วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Annick Goutal - Ninfeo Mio

Annick Goutal - Ninfeo Mio 

Ninfa Garden เป็นหนึ่งในสวนที่เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากของอิตาลี เพราะในสวนจะประกอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสมัยกลางที่ผุพังตามกาลเวลา ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติที่ของพืชพรรณต่างๆ ที่ได้รับการปรับปรุงพื้นที่จนกลายเป็นสวนที่ร่มรื่นและสวยงาม ซึ่งปัจจุบัน Ninfa Garden ถือเป็นสวนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสวนที่โรแมนติคมากของโลกอีกด้วย และสวน
แห่งนี้ก็เป้นหนึ่งในแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ Annick Goutal ด้วยเช่นกัน นั่นคือรุ่น Ninfeo Mio 

จากความเป็นสวนที่มีความขลังและความร่มรื่นผสมผสานกันก็ถูกถอดออกมาเริ่มต้นที่การเป็นกลิ่นอายสายเขียวคมที่เจอกันครึ่งทางและลงตัวอย่างมากของสาย Citrus ที่มีส้มโอมือเป็นแกนนำให้ความเปรี้ยวซ่าคมๆ เจือความเปรี้ยวหวานปลายของเลมอน กับสายเขียวที่นำทีมด้วยกลิ่นของยางไม้ที่เรียกว่า Gallbanum กับการให้โทนเขียวคมพุ่งจัดเต็มร่วมกับกิ่งก้านส้มที่มีความเขียวปนเปรี้ยวสดชื่นซึ่งการเจอกันของ 2 โทนนี้มีความเป็นโทนอะโรม่าของส้มใสๆ เจือลักษณะเชื่อมตรงกลางทำให้ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมากกับกลิ่นเขียวคมสดชื่น ที่เป็นเหมือน Signature อย่างหนึ่งของแบรนด์เลยที่ทำกลิ่นอายสายเขียวได้ดีมาเสมอ และสร้างความสดชื่นได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้รู้สึกเหมือนเดินในสวนที่มีกลิ่นเขียวๆ ของใบไม้หรือก้านไม้เขียวลอยออกมาแบบเต็มๆ ให้รับรู้ทุกอณูกันได้เลย

แล้วกลิ่นสายเขียวจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตามลำดับและชัดเจนในช่วงกลางที่กลิ่นของใบมะเดื่อฝรั่ง (Fig) จะแทรกขึ้นมาเรื่อยซึ่งกลิ่นจะมีความครีมติดเขียวกำลังดี ไม่ได้มาสายข้น Milky ติดโทนมะพร้าวอะไรขนาดนั้น เพราะกลิ่นในช่วงต้นยังตามมาในช่วงนี้ให้ความสดชื่นติดเขียวอยู่ เพียงแต่ลดความคมลงมาพอสมควร ทำให้ได้ความรู้สึกอะโรม่าแบบกลิ่นอายสดชื่นเคล้าใบไม้เขียวๆ ที่ไม่ได้เปรี้ยวคมนัก แต่ยังคงความเป็น Citrus กลั้วใบ Fig ที่มีความเป็นโทนนวลๆ ติดสมุนไพรหน่อยๆ จากลาเวนเดอร์ และมีความครีมติดอุ่นบางๆ ปนไม้หอมแนวๆ สนไพน์กับไม้ซีดาร์ ได้ความรู้สึกน่าค้นหาก็ได้ สบายๆ สดชื่นก็ดี ได้อารมณ์ความเป็นสวนที่ชัดเจนลายาวไปจนถึงช่วงท้ายที่กลิ่นอายของใบ Fig จะมีความครีมมี่มากขึ้น ความสดชื่นยังมีอยู่แต่ไม่ได้คมแล้ว ออกทางนุ่มๆ ติดซ่าบางๆ แทน โดยทั้งโทนครีมมี่กับโทนสดชื่นนุ่มๆ จะมาผสมผสานกับโทนไม้หอมที่มีความโปร่งสว่าง และแอบจับได้ว่ามีโทนออกทางถั่วหน่อยๆ ให้พอรู้สึกได้ ทำให้ภาพรวมของกลิ่นจะมีความเป็นโทนออกทางครีมมี่นวลๆ ปนเขียวสบายๆ ซ่าบางๆ แต่ก็มีความดาร์กออกทางกลิ่นแนว Earthy หรือพวกออกทางดินๆ หน่อยๆ ปนอุ่นนิดๆ ให้น่าค้นหากำลังดีไปตลอด ภาพรวมเป็นการถอดกลิ่นแนวสวนออกมาได้น่าสนใจมาก เพราะได้ความรู้สึกเขียวรื่นรมย์ผสมผสานกับความน่าค้นหาในลักษณะของการเป็น Ninfa Garden ที่มีทั้งความเป็นสวนและความเป็นโบราณสถานปรักหักพังที่มีความขลังดึงดูดอย่างลงตัว

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศ เพราะกลิ่นเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงสิ่งแวดล้อมจึงเข้าได้กับทั้งหญิงและชาย และไปได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ยามทางการอาจจะไม่พอดีๆ จะลงตัวมาก แต่ทั่วไป อันนี้แล้วแต่การจัดเต็มส่วนบุคคลเลย ที่สำคัญใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป เน้นผ่อนคลายสบายๆ ก็ลงตัวไม่ใช่น้อยแต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีอันนี้แม้พอได้บ้างแต่ว่าอาจจะสู้โทนหวานเย้าจากคนรอบข้างที่ประดังประเดเข้ามาได้ยากหน่อยก็เท่านั้นเอง 

ความทน - เกินคาดมากสำหรับรุ่นนี้ของ Annick Goutal เพราะ 8 ชม. ได้สบายๆ มีอิงจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. แบบที่ทำให้ฟินกับกลิ่นอายเขียวนวลๆ ครีมไม้ๆ ได้ดีตลอดจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นพุ่งเลยทีเดียว แล้วจะลดลงมาเป็นปานกลางแผ่รังสีพอประมาณให้ความเขียวติดครีมแบบกำลังดี ตามด้วยเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ซึ่งเกินคาดกับความเป็น Annick Goutal ที่ทำตรงนี้ได้ดีมากเช่นกัน 

ทิ้งท้าย - สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า นี่เป็นหนึ่งในกลิ่นที่เข้าทำเนียบรักมากจากแบรนด์นี้เพราะนอกจากเป็นกลิ่น Fig ที่มาแบบกำลังดีแล้ว ยังทำให้รู้สึกสบายๆ แต่ยังน่าค้นหาได้ดีจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://us.annickgoutal.com/media/catalog/category/univers_ninfeomio.jpg



วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: The Different Company - South Bay

The Different Company - South Bay

หนึ่งใน L’Esprit Collection ของแบรนด์ Niche อย่าง The Different Company ที่สร้างสรรค์กลิ่นอายที่น้อยแต่มากและหรูหรามีระดับมาเสมอ ซึ่ง Collection นี้จะฉีกตัวออกมาเน้นน้ำหอมสายกลิ่นอายสไตล์ Cologne ในความเข้มข้นแบบ Eau de Toillete เช่นนั้น เมื่อได้มาพบเจอกันก็ต้องเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าหนึ่งใน Collection นี้อย่างรุ่น South Bay จะเป็นอย่างไร 

เป็นหนึ่งในกลิ่นอายที่เด่นด้วยความเป็นเกรปฟรุตที่ลงตัวมาก ซึ่งกลิ่นไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดแบบที่เรามักจะเจอในน้ำหอมโทนสดชื่นในหลายๆ ตัว ซึ่งใน South Bay จะได้อารมณ์แบบกลิ่นเกรปฟรุตที่เนื้อสีชมพูที่มีกลิ่นอายหวานอมเปรี้ยวเสียมาก ซึ่งถือว่าเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว นช่วง Top Notes และจะมีกลิ่นสายสนับสนุนให้ความหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของมะขามที่ทำให้กลิ่นของเกรปฟรุตมีความหวานมากขึ้นเสียด้วย โดยที่ยังไม่ได้ทิ้งความเป็นกลิ่นมะขามจางๆ ให้พอรับรู้ รวมถึงจะได้ความรู้สึกเขียวติดสดชื่นมาผสมผสานด้วยในเนื้อกลิ่น เลยทำให้กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติแบบกำลังดีไปตลอด สดชื่นแบบไม่คม มีความเป็น Citrus ติดหวานสบายจมูกกำลังดี จนเข้า Middle Notes ที่เริ่มเป็นโทนนวลติดเขียวปนกลิ่นออกทางพริกไทยโปร่งๆมีความนวลหน่อยๆ ที่เป็นโทนของดอกฟรีเซีย แต่จะมีเจือลักษณะโทนกลิ่นแนวๆ ดอกไม้ที่ออกทางผลไม้หน่อยๆโดยจะมาผสมผสานกับโทนเกรปฟรุตที่ยังคงตามมาอยู่ ทำให้ได้ความเป็นกลิ่นสดชื่นติดหอมนวลดอกไม้ แต่สิ่งที่สัมผัสได้เวลาดมใกล้ๆ ผิวคือกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ปนหวานจางๆ มีความครีมหน่อยๆ นวลๆ นุ่มๆ จะค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงที่กลิ่นลงตัวมากแบ่งเค้กกันได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งความสดชื่น ความเขียวปนปร่า และความนวลติดสะอาด เรียกว่าเป็นช่วงฟินสุด เพราะให้กลิ่นอายที่รื่นรมย์จัดเต็ม จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นไม้หอมที่เริ่มจะชัดมากขึ้นตามลำดับ ก็เป็นการเข้าสู่ Base Notes อย่างเป็นทางการกับกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ที่แอบเจือสดชื่นบางๆ จากช่วงต้นซึ่งเป็นโทนหญ้าแฝกที่ ไม่ได้ไปสาย Smoky มาทางกลิ่นสบายๆ มาเจอกับความครีมมี่ของโทนไม้หอมนวลๆ ของไม้จันทน์หอมช่วยทำให้กลิ่นมีความนวลละมุนสว่างๆ ผ่อนคลายเคล้ากับกลิ่นอายแบบผิวหนังสะอาดๆ โทน Musky ของหนังกลับที่รองพื้นแบบติดผิวกายอยู่ด้วย เลยทำให้ทุกอย่างยืนพื้นที่ความสะอาดนุ่มนวลสบายๆ ได้ความรู้สึกรื่นรมย์และผ่อนคลายไปตลอดจน ซึ่งถ้าอิงกับชื่อรุ่นความรู้สึกมันก็ได้อยู่ถึงลักษณะของการตากอากาศริมทะเล เพียงแต่ไม่ได้มีความเป็นทะเลจ๋าๆ เป็นที่ตั้ง เน้นความสดชื่น สว่าง สะอาด และมีความเป็นธรรมชาตินั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมาสาย Unisex ชัดเจน เพียงแต่ช่วงต้นๆ จะค่อนไปทางสายน้ำหอมผู้ชายพอสมควร ก่อนจะกลับมากลางๆ ได้หมดทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยกวาดหมด เพราะกลิ่นยืนพื้นที่ความสดชื่นและสะอาด แบบโทนสว่างผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ส่วนในยามค่ำคืนถ้าใส่ทั่วๆ ไปอันนี้ลงตัว แต่ถ้าใส่เพื่อไปท่องราตรี บอกเลยว่าโดนกลบมิดแน่นอน

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งมีบวกลบราวๆ 2 ชม. แน่นอน เพราะอิงจากสภาพอากาศ สภาพผิวกาย และจำนวนสเปรย์ด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น ออกแนวลงตัวกำลังดี ก่อนจะลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนปิดท้ายที่ Skin Scent เรียกว่ามีความ Safe Scent อยู่มากเลย

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาได้รื่นรมย์ได้ดีมาก โชว์ความเป็นกลิ่นอายเกรปฟรุตหวานได้อย่างดีและชัดเจนจริงๆ แถมทิ้งท้ายด้วยกลิ่นสะอาดนวลๆ ที่รื่นรมย์ไปตลอด เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่น้อยแต่มาก เรียบแต่นุ่ม ไฮควอลิตี้เต็มๆ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Levasiondessens
--> https://i1.rozetka.ua/goods/2416948/23284950_images_2416948169.jpg

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Jaguar Classic Gold

Jaguar Classic Gold 

ผ่านน้ำหอมแบรนด์รถมาก็มาก และก็เห็นความดีงามมาก็พอตัวก็ลุ้นอยู่เสมอว่า ถ้าได้กลับไปใช้น้ำหอมแบรนด์รถอีกก็ขอให้ได้เจอตัวที่กลิ่นอายน่าสนใจอีกในหลายๆ ตัว และแล้วก็สมใจอยากเพราะกลิ่นอายรุ่นที่จะกล่าวถึงของ Jaguar นี้ก็ไม่ใช่เล่นๆ มีความน่าสนใจในกลิ่นไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว นั่นคือ Jaguar Classic Gold 

เปิดกลิ่น Top Notes กันด้วยความเป็นโทน Fruity Citrus ที่แอบมีความอวลเล็กที่ไม่หนักหน่วงให้พอสัมผัสได้รองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่น Fruity จะเด่นชัดออกมาเลยกับการเป็นโทนแอปเปิ้ลเขียวที่มีความลั่นล้ามีความขี้เล่นกำลังดี เนื้อกลิ่นจะมีความเป็น Citrus ที่มีความเปรี้ยวสดชื่นกันเต็มๆ แม้จะมีกลิ่นออกทางเขียวปนขSpicy จางๆ แต่ก็ไม่ได้เด่นทะลุออกมาแย่งซีนใคร แต่ดันผสมผสานกับกลิ่นโทนผลไม้ได้เป็นอย่างดีทำให้มีความสดชื่นปนลั่นล้าดึงดูดกันเต็มๆ โดยที่อวามอวลเบาๆ รองพื้นจะพอจับโทนได้ว่าเป็นวานิลลาแบบไม่หนักอยู่ จึงทำให้ความรู้สึกไม่ได้ไปสายเจ้าชู้ลั่นล้าอะไรแบบสุดตัวนัก แต่กลับทำให้รู้สึกเย้ายวนปนน่าค้นหาหน่อยๆ เสียด้วย ซึ่งวานิลลาตัวนี้นี่แหละที่จะกลายเป็นตัวคุมเกมแบบยาวไปในช่วงต่อๆ มา 

พอเข้าสู่ Middle Notes ความเป็นโทนผลไม้ขอแอปเปิ้ลเขียวยังคงอยู่พร้อมคู่หูอย่างโทน Citrus แต่สิ่งที่จะชัดขึ้นตามลำดับนั่นคือวานิลลา ที่ค่อยๆ เปิดตัวมากขึ้นๆ ตามลำดับก้ว ยังไม่พอในช่วงนี้ความเป็นดอกไม้ขาวอย่างดอกส้มที่สกัดด้วยตัวทำละลาย (Orange Blossom) ก็จะเปิดตัวมาด้วยเช่นกัน ทำให้ได้กลิ่น 3 โทนผสมผสานกันแบบกำลังดีไม่หนักเกินไปโดยที่กลิ่นสายลั่นล้าจะลดทอนลงมาให้ความขี้เล่นกำลังดี ดอกส้มจะให้ความสะอาด และวานิลลาจะให้ความนวลติดอุ่นกำลังดีน่าค้นหา โดยที่จะมีกลิ่นอายไม้หอมสะอาดๆ เจือในความเป็นวานิลลาไปด้วยเรื่อยๆ ไปถึง Base Notes ที่จะได้เวลาของความเย้ายวนกันเต็มๆ ซึ่งแม้ว่ากลิ่นโทนผลไม้จะลดโทนลงไป แต่ดอกไม้ข่วติดไม้หอมจะยังตามมาเป็นสายสนับสนุนให้กลิ่นโทนอบอุ่นของวานิลลานัวๆ แต่ไม่หนักกลายเป็นตัวเด่นของช่วงท้ายนี้ ซึ่งกลิ่นจะไม่ไปทางขนมแต่ประการใด เพราะนอกจากจะคุมโทนตัวเองไม่ให้ออกทางข้นเกินไปแล้วนัก มีกลิ่นอายนุ่มๆ ติดนัวของ Musk เคล้าพิมเสนเบาๆ อ้อยอิ่งปนหวานเจือดาร์กหน่อยๆ มาทำให้กลิ่นออกทางนวลอวลติดนัวออกทางเซ็กซี่กำลังดีไปตลอดแบบที่ไม่หนักเกินไป เข้ามาใกล้ๆ เถิด อะไรประมาณนี้ 

แม้ว่ากลิ่นนี้จะมีความใกล้เคียงกับกลิ่นดึงดูดปนเซ็กซี่อย่าง Dunhill Desire ขวดแดงแรงฤทธิ์อยู่พอสมควร (อาจจะถึงมาก) แต่สิ่งที่ทำได้ดีมากและกลิ่นก็ลงตัวนั่นคือ การคุมความเป็นโทนออกสีนวลทองที่เย้ายวนและดึงดูดได้ดีโดยที่ยังมีความนวลอุ่นประปรายที่วานิลลาเป็นตัวเอกแบบไม่หนักและไม่จัดจ้าน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ราคาไม่แพงเกินไปแต่คุ้มค่าในเรื่องกลิ่นไม่น้อยเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็ใช้ได้แล้ว แต่กลิ่นมีความลั่นล้าปนนวลนัวแบบไม่โฉ่งฉ่างดี จึงอาจจะเข้ากับการใส่ที่ออกทางเนี้ยบๆ หน่อย แต่ปล่อยเสน่ห์แบบลงตัวก็ได้ ดูมีความลั่นล้าหน่อยๆ ก็ดีอะไรประมาณนี้ ซึ่งสามารถใส่ทำงานหรือทั่วๆ ไปได้สบายๆ แต่ถ้าใส่ออกงานอาจจะต้องพิจารณารูปแบบงานกับกลิ่นกันนิด เพราะถ้าทางการจัดๆ อาจจะไม่ค่อยเข้าทีนัก รวมถึงถ้าใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งอาจจะเบามือลงบ้าง แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางเท่าไหร่ ส่วนค่ำคืนจัดไปจ้าาาาาา อาจจะไม่ได้ยั่วหนักหน่วง แต่ก็มีดีที่ถ้าใครอยู่ใกล้ก็รับการดึงดูดได้เต็มไม่น้อย 

ความทน - อันนี้ดี 8 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้ยอีกด้วย ซึ่งส่วนตัวกับจำนวนสเปรย์เพียง 5 สเปรย์ ก็ลากยาวได้ถึง 12 ชม. ได้สบาย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วคงต้องมาจนถึงช่วงกลางที่จะค่อยๆ ผ่อนลงมาที่ปานกลางแบบยาวไป ถึงช่วงท้ายที่จะเริ่มลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวตามลำดับ พอพ้นซัก 8 ชม. จะค่อยๆ ลงมาเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ถ้ามีคนมาบอกว่าน้ำหอมจากแบรนด์รถทั้งหลายนี่ไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่ ซึ่งเอาตามความเป็นจริงมันก็ใช่ แต่ในความไม่หวือหวามันก็มีข้อดีมากมายสำหรับคนอีกหลายๆ คนที่ถือว่าเป็นกลิ่นที่ใช้ง่าย ยังไงก็รอด และที่สำคัญการโดนมองข้ามว่าไม่ค่อยมีอะไรหวือหวานี่แหละ อาจจะทำให้พลาดกลิ่นอายที่น่าสนใจไปเลยก็เป็นได้ อย่างเช่น Classic Gold นี้เป็นต้น 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Fragrantica -->https://fimgs.net/images/perfume/375x500.17379.jpg

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Moschino - Fresh Couture

Moschino - Fresh Couture 

เพียงแค่ขวดก็ทำเอาสตันไปได้หลายวินาที เพราะนี่คือน้ำหอมหรือน้ำยาเช็ดกระจกแบรนด์ Moschino กันแน่? แต่พอรับรู้ Concept ก็เรียกว่ามีความเก๋ไก๋ไม่น้อย เพราะเป็นการเอาความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ในบ้านทั่วๆ ไปมา Match กับความเป็นสายแฟชั่นเก๋ๆ ตามสไตล์ของแบรนด์ เช่นนั้นได้เวลาของการบอกเล่าแล้วว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหนกับความเก๋ไก๋ที่แบรนด์นำเสนอกับรุ่นนี้ Fresh Couture 

เปิด Top Notes กับความรู้สึกแบบ Floral Citrus เจือกลิ่นอายแบบโทนผลไม้หอมหวานกันเต็มๆ เพราะกลิ่นอายของโทนสดชื่นของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ให้ความเปรี้ยวเคล้าความเปรี้ยวอมหวานติดฉ่ำของส้มจีนก็จริง แต่ก็จะเจอกลิ่นอายของดอกโบตั๋น (Peony) ที่ให้ความหวานโปร่งไปทางกุหลาบใสๆ สีชมพูเจือกับกลิ่นอายหอมหวานเฉพาะตัวของราสเบอร์รี่ ซึ่งแค่กลิ่นเปิดก็งงเล็กน้อย เพราะน้ำหอมสีเป็นโทนฟ้า แต่กลิ่นมาโทนสีชมพูมาเชียว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสายโทนหวานดอกไม้จ๋ามากนั่นคือกลิ่นโทนไม้หอมเจือกลิ่นอายแบบผิวกายสะอาดๆ ที่คุมโทนกลิ่นสะอาดให้รู้สึกได้ในช่วงต้นนี้ด้วย 

และก็ได้เวลาของดอกไม้ที่จ๋ามากขึ้นใน Middle Notes โดยกลิ่น Citrus ในช่วงต้นจะผันตัวไปเป็นผู้สนับสนุนรองใจดีให้ความรู้สึกสดชืิ่น Fresh กำลังดีในเนื้อกลิ่น เคล้ากับกลิ่นโทนผิวกายสะอาดเจือไม้หอมที่รองพื้นติดผิวอยู่ ปล่อยให้กลิ่นดอกไม้โทนหวานโปร่งสดชื่นเคล้าความเป็นโทนผลไม้เด่นนำเลย โดยที่กลิ่นของดอกโบตั๋นจะมาแท็คทีมกับดอกหอมหมื่นลี้ที่ให้กลิ่นโทนเจือผลไม้หวานอมเปรี้ยวหอมกึ่งกลิ่นพีชและแอปริคอต และมีโทนเย้ายวนจางๆ แนวๆ กึ่งมะลิกึ่งกระดังงา ได้ความเป็น Floral Fruity ที่ชัดเจนแต่ก็ยังคุมโทนควาFresh และใสเจือกลิ่นกายสะอาดรองพื้นได้อยู่แม้กลิ่นจะมีความหวานหอมละมุนก็ตาม ซึ่งกลิ่นโทนหอมดอกไม้หวานใสนี้จะตามไปยัง Base Notes ที่ให้ความหอมละมุนคงตัว แต่จะเพิ่มความนวลเข้ามาแบบกลิ่นผิวกายสะอาดคล้ายกลิ่นดอกไม้ที่ระเรื่อบนผิว ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีโทนไม้หอมเบาๆ เคล้ากลิ่นพิมเสนหวานรื่นจมูกนวลๆ คลอไปด้วยตลอด โดยที่ยังมีความสดชื่นเบาๆ ในเนื้อกลิ่นให้พอรับรู้ได้ไปตลอด ภาพรวมของกลิ่นเลยจะได้อารมณ์แบบสาวๆ แต่งตัวสวยสดใส แต่แต่งหน้าชัดจัดเต็มแล้วทำงานบ้านแบบที่ยังไงก็ต้องสวยไว้ก่อนประมาณนั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงเลย เพราะมาสายดอกไม้ติดโทนผลไม้ขนาดนี้ เช่นนั้นเข้าทางกับสาวๆ ทุกเพศ วัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แบบชิลล์ๆ แล้ว ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงการออกกำลังกายก็ใส่ได้ แต่อาจจะรอให้เข้าช่วงกลางก่อนค่อยไปบึ้ดจ้ำบึ้ด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่เข้าทางการใส่ไปท่องราตรีด้วยประการทั้งปวงเพราะเบาไป โดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - แกว่งพอสมควร ซึ่งอยู่ระหว่าง 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบได้อีกก็ว่ากันไปตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด สภาพอากาศที่จะร้อนจัดหรือว่าเรื่อยๆ มาเรียงๆ รวมถึงสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความรู้สึกสดชื่นเคล้ากลิ่นดอกไม้ใสๆ ไพล่ไปทางสีชมพูกำลังดีเชียว แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลางแบบยาวไป ก่อนปิดท้ายที่ Skin Scent กับโทนสะอาดๆ ติดกลิ่นดอกไม้จางๆ 

ทิ้งท้าย - นอกจากรูปลักษณ์ขวดและการนำเสนอความเป็น Moschino Fresh Couture จะมีความ Contrast กันแล้ว กลิ่นน้ำหอมกับสีของน้ำหอมยัง แตกต่างกันอย่างอึ้งๆ อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่ากลิ่นใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย และก็สรุปง่ายๆ คือ กลิ่นอายดอกไม้หอมหวานเจอกลิ่นสะอาดสดชื่นติดนวลๆ นั่นเอง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - http://pinkcity.sg/wp-content/uploads/2016/12/moschino-fresh-couture-100ml.jpg

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - Ambre Sultan

Serge Lutens - Ambre Sultan 

Ambre Sultan เห็นรุ่นนี้ของ Serge Lutens ครั้งแรก ก็ผลัดวันประกันพรุ่งในใจก่อนเลย เพราะเป็นช่วงที่เจอน้ำหอมกลิ่นอาหรับค่อนข้างมาก ไว้มีโอกาสค่อยว่ากัน จนเมื่อเริ่มพัฒนาการดมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้เวลาหันกลับมาดูฤกษ์ดูยามเตรียมพร้อมมาทดลองและเทสกลิ่นนี้ว่าจะออกมาในลักษณะไหน และผลที่ออกมาคือ 

ความคาดคะเนต่างๆ ในหัวว่ามันจะแขกจ๋า หรือมาเต็มแน่นอวล โดนลบออกไปจากสารบบในพริบตาเดียว เพราะสิ่งที่ Ambre Sultan ให้มากับกลายเป็นกลิ่นอายสไตล์แอมเบอร์ที่ไม่ได้ออกไปทางอบอวลเผ็ดร้อนรุมๆ แต่กลายเป็นแอมเบอร์ที่ลุ่มลึกแบ่งสมดุลย์กันเป็นอย่างดีสำหรับโทนที่เป็นสายสนับสนุนทั้งหมดได้ลงตัว โดยกลิ่นอายจะมาในสไตล์ของการเป็นยางไม้เรซินสาย Labdanum เสียมากกว่า (กลิ่นอายของยางไม้ Labdanum จะมีลักษณะที่มีความเป็นแอมเบอร์ติดโทนหนังที่ลึก กลิ่นมีพลังและติดอวลอุ่นกำลังดี มีความหวานเจือในเนื้อกลิ่น ไม่ได้อ้อยอิ่งบางเบาแบบมีปีกแต่อย่างใด) ซึ่งความเป็น Labdanum จะเป็นตัวหลักเลยที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันปลายกลิ่นในลักษณะของการเป็น Center Note แบบยาวไป ซึ่งในช่วงต้น Labdanum มาแบบลึกแน่นชัดเจนก็จริง แต่ก็จะมีการแบ่งซีนให้กลิ่นอายโทนสมุนไพรเครื่องเทศแบบแห้งๆ ของออริกาโน่ (ที่ไว้โรยหน้าพิซซ่าให้กลิ่นหอมๆ) กับกลิ่นใบเบย์ (ที่ให้กลิ่นคล้ายใบกระวาน คือ เขียวสมุนไพรติดเครื่องเทศปร่าๆ นวล ซึ่งตัวนี้แหละทำให้กลิ่นนี้มีความเป็น Unisex ค่อนไปทางผู้ชาย) รวมถึงกลิ่นอายโทนยางไม้ที่ให้ความหวาน ทำให้กลิ่นในช่วงต้นจะมาเต็มและชัดเจน เพียงแต่จะสัมผัสได้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ไปสายแอมเบอร์แบบจ๋าๆ อวลๆ มันเข้าไป มีมิติความโปร่งซ่าๆ หอมสมุนไพรแห้งปนความหวานของกลิ่นอายยางไม้ที่ลงตัวมาก 

เพียงไม่นานกลิ่นอายของพิมเสนจะแทรกเข้ามาไวมากพร้อมกับกลิ่นอายโทนสมุนไพรที่เริ่มจะเป็นฝ่ายรุกไล่มาครองพื้นที่แบบ On Top ในช่วงกลาง ซึ่งความหอมติดสมุนไพรเข้าโทนทางยาแห้งๆ เจือหวานโปร่งของพิมเสนจะชัดในระดับหนึ่ง ตัดทอนความหวานที่น่าจะทึบของโทนยางไม้ให้มีความโปร่งมากขึ้นไม่พอ ยังมีตัวช่วยสำคัญคือ กลิ่นอายสมุนไพรที่ออกมาเผ็ดปร่าที่มาแบบสมดุลย์กำลังดี ผสมผสานกันออกมากลายเป็นกลิ่นอายเครื่องเทศปนกลิ่นออกทางยาสมุนไพรแห้งๆ ปนหวานที่สมดุลย์ หอมนวลปนปร่าอย่างมีมิติ บนพื้นฐานของกลิ่นอายโทนยางไม้สไตล์แอมเบอร์จาก Labdanum อุ่นเจือหวานกำลังดี มีความดิบแห้ง ไม่ได้ประดิษฐ์ออกมาให้กลายเป็นกลิ่นแอมเบอร์แบบจงใจและดูทั่วๆ ไป มีความลุ่มลึกตามโทนที่ควรจะเป็นได้น่าสนใจและมีเสน่ห์มาก ส่งต่อไปยังช่วงท้ายของน้ำหอม ที่คราวนี้ชัดเจนว่ากลิ่นอายของแอมเบอร์ที่มาในลักษณะติดทางวานิลลาจะเด่นขึ้นมากลิ่นจะไม่ได้หวานเกินไป มีความอุ่นกำลังดี นวลๆ ปนกลิ่นไม้หอมและมีกลิ่นยางไม้หวานๆ แบบสไตล์กำยานที่มีโทนหอมวานิลลาสอดรับเข้ามาพอดี ทั้งยังเจือความเป็นพิมเสนปนหวานโปร่งสมุนไพรแห้งบางๆ ที่ยังตามมาเสีัยด้วย ซึ่งถือว่ากลิ่นมีมิติให้จับต้องได้หลากหลายในพื้นฐานของการเป็นโทนแอมเบอร์ที่ไม่ได้มาแบบขนบนิยม แต่ยังคง Concept ที่ชัดเจนแบบฉบับที่เป็นแอมเบอร์ที่มีอะไรในตัวให้ความรู้สึกแบบแห้งๆ ที่ลงตัวและลุ่มลึกมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ตราเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ตรงตัวเลยทีเดียว แอบค่อนไปทางแมนๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าตอบโจทย์ทุกเพศในการใช้งานอยู่ดี ซึ่งอาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนแอมเบอร์หรือกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรเด่นๆ มาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ดีมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำกัดสเปรย์ เพราะกลิ่นโทนอุ่นเครื่องเทศเจออากาศร้อนๆ บ้านเรา สามารถทำเอาตึ้บได้ ซึ่งถ้าพอดีๆ จะกลิ่นงามมาก โดยใส่ได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป ตัดการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานลงตัว ใส่ท่องราตรีก็ได้ให้มาดที่ลุ่มลึกน่าค้นหามีความเซ็กซี่เย้ายวนในกลิ่นกำลังดี ดึงดูดกำลังงามได้เลย 

ความทน - อยู่ราวๆ 8 ชม. กำลังดี ซึ่งมีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ กลิ่นนี้อิงเคมีกับผู้ใช้ด้วย โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. เกินคาดไปมากเลยทีเดียว 

การกระจาย - เปิดตัวกระจายดีงามมาก เรียกว่าความชัดทุกช่วงตัวมาเต็ม แต่จะลดลงมาที่กระจายปานกลางต่อมาแล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย เมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. จะค่อยๆ ลงมาเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ยอม กลิ่นดีจริง จากที่คิดว่าก็น่าจะมีความอาร์ตแบบ Serge Lutens และเพราะไม่ใช่สายแอมเบอร์นัก แต่พอเจอตัวนี้หลงเสน่ห์ไปเลย 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.escentual.com/serge-lutens/sergelutens46/

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: L’Artisan Parfumeur - 9 Arcana Rosa

L’Artisan Parfumeur - 9 Arcana Rosa 

การมี Collection พิเศษเกิดขึ้นมา ที่อาจจะเป็นทั้ง Exclusive Limited Edition หรือว่าเป็นการอัพเกรดมาแตะความเป็น Luxury สุดๆ ก็ตาม มักจะมีกลิ่นอายที่หนึ่งต้องรวมอยู่ใน Collection นั้นๆ เสมอนั่นคือ กุหลาบซึ่งการปรุงกลิ่นออกมาแน่นอนว่าแตกต่างกันไปตามการนำเสนอของแต่ละ Cocept ของแบรนด์นั้นๆ และแบรนด์หนึ่งในนั้นก็คือ L’Artisan Parfumeur กับ Collection - La Botanique (หรือ Natura Fabularis เดิม) ซึ่งกลิ่นอายกุหลาบจะมาในลักษณะไหน ดมแล้วบอกต่อแบบนี้เลย 

9 Arcana Rosa แปลแบบตัดเลข 9 ออกไปได้ว่า Secret Rose ก็มากับการที่ให้กุหลาบเป็นสายสนับสนุนชั้นดีคลออยู่กับทุกๆ ช่วง เปรียบเสมือนเป็น Center Note ได้ลงตัวมาก โดยเริ่มที่ช่วงต้นกับการปล่อยกลิ่นอายที่มีหลากหลายโทนให้จับต้องได้กันก่อนโดยที่กุหลาบเป็นโทนกลิ่นที่รองพื้นอยู่เบื้องหลังก็จริง แต่ก็ยังปล่อยของให้รับรู้ได้ เรียกว่าไม่โดนแย่งซีนนั่นเอง ซึ่งกลิ่นอายที่เข้ามาผสมผสานในช่วงแรกคือโทนกลิ่นออกทางเครื่องเทศที่ให้ความรู้สึกขมปนหวานโปร่งมีสาปหน่อยๆ ลักษณะคล้ายหญ้าฝรั่นผสมกับยี่หร่าแขกบางๆ และมีกลิ่นอายติด Smoky ปนโทนธูป Incense เจือไม้หอมแห้งๆ เข้ามาผสมผสาน ซึ่งทำให้นึกถึง Le Labo - Rose 31 ขึ้นมาได้ง่ายๆ ถ้าเคยผ่านตัวนี้มาในสายลักษณะ Spicy Rose (กุหลาบติดเครื่องเทศ) แต่เพราะกลิ่นอายของไม้หอมที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาเรื่อยๆ เลยทำให้โทนกลิ่นเริ่มเปลี่ยนในช่วงกลางแบบที่กุหลาบยังคงอยู่เป็นกลิ่นอายพื้นฐานให้ความอะโรม่านวลหอมกำลังดี ตีคู่ไปกับกลิ่นอายไม้หอมติSmoky ที่เริ่มเด่นคุมโทนขึ้นมา โดยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม้ซีดาร์ที่ให้ความโปร่งในเนื้อกลิ่นปนกับความเป็นไม้หอมติดโทนดาร์กแห้งๆ ของหญ้าแฝกทีมีกลิ่นอาย Smoky นวลๆ กำลังดี และยังคงลักษณะแบบ Incense ธูปควันไม้ดำๆ ดาร์กๆ ให้รู้สึกได้อยู่ด้วย ความเป็น Spicy เครื่องเทศจะเริ่มค่อยๆ จางลงไป ซึ่งช่วงนี้จะกลายเป็น Woody Rose ที่กำลังดีลงตัวแบบมีชั้นเชิงให้ความรู้สึกกุหลาบในหมู่ไม้ได้ไม่ยาก ส่งต่อให้ช่วงท้ายที่ความดเป็นกุหลาบจะเบาลงไปพอสมควรแต่ยังเสริมให้กลิ่นโทนไม้หอมเด่นขึ้นมาเคล้าความอบอุ่นติดโทนหนังปนหวานกำลังดี ซึ่งกลิ่นไม้จันทน์หอมจะให้ความนวลสะอาดกำลังดี ไม่ได้ครีมมี่จ๋าๆ เพราะกลิ่นอายของโทน Smoky ยังคงอยู่ จึงทำให้กลิ่นอายช่วงนี้ได้ความรู้สึกนุ่มหอมติดดาร์กน่าค้นหามีระดับกำลังดีเสียมาก คาบเกี่ยวความดาร์กและความสว่างได้น่าสนใจ โดยที่มีกุหลาบคลออยู่เบาๆ โดยยังคุมโทนความรู้สึกแบบกุหลาบในหมู่ไม้ได้ชัดเจนไปตลอด 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน เพราะกลิ่นมาสายบรรยากาศ และกุหลาบในรุ่นนี้มีความกลางมากพอที่เข้าได้กับทุกเพศเลย ซึ่งเข้ากับวัยตั้งแต่เรียนมหาลัยเป็นต้นไป ยิ่งคนที่ชอบกลิ่นอายกุหลาบแบบน่าค้นหาและลึกลับแบบที่ไม่ดารก์กดำดิ่งเว่อร์แต่มีระดับลงตัว จะอินกับตัวนี้ได้ไม่ยาก ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายเพียวๆ จะดีกว่า เพราะไม่เข้าทาง แต่ถ้าใส่จริงรอช่วงท้ายๆ ก็พอไหว ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นกุหลาบแบบนี้น่าค้นหามากจริงๆ ไม่ว่ากับสถานการณ์ไหนก็ตาม 

ความทน - ดีงามมมม 8 ชม. สบายๆ ซึ่งอาจจะมากกว่านี้ได้ด้วยตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงสภาพผิวกายที่เอื้อพอให้น้ำหอมทนได้มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาปานกลาง และปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอผ่านไปซัก 6 ชม. เริ่มจะเป็น Skin Scent ตามลำดับในที่สุด 

ทิ้งท้าย - ถ้าอิงกับชื่อรุ่นว่า Arcana Rosa หรือ Secret Rose ก็เรียกว่าเข้าทีเพราะกุหลาบมาให้รู้สึกได้ตลอด แม้ว่าจะเป็นเพียงสายเดินเรื่องฉากหลัง ซึ่งกลิ่นนี้ถือว่าสร้างภาพในหัวรับรู้ได้เลยเหมือนเดินเล่นไปป่าแล้วเจอดงกุหลาบที่รายรอบไปด้วยต้นไม้ท่ามกลางความทึมๆ ของป่าได้น่าสนใจมากจริงๆ 

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit -
https://www.vittoriaprofumi.com/ecommerce/it/profumi/6850-9-arcana-rosa-edp-75-3660463023663.html



วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: L'Artisan Parfumeur - Explosions d’Emotions: Amour Nocturne

L'Artisan Parfumeur - Explosions d’Emotions: Amour Nocturne

ได้เวลาหวนคืนสู่การสื่อสารถึงพลังทางอารมณ์ในแง่มุมต่างๆ ของไลน์ Explosions d’Emotions ของ L’Artisan Parfumeur ที่คราวนี้ได้เวลามาสู่ความหวานและวาบหวามทางอารมณ์แบบที่สมกับคำโปรยนำทางที่อ่านแล้วอื้อหือสุดๆ เช่นนั้นจะเป็นอย่างไรว่ากันที่รุ่นนี้เลย Amour Nocturne 

Infinite tenderness becomes ecstasy. Live a moment of sublime intimacy - ความอ่อนโยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกลายเป็นความปิติสุขเหลือแสน ในชั่วขณะของการโล้สำเภาที่ล้ำเลิศหาใดเปรียบ 

ปูทางขนาดนี้ ก็ Spoil เป็นภาพก่อนเลยว่า อารมณ์กลิ่นนี้ได้ความรู้สึกแบบเวลาเราภาพยนตร์แนวๆ James Bond กับฉาก Sex Scene ในช่วงท้ายก่อนหนังจบระหว่างพระเอกที่มีกลิ่นอายออกทางดินปืนติดผิวกายเคล้ากลิ่นไม้หอมโปร่ง Smoky จางๆ เจอกับกลิ่นอายหอมหวานนุ่มนมคาราเมลที่มีโทนแป้งเซ็กซี่คลอไปตลอดของนางเอกที่ไม่ได้เป็นสายบู๊ แต่เย้ายวนสุดใจประมาณนั้น ซึ่งก็เปิดตัวด้วยการเจอกันของกลิ่นอายแนว Herbal ติดสมุนไพรแห้งๆ ติดเขียวสากเคล้าโทนคล้ายๆ ถั่วหน่อยๆ ปนโทนแนวๆ พริกไทยเคล้ากับกลิ่นอายแบบนุ่มนมกำลังดี แต่มีความโปร่งในเนื้อกลิ่น ออกแนวบรรยากาศที่แปลกๆ แต่มีความเร้าใจเซ็กซี่ดึงดูดชัดเจน แล้วกลิ่นอายออกทางนมอุ่นรุมๆ ปนหวานหอมวูบขึ้นมาเรื่อยๆ ตีคู่กับกลิ่นอายไม้ซีดาร์ที่โปร่งๆ สว่างๆ เจือความ Smoky อยู่หน่อยๆ ซึ่งทุกอย่างผสมผสานกันในวูบแรกให้ความรู้สึกนัวเย้าดึงดูดอย่างชัดเจน แน่นอนนี่เป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น

แล้วถัดมาความหวานคาราเมลเริ่มที่จะแทรกตัวขึ้นมาเด่นเคล้ากับโทนนมอุ่นหวานนำเข้าสู่ช่วงกลางที่มีความอบอวลกำลังดี โปร่งหวานกำลังงาม รวมถึงมีโทนแป้งติดอับจางๆ ในเนื้อกลิ่นที่เสริมความเซ็กซี่เย้ายวนที่ให้ความรู้สึกเซ็กซี่เย้ายวนเจือในเนื้อกลิ่น ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ไปสายขนมหรือของกินมากเกินไป เพราะในความเป็นกลิ่นอายแบบนมที่หวานคาราเมลนั้น ยังมีพื้นฐานกลิ่นที่โทนสะอาดออกทาง Spicy เบาๆ ติด Smoky ปนไม้หอมโปร่งๆ น่าค้นหาให้พอสัมผัสได้ตลอด ได้ความรู้สึกของการคุมเกมด้วยโทนหวานโปร่งของฝ่ายหญิงที่มีกลิ่นอายดึงดูดให้ชวนนัวที่สนับสนุนกันเป็นอย่างดี เป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่เรียกว่าปล่อยพลังความหวานเซ็กซี่เย้ายวนอ้อล้อระหว่าง 2 โทนที่สื่อสารถึงผู้หญิงและผู้ชายตามที่กล่าวไว้ข้างต้นได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

จนเมื่อกลิ่นของโทนนมเริ่มเบาลงไป แต่ไม่ได้เอาความนุ่มจางๆ ในเนื้อกลิ่นไปด้วย เพราะกลิ่นโทนนมจะยังเสริมกับความหวานหอมคาราเมลที่ลดระดับลงมา โดยยังคุมโทนความโปร่งหวานที่เซ็กซี่ดึงดูดอยู่ก็จริง แต่กลิ่นโทน Smoky ปนไม้หอมจะเริ่มกลายเป็นตัวเด่น ซึ่งก็ได้เวลาของการคุมเกมช่วงท้ายจนจบของพระเอกเขาล่ะ เพราะจะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายชัดเจนกับการปล่อยของจากโทนดินปืนที่ให้ความ Smoky เจือ Spicy หน่อยๆ แทคทีมกับกลิ่นของไม้ซีดาร์ และสารหอมแนวๆ ISO E Super ที่ให้กลิ่นไม้หอมโปร่งๆ มาตัดทอนและคุมโทนกับความหวานคาราเมลในช่วงกลางให้ลดลงมาเป็นสายสนับสนุนให้มิติที่หวานโปร่งปนนุ่มเซ็กซี่นัวๆ เจือความเป็นไม้หอมที่ได้ความรู้สึกอบอุ่นปนหวานเย้ายวนนวลจมูกกำลังดี ให้บรรยากาศที่มีทั้งความอ่อนโยน โรแมนติค วาบหวามและเซ็กซี่หลังจากจบการโล้สำเภาของ 2 โทนกลิ่นระหว่างความหวานนวลและโทนไม้หอมโปร่งปนควันไอได้อย่างน่าดูชมและดมกลิ่นเล

เหมาะสำหรับ - Unisex นี่คือารตราเอาไว้ของกลิ่นนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงเพราะเป็นโทนหวานนำ อาจจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าราวๆ 60% แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายมากเพราะกลิ่นมันมีโทนไม้หอมปนดินปืนที่เด่นพอสมควรในช่วงท้าย ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ทั่วไปเช่น ใส่ทำงาน ใส่ชิลล์ๆ ใส่เพื่อโรแมนติค แต่อาจจะไม่เหมาะนักกับการใส่ออกงานทางการ เพราะมันหวานเซ็กซี่ไปหน่อย และตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้ง (ยกเว้นจะโล้สำเภากลางแจ้ง นั่นก็อีกเรื่อง) กับการใส่เพื่อออกกำลังกายออกไปได้เลย เดี๋ยวทั้งคนใส่และคนอื่นๆ รอบตัวจะหิวไม่พอ อาจจะมึนเอาได้ ส่วนยามค่ำคืน จัดไป อย่าได้เสีย พูดเลย! 

ความทน - ดีงามมมมมมมม 12 ชม. กลิ่นยังอยู่ เรียกว่างามจริงอะไรจริง สิ่งที่เจอยาวนานที่สุดคือ 15 ชม. กับจำนวนสเปรย์เพียง 4 สเปรย์ เด็ดดีแท้ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น และจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนดรอปลงมาปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป 

ทิ้งท้าย - สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้นอกเหนือจากความเซ็กซี่เย้ายวนกับกลิ่นอายที่สื่อสารถึงกิจกรรมโล้สำเภา นั่นก็คือลายเซ็นแบบ L’Artisan Parfumeur ที่มักจะมีความโปร่งในเนื้อกลิ่นให้จับต้องได้เสมอแม้ว่าจะเป็นโทนหวานแต่ก็ยังหวานโปร่งได้ดี เรียกว่าเก็บหมดและดีงามจริงๆ ใครชอบสายหวานเย้าแบบไม่ข้นหนัก นี่แหละ ใช่เลย ที่สำคัญกลิ่นนี้ได้รับการไปต่อโดยปรับเป็นตัวที่ไม่ใชLimited เปลี่ยนเป็นทรงขวดตามไลน์ปกติแล้วด้วยเช่นกัน 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Notino.CZ
--> https://i.notino.com/zoomMobile/lartisan-parfumeur/lareanu_aedp10_01/lartisan-parfumeur-les-explosions-demotions-amour-nocturne-parfemovana-voda-unisex___16.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: L’Artisan Parfumeur - 26 Tenebrae

L’Artisan Parfumeur - 26 Tenebrae 

ได้เวลาเข้าสู่ไลน์ใหม่ที่มาสายหรูหรามาเต็มของ L’Artisan Parfumeur อย่าง Collection - Natura Fabularis ที่เปิดตัวเมื่อปี 2016 กับขวดทรงใหม่แถมผึ้งเกาะให้ดูมีอะไรที่สวยงามน่าครอบครอง แต่ปัจจุบันไม่มีผึ้งประดับแล้ว และเปลี่ยนชื่อเป็น Collection - La Botanique X Deyroll แทน โดยจะมี Concept ที่น่าสนใจมาก คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของภาพวาดและจิ
นตนาการที่ถ่ายทอดความเป็นธรรมชาติออกมาผ่านกลิ่นอายต่างๆ ทั้งหมด 6 รุ่น เช่นนั้นได้เวลาบอกเล่าว่าแต่ละกลิ่นจะมาในลักษณะไหน ซึ่งก็ขอเริ่มที่รุ่นนี้เลย 26 Tenebrae

เปิดต้นกลิ่นความรู้สึกแบบเย็นๆ ก็มาก่อนเลยในวูบแรก แล้วจะค่อยๆ มีกลิ่นอายของไม้หอมเคล้ากลิ่นโทน Incense แบบติดสว่างๆ ของ Frankincense ที่เป็นโทนยางไม้แนวไม้หอมสะอาดติดเขียวออกทางชะอุ่มหน่อยๆ และมีความเปรี้ยวสดชื่นให้รู้สึกได้ดันขึ้นมา โดยที่กลิ่นของโทนไม้หอมจะชัดเจนและมีความรู้สึกติดเปียกดินๆ จางๆ ให้จับได้ผสมผสานอยู่ในนั้นด้วย อารมณ์เลยได้ความรู้สึกอารมณ์แบบป่าเย็นๆ เด่นที่กลิ่นอายไม้หอมโดยที่ให้ความเขียวปนสะอาดกำลังดีท่ามกลางอากาศเย็นๆ ที่มีความสว่างประปรายในเนื้อกลิ่นไปเรื่อยๆ เสียมากกว่า จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากช่วงต้นไปมากนัก แต่จะมีความแห้งในเนื้อกลิ่นและเริ่มเข้าสู่การเป็นโทนยางไม้มากขึ้นจาก Frankincense แน่นอนยังมีความสดชื่นอยู่และมีความเป็นโทนเครื่องเทศสดชื่นติดปร่าเจือในเนื่้อกลิ่นเสียด้วย กลิ่นจะเริ่มมีความรื่นรมย์สบายๆ แบบป่าที่มีความเขียวสลับกับกลิ่นเนื้อไม้ที่มีอากาศเย็นๆ แห้งๆ กำลังดีไปตลอดลากยาวไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่การเปลี่ยนแปลงเริ่มจะมีบ้าง ให้รู้สึกได้ถึงความเป็นไม้หอมแห้งๆ และมีกลิ่นอาย Smoky กำลังดีให้รู้สึกได้ซึ่งก็มาจากหญ้าแฝก เคล้ากับกลิ่นบรรยากาศแบบป่าแห้งๆ เย็นๆ ปนกลิ่นอายเขียวสบายๆ ปนกลิ่นไม้หอมบางๆ และมีกลิ่นของโทนยางไม้เจือไปตลอด กลิ่นจะคุมโทนกลางๆ เป็นอย่างดีในความกึ่งทึมกึ่งสว่างประปราย ให้นึกภาพป่าที่มีหมอกบางๆ และแสงส่องสว่างทะลุต้นไม้ลงมาแบบเป็นจุดๆ ประมาณนั้น ซึ่งถือว่าเป็นกลิ่นที่ได้บรรยากาศเหมือนเดินเล่นในป่าเย็นๆ จากสดชื่นสู่แห้งๆ ได้ลงตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นมาสายบรรยากาศ จึงได้หมดทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้่นไปก็สามารถแล้ว กลิ่นเข้าถึงได้ง่าย แต่ถ้าผ่านกลิ่นอายไม้หอมและกลิ่นโทนยางไม้มาบ้างหรือเป็นคนที่ชอบโทนกลิ่นอายโทนป่าไม้จะเข้าถึงได้ง่ายมากเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ออกกำลังกายยังได้สบายมากเลย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปน่าจะดีกว่า เพราะกลิ่นจะให้ความรู้สึกเย็นๆ สบายๆ ผ่อนคลายและรื่นรมย์ได้ดี ส่วนไปท่องราตรีน่ะเหรอ ตัดไปได้เลย โดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบไปบ้างราวๆ 2 ชม. ก็ถือว่ากำลังดีและลงตัวได้อยู่ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง แล้วลดหลั่นลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6 ชม. ไปแล้วจึงเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นไม่ได้หวือหวานักถ้ามองในแง่ที่ต้องการความแปลกใหม่ของกลิ่น แต่ถ้าให้ความรู้สึกแบบบรรยากาศอันนี้ชัดเจนและลงตัวจริงๆ เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ใช้ง่ายมากเลย เพียงแต่ราคานี่สิ ตัวใครตัวเผือกนะจ้ะ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Fragrantica --> https://fimgs.net/images/perfume/social.40727.jpg



วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: L'Artisan Parfumeur - Explosions d’Emotions: Deliria


L'Artisan Parfumeur - Explosions d’Emotions: Deliria

มาระเบิดอารมณ์กับการสื่อสารผ่านโทนกลิ่นกันต่อเนื่องของไลน์ Explosions d’Emotions จาก L’Artisan Parfumeur ที่ได้เวลาสู่ความแปลกใหม่ที่ผสมผสานความหวานกับความเก๋ได้แบบมีความเฉพาะตัวมากรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจะมาในลักษณะไหนก็ต้องเล่ากันหน่อยกับรุ่นนี้เลย Deliria 

Unique ได้อี๊กกกกกกกกกกก

มันคือการเจอกันของโทนเมทัลลิคที่กลิ่นเป้นโทนๆ โลหะกับกลิ่นโทนหวานออกทางขนม แต่ก็ไม่ได้ขนมมากเพราะยังมีลายเซ็นของความเป็น L’Artisan Parfumeur อยู่นั่นคือความโปร่งในเนื้อกลิ่นที่ไม่ได้ไปสายหวานแน่นข้นคลั่กแต่ประการใด กลิ่นเปิดตัวได้ชวนอึ้งพอสมควรเลยทีเดียวกับความเป็นกลิ่นอายโทนแอปเปิ้ลแดงออกทางไซรัปติดหวานปนเปรี้ยวเจือ พร้อมกับกลิ่นอายแบบโลหะเมทัลลิคออกทางเหล็กที่เจืออยู่แบบชัดเจนมาก และรู้สึกได้ถึงความเป็น Aldehydes ที่มาสายเปรี้ยวสะอาดโปร่งที่ซ่อนในกลิ่นทำให้กลิ่นมีความโปร่งพุ่งพอสมควร กลิ่นที่ได้แบ่งภาคกันได้เป็นอย่างดีทั้งกลิ่นอายโทนผลไม้หวานเจือเปรี้ยวและกลิ่นเหล็กคมๆ แต่ไม่บาดจมูกเพียงแต่จะแปร่งๆ จนทำให้รู้สึกว่ากลิ่นมันหวานแปลกๆ มากจนหลายๆ คนอาจจะ เบือนหน้าหนี พลางบ่นในใจว่า กลิ่นอะไรของมัน หวานปนเหล็กงงๆ 

และความเป็นเมทัลลิคจะยังคุมโทนเด่นต่อเนื่อง (ไปจนถึงช่วงท้าย) โดยในช่วงกลางกลิ่นอายของน้ำตาลสายไหมจะเริ่มเข้ามามีบทืบาทมากขึ้น เรียกว่าตัวเอก 2 ตัวมาเจอกันและต่างเด่นในทางของตัวเอง ซึ่งสายไหมให้ความหวานหอมที่มีชั้นเชิงแบบติดลั่นล้า และกลิ่นของโทนเมทัลลิคโลหะก็จะให้ความคมกำลังดีปนโปร่งๆ ถ้าเปรียบให้เห็นภาพคือสายไหมบนกองฝอยโลหะที่ติดร้อนนิดๆ จนมีกลิ่นออกมา ซึ่งจะมีความเป็นโทนปอเปิ้ลหวานจางๆ ติดขนมนิดๆ เจือให้พอรู้สึกได้อยู่ตลอด ทำให้กลิ่นมันมีความเป็นเอกเทศในตัวเองสูงมากในลักษณะหวานแหลมโปร่งๆ ที่แปลกเก๋ จะหวานก็ไม่ได้จ๋าเพราะมีกลิ่นโลหะมาคลอ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นกับกลิ่นในรูปแบบที่ไม่เคยได้เจอบ่อยๆ แบบนี้ได้ดีมาก แต่บางคนก็อาจจะบอกว่ากลิ่นมันแปลกไปจนคิดว่าไม่เข้ากันเลยแม้แต่นิดเดียวก็เป็นได้ด้วย 

จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความหวานหอมของสายไหมกับความเป็นโทนเมทัลลิคโลหะจะเบาลงมากลิ่นจะหวานแบบโปร่งอ่อนๆ ปนอุ่นเบาๆ เนื้อกลิ่นมีโทนนวลๆ สะอาดๆ ของ Musk และอุ่นๆ ติดไม้หอมกำลังดีรองพื้น แต่สิ่งที่ชัดพอสมควรคือกลิ่นอายแบบเหล้ารัมที่จะเนียนๆ มาให้ความรู้สึกหวานกรุ้มกริ่มติดแอลกอฮอล์ดบาๆ เชื่อมความเป็นโทนหวานและโทนเมทัลลิคที่บางลงมาให้มาเจอกันเป็นเนื้อเดียวมากขึ้น ทำให้ได้ความหวานติดผิวกายแบบสบายๆ แบบไม่ใช่ขนบนิยมที่กลิ่นจะไม่ได้ถึงกับแปลกมากแต่ยังมีความเก๋เนียนๆ หอมรุมๆ หวานเบาๆ ลั่นล้าบางๆ ไปตลอดเรื่อๆ บนผิวนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ตราเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งเอาเข้าจริงมีความค่อนไปทางผู้หญิงราวๆ 65 - 70% ได้ เพราะโทนหวาน แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายๆ เพราะมันโปร่งและกลิ่นอายโลหะนี่แหละที่มันทำให้กลิ่นแอบมีความแปลกกึ่งแมนๆ ไปตลอด ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่งั้นมันจะแปลกไปไม่พอ อาจจะอึดอัดเอาได้ถ้าจมูกไม่ชินกับกลิ่นหวานปนโลหะแบบนี้ ตัดการใส่เพื่อออกงานทางการและใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลย แต่ถ้าใส่แบบทำงาน Office หรือทั่วๆ ไปอันนี้ได้ แปลก เก๋ และมีสไตล์ชัดเจน ส่วนยามค่ำคืนจัดไปใส่ได้สบายมาก ถ้าจะเน้นพรีเซนต์ความเก๋ไม่เหมือนใครเรียกร้องความสนใจอันนี้ได้เต็มและชัดเจนแบบมีชั้นเชิงเสียด้วยนะ ไม่ได้ไก่กา 

ความทน - กลิ่นทนดีงาม พื้นฐานที่ 8 ชม. ได้อย่างสบายมาก ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 4 สเปรย์กดเต็มมิด กลิ่นยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าจะเหวอก็ตอนนี้แหละ แล้วจะค่อยๆ ทำให้เราคุ้นชินไปกับความแปลกเก๋หรือทำให้มองบนหาที่อาบน้ำก็แล้วแต่คนไป ก่อนจจะปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวเบาๆ ค่อนไปทาง Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ถ้าอิงกับประโยคคำโปรยของน้ำหอมรุ่นนี้ว่า Prepare to be thrilled. Your senses will be shaken into a delicious blur - เตรียมพร้อมกับความตื่นเต้นประสาทสัมผัสของคุณจะถูกเขย่าเร้าใจในความอร่อยที่คลุมเครือ มันก็ใช่ตามที่บอกจริงๆ แบบไม่มีข้อโต้แย้งอะไรในความแปลก เก๋ และมีเสน่ห์ในอีกรูปแบบที่ได้ลิ้มลอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Pinterest
--> https://i.pinimg.com/originals/fc/2a/2c/fc2a2c0489aae6a4ba3815971de79f0f.jpg

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Moresque - Fiore di Portofino

Moresque - Fiore di Portofino

Moresque เป็นหนึ่งในแบรนด์ Niche จากอิตาลีที่เพียงแค่เห็นขวดก็สามารถทำให้ร้องออกมาได้ว่า “อู้วหูวววว ขวดสวยเพราะ Concept ของแบรนด์เน้นการ Design ขวดแบบสไตล์อิตาลีที่มีความหรูหรา Luxury ในตัวผสมผสานกับการศิลปะการทำน้ำหอมแบบตะวันออกกลาง โดยมีแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมและสไตล์แนวราชวงศ์ของชาวมัวร์ (ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่แถบไอบีเรียและแอฟริกาเหนือ) ซึ่งที่มาที่ไปก็เรียกว่ามาเต็มขนาดนี้ เมื่อมีโอกาสได้พบเจอมีหรือที่จะไม่จัดหามาลองกันหน่อยว่ากลิ่นอายจะเป็นลักษณะไหน เช่นนั้นก็ลองและมาเล่ากลิ่นกันหน่อยกับรุ่นแรกของแบรนด์นี้ นั่นคือ Fiore di Portofino

เจอคำว่า Portofino เดาได้เลยว่าต้องมาในสไตล์แบบอิตาลีแน่นอนมั่นใจได้ และต้องมีความรู้สึกแบบหมู่บ้านชื่อดังริมทะเลชื่อเดียวกันนี้แน่นอน และก็ต้องบอกว่า ใช่เพราะกลิ่นอายจะมาสายบรรยากาศเสียมาก โดยเปิดตัวกันที่ความเป็น Citrus สดชื่นของเลมอนที่มีได้ความเปรี้ยวเจือหวานปลายจะวูบมาพร้อมกับกลิ่นอายดอกส้มที่ติดเขียวปนเปรี้ยวแต่ก็มีความนวลบางๆ แบบสไตล์ดอกส้มสกัดด้วยไอน้ำ (Neroli) แต่กลิ่นก็จะมีความเขียวนวลปร่านุ่มติด Spicy หน่อยๆ ของโหระพาที่เจือไปตลอด ซึ่งเนื้อกลิ่นเหมือนจะไพล่ไปสาย Citrus ติดฉ่ำแต่เปล่าเลย เพราะกลิ่นโทนเขียวโปร่งอมหวานเบาๆ สไตล์ดอกกระถินเทศสีเหลือง (Mimosa) ติดโทนแป้งบางๆ จะเข้ามาผสมผสานและปล่อยของเร็วพอสมควร เลยทำให้กลิ่นอายในช่วงนี้ไม่ได้มาสาย Citrus แบบแห้งๆ มากกว่าจะเป็นสายฉ่ำแบบที่น้ำหอมอิตาลีมักจะมาสไตล์นี้ แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้อยู่เพราะกลิ่นสร้างบรรยากาศแบบอากาศสดชื่นฟ้ากระจ่างหอมแบบสูดอากาศแล้วหลับตาพริ้มฟินในบรรยากาศริมทะเลและมีความเขียวติดปร่านวลเจือและกลิ่นอายลักษณะโทนดอกไม้จะเริ่มเด่นนำโดนดอกกระถินเหลืองที่ไม่ได้ไปสายหวานโปร่งเลย มีให้พอรู้ว่าเป็นกระถินยังอยู่นะจ้ะ ออกแนวโดนลดทอนลงไปด้วยกลิ่นโทนปร่าๆ เผ็ดๆ กึ่งกานพลูนวลดอกไม้ของดอกคาร์เนชั่นที่มีความเป็นแป้งแบบบางเบาของดอกไอริสให้พอสัมผัสได้ ซึ่งกลิ่นโทน Citrus ติดเขียวนวลในตอนต้นจะยังตามมาอยู่ในช่วงนี้แบบให้ความรู้สึกสดชื่นอยู่ไม่หนีไปไหน แถมมีลูกคู่มารับช่วงเสียด้วยอย่างกลิ่นอายของดอกเจอราเนียมที่ให้ความเป็นกึ่งกุหลาบกึ่งเขียวเปรี้ยวสดชื่นที่ค่อนข้างชัด กลิ่นเลยจะไม่ได้ไปโทนหวานเลย ได้ความเป็น Airy แบบอากาศดีๆ มีความสะอาดติดปร่าแบบอากาศดีๆ มีความเป็นดอกไม้บางๆ ลอยมาให้พอรับรู้ไปตลอดเสียมาก ซึ่งก็ยังคุมโทนความเป็นกลิ่นอายบรรยากาศได้เป็นอย่างดี และยังส่งต่อไปยังช่วงท้ายโดยที่ยังไม่ลดความเป็นกลิ่นอายบรรยากาศที่มีความสดชื่นติดแห้งๆ ปนดอกไม้บางๆ ในอากาศ แต่จะมีความเป็นโทนสะอาดที่มากขึ้น โดยที่มีอายของไม้หอมติดแห้งๆ ที่จับต้องได้กำลังดีรองพื้นอยู่ และสัมผัสได้ถึงกลิ่น Musk ที่บ๊างงงงงบาง กลิ่นติดเค็มจางๆ แต่ก็มีความอบอุ่นแบบอ่อนๆ ให้พอจับต้องได้ ซึ่งแน่นอนยังคุมโทนความเป็นกลิ่นอายแบบปลอดโปร่งเหมือนอากาศดีๆ มีกลิ่นเขียวปร่าปนดอกไม้เบาๆ มีความสะอาดสดชื่นบางๆ เหมือนบรรยากาศยืนบนเขาริมทะเลที่ลมพัดมาแบบกำลังดีสบายๆ ไปตลอดนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex กันอย่างชัดเจนมาก เพราะนอกจากเป็นกลิ่นสายบรรยากาศแล้ว ยังใช้ง่ายมาก เพราะให้หมดทั้งความสดชิื่นสะอาด ความสบายๆ เรียบๆ แต่ติดหรูกำลังดีไปตลอด จึงเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมด ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ลามไปสายออกกำลังกายหรือชิลล์ๆ ก็ไม่หวั่น ส่วนยามค่ำคืนอันนี้ตัวใครตัวเผือก เพราะกลิ่นมันดันมาสายเบาไป โดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - มีความแกว่งอยู่พอสมควร แต่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ราวๅ 4 - 6 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด แต่ถ้าสเปรย์ลงตัวกลิ่นจะทนขึ้นได้อีก เพราะลองแล้วที่ 7 สเปรย์ ลากไปได้ 8 ชม. สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น ให้ความสดชืิ่นได้ลงตัวและปลอดภัยมาก ตามด้วยลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัว ปิดท้ายด้วย Skin Scent ซึ่งชัดเจนเลยว่ามาสาย Safe Scent ปลอดภัยหายห่วง 

ทิ้งท้าย - กลิ่นมีความสบายๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ จริงอะไรจริง แต่อาจจะไม่ได้หวือหวานัก และไม่ได้ไปสายแขกแบบที่มาที่ไปของแบรนด์เสียด้วย ซึ่งเข้าทางเต็มๆ กับคนที่ชอบกลิ่นอายสบายๆ มีความเป็นบรรยากาศไม่พอ ยังเข้ากับคนที่ชอบกลิ่นอายแบบ Safe Scent ที่ติดเรียบหรูได้ดีเสียด้ว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Moresque Parfum’s Website -->
http://www.moresqueparfum.com/images/fioreportofino.jpg

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Prada - Infusion d’Iris Cedre

Prada - Infusion d’Iris Cedre 

หลังจากที่ Prada เลิกผลิตรุ่น Infusion d’Homme ไป ทำเอาคนที่ชอบต่างก็มีความเซ็งกันไปตามๆ กัน เพราะว่าของดีแบบนี้ทำไมเลิกผลิต จนต่างหามาครอบครองก่อนที่จะหาไม่ได้กันให้ควั่ก แต่ในปี 2015 กลับมารุ่นที่เป็นน้ำหอม Unisex เกิดขึ้นมาในไลน์ Infusion d’Iris อยู่ตัวหนึ่งนั่นคือ Infusion d’Iris Cedre กับการบอกเล่ามาว่ากลิ่นอายตัวนี้มีมันคือรุ่นผู้ชายที่เลือกผลิตไปแต่อัพเกรดขึ้นมาเป็น EDP เช่นนั้นมีหรือที่จะไม่พลาด และสิ่งที่ได้รับรู้และประมวลผลออกมาหลังจากได้ใช้งานเต็มๆ คือ 

มันคือการอัพเกรดจริงๆ ด้วยแหละ เพราะเอาความเป็น Infusion d’Homme มายกเซท เพียงแต่เพิ่มเติมความเป็นโทนไม้หอมกับโทนธูป Incense เข้ามามากขึ้น แต่ยังยืนพทื้นที่ลักษณะกลิ่นอายโทนสบู่และแป้งได้อย่างดีงาม ให้กลิ่นมีความลุ่มลึกอย่างลงตัวมากขึ้น โดยกลิ่นเปิดมากับลักษณะโทนแป้งติดดอกไม้ติดจืดอับบางๆ สไตล์ดอกไอริสที่มีความสดชื่นของดอกส้มติดเขียวปนความเป็น Citrus ที่บางมากๆ ประปรายให้รู้สึกได้ ซึ่งความนุ่มยังมีอยู่ให้จับต้องได้แบบกลิ่นอายโทนสบู่แต่จะมีความเข้มข้นขึ้นจากโทนไม้หอมขรึมๆ กลั้วความเป็น Smoky บางๆ ในเนื้อกลิ่นที่รองพื้นอยู่ จะเป็นตัวนำเข้าสู่ช่วงกลาง ที่จะกลายเป็นตัวเด่นมากขึ้นและจับได้ชัดเจนถึงกลิ่นอายของไม้ซีดาร์ ที่มีความโปร่งขรึม กลั้วกลิ่นอายไม้แห้งๆ ผสมผสานความ Smoky ที่กำลังดีไปตลอดจากโทนธูป Incense ซึ่งกลิ่นไม่ได้ไปสายดาร์กแต่ประการใด มาสายสะอาดออกทางโทนสบู่อวลไม้หอมติด Smoky เสียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่สำคัญเทียบเท่านั่นคือ โทนแป้งติดดอกไม้จืดอับบางๆ ที่เป็นลักษณะของกลิ่นอายแบบดอกไอริสที่ชัดเจน แถมด้วยกลิ่นอายติดสดชื่นที่บางเบาเจืออยู่เสียด้วย ซึ่งจะล้อมกลิ่นอายของโทนไม้หอมติด Smoky เรียกว่าเป็นการผสมผสานกันได้ลงตัวไม่พอยังแบ่งเค้กให้รู้สึกได้ทั้ง 2 โทนกลิ่นที่ทำออกมาได้ดีและมีความเรียบหรู และมีระดับ ให้อารมณ์สมาร์ทสีขาวสว่างเรียบหรูเนี้ยบกำลังดีเสียด้วย ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเริ่มกลายเป็นโทนแป้งที่เทคโอเวอร์โทนทั้งหมดมากขึ้นในช่วงท้าย เพราะจะกลายเป็นกลิ่นออกทางแป้งหอมติดนุ่มนวลเซ็กซี่ปนกลิ่นไม้หอมโปร่งได้อย่างลงตัว เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนยางไม้ติด Incense กำลังดีกล่อมโทนแป้งให้มีความอบอุ่นเจือไปตลอด ทำให้กลิ่นมีความดึงดูดและน่าค้นหาแบบโปร่งๆ สว่างๆ อวลๆ ได้ความรู้สึกเซ็กซี่กำลังดีและมีคลาสแบบที่ไม่ต้องจงใจ ได้ความรู้สึกหรูหราติดเนี้ยบน่าค้นหาที่บ่งบอกรสนิยมคนใส่ว่าไม่ธรรมดานั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Prada ตราเอาไว้ว่าตัวนี้เป็น Unisex แต่เนื้อกลิ่นค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าราวๆ 65 - 70% แต่ยังไงสาวๆ ก็ใส่ได้สบายมาก โดยเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งยามทางการที่เข้าทางมาก หรือทั่วๆ ไป ที่จะสร้างความนุ่มนวลปนขรึมเนี้ยบในบุคลิกก็สามารถ ใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายแม้ว่าจะพอได้ แต่ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ไม่งั้นจะอบอวลจนมึนกับความเข้มของกลิ่นที่ตีขึ้นเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ออกงานได้สบาย จะใส่ท่องราตรีแบบมีมาดหน่อยก็สามารถ เพราะจะได้ความเนี้ยบหรูที่ลงตัวและแตกต่าง (แต่อาจจะสู้โทนหวานยั่วทั้งหลายเหนื่อยหน่อยก็เท่านั้นเอง) 

ความทน - กลิ่นทนจัดมากเพราะความเข้มข้นเป็น EDP ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งความทนโดยเฉลี่ย 8 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนตัวเจอสูงสุดที่ 15 ชม. เลย ถือว่ายกนิ้วให้เรื่องนี้เต็มๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลางพักใหญ่ๆ ราวๆ 3 ชม. จะลงมาเป็นออร่ารอบๆ รอบแบบยาวไปจนกว่าน้ำหอมจะพอใจนั่นแล 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้เรียกว่าเป็นการอัพเกรดตามที่บอกข้างต้นไม่พอ ยังเป็นการเอารุ่น Infusion d’Homme มาผสมกับ Infusion d’Iris ได้อย่างลงตัวมากเสียด้วย เลยเป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายที่มีระดับแบบไม่ต้องพูดเยอะสิ่งแต่เอาอยู่ในแง่ของการสร้างบุคลิกทางด้านกลิ่นที่ดีและลงตัว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Amazon.it
-->  https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/61Z9WZYPt7L._SL1000_.jpg