แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Zoologist แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Zoologist แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Review: Zoologist - Elephant

Zoologist - Elephant

เมื่อเจอการนำเสนอกลิ่นน้ำหอมที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของ “ช้าง” จากแบรนด์ Zoologist เรียกว่าความคาดหวังมาก่อนแบบที่ยังไม่ได้ดู Notes กลิ่นเลยว่ากลิ่นมันต้องมีความยิ่งใหญ่สไตล์น่าเกรงขามแต่มีความอบอุ่นเเป็นแน่แท้ แบบที่เรามักสัมผัสได้จากเวลาไปเที่ยงปางช้างต่างๆ เลยทำให้ต้องมาเสริมความพลังออร่าทางกลิ่นกันซักหน่อยว่าการสื่อสารความเป็นพี่ช้างในน้ำหอมรุ่นนี้จะออกมาแบบไหน

และความคาดหวังนั้นก็ยับเยินไปเลยทีเดียว

เพราะสิ่งที่เรานึกมันตรงกันข้ามไปเลย เพราะกลิ่นนี้นำเสนอความเป็นสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติแบบที่เป็นเหมือนสถานที่อยู่ของพี่ช้างจริงๆ เสียมากกว่า แถมทำได้น่าประทับใจมากในการสื่อสารกลิ่นโดยเริ่มจากการเปิดตัวแบบกลิ่นใบไม้เขียวๆ แบบที่กำลังถูกบดขยี้ แล้วกลิ่นฟุ้งเขียวติด Stem เมือกของใบไม้จะฟุ้งออกมา ถ้าจะบอกว่าอารมณ์แบบช้างเคี้ยวใบไม้เยอะๆ แล้วกลิ่นฟุ้งออกมาแบบติดคมๆ ก็ได้อยู่ ซึ่งเมื่อพินิจพิเคราะห์เนื้อกลิ่นจริงๆ มันจะมีอารมณ์หอมติดฝาดกึ่งชาปนอะโรม่าดอกไม้หน่อยๆ ที่แทรกซึมอยู่ในความเขียว และมีความติดเปรี้ยวอ่อนๆ กึ่งเลมอนกึ่งดอกไม้ขาวร่วมอยู่ด้วยเนียนๆ ซึ่งทำให้กลิ่นเขียวใบไม้ที่กำลังฟุ้งมันมีความไม่คมและทื่อเกินไป ให้ความเป็นธรรมชาติกำลังดีและมีความสดชื่นปนรื่นรมย์ในความรู้สึกมาก

เพียงไม่กี่อึดใจจะมีกลิ่นออกทางเขียวติดขมทึบเคล้ากลิ่นออกทางมะพร้าวที่ให้ความอวลกำลังดีเสริมขึ้นมาคล้าย Fig หรือมะเดื่อฝรั่งที่เข้าทางกึ่งโทนลูกและเปลือกไม้หน่อยๆ เลยทำให้รู้สึกว่ามันต้องมีกลิ่นรวมอยู่ในนี้แน่ๆ และมีมะพร้าวกะทิที่เกลากลิ่นข้นแบบสไตล์หัวกะทิและความข้นออก ด้วยโทนไม้หอมที่ชัดเจนมากเลยว่านั้นคือไม้จันทน์หอมที่กลิ่นจะเข้าโทนได้ดีมากกับสายมะพร้าวหรือ Fig เป็นทุนเดิม และธูป Incense ที่เสริมเข้ามาให้ความรู้สึกนวลและอ้อยอิ่งกำลังดี ที่แน่ๆ มีกลิ่นออกทางโกโก้ติดแป้งอวลแบบเบาๆ แต่คงตัวในการสร้างมิติที่มีความดาร์กหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย แต่ทั้งหมดแน่นอนว่ายังมีความเขียวใบไม้จากตอนต้นเป็นตัวคุมเกมอยู่ตลอด ทำให้จะได้มิติกลิ่นในการดมแบบปร่าซ่าอวลกึ่ง Fig กึ่งกะทินมๆ ติดขมที่มีความนวลไม้หอมเนียนเคล้ากลิ่นควันอ่อนๆ และกลิ่นโกโก้ที่แย่งซีนเบาๆ รองพื้นอยู่ที่มีความเขียวใบไม้แทรกอยู่ตลอด ซึ่งได้อารมณ์กลิ่นที่มีความน่าสนใจและหรูหราเกินคาดมาก ได้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติที่ไล่จากยอดไม้ ใบ มามีเปลือกไม้ และมีอารมณ์กลิ่นที่ได้ความดาร์กติดน้ำตาล ที่มีคล้ายกลิ่น Musk ที่มีความ Dirty หน่อยๆ สร้างภาพในหัวเป็นสีผิวหนังของช้างได้เลย

และกลิ่นไม้จันทน์หอมนี่แหละที่จะเริ่มกลายมาเป็นฐานหลักในการปรับเปลี่ยนกลิ่นให้เข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่ตอนนี้ความเขียวติดมะพร้าวกึ่งใบไม้เขียวจะเป็นกลิ่นออกแนวบรรยากาศสาย Background แล้ว จะให้อารมณ์กลิ่นออกทางไม้หอมครีมนวลกำลังดีของไม้จันทน์หอมที่ให้โทนความเป็นกลิ่นออกทางไม้ที่นวลสว่างติดแปร่งนิดๆ ตามธรรมชาติ โดยจะมีกลิ่นที่แทรกเจืออย่างโทนสมุนไพรเขียวติดดินๆ มีความปร่ากำลังงามๆ ของพิมเสน เคล้ากับกลิ่น Musk ที่มีความ Dirty หน่อยๆ รองพื้น เลยจะได้ความรู้สึกที่เป็นกลิ่นมีระดับและมีความนวลสว่างติดเรียบหรูได้กำลังดี และมีซ่อนความดิบบางๆ ที่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติได้น่าสนใจปิดท้ายได้อย่างลงตัว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย คือ กลิ่นมีความเป็นโทนสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ และมีความกลางๆ มากพอในการใช้งาน ก็เลยไม่ได้เจาะจงต้องไปที่เพศไหน ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้แทบจะทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย แบบที่ให้อารมณ์ธรรมชาติและเรียบหรู จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่อาจจะได้อยู่บ้าง เพราะกลิ่นเขียวๆ ก็เข้ากับเหงื่อได้ แต่มันอาจจะฟุ้งเยอะมากหน่อยทำให้อึดอัด ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบสบายๆ ผ่อนคลายหรือว่าออกงานจะลงตัวกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะมันไม่ได้ไปสายเรียกเรตติ้งแบบเย้ายวนเลย เดี๋ยวเขาจะหาว่าพึ่งออกมาจากป่าแทน

ความทน - ดีงาม เพราะ 8 ชม. คือพื้นฐานเลยของน้ำหอมกลิ่นนี้ และไปต่อได้อีกถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าเขียวใบไม้ฟุ้งไปหมด แล้วจะลดทอนลงมาที่กระจายดีไปซักครู่นึง ก่อนจะผ่อนลงมาปานกลางเมื่อตอนผ่านไปซัก 1-2 ชม. แล้ว ที่เหลือจะคงตัวไปเรื่อยๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. แล้วเป็น Skin Scent อีกทีราวๆ 12 ชม. เป็นต้นไป 

สรุป - กลิ่นจะได้อารมณ์แบบสถานการณ์หรือการกระทำของช้าง + สภาพแวดล้อมที่ให้ความเรียบหรูในความเป็นธรรมชาติของกลิ่นโดยโทนไม้จันทน์หอมได้อย่างลงตัวมาก โดยที่ความเข้มข้นของน้ำหอมแม้จะเป็นขั้น Pure Parfum แต่กล่อมเกลากลิ่นได้อย่างสมดุลย์และมีเสน่ห์ตามธรรมชาติมากจริงๆ ที่สำคัญตอบโจทย์การเป็น Sandalwood Forest ที่เป็นคำโปรยของรุ่นได้ได้อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.zoologistperfumes.com/products/elephant

 

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Zoologist - Moth

Zoologist - Moth

Moth เป็นถือเป็นแมลงประเภทหนึ่งที่เรามักรู้จักกันในนามของผีเสื้อกลางคืน (ซึ่งแตกต่างกับผีเสื้อสวยๆ บินตอนกลางวันหรือ Butterfly) กลุ่มผีเสื้อกลางคืนจะเรียกว่าเป็นเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ของผีเสื้อเลยก็ว่าได้ เพราะมีจำนวนมากกว่าผีเสื้อกลางวัน ซึ่งเราจะสังเกตุได้ไม่ยากเลยว่าผีเสื้อพวกนี้จะมีขนปกคลุมตามปีก และลวดลายไม่ได้สวยเท่าผีเสื้อกลางวัน รวมถึงมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากผีเสื้อกลางวันชัดเจน บางทีแอบดูน่ากลัวเสียด้วยซ้ำไป

ซึ่งแน่นอนแมลงประเภทนี้มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจมาก เช่นนั้น หนึ่งในแบรนด์ที่เอาความเป็นสัตว์ประเภทต่างๆ มาถ่ายทอดสู่การเป็นน้ำหอมอย่าง Zoologist จึงได้นำเอาความเป็น Moth มาถ่ายทอดสู่การเป็นน้ำหอม โดยมี Story ที่บอกเล่าการสร้างสรรค์กลิ่นถึงวงจรชีวิตของผีเสื้อยามค่ำคืน รูปลักษณ์ และความลึกลับน่าค้นหา เช่นนั้น ได้เวลาของการแปลงร่างเป็นผีเสื้อราตรีกันหน่อย ซึ่งกลิ่นจะออกมาในรูปแบบใดว่ากันตามนี้เลย

Moth เปิดตัวด้วยลักษณะกลิ่นที่เป็นโทนเครื่องเทศแต่มีโทนรองพื้นด้วยแป้งเจือความหวานลึกเนียนๆ อยู่ ซึ่งกลิ่นเครื่องเทศจะมีความหนาปนหวานกำลังดีและไม่ได้ไปสายอบอุ่นมากนัก กลิ่นที่เด่นออกมาเลยคือ อบเชยที่จะให้ความอวลหวาน เจือกลิ่นติดหวานปนเหงื่อนิดๆ ของยี่หร่า และมีความหวานปนขมลึกๆ น่าค้นหาของหญ้าฝรั่นที่ไม่ได้ทำให้กลิ่นมีความเป็นสายอาระเบียน ซึ่งโดนกล่อมกลิ่นให้มีความปร่าเผ็ดหน่อยๆ เข้าร่วมด้วยของกานพลูและเม็ดจันทน์หอมที่มาเกลาไม่ให้เผ็ดคมปร่าพุ่งเกินไป ตามด้วยความเผ็ดนวลรองพื้นของพริกไทย เคล้ากับโทนแป้งติดอับจืดเจือหวานนวล โดยทั้งหมดทั้งมวลต้องยกให้เลยว่ากลินเปิดคุมความสมดุลย์ของความเป็นเครื่องเทศได้ดีมาก เพราะมีลูกเล่นที่หวาน อวล น่าค้นหา เย้าลึก ปร่าดึงดูด และโทนกลิ่นไม่ได้ไปสายอบอุ่น แต่มีโทนเย็นๆ เนียนๆ แฝงอยู่ตลอด ได้อารมณ์ความเป็นกลางคืนเข้ามาร่วมด้วย 

เพียงไม่นานกลิ่นโทนแป้งเจือนวลทึบปนกลิ่นดอกไม้เริ่มเข้ามาเทคโอเวอร์ กลิ่นจะเริ่มมีลูกเล่นความเป็นโทนแป้งเจือเครื่องเทศแบบที่มีความลึก เย้า ดาร์ก และลึก และแอบสร้างความหลอนนิดๆ ซึ่งกลิ่นที่มาแบบชัดเจนเลยคือไอริสที่ให้ความเป็นแป้งเจืออับอ่อนๆ ซ้อนกับกลิ่นแป้งเจือนวลค่อนทางอัลมอนด์ของดอกเฮลิโอโทรเป้ แต่สิ่งที่มาสอดรับความหวานของเครื่องเทศในตอนต้นที่ลดระดับมาผสมผสานกับโทนแป้งช่วงกลางเลยคือกลิ่น ดอกกระถินเทศ (Mimosa) ที่จะให้ความหวานเจือเขียวโปร่งแทรกเคล้าไปกับกลิ่นเครื่องเทศติดหวานเย้าลึก และแอบจับได้ว่ามีกุหลาบนวลๆ อยู่ในเนื้อกลิ่นด้วยมาสอดรับสร้างความน่าค้นหาเข้าไปอีก 1 สเต็ป ซึ่งกลิ่นจะมีความดาร์กและเย็นๆ ที่ลึกลับไม่น้อยเลย เรียกว่าคุมโทนการสร้างอารมณ์กลิ่นยามกลางคืนได้อย่างดีมาก ที่สำคัญจะมีกลิ่นออกทางน้ำผึ้งที่เริ่มจากใสๆ แบบเป็นกลิ่นที่ต่อเนื่องจาก Mimosa ค่อยๆ เปิดตัวออกมาทีละหน่อยๆ เสียด้วย

แต่แล้วก็จะเริ่มเปลี่ยนชัดเจนมากขึ้นไปอีก เพราะว่าเริ่มจะมีกลิ่นอายสาย Animalic ปน Woody ที่แหวกโทนกลิ่นในช่วงกลางออกมาอย่างชัดเจน เปลี่ยนช่วงในการเข้าสู่ช่วงท้ายแบบเต็มๆ และกลายเป็นโทนกลิ่นหลักชัดเจนมาก โดยโทนน้ำผึ้งจะเข้มขึ้นมีลักษณะกลิ่นแบบหวานแต่มีสาบ Animalic ติดเครื่องเทศเจือเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นที่กลายเป็นกลิ่นหลักครอบโทนอื่นๆ ชัดเจนมากเวลากระจายออกมา โดยเมื่อดมเข้าไปใกล้ๆ จะจับได้ถึงความเป็นโทนไม้หอมเจือควัน Smoky ปนกลิ่น Oud ติดไม้แห้งแนวหญ้าแฝกที่เป็นเลเยอร์ชั้นกลางให้ความเป็นกลิ่นไม้หอมลึกอวลมีพลังและลึกลับแบบติด Vintage ในเนื้อกลิ่นหน่อยๆ เพราะมีโทนแป้งจากช่วงกลางตามมาเลยติดลึกลับปนหลอนสาบเร้ากึ่งกรุยกรายเดินทางสายดาร์กอย่างชัดเจน และเมื่อดมเข้าไปใกล้ผิวจะมี Musk ที่ติดโทนดิบหน่อยๆ เคล้ากลิ่นสารหอมอย่าง Ambroxan ที่สร้างกลิ่นอายผิวกายติดเค็มอวลมีโทนไม้หอมอบอุ่นหน่อยเชื่อมโทนกับเลเยอร์ไม้หอมดาร์กอวลลึกที่เป้นเลเยอร์ตรงกลาง ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะให้อารมณ์สาบเร้าเย้าดิบเคล้าหวานแต่ติดกรุยกรายลึกลับและมีความซ่อนลึกแบบมีออร่าแบบซ่อนคมและมีความซับซ้อนแบบสายดาร์กดิบในเนื้อกลิ่นได้แบบชัดเจนและยาวไปจนกว่าน้ำหอมจะพอใจ

เหมาะสำหรับ - Unisex ก็จริง แต่มีลักษณะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยเพราะกลิ่นให้ความกรุยกรายเนียนๆ ในช่วงท้าย แต่ยังไงผู้ชายก็ใช้ได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นนี้อาจจะต้องผ่านน้ำหอมเชิงซับซ้อนและเป็นโทนน้ำผึ้งติด Animalic ปน Vintage มาพอสมควร เพราะกลิ่นไม่ได้ใช้ง่ายเท่าไหร่ แถมยังซับซ้อนเล่นโทนกลิ่นสภาพแวดล้อมเคล้าอารมณ์ลึกลับมีพลังปนหลอนหน่อยๆ อารมณ์แบบมีสายตาที่มีพลังบางอย่างมองผ่านความมืดยามค่ำคืนแบบที่เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครอะไรประมาณนั้น ซึ่งกลิ่นนี้ใช้ยามกลางวันได้อยู่ แต่เบามือหน่อย เพราะเข้มข้นมาก เลี่ยงยามทางการและการใส่เพื่อกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ ออกไปได้เลย แต่ถ้าใส่ทั่วๆ ไปสร้างความลึกลับน่าค้นหาแบบติดนิ่งลึกมีพลังแผ่ออกอันนี้ได้เลย ส่วนยามค่ำคืนอันนี้ใส่ได้สบายมากกลิ่นมาสายนี้และเน้นความลึกลับ เร้าเย้าหลอนล่อลวง แบบที่สร้างออร่าความดาร์กและลึกลับได้ดีมาก แต่พิจารณาดูแล้วกันว่าจะใส่กับสถานการณ์แบบไหน เพราะกลิ่นนี้เน้นการสร้างคาแรคเตอร์เสียมากกว่าที่จะสอดรับในเรื่องสถานการณ์ 

ความทน - มากกกกก เป็น Extrait de Parfum หรือ Pure Parfum ที่ความเข้มข้นสูง ความทนและการมีพลังจึงมาครบและเต็มเหนี่ยว กับสิ่งที่เจอคือ 18 ชม. กลิ่นยังอยู่ อาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดผิวจางๆ อยู่เลย เพียงแค่ใช้งานที่ 3 สเปรย์เท่านั้นเอง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีช่วงต้น แล้วลดลงมาปานกลางที่เสถียรในเรื่องการกระจายพอสมควรแบบยาวๆ ไป จนเมื่อผ่านไปซัก 8 - 10 ชม. กลิ่นจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่ให้ความสาบเร้ามีพลังปนดาร์กลึกลับที่คงตัวกันยาวไป

สรุป - กลิ่นสร้างภาพในหัวเวลาใช้งานได้ทั้งแบบสภาพแวดล้อมกลิ่นอายยามค่ำคืนแบบที่ผีเสื้อกลางคืนพวกนี้ใช้ชีวิต รวมถึงการมีพลังที่ลึกลับและสร้างความไม่น่าวางใจในความรู้สึกได้ดีมาก ตลอดจนจะมองอีกมุมให้แทนเป็นคาแรคเตอร์ของบุคคลก็จะได้อารมณ์เหมือนเห็นผู้หญิง (ที่เราไม่เห็นหน้าตา) ในชุดกรุยกรายสไตล์โกธิคสีดำแต่จับได้ว่ากำลังมองลงมาที่เราจากบ้านใหญ่ๆ สไตล์ยุโรปกึ่งปราสาทยามค่ำคืนที่มีความลึกลับ ดาร์ก และมีความหลอนเร้าสร้างทั้งความอยากรู้อยากเห็นและความน่ากลัวเนียนๆ ไปพร้อมๆ กัน เรียกว่า เออ ทำกลิ่นได้มีคาแรคเตอร์ชัดเจนมากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.zoologistperfumes.com/products/zoologist-moth-deluxe-bottle

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

Review: Zoologist - Civet

Zoologist - Civet

ในโลกของน้ำหอม ชะมด หรือ Civet” เองนี่เรียกว่าคลาสสิคตลอดกาลมาเสมอในการนำเสนอกลิ่นอายสาย Animalic ที่มีความลุ่มลึกให้ความเซ็กซี่แบบสาบปลุกเร้าเข้าทาง Dirty รัญจวนยวนใจ และยังเข้ากันได้ดีกับกลิ่นโทนดอกไม้ต่างๆ มาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 10 รวมถึงในไทยเราเองก็เช่นกัน
 เพราะสารคัดหลั่งที่ได้จากชะมด ที่เรารู้จักกันว่า ชะมดเช็ดก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบในการสร้างสรรค์กลิ่นหอมต่างๆ ทั้งในส่วนของน้ำอบและน้ำปรุงโบราณ (แบบโบราณที่แท้ทรูนะ) รวมถึงเป็นหนึ่งในกระสายยาที่เสริมฤทธิ์ให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

ซึ่งเอาเข้าจริงกลิ่นเพียวๆ ตรงๆ ของไขชะมดเช็ดนั้น คือ โคตรเหม็น แต่เพราะกรรมวิธีต่างๆ ในการนำมาใช้แปรให้กลิ่นนี้ขับความดีงามออกมาในแง่ของการเป็นโทน Animalic และสารตรึงกลิ่นที่ให้ความลุ่มลึกที่งดงามมากอีกหนึ่งโทนในโลกของน้ำหอม เช่นนั้น เมื่อ Zoologist นำเสนอกลิ่นอายที่จะสื่อสารถึงความเป็น ชะมดเช่นนั้นต้องมาลองกันหน่อยว่า จะสื่อถึงความเป็นชะมดแบบเพียวๆ ไม่มีเสียวไปที่โทนอื่นๆ หรือจะเล่ากลิ่นชะมดในทางไหนบ้าง 

เมื่อได้ใช้งานจริง ต้องสปอยกันตรงๆ เลยว่า Civet ขวดนี้ ไม่ได้มาในสายการเป็นกลิ่นอายสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของชะมดเอง หรือว่าการเป็นกลิ่นของชะมดตรงๆ เพราะถ้ามาแบบนี้มีสิทธิ์เป็นลมเอาได้ เพราะมันไม่น่าจะใช่น้ำหอม แต่จะมาในลักษณะการ Tribute กลิ่นอายโทน Civet ที่สร้างออร่าความมีเสน่ห์เร้าใจมาอย่างยาวนานกับโลกน้ำหอมมากกว่า โดยจะมีกลิ่นอายแบบสาย Old School หรือกลิ่นโทน Vintage ที่มีเสน่ห์ลุ่มลึกเป็นสำคัญ โดยกลิ่นของ Civet จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ แบบค่อยเป็นค่อยไปเริ่มจากการเป้นสายสนับสนุนที่มีซีนเป็นของตัวเองตลอด จนกลายเป็นตัวเอกหลักซึ่งช่วง Top Notes คือ การเปิดโลกสู่โทนดึงดูดของกลิ่นอายแบบ Citrus ติดโทน Balsamic ยางไม้เคล้ากลิ่น Musky Animalic รองพื้นกันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นที่ค่อนข้างชัดมากในช่วงนี้คือกลิ่นโทนเปลือกส้ม ที่ติดขมหอมเคล้ากลิ่นเครื่องเทศปร้านวลเจือหวาน และมีกลิ่นโทนยางไม้หน่อยๆ ซึ่งบางวูบบอกเลยว่าจะคล้ายโทนบ๊วยเปลือกส้มพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ออกทางเป็นบ๊วยจ๋าๆ ขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนพริกไทยที่ให้ความหนาของกลิ่นในลักษณะปร่านวล และทาร์รากอนที่ให้ความหวานหอมนวลๆ พร้อมกับกลิ่นที่รองพื้นอย่าง Civet ที่ไม่ได้มาแบบดิบๆ แต่มาแบบที่เกลากลิ่นสร้างความอวลของกลิ่นได้ดี พร้อมกับกลิ่นของยางไม้ที่ให้ความรู้สึกในโทนกลิ่นที่ออกทางสีน้ำตาลเจืออบอุ่นแบบกำลังดี รวมตัวกันเป็นช่วงเปิดที่สร้างออร่าความเป็นโทนอบอุ่นติด Vintage ที่มีลูกเล่นไล่เรียงกันจาก Citrus สมุนไพร เครื่องเทศ ยางไม้ และ Civet ได้ดีมากเลยทีเดียว 

กลิ่นในช่วงต้นดำเนินไปได้พอประมาณ จะเริ่มสัมผัสโทนดอกไม้ที่แทรกตัวขึ้นมาเนียนๆ ทีละหน่อยจนชัดเจนในที่สุด ก็เป็นการเข้าสู่ Middle Notes ที่จะเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของกลิ่นดอกไม้ที่จะมี 3 โทน คือ ครีมมี่เย้ายวนเย็นๆ ลุ่มลึกของดอกไม้ขาวที่จับต้องได้เต็มๆ จากกลิ่นโทนซ่อนกลิ่นและลีลาวดี เสริมด้วยกลิ่นรัญจวนดึงดูดของโทนดอกไม้เหลืองปนหวานของกระดังงาและดอกลินเดน และกลิ่นออกทางติดเขียวปนปร่า Spicy ของคาร์เนชั่นและไฮยาซินท์ รวมถึงมีกลิ่นติดโทนแป้งหอมที่ทำให้ช่วงกลางจะได้ความรู้สึกครีมมี่ปนแป้งหอมดอกไม้ที่มีอารมณ์กลิ่นจากแต่ละโทน เคล้ากับโทนในช่วงต้นที่ตามมาทั้งหมด โดยเฉพาะกลิ่นโทน Animalic ของ Civet กับยางไม้ที่จะเริ่มกลายเป็นตัวเด่นผสมผสานกับโทนแป้งหอมดอกไม้ทำให้ได้ความหรูหรามีระดับแบบที่มีพลังกึ่งดึงดูดได้ดีมาก จะมีเฉพาะโทน Citrus ที่จะเหลือกลิ่นแนวเปลือกส้มแห้งๆ เคล้ากลิ่นสมุนไพรหวานโปร่งหน่อยๆ ที่ประปรายให้พอรู้สึกได้เสริมให้มิติกลิ่นมีอะไรมากกว่าแป้ง ดอกไม้ ยางไม้ และ Civet 

แต่เพียงไม่นานกลิ่นโทน Citrus เคล้าสมุนไพรจะจางไป ก็เปิดตัวเข้า Base Notes ที่กลิ่นโทนแป้งหอมดอกไม้จะเนียนเป็นเนื้อเดียวกับกลิ่นโทน Civet ทำให้ได้อารมณ์ดอกไม้หอมนวลปนอบอุ่นเป็นตัวคลอไปเรื่อยๆ แบบออร่ากลิ่นแป้งดอกไม้อบอุ่น แต่เลเยอร์ที่ซ้อนลงไปอีกคือความซับซ้อนที่แท้ทรู เพราะกลิ่นวานิลลาเจือกาแฟจะให้อารมณ์แบบโทนขนมอ่อนๆ กลั้วไปกับกลิ่นโทนยางไม้ติด Incense ที่อารมณ์ออกทางแอมเบอร์ผมยางไม้เรซิ่นที่มีความดึงดูดปนอบอุ่น และมีโทนหนังและ Oakmoss ที่เสริมพลังทางกลิ่นของ Civet ให้มีความหรูหราน่าค้นหาปนกรุยกรายติดสาบเร้าใจ ซึ่งเลเยอร์กลิ่นจะเรียงเสต็ปที่สร้างเสน่ห์ในการรับรู้จากแป้งหอมดอกไม้ครีมมี่นวลอบอุ่นหรูหรา ตามด้วยกลิ่นโทนกึ่งขนมกึ่งยางไม้ติดแปร่งดึงดูด และกลิ่นโทนสาบ Animalic เคล้ากลิ่นดาร์กกึ่งขมปนกลิ่นคล้ายหมึกเล็กๆ ที่สร้างมิติความมีระดับ มีคลาสและมีพลัง ซึ่งทั้งหมดจะสไตล์กลิ่นออกทาง Vintage อบอุ่นเย้ายวนอบอวลและมีเสน่ห์แบบร่วมสมัยได้ดีมากจนถึงปลายทางของกลิ่นบนผิวเลย 

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะพื้นฐานของ Civet อยู่ในน้ำหอมที่ครอบคลุมทุกเพศอยู่แล้วตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เช่นนั้น กลิ่นนี้จะสร้างออร่าความมีระดับ กรุยกราย สไตล์ Vintage ที่มาสายอบอุ่นมากกว่าจะไปสายแป้งจ๋า หรือสดชื่นคมๆ จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป โดยจำนวนสเปรย์เหมาะสมและไม่ควรหนักมือเกินไป เพราะกลิ่นมีพลังมากเลยทีเดียวในการปล่อยของกระจายรอบตัว แต่ให้ตัดการใช้เพื่อกิจกรรมลุยๆ แนวๆ ออกกำลังกายออกไปจะดีที่สุด เพราะไม่เข้าทางนัก ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นนี้ถือว่ามีเสน่ห์สไตล์ร่วมสมัยกึ่ง Vintage มากในการใส่ออกงานเพื่อเน้นความหรูหรามีระดับและออกแนวตัวพ่อตัวแม่ที่ดูนิ่งๆ แต่มีออร่าดึงดูดให้สนใจแบบที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย 

ความทน - มากกกกกกกกก สุดติ่ง เพราะสิ่งที่เจอคือข้ามวันแม้อาบน้ำไปแล้ว 2 รอบ กลิ่นก็ยังติดผิวโชยระเรื่อๆ อ่อนๆ อยู่ เช่นนั้นตีเฉลี่ยได้เลยที่ 12 - 15 ชม. ยังไงก็ทนจัดจริงจัง

การกระจาย - ทรงพลังกันตั้งแต่เริ่มแรก เพียงแต่จะไม่ได้บาดหรือคมแต่อย่างใด ให้การกระจายที่ดีมากชัดเจน ก่อนจะลดลงมากระจายดีแบบยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้าย พอผ่านไปซัก 8 ชม. ก็กระจายกลางๆ ก่อนจะผ่อนลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ให้ความหรูหรามีเสน่ห์เร้าใจแบบนิ่งๆ ตัวจริงอยู่ตรงนี้กันยาวๆ ไปเลย 

สรุป - ไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นนี้จะมาแบบสาบสัตว์ตัวชะมดแต่อย่างใด แต่เป็นการ Tribute โทน Vintage โดยชูโรงความเป็น Civet แบบที่สมดุลย์กำลังดี ปล่อยเสน่ห์อย่างมีชั้นเชิงและลุ่มลึกเย้ายวนได้อย่างงดงามเสียมากกว่า และถ้าจะให้พูดจากใจ นี่คืออีกหนึ่งกลิ่นที่เป็น Masterpiece จากแบรนด์นี้ได้เลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.theperfumerybarcelona.com/en/producto/zoologist-civet/

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Review: Zoologist - Beaver (2016)

Zoologist - Beaver (2016) 

เมื่อการเปิดตัวครั้งแรกสุดของแบรนด์ Zoologist ในปี 2014 พร้อมกับ 3 รุ่น คือ Rhinoceros (แรด) Panda (หมีแพนด้า) และ Beaver (บีเวอร์) ที่สร้างความฮือฮาโดยการสร้างกลิ่นอายที่สื่อสารถึงสัตว์ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ จนต่อยอดมากมายมาถึงทุกวันนี้ แต่

เมื่อกลิ่นอายบางอย่างที่เคยสร้างสรรค์ในช่วงเปิดตัวแบรนด์เริ่มจะนำมาผลิตซ้ำยากขึ้น กลิ่นเริ่มที่จะมีความไม่ลงตัวอะไรในหลายๆ อย่าง การปรับสูตรจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นกลิ่นแรกของแบรนด์ที่มีการปรับปรุงใหม่จึงได้เกิดขึ้นในปี 2016 ซึ่งนั่นก็คือ Beaver ผู้สร้างเขื่อนของเรา ซึ่งจากกลิ่นอายของเดิมที่ได้อารมณ์เหมือนอุ้มตัวบีเวอร์เปียกๆ แล้วปล่อยให้มันสร้างเขื่อนจากไม้ตลอดวัน จนกระทั่งมันเข้าไปนอนพักผ่อนตัวแห้งในรังชิลล์ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใด ก็ได้เวลาถ่ายทอดกลิ่นของบีเวอร์ Version ใหม่แล้ว 

จากรุ่นแรกที่เปิดตัวมาด้วยกลิ่นอายแบบบีเวอร์ตัวเปียกๆ กลิ่นตุ่ยๆ สาบอึนๆ แบบอุ้มบีเวอร์ที่พึ่งขึ้นจากน้ำมาเอ่เอ๊หรือเรานี่แหละที่โดนสาปกลายเป็นบีเวอร์ตอนใช้น้ำหอม ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นการกลิ่นแบบบรรยากาศมากขึ้น ซึ่งจะได้กลิ่นอายแบบอากาศสดชื่นเย็นๆ มีความชื้นหน่อยๆ เคล้ากับกลิ่นไม้หอมแนวๆ ไม้ซีดาร์สะอาด ซึ่งน่าจะเป็นสารหอมอย่าง ISO E Super ที่ให้โทนกลิ่นลักษณะนี้ และตัวสำคัญอย่างกลิ่นดอกลินเดนที่จะให้ความหอมหวานเจือน้ำผึ้งใสๆ และมีกลิ่นเขียวผักหญ้าหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย สร้างโทนบรรยากาศรอบตัวให้อารมณ์แบบป่าโปร่งๆ ที่มีกลิ่นหอมหวานดอกลินเดนลอยมาพร้อมกับกลิ่นต้นไม้ที่กำลังถูกแทะ โบ๋จนเห็นเนื้อไม้พร้อมล้ม ลอยมากับอากาศสดชื่น โดยที่มีกลิ่นตุ่ยๆ Animalic แบบไม่หนักหน่วงของบีเวอร์ที่เป็นกลิ่นโทน Musk เข้มๆ หนัง และต่อมเพศของบีเวอร์ (Castoreum) ที่ให้กลิ่นหนังติดตุ่ยเข้มๆ ที่ไม่ได้มาหนักเกินไปนัก แต่ก็ทิ้ไปไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการเป็นบีเวอร์ ซึ่งเปิดต้นกลิ่นมาก็บอกถึงการทำงานและสภาพแวดล้อมรอบตัวบีเวอร์ให้เห็นกันได้เลย

เพียงไม่นานจากกลิ่นที่เป็นอากาศสดชื่นติดชื้นหน่อยๆ ในความเป็นสภาพแวดล้อมในการทำงานของบีเวอร์บนพื้นดิน เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นก็เริ่มจะมีความเป็นลักษณะโทน Aquatic เพิ่มเข้ามา อารมณ์แบบกลิ่นน้ำ กลิ่นไม้เปียกๆ อากาศชื้นๆ ผิวน้ำ ที่เข้ามาเสริม โดยที่กลิ่นอายความหอมเจือหวานน้ำผึ้งอ่อนๆ ของดอกลินเดนยังอยู่ลอยมาตามอากาศสดชื่นที่คุมโทนอยู่ตลอดและชัดเจนไม่น้อย เหมือนอารมณ์อยู่ในโซนที่มีต้นลินเดนเยอะๆ ในช่วงที่ บีเวอร์กำลังว่ายน้ำลากกิ่งไม้หรือท่อนไม้ไปเสริมเขื่อน แบบหน้าโผล่พ้นน้ำเลยจะได้ทั้งกลิ่นน้ำ กลิ่นชื้นๆ กลิ่นไม้เปียกๆ และกลิ่นบรรยากาศหอมหวานดอกไม้ควบคู่กันไปได้อย่างเห็นภาพเลยทีเดียว โดยที่กลิ่นตุ่ยๆ แบบ Animalic ยังมีอยู่แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเด่นมากนัก ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนปรับปรุง จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยเพราะว่า ช่วงกลางจะเป็นช่วงที่ความ Animalic จะชัดมากทุกรูขุมขน จะมีทั้งออกแนวกึ่งเปียกกึ่งแห้ง แบบเรานอนกอดบีเวอร์กลิ่นตุ่ยๆ ตัวเปียกค่อนหมาดเลยก็ว่าได้ ซึ่งถือว่าใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าตอนแรกและเน้นบรรยากาศรอบข้างเข้ามาด้วย 

เมื่อกลิ่นเริ่มมีความแห้งมากขึ้น ความ Animalic เริ่มสมดุลย์มากขึ้นความเป็นดอกไม้หวานหอมเริ่มเนียนไปกับเนื้อกลิ่น สิ่งที่มาทดแทนมากขึ้นคือ กลิ่นอายของโทนแป้งติดอบอุ่นเคล้ากลิ่นนวล Musk ปนกลิ่นไม้แห้งๆ หน่อยๆ เข้ามาด้วย อารมณ์กลิ่นเลยจะได้ลักษณะที่แบ่งเค้กกันอย่างลงตัวทั้ง Animalic ที่มีกลิ่นต่อมเพศบีเวอร์อ่อนๆ หนังอ่อนๆ กับกลิ่นโทนแป้งที่มีวานิลลานวลๆ กับ Musk ที่ปนกลิ่นดอกลินเดน ตามด้วยความอบอุ่นติดไม้แห้งๆ ของ Amber และไม้หอมแนวไม้ซีดาร์ ซึ่งช่วงท้ายจะมีความใกล้เคียงรุ่นออริจินอลอยู่ เพียงแต่จะไม่ได้ค่อนมาทางโทนแป้งมากเท่าตัวนี้ และช่วงนี้อารมณ์จะไม่ได้เป็นบีเวอร์แบบเพียวๆ ในแบบช่วงต้นและกลางเท่าไหร่ ออกแนวมาแบบแรงบันดาลใจหน่อยๆ สาบปลุกเร้าอ่อนๆ ปนกลิ่นแป้งที่นวลละมุนที่มีเสน่ห์กำลังดีเสียมากกว่าแทน ซึ่งตรงไปตรงมาคือ เหมือนบีเวอร์ทำงานเสร็จอาบน้ำปะแป้งหอมแล้วแต่งตัวหล่อ เหมือนที่เห็นจาก Label แปะขวดนั่นเลย 

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะกลิ่นมีความกลางๆ ได้ทั้งโทนบรรยากาศและโทนนวลหอมเจือหวานปน Animalic หน่อยๆ ซึ่งได้หมดทุกเพศ โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป อาจจะมีตุ่ยๆ บ้างช่วงแรกแต่ผ่านไปแล้วจะงามเลยทีเดียว แต่กลิ่นนี้ไม่เข้าทางการใช้เพื่อออกกำลังกายแต่อย่างใด ข้ามเถอะดอกไม้มาเต็มขนาดนี้ ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานจะหล่อ/สวยเอาได้ไม่ยากเลย และสามารถใส่ท่องราตรีแบบหรูๆ หรือดินเนอร์ดีๆ ก็ยังได้เลย 

ความทน - ลงตัวมากที่เฉลี่ยราวๆ 8 ชม. และมากกว่านั้นได้ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ได้เลยกับการใช้งานเพียง 4 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ตุ่ยๆ ชัดก็ตอนนี้แหละ แล้วจะลดลงมาปานกลางยาวไป จนเมื่อเข้าช่วงท้ายซักระยะถึงได้เป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วค่อยๆ ลดลงเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปซัก 8 ชม. แล้ว 

สรุป - ตัวเก่าคือ บีเวอร์แบบเพียวๆ มาเต็มสุดๆ แต่ตัวใหม่คือ บีเวอร์หล่อ/สวย ที่ทำงานก็ได้ออกงานสังคมก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับใหม่ที่ได้ทั้งลักษณะของบีเวอร์ที่ควรจะเป็นและได้การประยุกต์มาเป็นรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายโดยไม่ได้เป็นสัตว์จ๋าๆ เพียงอย่างเดียวในสไตล์ที่เอาความเป็น Musky Leather มาเจอกับ Woody Aquatic ได้อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.zoologistperfumes.com/products/beaver


วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Zoologist - Nightingale

Zoologist - Nightingale

ถ้าว่ากันถึงนกที่ร้องเพลงได้ไพเราะมากที่สุดในโลก คงจะหนีไม่พ้นนกไนติงเกล (ตัวผู้) ซึ่งการร้องเพลงของนกไนติงเกลตัวผู้ที่ร้องเพลงเพื่อเกี้ยวตัวเมีย ถ้าใครก็ตามในแถบยุโรปได้ยินเสียงนกชนิดนี้ร้องเพลง (เสียงแบบนกร้องนะ ไม่ใช่เป็นเสียง Sam Smith) ก็จะรู้ได้ทันทีว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว จบเรื่องนกมาต่อกันที่เรื่องของน้ำหอม เพราะเมื่อแบรนด์ Zoologist ได้เอาควา
มเป็นไนติงเกลมาถ่ายทอดออกมาเป็นน้ำหอมแล้วกลิ่นจะเป็นลักษณะไหนและถ่ายทอดออกมาอย่างไร ผลที่ออกมาคือ 

แรงบันดาลใจมาจากภาพวาดสไตล์ญี่ปุ่นของ Ohara Koson ที่ชื่อว่า Nightingales on Plum Blossoms ที่สวยงามมาก ซึ่งภาพวาดจะเป็นนกไนติงเกล 2 ตัวเกาะบนกิ่งต้นพลัมที่มีดอกบานสวยงามทำให้รู้สึกรื่นรมย์และอิ่มเอมไปกับการถ่ายทอดธรรมชาติสู่ภาพวาดได้เป็นอย่างดี โดยที่สุคนธกรผู้ปรุงเองก็เป็นคนญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน เลยเป็นการจับ Match เข้าธีมเพื่อให้มีลักษณะแบบญี่ปุ่นและมีความกรุยกรายแบบ Logo ที่เป็นนกไนติงเกลใส่กิโมโนสไตล์เกอิชานั่นเอง 

Nightingale เปิดตัวด้วยกลิ่นอายของความเป็น Vintage ที่ชัดเจนมาเลย มีความเป็นโทน Chypre ที่หรูหรามีระดับและกรุยกรายกำลังดีโดยจะมีกลิ่นของ Oakmoss พิมเสน มะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และยางไม้ Labdanum ที่เป็นโทนกลิ่นยืนพื้นกระจายไปตามแต่ละช่วงและรับช่วงต่อกันคุมโทนไปตลอด โดยที่ช่วงต้นความเป็นโทน Chypre จะค่อนข้างชัดเพราะกลิ่นจะมาเต็มแน่นพอสมควรแบบลักษณะรองพื้นให้กลิ่นแน่นๆ พุ่งๆ หน่อย แต่กลิ่นที่เด่นขึ้นมาให้รับรู้ได้คือ ดอกพลัมที่ให้ความเป็นโทนผลไม้ดึงดูดสไตล์ลูกพลัมแต่เบากว่าเพราะมีกลิ่นนวลดอกไม้ติดฉ่ำเคล้ากับกลิ่นของมะกรูดฝรั่งที่ให้ความเป็น Citrus แบบแห้งๆ ติดขมไม่ได้มาสายเปรี้ยวจี๊ดนัก และมีตัวสร้างมิติให้กลิ่นมีความเย้ายวนลักษณะแบบขมปนหวานเจือกลิ่นแน่นไพล่ไปทางโทนหนังให้ความเป็นเครื่องเทศอย่างหญ้าฝรั่น ทำให้ช่วงต้นจะเต็มแน่นโดดเด่นออกท่ามกลางความเป็นกลิ่นอายแบบ Vintage Chypre ที่มีความเป็นญี่ปุ่นให้รู้สึกได้ในเนื้อกลิ่นไม่น้อยเลย

เพียงไม่นานกลิ่นอายจะเริ่มมีความเป็นโทนแป้งเข้ามาเสริมในเนื้อกลิ่นมากขึ้น แต่มาแบบแป้งเจือหวานโปร่งของดอกไวโอเล็ต และจับได้ถึงกลิ่นของโทนแป้งแบบไอริสเคล้ากลิ่นกุหลาบแบบนวลๆ เย้ายวนเข้ามาเสริมทัพที่เด่นพอสมควร โดยที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสว่างๆ แบบโทนแป้งหอมเคล้าความเป็นกลิ่นอายติดผลไม้และดอกไม้ที่ตามมาจากช่วงต้น เป็นตัว On Top ที่ลอยออกมาให้รับรู้ แต่พอดมใกล้ๆ จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นติดเค็มหน่อยๆ แบบผิวกายเจือโทน Incense โปร่งสว่างของ Frankincense ที่คุมโทนสนับสนุนกลิ่นอายให้มีความอวลอยู่ เนื้อกลิ่นแอบมีความดาร์กน่าค้นหาพอสมควรจากกลิ่นอายของพิมเสนผสมผสานกับยางไม้ที่ให้ความเข้มเจือโทนหนังติดกลิ่นไม้อบอุ่นของ Labdanum ซึ่งยังชัดเจนกับการคุม Concept ของการเป็นโทน Chypre ที่มีความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นกรุยกรายอยู่ตลอด และจะค่อยๆ ปล่อยของออกมาทีละนิดๆ จนครบถ้วนด้วยซ้ำเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัว 

เมื่อถึงช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงท้าย ความเป็นแป้งหอมโปร่งกุหลาบจะยังคงชัดเจนอยู่ โดยที่จะมีกลิ่นอายของ Musk กับกลิ่นอายเคล้าผิวกายออกติดเค็มบางๆ เข้ามาทำให้กลิ่นนวลอวลคุมโทนสว่างได้อยู่ แต่จะสนับสนุนโดยความกรุยกรายหรูหรากำลังดีของโทน Chypre ที่จะเปิดตัวออกมาชัดขึ้นมากกว่าช่วงอื่นๆ คือ Oakmoss ที่ให้ความดาร์กติดขมปนเขียวแห้งๆ เจือเมทัลลิคจางๆ สนับสนุนด้วยกลิ่นอายของลักษณะแบบแน่นเข้าโทนหนังกลายๆ อบอุ่นหน่อยๆ ของยางไม้ Labdanum และมีกลิ่นพิมเสนอ้อยอิ่งเบาๆ ให้รับรู้ ซึ่งก็ยังไม่พอ กลิ่นจะมีความเป็นโทนตะวันออกกลางเจือดึงดูดหน่อยๆ เข้ามาทำให้กลิ่นมีความเย้ายวนดึงดูดมากขึ้นด้วยจาก Oud ที่เริ่มจับได้ในช่วงนี้แบบเบาๆ สร้างความลึกลับน่าค้นหาในกลิ่นได้ดีมากด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วงท้ายถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้เห็นว่าแบ่งภาคการเป็นโทนสว่างและลึกลับน่าค้นหาสร้างมิติให้เห็นเลเยอร์ซ้อนกันได้อย่างน่าสนใจมาก ซึ่งก็เข้าทางกับความรู้สึกยามที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เลยว่านี่คือ เกอิชาที่กรุยกรายมีระดับและน่าค้นหาในกิโมโนสีม่วงปนแดงดอกพลัมนี่แหละ Nightingale ของ Zoologist 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นระบุว่าเป็น Unisex แต่ค่อนข้างไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าราวๆ 70% ซึ่งเข้าได้กับวัยทำงานขึ้นไป และอย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอมกลิ่นอาย Vintage มาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ไม่ยาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปแบบที่จำกัดสเปรย์ไม่งั้นกลิ่นจะอบอวลรอบตัวจนอาจจะทำให้อึดอัดทั้งคนใส่และคนรอบข้างเอาได้ เพราะกลิ่นนี้เวลาใส่พอดีๆ กลิ่นงามไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและการออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางและหนักไป ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าใส่ออกงานได้ลงตัวมากไม่พอ ใส่ท่องราตรีก็ถือว่าแหวกขนบไปพอสมควรแต่เก๋ปนสวยน่าค้นหาไม่น้อยเช่นกัน 

ความทน - ยกดาวให้ทั้งฟ้าไปเลยดีกว่า ทนมากกกกกกกกก เรียกว่า 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นตลอดเลยไม่มีลดราวาศอกจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลางแบบคงตัวเสถียรไปตลอด พอผ่านไปซัก 8 ชม. ถึงลดลงมาปานกลางแบบปล่อยออร่ากลิ่นแป้งหอมเคล้าความน่าสนหางามๆ ไปตลอด พ้น 10 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป 

ทิ้งท้าย - คนที่คาดหวังถึงกลิ่นอายที่สวยงามปานเสียงอันไพเราะของนกไนติงเกล หรือคาดหวังกลิ่นอายธรรมชาติจากสภาพแวดล้อมจริงๆ ที่นกเหล่านี้อยู่อาจจะเฟล แต่ถ้ามองว่าเป็นกลิ่นอายโทนแป้งหอมดอกไม้เจือความ Vintage ที่บอกถึงความเป็นญี่ปุ่นก็ได้ ความกรุยกรายมีระดับก็ดี และความสว่างปนน่าค้นหาก็เหมาะ ถือว่าไนติงเกลตัวนี้ทำได้ดีและมีอะไรที่น่าสนใจไม่ต่างอะไรกับภาพ Nightingales on Plum Blossoms ได้เลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Zoologist Website --> https://www.zoologistperfumes.com/products/nightingale



วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Zoologist - Macaque

Zoologist - Macaque 

เรียกว่าคอนเซปท์ชัดและดีงามมาตลอดกับการสื่อสารถึงกลิ่นอายจากสัตว์ประเภทต่างๆ มาเป็นน้ำหอมของแบรนด์ Zoologist ซึ่งอาจจะทั้งสื่อถึงสภาพแวดล้อมที่สัตว์ตัวนั้นอยู่ หรือกลิ่นอายที่ทำให้นึกถึงสัตว์ประเภทนั้นๆ ด้วยการผสมผสานโทนกลิ่น แน่นอนว่าในฐานะที่ติดตามแบรนด์นี้เพราะความเก๋ ไม่พลาดแน่ ที่จะได้ลองกลิ่นอายใหม่ๆ และก็ถึงเวลาของ “ลิงแสมหรือ Macaque แล้ว ว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน

ลิงแสม ที่รับรู้ได้ในโทนกลิ่นนี้น่าจะเป็นลิงที่ญี่ปุ่น เพราะนอกจากรูปที่หน้าขวดจะบอกลักษณะแบบการเป็นไดเมียวลิงกังแล้ว กลิ่นอายที่โดดเด่นของรุ่นนี้นั่นคือกลิ่นชา ที่เป็นฐานสำคัญของกลิ่นให้จับต้องได้ตลอด โดยใน Top Notes จะมาเพียงวูบแรกกับกลิ่นอายผลไม้ติด Citrus เจือกลิ่นไม้โปร่งๆ ที่จะติดกลิ่นเขียวคมพุ่งกันเลยทีเดียว เรียกว่าใครมาสายชอบกลิ่นเขียวๆ ติดสดชื่นคมๆ มีความเป็นธรรมชาติจะฟินได้เลยในทันที เพราะเขียวสะใจมาก แล้วกลิ่นจะเข้าสู่ Middle Notes ในวูบต่อมากับกลิ่นอายของยางไม้ประเภทหนึ่งที่มีความเป็น Citrus ติดเขียวปนขมคมๆ ที่เจือในช่วงวูบแรกจะกลายเป็นตัวเด่นสง่ากันเลยทีเดียว นั่นคือ Galbanum เนื้อกลิ่นจะมีความเขียวคล้ายหญ้าเจือๆ มีอารมณ์แบบยอดอ่อนไม้ที่เขียวๆ คมๆ ก็ได้ด้วย โดยมากลั้วกับกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว ทำให้รู้สึกได้ถึงลักษณะของการเป็นกลิ่นอายสิ่งแวดล้อมชัดขึ้นมาก แบบที่มีทั้งผลไม้และกลิ่นเขียวๆ จากยอดหญ้าหรือใบไม้อ่อนฟุ้งกระจายออกมา แต่ในเนื้อกลิ่นที่มีความเขียวคมๆ นั้นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายออกทางอะโรม่าที่มาจากชาและมะลิผสมผสานในนั้นไปตลอด โดยจะมีกลิ่นของโทนไม้หอมติดอวลๆ ค่อนไปทาง Oud เบาๆ กับธูปเจือเข้ามาหน่อยๆ ให้มีความเต็มในกลิ่นพอสมควร รวมถึงมีกลิ่นหวานหอมเจือบางๆ ทำให้กลิ่นโดยรวมผสมผสานกันมีทั้งความเขียว คม ใส แต่อวลปนหวานเจือ เลยจะได้ความรู้สึกแนวๆ มีอะไรเขียวๆ คมๆ แบบเด็ดยอดอ่อนใบไม้เขียวๆ อากาศมีความสดชื่นติดอะโรม่าอวลๆ จากชาประมาณนั้น ซึ่งกลิ่นนี้จะอยู่ยาวไปจนถึง Base Notes เลย โดยความเขียวยังไม่จบสิ้น กลิ่นชาจะเริ่มชัดขึ้นมาแบบชาเขียวสดๆ ที่มีกลิ่นหอมเขียวคมๆ ติดฝาด ที่จะดันขึ้นมาให้ความเขียวอย่างต่อเนื่องเป็นกลิ่นที่ตีและกระจายออกมา โดยไม่ได้คมมากเท่าช่วงอื่นแต่จะมีความเป็นกลิ่นเขียวแปร่งๆ ตามธรรมชาติติดดาร์กสากๆ หน่อยๆ ของ Oakmoss ให้รู้สึกได้ เพียงแต่ว่าในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมติดสะอาดนวลๆ เป็นตัวรองพื้นให้กลิ่นมีความเป็นไม้หอมเจือๆ แบบยาวไปจนกว่าจะหายไปจากผิ 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นอยู่ระหว่างกลางๆ ที่เน้นกลิ่นอายสภาพแวดล้อม เช่นนั้นใช้ได้หมดทั้งหญิงและชาย กลิ่นนี้อาจจะต้องผ่านน้ำหอมสายเขียวๆ มาก่อนบ้าง แม้ว่ากลิ่นจะธรรมชาติก็ตาม แต่กลิ่นอาจจะทำให้อึ้งกับความเขียวจ๋าๆ คมๆ กันได้อยู่ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป มากกว่าจะงานทางการที่แม้ว่าจะพอใส่ได้ แต่ต้องจำกัดสเปรย์หน่อย ไม่งั้นคนจะคิดเอาได้ว่าโดนน้ำคั้นใบไม้สดสาดมาเหรอ ซึ่งใส่ออกกลางแจ้งได้ ออกกำลังกายก็พอได้ตามประสาโทนเขียวพอดับกลิ่นกายได้ เพียงแต่จะเหม็นเขียวไหมเวลาเจอกับเหงื่อนั่นอีกเรื่อง(แต่แพงไปนะ เปลืองเปล่าๆ) ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบทั่วๆ ไปให้ความรู้สึกเขียวสดชื่นท่ามกลางอากาศดีๆ จะลงตัวกว่า การใส่ไปท่องราตรีหรือออกงานแน่ๆ 

ความทน - ดีงามมมมม 8 ชม. ขึ้นไปคือค่าเฉลี่ย และมากกว่านั้นได้สบายมาก อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไป 12 ชั่วโมงกับ 6 สเปรย์ เรียกว่าเขียวสะใจอย่างยาวนานเลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกกในตอนต้น เรียกว่าพุ่งฟุ้งให้สะใจไปข้างเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป เลยซัก 12 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent 

ภาพรวม - จะมาสายกลิ่นออกทางสภาพแวดล้อมที่ลิงอาศัยอยู่เสียมากกว่า แบบว่าเกาะไปเด็ดใบไม้ได้ กัดผลไม้ติดเปรี้ยวไป ตามด้วยลงมาวิ่งตามพื้นดินทำให้ได้กลิ่นออกทางติดเขียวสากแบบ Mossy อยู่ด้วย ท่ามกลางอากาศที่อบอวลมีความนุ่มอะโรม่าและความหอมติดเขียวไปตลอด ซึ่งมันก็ใส่เลยว่าเป็นกลิ่นสภาพแวดล้อมที่ลิงแสมอาศัยและมีพฤติกรรมประจำวันแบบไหนนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Website: Zoologist Perfumes
- https://www.zoologistperfumes.com/products/macaque 

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Review: Zoologist - Hummingbird

Zoologist - Hummingbird 

ได้เวลาของความเป็นกลิ่นอายน้ำหอมที่จะสื่อสารถึงความเป็นลักษณะของสัตว์ประเภทนั้นๆ กับ Zoologist อีกแล้ว ซึ่งมาในครั้งนี้ก็ได้เวลาของการส่งต่อความหอมกับความน่ารักแต่มั่นคง และหนึ่งในนกที่มีพรสวรรค์อย่างมากที่แม้จะตัวน้อยแต่พละกำลังมาเต็มจริงๆ นั่นคือ Hummingbird 

ซึ่งต้องบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาได้ดีมากไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารถึงสภาพแวดล้อมที่นกชิดนี้ควรจะอยู่ รวมถึงการบอกถึงความอ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอในเนื้อกลิ่นได้อย่างชัดเจน เพราะจะเปิดตัวด้วกลิ่นอายของผลไม้ติดโทนหวานหอมไม่ว่าจะเป็นเชอร์รี่ ลูกแพร์ ลูกพลัม และแอปเปิ้ลเขียว ที่จะมีความเป็นซิตรัสบางๆ เสริมเข้ามา และมีความเป็นดอกไม้หอมอ่อนๆ แบบดอกไม้บานเคล้าความเขียวโปร่งยามเช้ายามเช้า ไม่มาข้นแน่นแต่ประการใด ทำให้กลิ่นอายช่วงนี้จะเป็นแนวกลิ่นผลไม้รวมที่หอมตามธรรมชาติ ซึ่งกลิ่นลูกแพร์กับเชอร์รี่จะมีความน่ารักและโดดเด่นออกมาเลยที่เดียว รองพื้นด้วยกลิ่นดอกไม้ติดเขียวโปร่งสบายจมูก โดยจะสัมผัสได้ชัดเจนว่ากลิ่นจะหวานโปร่งและที่สำคัญจะรู้สึกได้เลยว่ามีกลิ่นน้ำผึ้งค่อยๆ แทรกขึ้นมาจนนำเข้าสู่ช่วงกลาง ที่กลิ่นผลไม้ต่างๆ จะยังคงอยู่ แต่จะลดทอนลงมาให้กลิ่นหวานโปร่งหอมใสของน้ำผึ้ง เด่นขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นแนวดอกไม้ที่มาแบบโปร่งติดสดชื่น ไม่ข้นหนักอย่างดอกสายน้ำผึ้ง เนื้อกลิ่นมีกระดังงาหอมนวลเย้าและกลิ่นหอมเขียวโปร่งของดอกกระถิน (Mimosa) ได้ความรู้สึกแบบหอมหวานโปร่งธรรมชาติแบบน้ำหวานในเกสรดอกไม้ ผสมกับกลิ่นน้ำผึ้งที่อะโรม่าหวานเบาแต่ชัดเจน และน้ำผึ้งติดโทนดอกไม้นี่แหละจะเป็นตัวที่เด่นลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลย โดยจะไม่ผสมผสานกับกลิ่นแนวครีมมี่อบอุ่นที่แทรกขึ้นมาเรื่อยๆ โดยจะมีกลิ่นของ Musk เป็นตัวเด่นนำเคล้ากลิ่นอายแบบครีมๆ นวลๆ เป็นตัวรองพื้นอยู่ ได้ความหวานติดครีม แต่โปร่งไม่ข้นหนัก และจะมีกลิ่นอายเขียวๆ สากๆ หน่อยๆ ที่มาจาก Oak Moss จางๆ และกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ให้ยังคงความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ เคล้าความหวานใสชัดเจนมั่นคงอยู่ตลอด ภาพรวมจึงได้อารมณ์เหมือนยามเช้าที่นักออกหากิน ดูดน้ำหวานเกสรดอกไม้ (น้ำต้อย) และพักบนกิ่งไม้สะอาดมองธรรมชาติที่เริ่มมีอบอุ่นกับปุยเมฆสีออกครีมยามต้องแสงแดดนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไป ก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นมีความหอมหวานติดธรรมชาติที่เข้าถึงได้ง่ายมาก ที่สำคัญมีความหรูหรามีระดับในเนื้อกลิ่นสูงมากเสียด้วย จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและไม่ทางการ กลิ่นครอบจักรวาลพอสมควร ออกกลางแจ้งก็ได้เลย แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปออกกำลังกาย เพราะกลิ่นมันหวานอยู่ อาจจะทำให้คนอื่นงง ตกลงมาเพื่อสุขภาพหรือมาเดินงานกาล่ากลางวันเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ได้สบายๆ เพียงแต่อาจจะไม่ได้มาสายเย้ายวนมากนัก แต่จะได้อารมณ์ผู้ดีหอมหวานอ่อนโยนแต่มั่นคงในความโปร่งมีระดับเสียมากกว่านั่นเอง อ้อ ผู้ชายใช้กลิ่นนี้ได้อยู่ มัน Unisex บ้าง แต่กลิ่นดีจริงๆ จนอาจจะทำให้ลืมไปเลยว่าใส่น้ำหอมหลิ่นหวานโปร่งและไม่แคร์ว่าใครจะค่อนขอดแต่ประการใด ก็หอมนี่นา 

ความทน - ยกนิ้วให้เลยกับความเป็น EDP เข้มข้น ทีแม้กลิ่นจะโปร่งใสหวาน แต่ชัดเจนมั่นคงและทนทานเกิ8 ชม. ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ไม่หนัก ไม่บาด หอมรื่นรมย์มากมาย แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนปิดท้ายแบบกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - เอาตรงๆ จากใจ แม้ว่าผมเองจะไม่ใช่สายน้ำหอมผู้หญิงนัก แต่นี่คือหนึ่งใน Masterpiece ของ Zoologist เลยที่ทำกลิ่นออกมาได้ธรรมชาติในสภาพแวดล้อมของ Hummingbird ไม่พอ ยังสื่อสารถึงความอ่อนโยนแต่มั่นคง โดยมีความหวานละมุนแบบผู้ดีควบคู่กันไปได้ดีงามมากจริง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - http://4.bp.blogspot.com/-P9sAtP_iDnU/Vp8SGfs0uEI/AAAAAAAAGw0/1Z1Ah7c0Uow/s1600/Hummingbird-scene_grande.jpg

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Zoologist - Bat

Zoologist - Bat 

เพราะแค่ชื่อรุ่นน้ำหอมก็ชัดเจนว่าเราจะมาเป็นค้างคาวกัน ซึ่งน้ำหอมรุ่นนี้ของ Zoologist เป็น Winner of the Art and Olfaction Awards 2016 in the Independent category ด้วยนะครับ เพราะมันมาด้วยความเป็นธรรมชาติของค้างคาวมากจริงๆ ซึ่งจะเป็นยังไงนั้น มาดมกัน 

มาถึงก็ได้เวลาค้างคาวกินกล้วยและผลไม้กันเลย เพราะ Top Notes นี่มาถึงอารมณ์แบบดินเปียกๆ ติดตะไคร่น้ำ ผสมดินประสิวแนวๆ ขี้ค้างคาวนิดๆ แต่ไม่ได้มารุนแรงมากนัก และมีกลิ่นของเปลือกกล้วยผสมผลไม้มาเต็มมากกกกก แบบว่า เฮ้ยยยยย! นี่เดินถ้ำอยู่เหรอ ซึ่งเพียงไม่นานก็เข้าสู่ Middle Notes ซึ่งคราวนี้กลิ่นของผลไม้แบบพวกสับปะรดและฝรั่งสุกงอมๆ ผสมผสานกับกล้วยจะชัดมากขึ้นไปอีก แถมกลิ่นดินชื้นๆ ยิ่งมาเต็มกว่าเดิม เพียงแต่จะมีกลิ่นแนวๆ หินปูนเปียกๆ อารมณ์ถ้ำ และมีกลิ่นอับๆ ชื้นๆ กลั้วไปด้วยกลิ่นเขียวติดหวานโปร่งๆ ผสมผสานกันมา แบบเหมือนยิ่งเดินเข้าถ้ำลึกมากขึ้นยังไงยังงั้น แถมด้วยกลิ่นอายติดสาปสัตว์จางๆ เริ่มจะแทรกขึ้นมาทีละนิดจนนำเข้าสู่ Base Notes กันอย่างเต็มๆ กับกลิ่นของ Musk แบบดิบๆ เคล้ากลิ่นอายแบบหนังติดสาปหน่อยๆ แต่ไม่หนักหน่วงจะเริ่มมาเคล้ากับกลิ่นดินเปียกๆ อับๆ กลิ่นจะมีความชื้นๆ ตีคู่มาแบบชัดเจนมาก ซึ่งถ้าใครเคยได้กลิ่นค้างคาวจะมีลักษณะแบบสาปสัตว์ติดหนังแห้งๆ ซึ่งช่วงนี้คือการจำลองออกมาได้ดีมากจริงๆ แบบว่าเหมือนค้างคาวอยู่รอบตัวเราในถ้ำที่ชื้นๆ มีกลิ่นผลไม้คลุกดินเปียกๆ หล่นอยู่ เป็นอาณาจักรของสัตว์พวกนี้ชัดเจนและมาเต็มแบบที่แนวอิงธรรมชาติได้ชัดมาก

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ได้หมดทุกเพศที่เรียกว่าต้องการความแปลกใหม่ในด้านกลิ่นอายที่มีความเป็นธรรมชาติสูง ซึ่งแน่นอนไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคน โดยกลิ่นสามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน อาจจะต้องใช้ความอินดี้เข้ามาผสมผสานในการใช้งานบ้าง แต่อาจจะไม่เหมาะกับกลิ่นแบบงานทางการที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือนัก แต่ถ้าใส่ทำงาน Office ไม่ได้พบปะคนมากแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ถือว่าสร้างความแนวให้ตัวเองโดดเด่นได้ ในยามทั่วๆ ไปก็สามารถ แต่ขอผ่านการใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกายจะดีที่สุด เดี๋ยวคนอื่นได้กลิ่นจะคิดว่าอาศัยถ้ำอยู่พึ่งออกมา ส่วนยามค่ำคืนถ้าไม่มายด์จะใส่เที่ยวก็เอาเลย เด่นแน่ๆ 5555555

ความทน - มากกกกกกกกกก 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ ความเข้มข้นแบบ EDP ที่แตะ 20% จะเป็น EDP Intense อยู่แล้ว ซึ่งติดทนจั๋งหนับมาก ซึ่งถ้าคนไม่ชอบกลิ่นแต่ลองฉีดมาแบบเต็มที่อาจจะต้องร้องขอชีวิตให้หยุดทนจัดแบบนี้ซะที เพราะบางครั้งกลิ่นล้างน้ำไปแล้ว อาบน้ำไปแล้วก็ยังติดนกับผิวอยู่มากด้วยซ้ำ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีสุดๆ ในตอนต้น แบบว่าเหมือนเราเป็นผลไม้คลุกดินเปียกๆ กันเลย ก่อนจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ ยาวไป จนเมื่อเข้าช่วงท้าย จึงกลายเป็นกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวตามสภาพผิวของแต่ละคน

ทิ้งท้าย - กลิ่นมันแน๊วววววว แนววววว แบบที่ว่าคนได้กลิ่นยามที่ผมใส่อึ้งกันหมด ทักด้วยซ้ำว่า ไปเที่ยวถ้ำมาเหรอ 555555555 ซึ่งเป็นอะไรที่ผมต้องชื่นชZoologist กันเลยว่า ทำกลิ่นนี้ออกมาได้ชัดในสภาพแวดล้อมและสื่อถึงความเป็นค้างคาวได้ดีจริงๆ สมแล้วที่ได้รางวัลมา 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  https://cdn.shopify.com/s/files/1/0396/9165/products/Bat-Still-Life-Photo_1024x1024.jpg?v=1463318509

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Review: Zoologist – Beaver

Zoologist – Beaver

ได้เวลาของความน่ารักในอีกมุมจากการสื่อถึงกลิ่นอายของสัตว์มาทำเป็นน้ำหอมอีกแล้วหลังจากผ่านความหนักหน่วงของแรด และความโปร่งสบายของแพนด้า นี้มากันที่นักทำงานตัวป้อมๆ ที่เก่งมากมายในการสร้างเขื่อนตามธรรมชาติอย่าง Beaver บ้างแล้ว ซึ่ง Zoologist จะทำออกมาอย่างไรบ้าง ต้องดมกันหน่อยแล้ว

เรียกว่าเปิดมาได้อารมณ์ของความเป็นบีเวอร์กันเลยทีเดียว เพราะกลิ่นอายแบบสัตว์มีขนเปียกน้ำกลิ่นตุ่ยๆ จะมาก่อนเลย เพราะกลิ่นของ Musk ที่ผสมผสานกับ Castoreum (กลิ่นต่อมเพศของบีเวอร์) จะมาแบบชัดมากจนออกแนวอย่างกับกำลังอุ้มบีเวอร์ที่เปียกน้ำอยู่ ซึ่งแม้จะมีกลิ่นสาปตุ่ยๆ ติด Smoky อวลๆ เปียกๆ แต่จะมีกลิ่นอายสดชื่นมาผสมผสานไปด้วยจากโทนซิตรัสและมีกลิ่นอมหวานจางๆ แบบอากาศดีๆ ยามเช้า ซึ่งจะทำให้รู้สึกได้ว่าเรากำลังเลี้ยงบีเวอร์อยู่หรืออาจจะเป็นบีเวอร์ซะเองที่กำลังทำงานหาไม้มาสร้างเขื่อนที่เป็นบ้านอยู่ โดยในช่วงต้นนี้จะเริ่มมีกลิ่นอายติดไม้ซีดาร์จาก ISO E Super แทรกอยู่ และจะค่อยๆ เด่นขึ้นมาทีละนิดอยู่ไปจนถึงช่วงท้ายของน้ำหอมเลยทีเดียว ซึ่งช่วงกลางจะเป็นเวลาของกลิ่นสาปบีเวอร์ที่เต็มขึ้นมา ความ Smoky แบบติดหนังสาปไหม้ยังมีอยู่ชัดเจน แต่จะมีกลิ่นติดแป้งจากไอริสมาทำให้กลิ่นออกทางอับๆ โดยมีกลิ่นดินชื้นๆ ที่ออกทางอุ่นๆ หน่อยๆ ความสดชื่นเริ่มจางหายไป เหมือนบีเวอร์ตัวใกล้แห้งแล้วแต่มีกลิ่นตุ่ยๆ ตามธรรมชาติกับกลิ่นไม้และกลิ่นดินอับๆ ติดโคลนรอบๆ เขื่อน ซึ่งกลิ่นโทนไม้หอมอย่างซีดาร์และ ISO E Super จะเริ่มเด่นขึ้นมามากขึ้นตามลำดับ จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นอายตุ่ยๆ ติดสาปจะเบาบางลงไปเหมือนบีเวอร์ตัวแห้งแล้ว โดยจะมีกลิ่นอบอุ่นนวลๆ กลั้วไม้หอมเหมือนบีเวอร์กลับเข้ามาในรังขอนไม้ซีดาร์ที่อบอุ่นกำลังดี กลิ่นอายสาป Smoky จะมาแบบอ้อยอิ่งกลั้วกับกลิ่นของเถ้าไม้นวลๆ ไปตลอด แล้วนอนกลิ้งเล่นหลังจากทำงานสร้างเขื่อนมาทั้งวันนั่นเอง ซึ่งภาพรวมมันหอมแบบมีชั้นเชิงให้นึกถึงความเป็นธรรมชาติของสัตว์น้อยนักสร้างเขื่อนตัวนี้ชัดๆ แต่อีกมุมก็เป็นกลิ่นอายที่แอบบอกถึงความเท่ห์และมีพลังที่ได้ทั้งความน่าเชื่อถือในกลิ่นที่ดูเหมือนหนักแน่นแต่ใกล้ธรรมชาติแบบสดชื่นมากพอที่ทำให้รู้สึกไม่หนักหน่วง ความปลุกเร้าแบบโทน Animalic ที่แอบเซ็กซี่ และปิดท้ายความอบอุ่นติดนวลๆ มีเสน่ห์ หอมแบบมีชั้นเชิงไม่น้อยเช่นกัน

เหมาะสำหรับ – Unisex ได้เลย ซึ่งกลิ่นอายอาจจะออกทาง Animalic ตุ่ยๆ กันหน่อยที่ทำให้รู้สึกเหวอๆ นิดๆ แต่พอเริ่มชินกลิ่นแล้วมันจะมีเสน่ห์แบบที่ไม่เหมือนใครนอกจากบีเวอร์ เช่นนั้นถือว่าแตะได้ทั้ง 2 เพศสบายๆ แม้อาจจะเข้าทางหนุ่มๆ กว่านิดหน่อยก็ตาม ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งงานทางการและทั่วๆ ไปแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับกลางแจ้งแดดร้อนๆ และการออกกำลังกายนัก นอกจากรอช่วงท้ายๆ พอไปได้สบายๆ ส่วนยามค่ำคืน สามารถใส่ไปท่องราตรีก็ได้ ออกงานก็สามารถ

ความทน มากกกกกกกก 12 ชม. กลิ่นยังคงตีขึ้นอยู่สบายๆ แถมข้ามคืนกลิ่นก็ยังติดอยู่เพราะความเข้มข้นน้ำหอมสูงไม่น้อยเลยทีเดียว

การกระจาย
กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ แล้วลดหลั่นลงไปตามกาลเวลาเป็นกลางๆ ออร่ารอบๆ ตัวตามลำดับ

ทิ้งท้าย
เรียกว่าเป็นกลิ่นที่ถ้ารับช่วงต้นได้ที่เหลือใช้ง่ายกว่าที่คิดในแง่ของน้ำหอมที่กลิ่นแนวๆ และแปลก ที่สำคัญใช้ง่ายกว่าแรดและแพนด้ามากเลยทีเดียว และตอนนี้ Beaver ประกาศปรับสูตรเรียบร้อยแล้ว กลิ่นเวอร์ชั่นที่ผม Review นี้จะหาได้ยากแล้วล่ะครับ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ



วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

Review: Zoologist – Panda

Zoologist – Panda

หลังจากที่ได้ผ่านการบอกเล่ากลิ่นอันหนักแน่นและน่าเกรงขามของท่านนายพลแรด ที่แบรนด์ Zoologist ได้สร้างสรรค์ขึ้น ก็มาถึงกลิ่นอายของสัตว์โลกน่ารักกันบ้างกับเสี่ย Panda ซึ่งคราวนี้จะมาในลักษณะที่เป็นธรรมชาติของแพนด้าหรือไม่หรือว่าสื่อสารถึงแพนด้าแบบไหน มาลองดูกันดีกว่า

เรียกว่ากลิ่นเปิดทำให้นึกถึงป่าไผ่กันเลยทีเดียว ไม่พอยังนึถึงเหมือนตัวเองเป็นแพนด้า นั่งเคี้ยวใบไผ่จั่บๆ เพราะกลิ่นเขียวแบบใบไผ่จะฟุ้งกระจายมากมาย มีกลิ่นของใบชิโซะติด Spicy จางๆ จากพริกไทย แถมมีกลิ่นชาเขียวเสริมเข้ามา ที่สำคัญมันกลิ่นซิตรัสแบบอึนๆ หน่อย ทำให้กลิ่ยช่วงนี้เหมือนกลิ่นเขียวสากของใบไผ่ผสมน้ำลายของแพนด้าแบบชุ่มๆ เอียนๆ ท่ามกลางอากาศดีๆ กันเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นช่วงนี้อาจจะทำให้ต้องทำหน้าเบ้ไปพอสมควร เพราะกลิ่นยังไม่ลงตัวมากนัก แถมมีความเอียนแบบแปลกๆ ที่จะทำให้ถอยหนีกันได้ แต่สิ่งดีๆ กำลังจะตามมานั่นคือ พอเข้าช่วงกลาง กลิ่นเอียนๆ อึนๆ จะเริ่มหายไปเป็นกลิ่นเขียวๆ ของใบไผ่แบบประปรายกลั้วกับกลิ่นของดอกไม้อ่อนๆ นำเด่นโดยลิลลี่ และดอกกระถิน (Mimosa) ที่จะมาให้ความนวลติดเขียวหวานจางๆ ที่สำคัญมีกลิ่นออกทางดอกหอมหมื่นลี้ (Osmanthus) ที่ออกกลิ่นหอมพีชจางๆ ได้อารมณ์แบบกลิ่นอายบรรยากาศสดชื่นติดหอมหวานของกลิ่นป่าไผ่เคล้าดอกไม้ เหมือนซูมขยายออกมาจากพฤติกรรมของแพนด้าที่กินใบไผ่แบบสะใจขาดดิ้นมาสู่สภาพบรรยากาศโดยรอบๆ ตัวของแพนด้า ส่งต่อให้ช่วงท้ายกลิ่นเขียวๆ ของไผ่จะตามมาจางๆ โดยที่กลิ่นของหอมหมื่นลี้และดอกกระถินจะยังคงอยู่ให้ความเขียวติดโทนหวานใสๆ กลั้วกับกลิ่นสะอาดๆ นุ่มๆ จากกลิ่น Musk และมีกลิ่นไม้หอมตีคู่มาจากไม้จันทน์หอมที่ออกอบอุ่นเบาๆ กลิ่นจะยังคงความสดชื่นจากโทนเขียวๆ มีความฉ่ำหน่อยๆ จากหญ้าแฝกกำลังดี เหมือนซูมขยายออกมาอีก จนเห็นแพนด้านอนกลิ้งไปมาแบบผ่อนคลายท่ามกลางอากาศสดชื่นสะอาดนุ่มติดเขียวตามธรรมชาติ ไล่เรียงกันมาอย่างชัดเจนเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย กลิ่นนี้เรียกว่าได้หมดทุกเพศ และต้องเป็นคนที่ชอบกลิ่นโทนเขียวๆ พอสมควรจะอินกับกลิ่นนี้ได้ไม่ยาก โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่ไม่ได้ออกทางการแบบรับแขกบ้านแขกเมืองเกินไปนัก ซึ่งถ้าใส่ทำงานทั่วๆ ไป หรือใส่ชิลล์พักผ่อนกลิ่นจะลงตัวเลยทีเดียว แบบให้รอช่วงต้นผ่านไปก่อนถึงค่อยออกเจอผู้คน ไม่งั้นอาจจะมีคนสงสัยว่าเราเคี้ยวใบไผ่อยู่หรือเปล่าเอาได้ ส่วนใส่เพื่อออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายๆ เลยกับอากาศร้อนๆ แบบนี้ แต่ถ้าคิดจะเอาตัวนี้หาเหยื่อ หยุดเถิด กลิ่นไม่ได้ยั่วเลยนะ

ความทน มากกกกกกกกก เพราะความเข้มข้นของน้ำหอมราวๆ 20% ได้ถ้าจำไม่ผิด ความทนลากยาวไปที่ 12 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้นด้วยถ้าจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเหมาะสม ที่สำคัญกลิ่นนี้อิงเคมีในระดับหนึ่ง

การกระจาย กลิ่นกระจายหนักในช่วงต้น พอผ่านไปได้จะลงลงมากระจายดีงามไปตลอด จนช่วงท้ายที่จะลดลงมากระจายกลางๆ ไปเรื่อยๆ ซักพักใหญ่ก่อนจะลดเพดานลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย
กลิ่นแนวมาก และก็ธรรมชาติมากด้วย ที่สำคัญกลิ่นนี้ลองกับกระดาษกับผิวจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะกระดาษจะคงความเขียวเอียนๆ ยาวนานมาก แต่กับผิวจะกลายเป็นติดหวานจางๆ หอมเขียวกำลังดีมากมายครับ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review: Zoologist – Rhinoceros


Zoologist – Rhinoceros

แรดดดดดดดดดด! เอ่ยถึงคำนี้รับรองมีตีความกันว่าแกด่าใครหรือเปล่า? แต่เปล่าเลยจะมาว่ากันถึงเรื่องน้ำหอมต่างหาก เพราะว่าแบรนด์น้องใหม่ของ Zoologist จากแคนาดา ได้ปล่อยน้ำหอมออกมาสื่อถึงสัตว์แต่ละประเภทซึ่งตอนนี้มีมาเพียง 4 รุ่น กับสัตว์ 4 ชนิด ซึ่งลงทุนยอมสั่งจากแคนาดามาลองกันเลยทีเดียว โดยเปิดศักราชกับรุ่น Rhinoceros ว่ากลิ่นที่สื่อถึง #แรด ระดับนายพล (ตามรูปของรุ่นที่สื่อ) แบบนี้จะเป็นยังไง

#นายพลแรดเปิดตัว - พอฉีดเข้าตัวเท่านั้นแหละแกเอ๊ยยยยยย! มาแบบ อื้อหืออออออเลย กลิ่นหนักและแน่นมากในแบบเหล้ารัมคมๆ ปริ๊ดขึ้นมา กลั้วกับกลิ่นอายเขียวๆ ออกทางสมุนไพรแบบเข้มๆ วู้ดดี้แน่นๆ ผสมโทนซิตรัสสดชื่น เรียกว่ากลิ่นเปิดแหลมคมมากเลยทีเดียว ได้อารมณ์แบบเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ที่มาเต็มเหนี่ยว แบบว่าผงะกันได้ แถมอาจจะทำให้รีบไปล้างออกดันเพราะมาหนักจริง อะไรจริง ไม่เกรงใจใครเพราะข้าใหญ่

#นายพลแรดผู้น่าเกรงขาม - แต่สิ่งที่ดีงามก็ได้ฤกษ์ปรากฎมาในช่วงกลาง เพราะกลิ่นของเหล้ารัมที่แหลมเฟี้ยวในตอนต้น จะลดระดับลงมากลมกล่อมกับกลิ่นใบยาสูบ ทำให้กลิ่นอายออกทางนัวๆ นวลๆ แบบมีระดับ มีกลิ่นสดชื่นแบบประปรายเข้ามาแทรก ผสานกับกลิ่นอายของ Oud จะมากลั้วนวลๆ กลิ่นอายออกทางธรรมชาติ มากกว่าจะเป็นน้ำมันสกัดเข้มแบบตะวันออกกลาง ทำให้กลิ่นอายจะออกทาง Rich Tone มีความเคร่งขรึมจากกลิ่นของไม้ซีดาร์เสริมเข้าไปทำให้ดูขลังและขรึม โดยที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นนุ่มๆของหนังรองพื้นอยู่แบบหรูหรา กลิ่นช่วงนี้จะบ่งบอกุถึงความน่าเชื่อถือ นิ่ง ขรึม มีอำนาจ ขลัง มีระดับ และน่าเกรงขาม โดยมีความนุ่มติดสดชื่นบางๆ แฝงอยู่

#นายพลแรดผู้มากบารมี - กลิ่นอายของโทนเคร่งขรึมน่าเกรงขามและมีระดับในช่วงกลางของ Oud ใบยาสูบ และเหล้ารัมจางๆ ยังคงอยู่แต่จะมาเสริมกลิ่นหนังนุ่มๆ ที่รองพื้นอยู่ตอนช่วงกลางที่เด่นขึ้นมาคลุมทั้งหมดเป็นแกนนำหลัก มีกลิ่นอาย Smoky แบบเท่ห์ๆ จากหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์ ทำให้กลิ่นอายจะออกเป็นเครื่องหนังชั้นดีที่กลิ่นนุ่มงามไม่มีกลิ่นสาป ในห้องที่มีเครื่องไม้เครื่องเรือนกลิ่นอายขลังๆ กับกลิ่นเหล้ารัม และใบยาสูบชั้นดีจากไปป์ เพราะกลิ่นบ่งบอกถึงบารมีที่แรงกล้า ทั้งเท่ห์ ทั้งอบอุ่นจางๆ และมีความหนักแน่นมาดแมนและเป็นผู้ใหญ่เต็มเหนี่ยวไปเลย เป็นช่วงที่กลิ่นงามงดที่สุดจริงๆ

ภาพรวม - ถ้าเปรียบเทียบกับแรด เรียกว่าใช่ คือ กลิ่นอายแบบหนักแน่น นิ่ง บารมีแรงกล้า แต่เวลาเอาจริง แผ่รังสีแบบนิ่งๆ แล้วพ่อเอานอเสยไส้แตกแบบที่หน้าเดิมๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ได้เลย เรียกว่าแสดงความเป็นกลิ่นของแรดแบบอนุมานได้งามมาก และเป็นการดีแล้วครับที่ไม่เอากลิ่นแรดธรรมชาติจริงๆ มาเป็นน้ำหอม ไม่งั้นฆ่าตายหมู่เอาได้

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานที่อายุ 30 อัพ หรือจะอายุน้อยกว่านี้ก็พอได้ แต่อย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอม Niche มาในระดับหนึ่ง ไม่งั้นเจอกลิ่นช่วงแรกไปตายสนิทเพราะมาแรงจริงอะไรจริง สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นอายแบบนี้มันเสริมบุคลิกภาพให้ดูมีอำนาจและบารมีมากเลยทีเดียว งดใส่ออกกำลังกายเด็ดขาด รวมถึงถ้าใส่แบบชิลล์ๆ ก็เบาๆ เดี๋ยวข่มขวัญชาวบ้านด้วยรังสีกลิ่นเอาจะดูไม่ชิลล์เอาได้ ยามค่ำคืนใส่ได้เลยนะครับ รับรองกลิ่นยิ่งกว่าคำว่าป๋า เพราะอาจจะมีสาวๆ เรียกว่า "ท่าน" เอาได้เลยล่ะ

ความทน - ความเข้มข้นของน้ำหอมแบรนด์นี้จัดที่ 20% เช่นนั้น ห้าห่วงทนหายห่วง 15 ชม. กลิ่นยังมีอยู่ให้รู้สึกได้อยู่เลย

การกระจาย - เรียกว่าเปิดตัวแรงมากกกกก แล้วลดระดับมาที่กระจายดีงาม ก่อนจะลดลงไปเป็นกลางๆ และออร่ารอบๆ ตัวตามเวลาที่ผ่านไป

ทิ้งท้าย - ตอนแรกไม่คิดว่าจะชอบเพราะลองผ่านๆ เจอช่วง Top ผ่านกระดาษแล้ว อูยยย หนักมากจนอึ้งแล้ว พอลองมาใส่เต็มๆ 2 รอบ แบบจำนวนสเปรย์ลงตัวกำลังดี อูยยยย Middle กับ Base มันหอมเท่ห์ หนักแน่น นิ่งขรึม มีอำนาจ และบารมีมาครบเลย ชอบมากกกกก กลิ่นดีงามมากกกกก บอกเลยตรงนี้