึ่งที่ไหนได้มาอีกจ้าาาา งานนี้จากชาเขียว ชาขาว และชาแดง ก็มาถึง #ชาอู่หลง กันซะที ซึ่งก็เป็นตัวนี้เลย au the Bleu

ก่อนที่จะฉีดมีความคาดหวังพอสมควรว่าจะต้องเป็นชาอู่หลงหอมๆ นวลๆ ออกโทนสีฟ้าเหมือนขวด ซึ่งพอเปิด Top Notes เท่านั้นแหละ เอิ่มมม ทิ้งไปหมดเลยความคาดหวัง 55555555 เพราะกลิ่นใบชิโซะที่ออกทาง Spicy แบบมินท์แต่ไม่เย็นวาบเท่าตีขึ้นมาก่อนใครเพื่อนเลย และมีกลิ่นโทนเครื่องเทศสดชื่นอย่างขิงนิดๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งถ้าไม่มีกลิ่นอายแบบลาเวนเดอร์นุ่มๆ สะอาดๆ ติดโทนแป้งจางๆ ดันขึ้นมานะ คงจะได้อารมณ์แบบน้ำจิ้มข้าวมันไก่หรือน้ำจิ้มที่ใส่ขิงกับใบซิโซะเอาได้ ต้องปรบมือให้ลาเวนเดอร์จริงๆ กับงานนี้ แต่นี่เพียงแค่ช่วงแรก หลังจากนี้แหละได้เวลาของชาแล้วในช่วง Middle Notes แต่สิ่งที่ Amazing Bvlgari มากคือ สามารถทำให้กลิ่นช่วงนี้เป็นกลิ่นอายแป้งหอมกลิ่นชาอู่หลงได้ ซึ่งกลิ่นอายโทน Spicy กับลาเวนเดอร์ในช่วงต้นจะรองพื้นด้านหลังแบบนุ่มสะอาด ดันให้ดอกไวโอเล็ตที่มาในโทนแป้งดอกไม้นวลๆ เบาๆ กลั้วกับกลิ่นชาอู่หลงแบบกำลังดี ให้ความรู้สึกสบายตัวนุ่มนวลแบบหรูๆ มีระดับมากขึ้น ไม่พอผ่านไปไม่นานกลิ่นของดอกไอริสที่มาในโทนแป้งจะค่อยๆ มาผสมผสาน จนเข้าช่วง Base Notes ดันอย่างเต็มตัว คงความนวลเนียนแบบโทนแป้งมีระดับอย่างชัดเจน และมีความเซ็กซี่ในเนื้อกลิ่นเข้าไปเสียด้วย รับช่วงต่อจากช่วงกลางโดยที่กลิ่นชายังตามมาอยู่แบบเบาๆ เนื้อกลิ่นมีความสะอาด ให้ความรู้สึกสบายๆ แบบเซ็กซี่ๆ ติดหรูกำลังดีไปตลอดเลย

เหมาะสำหรับ - Unisex เลยจ้า แต่กลิ่นออกทางผู้หญิงประมาณเกือบ 70% เลยเพราะโทนแป้งออกทางดอกไม้ติดเซ็กซี่จะเอื้อให้สาวๆ มากกว่า แต่เอาเข้าจริงผู้ชายใส่ได้เพราะโทนติด Spicy สดชื่นในตอนแรก และกลิ่นชาอู่หลงนี้่แหละ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งทางการและไม่ทางการ แต่ออกกำลังกายควรงดเพราะกลิ่นโทนแป้งมักไปได้ไม่ดีกับกลิ่นเหงื่อ ส่วนยามค่ำคืน เอาจริงๆ ถ้าใส่ทั่วๆ ไปก็ใส่ได้แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี กลิ่นเบาไปจ้าาาาาา

ความทน - เป็น EDC หรือ Cologne ที่กลิ่นทนเทียบเท่า EDT เลยทีเดียวกับประมาณ 6 ชม. อาจจะมีบวกลบประมาณ 2 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นแล้วจะลดมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวลากยาวไปเรื่อยๆ จนถึงปลายๆ ช่วงท้ายเลย คงตัวได้ดีจริงๆ แล้วค่อยเป็น Skin Scent ก่อนหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย - ง่ายๆ คือ 
au the Rogue - สีแดงเต็มแน่นและหรูหรา
au the Blanc - สีขาวสะอาดและนุ่มนวล
au the Vert - สีเขียวสดใสและสดชื่น
au the Bleu - สีฟ้าที่สบายๆ และผ่อนคลาย

และตอนนี้รออีกตัวที่พึ่งออกมาไม่นานในไลน์นี้อย่าง #ชาดำ - au the Noir ด้วยแหละ ^^



วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari – Omnia Green Jade


Bvlgari – Omnia Green Jade

บอกกงๆ ว่าไลน์ Omnia ของ Bvlgari กับผมนี่ ไม่เคยได้มีโอกาสมาเจอกันเลยเพราะผมเห็นขวดแล้ว มันส๊าววววว สาวววว ยิ่งขวดทรงใหม่เป็นแบบ Jewel Charms หลากสีออกมาอีก เอิ่มมม สาววววว แต่เพราะว่า ผลพวงจากการที่ตัดสินใจ อ่ะ มาลองกัน ทำให้ผมรู้ว่าเราตัดสินกันที่ขวดไม่ได้ เช่นนั้น เลยจะมาบอกเล่าครับว่ากลิ่นที่ผมได้ลองอย่าง Omnia Green Jade เป็นยังไงบ้าง 

Top Notes เปิดตัวกลิ่นกลิ่นอายสดชื่นของเปลือกส้มติดโทนเขียวๆ สะอาดๆ แบบที่เป็น Prada Infusion d’Iris แบบกำลังดี เลย คือมาแบบสบู่ใสๆ สดชื่นติดหวานจางๆ ซึ่งกลิ่นแนวๆ เปลือกส้มติดเขียวนี้จะตามไปจนถึงปลายๆ ช่วง Middle Notes mจะไปผสมผสานกับกลิ่นชาเขียวกลั้วดอกไม้ที่ติดโทนหวานใสๆ ของมะลิและดอกโบตั๋นที่จะออกมาเป็นกลิ่นอายชาเขียวดอกไม้ติดสดชื่นจากส้มเลยล่ะครับ กลิ่นอายจะเป็นโทนโปร่ง ใส สีเขียวออกทางสว่างๆ กลิ่นดอกไม้ไม่ได้ออกทางหวานเกินจนทำให้โทนสีของกลิ่นมันเปลี่ยนไปเลย จนเมื่อเข้าช่วง Base Notes กลิ่นโทนสดชื่นติดดอกไม้ตอนแรกจะหายไปหมด กลายเป็นกลิ่นโทนชาเขียวเบาๆ กลั้วความเป็นไม้หอมเต็มๆ มีความครีมมี่จางๆ ด้วยจากความเป็นถั่วพิชตาชิโอที่มาแบบลงตัว ไม่ได้เป็นโทนถั่วข้นๆ เกินไป โดยโทนไม้หอมที่มาแบบอ่อนๆ ให้รู้สึกได้ด้วย ทำให้กลิ่นอายจะออกทางสะอาดอบอุ่นเบาๆ ครีมมี่กำลังดี เย้ายวนแบบมีระดับในความเป็นกลิ่นชาจางๆ เรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่กลิ่นอายเขียว นุ่ม สะอาด มีระดับมาก โดยที่คง Concept ของโทนสีได้ชัดเจนเลยล่ะครั

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศวัย ม.ต้น ก็ใช้กลิ่นนี้ได้แล้วครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายมาก สดชื่นแบบมีระดับเสียด้วยซ้ำไป ลั่นล้าก็ได้ ชิลล์ๆ ก็ดี นิ่งๆ ก็เหมาะ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียวทั้งงานทางการและไม่ทางการ มีออกกำลังกายที่รอท้ายๆ หน่อยน่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปกับอากาศร้อนนรกแตกบ้านเรานี่ได้เลยล่ะ แต่ถ้าไปเที่ยวกลางคืนตัดออกไปจาก List เถอะ โดนกลบหมด ส่วนผู้ชาย ใส่ตัวนี้ได้เลยครับ เนื้อกลิ่นมีความเป็น Unisex ลงตัวเลยล่ะ ระวังอย่างเดียวครับ ใส่แล้วจะติดใจกลิ่นนี้ เท่านั้นเอง

ความทน – ประมาณ 6 ชม. ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญที่จะทำให้ทนมากขึ้น

การกระจาย – ในช่วงต้นกระจายดีเลยทีเดียว แต่พอเข้าช่วงกลางกลิ่นจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปตลอด จนถึงปลายๆ ช่วงท้ายที่จะเป็น Skin Scent เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ไม่รบกวนใครนักเข้าทางการเป็น Safe Scent ที่ดีตัวนึงเลย

ทิ้งท้าย – นี่คือน้ำหอมที่มีกลิ่นชาเขียวกลั้วดอกไม้และถั่วพิชตาชิโอที่ออกโทนสบู่ใสๆ น่าสนใจมากครับ โดยยังมีความเขียวสดชื่นไปตลอด แต่สิ่งหนึ่งคือ เห็นเหมือนเลิกผลิตไปช่วงนึง อันนี้ถาม BA ในห้างมา เพราะไม่มีตัวนี้มาวางนานมากแล้ว และตอนนี้กลับมากับการเป็นหนึ่งใน Jewel Charms Collection ขวดสวยมากกกกเลยครับ

Credit ภาพhttp://www.weloveshopping.com/shop/client/000051/wigwicky/PBV009.jpg

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari Black


Bvlgari Black

ขึ้นชื่อว่าน้ำหอมกลิ่นชาที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นแบรนด์ Bvlgari เป็นแน่แท้ เพราะมีหมดแล้วทุกประเภทไม่ว่าจะชาปกติ ชาเขียว ชาขาว ชาแดง ชาเอิร์ลเกรย์ ซึ่งคราวนี้ก็ได้เวลาของ “ชาดำ” กันบ้างแล้วครับ กับน้ำหอมโทน Unisex ที่กลิ่นเท่ห์ไม่หยอกนั่นคือ Bvlgari Black

เพียงแค่เปิดต้นกลิ่น ชาดำก็มากันเลยทีเดียว โดยจะมาโทนเข้มๆ แต่ออกแนวโปร่งๆ แต่กลิ่นจะไม่ได้ออกทางชาดำตรา 3 ม้า นะครับ กลิ่นจะละมุนกว่า โดยจะมีกลิ่นซิตรัสจางๆ ติดโทนหอมนุ่มสะอาดของดอกไม้ให้รู้สึกได้ แต่ยังไงกลิ่นชาดำก็ยังโดดเด่นเป็นสง่าเช่นเคย ซึ่งกลิ่นชาดำนี่จะตามไปในช่วงกลางด้วย โดยไปผสมผสานกับโทนไม้หอมที่ทำให้กลิ่นออกทางนิ่งขรึม มีความเข้มกำลังดี และละมุนกำลังงาม เพราะกลิ่นชาดำจะเย้ายวนอยู่ในตัว เจอโทนวู้ดดี้ทำให้กลิ่นออกทางมีชั้นเชิงแบบชาดำผสมกลิ่นไม้ที่ให้ความรู้สึกดาร์กกำลังดี นุ่มนวลอบอุ่นกำลังงาม ดึงดูดแบบมีชั้นเชิง แกล้มความเป็นทางการและมีภูมิ จนส่งต่อไปที่ช่วงท้ายที่กลิ่นชาดำจะจางลงไปให้กลิ่นหนังและวานิลลาเด่นขึ้นมา ให้ความอบอุ่นกำลังดี ไม่ได้มาแบบแน่นหรือเข้มจัด โดยมีกลิ่นออกทางควันไอของไม้แบบ Smoky ให้โทนอบอุ่นเข้มๆ แบบดึงดูดและนุ่มนวลไปตลอด ซึ่งภาพรวมแตะคำว่า Black ได้อย่างลงตัวเพียงแต่ไม่ใช่เป็นโทน Black แบบเข้มดำมืดแน่นๆ แต่จะเป็นโทนโปร่งๆ ออกแนวซีทรูที่ใช้ง่ายและเย้ายวนแบบมีระดับนั่นเอง

เหมาะสำหรับ – กลิ่นนี้เป็น Unisex นะครับ จึงทำให้ใช้ได้ทั้งหญิงและชายวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นออกทางเย้ายวนก็ได้ มีภูมิก็ดี กลิ่นสร้างความน่าเชื่อถือ แถมไม่รบกวนใครมากนักเสียด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้แทบจะทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและไม่ทางการ ส่วนยามค่ำคื่น ถ้าใส่ไปเที่ยวไม่แนะนำ เพราะกลิ่นไม่ได้กระจายเรียกแขกเลย เน้นใส่ไปแล้วอยู่กับแฟนหนุงหนิงหงุงหงิงอิ๊อ๊ะ หรือออกเดทดินเนอร์น่าจะเข้าทางกว่าครับ เพราะกลิ่นเย้ายวนกำลังดีเลยล่ะ

ความทน – 6 ถึง 8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – บอกเลย! น้ำหอมตัวนี้ไม่ได้เน้นเรื่องการกระจายนักครับ ออกแนวกระจายกลางๆ แล้วจะลดเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลางและช่วงท้ายเป็น Skin Scent ชัดเจน ถ้าคลุกวงในได้กลิ่นแน่นอน เช่นนั้นจึงถือเป็นน้ำหอมโทน Black ที่ไม่รบกวนใครนั่นเอง

ทิ้งท้าย – ใครอยากได้น้ำหอมเย้ายวนแบบมีระดับ แถมด้วยมีภูมิ ตามด้วยไม่อยากยั่วชาวบ้านรอบตัวเกินไป Bvlgari Black ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยสำคัญคนอยากลองน้ำหอมโทนนี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari - Aqva Amara


Bvlgari - Aqva Amara 

เพราะรุ่นอ้าขาและอ้าขา มารินี เพียวหอม (Aqva & Aqva Marine pour Homme) ของ Bvlgari ต่างก็ติดลมบนจนมีรุ่น Toniq ออกมาเป็นลูกกันไปหมดแล้ว และยังคงความนิยมมาเสมอต่อเนื่องมาตลอด เมื่อมีรุ่นหลานกันออกมา ซึ่งจะสื่อถึงความเป็น Aqva ในรูปแบบไหน ก็มาเจอกันซักหน่อยกับรุ่นอ้าขา อมรา: Aqva Amara ครับ

รุ่นหลักบอกถึงทะเลยังไง รุ่นนี้ก็บอกถึงทะเลเช่นกันครับ แต่เป็นทะเลแบบยามบ่ายพระอาทิตย์คล้อยต่ำใกล้ยามเย็นเสียมากกว่าในรูปแบบทะเลโซนเมดิเตอร์เรเนียนเลย เปิดตัวกันด้วยความสดชื่นเคล้าแสงแดดกันเต็มๆ กับกลิ่นของส้มแมนดารินที่สดชื่นติิดโซนซ่าๆ แบบโซดาน้ำพัั้นช์ค็อกเทลกันเต็มๆ ที่เข้ากับบรรยากาศริมทะเลยามบ่ายสุดๆ อ่ะ พูดเลย! กลิ่นช่วงนี้สามารถดึงดูดให้เสียเงินซื้อกันได้เลย โดยไม่ต้องรอช่วงอื่น และถึงแม้รอช่วงอื่นก็ยังเสียเงินซื้อได้ไม่ยากอยู่ดี เพราะว่ากลิ่นคงความเป็นทะเลรสส้มได้ชัดเจนเสมอต้นเสมอปลายมากมาย ซึ่งกลิ่นของดอกส้มจะเริ่มแทรกตัวขึ้นมาจนเข้าสู่ช่วงกลางกันเต็มๆ ที่จะเป็นกลิ่นดอกส้มกลั้วน้ำทะเลใสสะอาด แม้จะมีกลิ่นคาวทะเลนิดๆ แต่ก็ยังคงความซาบซ่าโซดาส้มอยู่เช่นเคย จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายของทะเลรสส้มซ่าๆ จะเริ่มผันเป็นฉากหลัง ดันให้กลิ่นของโทนธูปไม้หอมกลิ่นซิตรัสขึ้นมาเด่นรับช่วงต่อจากช่วงกลางมาให้ความสดชื่นติดกลิ่นอาย Smoky กำลังดีมากมาย โดยมีกลิ่นพิมเสนลอยอ้อยอิ่งล้อมรอบไปเรื่อยๆ ซึ่งได้อารมณ์อบอุ่นและนุ่มนวลแบบแสงอาทิตย์ยามเย็นริมทะเล ที่รื่นรมย์ไม่พอ ยังมีความเย้ายวนชวนฟินแฝงไปด้วยตลอด โดยยังคงความสดชื่นไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิวเลยครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวันเรียนม.ปลาย ขึ้นไปก็ใส่น้ำหอมตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายตามสไตล์อ้าขา Aqva แถมได้ทุกอารมณ์ทั้งชิลล์ สดชื่น เย้ายวนกำลังดีมาครบหมด ซึ่งสามารถใส่ได้แทบจะทุกสถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืน อาจจะขอยกเว้นงานทางการที่ต้องการความน่าเชื่อถือจัดๆ นิดนึง เพราะกลิ่นมันสบายๆ เกินไป นอกนั้นจัดได้ตามสะดวกครับ ส่วนถ้าจะเที่ยวกลางคืนแล้วใช้ตัวนี้กับอากาศบ้านเรา ก็ยังถือว่าได้อยู่ แต่อัดสเปรย์กันหน่อยนะครับ

ความทน - กลิ่นทนมากกว่าต้นตระกูลอีก บอกเลย! เพราะแตะที่ 8 ชั่วโมง ไม่พอ ยังสามารถต่อได้อีกถึง 12 ชั่วโมง ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก ให้ความสดชื่นแบบทะเลค็อกเทลรสส้มกันเต็มๆ ในช่วงต้น และลดลงมากระจายกลางๆ ไปตลอด จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวหอมสดชื่นอบอุ่นเย้ายวนในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - ผมดีใจมากที่ตัวนี้ไม่มีกลิ่นสาหร่ายมารบกวนให้ผมเมา และกลิ่นคาวทะเลก็ไม่ได้มาจัดจ้านจนมึนหัว เรียกว่าเป็นอีกในรุ่นหลานที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ ครับ ยกนิ้วให้ Bvlgari เลย ^^

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari - Man in Black


Bvlgari - Man in Black 

ออกมาสดๆ ร้อนๆ ฉลองครบรอบ 130 ปี ของ Bvlgari ที่เป็นหนึ่งในใต้ร่มเงาของโซน Bvlgari Man ซึ่งผมถึงกับตาลุกวาวกันเลยทีเดียว เพราะสนใจโทนน้ำหอมแนวๆ Black พอสมควร สบโอกาสสอยมาลองซะเลยว่าจะเป็นอย่างไง คงความเป็นต้นตระกูลที่แมนหอมนุ่มที่สื่ออารมณ์สีดำได้หรือไม่ ก็ตามนี้เลยครับ 

Top Notes มาเต็มกับกลิ่นโทนเครื่องเทศเลยครับ พริกไทยมาตรึมเลยทีเดียว แซมไปด้วยกลิ่นของเหล้ารัมเหมือนเอาผงเครื่องเทศหลากประเภทเด่นที่พริกไทยโรยลงไปในรัมยังไงยังงั้น ได้อารมณ์แบบกรุ้มกริ่มหน่อยๆ โดยมีกลิ่นโทนวู้ดดี้รองพื้นด้านหลังจางๆ พอให้รู้สึกได้ เพียงชั่วเวลาไม่นานเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นหนังจะมา แต่สิ่งที่ดีอย่างนึงคือ มาแบบนุ่มๆ เคล้ากับกลิ่นในช่วงต้น และมีกลิ่นแนวๆ แป้งของไอริสมาตัด กลิ่นช่วงนี้จะออกโทนดำตามที่น้ำหอมสื่อ แต่จะไม่ได้ดำดิบ แต่เป็นดำนุ่มๆ อบอุ่นกรุ่นๆ Sexy แบบกำลังดีเสียมากกว่า เมื่อเริ่มเย้ายวนกันในช่วงนี้ก็ส่งต่อให้ช่วง Base Notes มาเต็มกับโทนแมนอบอุ่นเย้ากันมากขึ้น แน่นอนว่ามีกลิ่นอายของ Bvlgari Man ปกติอยู่แบบเต็มๆ กับกลิ่นอายของกำยานและถั่วตองก้าที่จะมาแบบครีมมี่ และมี Musk มาเติมความนุ่มเย้า แต่เพราะมีโทนไม้หอมแบบออกทางรมควัน Smoky กับกลิ่นโทนสีดำนุ่มๆ ในช่วงกลางมาผสาน เลยทำให้ช่วงนี้ไม่ได้ออกทางแมนอบอุ่นเพียงอย่างเดียว แต่จะน่าค้นหาเข้าไปอีก โดยยังมีความรู้สึกแบบสีดำออกเทานุ่มๆ นวลๆ อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งบอกถึงผู้ชายที่ดูนิ่งๆ ในชุดสีดำ เห็นแล้วทำให้รู้สึกน่าค้นหาและยวนใจ ยังไงยังงั้นเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นออกทางผู้ใหญ่นิ่งๆ ชัดเจน ติดออกทางกรุ้มกริ่มกำลังดี ดำเทานุ่มๆ กำลังงาม สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและไม่ทางการ แต่ถ้าจะออกกำลังกายกลิ่นนี้ไม่เข้าทางนักครับ อาจจะต้องรอปลายๆ ช่วงท้ายเลย ส่วนเที่ยวกลางคืนจัดไป กลิ่นส่งเสริมให้ดูน่าค้นหาเลยทีเดียวเชียว

ความทน – เป็น EDP จ้า ทนเกิน 8 ชม. สบายๆ

การกระจาย – กลิ่นไม่ได้กระจายหนักหน่วงครับ ออกทางปานกลางเสียด้วยซ้ำไปจนถึงปลายๆ ของช่วงกลาง และเป็น Skin Scent ชัดเจนยามช่วงท้ายเลยทีเดียว มีตีขึ้นบ้างยามร่างกายทำความร้อน

ทิ้งท้าย – ตอบโจทย์คำว่า Black ไหม ใช่เลย แต่อาจจะไม่ได้ดำ ดาร์กมากเท่าไหร่ ออกทางดำนวลๆ ดำเทาๆ แบบยังคงความเป็น Bvlgari Man แต่กลิ่นแบบนี้อาจจะไม่ได้เข้าทางทุกคนนัก อาจจะต้องลองก่อนจะดีที่สุดครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari – Aqva pour Homme Toniq


Bvlgari – Aqva pour Homme Toniq

ได้เวลากลับมาหาตัวยอดนิยมของชายหนุ่มไทยทำงาน Office ทั้งหลายอีกครั้งกับ Bvlgari Aqva pour Homme แต่เพราะเคยรีวิวกันไปแล้วกับรุ่นต้นตำรับ เลยขอมากับรุ่นลูกที่แตกตัวออกมากันบ้างว่าจะคงความดีงามเช่นเคยแบบที่มหาชนชอบ มหาชนใช้หรือไม่ กับตัวนี้เลยครับ Aqva pour Homme Toniq

ต้องบอกเลยว่า กลิ่นใกล้เคียงกับรุ่นปกติมากพอสมควร แต่จะเพิ่มโทนเย็นๆ และกลิ่นของทะเลมากกว่า เพราะเปิดต้นกลิ่นที่ Top Notes ก็ดึงความสดชื่นซิตรัสแบบเย็นวาบๆ ซาบซ่ามากันก่อนเลย เพราะกลิ่นเลม่อนกับมิ้นท์จะมาเต็มไม่น้อย เพียงไม่นาน Middle Notes แทรกตัวมาเร็วมากซึ่งบอกเลยครับ ใครชอบสาหร่ายโผล่ สาหร่ายแบบจัดเต็ม สาหร่ายแบบเปียกๆ เป็นแพ หรือสาหร่ายดกๆ เชิญทางนี้ เพราะกลิ่นสาหร่ายจะพลุ่งพรวดขึ้นมาเลยทีเดียว กลั้วกับกลิ่นโทนน้ำทะเลที่จะมาแบบเต็มๆ โดยมีไอเย็นวาบๆ อยู่ กลิ่นในช่วงนี้ต้นตระกูลจะออกสาหร่ายกลั้วโทนนุ่ม แต่สำหรับ Toniq จะเป็นกลิ่นออกทางทะเลน้ำลึกที่มีสาหร่ายโผล่มาแบบตรึมๆ มากกว่าจะแพลมๆ ซึ่งใครที่ชอบจะชอบไปเลย ใครที่ไม่ชอบจะเวียนหัวไปเลยเช่นกัน และจะมาปิดท้ายกันที่ Base Nptes กับกลิ่นโทนสาหร่ายจะเบาลง มาเป็นกลิ่นของหญ้าแฝกฉ่ำๆ กลั้วกับกลิ่นโทนไม้หอมอ่อนๆ ยังมีความรู้สึกแบบน้ำทะเลแฝงอยู่ไปตลอดที่ยังให้ความสดชื่นได้อยู่ไม่ไปไหนเสียจนหายไปจากผิว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนม.ปลาย ขึ้นไป กลิ่นอาจจะไม่ได้ถึงขั้นต้นตระกูลที่เข้าถึงได้ง่าย แต่ให้ความรู้สึกแบบทะเลน้ำลึกเย็นๆ จริงๆ สามารถใช้ได้หลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่เป็นเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ใช่แบบงานทางการอะไรจัดๆออกกำลังกายก็พอได้ ส่วนกลางคืนก็พอไหวครับกับอากาศแบบบ้านเรา

ความทน – 8 ชม. โดยประมาณ อาจจะบวกลบประมาณ 1 – 2 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย – กระจายดีมากตอนต้น และลดมากระจายแบบทะเลกำลังดีตอนกลางจนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ผมแพ้ทางสาหร่ายเป็นทุนเดิม แต่ใช้ Aqva ปกติได้ มาเจอตัวนี้ เมาเลยจ้าาาาาาา 555555 สาหร่ายแบบเต็มมาก แน่นด้วย ซึ่งพอหลุดช่วงสาหร่ายโผล่ มาช่วงท้ายๆ จึงกลับมาพอประคองตัวหอมๆ ไปได้อยู่ เช่นนั้น จึงแนะนำว่าลองก่อนจะดีที่สุดครับ

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari Man Extreme


Bvlgari Man Extreme 

ขึ้นชื่อว่า Bvlgari การมีรุ่น Extreme ออกมาถือว่าเตรียมฟินกันได้อยู่ไม่น้อย เพราะมันจะต่อยอดความหอมได้ดีขึ้นและทนขึ้นเสียมากจริงๆ ซึ่งสำหรับโซน Bvlgari Man ที่เน้นความสุขุมนุ่มลึกและสว่างสไวในเนื้อกลิ่นแบบสุภาพบุรุษนั้นเมื่อมีห้อยท้าย Extreme จะเป็นยังไง 

ส่วนตัวไม่เคยใช้ Bvlgari Man ตัวต้นตระกูลครับ เพราะรู้สึกเฉยๆ แม้ว่าจะหอมมากผ่านการดมผ่านๆ ที่กระดาษเทส และมีหลายคนบ่นว่าไม่ทน จึงข้ามช็อตมาลองตัว Extreme ซะเลย ซึ่งบอกกันตรงๆ ว่าเพียงแค่เปิด Top Notes ขึ้นมาเท่านั้นแหละ บอกเลยว่าหอมมากกกกกก เพราะกลิ่นโทนซิตรัสของเกรฟฟรุตสีชมพูเมื่อผสานกับมะกรูดจะให้โทนที่ไม่คมเกินไป แถมได้กลิ่นโทนเขียวฉ่ำๆ ของกระบองเพชรมาตัด เลยจะได้ความสดชื่นแบบซิตรัสติดเขียวหอมสะอาดลุ่มลึกกำลังดีเลยทีเดียว เพียงแค่ช่วงนี้ ถ้าไม่รอช่วงอื่นก็สามารถทำให้เสียเงินซื้อได้ทันที เพราะหอมจริงอะไรจริง จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนโทน โดนซิตรัสติดเขียวจะผันไปรองพื้นด้านหลังให้พอจับต้องได้ แต่จะมีโทนหวานจางๆ อบอุ่นกำลังดีเข้ามาแทนที่กับกลิ่นของเม็ดกระวานที่เด่นตีคู่กับกลิ่นโทนพริกไทยหน่อยๆ ติดดอกไม้จางๆ ผสานให้ความรู้สึกดึงดูด เย้ายวน เซ็กซี่แบบผู้ชายมาดดีเลยทีเดียวเชียว ที่สำคัญมีกลิ่นโทนวู้ดดี้อุ่นๆ ค่อยๆ แทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนเต็มที่ในช่วง Base Notes ที่เป็นตัวรองพื้นอบอุ่น ดันให้กลิ่นของหญ้าแฝกนำเสนอความเป็นสุภาพบุรุษที่สะอาดสะอ้าน เคล้ากับกลิ่นอายของกำยานที่คุมโทนหวานอุ่นกำลังดีไปตลอด ถือว่ามาครบหมดเลยไม่ว่าจะเป็นสดชื่นสะอาด อบอุ่นเย้ายวน และสุภาพบุรุษจัดเต็มสมชื่อรุ่นนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ เพราะกลิ่นใช้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ได้ต้องวัยทำงานขึ้นไปเพียงอย่างเดียว สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์เลยทั้งกลางวันและกลางคืน กลิ่นให้ความรู้สึกมีคลาสมีระดับไม่น้อยเลย ครอบจักรวาลอีก 1 ตัว ครับ

ความทน - เกิน 8 ชม. สบายๆ แต่จะเกินมากหรือไม่อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และ Middle แต่จะลดระดับลงมาเป็นออร่ารอบๆ ผู้ใส่แบบเข้ามาใกล้ๆ จะได้กลิ่นในช่วง Base จนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ Bvlgari ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เพราะกลิ่นหอมแบบมีชั้นเชิงมากขึ้น โดยคง Concept แบบสุภาพบุรุษอย่างลงตัวจริงๆ อ้อ คนสูบบุหรี่ใส่ตัวนี้ได้ โดยที่กลิ่นบุหรี่ไม่กลบนะครับ เพราะว่าหญ้าแฝกที่เป็นตัวปรับกลิ่นบุหรี่ให้เบาและหอมเฉพาะตัวนั้นเด่นเลยทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

Review: Bvlgari - BLV pour Homme

Bvlgari - BLV pour Homme

น้ำหอมรุ่นนี้ของ Bvlgari ผมเคยอ่านเจอในนิตยสาร POP เมื่อก่อนว่า พี่เจ เจตริน เขาใช้ แน่นอนว่าช่วงนั้นน้ำหอมของ Issey Miyake เป็น Signature ประจำตัวเลยไม่ได้สนใจตัวนี้นัก พอมาปัจจุบันเริ่มบ้าน้ำหอมเต็มขั้นได้มีโอกาสได้ใช้เต็มๆ กับเขาเท่านั้นแหละ อืมมมมมม ฟินนนนนนน เพราะ

แค่เปิดช่วงต้นกลิ่นก็หอมแบบสดชื่นแกล้มความอบอุ่นแบบพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แต่มีไออุ่นรอบตัวๆ และมีกลิ่นหอมติดหวานบนผิวกายเลย ซึ่งเต็มๆ กลิ่นที่ได้คือ #ขิง โดยมีเม็ดกระวานกลั้วกับไม้จันทน์หอม เพียงแค่กลิ่นต้นบอกเลยว่าเป็นกลิ่นเปิดที่สร้างความประทับใจได้ไม่ยาก เพราะมันไม่ได้เปิดตัวเหมือนน้ำหอมตัวอื่นๆ ที่จะเน้นโทนซิตรัสนำเด่นเท่าไหร่ จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางงานนี้มาเลยสดชื่นก็จริง แต่มันมีเสน่ห์เฉพาะที่ให้ความหวานและอบอวลอย่างมีชั้นเชิงของผู้ชายเท่ห์ๆ ซึ่งกลิ่นขิงยังคงอยู่ แต่คราวนี้ข่าจะมาร่วมด้วยช่วยกันเสริมให้กลิ่นออกทางสดชื่น Sparkling เข้าไปอีก มีความเป็นแป้งเย็นซ่าๆ รองพื้นด้านหลังของจูนิเปอร์เบอร์รี่อีกด้วย ฟินนนมากกกก ขอบอก เพราะกลิ่นมันออกทางเท่ห์ที่เข้าถึงง่ายนี่แหละ ใครๆ จะชอบกลิ่นนี้ได้ไม่ยากเลย ก่อนที่จะปิดท้ายกันช่วงกลิ่นโทนอบอุ่นของวู้ดดี้ กลั้วกับดอกยาสูบที่จะให้กลิ่นคล้ายๆ หนังจึงมีความนุ่มตามมา กลิ่นช่วงนี้เลยดูเป็นผู้ชายแมนอบอุ่น ยิ้มง่ายสบายๆ เข้าถึงง่ายและน่าเข้าหาสุดๆ ทำให้คนได้กลิ่นฟินเอาง่ายๆ เลย ไม่แปลกใจว่าทำไมน้ำหอมรุ่นนี้ของ Bvlgari มีการปลอมเยอะมากกกกกในทุกวันนี้

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป เพราะกลิ่นใช้ได้ในทุกๆ สถานการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน ถือว่าเป็นอีก 1 ตัวที่ครอบจักรวาล ใส่เรียนก็ดูเท่ห์ ใส่ทำงานหรือออกงานก็ดูมีระดับ ในชิลล์ๆ ก็ดูสบายๆ ใส่เที่ยวกลางคืนก็ได้อยู่

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ครับ (ส่วนตัวเจอ 10 ชม. เป็นเรื่องปกติ)

การกระจาย กลิ่นกระจายดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงต้นและกลาง และจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย ของปลอมรุ่นนี้อยากจะบอกว่าเกลื่อนๆ พอๆ กับรุ่น pour Homme และ Extreme เลยทีเดียว ถ้าดูแค่เฉพาะแบรนด์ Bvlgari ซื้อจากเคาน์เตอร์หรือร้านที่ไว้ใจได้น่าจะดีกว่าครับ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Bvlgari – Aqva pour Homme



Bvlgari – Aqva pour Homme

ฮิตมาก ฮิตจริงๆ เพราะว่า กลิ่นมันหอมเข้าถึงง่ายและโดนใจอันนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ครับกับ Bvlgari Aqva pour Homme เพราะว่า 

Top Notes เปิดต้นด้วยความหอมนุ่มสดชื่นกันด้วยกลิ่นส้มแบบทันสมัยกลั้วความเขียวของใบส้มเข้าไป เพียงแค่นี้ไม่ต้องรอตรงอื่นก็เสียตังค์ได้ เพราะกลิ่นมันเข้าถึงง่าย หอมดึงดูดให้อยากใช้ไม่ยากจริงๆ และเพียงไม่นานกลิ่นลาเวนเดอร์จะยิ่งมาทำให้กลิ่นออกทางนุ่มนวล แล้วตามมาด้วยกลิ่นสาหร่ายแบบทะเลมาเลย มีความสดชื่นกำลังดีจากกลิ่นในช่วงต้นที่เป็นพื้นหลังกำลังดี แถมมีกลิ่นออกทางสะอาดๆ นุ่มๆ เข้ามาทำให้หอมนวลได้ใจในรูปแบบ Aquatic มากจริงๆ ซึ่งถ้าใครไม่ชอบกลิ่นสาหร่ายในช่วงนี้ อาจจะเวียนหัว มึนๆ ได้และอาจจะบายทันที แม้ว่ากลิ่นสาหร่ายจะไม่ได้ออกทางคาวทะเลมากนักก็ตาม แต่ถ้าดมภาพรวมของกลิ่นที่กระจายออกมาจะให้อารมณ์ออกมาทะเลนิ่งๆ น้ำลึก แบบดำน้ำชมปะการังชิลล์ๆ เพลินๆ มีความรู้สึกเย็นๆ ให้สัมผัสได้ตลอด ซึ่งถ้าคนชอบจะปลื้มมากมายก่ายกองเข้าไปอีก พร้อมเสียตังค์แน่ๆ เพราะมันหอมจริง และเมื่อ Base Notes เข้ามาทักทายจะมีความเย็นวาบๆ นุ่มนวลจากพิมเสนกลั้วไปกับโทนวู้ดดี้แบบเบาสบายไม่ออกทางอบอุ่นจัดๆ โดยที่ยังมีโทนออกทางน้ำทะเลลึกมาให้รู้สึกสดชื่นตามมาอยู่ โดยกลิ่นในช่วงนี้หอมนวลเย้ายวนกำลังดี ให้ความรู้สึกนุ่มเย็นสบายๆ เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – หนุ่มทุกเพศวันเรียน ม. ต้น ขึ้นไป เลยครับ กลิ่นเข้าถึงง่าย ให้อารมณ์ทะเลแบบดำน้ำลึก สะอาด นุ่มๆ เย็นๆ กลิ่นโดนใจมหาชนเลย สามารถใส่ไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยวเล่นทั้งทะเล ป่าเขาลำเนาไพร จนถึงเดินห้าง เดิน JJ ได้หมด ออกกำลังกายก็ได้ แต่ใส่เที่ยวกลางคืนอาจจะเบาไปนะครับ ถ้าเจอกับเหล้า เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียวครับ

ความทน – ประมาณ 8 ชม. ครับ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้แล้วแต่จำนวนสเปรย์ การฉีด และเคมีด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากจริงๆ ในช่วง Top และ Middle ที่พร้อมจะทำให้มหาชนรอบตัวชอบได้ไม่ยาก ส่วน Base จะออกแนวหอมนุ่มเย็นๆ ขรึมๆ กำลังดีแบบเข้ามาใกล้ๆ จะได้กลิ่น

ทิ้งท้าย – มันอาจจะไม่ใช่หนึ่งในของดีเทคนิคไม่ต้อง เพราะบางคนมึนไปกับสาหร่ายโผล่ในตัวนี้ แต่ถ้าในเรื่องความหอมไม่เป็นรองใครแน่ๆ แม้คนจะใช้เยอะแต่ก็ยังมีระดับในตัวเองสมกับเป็น Bvlgari น่ะครับ และที่สำคัญเป็นหนึ่งใน Office Scent สำหรับชายหนุ่มได้สบายๆ เลยครับ

ป.ล. ในส่วนของ Aqva Marine ผมจะไม่ได้มีการ Review นะครับ เพราะว่าแม้กลิ่นคาวทะเลและสาหร่ายในตัวนั้นจนปวดหัวเลยไม่สามารถใช้มันได้เลยจริงๆ ครับ -_-“

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Bvlgari pour Homme Extreme



Bvlgari pour Homme Extreme

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เป็นตัวยอดฮิตอีก 1 ตัว ในแง่ของความหอม สดชื่น สะอาด หรูหรา เย้ายวน ทนจัด และกระจายดีมากเลยทีเดียว ที่สำคัญครอบจักรวาลมากในการใช้งาน แม้ว่าจะสู้ตัวดังๆ ที่มหาชนชายไทยมักจะใช้ไม่ได้ก็ตาม แต่ตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 ตัวที่ Can't go wrong ได้สบายๆ ของแบรนด์ Bvlgari นั่นคือ Bvlgari Extreme ครับ 

ถ้าเปรียบเทียบจริงๆ กับตัว Bvlgari pour Homme ปกติ จะมีความเชื่อมโยงตรงโทนกลิ่นชาและความเย้ายวนเบาๆ แต่หรูหราแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอมกลิ่นชาเลยครับ แต่ตัว Extreme นี้จะฉีกออกมาให้แตกต่างชัดเจนเลย คือ เน้นความสดชื่นนำความนุ่มนวลในแบบที่ตัวปกติจะเด่นแทน เปิดตัว Top Notes กันด้วยกลิ่น Citrus ที่เด่นมากด้วยกลิ่นของมะกรูด เลมอน ดอกส้มและใบส้มที่จะให้ความสดชื่นเขียวสะอาดสุดๆ มีกลิ่นซ่าๆ ของเม็ดผักชีนิดๆ และมีลาเวนเดอร์ให้กลิ่นนุ่มๆ ตัดไม่ให้ Citrus คมเกินไปมารองพื้นด้านหลัง ซึ่งกลิ่นเข้าถึงง่ายมากกกกกก และเพียงแว้บเดียวกลิ่นของชาก็เด่นขึ้นมากลั้วไปกับกลิ่นโทนซิตรัสคมๆ ซ่าๆ จะได้อารมณ์ชาเลมอนมะกรูดเต็มๆ ซึ่งเพียงแค่กลิ่นต้นก็สามารถทำให้เสียเงินซื้อได้ไม่ยากจริงๆ เพราะมันหอมมากมาย ยิ่งพอเข้า Middle Notes คราวนี้กลิ่นชาจะยังคงเด่นเป็นสง่ากลั้วกับโทนเขียวสะอาดสดชื่น มีโทนวู้ดดี้มารองหลังให้กลิ่นแน่นมากขึ้น กลิ่นมีความเย้ายวนแบบเบาๆ หรูหราจากชาชัดเจน ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายมาก เป็นกลิ่นที่ใครได้กลิ่นก็ปลื้มได้ไม่ยากเลย จนเมื่อเข้าสู่ Base Notes ได้เวลาจัดเต็มความนุ่มนวลจาก Musk ที่ให้ความสะอาด ความเซ็กซี่เย้ายวนเบาๆ ของดอกไอริส และโทนอบอุ่นแบบไลท์ของไม้หอมทั้งหลาย ซึ่งช่วงนี้เรียกได้เลยว่า Aromatic จริงๆ หอมนุ่มจมูก สะอาด ยังมีโทนชาซิตรัสจางๆ ให้สดชื่นได้ตลอดไม่มีหายไปไหนครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนม.ปลายขึ้นไป เพราะกลิ่นครอบจักรวาลในการใช้งานมาก มีหมดทั้งความสุภาพ สะอาด สดชื่น ผ่อนคลาย หรูหรา และเย้ายวนบางๆ สามารถใส่ไปเรียน ทำงาน ออกกำลังหรือกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะกลิ่นทนเหงื่อได้ดีเลยทีเดียว ใส่ไปเที่ยวได้หมดทั้งกลางวันและกลางคืนครับ มาครบและมาเต็มเลยทีเดียว

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ครับ ส่วนตัวผมฉีด 6 สเปรย์แบบเข้าผิวและฉีดทับที่เสื้อด้านนอกสิ่งที่ได้คือ ทนเกิน 15 ชม. ทุกครั้งครับ

การกระจาย – กลิ่นนี้เป็น Sillage Scent จะกระจายดีมาก และตีขึ้นตลอดเวลาให้รับรู้ในทุกๆ ช่วง ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเคมีด้วยส่วนหนึ่ง เพราะบางคนอาจจะกลายเป็น Skin Scent มีกลิ่นสดชื่นอ่อนๆ แทน แต่ยังหอมมาก อยู่ที่การฉีด จุดที่ฉีด และจำนวนสเปรย์ด้วยครับ

ทิ้งท้าย – สำหรับผมนี่คือหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เลยล่ะครับ