แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Tom Ford แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Tom Ford แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

Review: Tom Ford - Private Blend: Lavender Extreme

Tom Ford - Private Blend: Lavender Extreme

เมื่อเห็นการเปิดตัวน้ำหอมในสาย Private Blend ของ Tom Ford เมื่อปี 2019 กับขวดสีเงินสวยงามสว่างคาตากันสุดๆ โดยเจาะลึกกันไปที่การเป็นลาเวนเดอร์แบบทุกเม็ดกับการให้ชื่อว่า Lavender Extreme ซึ่งแน่นอนว่าความคาดหวังในการใช้งานปานราวกับไปวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ก็มาเต็มกันเลยทีเดียว และยังคิดไปในทางเปรียบเทียบพอสมควรเพราะว่าน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์เด่นๆ และดีงามมันก็มีมากมายในท้องตลาดไม่น้อย

เช่นนั้น เมื่อได้มาแล้วก็ต้องเจ้าถึงกันให้อย่างแจ่มแจ้ง และก็ตกผลึกออกมาได้แบบนี้เลย

Lavender Extreme เปิดตัวมาก็มาเต็มและชัดกันเลยทีเดียวกับโทนลาเวนเดอร์ที่ติดสมุนไพรเคล้าความสดชื่น ได้อารมณ์แบบวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์จริงๆ ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเขียวสมุนไพรแบบกิ่งก้านลาเวนเดอร์ และมีความเขียวติดปร่าๆ มีความซ่าติดเมนทอลอารมณ์แบบขยี้กลิ่นใบยูคาลิปตัสแล้วฟุ้งอ่อนๆ เคล้ามีโทนติดเปรี้ยวปลายกลิ่นที่มีความหวานเนียนๆ ของเลมอนที่ให้ความสดชื่น รวมถึงมีโทนติดหวานนวลโปร่งๆ เข้าทางโทนแป้งที่ได้อารมณ์แบบลาเวนเดอร์สีม่วงหอมตีคู่ไปกับโทนสดชื่นได้อย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเปิดที่ได้ความเป็นลาเวนเดอร์ชัดเจนมาก และไม่ต้องเดาเลยว่าลาเวนเดอร์นี่แหละ ที่จะอยู่กันยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้ายแน่นอน

เพียงไม่นานจะเริ่มรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นลาเวนเดอร์จะค่อยๆ มีความหนาอวลมากขึ้นจากช่วงต้นและมีความเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ โดยจะเริ่มมีตัวเสริมชั้นดีอย่างเครื่องเทศสายเผ็ดหวานอุ่นอย่างอบเชยมาเสริม และมีพื้นฐานกลิ่นแบบโทนแป้งติดอับบางๆ แต่มีความหวานเสริมเข้ามาซึ่งน่าจะเป็นโทนจากเมล็ดแครอทมากกว่าที่จะเป็นไอริส เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้จะมีเลเยอร์ที่จับต้องได้ชัดเจนจากลาเวนเดอร์ที่ให้ความหอมนวลเฉพาะแบบที่พึงเป็นตามธรรมชาติแต่จะมีความหวานอุ่นอวลกลิ่นอบเชยเสริมเป็นมิติที่ 2 พร้อมกับกลิ่นติดแป้งอวลหวานทึบนิดๆ ที่เป็นเลเยอร์รองลงมาสนับสนุนดันให้กลิ่นหลักมีความชัดแน่นมากขึ้นไปอีก โดยที่จะมีความเขียวสมุนไพรอยู่ประปรายและมีกลิ่นคล้ายกุหลาบอ่อนๆ ให้พอรู้สึกได้อีกด้วย ซึ่งช่วงนี้แหละ ทำให้รู้สึกได้ชัดเจนว่ามันคือความเป็น Extreme ตามชื่อรุ่นลงไว้ชัดเจน เพราะไม่ใช่ลาเวนเดอร์ใสๆ แต่อย่างใด

จนเมื่อเริ่มจับต้องถึงโทนกลิ่นที่เข้าทางวานิลลาติดครีมมี่นวลๆ แบบไม่ได้ไปสายข้นมาก และมีกลิ่นติดหญ้าแห้งหน่อยๆ เข้ามาร่วมแจมและทำให้กลิ่นสมุนไพรแปร่งเฉพาะเริ่มจางไปในที่สุด ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่แน่นอนลาเวนเดอร์ยังคงเด่น แต่จะมีกลิ่นติดนวลละมุนมากขึ้นและมีกลิ่นติดโทนติดเขียวออกทางหญ้าแต่มีความอบอุ่นเจือหวานให้จับต้องได้เลยจะได้อารมณ์กลิ่นที่เสริมความเป็นลาเวนเดอร์ในความติดเขียวแห้งเล็กๆ ได้อยู่ รวมถึงสนับสนุนฝั่งโทนอบอุ่นอย่างครีมมี่ติดแป้งนวลของกลิ่นโทนกึ่งวานิลลากึ่งอัลมอนด์เล็กๆ ที่น่าจะเป็นถั่วตองก้า รวมถึงมีกลิ่นหวานอุ่นอวลแหลมนิดๆ ออกทางคล้ายกำยาน Benzoin ที่เป็นกลิ่นยางไม้แบบวานิลลาหวานแหลมแต่โดนเกลาให้ได้อารมณ์วานิลลาติดหวานปลายๆ กลิ่นแทนที่มาสมทบกับอบเชย เสริมให้ลาเวนเดอร์ในช่วงนี้มีความอุ่นอวลละมุนครีมมี่กำลังดี มีเสน่ห์เย้ายวนกำลังงามพร้อมกับให้ความผ่อนคลายแบบแท็คทีมทั้งจากความ Aromatic ปนนวลสะอาดเองของลาเวนเดอร์ และกลิ่นโซนอบอุ่นนวลละเมียดจากสายถั่วตองก้าและวานิลลาเบาๆ เลยปิดท้ายบนผิวอวลรุมๆ แบบที่ได้ความรื่นรมย์ในการรับรู้กลิ่นได้ดีกันไปเรื่อยๆ   

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะว่าเป็นกลิ่นที่กลางๆ มากพอในการใช้งานไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม วัยเรียนม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว และยกระดับผู้ใช้ให้มีความเป็น Lavender is All Around ได้เลย ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นให้ความผ่อนคลายเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่ค่อยเข้าทางเท่าไหร่นัก แต่รอช่วงท้ายๆ ก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยใส่นอนนี่หลับสบายเลย เพราะลาเวนเดอร์ช่วงเรื่องการนอนอยู่แล้ว หรือจะใส่ออกงานก็ได้อยู่ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีโดยชาวบ้านกลบง่ายไปหน่อย แต่ถ้าแน่ก็จัดไป  

ความทน - ดีงามสมฐานะ เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังมีอยู่ให้จับต้องได้ตลอด และที่เจอสูงสุดคือ 15 ชม. ตรงนี้ต้องยอมและยกให้เขาจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายกลางๆ ในตอนต้น แต่จะมาหักมุมขึ้นมากระจายดีแบบคงตัวกันยาวๆ ไปตลอดช่วงกลางยาวไปเลย 4 ชม. แล้วจึงค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ มาเป็นปานกลางอีกที แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไปซัก 7 ชม. กันไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ราวๆ 10 ชม. ไปแล้ว

สรุป - คุมโทนอารมณ์กลิ่นของลาเวนเดอร์ได้ดี อันนี้ขอชื่นชม เพราะมีทุกโทนที่ลาเวนเดอร์สามารถให้ความดีงามทางกลิ่นได้หมด ตั้งแต่สดชื่น สมุนไพร นวลสะอาด แป้งนวล หวานอวล ครีมมี่ และเข้มข้น มาหมดแบบที่คนที่ชอบลาเวนเดอร์จะฟินไปข้างได้เลย เพียงแต่อาจจะถูกเบรกกันที่ราคาของน้ำหอมแทน แต่นะถ้าชอบการมีรุ่นนี้เป็นหนึ่งใน Collection ลาเวนเดอร์มันก็ไม่เสียหาย แถมสร้างเสน่ห์ได้ดีแบบที่มั่นใจได้ไม่ยากในคุณภาพความเป็น Tom Ford อยู่แล้วล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.bernardcharpenel.com/tom-ford-lavender-extreme

 

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Review: Tom Ford - Private Blend: Bitter Peach

Tom Ford - Private Blend: Bitter Peach

ว่ากันด้วยเรื่องของ “พีช” ซึ่งในสายน้ำหอม Note กลิ่นนี้มักจะสร้างโทนที่ให้ความหวานหอมนุ่มก็ได้ ไปยังกลิ่นอายติดโทนแป้งนวลหวานผมเปรี้ยวหอมครีมมี่ก็ลงตัว จะไพล่ไปทางสดใสวัยสะออนก็สามารถ หรือจะสร้างความเป็นโทนสีส้มอ่อนๆ ที่ดึงดูดความสนใจก็ทำได้ดี เรียกว่าเป็นหนึ่งใน Note กลิ่นยอดฮิตในสาย Fruity ผลไม้เลยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนี้ แถมกลิ่นพีชนี่นอกจากสายน้ำหอมแล้วยังกระจายไปยังสาย Body Care ต่างๆ ที่ให้ความหอมประทินผิวก็มากมายก่ายกองเต็มไปหมดจริงๆ 

และคราวนี้ “พีช” ก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ Tom Ford ในการนำเสนอเป็น Collection: Private Blend สาย Exclusive ที่จะมีอะไรซ่อนและสอดแทรกอารมณ์กลิ่นที่เป็นสไตล์ของแบรนด์บ้าง ว่าถอดกลิ่นกันเลยดีกว่ากับรุ่นนี้ Bitter Peach

เปิดต้นกลิ่นมาก็บอกกันอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่พีชใสๆ หรือพีชสายอ่อนโยนแต่อย่างใด แต่เป็น Bitter Peach สมชื่อมากๆ ในการสื่อสารกลิ่นอายโทนสีส้มที่เคล้ากลิ่นอายสายค็อกเทลและเหล้าพีชที่เปิดมาก็หอมหวานแหลมแปร่งเย้าติดเอียนหน่อยๆ มาเลย ซึ่งความเป็นพีชจะเข้าโทนกึ่งไซรัปกึ่ง Nectar ชัดเจนมาก เพราะเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงโทนเหล้ารัมติดขมเหล้าคอนยัคหน่อยๆ ตามด้วยกลิ่นส้มที่ติดออกทางไซรัปที่สร้างโทนสีส้มเฉดเข้มออกทางให้กับเนื้อกลิ่น ซึ่งนี่แค่วูบแรกเอง แต่ที่เหลือกลิ่นออกทางผลไม้แห้งหวานติดค่อนไปทางแอปริคอตจะแทรกตัวมาไวมาก ทำให้อารมณ์กลิ่นจะได้แบบเหล้าแอปริคอตหวานอมเปรี้ยวติดคมๆ ฟุ้งออกมาตีคู่กับกลิ่นไซรัปพีช ให้อารมณ์ค็อกเทลพีชแอปริคอตเข้มข้นที่มาสไตล์เรียกร้องความสนใจชัดเจนมากตั้งแต่สเต็ปแรกยันปลายทางของช่วงต้นที่เรียกว่าอยู่กันยาวเกินคาดมาก

การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลางจะเริ่มต้นที่กลิ่นเริ่มเซทตัวและไม่ได้ออกแนวเปิดตัวด้วยความเป็นค็อกเทลไซรัปพีชกับแอปริคอตพุ่งๆ แล้ว เพราะกลิ่นจะลดทอนลงมาและมีความสมดุลย์มากขึ้นโดยจะให้ความเป็นค็อกเทลแอปริคอตเจือผลไม้หวานติดปลายกลิ่นเป็นโทนพีชที่กึ่งใสกึ่งปร่าเย้าหน่อยๆ ซึ่งจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นกระวานที่ให้ความหวานเย้าเคล้ากลิ่นพิมเสนที่ไม่ได้มาแบบสากดิบหรือออกแนวกรุยกรายเรียกร้องความสนใจ แต่ให้ความเป็นพิมเสนที่ติดปร่าหวานสอดแทรกความเป็นค็อกเทลผลไม้สีพีชใสแต่มีกลิ่นเข้มให้โทนออกทางลูกผสมชอคโกแลตแห้งปลายกลิ่นแบบที่พิมเสนจะมีโทนแบบนี้หน่อยๆ สร้างอารมณ์กลิ่นติดขมให้จับต้องได้และเชื่อมโยงกับกลิ่นเหล้าคอนยักเคล้าเหล้ารัมที่ที่เป็นตัวสนับสนุนกลิ่นผลไม้หวานไซรัปให้มีโทนดึงดูดเกินคาด ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะให้ความเซ็๋กซี่เย้ายวนและมีระดับลงลายเซ็นสไตล์ Tom Ford ที่ต้องมีลูกเซ็กซี่มีเสน่ห์ในกลิ่นน้ำหอมแทบทุกรุ่น รวมถึงมีจริตกำลังดีขับ Sex Appeal ในแบบกรุยกรายนิ่งๆ มีลูกล่อลูกชนด้วยความหวานหวานอมเปรี้ยวเย้าด้วยความเป็นพีชและแอปริคอตติดขมหน่อยๆ ได้ดี ซึ่งช่วงนี้จะอยู่กันไปยาวนานมากจนแทบจะคิดว่านี่คือช่วง Dry Down ของน้ำหอมไปแล้วซะอีก แต่ก็ไม่ใช่

เพราะช่วงท้ายจะค่อยๆ ขยับขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้ความนวลอบอุ่นติดสะอาด ลูกผสมของโทน Musky ที่เสริมขึ้นมาพร้อมกับวานิลลาแบบ Lite Version รวมถึงมีโทนไม้หอมติดครีมมี่หน่อยๆ อย่างจันทน์หอมสร้างความเป็นสีครีมนวลเข้ามามากขึ้นตามลำดับ เปลี่ยนจากโทนค็อกเทลสีเข้มแต่ใส มาเป็นสีพีชครีมมี่ในเนื้อกลิ่นชัดเจน กลิ่นจะให้ความนวลติดนุ่มสะอาดเจือไม้ครีมๆ ที่ปลายกลิ่นเป็นโทนจากช่วงกลางที่เจือจางลงมานวลหวานอมเปรี้ยวหอมกลางๆ ได้อย่างสมดุลย์และแตกต่างจากช่วงต้นแบบพลิกเกมกันเลย เพราะเนื้อกลิ่นมีความมินิมัลมากให้ความสีพีชนวลหอมมีความอ่อนโยนก็ได้ เย้ายวนเนียนๆ ก็ดี แบบเรียบหรูมีระดับปิดท้ายความเป็น Bitter Peach กันยาวๆ ไป

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex อันนี้ใช่เลย แต่จะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าตีไปซัก 70% ได้ เพราะเนื้อกลิ่นมาสายค็อกเทลผลไม้เข้มข้นที่เข้าทางผู้หญิงมากกว่า แต่ช่วงท้ายอันนี้ชัดเจนมาก Unisex เต็มตัว ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนเหล้าและค็อกเทลมันอาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่แบบยามทางการแน่นอน แต่ถ้าใส่แบบทำงาน Office เน้นสร้างความเก๋โทนออร่าสีส้มพีชอันนี้แหละเข้าทีไม่น้อย รวมถึงการใส่ยามค่ำคืนด้วยที่จะสร้างความแตกต่างได้ในการไปสู้กับกลิ่นอายสายหวานต่างๆ หรือจะใส่แบบโรแมนติคออกเดทก็ได้ แต่อันนี้เอาพอดีๆ จะดูกรุ้มกริ่มได้ไม่ยาก แต่ที่ให้ตัดออกไปเลยใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งและออกกำลังกาย อย่าหาทำ กลิ่นมันจะพุ่งจนอึดอัดเอาได้ 

ความทน - ดีงามสุดๆ ตอนแรกไม่คิดว่าความทนจะลากยาวไปจนถึง 15 ชม. ได้เลยกับการใช้เพียง 4 สเปรย์ ซึ่งถ้าตีเฉลี่ยยังไงก็ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากตอนต้น เรียกว่าเปิดตัวแบบเรียกร้องความสนใจให้หันมามองรอบทิศทางได้เลย แล้วจะลดลงมาเป็นปานกลางกันยาวๆ ไป จนเมื่อเข้าช่วงท้ายก็เป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนกว่าจะชะล้างออกไปด้วยการอาบน้ำประมาณนี้

สรุป - กลิ่นพีชเจือแอปริคอตไซรัปไตล์เรียกร้องความสนใจเย้ายวนเซ็กซี่สไตล์เหล้าเข้มข้นเปิดตัวแบบนี้อาจจะไม่ได้หวือหวานัก เพราะแอบค่อนไปทางสไตล์น้ำหอม Celeb อยู่พอสมควร แต่เมื่อมาพินิจพิเคราะห์ เนื้อกลิ่นเองมีลายเซ็นที่ชัดเจนมากในการเป็น Tom Ford ที่ต้องมีจริตเซ็กซี่ มีเสน่ห์ และเรียกร้องความสนใจได้ดี รวมถึงคุณภาพกลิ่นจัดเต็ม ก่อนปิดท้ายด้วยความมินิมัลที่เรียบหรูมีระดับ และมีอารมณ์คุณนายๆ หน่อย เรียกว่าเข้าทางเขาล่ะ และยิ่งใครชอบกลิ่นพีช อาจจะโดนตีหัวเข้าบ้านได้เลยล่ะ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/news/Tom-Ford-Bitter-Peach-14162.html

 

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Ombre Leather (2018)

Tom Ford - Ombre Leather (2018)

เมื่อปี 2016 การเปิดตัวหนึ่งใน Private Blend Collection ของ Tom Ford กับกลิ่นอายความเป็นหนังในรุ่น Ombre Leather 16 ถือว่าสร้างความน่าสนใจมากว่าจะฉีกตัวเองออกจากร่มโพธิ์ดังของแบรนด์อย่าง Tuscan Leather ได้ขนาดไหน ซึ่งก็ได้สร้างอัตลักษณ์ความเป็นโทนหนังที่แม้จะมีรากฐานกลิ่นที่เป็นแนวเดียวกับรุ่นดัง จนหลายๆ คนอาจจะเรียกว่า Tuscan Leather Ver.2 แต่ก็เดินฉีกไปทางกลิ่นอายสายหนังเท่ห์ๆ เด่นเสียมากกว่า (จากที่ได้เทสส่วนตัวแบบผ่านๆ)

แต่พอในปี 2018 การประกาศของแบรนด์ที่จะมีการ Re-Release ตัวเดิมแยกเอาความเป็น Ombre Leather ออกมาเป็นหนึ่งใน Signature Collection ปกติ โดยที่ Ombre Leather 16 เองก็ยังวางจำหน่ายอยู่เรื่อยๆ (อาจจะจำหน่ายจนกว่าจะหมด หรือไม่ก็ควบ 2 สายแบบนี้ไปเรื่อยๆ) และเมื่อได้มาใช้งานจนตกผลึกได้ที่ ก็ได้เวลาของการเล่ากลิ่นแล้วล่ะ

บอกก่อน - เนื่องจากเคยผ่านการลอง Ombre Leather 16 มาแบบผ่านๆ เลยจะไม่ได้มีการเปรียบเทียบความแตกต่าง เน้นการเล่ากลิ่นที่ Ombre Leather (2018) นี้เพียงอย่างเดียว

การเปิดตัวค่อนข้างจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า Center Note ที่จะอยู่กันตั้งแต่ต้นยันจบไม่หนีไปไหน โดยจะเปิดด้วยกลิ่นหนังที่มีลูกเล่นซ้อนจากโทนสดชื่นแบบประปรายกำลังดีซ้อนไปกับกลิ่นหวานเผ็ดเย้าของเม็ดกระวานสร้างความปร่า Spicy ให้จับต้องได้แบบที่มาเต็มกันก่อนในวูบแรกแล้วจะผ่อนลงมาสร้างความหวานเผ็ดเย้าเนียนๆ รวมถึงมีกลิ่นออกทางเขียวเจือเมทัลลิคหน่อยๆ ของใบไวโอเล็ตคลอไปกับกลิ่นโทน Citrus ติดขมที่สร้างความเป็นโทนบรรยากาศ คลอกับกลิ่นหนังได้เป็นอย่างดีร่วมด้วย ทำให้ความรู้สึกภาพรวมจะเหมือนอยู่ในร้านเครื่องหนังชั้นดีที่กลิ่นจะไม่ได้ออกทางสาบหนังจัดๆ แต่เป็นกลิ่นหนังที่ให้ความอวลกำลังดีเจืออากาศเย็นๆ บรรยากาศสดชื่นอ่อนๆ ได้น่าสนใจมาก ซึ่งเมื่อกลิ่นดำเนินไปซักครู่ จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนดอกไม้ขาวอ่อนๆ เข้ามาสร้างความหอมนวลระเรื่อทีละนิดๆ ทำให้กลิ่นเริ่มมีมิติระเรื่อนวลเข้ามาร่วมด้วย

การปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่จะเริ่มที่โทนหนังจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น มีมิติกลิ่นให้จับต้องได้แบบเวลาที่เราได้กลิ่นแจ็คเกตหนังชั้นดีหลังจากสวมลงไป ผสมผสานกับกลิ่นหอมระเรื่ออ่อนๆ จากมะลิเบาๆ กลิ่นปร่าเย้ายวนของกระวานอ่อนๆ เคล้ากลิ่นอวลผิวกายเนียนๆ กลิ่นหนังจะมีความ Smoky กำลังดี มีความดิบแบบสาบปลุกเร้า Animalic ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ดิบห่ามจัดจ้าน เพราะต้องยกให้กลิ่นมะลิและกลิ่นที่ตามมาจากช่วงต้นที่เกลาให้กลิ่นมีความสมูธมีระดับและมีความ Cool ชัดเจน โดยที่คุมโทนการเป็นกลิ่นหนังที่มีระดับแบบไม่ต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ให้ความเป็นกลิ่นหนังที่มีเสน่ห์และเท่ห์ โดยมีความเรียบหรูแทรกซึมให้จับต้องได้ตลอด ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปพอสมควรความอบอุ่นติดไม้หอมแห้งหน่อยๆ จะเริ่มเด่นชัดขึ้น และมีกลิ่นระเรื่อออกทางพิมเสนหน่อยๆ เข้ามาทำให้กลิ่นหนังมีมิติกลิ่นที่ลุ่มลึกมากขึ้น โดยที่กลิ่นหนังจะมีโทนออกทางไม้หอมแห้งๆ มาตีคู่แบบที่สมดุลย์กำลังดี แบ่งพาร์ทกันได้อย่างน่าสนใจ เพราะกลิ่นที่ได้รับจะได้ความเป็นหนังคลอกับไม้หอมแห้งๆ อบอุ่น มีความอวลรุมๆ ติดโทนแอมเบอร์หน่อยๆ และมีกลิ่นออกทางคล้ายหมึกกับความเขียวเข้มๆ ของ Oak Moss ให้รู้สึกได้อยู่ตลอด อารมณ์กลิ่นช่วงนี้แอบมีพื้นฐานที่คล้ายรุ่น Tuscan Leather อยู่พอประมาณ แต่ก็ไม่ได้มีลูกเล่นของกลิ่นราสเบอร์รี่ที่ทำให้มีลูกเล่น Fruity แต่อย่างใด ทำให้กลิ่นมีเส้นทางการเดินไปในอารมณ์แบบสวมแจ็คเกตหนังแล้วกลิ่นกายกับกลิ่นเสื้อแจ๊คเกตเบลนด์ไปด้วยกันอย่างลงตัว สร้างมิติกลิ่นหนังอุ่นอวลมีเสน่ห์ที่ทันสมัยเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ซึ่งกลิ่นหนังมีความกลางๆ ในการใช้งานไม่ว่าจะเพศไหนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเน้นกลิ่นหนังสายเท่ห์อันนี้บอกเลยว่าตอบโจทย์ ซึ่งกลิ่นนี้เข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะถ้ามากไปอาจจะเป็นร้านเครื่องหนังเดินได้เอาเสียเปล่าๆ ซึ่งใส่ได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป เน้นแบบเท่ห์ขรึมสมาร์ท หรือว่าจะไม่ทางการแต่ใส่เสื้อหนังเท่ห์ๆ พร้อมขี่ฮาร์เล่ย์อะไรประมาณนี้ก็ได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด เพราะกลิ่นอาจจะตีขึ้นจนตึ้บได้ ส่วนยามค่ำคืน บอกเลยว่าจัดไป เพิ่มสเปรย์หน่อยสู้กับคนอื่นได้สบาย

ความทน - อันนี้ต้องบอกว่ายอดเยี่ยม เพราะว่า 15 ชม. กลิ่นยังอยู่ อาบน้ำไปแล้วยังติดผิวเบาๆ อยู่ เรียกว่าของเขาดีจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและอยู่กันพอสมควร ก่อนจะลดลงมาเป็นปานกลางซักพักใหญ่ พอพ้นไปซัก 4 ชม. ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ จนเมื่ออยู่ไปถึง 12 ชม. ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นหนังที่สร้างอารมณ์เท่ห์ๆ กับการสวมแจ็คเกตหนังมาดขรึมมีเสน่ห์ได้ดีมาก ฉีกออกจาก Tuscan Leather ได้อย่างดี และคุมโทนกลิ่นหนังที่มีระดับได้อย่างชัดเจนกันยาวๆ เรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่การปรับมาสู่สายปกติทำให้การเข้าถึงใช้สอยถอยมาครองได้ง่ายมากขึ้น เพราะสาย Private Blend ราคาโหดไม่น้อยเลย

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ถือเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.artpartner.com/artists/film-print/anthony-cotsifas/archive/story/tom-ford-ombre-leather/


 

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Private Blend: Patchouli Absolu

Tom Ford - Private Blend: Patchouli Absolu

Patchouli หรือพิมเสน ถือเป็นอีกหนึ่ง Note กลิ่นอมตะคลาสสิคนิรันดร์กาลที่มีมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก และฮิตมากในช่วงยุค 70 ที่กลิ่นอายสร้างความหรูหราก็ได้ น่าค้นหาก็ดี เก๋ไก๋ Earthy สไตล์โบฮีเมี่ยนก็สามารถ ดาร์กดิบก็ชัดเจน เย้ายวนเซ็กซี่ก็มาเต็ม เรียกว่าสามารถแปรผันไปได้ตามการปรุงของสุคนธกรเลยทีเดียวในการสร้างสรรค์กลิ่นอายสไตล์พิมเสนว่าจะชี้นกเป็นนก หรือชี้ไม้เป็นไม้อย่างไร ซึ่งเห็นได้จากน้ำหอมทั้งสาย Niche และสาย Designer ทั้งปกติและ Exclusive ที่ต่างก็มีกลิ่นพิมเสนเป็นหนึ่งในรุ่นน้ำหอมให้เห็นเสมอ

แล้ว Tom Ford ที่เอาความเป็นพิมเสนมาชูโรงล่ะ จะทำออกมาอย่างไร เพราะมีทั้งไลน์ปกติอย่าง White Patchouli (ที่ผ่านการเล่ากลิ่นไปนานมากแล้ว) กับสาย Private Blend ที่เจาะจงการนำเสนอพิมเสนแบบ Absolu จะแตกต่างหรือมีสไตล์ที่ฉีกออกมาจากพิมเสนแบรนด์อื่นๆ หรือไม่ ว่ากันที่การเล่ากลิ่นต่อที่อีกย่อหน้าได้เลย

เปิดตัวมางวูบแรกความเป็นพิมเสนที่มีความใสเจือหวานระเรื่อและมีลูกเล่นของกลิ่นไม้หอมพุ่งขึ้นมาให้สัมผัสได้ก่อนเลยในชั่ววินาทีแรก ซึ่งก็จับต้องได้เต็มๆ ว่าเป็นกลิ่นแนวสารหอมที่เป็นลูกผสมพิมเสนใสๆ สะอาดๆ เจือไม้ซีดาร์โปร่งๆ ที่เป็นลักษณะสารหอมที่ให้ความเป็นสายพิมเสนติดสะอาดอย่าง Clearwood วูบขึ้นมาก่อน ตามติดมาด้วยกลิ่นอายพิมเสนติดโทน Earthy หวานสมุนไพรติดโทนแห้งแบบเต็มๆ โดยมีความปร่าอะโรม่ากึ่งเมนทอลเจือมินต์อ่อนๆ ของโรสแมรี่และหอมติดเขียวปร่าของใบกระวานที่สร้างความวิบวับและความรื่นรมย์ในกลิ่นแบบเป็นตัวสนับสนุนชั้นดี เนื้อกลิ่นให้โทนสีน้ำตาลสบายตาและแอบสดชื่นอ่อนๆ อยู่ตลอด เรียกว่าในช่วง 5 - 10 นาทีแรก เปิดมาก็สร้างความรื่นรมย์ทางกลิ่นได้อย่างลงตัว และแน่นอนว่าถ้าผู้ใช้เป็นคนชอบโทนพิมเสนบอกเลยว่า “โดนตก” แน่นอน

เมื่อกลิ่นเริ่มมีโทนติดเขียวเข้มดาร์กค่อยๆ เสริมเข้ามา พร้อมกับกลิ่นออกทางดินๆ กึ่งไม้หอมที่เริ่มมีความหนาของกลิ่นมากขึ้น ความใสความอะโรม่าในช่วงแรกเริ่มถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายสายดาร์กแบบค่อนเป็นค่อยไป แต่ไม่นานก็เข้าช่วงกลางของน้ำหอมที่ตอนนี้พิมเสนจะเริ่มมาเปลี่ยนโทนในการสร้างอารมณ์กลิ่นมากขึ้นเพราะมีโทนเข้มๆ กึ่งอับไม้กึ่งดินที่เป็นลักษณะกลิ่นอายของ Cypriol ที่เป็นพืชชนิดนึงที่มีหัวเล็กๆ ใต้ดินแบบหัวแห้วหมู และมีกลิ่นติดเขียวเข้มค่อนดาร์กกึ่งหมึกแบบ Oak Moss ที่เป็นตัวเสริมทำให้กลิ่นมีความเป็นพิมเสนที่กรุยกรายมากขึ้นและมีอารมณ์ติด Classic หน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย (ออกแนว Tribute แนวทางกลิ่น Traditional Patchouli เล็กๆ) แต่ก็ไม่ได้เด่นเป็นนัยยะสำคัญอะไร ให้มิติที่สร้างความซับซ้อนในกลิ่นมากกว่า รวมถึงจะจับได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมติด Smoky ที่เสริมโทนกลิ่นให้รู้สึกดาร์กเข้าไปอีกขั้นจากไม้ Guaiac ที่จะได้อารมณ์ติดควันไม้สีเข้มกึ่งหนังหน่อยๆ ซึ่งทุกอย่างจะส่งเสริมและสอดรับกันได้อย่างดี สร้างกลิ่นอายพิมเสนที่มีความดิบดาร์กซับซ้อนแบบที่ไม่ได้ถึงกับดิ่งมากจนยากคาดเดา แต่คุมความสมดุลย์พอเหมาะพอเจาะกำลังดีสร้างออร่ามาดนิ่งแต่ชวนเชิญเย้ายวนแบบมีชั้นเชิงเสียมาก จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงโทน Musky ที่ค่อนไปทางกลิ่นหนังกลับเจือโทน Musk นวลครีมอ่อนๆ เสริมข้นมาเรื่อยๆ กลิ่นก็เริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงท้ายตามลำดับ ซึ่งจะหลายเป็นช่วงที่พิมเสนจะให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ คลอกลิ่นแบบ On Top ให้จับต้องได้อารมณ์เริ่มกลับมามีความเป็น Clearwood ที่ชัดเจนขึ้น โดยมีลักษณะกลิ่นที่เป็นพิมเสนกึ่งสะอาดและกึ่งสมุนไพรหน่อยๆ แต่สัมผัสรองลงไปจะมีความเป็นไม้แห้งๆ ที่มีความเขียวแห้งกึ่งยาสูบเจือครีมมี่หน่อยๆ ลักษณะแบบถั่วตองก้าที่มาเสริมให้กลิ่นมีความหนาอยู่ แต่ไม่ได้ถึงกับทึบตึ้บ รองพื้นด้วยกลิ่นแบบหนังกลับสะอาดๆ ที่มีลูกเล่นซ่อนของกลิ่นหนังปกติบางๆ เนียนอยู่ ให้ความเย้ายวนมีเสน่ห์แบบที่ไม่ได้โฉ่งฉ่าง แต่ให้ความหรูหรามีคลาสและมีความเซ็กซี่เนียนๆ แฝงอยู่ตลอดอย่างมีชั้นเชิงปิดท้ายกันยาวๆ ไปจนกว่ากลิ่นจะพอใจในการหมดฤทธิ์ไปเอง

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน กลิ่นมีความกลางๆ มากพอ และปล่อยเสน่ห์ได้ดีไม่ว่าจะเพศไหน ที่จะให้ความดึงดูดและหรูหรา ซึ่งจะเหมาะกับการใช้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปแบบวางตัวดี ซึ่งกับอากาศร้อนๆ เบาสเปรย์ลงหน่อยจะดีมาก เพราะกลิ่นจะสร้างเสน่ห์ที่ลงตัวและพอเหมาะ แต่ถ้าแบบใส่ไปเที่ยวทะเล สายลุย หรือว่าใส่นุ่งผ้าขาวม้าอยู่กับบ้าน รวมถึงใส่ออกกำลังกาย อันนี้ไม่ผ่าน เพราะกลิ่นไม่ได้เข้าทางแม้แต่นิดเดียว ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรือท่องราตรีแบบมีระดับ บอกเลยจำนวนสเปรย์ดีมีชัยไปกว่าครึ่งได้ไม่ยาก แถมแตกต่างจากสายอวลอื่นๆ อีกด้วย

ความทน - มากกกกกกก เรียกว่า 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่อย่างงามๆ ไม่หนีไปไหน และยาวไปต่อได้อีกจนกว่าจะพอใจ หรือโดนอาบน้ำล้างตัวไปแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีเสมอต้นเสมอปลายมากๆ และมีความเสถียรแบบที่คุมได้ดีทุกช่วงเลย จะมีแต่เมื่อผ่านไปราวๆ 6 ชม. กลิ่นจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วพอพ้น 10 ชม. ก็ออร่ารอบๆ ตัวกันยาวไป และตีขึ้นให้รับรู้อยู่ตลอด

สรุป - Patchouli Absolu สื่อสารกลิ่นอายพิมเสนได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบเป็น Center Note ที่โดดเด่นมากและให้อารมณ์ไล่เรียงกันไปตามแต่ละช่วงของน้ำหอมที่มีความแตกต่างกันในการนำเสนอโทนพิมเสนได้อย่างน่าสนใจมาก และเนื้อกลิ่นมีความ Modern ชัดเจนมาก โดยที่สร้างความดึงดูดเย้ายวน ดาร์กน่าค้นหา และหรูหรามีเสน่ห์อย่างมีระดับจริงๆ

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ถือเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fenwick.co.uk/beauty/fragrance/mens-fragrances/patchouli-absolu-eau-de-parfum-50-ml/2500001138712.html


 

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Private Blend: Jasmin Rouge


Tom Ford - Private Blend: Jasmin Rouge

ดอกมะลิ” ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมะลิก้านแดงหรือดอกพุทธชาด (Jasminum Grandiflorum) และมะลิลา (Jasminum Sambac) ต่างก็เป็นหนึ่งในใต้หล้าที่ส่งกลิ่นหอมหวานในโทนดอกไม้ขาวในโลกน้ำหอมมาอย่างยาวนาน เรียกว่าเป็น King ของสายดอกไม้ก็ย่อมได้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ว่าจะมะลิอะไรหรือเฉดกลิ่นแบบไหนก็ตาม ต่างก็จะมีพื้นฐานของกลิ่นที่ให้ความเป็นสีขาวนวลในความรู้สึกอยู่เสมอ และเมื่อได้มาเจอน้ำหอมที่ Tom Ford ปล่อยออกมาในสาย Private Blend กับการนำเสนอความเป็นมะลิในโทนสีแดง (Rouge) ความน่าสนใจก็พรวดพราดขึ้นมาทันที และเมื่อมีโอกาสได้ลองมีหรือที่จะไม่มาเล่าต่อ เช่นนั้นก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่ากับรุ่นนี้เลย Jasmin Rouge

ต้องบอกกันก่อนเลยว่ากลิ่นนี้มีความเป็นสไตล์มะลิลาที่ชัดเจนมาก และเป็น Center Note ที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งจะมีความเป็นมะลิก้านแดงเสริมๆ ให้เกิดมิติทางกลิ่นของมะลิที่แตกต่างอยู่ให้พอรู้สึกได้ โดยกลิ่นเปิดจะเริ่มที่การเป็นโทนมะลิที่ยืนหนึ่งมาเลย แต่จะมีลูกผสมที่หลากหลายสร้างมิติเสริมโทนให้มะลิมีลูกเล่นที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจะมีความเขียวเคล้าความสดชื่นติดขมอ่อนๆ ของบรรยากาศ และมีความเป็นกลิ่นอายติดนวลหอมเจือกลิ่นตุ่ยอ่อนๆ ตามธรรมชาติของมะลิลา รวมถึงมีกลิ่นติดโทนผลไม้ Fruity บางๆ แนวๆ มะลิก้านแดง ซึ่งยังไม่พอ มีลักษณะของโทนเครื่องเทศติดอบอุ่นที่ให้ความหวานเจือเผ็ดอุ่นเนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งแอบจับต้องได้เลย คือ ขิง เม็ดกระวาน และอบเชย โดยกระวานให้ความอวลเย้าไม่ถึงกับแน่น ขิงให้ความปร่าเผ็ดสดชื่น ส่วนอบเชยให้ความอวลอุ่นเป็นหลัก เลยทำให้กลิ่นเริ่มมีลูกเล่นระหว่างโทนนวลดอกไม้ขาวกับโทนเครื่องเทศร้อนแรงกำลังดี โดยมีความมิติกลิ่นที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติของมะลิอยู่ให้รู้สึกได้ตลอด แถมบางวูบอาจจะทำให้นึกถึงดอกพุดหรือซ่อนกลิ่นก็ย่อมได้ตามแต่ละประสบการณ์รับรู้กลิ่นของแต่ละคน ซึ่งเอาจริงๆ กลิ่นก็ใกล้เคียงดอกไม้ 2 ประเภทนี้อยู่

จากความซับซ้อนทางกลิ่นในตอนต้นที่มีมะลิเป็นพื้นฐาน พอเข้าช่วงกลางกลิ่นเริ่มจะให้โทนที่แบ่งเค้กกันอย่างลงตัวมากขึ้นตามลำดับให้อารมณ์ที่ชัดเจนในการเป็น Jasmin และ Rouge เพราะทั้งหมดในช่วงต้นยังตามมาในช่วงนี้ แต่จะผสมผสานกันเป้นอยน่างได้ได้ความนวลมะลิติดเครื่องเทศเนียนๆ แต่จะเสริมด้วยโทนเย้ายวนดึงดูดมีจริตของกระดังงาที่ทำให้กลิ่นมะลิมีความอวลยั่วยวน แต่ยังไม่ทิ้งความสดชื่นในกลิ่นเพราะมีโทนดอกส้มเข้ามาสร้างมิติสดชื่นประปรายในเนื้อกลิ่น ทำให้ช่วงนี้อารมณ์กลิ่นจะไม่ได้มาแบบใสๆ เพราะจะเป็นโทนดอกไม้ขาวนวลติดโทนแป้งที่เย้ายวนติดเซ็กซี่มีระดับ ไม่ได้ดูโฉ่งฉ่างเอาเป็นเอาตายแต่อย่างใด โดยที่กลิ่นยังทันสมัยเสมอต้นเสมอปลาย และเมื่อเริ่มสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นโทนวานิลลาอ่อนๆ เจือไม้หอมและมีกลิ่นติดสาบปลุกเร้าเนียนๆ ของกลิ่นหนังที่ค่อยๆ เสริมขึ้นมาทีละหน่อยๆ จนทำให้ช่วงน้ำหอมเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงท้าย ความเป็นมะลินวล Spicy เครื่ีองเทศจะเบาลงโดยที่ยังมีความเป็นมะลินวลครีมกึ่งแป้งชัดเจนอยู่ในระดับหนึ่ง แต่กลิ่นจะเดินเกมโดยโทนอบอุ่นแทนซึ่งมีวานิลลาออกทางแป้งอบอุ่นเคล้ากลิ่นไม้หอมกำลังดีเข้ามาแทนที่ ขยับให้โทนมะลิสร้างความนวลครีมหวานประปรายแทน รวมถึงในพื้นกลิ่นมีกลิ่นโทน Animalic ติดสาบหนังอ่อนๆ สร้างความเซ็กซี่เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย ทำให้ช่วงท้ายจะได้ความนวลอุ่นคลอผิวที่มีลูกเล่นและมิติกลิ่นที่ผสมผสานสร้างความดึงดูดแบบกำลังดี ไม่หนักเกินไปแต่เอาอยู่ในแง่ของการเป็นน้ำหอมที่สร้างความเป็นสีครีมนวลเคล้าความเป็นเครื่องเทศหวานอบอุ่น ซึ่งแม้กลิ่นจะไม่ได้ให้ลักษณะสีแดงที่ชัดเจนยามแรกดมนัก แต่อารมณ์กลิ่นโทนลักษณะนี้ก็สร้างความดึงดูดแบบลักษณะแดง Rouge ได้ดีไม่น้อยเลย

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นมีลูกล่อลูกชนที่มีจริตจะก้านแบบมีชั้นเชิงเข้าใจใน Sex Appeal ของตัวเองได้ดี เอาจริงๆ น้องๆ มหาลัยจะใช้ก็ได้อารมณ์จะออกแนวควีนกันนิดนึง ซึ่งกลิ่นจะเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่เน้นสร้างมั่นใจแกมหรูหรา ไม่ว่าจะใส่ทำงาน ออกงาน หรือว่าทั่วๆ ไป แต่ให้ข้ามการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายได้เลย เพราะกลิ่นไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรือใส่ไปท่องราตรีแบบมีระดับ วางตัวเริ่ดๆ อะไรแบบนี้เข้าทางเลยล่ะ รวมถึงการใส่ยามโรแมนติคออกเดทก็ยังได้เลย แม้กลิ่นมันจะดูเย้าแต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งมากจนดูกร้านแต่อย่างใด

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะมากกว่านี้ได้ก็อยู่ที่จำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาตามลำดับที่ปานกลางและออร่ารอบๆ ตัว ก่อนเป็นท้ายที่ Skin Scent กันยาวๆ ไปจนกว่าจะจางไปจากผิว

สรุปมันอาจจะไม่ได้เป็นมะลิสีแดงแน่ๆ แต่มันเป็นโทนมะลิที่สร้างความดึงดูดเย้ายวนสะบึมอารมณ์เข้าทางโทนสีแดงที่มักสร้างความสะดุดตาสะดุดใจเสียมากกว่า แน่นอนว่าลายเซ็นการปล่อยความเซ็กซี่มีระดับตามสไตล์น้ำหอมของ Tom Ford ยังมีอยู่ครบถ้วนเสมอ ถือเป็นอีกหนึ่งในการสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมโทนมะลิที่มีชั้นเชิงงามๆ อีก 1 กลิ่นได้เลย

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.scentsamples.uk.com/tom-ford-jasmin-rouge/perfume/870

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Private Blend: Neroli Portofino Forte


Tom Ford - Private Blend: Neroli Portofino Forte

จากการสร้างกลิ่นอายสายสดชื่นที่มีความเป็นธรรมชาติและมีลายเซ็นความ Sexy มีระดับสูงมาก โดยมีเนื้อกลิ่นที่กวาดเอาทั้งคนที่ชอบสไตล์ Classic ก็ได้ โดนใจสาย Modern ก็มาเต็มกับรุ่น Neroli Portofino เมื่อปี 2011 ที่ได้รับความนิยมให้กับสาย Private Blend ของ Tom Ford อย่างมากจนรุ่นนี้กลายเป็นตัว Top ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ แต่ก็นะ มีเสียงบ่นที่หนาหูเห็นบ่อยกันพอสมควรว่ากลิ่นงามแต่ไม่ค่อยทนเอาซะเลย

และแน่นอนว่าเมื่อฮิตก็ต้องมีการต่อยอดให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยที่ยังไม่ทิ้งต้นตระกูลที่ปล่อยให้ติดลมบนยาวๆ ไป โดยในปี 2016 จึงได้มีการเปิดตัว Neroli Portofino Forte ขึ้นมาเพื่อเน้นการเสริมทัพให้ไลน์นี้แข็งแกร่งขึ้น โดยยังคงชูโรงความเป็นสไตล์ Cologne กับการเอาดอกส้มมาเป็นตัวชูโรงเช่นเดิม แต่จะเพิ่มเติมอะไรหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง งานนี้จัดไปอย่าได้เสีย เล่ากลิ่นออกมาได้เลยอย่างนี้ว่า

พื้นฐานยังคงดีงาม + เพิ่มความ Sexy ที่ชัดเจนมากขึ้นมาด้วย เป็นคำจำกัดความได้ชัดเจนมากที่สุดเลย สำหรับรุ่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่า Note ชูโรงยังคงเป็นดอกส้มที่ขนมาทั้งแบบที่สกัดด้วยไอน้ำอย่าง Neroli และดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) แต่ไม่ได้เป็นสายดอกไม้ขาวข้นๆ แต่อย่างใด เพราะอารมณ์สไตล์ Traditional Cologne แบบอิตาลียังคงมาเต็มอยู่เช่นเดิม ซึ่งกลิ่นจะเปิดตัวที่กลิ่นอายสดชื่นของความเป็น Citrus ติดปร่าเคล้าความเปรี้ยวขมสร้างบรรยากาศของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) แต่ก็มีความฉ่ำของกลิ่นที่มาจากส้มสีเลือดเข้ามาร่วมด้วย แต่กลิ่นจะไม่ได้ยืนหนึ่งตะบี้ตะบันสร้างความสดชื่นแบบ Citrus จ๋าๆ เพียงอย่างเดียว เพราะจะมีกลิ่นโทนเขียวขมคมๆ ของยางไม้อย่าง Galbanum ที่เอาจริงๆ ควรจะคมพุ่งทะลุจมูก แต่เพราะโดนเกลากลิ่นจากโทนปร่านวลของโหระพาเลยทำให้กลิ่นไม่ได้คมพุ่งปรี๊ดนัก แต่ให้ความเป็นโทนสมุนไพรสดชื่นติดเขียวเด่นแทน ซึ่งทั้ง 2 โทนจะมาตีคู่กันและผสมผสานกันเป็นอย่างดีจนได้กลิ่นอายแบบ Spicy Citrus ที่มีความเขียวปร่าสดชื่น ได้อารมณ์ทั้งจะไพล่ไปทาง Classic ก็ได้ จะสดชื่นฉ่ำแบบ Modern ก็สามารถ และเพียงชั่วขณะตัวเอกของน้ำหอมอย่าง Neroli จะค่อยๆ เปิดตัวออกมาเรื่อยๆ สร้างโทนกลิ่นที่มีลูกเล่นติดเปรี้ยวเขียวเจือนวลกำลังดีเข้ามาร่วมด้วย และปูทางในการเข้าสู่ช่วงกลางในที่สุด

เมื่อโทนจากช่วงต้นทั้งหลายที่เป็นลูกผสมระหว่างความ Classic และ Modern จะลดทอนลงมาเป็นสายสนับสนุนแทน โดยที่ตัวเอกของงานอย่างดอกส้ม Neroli จะให้ความเขียวเปรี้ยวนวลปลายกลิ่นซ้อนเลเยอร์ด้วยกลิ่นอายของดอกส้ม Orange Blossom ที่ให้ความนวลสะอาดติดเปรี้ยวปลายกลิ่นซ้อนกัน และมีลูกเล่นความนวลติดโทนสบู่เข้ามาร่วมด้วยก็จะเป็นช่วงกลางที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของน้ำหอมเลยก็ว่าได้ เพราะจะได้อารมณ์สบู่ดอกส้มหรูๆ ที่ให้ความสดชื่นติดเขียวเปรี้ยวตามด้วยนวลหอมท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นโทนสว่างกำลังดี มีความเป็นโทนสมุนไพรอ่อนๆ เจือที่จับต้องได้ว่ามีลาเวนเดอร์ร่วมด้วยอยู่ในช่วงนี้เพราะพื้นกลิ่นมีความสะอาดเจือสมุนไพรนวลบางๆ อยู่ กลิ่นจะมีเสน่ห์เฉพาะในการเป็นกึ่งดอกส้มกึ่งสมุนไพรที่ติดปร่าอ่อนๆ สร้างความรู้สึกแบบมีเสน่ห์เหมือนใส่เชื้อขาวกางเกงขาสั้นนั่งชิลล์ๆ กับบรรยากาศหอมสดชื่นกึ่งนวลสบู่ดอกส้มที่คลอรอบผิวกายได้ดีมาก แล้วเมื่อเริ่มสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นโทน Musky บางๆ เคล้ากลิ่นหนังอ่อนๆ ที่คล้ายผิวกายที่มีกลิ่นเย้าตามธรรมชาติเริ่มให้จับต้องได้ ก็เปิดทางสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กลิ่นดอกส้มจะเบาลงไปตามลำดับ ซึ่งการเดินกลิ่นจะเป็นโทน Musky กึ่งหนังบางๆ เจือไม้หอมอ่อนๆ มีดอกส้มมาเป็นวูบเบาๆ เย้าๆ ที่สร้างความสะอาด สบาย และเรียบหรู แต่มีความเย้ายวนแบบไม่จงใจตามธรรมชาติที่สร้างอารมณ์เซ็กซี่เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย ก็จะเป็นการปิดท้ายน้ำหอมบนผิวกายกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปในที่สุด

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนไม่ว่าเพศไหนก็ได้หมดถ้าสดชื่นแถมมีระดับมากเสียด้วย ซึ่งกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ครอบจักรวาลสุดๆ เพราะยังไงก็รอดและหรูหราในทีแกมเย้ายวนอยู่ตลอด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความสดชื่นหรือออกงานจะเข้าทีกว่าการใส่ไปท่องราตรี เพราะโดนกลบแน่นอน

ความทน - สิ่งที่ทำได้ดีกว่ารุ่นปกติมาก เพราะอยู่ที่ราว 8 ชม. เป็นสำคัญ แถมลากยาวไปต่อได้อีก ซึ่งส่วนตัวเจอสูงสุดที่ 14 ชม. ยาวนานตลอดวัน

การกระจาย - กระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงตามลำดับมาปานกลางแบบไม่นานนัก ก็จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่สะอาดและมีระดับสูงมาก

สรุป - ตัวปกติ จะให้ความใส ฉ่ำ ได้อารมณ์แบบสบู่กลีเซอรีนดอกส้มใสๆ ที่สดชื่นแบบสไตล์ Cologne ที่เป็นธรรมชาติแกมเซ็กซี่ แม้ไม่ทนมากนัก แต่กลิ่นงดงามจริงๆ แต่ Forte จะให้ความหนาของกลิ่นที่มากกว่า และปรับจากความใสเป็นนวลสะอาดมีระดับแกมหรูหราอารมณ์ชิลล์ๆ แบบตากอากาศ ที่ความทนทำได้ดีมากขึ้นและสร้างออร่าเรียบหรูได้ยาวกันพอตัว ซึ่งบอกเลยว่าต่างมีดีด้วยกันทั้งคู่ในการใช้งาน ถ้าเลือกไม่ได้ก็สอยมันทั้งคู่นั่นแหละ ^^

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.tomford.com/neroli-portofino-forte/T429.html


วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Private Blend: Venetian Bergamot

Tom Ford - Private Blend: Venetian Bergamot 

ตอนแรกที่เห็นชื่อรุ่นว่า Venetian Bergamot ที่เป็นหนึ่งใน Collection - Private Blend ของ Tom Ford ก็มีความงงๆ กันนิดนึง เพราะแหล่งปลูกมะกรูดฝรั่งหรือ Bergamot ของ Italy มันไม่น่าเป็นเวนิส เมืองแห่งสายน้ำ ของอิตาลีซักเท่าไหร่ ก็มันมีคลองเป็นหลักนี่นา แต่พอไปอ่านคำโปรยก็เลยถึงบางอ้อว่า เขาต้องการเอาราชาแห่ง Citrus อย่าง Bergamot ที่มาจากทางใต้ของอิตาลี มายังแดนเหนือที่เป็นเส้นทางการค้าที่รุ่งเรืองในอดีตอย่างเวนิส ที่มีดอกไม้งามๆ ไม้หอมล้ำค่า และเครื่องเทศต่างๆ และก็ร่วมเป็นสินค้าหนึ่งที่สำคัญอะไรประมาณนั้น เลย อ้อออออ อิงประวัติศาสตร์นี่เอง 

ซึ่งเมื่อคำโปรยบ่งบอกเช่นนี้ สิ่งที่ได้จากการใช้งานจนมาถ่ายทอดกลิ่น ถือว่าเอามาหมดครบถ้วนกับการสื่อสารถึงความเป็นเวนิสที่ชูโรงกลิ่นอายต่างๆ ที่โดดเด่นทางการค้าในอดีตมาใส่ขวด ซึ่ง Bergamot จะเป็นตัวเปิดสำคัญในช่วงต้นของน้ำหอมที่ทำให้จับต้องได้ถึงความเป็นโทน Citrus ที่เปรี้ยวติดขมปร่าเขียวสร้างบรรยากาศ แต่ไม่ได้มาแบบคมๆ พุ่งตามสไตล์น้ำหอมสายสดชื่นฉ่ำๆ แต่อย่างใด เพราะเนื้อกลิ่นที่รองพื้นจะมี 2 โทนที่มาทำให้กลิ่นไม่คมจนเกินไป นั่นคือ โทน Fresh Spicy จากความความเผ็ดนวลอย่างพริกไทยและโทนกลิ่นที่ให้ความปร่าสดชื่นเจือหวานอวลอย่างขิง และท้ายสุดที่รองพื้นกลิ่นเลยคือ โทนดอกไม้ขาว ซึ่งทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสาย Citrus จ๋าฉ่ำใสแต่อย่างใด แต่มีมิติของกลิ่นที่เป็นโทนนวลเจือเปรี้ยวขมอ่อนๆ เด่นเป็นสำคัญ เสมือนให้ Bergamot เป็นตัวเปิดก่อนที่จะโชว์สิ่งที่ตามมาภายหลังเสียมากกว่า 

เมื่อกลิ่นโทนดอกไม้ขาวเริ่มแทรกมาเป็นตัวเด่นและเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง โดย Bergamot จะเริ่มเบาลงเป็นกลิ่นอานเปรี้ยวเจือขมอ่อนๆ รวมถึงกลิ่นโทนพริกไทยและขิงก็จะเป็นลูกคู่ที่สร้างบรรยากาศสดชื่นประปรายแทน โดยให้โทนดอกไม้ขาวยืนหยึ่งยืนเด่นเป็นสง่า และจับต้องได้ถึงความเป็นลูกครึ่งระหว่างมะลิและซ่อนกลิ่นของดอกพุด (Gardenia) ที่ให้ความหอมหวานติดครีมมี่แต่มีความใสสดชื่นเจือๆ อยู่ และยังไม่พอยังมีโทนกลิ่นของกระดังงาที่เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะให้ความหวานอวลเย้ายวนสร้างความดึงดูดในกลิ่นเล่นโทนตีคู่และผสมผสานกันเป็นอย่างดีระหว่างสายดอกไม้ขาวและดอกไม้เหลือง ที่ยังมีความสดชื่นติดปร่า Spicy คลอเนียนอยู่ในเนื้อกลิ่น รวมถึงมีกลิ่นโทนไม้หอมติดโปร่งๆ สว่างค่อยๆ เนียนเปิดตัวเข้ามาร่วมด้วย ทำให้กลิ่นจะมีโทนหลักคือดอกไม้ครีมนวลเย้าหวานอวล ตามด้วยกลิ่นปร่าติดสดชื่นปSpicy อ่อนๆ เคล้า Citrus ติดขมที่สร้างลักษณะแบบบรรยากาศ เคล้ากลิ่นไม้หอมที่สร้างมิติที่ลึกขึ้นและมีกลิ่นไม้หอมประปรายอ่อนๆ ซึ่งรวมกันทั้งหมดมีความซับซ้อนแฝงอยู่ท่ามกลางความมินิมัลที่ตรงไปตรงมาในการเป็นโทนดอกไม้ขาว จนเมื่อเริ่มสัมผัสกลิ่นอายไม้หอมติดครีมมี่อ่อนๆ ที่เริ่มชัดขึ้น ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายที่แน่นอนว่า กลิ่นดอกไม้ขาวยังคงเป็นหลักเดิมที่ยังคงให้ความหอมนวลละมุนอยู่ แต่จะมีตัวแบ่งเค้กที่ดีและทำให้กลิ่นมีมิติความอบอุ่นนุ่มนวลเข้ามาร่วมด้วยอย่างโทนไม้หอมติดอวล Musky กลิ่นเลยจะให้ความเป็นดอกไม้ขาวนวลๆ อ่อนๆ ซ้อนกับกลิ่นไม้หอมติดนวล Musky นุ่มๆ มีโทนอบอุ่นหน่อยๆ ซึ่งจับต้องได้ชัดเจนว่าเป็นกลิ่นไม้จันทน์หอมและสารสังเคราะห์ที่ให้โทน Musk ซ้อนกับไม้หอม และมีกลิ่นติดโทนคอนกรีตเปียกหน่อยๆ อย่าง Cashmeran และน่าจะมีโทนออกทางแอมเบอร์กึ่งวานิลลาหน่อยๆ ด้วยเพราะเนื้อกลิ่นมีโทนอบอุ่นติดแป้งนวล ซึ่งกลิ่นจะให้สบายๆ นวลอวลอุ่นไปเรื่อยๆ มีความเรียบหรูและมีระดับกำลังดียาวๆ ไป

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย เพราะโทนดอกไม้ขาว แต่ผู้ชายก็ยังใส่ได้อยู่ เพราะตัวเด่นอย่างไม้จันทน์หอมติด Musky นี่แหละที่มาช่วยให้กลิ่นไม่ดอกไม้ขาวข้นนวลจ๋าเกินไปนัก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไปแบบที่วางตัวดีอะไรประมาณนี้ กลิ่นไม่เหมาะกับสายกิจกรรมหรือลั่นล้าวี้ดว้ายนัก รวมถึงตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ ไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานจะลงตัวมาก หรือจะใส่แบบทั่วๆ ไปก็ยังได้อยู่ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี อาจจะไม่ได้ถึงกับลงตัวมากนัก เพราะกลิ่นมีมาดนวลๆ ซึ่งถ้าจะลองก็อาจจะต้องเพิ่มสเปรย์หน่อย

ความทน - ดีงามกับ 8 ชม. ขึ้นไปได้เลย และมากกว่านั้นอีกด้วย เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์แบบชิลล์ๆ เสียด้วยซ้ำไป 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และคงตัวการกระจายดียาวพอสมควร จนถึงปลายๆ ช่วงกลางเลย แล้วจึงค่อยลดทอนลงมากระจายปานกลางซักระยะ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปยาวๆ 

สรุป - ชื่อรุ่นเป็น Bergamot แต่ไม่ได้เด่นที่ Bergamot เพราะดอกไม้ขาวและไม้หอมจะเป็นตัวหลักเสียมากกว่า โดยให้ Bergamot และเครื่องเทศเป็นตัวสนับสนุน ซึ่งถ้ามองในแง่การเป็นน้ำหอมดอกไม้ขาว บอกเลยว่ามีดีในตัวสูงมาก และมีเสน่ห์มาเต็มตามสไตล์ลายเซ็นของ TF ที่มักจะแอบมีโทนเย้ายวนมีระดับอยู่ในเนื้อกลิ่นเสมอ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.tomford.com/venetian-bergamot/8806604582.html

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562

Review: Tom Ford - Private Blend: Santal Blush

Tom Ford - Private Blend: Santal Blush 

เมื่อ Collection - Private Blend ได้รับความนิยมเกินหน้าเกินตาอย่างแรง เบียดไลน์ปกติของ Tom Ford แบบสุดๆ การขยายกลิ่นต่างๆ ของไลน์นี้จึงเรียกว่ามีมากมายละลานตากันได้เลยทีเดียว
 (แถมราคาก็ขึ้นพรวดพราดอยู่ไม่น้อย) โดยการปล่อยน้ำหอมออกมาก็จะมีทั้ง เป็นสาย Private Blend หลัก หรืออิงจากการสร้าง Collection แยกย่อยออกมาเฉพาะก่อนจะดึงตัวเด่นๆ ออกมาแล้วไปรวมกัPrivate Blend ปกติ หรืออิงตาม Collection เครื่องสำอางค์ของ Tom Ford ที่ออกมาใหม่ในช่วงนั้นๆ บ้าง 

เช่นนั้น เมื่อเห็นว่ามีน้ำหอมที่อิงเครื่องสำอางค์ของแบรนด์ เช่นนั้นก็คว้าเอารุ่นที่ได้รับความนิยมมาลองกับเขาซักหน่อยเพราะอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร กับรุ่นนี้เลย Santal Blush 

เปิดต้นทางมาก็ชัดเจนเลยถึงกลิ่นไม้จันทน์หอมที่มาชัดเจน แต่จะมีโทนออกทางโลหะเมทัลลิคหน่อยๆ ให้จับต้องได้ ซ้อนและสนับสนุนด้วยกลิ่นโทนเครื่องเทศที่ออกทางแห้งๆ ที่มีโทนหวานเจือๆ แต่ไม่ได้มาหนักหน่วงมาแบบเป็นลูกคู่สร้างมิติเครื่องเทศติดหวานในกลิ่นแบบอ่อนๆ แอบมีลักษณะค่อนทางโทนแป้งติดชื้นเหงื่อเบาๆ แต่ไม่ถึงกับ Dirty และมีความหวานหอมกำลังดี ซึ่งกลิ่นโทนเครื่องเทศในตอนต้นที่คิดว่าจะหนัก ก็ไม่ได้มาเต็มมากซึ่งทำให้ได้อารมณ์ที่มีมิติของความหรูหราครีมมี่ไม้หอมนวลๆ ของจันทน์หอมติดคมเมทัลลิคโลหะหน่อยๆ และมีกึ่งๆ อารมณ์เย้ายวนของเครื่องเทศแห้งๆ ผสมกับโทนแป้งแบบเครื่องสำอางค์ Make up ที่เซ็กซี่เย้ายวนที่เนียนไปกับเนื้อกลิ่น เพียงแค่ช่วงต้นนี้ก็บอกได้เลยว่า กลิ่นนี้ให้โทนสว่างสีครีมนวลแต่เย้ายวนเซ็กซี่แบบหรูหรามาเต็มเลยทีเดียว 

เมื่อกลิ่นเริ่มมีความเป็นโทนดอกไม้เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ในการเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลาง โดยความเป็นไม้จันทน์หอมยังคงที่ให้ความเรื่อยๆ หอมติดครีมมี่กึ่งไม้รองพื้นติดหวานหน่อยๆ ของเครื่องเทศเช่นเดิม เพียงแต่กลิ่นโทนแป้งหอมจะชัดมากขึ้น เปลี่ยนจากแป้งเครื่องสำอางค์มาเป็นแป้งหอมดอกไม้อ่อนๆ ที่มีสกุลรุนชาติขึ้นมาทันที โดยสิ่งที่จับต้องได้ชัดเจนคืิอ กระดังงา ที่ให้ความเย้ายวนแบบดอกไม้เคล้ากลิ่นมะลิ และกลิ่นเริ่มมีความอบอุ่นเข้ามามากขึ้นตามลำดับ โดยที่จะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นออกทางแป้งหอมกึ่งวานิลลาที่เสริมเข้ามา โดยที่กลิ่นมีความหวานประปรายสร้างออร่ากรุยกรายแบบกำลังดี ไม่หนักไปไม่อวลจัดไป โดยที่จะได้มิติกลิ่นทั้งไม้จันทน์หอมที่เป็นไม้ติดครีมมี่ปนหวานเครื่องเทศอ่อนๆ เคล้ากลิ่นแป้งดอกไม้กึ่งแป้งเครื่องสำอางค์ที่มีความอบอุ่นยวนใจดึงดูด ซึ่งกลิ่นแม้จะติดกรุยกราย แต่ไม่ได้เมโลดราม่าแบบย้อนยุคแต่อย่างใด มีความเป็นโทน Modern ที่ชัดเจนมาก จนเมื่อกลิ่นโทนอบอุ่นเริ่มเทคโอเวอร์มากขึ้นตามลำดับ และเริ่มมีโทนหวานอวลกึ่ง Smoky หน่อยๆ เสริมเข้ามา ก็เป็นการเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงท้าย ที่กลิ่นจะเป็นโทนไม้จันทน์หอมติดครีมมี่แห้งๆ โปร่งๆเพราะเริ่มมีกลิ่นโทนไม้ซีดาร์กึ่งธูป Incense เสริมเข้ามาให้ความโปร่งมากขึ้น มีกลิ่นหวานปลายๆ กึ่งวานิลลาที่มาจากกำยาน Benzoin ที่เป็นตัวสร้างออร่าความดึงดูด และมีความ Dark ติด Smoky ของกลิ่นที่มีกลิ่น Oud บางๆ สร้างความน่าค้นหาเนียนไปกับกลิ่นโทนครีมมี่นวลสว่าง ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นยังคุมโทนความกรุยกรายสไตล์ Modern ที่ดูแพงและเย้ายวนเซ็กซี่เนียนๆ กึ่งนางพญา โดยที่ยืนพื้นกลิ่นอายหลักอย่างไม้จันทน์หอมได้อย่างคุ้มค่ายาวตั้งแต่ต้นยันจบได้ลงตัว 

เหมาะสำหรับ - จริงๆ น้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex ก็จริง แต่จะค่อนไปทางผู้หญิงเสียมาก เพราะกลิ่นมาแบบนางพญาอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ยังไงผู้ชายก็ยังใส่ได้ เพราะมันสร้างออร่าโทนสว่างหอมมีระดับและมีคลาสได้มากเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่เน้นความมีคลาสและวางตัวดีอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ใส่แล้วใส่ชุดนอนกล้วยหอมเดินเล่นหรือนุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียวเดินว่อนมันก็จะฉีกออร่าน้ำหอมที่สร้างความหรูหราไปเยอะ ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่ออกงานบอกเลยว่าเสริมออร่าความสง่างามได้ดีมาก รวมถึงถ้าใส่ไปท่องราตรีก็ได้สบายมาก เพียงแต่กลิ่นจะออกแนววางตัวนางพญาหน่อย ไม่ได้ออกแนวกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายรั่วเมาปลิ้น และถ้าใส่ก่อนนอนแบบเบาๆ กับชุดนอนกรุยกรายหน่อยบอกเลยว่าเซ็กซี่กันตอนนอนยันเช้าได้เลย 

ความทน - อันนี้ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนมากกับ 12 ชม. ได้สบายมาก ซึ่งอิงกับจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัว 12 ชม. + ต่อไปอีก 1-2 ชม. ได้เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะคงตัวยาวไปจนถึงท้ายๆ ช่วงกลาง ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อราว 8 ชม. จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป 

สรุป - คนรักกลิ่นไม้จันทน์หอมที่หรูหรามีระดับ ถ้าเป็นได้ควรลองตัวนี้ เพราะทุกอย่างสร้างสมดุลย์ทางกลิ่นได้ดี และยังคง Modern Sexy ตามลักษณะของการเป็น Signature กลิ่นแบบ Tom Ford ได้อย่างดีงามเลยทีเดียว

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.parfumo.net/Perfumes/Tom_Ford/Santal_Blush


วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Review: Tom Ford - Private Blend: White Suede

Tom Ford - Private Blend: White Suede 

สีขาวในแง่ของความรู้สึกจากสิ่งที่เห็น เรียกว่าไม่มีความ Sexy ในตัวให้สัมผัสได้เลย เพราะมันจะนึกถึงความสว่าง ความบริสุทธิ์อ่อนโยน สะอาด เรียบหรู อะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าสีขาวกลายเป็นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สร้างความSexy อันนี้ทำได้ เพียงแต่จะมีความรู้สึกอื่นๆ เข้ามาเสริมด้วยตามสถานการณ์ อันนี้ว่ากันในเรื่องของการรับรู้ทางการมองเพียงอย่างเดียว แล้วทางกลิ่นล่ะ? 

แน่นอนว่ากลิ่นมันมีมิติและความซับซ้อนมากกว่าการมองนัก เพราะจะเป็นการซึมลึกลงไปในความรู้สึกและสร้างจินตนาการที่มากกว่าการมองเห็น ซึ่งในเรื่องของน้ำหอมเองก็มีกลิ่นอายสไตล์ Musk ที่นอกจากสร้างโทนนุ่มนวลขาวละมุนแล้ว ยังสามารถสร้างโทน Sexy ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีหลากหลายแบรนด์เลยที่สื่อสารทางด้านนี้และทำออกมาได้ดีมาก และหนึ่งในนั้นก็คือ Tom Ford กับการสร้างกลิ่นอายโทน Musky ที่นอกจากความนุ่มละมุนแล้ว ยังเจือไปด้วยความ Sexy และมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างมากภายในโทนสีขาวที่มีระดับและเรียบหรูกับสาย Private Blend อย่างรุ่นนี้เลย White Suede 

สรุปง่ายๆ ก่อนเลยว่า White Suede จะให้ 3 ความรู้สึกนี้ร่วมกันได้อย่างลงตัวมาก คือ ดึงดูด เย้าอารมณ์ และมีเสน่ห์ที่มีระดับและมีชั้นเชิง มาแนวไม่จงใจ แต่ติดใจไม่ยาก ซึ่งถ้าจบเพียงแค่นี้ก็ได้ แต่ถ้าให้ว่ากันเรื่องกลิ่นที่ลงรายละเอียด ช่วงเปิดจะได้โทนการเป็น Musky ที่ให้ความนุ่มนวลในโทนสีขาวอย่างชัดเจนโดยจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของ Musk และหนังกลับที่เด่นกันตั้งแต่ช่วงนี้ รวมถึงอยู่ยั่งยืนยงยาวไปถึงช่วงท้ายเลย เพียงแต่ในช่วงแรกจะมีกลิ่นอายกึ่งปร่านวลเคล้าหนังหน่อยๆ ที่ค่อนไปทางสมุนไพรของ Thyme เจือกับกลิ่นที่ออกทางกุหลาบติดอวลบางๆ มีความหวานติดหรูและกลิ่นออกทางสดชื่นเจือเขียวฝาดหน่อยๆ เข้ามาผสมผสานแกมดึงซีนให้อารมณ์กลิ่นที่หอมนวลสว่างเข้าทางสีขาวเป็นพื้นฐานก็จริง แต่จะมีความเป็นโทน Animalic อึนๆ อ่อนๆ ที่ให้อารมณ์เย้ายวนเซ็กซี่น่าค้นหากึ่ง Dirty เคล้ากับกับกลิ่นออกทางโรแมนติคเรียบหรูแทรกซึมเนียนๆ อยู่ด้วย ซึ่งเรียกว่าเป็นมิติทางกลิ่นเปิดที่มีเสน่ห์และมีมิติในความเป็นโทนนวลสว่างขาวแต่เซ็กซี่กันอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงนี้ได้เลย 

เมื่อความเป็นโทน Animalic เริ่มลดหน้าที่ตัวเองลงมาในระดับหนึ่ง โดยที่โทน Musky ขาวนวลยังคงที่กับการเป็นตัวเอกอยู่ ก็เริ่มเปิดทางให้โทนกลิ่นสายดอกไม้ขาวหอมหวานใสอ้อยอิ่งอย่างดอกกระดิ่ง (lily-of-the-valley) ที่ให้โทนกลิ่นคล้ายมะลิใสๆ (แต่ไม่มีกลิ่นตุ่ยๆ Indolic มาให้รู้สึกอึนๆ จมูกๆ) และมีความลุ่มลึกของโทนหวานปนขมอวลเย้ากำลังดีของหญ้าฝรั่นที่เข้ามาเป็นตัวเสริมทัพกลิ่นในช่วงต้นที่ยังคงตามมาในช่วงนี้ได้ดีมากในการลดทอนความเป็นโทน Animalic ที่ชัดๆ ในตอนแรก ปรับเปลี่ยนให้โทนกลิ่นมาเป็นลักษณะโทนแป้งขาวนวลแต่แฝงด้วยความเย้ายวนแบบหรูหรามีระดับกันอย่างชัดเจนมาก เนื้อกลิ่นจะไม่ได้มีความทื่อๆ หรือเอะอะก็แป้ง Sexy เสียด้วย เพราะมิติของโทน Musky ที่ผสมผสานกันเป็นอย่างดีระหว่างหนังกลับและ Musk ที่เป็นพื้นฐานของกลิ่นอายโทนสว่างนวลขาวแล้ว กลิ่นจะมีความหวานที่มีมิติที่ซ้อนทับกันอย่างมีเสน่ห์มากไม่ว่าจะหอมสว่างนวลนุ่ม หอมติดสาบ Animalic ที่โดนเกลากลิ่นให้มีความเร้าใจอ่อนๆ หอมหวานใส หอมหวานโรแมนติค หอมนวลสะอาด หอมเจือกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ และหอมหวานเย้ายวนลุ่มลึก ที่จะดำเนินไปเรื่อยๆ ให้ความหรูหรานุ่มนวลมีระดับแฝงด้วยความเซ็กซี่ในรูปแบบโทนสีขาวได้อย่างลงตัวและส่งต่อไปยังช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเป็นช่วงที่ชัดเจนมากกับความเซ็กซี่ดึงดูดกับการปล่อยของกันเต็มๆ ของหนังกลับและ Musk ที่ผ่านการร่วมแจมของโทนอื่นๆ มาพอสมควรจนเอาข้อดีของทุกโทนมาให้ความระเรื่อเย้าจมูกอย่างมีคลาสมาก โดยจะมีลักษณะติดโทน Incense เบาๆ มีความครีมมี่นวลๆ จากไม้จันทน์หอม และมีความอบอุ่นเจือโทนวานิลลาที่เป็นลักษณะของโทนกลิ่นสไตล์แอมเบอร์เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนรองใจดีให้กับโทน Musky กลิ่นเลยจะได้ความอวลอุ่นกำลังดีเย้าๆ อยู่ตลอดที่ทำให้รู้สึกเซ็กซี่มีระดับ และมีออร่าที่เสริม Sex Appeal เฉพาะตัวออกมา โดยยังคุมโทนที่การเป็นสีโทนนวลสว่างขาวค่อนไปครีมอ่อนๆ ได้อย่างดีตั้งแต่ต้นยันท้ายเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เดิมทีเป็นน้ำหอมที่เฉพาะเจาะจงไปที่ผู้หญิงก่อน แต่ภายหลังถึงเปลี่ยนมาเป็น Unisex ที่ผู้ชายใช้งานได้ โดยจะมีโทนลักษณะแบบ Feminine บ้าง แต่ก็เป็นการสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาได้เป็นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นยามทางการ ออกงาน หรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นจะให้ความหรูหรา เย้ายวน และนุ่มนวลสว่างได้ดีมาก พูดง่ายๆ สร้างออร่าเซ็กซี่มีระดับแบบโทนสว่างและเนียนพอไม่ให้ใครเขาจิกเอาได้ว่าเซ็กซี่โจ่งแจ้งไป เพียงแต่กลิ่นจะไม่เข้าทางการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายแต่อย่างใด ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานเถิด กลิ่นเข้ากับชุดโทนขาวนวลสว่างได้ดีมาก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ถ้าเป็นชุดสีขาวนวลกลิ่นนี้จะเสริมออร่าความเซ็กซี่ให้กับบุคลิกเรียบโก้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนผู้ชายอันนี้จะได้ความนุ่มนวลและมีเสน่ห์ดึงดูดติดแกมอุ่นแทน ที่สำคัญกลิ่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นรากแตกแต่อย่างใดๆ เพราะโทนกลิ่นไม่ได้เหมาะกับกิจกรรมอะไรลุยๆ พร้อมปล่อยของไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรนัก 

ความทน - ดีงามสมฐานะ เพราะอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ โดยอิงกับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอที่ไป 12 ชม. เป็นเรื่องปกติในการใช้งานที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมมาที่กระจายปานกลางไปเรื่อยๆ จนพอเข้าช่วงท้ายก็เป็นออร่ารอบๆ ตัวไปพอสมควรถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent pามขยับเนื้อตัวเมื่อผ่านไปซัก 8 ชม. แล้ว 

สรุป - หนึ่งในกลิ่นที่ลงตัวมากในความเป็นโทน Musky และสร้างอัตลักษณ์ของโทนกลิ่นที่เป็นสีขาวเคล้าความเซ็กซี่ได้อย่างดีมาก สมกับเป็นน้ำหอมแบรนด์ Tom Ford ที่แม้สีขาวนวลสว่างก็ยังสามารถดึงเอาความเซ็กซี่เย้ายวนและมีเสน่ห์ออกมาได้อย่างงดงาม 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.luckyscent.com/product/63521/white-suede-by-tom-ford-private-blend

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

Review: Tom Ford - Private Blend: Tobacco Vanille

Tom Ford - Private Blend: Tobacco Vanille 

ถ้าพูดถึงหนึ่งในตัว Top ของสาย Private Blend จาก Tom Ford หนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้นสาย Cool และเซ็กซี่มีระดับซ่อนความมีเสน่ห์เหลือร้ายอย่างรุ่น Tobacco Vanille แน่นอน ซึ่งถ้าไม่ได้ Review ตัวนี้ก็ใช้น้ำหอม Tom Ford ได้ไม่สุด เช่นนั้นก็ต้องมาบอกเล่าความเร้าใจของรุ่นนี้กันหน่อยแล้วว่าจะเป็นอย่างไร
 

เปิดช่วงต้นกลิ่นกันก้วยความเป็นยาสูบที่ชัดเจนล้อมกลิ่นด้วยโทนเครื่องเทศ ที่ให้ความปร่า เผ็ด ปนหวานปลาย ที่แบ่งเค้กและสอดรับสนับสนุนกันได้อย่างลงตัว ซึ่งยาสูบจะให้ความเป็นโทนอะโรม่าติดหวานปลายที่มีความแห้งลุ่มลึกน่าค้นหาและเซ็กซี่ดึงดูดกันอย่างชัดเจน เสริมด้วยกลิ่นเผ็ดปนหวานของขิง และมีความปร่าอ่อนๆ ของเม็ดผักชี ตามด้วยความเผ็ดซ่าของกานพลูเบาๆ แต่ก็ตัดทอนกันเองด้วยโทนกลิ่นออกทางเครื่องเทศหวานโปร่งของเมล็ดเทียนสัตตบุษย์ ที่ให้ความหอมหวานติด Airy กำลังดี แอลมีกลิ่นคล้ายเหล้าหวานๆ หน่อยๆ เสียด้วย ทำให้กลิ่นยาสูบในช่วงนี้มีมิติที่สร้างความเซ็กซี่ปน Aromatic และมีความเป็นโทนเครื่องเทศ Oriental ที่สุขุมนุ่มดึงดูดและสมูธกันอย่างชัดเจน 

แต่เพียงไม่นานความเป็นโทนออกทางกลิ่นอายคล้ายผลไม้แห้งเคล้ากับกลิ่นโกโก้ออกทางเข้มจะแทรกเข้ามา และปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่ความเป็นสาย Oriental จะเริ่มเข้ามามีอิทธิพลชัดเจนมากขึ้น ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นจะยังมีความชัดเจนอยู่โดยเฉพาะยาสูบ แต่โทนเครื่องเทศจะลดทอนลงไปเป็นสายสนับสนุนให้ความ Spicy ในเนื้อกลิ่นแทน ซึ่งกลิ่นอายโกโก้แบบติดเข้มหน่อย คล้ายกลิ่นอายโกโก้ที่ออกทางอุ่นๆ แบบชอคโกแลตร้อนๆ ติดหวาน ปนกับกลิ่นผงโกโก้จะให้ความลุ่มลึกดึงดูดแบบติดดาร์กกำลังดี เคล้าความหวานของวานิลลาที่เริ่มเปิดตัวออกมา และมีความติดแป้งเจือครีมมี่นมๆ หน่อยๆ จากถั่วตองก้าเสียด้วย ทำให้ช่วงนี้จะได้โทนกลิ่นที่ส่งเสริมกันเป็นอย่างดีจากความเซ็กซี่อะโรม่าของยาสูบเจือกลิ่นอายผลไม้แห้งปลายกลิ่น หวานอุ่นลุ่มลึกวานิลลา ดาร์กน่าค้นหาจากโกโก้ และครีมมี่เย้ายวนของถั่วตองก้า เสริมความเผ็ดเซ็กซี่เนียนๆ ด้วยกลิ่นอายโทนเครื่องเทศ และมีความรู้สึกคล้ายกลิ่นหญ้าแห้งติดหนังอ่อนๆ แฝงให้ความดึงดูดอยู่ด้วยบางๆ ซึ่งน่าจะมาจากดอกยาสูบที่ให้โทนแบบนี้ เลยทำให้ช่วงกลางคือ ไฮไลท์กันได้เลยทีเดียว เพราะปล่อยของออกมาได้ชัดเจนแบบมีความเซ็กซี่เจือความเท่ห์อย่างมีชั้นเชิงชัดเจนมาก ซึ่งไม่ได้ดูพยายามตะบี้ตะบันออกแนว Bad Boy แต่ประการใด เพราะทุกโทนกลิ่นแบ่งหน้าที่ให้การประสานโทนกันได้อย่างลงตัว โดยให้ความหวานลุ่มลึกที่ค่อนไปทางติดคมหน่อยๆ ที่สร้างความเร้าใจได้ดีเลย 

จนเมื่อกลิ่นโทนเครื่องเทศเริ่มจางลงไป โทนยาสูบเริ่มกลายเป็นฉากหลัง และโกโก้เริ่มเบาลงให้ความหอมดาร์กนวล ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่วานิลลาจะเป็นตัวเด่นนำ เพียงแต่จะไม่ได้ออกทางข้นนวลนัก ยังมีความหวานคมเล็กๆ ที่เป็นลักษณะคล้ายโทนกำยาน Benzoin หน่อยๆ กลั้วไปกับกลิ่นออกทางหวานหอมผลไม้แห้งแนวๆ คล้ายอินทผาลัมหรือลูกแอปริคอตแห้งเข้ามาสร้างมิติความหวานและกลิ่นโทนไม้หอมที่มีความติดครีมบางๆ โปร่งนิดๆ โดยที่ยาสูบจะเหลือบางๆ ให้ความลุ่มลึกอยู่เนียนๆ กลิ่นวานิลลาเลยจะให้ความหวานเหมาะพอดีคลอเคลียไปกับผิวและมีออร่าความหวานลุ่มลึกติดนวลครีมมี่อ่อนๆ ที่ลงตัวและมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ลงเอาไว้ว่าเป็น Unisex แต่โทนกลิ่นค่อนไปทางผู้ชายเสียมากกว่าราวๆ 70% ได้ เพราะความเป็นยาสูบที่เสริมโทนลุ่มลึกและเซ็กซี่เข้าทางสไตล์ผู้ชายสมาร์ทเสียมาก แต่เพราะกลิ่นออกทางหวาน ผู้หญิงเลยใส่ได้ด้วยเช่นกัน แต่จะให้ความเป็นโทน Sexy ติดแมนๆ ให้ดู Contrast อย่างมีสไตล์ก็ได้ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นมีความอวลหวานเจออากาศร้อนจัดๆ อาจจะกระจายหนักหน่วงจนมึนเอาได้ ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งยามทางการ ออกงาน (แบบดูสถานการณ์และความเหมาะสม) ทำงาน Office หรือว่าทั่วๆ ไป แบบออกทาง Smart Casual ก็ได้หมด กลิ่นเข้าทางการใส่กับชุดโทนสีดำเสียด้วย แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย เดี๋ยวตีขึ้นจนเมาเอาได้ ส่วนการใส่ยามค่ำคืนที่ไม่ว่าจะใส่ไปท่องราตรี ดินเนอร์ โรแมนติค หรือออกงานจัดไปได้เลย กลิ่นสร้างเสน่ห์ได้ดีมาก 

ความทน - ดีงามจริงจัง เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ และลากยาวไปได้มากกว่านั้นอีกด้วย เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. สบายมาก 

การกระจาย - เปิดต้นทางกระจายดีมาเลย ก่อนจะลดลงไปกระจายปานกลางให้ความลุ่มลึกไปเรื่อยๆ ก่อนปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไ ป

ทิ้งท้าย - ไม่แปลกใจที่ทำไมกลิ่นนี้ได้รับความนิยม ยิ่งในฝั่งคนใช้น้ำหอมผู้ชายต่างยกกลิ่นนี้ให้เป็น Modern & Smart Sexy Scent กันได้เลย เพราะมีทั้งความดีงามของยาสูบและความหวานของวานิลลาที่ลงตัวและเบลนด์สอดรับกันได้ดีมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.tomford.com/tobacco-vanille/T0-TOBACCO-VANILLE.html



วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Review: Tom Ford - Private Blend: Oud Wood

Tom Ford - Private Blend: Oud Wood 

มาจะกล่าวบทไป ทราบเป็นอันดีมาก่อนหน้าว่า Oud Wood ของ Tom Ford สาย Private Blend นั้นดังระเบิดระเบ้อและเป็นที่กล่าวขานกันนักต่อนักมานานแล้ว เพียวแต่ว่าจะมีความรู้สึกหนึ่งเวลาที่มีคนชอบตัวไหนเยอะๆ จะเลี่ยงเพราะจะหาได้ไม่ยากหรอก จะเอามาครอบครองเมื่อไหร่ก็ได้เสมอ และก็ได้ฤกษ์เสียทีหลังจากเฉยๆ ชาๆ เฉื่อยๆ แฉะๆ มานาน ก็จะได้รู้เสียทีว่ารุ่นนี้เป็นยังไง 

สิ่งแรกที่อุทานออกมาเบาๆ คือ แอบมี DNA ของ YSL - M7” ที่ Tom Ford เองเป็นคนวางรากฐานความ Oud มาก่อนหน้านี้อยู่นะนั่น เพราะความเป็น Oud หรืิอไม้กฤษณาที่ไม่ได้เน้นอบอวลแบบ Attar น้ำมันหอมระเหยของตะวันออกกลางจ๋าๆ ผสมผสานความเซ็กซี่ที่ติดดาร์กดึงดูดจัดๆ มากมาย แต่กลิ่นนี้ไม่ได้เหมือน M7 ที่ชี้ชัดไปทางเย้ายวนจัดจ้านเซ็กซี่สุดกู่ท่ามกลางความเป็น Oud เพราะมีความใช้ง่ายมากกว่า โดยเริ่มเปิดต้นโทนที่การเป็นกลิ่นอายไม้หอมติด Spicy เครื่องเทศโทนโปร่งกันก่อน ซึ่งไม้หอมที่ว่าคงหนีไปไม่พ้น Oud ซึ่งจะมาแบบกลิ่นเนื้อไม้มากกว่าจะเป็นน้ำมันสกัดอวลๆ เคล้าไปกลับกลิ่นอายของ Rosewood ที่เป็นกลิ่นไม้หอมติดซ่าๆ คล้ายตะไคร้ผสมผสานกับกลิ่นกุหลาบจางๆ ในเนื้อไม้เด่นออกมาเลย เพียงแต่จะจับได้ถึงโทนเครื่องเทศโปร่งเผ็ดปนหวานเย้าของกระวานที่ไม่ได้มาหนักหน่วงมากเคล้าความปร่าๆ จากพริกไทย โดยที่มีกลิ่นอายนวลวานิลลากับไม้จันทน์หอมให้พอจับได้บ้างซ่อนอยู่เบื้องหลัง กลิ่นมีความกำลังดีในแง่ของการกระจายที่ไม่หนักหน่วง ทำให้มีความเข้าถึงง่ายแบบที่คงสไตล์ Oud แบบไม่หนักได้ลงตัวมากจริงๆ 

จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางทุกอย่างในช่วงต้นจะยกพวกลงมาหมด แต่ยังคงให้ Oud เป็นแกนนำหลักสมกับชื่อรุ่นอย่างชัดเจน กลิ่นจะมีความอวลแบบเนื้อไม้เช่นเดิมเคล้าความเป็นกลิ่นอายคล้ายยาสมุนไพรที่เป็นไม้แห้งๆ กำลังดี (นี่แหละที่เป็น DNA ของ M7) เคล้ากับกลิ่นไม้ติดกุหลาบกับหวานเม็ดกระวานเย้ายวนแบบโปร่งๆ แต่จะมีโทนกลิ่นออกทางไม้แห้งติดดินๆ ของหญ้าแฝกที่ทำให้กลิ่นมีลักษณะเป็นสายไม้หอมเคล้ากับกลิ่นนวลๆ ไม้โทนสว่างของไม้จันทน์หอมที่พ่วงเอาวานิลลามาด้วยเบาๆ ให้ความครีมมี่กลิ่นเนื้อไม้บางๆ ในกลิ่นมากขึ้น ทำให้ช่วงนี้กลิ่นเด่นคือความเป็นโทนไม้หอมที่ชัดเจน มีความเย้ายวนเซ็กซี่ติดนัวจางๆ มีความดาร์กกำลังดี ทุกอย่างพอเหมาะพอเจาะลงตัวไปหมดกับการส่งต่อเสน่ห์ของกลิ่นแนวไม้หอมได้ดีงามมากจริงๆ จนเมื่อวานิลลาเริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ ก็เป็นการส่งต่อให้ช่วงท้ายของน้ำหอมเป็นกลิ่นอาย Oud กลั้วครีมมี่วานิลลาติดอบอุ่นแบบไลท์เวอร์ชั่น เพราะกลิ่นจะไม่ได้หนักแน่นอวลเลย มีความเป็นไม้หอมที่ลอย On Top ออกมาแบบดึงดูดชัดเจน แต่พอดมใกล้ผิวแล้วจะมีความนวลวานิลลาติดอุ่นครีมบางๆ ไปตลอด ให้อารมณ์ที่นิ่งๆ มีเสน่ห์ ไม่ได้ดาร์กเกินไป ไม่ได้คิดแต่จะมาเพื่อยั่วยวน มีความภูมิฐาน หรูหราปนเท่ห์ๆ เคล้าเซ็กซี่ในเนื้อกลิ่นที่น่าค้นหา มีระดับ และน่าเข้าใกล้เสียมากกว่า นี่แหละ Oud Wood ของ Tom Ford 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นตราเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งเอาเข้าจริงกลิ่นมีความเป็นโทนน้ำหอมผู้ชายมากกว่าราวๆ 70% แต่ยังไงผู้หญิงก็ใส่ได้อยู่ดี ยิ่งกับการแต่งกายแบบโทนสีดำจะแบบว่าเข้ากันอย่างน่าดูชมและน่าค้นหามาก กลิ่นลงตัวกับการใช้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการออกทางสุขุมน่าค้นหา หรือทั่วๆ ไป สร้างเสน่ห์ส่วนบุคคลที่ดึงดูดแบบไม่หนักหน่วงก็เอาอยู่ได้สบาย แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ปิดท้ายที่ยามค่ำคืน ที่จัดไปได้เลยไม่ว่าจะออกงานหรือว่าท่องราตรี กลิ่นมีระดับ เซ็กซี่ และมีเสน่ห์เย้ายวนแบบมีชั้นเชิงแบบที่คนได้กลิ่นอาจจะต้องหันมามองเลยว่ากลิ่นนี้มาจากใคร 

ความทน - เรียกว่าเชื่อขนมกินได้ว่าดี และก็ดีจริงๆ กับราวๆ 8 ชม. มีบวกลบราวๆ 2 ชม. หรือทนยาวมากกว่านั้นก็อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ี 12 ชม. เป็นพื้นฐานเลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น คนฉีดได้กลิ่นชัด แต่จะปรับเป็นกระจายดีในช่วงกลางที่เรียกว่ายาวไป พอไปที่ช่วงท้ายจะดรอปลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัว พ้นไปซัก 6 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

ทิ้งท้าย - ต้องยกความดีความชอบให้ Tom Ford และสุคนธกรผู้ปรุงเลยว่าทำกลิ่น Oud ออกมาได้มีระดับและมีชั้นเชิงมาก รวมถึงกลิ่นนี้เป็นประตูสำคัญที่ทำให้เรียนรู้กลิ่น Oud ในสไตล์ไม้หอมที่ไม่อวลจัดๆ ก่อนจะไปเจอ Oud ประเภทต่างๆ ที่มากกว่านี้ที่หนักยิ่งๆ ขึ้นไปได้ดีจริงๆ ส่วนราคาเหรอ เราจะไม่พูดถึงมันนะจ้ะ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.tomford.com/beauty/fragrance/private-blend/?prefn1=fragrancenotes&srule=Price%20-%20Descending&prefv1=Woods