แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Diesel แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Diesel แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563

Review: Diesel - Only the Brave Street


Diesel - Only the Brave Street

ห่างหายจากขวดรูปทรงกำปั้นของแบรนด์ Diesel มานานมากเลยทีเดียว ซึ่งถ้านับดูจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีโอกาสลองทุกตัวของสายนี้เท่าไหร่นัก นอกจากรุ่นต้นตระกูล ตามด้วย Wild และ Tattoo เพราะสายนี้ออกมากันถี่ๆ มากจนขอหมอบยาวๆ และเมื่อได้มีโอกาสกลับมาชะเง้อชำเลืองมองว่ามีอะไรมาใหม่บ้างของรุ่นนี้ ก็สะดุดตากับขวดกำปั้นสีปูนเปลือยที่ชื่อรุ่นลงท้ายด้วยคำว่า Street ไม่น้อย เพราะมีความ Hip Hop อย่างบอกไม่ถูก และก็เป็นไปตามคาด เพราะ

Only the Brave Street มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นมาจากวัฒนธรรม Hip Hop ที่เป็นสาย Street Dance ซึ่งในเมื่อมาสายนี้ ก็ต้องลองกันหน่อยแล้วว่าความเป็น Hip Hop ผ่านกลิ่นที่แบรนด์นำเสนอนั้นจะเป็นอย่างไร

Top Notes ถือเป็นการเปิดตัวแบบที่มีลักษณะกลิ่นออกทาง Bad Boy ปนอบอวลค่อนข้างชัด ซึ่งจะเป็นการผสมผสานกลิ่นโทนมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และสายเครื่องเทศอวลปร่าเผ็ดเย้าอย่างกระวานที่ค่อนข้างชัดมาตั้งแต่เริ่มต้น เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้อวลจัดเกินไปและไม่ได้เป็น Bad Boy จ๋าๆ นัก (ซึ่งถ้ามีลาเวนเดอร์มาร่วมด้วย จะกลายเป็นโทน Bad Boy จัดเต็มแน่ๆ) เลยทำให้กลิ่นค่อนข้างอวลแบบกำลังดีมีความแมนเย้า แถมด้วยการแทคทีมของกลิ่นนวลปร่าอ่อนๆ ของโหระพาและกลิ่นโทน Fruity ติดเปรี้ยวนิดๆ ของแอปเปิ้ลเขียว เลยทำให้กลิ่นมีลูกผสมกึ่งกลางระหว่าง Bad Boy ก็ได้ จะเท่ห์แมนอวลๆ ติดหวานปลายกลิ่นก็ดี ซึ่งก็ได้อารมณ์แบบผู้ชายสาStreet Hip Hop ที่ดูแลตัวเองและมีความ Cool และกลิ่นเปิดมีความทันสมัยแบบน้ำหอมยุคใหม่แนวๆ เดียวกับพวก Azzaro Wanted หรือ Paco Rabanne Invictus Intense อยู่พอสมควร

เพียงไม่นานกลิ่นอายความอวลจะเริ่มเบาลง แต่จะมีกลิ่นไม้หอมติดสมุนไพรเจือหวานเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนจับกลิ่นได้เลยว่าเป็นกลิ่นชะเอม ก็จะเป็นการเข้าสู่ Middle Notes ซึ่งกลิ่นจะผสมผสานกับโทนกลิ่นในช่วงต้นทำให้ได้โทนกลิ่นเป็นโทนไม้หอมเจืออวลเครื่องเทศกำลังดี มีความหวานเครื่องเทศเคล้าเนื้อไม้ตามลักษณะของชะเอมแบบที่มีกลิ่นกระวานเป็นตัวรับลูกพร้อมกับกลิ่นในช่วงต้นที่ยังตามมาในช่วงนี้ ซึ่งทำให้กลิ่นยังคุมโทนกลิ่นแบบแมนๆ อวลๆ ติดเท่ห์ที่เบาลงมา แต่มีความหวานติดปลายกลิ่นที่ชัดขึ้น โดยที่ไม่ได้หนักหน่วงหรือคมบาดแต่อย่างใด และเพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องความอบอุ่นของโทนวานิลลาที่เนียนแทรกเข้ามาตามลำดับ กลิ่นในช่วงนี้เลยจะแบ่งภาคกันพอสมควรเพราะจะได้ทั้งโทนสมุนไพรแบบไม้หอมเครื่องเทศหวานเย้าเคล้ากลิ่นวานิลลาเนียนๆ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์กลิ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมันจะไม่ใช่ Bad Boy จ๋าๆ แล้ว แต่จะเป็นโทนกลิ่นอวลมีเสน่ห์ติดเท่ห์ที่มีความคูลเจือหวานเฉพาะตัวจนเมื่อเริ่มสัมผัสถึงกลิ่นไม้หอมโปร่งขรึมๆ ปนไม้แห้งๆ ที่มาจา่กไม้ซีดาร์และหญ้าแฝก สถานะช่วงของกลิ่นเลยเปลี่ยนแปลงเป็น Base Note ที่จะเป็นช่วงไม้หอมเด่นคลอด้วยวานิลลาที่ติดอวลอุ่นกำลังดี และยังคงเสริมโทนด้วยกลิ่นนวลหวานปลายกลิ่นออกทางเครื่องเทศที่เหลือเพียงเบาบางและประปราย กลิ่นจะได้ความอวลอุ่นอ่อนๆ สบายๆ เรื่อยๆ ลุค Cool อยู่เช่นเดิมตั้งแต่ต้นยันปลาย ซึ่งแน่นอนว่าภาพรวมของกลิ่นถือว่าสื่อสารความเป็นโทนสาย Hip Hop ที่ไม่ได้ดูทะมึนมากเกินไป มีความโปร่งมากพอเข้ากับสไตล์แบบ Street Hip Hop ในที่แจ้งได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมาสายทันสมัย เข้าทางแมนๆ มีความ Hip Hop ที่ไม่หนักหน่วง ยิ่งถ้าใครพื้นเพเป็นสาย Hip Hop อยู่เดิม ใส่ตัวนี้เสริมออร่า Hip Hop ได้เลย ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วไป ซึ่งเอาจริงๆ ก็ใส่ทางการได้อยู่ แต่กะจำนวนสเปรย์ให้เหมาะสมจะดีที่สุด รวมถึงสามารถใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย (ที่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า) ได้ด้วย ตลอดจนสามารถใช้ยามค่ำคืนที่เพิ่มจำนวนสเปรย์หน่อยก็ออกลุยได้แล้ว เรียกว่าครอบจักรวาลพอสมควร เพียงแต่ไม่ได้ทางการจ๋าๆ นักก็เท่านั้นเอง

ความทน - อยู่ที่ประมาณ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอที่ีราวๆ 10 ชม. ได้เลย กับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น เปิดมาด้วยความอบอวลกันอย่างแท้ทรู แต่พอเข้าช่วงกลางจะลดทอนลงมาปานกลางไวหน่อย ก่อนค่อยๆ ผ่อนลงไปที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6 ชม. ก็เริ่มเข้าโซน Skin Scent กันยาวๆ ไป

สรุป - ต้องบอกว่ากลิ่นช่วงเปิดอาจจะจำเจและไม่หวือหวานัก เพราะกลิ่นอายสายแมนๆ ในช่วงปลายยุค 2010 มักจะมาในโทนที่ใกล้ๆ กันแบบนี้ แต่สิ่งที่แตกต่างและฉีกออกมาได้ดี คือการเอาความเป็นชะเอมที่ให้ความเป็นเครื่องเทศสมุนไพรติดหวานปนกลิ่นเนื้อไม้นี่แหละ ที่ทำให้กลิ่นนี้มีความ Cool และเข้าทางลักษณะ Hip Hop ได้ดี โดยไม่ได้ดูร้าย Bad Boy เกินไป ซึ่งแน่นอนว่าใช้งานไม่ยาก รวมถึงยังมีความเป็นกลิ่นอายสมัยนิยมที่ยังไงก็ไม่ตกยุคไปอีกยาวๆ

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.chemistwarehouse.com.au/buy/89418/diesel-only-the-brave-street-eau-de-toilette-75ml-spray


วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Diesel - Plus Plus Masculine

Diesel - Plus Plus Masculine

ขวดนมขวดนี้เห็นครั้งแรกแบบว่า Diesel ทำของกลิ่นด้วยเหรอ มีนมพลาสเจอร์ไรส์ด้วย แต่ที่ไหนได้มันคือความเก๋ของการทำ Package ที่เอาขวดนมแบบนี้มาเป็นน้ำหอม แถมมีทั้งรุ่นผู้หญิงและผู้ชายเสียด้วย ซึ่งแน่นอนไม่ได้เห็นในบ้านเราแล้ว เพราะผู้นำเข้าเอารุ่นอื่นมานำเสนอแทนเสียมาก เช่นนั้น จึงขอมาเล่ากลิ่นกันหน่อยดีกว่าว่าขวดนมขวดนี้ในรุ่นของผู้ชายในชื่อรุ่นว่า Plus
 Plus Masculine กลิ่นจะมาในลักษณะไหน 

Top Notes เปิดมาก็ได้อารมณ์ของความเป็นส้มเคล้าความเป็น Citrus แบบไม่ได้ส้มจ๋าๆ มีความเป็นโทนสังเคราะห์เคล้าความเป็นโทนครีมๆ นวลๆ ซ่าๆ ที่มาจากเม็ดผักชีในเนื้อกลิ่น ได้อารมณ์สไตล์ครีมส้มติดซ่าวูบขึ้นมากึ่งสดชื่นกึ่งครีมนวล เพียงชั่วขณะถัดมาความชัดเจนของโทนครีมมี่จะมากขึ้น ได้ความเป็นกลิ่นอายแบบนมเปรี้ยวรสส้มวูบขึ้นมาเลย และจะยืนพื้นที่กลิ่นนี้อย่างชัดเจนใน Middle Notes กับการเป็นกลิ่นสไตล์นมเปรี้ยวรสส้มแต่ไม่ได้ออกทางนมเปรี้ยวจ๋าๆ จนแบบว่าเอานมเปรี้ยวสาดตัวขนาดนั้น เพราะกลิ่นโทนเครื่องเทศเย้ายวนจะตีคู่เด่นขึ้นมาให้ความดึงดูดชัดเจนด้วยกับกลิ่นอายของอบเชยติดครีม มีความเแ็นกระวานให้ความหวานเซ็กซี่กำลังดี รวมถึงมีความหวานนวลออกทางโทนแป้งซึ่งน่าจะมาจากไวโอเล็ตเชื่อมต่อระหว่างโทนครีมมี่นมเปรี้ยวกับเครื่องเทศให้กลายเป็นกลิ่นนุ่มอบอุ่นติดสดชื่น กลิ่นจะกลางๆ คงความเป็นโทนกลิ่นนมรองพื้นได้ลงตัวจนเมื่อมีกลิ่นไม้หอมนวลๆ ติด Spicy อบอุ่นเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มจับได้ชัดเจนว่ามีกลิ่นของไม้จันทน์หอมที่มีความเผ็ดนวลกำลังดีจากโทนเครื่องเทศเผ็ดปร่าติดไม้หอมอย่างเม็ดจันทน์เทศเคล้ากับกลิ่นครีมมี่ของถั่วตองก้าที่ให้ความรู้สึกแบบนมรองพื้นบางๆ ครีมๆ และมีความเย้ายวนชวนคลุกวงในของอบเชยที่ยังตามมาเด่นอยู่ในช่วงนี้ด้วย กลิ่นจะผสมผสานกันเป็นกลิ่นไม้หอมติดนมที่มีความอบอุ่นเย้ายวนและดูไม่หนักหน่วง มีความหวานจางๆ ให้จับได้ให้ความน่ารักและวัยรุ่นได้กำลังดีแบบผู้ชายน่ากอดได้น่าสนใจเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถ กลิ่นมีความเป็นวัยรุ่นระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ได้ทั้งใส่ทำงานใน Office ใส่เรียน หรือทั่วๆ ไป แต่ถ้างานทางการจัดๆ หรือต้องพบปะผู้คนสำคัญ เว้นตัวนี้ไปจะดีกว่า นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นใส่ออกกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะพอได้อยู่ ส่วนยามคำคืน อัดสเปรย์หน่อยออกไปปล่อยของได้ เพราะกลิ่นถือว่าเข้าทางกับกลางแจ้งได้ในระดับหนึ่งเลย 

ความทน - ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 ชม. จำนวนสเปรย์ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะกลายเป็น Skin Scent ให้ความรู้สึกติดนมๆ ในตอนท้าย 

ทิ้งท้าย - ยกนิ้วให้ขวดที่มีความเก๋เป็นของตนเองแบบขวดนมเลย Diesel จับตรงนี้มาเป็นจุดขายได้ยอดมาก และเสียดายที่หายไปจากไทยแล้ว 

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/61%2Bblj0MAvL._SL1000_.jpg



วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Diesel - Bad

Diesel - Bad

วางตลาดได้ระยะหนึ่งกับน้ำหอมชายของ Diesel เมื่อกลางปี 2016 พอเห็นขวดมีความอยากได้ในแรกเริ่มแล้ว ตามด้วยเห็นชื่อรุ่น แหม เข้ากัํ๊น เข้ากัน เพราะอยากเสริมความเป็น Bad ขึ้นมาทันที เพื่อความเป็น Bad Boy ที่ต้องมีคนได้กลิ่นแล้วกรี๊ดกร๊าด (ซึ่งกรี๊ดว่าฉุนหรือว่าหอมก็ว่ากันอีกที) สบโอกาสจัดไปอย่าได้เสีย ต้องมาลองกันหน่อยว่ากลิ่นในสไตล์ความ Bad ของขวดนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

เปิด Top Notes มาก็เรียกว่าขนความเรียกแขกปล่อยของแรงกันมาเลยทีเดียวเพราะความเป็น Citrus กลั้วเม็ดกระวานที่มีกลิ่นอายของลาเวนเดอร์แบบโดนเกลามาจนมีความนุ่มนัวเจือแบบรองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นจะมีความแน่นจัดเต็มไม่สนสิ่งใด เพราะความเป็นกระวานที่มีความหวานยั่วกับ Citrus ติดขมนิดๆ ของมะกรูดจะมาชัดและนัวกันมาตั้งแต่ต้นแบบเดินมาจะรู้เลยว่าใครใส่น้ำหอม ที่สำคัญจะจับได้ว่าพื้นฐานกลิ่นแน่นๆ ที่ได้รับนั้นจะมีกลิ่นของหนังที่ติดเค็มๆ กับหวานดึงดูดโปร่งๆ ของยาสูบผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นนี้จะอยู่ไปต้นถึงช่วงท้ายเลย แต่ลดหลั่นลงมากลายเป็นสายสนับสนุนชั้นดีในช่วงต่อๆ ไป โดยใน Middle Notes กลิ่นของหนังที่เริ่มดันขึ้นมาให้ความรู้สึกแบบเท่ห์ๆ กลิ่นจะไม่ได้มาหนักหน่วงจนมีความเป็น Animalic มากจนเกินไป เจือความเค็มๆ หน่อยๆ เสียด้วย ซึ่งลาเวนเดอร์จะยังคงเป็นตัวช่วยให้กลิ่นมีความแน่น เจือด้วยความเป็นเครื่องเทศโทนหวานอุ่นร้อนเข้ามาเสียด้วย กลิ่นช่วงนี้เลยเป็นช่วงของความนัว เย้ายวนและแสดงความเป็นผู้ชายที่มีความเป็นเมโทรติดห่ามในระดับหนึ่งพร้อมเรียกเรตติ้งผ่านกลิ่นกันชัดเจนเพราะยังคงความปล่อยของกันไม่ยั้ง แล้วจะเริ่มสัมผัสได้ว่ายาสูบค่อยๆ เข้ามาปล่อยของพร้อมกับเอาความเป็นโทนแป้งติดอับเซ็กซี่เข้ามาด้วย ซึ่งเป็นการนยำเข้าสู่ Base Notes กันอย่างชัดเจน กลิ่นในช่วงนี้จะมาสายเซ็กซี่ดึงดูดให้ชวนซบ เพราะความเป็นโทนเซ็กซี่ของยาสูบเคล้ากับแป้งแน่นๆ เสริมด้วยความเป็นหนังนวลๆ ที่เค็มๆ จะมีกลิ่นไม้หอมที่มาแบบอวลเบาๆ ติดขรึมมาทำให้กลิ่นมีมิติที่มีความเป็นผู้ชายติดอบอุ่นเคล้าเร่าร้อนกำลังดีเลย กลิ่นจะมีความอบอวลรุมๆ ไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบาย เพราะกลิ่นไม่ได้ถึงกับมาสายผู้ใหญ่จ๋ามาก มาแบบที่มีความเป็นวัยรุ่นที่มีความเป็น Bad Boy กันเลย กลิ่นนี้ถือว่ามาเต็มควรจะต้องใช้จำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม ไม่งั้นเดี๋ยวจะจุกคอหอยกันเอาได้ ซึ่งจะเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวัน ที่จำกัดสเปรย์ ไม่เหมาะกับงานทางการทุกประเภทกลิ่นหนักไป และร้อนแรงไปหน่อย รวมถึงตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางแลจะฆ่าชาวบ้านเอา แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไปจำกัดสเปรย์ ดูเท่ห์และเมโทรได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่เพื่อออกงานแนวๆ งานเลี้ยงจำนวนสเปรย์กำลังดีจะเหมาะมากเผลอๆ มาสายแย่งซีนได้อยู่ แต่ถ้าใส่เพื่อท่องราตรีกลิ่นนี้เรียกว่ามีความพร้อมรบ แสดงตัวชัดเจนว่ามาเพื่อเรียกเรตติ้งให้คนหันมาสนใจเลยล่ะ

ความทน - เรียกว่า Diesel ไม่ทิ้งลายเรื่องนี้เลย ทำได้ดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เพราะ 8 ชม. แล้วกลิ่นยังคงปล่อยของอยู่ชัดเจน ซึ่งส่วนตัวเจอลากยาวไปจนถึ12 ชม. เลยกับการใส่ไปที่ 5 สเปรย์

การกระจาย - อันนี้ก็ไม่ทิ้งลายไอ้เสือแต่อย่างใด เพราะว่าจัดเต็มตั้งแต่ยกแรกเลย เพราะกระจายดีและหนักมาก อาจจะคมฟุ่งไปหน่อยถ้าไม่ชินจะเหวอและผงะ ก่อนที่จะลดลงมากระจายดียาวไป แล้วเป็นกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวชัดเจน 

ทิ้งท้าย - กลิ่นมาเต็มเป็น Bad Boy สมกับชื่อรุ่น ซึ่งแม้ว่ากลิ่นแนวๆ นี้ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรมากถ้าเทียบกับน้ำหอมโทน Bad Boy เจ้าสำราญในแบบที่หลายๆ แบรนด์ทำอย่าง Paco Rabanne หรือว่าน้ำหอมโทนกลางคืนของผู้ชายหลายๆ ตัวกับการเป็น Designer Brand แต่ก็ถือว่า คงลายเซ็นความเป็นน้ำหอมของ Diesel ที่จะมีความเท่ห์แฝงอยู่ในเนื้อกลิ่นได้ดีมาเสมอ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Diesel - http://bad.diesel.com/images/share.jpg

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Diesel – Fuel for Life Spirit


Diesel – Fuel for Life Spirit 

ถ้าบอกว่าตัวเทพของไลน์ Fuel for Life ของผู้ชายในด้านความทนถึกอึดกระจายกว้านไปหมดทุกช่วงตัวนี้ คงต้องยกให้ตัวล่าสุดที่พึ่งออกมาเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาอย่าง Diesel Fuel for Life Spirit ตัวนี้เลย เพราะว่ามาเต็มจัดหนักมาก เริ่มที่ 

Top Notes ปล่อยของกันเต็มๆ กับความเป็นเครื่องเทศกลั้วความเป็นซิตรัสของมะกรูด ซึ่งเอาจริงๆ ซิตรัวคือองค์ประกอบเท่านั้นเองให้กลิ่นมีความสดชื่นหน่อยๆ แต่ความเป็นเครื่องเทศจะมาเต็มสุดๆ เลยกับกลิ่นของอบเชย ซึ่งกลิ่นนี้จะเด่นตามไปยังทุกช่วงเลย โดยผ่านไปไม่นานก็เข้าช่วง Middle Notes กับความเป็นแป้งของไอริสที่จะมาแบบเคล้ากลิ่นอายสดชื่นของดอกส้ม ซึ่งแน่นอนความหวานเย้าของอบเชยตามมาแบบไม่ลดราวาศอก เรียกว่าพอผสมคลุกเคล้าจนเข้ากันเลยกลายเป็นโทนหวานเย้ายวนของอบเชยกลั้วแป้งติดดอกส้มแบบนวลๆ แฝงไปด้วยความอบอุ่นรองพื้น กลิ่นช่วงนี้เรียกว่าเป็นการผสมความเป็น Floral Oriental อย่างชัดเจน มีความแน่นในเนื้อกลิ่นสูงมาก แล้วกลิ่นอายอบอุ่นจะเริ่มฉายแสงขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้า Base Notes ที่กลิ่นอบอุ่นของแอมเบอร์จะมากลั้วกับกลิ่นของไม้หอมแบบแน่นเท่ห์ แต่จะรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายของโทนธูปหอมติดกลิ่นอบเชยที่ยังตามมาอยู่ กลิ่นอายจะมีความแมนเท่ห์อบอุ่นติดหวานเย้าแบบนวลแน่นอยู่ไม่หนีไปไหนเลยล่ะ ต้องยกนิ้วให้ตัวนี้เลย มาแรง มาเด็ด และเอาจริง

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยมหาลัยก็ใส่ได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องผ่านน้ำหอมแน่นๆ มากันซักหน่อยจะรับตัวนี้ได้ กลิ่นจะไม่ได้เหมาะกับช่วงกลางวัน ยืนกลางแจ้งอากาศร้อนหรือออกกำลังกายนักเพราะเอาตายรอบทิศ แต่จะเหมาะกับการใส่อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ฉ่ำๆ ใส่ออกงานทางการได้อยู่ในสเปรย์ที่เหมาะสม เพราะกลิ่นมีความอบอุ่นสูงมาก และแอบเย้ายวนเซ็กซี่ด้วย ส่วนยามทั่วๆ ไปใส่ได้อยู่แบบจำกัดสเปรย์ ยกเว้นอากาศหนาวๆ อัดได้ตามสะดวก ยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นนี้เรียกร้องความสนใจได้ดีมากกกกกตัวนึงเลยทีเดีย 

ความทน มากกกกกกกกก คือทนกว่าต้นตระกูลอีก ยาวนานไปถึง 15 ชม. แล้ว กลิ่นยังตีขึ้น 

การกระจาย โคตรกระจาย บอกแบบนี้เลยดีกว่า กลิ่นเปิดตีขึ้นแบบหนำใจไม่พอ ช่วงกลางเอารอบทิศกระจาย พอมาช่วงท้ายๆ จึงลดมากระจายดี ปานกลาง และออร่ารอบๆ ตัวตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย ตอนเทสว่าแรงแล้ว ใช่จริงแรงยิ่งกว่า กลิ่นเป็นบาเรียหุ้มรอบตัวประมาณเมตรนึงได้เลยบนผิวผม เพราะเจอคอมเม้นต์มาจากคนแปลกหน้า ขนาดใส่ในวันอากาศเย็นจัดยังกระจายดีขนาดนี้ ถ้าอากาศร้อนๆ คงฆ่าตายหมดแหงแซะ ของเขาแน่จริงๆ ครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.punmiris.com/himg/o.19293.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Diesel – Only the Brave Tattoo


Diesel – Only the Brave Tattoo

Flanker อีกหนึ่งตัวจากน้ำหอมขวดทรงกำปั้นของแบรนด์ Diesel ที่จะมาแบบเข้มเท่ห์เท่าสีขวดหรือไม่ แล้วจะสื่อถึงคำว่า Tattoo อย่างไร ลองมาว่ากันที่รุ่นนี้ครับ Only the Brave Tattoo 

จากรุ่นต้นตระกูลที่บอกถึงความสดชื่นยามเช้าค่อนกลางวัน รุ่น Wild ที่บอกถึงความหอมหวานของป่าเขตร้อนติดชุมชนเมือง (ที่ออกผลไม้ไปหน่อย) ก็มาถึงความเข้มหวานของยามค่ำคืนแบบเท่ห์ๆ กันบ้าง เพราะเปิดต้นกลิ่นกันด้วยกลิ่นที่เรียกแขกกันตั้งแต่เริ่มต้นเลยกับกลิ่นของแอปเปิ้ลแดงกลั้วสั้มที่จะหอมสดชื่นติดหวานฉ่ำของผลไม้กันชัดเจนตั้งแต่ต้น และบอกเลยว่ากลิ่นนี้จะตามติดไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของน้ำหอมเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงกลางกลิ่นของพริกไทยจะขึ้นมาผสานกับโทนผลไม้ทำให้กลิ่นแน่นขึ้นโดยมีโทนวู้ดดี้รองพื้นเบื้องหลังให้รู้สึกได้ กลิ่นในช่วงนี้เริ่มสื่อถึงความแมนและหวานได้ลงตัวไม่น้อย ที่สำคัญในช่วงนี้จะมาความเซ็กซี่เย้ายวนค่อยๆ ปล่อยของทีละนิดๆ โดยเริ่มมีกลิ่นยาสูบมาทีละหน่อยจนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะมาเต็มเลยทีเดียว โดยจะมีกลิ่นกำยานที่มาเต็มมากขึ้น ให้โทนหวานกลั้วกับกลิ่นผลไม้ในช่วงต้น ซึ่งบอกเลยว่าไฮไลท์อยู่ที่ช่วงนี้เต็มๆ เพราะจะเย้ายวนและเซ็กซี่มาก แถมมีกลิ่นนุ่มเย้าดึงดูดของพิมเสนมาตอกย้ำเข้าไปอีก กลิ่นภาพรวมจะไล่ระดับกันมาให้ความรู้สึกทั้งหวานแน่น สดใส ขี้เล่น เซ็กซี่ กรุ้มกริ่ม มาครบ บอกอารมณ์ของ Bad Boy ได้กำลังดี เรียกว่าต่อยอดมาจากรุ่นปกติได้ดีเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป เพราะกลิ่นบ่งบอกถึงความเป็นวัยรุ่นได้เป็นอย่างดีเลยกับโทนผลไม้หวานๆ ในตัวนี้ สามารถใส่ได้หลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันกับจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม เพราะมากเกินไปเดี๋ยวชาวบ้านจะมองหน้าเอาเพราะกลิ่นมันแน่นอยู่ไม่น้อย และไม่ควรใส่ออกกำลังกายนัก ส่วนยามกลางคืนนี่เข้าทางเลย จัดไปได้เลย กลิ่นเย้ายวน Sexy ดึงดูดมากเลยทีเดียว

ความทน – 8 ชั่วโมงสบายๆ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย – กลิ่นกระจายได้ดีมากในช่วงต้น คือคนรอบข้างจะรู้เลยเพราะกลิ่นแอปเปิ้ลฉ่ำๆ หวานๆ กระจายเต็มมาก และกลิ่นจะยังคงกระจายดีไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่จะลดมาเป็นออร่าดึงดูดรอบๆ ตัวแทน

ทิ้งท้าย – แม้ว่ากลิ่นนี้จะออกทางคล้ายๆ Paco Ranbanne – Black XS พอสมควร แต่จะไม่ได้ออกทางขี้เล่นจัดจ้านมากขนาดนั้นครับ ออกทาง Bad Boy ติดหวานเสียมากกว่าครับ

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Diesel – Only the Brave Wild


Diesel – Only the Brave Wild

รุ่นปกติเคยพูดถึงไปกันแล้วสำหรับน้ำหอมขวดทรงกำปั้นสุดเท่ห์ของแบรนด์ Diesel ที่ถือว่าบ่งบอกถึงความเป็นน้ำหอมผู้ชายจัดเต็มแมนๆ เที่ยวป่ากันอย่างมาก จากรุ่นปกติสู่การแตก Flanker ออกมาก็ยังคง Concept เดิมไม่มีผิดเพี้ยนเลยจริงๆ เช่นนั้น เลยขอมาแตะกับความแมนในรุ่นนี้เลยครับ Only the Brave Wild 

เห็นขวดครั้งแรก ผมนึกถึงน้ำหอมแมนๆ แบบพี่ทหารที่กลิ่นจะออกทางป่าเขาลำเนาไพรสดชื่นแน่ๆ แต่ปรากฏว่า “ไม่ใช่จ้า” เพราะ Top Notes นี่มาเต็มเลยกลิ่นมะม่วงสุกฉ่ำๆ โรยพริกไทยกลั้วกับโทนซิตรัสจางๆ แอบมีกลิ่นตะไคร้เบาๆ แบบว่า เฮ้ย! มัน Wild จริงๆ เหรอ แบบว่าสอยมะม่วงกินในป่าหรือเปล่า ช่างมันเหอะ ยิ่งคิดยิ่งงง ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้มะม่วงจะชัดจริงชัดจังแบบที่ว่าไม่มีในโน้ตแต่มะม่วงมาเต็มซะอย่างใครจะทำไม จนเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นมะม่วงสุกจะเริ่มผันเป็นตัวรองพื้นแบบครีมมี่ และมีลาเวนเดอร์เข้ามาเด่นเด้งกับเขาด้วยก็ทำให้กลิ่นนุ่มขึ้น แกล้มด้วยมีกลิ่นอายเย็นๆ ของลูกจันทน์เทศให้รู้สึกได้ ซึ่งก็พอถูๆ ไถๆ เข้าสู่การเป็น Wild พอให้รู้สึกได้บ้าง จนปิดท้ายกันที่ Base Notes ที่กลิ่นมะพร้าวนี่มาเต็มเลย แต่ไม่ใช่มะพร้าวแนวๆ แบบกะทินะครับ เพราะมีกลิ่นของ Oak Moss มาตัด และมีโทนวู้ดดี้ของซีดาร์มาแซมๆ กลิ่นเลยจะให้อารมณ์มะพร้าวเขียวๆ ติดวู้ดดี้ และมีกลิ่นอายคล้ายน้ำมะพร้าวพอสมควร ประมาณว่าดำรงชีพในป่าใหญ่ด้วยการเฉาะมะพร้าวกิน ซึ่งใครที่ชอบกลิ่นมะพร้าวจะปลื้มได้ไม่ยากครับ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คำว่า Wild เท่าไหร่นัก แต่ถ้าความแมนน่ะใช่เลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นใช้ง่ายในชีวิตประจำวันมาก อาจจะทำให้หิวหน่อยในช่วงแรก เพราะมะม่วงสุกมาเต็มนิดนึงในช่วงต้น สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เช่น ทำงาน เรียน เที่ยวแบบ adventure หรือชิลล์ๆ ออกกำลังกายอยากให้รอช่วงเบสก่อน ส่วนเที่ยวกลางคืนกลิ่นไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ อาจจะโดนเหล้ากลบได้อยู่

ความทน – ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย – กระจายดีเลยทีเดียวเชียวในช่วงต้น และจะลดระดับเรื่อยๆ ลงมาจนกลายเป็นออร่าบางๆ รอบตัวกับกลิ่นมะพร้าวติดเขียว หรือเป็น Skin Scent ไปเลย แล้วแต่สภาพผิวผู้ใส่ครับ

ทิ้งท้าย – ยามผมฉีดตัวนี้ จะโดนทักทุกทีว่า “กินมะม่วงสุกหรือไม่ก็ไปเฉาะมะพร้าวมาเหรอ” 555555 เช่นนั้น คนรักมะม่วงกับมะพร้าวน่าจะถูกใจตัวนี้ไม่ยากครับ

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Diesel - Only the Brave


Diesel - Only the Brave 

ขวดทรงกำปั้นเป็นเอกลักษณ์สุดๆ แบบนี้มี Diesel นี่แหละครับที่ทำออกมาได้สุดเท่ห์ขนาดนี้ แถมถือว่ารุ่นที่จะมาบอกเล่ากันนี้เป็นอีกหนึ่งในรุ่นที่ยอดฮิตมากสำหรับแบรนด์นี้ ออกลูกออกหลานมาก็พอสมควรแล้วด้วย ที่สำคัญกลิ่นเข้าถึงง่ายใช้ง่ายแบบแมนๆ เตะบอลกันเสียด้วยนะนั่น

ซึ่ง Only the Brave จะเปิดตัวกันด้วย Top Notes ที่เป็นโทนซิตรัสหวานๆ (งงไหมนั่น) มันไม่ออกกลิ่นเปรี้ยวคมๆ สดชื่นเลย มันออกทางเปรี้ยวอมหวานมากหน่อยเท่านั้นเองกับกลิ่นของเลมอนกลั้วส้มจีน กลิ่นช่วงนี้สามารถสร้างความประทับใจให้กับคนที่ดมกลิ่นได้ในทันทีจนสามารถเสียเงินซื้อได้เลย จนเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นเปรี้ยวอมหวานในตอนต้นจะเริ่มเสริมความสดชื่นด้วยเม็ดผักชี แต่จะแน่นขึ้นมาด้วยกลิ่นออกทางแป้งหอมนุ่มๆ ทำให้ได้อารมณ์ละเมียดแมนๆ สะอาดๆ เซ็กซี่แบบธรรมชาติกำลังดี และจะมาปิดท้ายที่ Base Notes กับกลิ่นโทนหวานอบอุ่นกันเลย เพราะกลิ่นของแอมเบอร์กลั้วหนังจะมาเต็มมาก กลิ่นจะอบอุ่นนุ่มๆ ไปตลอด ได้อารมณ์แบบผู้ชายอบอุ่นกล้ามกำลังดีน่าซุกยังไงยังงั้น แต่ไม่พอเพิ่มความหวานด้วยกลิ่นของกำยานเข้าไปอีก เช่นนั้นเลยได้ความเย้ายวนเซ็กซี่เสริมความอบอุ่นตอนต้นแบบเต็มที่ เช่นนั้นเลยได้หมดเลยทั้งความสดชื่นตามด้วยความสะอาดนุ่มหวาน และปิดท้ายด้วยความอบอุ่นเซ็กซี่ ครบเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่ายแบบมีระดับไม่ได้เป็นตัวสดชื่นแบบเกร่อๆ เหมือนตัวยอดนิยมหลายตัวในตลาด สามารถใส่ได้ครอบจักรวาลครบหมดทั้งกลางวันและกลางคืนได้ทุถสถานการณ์เลยทีเดียว เก๋ไหมล่ะ

ความทน - ประมาณ 8 ชั่วโมง บวกลบไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น และจะลดลงมากระจายดีเลยทีเดียวในช่วงกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่เป็นออร่าหุ้มรอบตัวแบบหวานเซ็กซี่อบอุ่นในช่วงท้ายหรือเป็น Skin Scent แล้วแต่ประเภทของผิวผู้ฉีด

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งตัวที่เรียกได้เลยว่าเป็น #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เพราะกลิ่นหอมในตัวโดยไม่พึ่งเคมีอะไรมาก ใครที่คิดว่า Fuel for Life หวานไป แต่ยังอยากใช้แบรนด์ Diesel อยู่ ตัวนี้ตอบโจทย์ครับ

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Review: Diesel - Fuel for Life Homme

Diesel - Fuel for Life Homme

ถ้าจะถามว่าน้ำหอมกลิ่นไหนของแบรนด์ Diesel ฝั่งผู้ชายที่เป็นตัวยอดนิยมมาเสมอ แม้จะมีกลิ่นลูกหลานออกมาก็ยังคงความเป็นที่นิยมได้มาตลอด คำตอบที่มีง่ายๆ เลย ก็ควรจะต้องชี้ไปที่กลิ่น Fuel for Life Homme ที่เป็นขวดมีผ้าแคนวาสสีกากีเข้มกึ่งสีกระสอบหุ้มนั่นเองที่เรียกว่าแม้จะออกมาอีกกี่ Line กลิ่นนี้ก็ยังเป็นตัว Top ของแบรนด์มาเสมอ

สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การที่มีชื่อกลิ่นว่า Fuel for Life นี่แหละที่ถ้าอ่านเผินๆ ก็คงจะคิดว่ากลิ่นจะต้องแมน จะต้องเข้ม จะต้องเท่ห์ ตามสไตล์ของเครื่องแต่งกายแบบ Diesel แต่จริงๆ แล้วมันคือการ Twist เสียมากกว่าว่าการเติมเชื้อเพลิงที่ให้พลังทางกลิ่นสู่การใช้ชีวิต มันไม่จำเป็นต้องตะบี้ตะบันเข้มเท่ห์ แต่ความหวานต่างหากที่น่าจะเป็นเสน่ห์ในการเติมพลังให้ชีวิตได้ ซึ่งกลิ่นนี้ก็สื่อสารออกมาในความหวานที่แตกต่างได้อย่างน่าสนใจเช่นนี้

Fuel for Life Homme จะเปิดตัวมาด้วยความหวานของเม็ดเทียนสัตตบุษย์หรือ Anise ที่ให้ลูกครึ่งกึ่งการเป็นชะเอมแต่ไม่ได้กึ่งโทนไม้แบบชะเอมมากนัก ซึ่งจะให้ความหวานติดเครื่องเทศปร่าอ่อนๆ ระเรื่อเคล้ากับกลิ่นราสเบอร์รี่ที่จะเข้ามาเสริมให้โทนหวานหอมอารมณ์แบบกึ่งจะเป็นขนม แต่ไม่ขนาดนั้นเพราะเนื้อกลิ่นมีความโปร่งให้จับต้องได้ และที่สำคัญกลิ่นไม่ได้ตะบี้ตะบันสร้างความหวาน เพราะจะมีโทนสดชื่นแกมสว่างของเกรปฟรุตที่ให้ความเปรี้ยวสดชื่นติดแปร่งหน่อยๆ ที่สร้างความสดชื่นเข้ามาเสริม ทำให้ช่วงเปิดอารมณ์กลิ่นจะเป็นหวานสดชื่นสว่างๆ โปร่งๆ ที่ไม่ได้ข้นหนักมากนัก รวมถึงมันมีบางสิ่งบางอย่างที่บอกว่ากลิ่นไม่ได้ไปสายผู้หญิงเท่าไหร่ เพราะมันมีอารมณ์แมนๆ รองพื้นซ่อนอยู่ในเนื้อกลิ่นให้รู้สึกได้ตลอด อารมณ์แบบกลิ่นกึ่งเชื้อเพลิง Gasoline แกมเมทัลลิค นิดๆ แนวๆ นั้น ซึ่งถือว่าเป็นกิมมิคที่น่าสนใจมากตั้งแต่เริ่มต้นเลย

ในการเปลี่ยนโทนเข้าช่วงกลางราสเบอร์รี่นี่แหละคือตัวตึงของกลิ่นนี้ เพราะจะยังคงความหอมหวานอมเปรี้ยวสร้างออร่าเหมือนจะสีแดงอมชมพู แต่จริงๆ ไม่ได้ถึงกับหวานแหวว เพราะจะให้อารมณ์กลิ่นหวานโปร่งเย้ามากกว่าที่จะสื่อไปในทิศทางหวานชมพู ซึ่งจะมีกลิ่นออกทางลาเวนเดอร์เสริมเข้ามาให้กลิ่นมีความนวลๆ เข้าทางโทนแป้งหน่อยๆ แต่ยังมีความแมนๆ กึ่งสมุนไพรกึ่งเครื่องเทศโทนหวานโปร่งของ Anise ที่ยังคงเสริมอยู่ รวมถึงลูกเอื้อนคล้ายกลิ่นเชื้อเพลิงก็ยังเป็น Hint ที่ซ่อนอยู่เช่นเดิม เลยทำให้กลิ่นเป็นโทนหวานแมนเท่ห์ๆ เกินคาด แบบที่ไม่ได้ถึงกับโรแมนติค แต่มีความหวานคูลๆ ดึงดูดและมีเสน่ห์ที่แตกต่างจากโทนผู้ชายแนวหวานอื่นๆ พอสมควร ในการเอาโทนฟรุตตี้มาเป็นตัวตั้ง

ช่วงท้ายเนื้อกลิ่นสายหวานจะผ่อนตัวลงแต่ยังแทรกซึมให้จับต้องได้ตลอดโดยเฉพาะตัวตึงราสเบอร์รี่ ที่มีให้รู้สึกได้แบบไม่จากไปไหน แต่จะมีความเป็นลูกผสมกึ่งดอกไม้กึ่งแป้งอัลมอนด์ที่เข้ามารองรับ ซึ่งเป็นลักษณะของดอกเฮลิโอโทรเป้ เสริมด้วยกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ที่ยังคงให้ความแมนเท่ห์ๆ อยู่ เพียงแต่จะมีความเป็นโทน Musky เสริมอยู่ด้วยหน่อยๆ ซึ่งเมื่อผสมผสานกันจะได้เลเยอร์กลิ่นที่เป็นโทนหวานราสเบอร์รี่แกมไม้หอมที่มีอารมณ์แป้งระเรื่อๆ แกม Musk บางๆ ที่ติดกลิ่นหวานเนียนๆ ที่ดึงดูดและมีเสน่ห์ ซึ่งถือว่ายังคุมโทนได้ดีในการให้ความหวานในเนื้อกลิ่นแบบที่แตกต่างได้อย่างเป็นเอกเทศ โดยที่คงความเท่ห์ในเนื้อกลิ่นได้อย่างลงตัว ปิดท้ายการเติมพลังความหวานเท่ห์ให้ชีวิตกันยาวๆ ไป

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้งานกลิ่นนี้ได้สบายมาก เนื้อกลิ่นเข้าได้กับหลายสถานการณ์ไม่น้อย ไม่ว่าจะทางการที่ใส่ได้ เพราะไม่ได้หวานจัดจ้านหนักข้น และใส่แบบทั่วๆ ไป ก็สามารถ แต่สำหรับการออกกำลังกาย แนะนำให้รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าก็จัดได้ไม่อายใคร ไม่ว่าจะออกงานหรือว่าไปท่องราตรี ที่เพิ่มสเปรย์หน่อยก็หวานเท่ห์ได้แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าไปเจอกลิ่นหวานแน่นๆ อวลจัดๆ แบบน้ำหอมสายปล่อยพลัง อาจจะไม่ได้ถึงกับสู้ได้สูสีมากนักก็เท่านั้นเอง

ความทน - เรื่องนี้ก็ต้องยกให้เขา เพราะพื้นฐานก็ 8 ชม. เป็นเรื่องปกติของกลิ่นนี้ และยังไปต่อได้อีกจนถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น และคงตัวยาวๆ ไปราวๆ 30 นาทีเลยก็ว่าได้ ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีไปราวๆ 3 ชม. แล้วลงมาเป็นปานกลางยาวไปถึงชั่วโมงที่ 6 จึงลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนถึงชั่วโมงที่ 8 - 12 ตามแต่ละสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ แล้วถึงปิดท้ายด้วย Skin Scent

สรุป - นี่ถือว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่มีความเป็นเอกเทศและเฉพาะตัวอย่างมากในแง่ของการนำเสนอโทนฟรุตตี้เบอร์รี่ติดหวานมาผสานกับความเท่ห์ แบบที่กลิ่นอาจจะดูตรงข้ามกับขวดและ Package ไปพอสมควร แต่ถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นหวานหอมของราสเบอร์รี่ สามารถโดนตกได้ไม่ยาก และที่สำคัญต้องชมเลยว่า กลิ่นนี้ทำให้เห็นว่า Diesel เองก็ไม่ธรรมดาในการสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ Mix & Macth กับแฟชั่นผู้ชายของแบรนด์ได้อย่างมีชั้นเชิงมากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Diesel/Fuel_for_Life_Homme_Eau_de_Toilette