แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Versace แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Versace แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Review: Versace - Yellow Diamond

Versace - Yellow Diamond

จากการปล่อยกลิ่นหอมสไตล์ความเป็น Crystal ในแง่มุมต่างๆ ของ Versace ไม่ว่าจะเป็น Crystal Noir ตามด้วย Bright Crystal ก็เริ่มต้องหาอะไรที่มากกว่าการเป็นผลึกแก้วให้ดูมีระดับมากขึ้นไปอีก จึงได้มาลงที่การเป็น Shine Bright Like a Diamond กับการปล่อยรุ่น Yellow Diamond ออกมาเมื่อปี 2011 ก็ได้เวลาจัดเต็มกันซะทีว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไรบ้าง
 

เปิด Top Notes มา กับความเป็น Citrus ของเลมอนที่ให้ความรู้สึกสว่างและสดชื่นจะวูบมาก่อนเลย ในเนื้อกลิ่นจะแอบมีความติดขมกึ่งแห้งนิดๆ ซึ่งอาจจะมาจาก Citrus อื่นๆ แนวๆ มะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่มาเสริมให้รู้สึกกลิ่นมีมิติของความสดชื่นอยู่ แต่เลมอนก็เลมอนเถอะ เจอแย่งซีนเต็มๆ เลย กับกลิ่นของแนวผลไม้ที่หอมหวานอย่างลูกแพร์ ที่ให้ความหวานใสมาเชียวทีเดียว กลิ่นเลยจะมาแบบ Citrus ติด Fruity แบบที่โปร่งหอมหวานติดสดชื่นให้รู้สึกสว่างสไวและมีได้อารมณ์ของโทนสีเหลืองกันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเริ่มมีตัวแย่งซีนอีกตัวที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาเนียนกับกลิ่นของลูกแพร์นั่นคือ Mimosa หรือกระถินเทศดอกเหลืองที่จะมาให้รู้สึกนวลโปร่งหอมหวานโปร่ง และมีความเป็นหญิงชัดเจน นำเข้าสู่ Middle Notes กันอย่างชัดเจน กับการมาเป็นกลิ่นเด่นตีคู่กับความเป็น Citrus กลายเป็น Fruity Floral ที่สว่างหอมหวาน แต่ในเนื้อกลิ่นจะมีความนวลเขียวติดครีมกึ่งๆ โทนพริกไทยจางๆ ที่จะมาจากดอกฟรีเซีย แต่มาแบบบางๆ อ่อนๆ ที่สำคัญจะจับโทนได้ว่ามีความเป็น Aquatic หน่อยๆ เสริมเข้ามาแบบบางๆ ให้รู้สึกว่ามีความฉ่ำอมหวานอยู่แต่ไม่ได้เด่นมาก ให้มีมิติของความนวลกำลังดีท่ามกลางความหอมหวานโปร่งโทนสีเหลืองที่คุมโทนได้ดีเสมอต้นเสมอปลายมาก และกลิ่นนี้จะลากยาวไปจนถึงช่วง Base Notes เลย แต่จะลดหลั่นลงไปให้กลิ่นหอมดอกไม้โปร่งๆ อ่อนๆ กำลังดี ความหวานแบบใสลงตัวเคล้ากับกลิ่น Musk ที่มานวลๆ มีความนวลสะอาด และมีกลิ่นของไม้หอมอ่อนที่อบอุ่นจางๆ ท่ามกลางความหอมหวานใส ติดครีมมี่ให้ความรู้สึกสว่างแบบเหลืองนวลไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิวนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงเลยทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้แล้ว หรือว่าน้องๆ ม.ปลาย อยากจะมาใช้ก็ยังได้ แต่มันจะดูสาวสะพรั่งเกินวัยไปนิดก็เท่านั้นเอง ซึ่งสามารถใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย แม้กิจกรรมกลางแจ้งก็ยังใส่ได้ แต่ถ้าจะใส่ไปออกกำลังกาย รอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า กลิ่นจะได้ไม่ออกทางหวานใสจนคนหันมองว่าตกลงมาออกกำลังกายหรือมาวิ่งในทุ่งดอก Mimosa ส่วนยามค่ำคืนเอาจริงๆ ถ้าใส่แบบทั่วไปได้เลยสบายมากเข้ากับอากาศบ้านเรา หรือจะใส่ออกงานก็ยังได้ แต่ถ้าจะไปท่องราตรีตามคลับบาร์ กลิ่นนี้อาจจะใสไป โดนกลบเอาได้ง่ายๆ 

ความทน - เรียกว่าลงตัวที่ราวๆ 8 ชั่วโมงกำลังดี อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดกที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 6 ชม. ไปแล้วจะค่อยๆ เป็น Skin Scent ชัดเจน 

ทิ้งท้าย - ต้องบอกเลยว่ากลิ่นนี้ให้ความรู้สึกโทนสีเหลืองได้สว่างและสดใสหอมหวานโปร่งได้ดีมาก เรียกว่าใครได้กลิ่นก็ชอบได้ไม่ยาก ไม่แปลกใจที่ประสบความสำเร็จจนมีรุ่น Intense ออกตามมา เช่นนั้นขอยกตำแหน่งนี้ให้เลยดีกว่า #ของดีเทคนิคไม่ต้อง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by http://www.muradeal.com/media/catalog/product/cache/1/thumbnail/600x/17f82f742ffe127f42dca9de82fb58b1/v/e/versace_yellow_diamond_edt_for_women_90ml_1.jpg



วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Versace pour Homme Oud Noir


Versece pour Homme Oud Noir 

กระแสกฤษณา: Oud มาแรงเหลือเกิน แบรนด์ดังแทบทุกแบรนด์ต่างหันมาออกน้ำหอมที่มีความเป็น Oud กันให้ถ้วนหน้า และแน่นอน Versace หรือจะพลาด ก็ต้องมีกับเขาบ้าง ซึ่งผลที่ได้ออกมาจึงกลายเป็นรุ่น pour Homme Oud Noir กันเต็มๆ นี่เอง 

ในเมื่อต่อยอดมาจากรุ่น pour Homme เราต้องหาความเชื่อมโยงสินะ แต่ไม่เจออ่ะจ้า คงต่อยอดมาแค่ชื่อแหละครับ แต่ถ้าพอจะถูๆ ไถๆ ไปได้ก็คงเป็นที่เป็นความเข้าถึงง่ายในรูปแบบของน้ำหอมกลิ่น Oud เด่น เพราะคนไทยถ้าเจอ Oud จะคิดว่าแขกก่อนเสมอ แต่ตัวนี้ปรับให้กลิ่นใช้ง่ายขึ้นและ Modern มากเลยทีเดียว เปิดต้นกลิ่นด้วยกลิ่นซิตรัสจางๆ แบบกลิ่นส้มขมกลั้วกับเครื่องเทศเต็มๆ เครื่องแนว Spicy จะเด่นขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าช่วงกลางที่จะเริ่มมีกลิ่นของ Oud ดันขึ้นมาเรื่อยๆ แบบกำลังดี ไม่ได้มาแบบแขกตะวันออกกลางจนเป็นกลิ่นแนวผัวแขกเมียแขกอะไรจัดเต็ม ซึ่งกลิ่นจะเด่นตีคู่กับโทนเครื่องเทศซึ่งจะผันตัวเองจนหวานกำลังดี ซึ่งแอบจับได้ถึงกลิ่นเม็ดกระวานที่นัวอยู่ในช่วงนี้ โดยกลิ่นจะเริ่มออกทางดาร์กดึงดูดแบบทันสมัย และมีความเย้ายวนแบบเซ็กซี่ที่กำลังดี ไม่ได้ออกทางยั่วจนโจ่งแจ้ง ออกทางปล่อย Sex Appeal ทางด้านกลิ่นเสียมากกว่า จนปิดท้ายที่กลิ่นโทนวู้ดดี้ที่เข้ามาเสริมทัพแบบดันให้กลิ่น Oud ยังคงอยู่เช่นเคย มีความนุ่มนวลจมูกกลิ่นมีโทนสาปหนังจางๆ ให้รู้สึก เรียกว่าเป็นช่วงอบอุ่นแบบนัวๆ ซึ่งในช่วงนี้จะคาบเกี่ยวได้ 2 ลักษณะเลย คือ จะนิ่งๆ สุขุมก็ได้ จะเย้ายวนแบบมีชั้นเชิงก็ดี โดยกลิ่น Oud ก็ยังคงตัวในเรื่องของความทันสมัยในเนื้อกลิ่น เรียกว่า Versace ทำกลิ่นนี้ออกมาได้ Mass มากเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นออกทางเย้ายวนก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายว่าใส่งานทางการไม่ได้ เพราะกลิ่นมันคาบเกี่ยวกับความอบอุ่นภูมิฐานติดทางดาร์กในระดับหนึ่ง นอกนั้นไม่ว่าจะใส่ทำงาน ใส่ชิลล์ๆ ใส่แบบไปอยู่กับแฟน ก็ได้หมด ขอยกเว้นเรื่องการใส่ออกกำลังกาย ส่วนเที่ยวกลางคืน จัดไปครับ ใส่ได้สบายๆ เลยล่ะ เรียกแขกแบบกำลังดีได้ด้วยน

ความทน - อยู่ที่ 8 ชม. โดยประมาณ ซึ่งเกินกว่านี้ได้ ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและจะลดลงมากลางๆ ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวชวนดึงดูดครับ

ทิ้งท้าย - ใครที่สนใจอยากลองน้ำหอมกลิ่นกฤษณา: Oud ที่ไม่ได้หนักหน่วงเกินไป ตัวนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีมากตัวนึงที่จะทำให้รู้จักกลิ่นโทนนี้ และอาจจะหลงไปเลยก็ได้นะครับ ขอบอกกกกก

Credit ภาพ: http://www.parfani.com/wp-content/uploads/2014/07/versace-oud-noir3.jpg

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Versace Man Eau Fraiche


Versace Man Eau Fraiche

แม้ว่าตัวนี้จะเป็น Flanker ที่แตกออกมาจากรุ่นปกติ (ที่ผมไม่เคยลองใช้มาก่อน) แต่กลับปลายเป็นว่ารุ่นนี้ของ Versace เด่นแซงหน้ารุ่นต้นตำรับไปหลายสโตรกเลย แถมได้รับความนิยมมาอย่างนานยาว เพราะมีความเข้าใจถึงและใช้ง่าย กลิ่นถูกใจมหาชนกันสุดๆ นั่นคือ Versace Man Eau Fraiche ครับ 

Top Notes เปิดมาได้แบบสดชื่นวันฟ้าใสไม่น้อยเลยทีเดียวกับกลิ่นโทนซิตรัสผสมผลไม้ แบบที่เลมอนนำก็จริง แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากคือกลิ่นของมะเฟืองที่เด่นขึ้นมาทำให้กลิ่นซิตรัสช่วงนี้ไม่คมเกินไปสดใสกำลังดีให้ความรู้สึกฉ่ำๆ กันเลยทีเดียว โดยที่จะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้ติดกุหลาบจางๆ รองพื้นอยู่ให้กลิ่นไม่เบาโหวงเกินไป เพียงไม่นาน Middle Notes โผล่มาทักทายกับกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่จะทำให้กลิ่นออกทางนิ่งๆ เสริมด้วยพริกไทยจางๆ และกลิ่นโทนสมุนไพรติดหวานโดยที่ยังมีกลิ่นช่วงต้นตามมาอยู่เลยทำให้กลิ่นยังความสดชื่นแบบออกทางฉ่ำน้ำอยู่สมชื่อ Eau Fraiche กันเต็มๆ จนถึง Base Notes ที่โทนวู้ดดี้จะเริ่มชัดมากขึ้น โดยมี Musk มาทำให้เกิดความนุ่มเย้าไปเรื่อยๆ ซึ่งมีกลิ่นออกทางเมทัลลิคนิดๆ กับโทนหวานบางๆ มาเสริม เลยทำให้ยังมีความสดชื่นตามมาตลอด ซึ่งใช่เลยครับ กลิ่นใช้ง่ายมาก เข้าถึงได้ง่าย แถมมีระดับในเนื้อกลิ่นที่ทำให้คนใส่ดูดีไม่ใช่น้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮิตจนถึงปัจจุบันนี้ และคงไปต่ออีกยาวนาน

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้สบายๆ ครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายจริงอะไรจริง ดึงดูดให้เสียตังค์ตั้งแต่เพียงแค่ช่วงต้น แถมที่เหลือที่ดีงามใช้ง่ายไปจนถึงช่วงท้าย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียวไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ จนถึงนอนแก้ผ้าแผ่หราตากพักลมที่บ้านเฉยๆ ก็สามารถ ส่วนยามกลางคืนกลิ่นอาจจะได้ในลักษณะทั่วๆ ไป แต่ถ้าใส่กินเหล้าจบกันครับ กลิ่นโดยกลบหมด ส่วนคุณผู้หญิงก็ใช้ตัวนี้ได้อยู่นะครับ ให้ความสดชื่นทะมัดทะแมงไม่น้อยเลย

ความทน - กลิ่นทนประมาณ 8 ชั่วโมง บวกลบ 1 - 2 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดมากลางๆ ในช่วงกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายที่ยังคงความสดชื่นให้คนใส่รับรู้อยู่จนกว่าจะหายไปจากผิวครับ

ทิ้งท้าย - ง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ เพราะนี่คือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เลยล่ะครับ ^^

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

Review: Versace – The Dreamer


Versace – The Dreamer

เห็นชื่อรุ่นแล้วชอบแบบทันทีไม่คิดอะไร เพราะมันต้องมีความโรแมนติคและความรื่นรมย์ในแบบผู้ชายแน่ๆ กับการปล่อยรุ่นนี้ออกมาของ Versace เมื่อปี 1996 เช่นนั้นสบโอกาสได้ใช้ ก็ต้องบอกเล่าสิครับ กับรุ่นคนช่างฝัน The Dreamer รุ่นนี้เลย 

กลิ่นเปิดนี่มากันเลยแบบคุ้นจมูกมากๆ กับกลิ่นของลาเวนเดอร์ที่มาผสานกับเซจ จนได้กลิ่นเปิดที่ออกทางคล้ายๆ ลาเวนเดอร์ผสมมะลิ โดยมีโทนซิตรัสบางๆ รองพื้นด้านหลัง ซึ่งต้องบอกกันว่า ถ้าใครไม่ชอบในช่วงต้น อาจจะหยุดกับตัวนี้ได้เลย เพราะกลิ่นค่อนมาทางหนักหน่วงพอสมควร เพียงแค่ไม่นานกลิ่นโทนดอกไม้ของกุหลาบจะเด่นขึ้นมาตีคู่กับลาเวนเดอร์ที่ยังมาจากช่วงต้นอยู่ แต่ที่สำคัญพระเอกของงานอย่างใบยาสูบจะไม่ให้ใครแย่งซีนด้วยเช่นกัน แต่จะมาร่วมวงผสานกันเป็นกลิ่นโทนหอมเย้านุ่มจมูกและโรแมนติคมาก กลิ่นจะมีความหวานเย้าและหวานนุ่ม โดยมีความรู้สึกอบอุ่นลอยอ้อยยิ่งให้รู้สึกได้จากเนื้อกลิ่นกำลังดี จนเมื่อช่วงท้ายได้เวลาปล่อยของ ใบยาสูบยังคงอยู่ไม่ได้ไปไหน มาผสานกับถั่วตองก้าที่ทำให้โทนอบอุ่นชัดเจนมากขึ้น มีกลิ่นอาย Smoky แบบแมนๆ อย่างหญ้าแฝกมาตัดและมีโทนวู้ดดี้ติดเขียวบางๆ มาร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้กลิ่นไม่ได้หนักเกินไป แต่ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษที่อบอุ่น โรแมนติค หวานแบบมีระดับอย่างรื่นรมย์เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นนี้ค่อนข้างเสริมบุคลิกให้เป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว วสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม เช่น ใส่ทำงาน หรือออกงานทางการ รวมถึงช่วงเวลาที่อยากจะทำให้เป็นหนุ่มโรแมนติค ตลอดจนเวลาทั่วๆ ไปก็ได้อยู่ แต่ของดใส่เพื่อไปออกกำลังกายเพราะกลิ่นมันมีโทนหวาน อาจจะทำให้ชาวบ้านเวียนหัวได้ ส่วนยามกลางคืนจัดไปครับ สร้างลุคโรแมนติคได้ดีเลยล่ะครับ

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายหนักหน่วงหน่อยในช่วงต้น และจะลดเป็นกระจายกำลังดีไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบโรแมนติคอบอุ่นในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นนี้ทำให้ผมนึกถึง Dolce & Gabbana Pour Homme ผสมกับ Le Male เลยครับ แต่เหมือนดึงเอาส่วนดีของแต่ละตัวมาทำให้เป็น The Dreamer ที่ลงตัวในแบบของ Versace เอง โดยไม่ได้ออกโทนยั่วยวนจัดๆ หรือมาแบบป๋ากลิ่นวานิลลาจัดเต็มเลยล่ะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Versace – Eros


Versace – Eros

คนที่ใช้ BTS ทุกคนในช่วงประมาณต้นปี 2013 ที่ผ่านมาต้องเห็น Ad โฆษณาน้ำหอมตัวนี้ติดในขบวนด้านในแน่นอน เพราะเด่นเป็นสง่ากับผู้ชายล่ำๆ แบกน้ำหอมขวดสวยสีฟ้าอยู่แน่ๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปิดตัวน้ำหอมชายรุ่นล่าสุดของ Versace เมื่อปี 2012 เต็มๆ กับรุ่นนี้เลยครับ Eros

ที่มาของน้ำหอมตัวนี้จะอิงไปที่เทพเจ้าแห่งความรักของกรีกโบราณที่ชื่อ Eros ใช้ธนูสีทอง ซึ่งมีความคล้ายกับ Cupid ที่เป็นเทพเจ้าฝั่งโรมันนั่นเอง แน่นอนเมื่อสื่อถึงความรักและความต้องการ กลิ่นเลยจะไพล่มาทางโรแมนติคอบอุ่น แอบแฝงด้วยความเร้าใจเป็นอย่างนี้ โดยเปิด Top Notes ด้วยกลิ่นของแอปเปิ้ลเขียวกับเลม่อน โดยมีมิ้นท์ที่จะมาให้ความสดชื่นกันเต็มๆ เพียงแต่กลิ่นในช่วงนี้ไม่ได้เป็นโทนสดชื่นเต็มๆ เท่าไหร่ เพราะจะมีความแน่นของเนื้อกลิ่นในช่วง Middle Notes แทรกเข้ามาไวมากกับกลิ่นโทนครีมมี่นุ่มกลิ่นออกทางนมนิดๆ โดยมีกลิ่นของวานิลาที่อบอุ่นกระจายแทรกตัวมาเต็มๆ จนเหมือนเป็นกลิ่นโทนเดียวกัน ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเป็นกลิ่นที่มีความเฉพาะตัวยามอยู่บนผิวของแต่ละตัวบุคคลในระดับหนึ่ง ซึ่งบางคนจะเป็นโทนอบอุ่นจัดเต็ม บางคนจะออกทางสดชื่นติดหวานแน่นๆ บางคนจะออกทางเย้ายวนขาดใจ (ซึ่งมาจากการสอบถามคนที่ใช้ รวมถึงวัดจากตัวเอง) แต่ยังไงก็ตามกลิ่นยังคงคุมโทนที่ความโรแมนติคอบอุ่น ออกทางน่ากินแบบกำลังดีเลยทีเดียว และเมื่อเข้าสู่ช่วง Base Notes งานนี้วานิลลาจัดเต็ม เพราะกลิ่นจะอบอุ่นและโรแมนติคมาก มีความแมนในเนื้อกลิ่นด้วยโทนวู้ดดี้ และกลิ่นอาย Smoky แบบหญ้าแฝกแห้งๆ ซึ่งกลิ่นจะเย้ายวนหอมรัญจวนลงตัว แบบไม่ต้องยั่วมาก แต่ก็ฟาดได้เรียบถ้าจะปล่อยของประมาณนี้ ซึ่งสิ่งหนึ่งต้องยอมรับว่า กลิ่นนี้มีความคล้ายกับ Le Male พอสมควร เหมือนเป็นพ่อลูกกัน โดย Eros เป็นลูกที่ได้รับอิทธิพลจากพ่อ แต่ไม่ออกแนวป๋าพร้อมเปย์เด็กสาว/หนุ่มขนาดนั้น แต่กลายเป็นกลิ่นแนวๆ วัยหนุ่มที่มีความโรแมนติคอบอุ่น รู้วิธีที่จะบริหารเสน่ห์ยังไงยังงั้นเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป เพราะกลิ่นไม่ได้ออกทางผู้ใหญ่มากเกินเหตุ ที่สำคัญเบากว่า Le Male ก็จริง แต่จัดเต็มพอๆ กันเลยในคนละรูปแบบ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม ยกเว้นใส่ไปออกกำลังกาย โปรดเถิด เดี๋ยวกลิ่นกระจายฆ่าคนอื่นมากกว่าจะเร้าใจ ส่วนกลางคืนจัดได้เลย ทนกลิ่นแอลกอฮอล์ได้ดีมาก และปล่อยความโรแมนติคได้ชัดเจน

ความทน – บอกเลยว่าทนดีมากเลยทีเดียว ยังไงก็เกิน 8 ชม. ซึ่งส่วนตัวเจอมาแล้ว 12 ชม. ซึ่งยกนิ้วให้เลยว่าดีงาม

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และจะลดมากระจายดีในช่วง Middle ตามด้วยลดลงมากระจายกลางๆ หรือเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบมายืนใกล้ๆ จะได้กลิ่นหอมอบอุ่นโรแมนติคเย้ายวนในช่วง Base

ทิ้งท้าย – ใครไม่ชอบความหนักหน่วงของ Le Male ตัวนี้ตอบโจทย์มากครับ และยิ่งถ้าเข้ากับคนฉีดด้วยแล้ว ปล่อยเสน่ห์กันแบบจัดเต็มได้เลยล่ะ

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Versace - Metal Jeans Men



Versace - Metal Jeans Men 

น้ำหอมในตระกูล Jeans ของ Versace ที่ทั้งฝั่งชายอย่าง Blue Jeans และฝั่งหญิงอย่าง Red Jeans ต่างก็เป็นตัวคลาสสิคกันไปหมด และก็มีอีกหลายลูกหลานที่แตกหน่อแยกกันมาอีกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีอยู่รุ่นนึงที่คนรักกลิ่นแตงโมต้องไม่พลาดครับนั่นคือ Metal Jeans Men 

เปิดตัว Top Notes ด้วยกลิ่นแตงโมแบบเนื้อแตงโมสีแดงติดเปลือกเขียวๆ เลย โดยมีกลิ่นของส้มและเลมอนรองด้านหลังเพิ่มความสดชื่นกันเต็มๆ ซึ่งกลิ่นอายในช่วงนี้จะตามไปอยู่ในทุกๆ ช่วงเสียด้วยซ้ำ โดยเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นโทนน้ำสะอาดใสๆ มีมะลิลอยอยู่ในนั้นจะเริ่มเด่นขึ้นมา โดยมีกลิ่นออกทางเปลือกแตงโมด้านในดันให้เกิดความสดชื่นไปตลอด ให้อารมณ์แบบใสๆ สดชื่นเข้ากับอากาศร้อนๆ มากมาย จนเมื่อถึง Base Notes กลิ่นของ Musk จะเริ่มนำเด่นแบบสะอาดนุ่มๆ กลั้วไปกับโทนวู้ดดี้ออกทาง Smoky หน่อยๆ มีความอบอุ่นกำลังดีแทรกไปกับความนุ่มและสดชื่นจากโทนผลไม้ที่ตามมาตั้งแต่ต้น โดยสามารถจับความรู้สึกได้ถึงความเป็น Metal Jeans ตามชื่อรุ่นที่บอกได้บ้างแล้ว ซึ่งโดยรวมกลิ่นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ให้ความรู้สึกแบบวัยรุ่นสดใสเฟี้ยวฟ้าวกำลังดี แฝงความขี้เล่นไปตลอด และแตะอบอุ่นโน่น แตะความแมนนิด รวมถึงแตะความเป็น Metal สมชื่อนี่หน่อยเลยครับ

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เหมาะกลับผู้ชายทุกเพศทุกวัยเลย ยิ่งวัยรุ่นหรือวัยเรียนจะเข้าทางมาก เพราะเน้นความใส สดชื่น รื่นเริงเฟี้ยวฟ้าวขี้เล่น สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย แต่ยามกลางคืนถ้าเรื่องทั่วๆ ไปพอไหวกับอากาศร้อนๆ แต่ถ้าไปเที่ยวกลางคืนจะไม่เหมาะนักเพราะเบาไปครับ

ความทน - กลิ่นทนอยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. และอาจจะมากกว่านั้นอยู่ที่จำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด และเคมีด้วยส่วนหนึ่งแม้น้ำหอมจะหอมด้วยตัวเองก็ตาม

การกระจาย - กลิ่นกระจายได้สดชืิ่นและดีมากในช่วง Top และจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนมาเป็น Skin Scent ในช่วง Base ซึ่งถ้าออกกำลังกายหรือร่างกายทำความร้อนกลิ่นจะตีขึ้นให้รับรู้ได้ไม่ยาก

ทิ้งท้าย - นี่เป็นอีกหนึ่งในรุ่นที่ถ้าคนที่รู้สึกว่ากลิ่นของ Blue Jeans มันนิ่งและไม่ค่อยเข้าทางตัวนี้จะให้ความรู้สึกแบบสดใสลั่นล้าเข้าถึงง่ายกว่า แต่ปัญหาคือน้ำหอมตัวนี้เลิกผลิตแล้วแถมหายากเสียด้วยนั่นแหละครับ เฮ้ออออ "

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Versace pour Homme



Versace pour Homme 

หนึ่งในน้ำหอมจำพวก #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ได้เวลามาเสิร์ฟอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้มาในแบรนด์อย่าง Versace ที่ดันรุ่น pour Homme เป็นหนึ่งในพระเอกของแบรนด์ ซึ่งจะหอมโดนใจหรือไม่ ได้เวลาบอกเล่าแล้วครับ 

คนหลายๆ คนมักบอกว่า Versace pour Homme นี้เป็นตัวก็อบมาจาก Chanel Allure Homme Sport มาชัดๆ เพราะกลิ่นเหมือนกันมากกกกกก แต่จริงๆ แล้วในพื้นฐานที่ดมกันเพียงผิวเผินกลิ่นของ Versace จะแตกต่างจาก AHS ชัดมากตรงนี่ไม่มีโทนหวานในเนื้อกลิ่นอยู่เลยครับ เพราะ Top Notes จะออกทางโทนสดชื่นคมๆ จากเลมอน มะกรูด และดอกส้ม โดยมีกลิ่นกุหลาบบางๆ ออกทางใสๆ เข้ามาแจม ที่สำคัญกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดพอสมควรแต่เพียงไม่นานช่วงนี้จะหายไป มาเป็น Middle Notes ที่จะเด่นที่กลิ่นโทนสมุนไพรนุ่มๆ ติดเขียว และวู้ดดี้เท่ห์ๆ ทันสมัย กลิ่นออกทางสดชื่นแบบเมทัลลิคกลั้วไปกับกลิ่นซิตรัสตอนต้นที่ยังตามมาให้สัมผัสได้เป็นระยะๆ ทำให้กลิ่นช่วงนี้มีความสดใสเต็มๆ กลิ่นเรียกคำชมได้ดีมาก ทันสมัยและไม่ทิ้งความแมนเลย จนเมื่อถึง Base Notes กลิ่นจะเปลี่ยนจากสดชื่นนำเป็นหลักมาเป็นอบอุ่นนำกับกลิ่นที่ใครๆ ก็บอกว่ามันคล้าย Chanel AHS กับกลิ่นสะอาดๆ ของ Musk และโทนอบอุ่นครีมมี่นุ่มๆ ของ Amber และถั่วตองก้า ซึ่งถ้าเผลอมีวานิลลาเข้ามาด้วยจะใช่เลยนี่มัน AHS แต่เนื่องจากไม่มี กลิ่นในช่วงนี้จะไปในโทนอบอุ่น สะอาด สดชื่น ทันสมัย หรูหรา และสว่างสไวสดใสเลยทีเดียว ซึ่งโดยรวมสรุปง่ายๆ แบบนี้เลยครับ

Chanel Allure Homme Sport --> สดชื่น เปรี้ยวอมหวาน อบอุ่นครีมมี่นุ่มนวล
Versace pour Homme --> สดชื่น ซิตรัสแบบคมๆ สะอาด และอบอุ่นแบบเท่ห์ๆ

กลิ่นใกล้เคียงแต่ต่างโทนจริงๆ ครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศทุกวัย เป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายมาก มีความหอมในตัวเป็นทุนเดิมที่คนได้กลิ่นมักจะชอบ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทำงาน เรียน เที่ยวเล่นที่ไหน ใส่ไปอยู่กับแฟนก็หอมน่าเข้าใกล้ ออกกำลังกายก็ใส่ได้ ออกงานแต่งตัวเนี้้ยบๆ ยิ่งเข้าที ไม่ไม่ค่อยเหมาะกับยามกลางคืนเท่าไหร่ ยกเว้นยามเย็นทั่วๆ ไปครับ

ความทน - 8 ชม. บวกลบนิดหน่อย แล้วแต่การฉีด จุดที่ฉีด และจำนวนสเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากตอนต้นๆ จนถึงปลายๆ ของช่วงกลาง แต่พอมาเข้าช่วงท้ายๆ จะกระจายปานกลางให้คนอื่นได้กลิ่นสดชื่ สะอาด ทันสมัยครับ

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Versace - Blue Jeans



Versace - Blue Jeans 

ได้เวลา #ของดีเทคนิคไม่ต้อง อีกแล้วครับ กับความคลาสสิคสุดๆ ไม่เคยมีคำว่าตกยุคกับน้ำหอมที่คนไทยหลายๆ คนรู้จัก แม้ว่าอาจจะไม่ฮิตเท่าพวก Polo Sport, CK One, CK Be และ Cool Water ที่มวลมหาประชาชนชายไทยใช้กันทั้งของจริงและของปลอม แต่น้ำหอมตัวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งที่ฮิตแบบมาเรื่อยๆ แต่ยาวนานไม่ต่างกันเลยกับ Versace Blue Jeans 

เรียกได้เลยว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่บอกถึงความเป็นวัยรุ่น เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หรือแต่งตัวแบบสบายๆ ไม่ต้องจัดเต็มอะไรอะไรให้มาก และไม่ดูเป็น Hormones วัยพลุ่งพล่านเยอะสิ่งมากเกินไปนัก มีโทนขรึมๆ ให้ดูว่าเป็นวัยรุ่นที่รู้จักคิด รู้จักก้าวเดินไม่ใช่น้อย เพราะเริ่มต้นที่ Top Notes ก็มาแบบ Citrus กลั้ววู้ดดี้แบบที่กลิ่นไม่หนักเกินไป มีโทนหวานกำลังดีจากเม็ดเทียนสัตตบุษย์ (Anise) ที่กลิ่นโดยรวมให้ทั้งความสดชื่นและความสบายๆ ชิลล์ๆ ไปในตัว ส่งต่อมาที่ Middle Notes ที่จะเด่นที่โทนดอกไม้เยอะแยะเลยโดยเฉพาะลาเวนเดอร์ที่พุ่งมาและอยู่ยาวนานมาก มีกุหลาบกำลังงาม มะลิกำลังดี แต่แปลกมาก เพราะโทนที่ออกมาไม่สาวเลย อาจจะเพราะมีกลิ่นรองพื้นโทนเขียวๆ อยู่ เลยทำให้กลิ่นออกกลางๆ กำลังดีมาก ผู้ชายใส่ได้สบายๆ แถมดูออกนุ่มๆ คล้ายแป้งหอมๆ สบายตัวเลยทีเดียว พอได้เวลาของ Base Notes ที่คราวนี้โทนกลิ่นเริ่มออกแนวขรึมนิ่ง อบอุ่น นุ่มนวล เพราะโทนวานิลลาแบบไม่หนักมากเด่นขึ้นมา ผสานกับโทนดอกไม้ กลิ่นสะอาดๆ ของ Musk และวู้ดดี้โน้ต นุ่มๆ และอบอุ่นของถั่วตองก้ากับแอมเบอร์ มีกลิ่นอายเย็นๆ และสดชื่นของพิมเสนและหญ้าแฝกจางๆ เรียกได้ว่าเป็นโทนที่ซับซ้อนมาก แต่ออกมาให้ความรู้สึกเรียบง่าย คุมความรู้สึกที่สบายๆ แบบนิ่งหน่อยๆ แป้งหอมๆ และอบอุ่นแบบที่ไม่มีอายุเกินไปนัก วัยรุ่นแบบมีชั้นเชิงได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศทุกวัยเลย เพราะเป็นโทนกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสบายๆ เหมือนใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ชิลล์ๆ ซึ่งสามารถใส่ในสถานการณ์ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ใส่ทำงานก็ได้ ใส่เรียนก็เวิร์ค ใส่เดินเล่น เดินเที่ยว เที่ยวโน่นนี่นั่นได้หมด แถมจะดูวัยรุ่นมากเลยไม่ใช่น้อย ซึ่ง Blue Jeans ผู้หญิงก็ใส่ได้สบายๆ เช่นกันครับ เผลอๆ จะชอบมากกว่า Red Jeans รุ่นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำไป เพราะให้ความรู้สึกทะทัดทะแมงมากกว่าเยอะเลย

ความทน - เกิน 8 ชั่วโมงแน่นอน

การกระจาย - กระจายดีมากทุกช่วงจริงๆ ให้อารมณ์แบบสดชื่นวัยรุ่น สบายๆ แบบแป้งหอม และอบอุ่น นิ่งๆ ได้ดีจริงๆ

ทิ้งท้าย - เป็นตัวที่ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง และราคาไม่สูงไม่น่าเกิน 1,500 ในขนาด 75 ml แต่คุณภาพเกินราคามากกว่าตัวยอดนิยมของผู้ชายหลายๆ ตัวเสียอีกครับ (ถ้าซื้อตามเน็ตกับร้านที่ไว้ใจได้ถูกลงมามากกว่านี้เสียอีกนะนั่น)