แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Burberry แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Burberry แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Review: Burberry Her Blossom

Burberry Her Blossom

หลังจากที่ My Burberry เป็นน้ำหอมหญิงดาวเด่นมาตั้งแต่ปี 2014 จนปูทางต่อยอดรุ่นลูกหลานออกมาเรื่อยๆ จนมามาถึงปี 2017 ที่ออกมาทั้งแบบสายหลักอย่าง My Burberry Blush และสายย่อยอย่าง My Burberry Black Elixir de Parfum ตอนแรกก็คิดว่าสายนี้น่าจะมีรุ่นที่ออกมาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แน่ๆ เพราะเป็นที่นิยมระดับ Top ของแบรนด์เลยในการกวาดผู้ใช้งานฝั่งสาวๆ ให้มาสัมผัสสไตล์มีเสน่ห์เย้ายวนแกมความมีระดับของแบรนด์ แต่กลับกลายเป็นว่า

ในปี 2018 แบรนด์เองได้เปิดตัว Collection น้ำหอมหญิงใหม่ขึ้นมาและดันให้เป็นหนึ่งในเรือธงใหม่ที่จะทั้งกวาดผู้ใช้งานเดิมและผู้ใช้งานใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพมากขึ้น พร้อมกับการเปิดตัว Logo ใหม่ของแบรนด์ไปในตัวด้วย ซึ่งนั่นก็คือ Burberry Her ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มาตามสเต็ปคือมีรุ่นต่อยอดออกมาเป็นลูกหลานรวมต้นตระกูลแล้วถึง 4 รุ่น ในปัจจุบัน

แต่ในครั้งนี้เราไม่ได้มาว่ากันที่รุ่นต้นตระกูลเบิกทาง (ไว้มีโอกาสว่ากันภายหลัง) แต่ขอมาเจอกันที่สาย Lighter อย่างรุ่น Her Blossom ที่เป็น Eau de Toilette แทนดีกว่า ว่าจะสร้างสรรค์กลิ่นออกมาอย่างไรบ้าง

กลิ่นเปิดค่อนข้างชัดเจนมากกับเนื้อกลิ่นที่บ่งบอกถึงสีชมพูมาก่อนเพื่อนเลย และกลิ่นมีความกำลังดีกลางๆ มีความสดชื่นแกมหวานเป็นที่ตั้ง ซึ่งสิ่งที่จับต้องได้เลยคือ เนื้อกลิ่นจะมีความเป็น 4 ลูกผสมที่ค่อนข้างเสริมกันได้ดีและมีความเป็นโทนสว่างที่ชัดเจน เริ่มที่กลิ่นโทนหลักเลยคือโทนดอกไม้สีชมพูที่เป็นกลิ่นอายโทนกุหลาบสดชื่นจากดอกโบตั๋นที่จะมีลูกคู่อย่างโทน Citrus ของส้มที่ให้ความหวานอมเปรี้ยวกำลังดี จับได้ว่ามีกลิ่นออกทางเลมอนหน่อยๆ ที่ให้ความสดชื่นรวมอยู่ด้วย และมีโทนออกทางกึ่งพริกไทยที่มีความแกมหอมปร่าติดฟาดแกมมีลูกเอื้อนคล้ายกุหลาบที่เชื่อมโทนกับความเป็นโบตั๋นได้อย่างลงตัว รวมถึงมีลูกเอื้อนที่เป็นโทนออกทางผลไม้สีแดงใสๆ ติดหอมหวานเนียนๆ เล็กๆ คล้ายโทนเบอร์รี่อยู่ข้างในนั้นด้วย ซึ่งทุกอย่างพอผสมผสานรวมตัวกันออกมาก็จะชูโรงกลิ่นอายดอกไม้สีชมพูหวานซ้อนเปรี้ยวสดชื่นแบบชัดเจน ซึ่งกลิ่นมาสไตล์เข้าถึงได้ง่ายและมีความ Mass เต็มๆ 

ในการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมจะเริ่มมีความมินิมัลแกมเรียบหรูเข้าถึงง่ายมากขึ้น โดยยังคุมโทนสีชมพูอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะโบตั๋นก็ยังคงให้โทนออกทางกุหลาบสดชื่นสีชมพู แต่เริ่มจะมีโทนที่มีความนวลในเนื้อกลิ่นมากขึ้น รวมถึงมีโทนออกทางผลไม้กึ่งลูกพลัมแกมดอกไม้อ่อนๆ แกมกลิ่นดอกไม้ขาวใสๆ ออกทางมะลิที่เป็นลูกคู่เข้ามาร่วมด้วย แต่จะรองพื้นบางๆ ด้วยกลิ่นออกทางโทนแป้งติดโปร่งหน่อยๆ คล้ายดอกไวโอเล็ตที่มาแบบเบาๆ เลยจะได้ความรู้สึกไล่จากกลิ่นโบตั๋นที่ให้ความเป็นกุหลาบสีชมพูอ่อนสดชื่นแกมหวาน ซ้อนด้วยกลิ่นออกทางผลไม้หน่อยๆ ที่เอื้อให้โบตั๋นชัดขึ้น ก่อนจะมีความเป็นแป้งเบาๆ รองพื้น ซึ่งต้องบอกเลยว่าทุกอย่างยังคุมโทนสีชมพูอ่อน ที่ให้ความหวานระเรื่อแกมสดชื่นปลายกลิ่นหน่อยๆ ชี้ทิศทางกลิ่นเป็นโทนหวานใสๆ มีความอ่อนหวานแกมสไตล์เรียบหรูที่เป็นพื้นฐานของแบรนด์ไม่หลุด Concept แต่อย่างใด 

รอยต่อระหว่างช่วงกลางกับท้ายจะเริ่มสัมผัสได้ว่าเนื้อกลิ่นมีโทนนวลมากขึ้นอีกหนึ่งสเต็ปจนรู้สึกได้ชัดเจนถึงโทน Musky ที่มากล่อมให้กลิ่นมีความนวลคลอผิวมากขึ้นจนปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะมีโทนไม้จันทน์หอมที่ให้ความครีมมี่ติดกลิ่นไม้ระเรื่อเข้ามาเสริมให้กลิ่น ซึ่งสอดรับกันได้ดีมากกับโทนโบตั๋นแกมดอกไม้ติดปลายกลิ่นผลไม้ที่ตามมาในช่วงนี้แบบเป็นปลายกลิ่น ซึ่งช่วงท้ายคือความมินิมัลแบบเบาๆ เรื่อๆ ไม่เน้นโฉ่งฉ่าง เพราะเป็นสไตล์คลอผิวแบบกลิ่นนุ่มๆ แกมแป้งเล็กๆ ติดกลิ่นสว่างของไม้ครีมมี่เรื่อๆ แล้วฉาบปลายหวานระเรื่อที่ยังให้อารมณ์โทนสีชมพูอ่อนเช่นเดิม ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายที่ยังคงเข้าถึงได้ง่ายมากและมีความเป็นโทนเบาๆ Whispering สไตล์เรียบหรูนั่นเอง  

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นมาสายสีชมพูอ่อนสว่างๆ สดชื่นแกมหวาน เลยแตะการใช้งานได้แทบจะทั้งหมดในยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายก็รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน ไว้ใส่แบบออกงานหรือทั่วไปจะดีที่สุด เพราะกลิ่นมาสายเบา ยังไงก็สู้สายแน่นๆ ไม่ได้แน่นอน

ความทน - อยู่ที่ราว 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบบ้างตีไปเผื่อๆ ที่ราว 2 ชม. ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. แล้วก็จะจางไปตามลำดับ เลยเน้นพกพาไปฉีดเติมระหว่างวันด้วยก็ดี

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลงมาเป็นปานกลางซักราวๆ 2 - 3 ชม. ก่อนจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนเมื่อผ่านไปซัก 4 ชม. ก็จะเริ่มลงมาเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

สรุป - เป็นน้ำหอมผู้หญิงแบบเต็มๆ เพราะความ Feminine มาทุกสโตรกเลยกับการให้โทนสีชมพูอ่อนที่เข้าถึงได้ง่าย และใช้ง่ายมาก ไม่ได้หวือหวาหรือจัดจ้านมาจากไหน เน้นว่าถ้าไม่คิดอะไรอยากได้กลิ่นแนวอ่อนหวานแกมสดใสสร้างความหวานแบบสีชมพูอ่อนแกมสดชื่นตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกได้ดีเลยทีเดียวกับการใส่แบบสบายๆ สไตล์มินิมัลเรียบหรูแบบที่ยังไงก็รอดทางกลิ่นสูงนั่นเอง 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.nordstrom.com/s/burberry-her-blossom-eau-de-toilette/5263895

 

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564

Review: Burberry Body Eau de Toilette

Burberry Body Eau de Toilette

ถือเป็นอีก 1 ไลน์น้ำหอมที่ฮอตฮิตติดลมบนมากเลยทีเดียวของ Burberry กับการนำเสนอกลิ่นอายของผู้หญิงสมัยใหม่ที่มีความเป็นกลิ่นอายแบบเรียบหรูผู้ดี แต่แฝงไปด้วยความเย้ายวนและเซ็กซี่เอาไว้อยู่ทุกอณูสมกับชื่อว่า Body ในปี 2011 และยังได้พรีเซนเตอร์เป็นนางแบบชื่อดังอย่าง Rosie Huntington-Whiteley มาเป็นตัวแทนในการพรีเซนต์รูปร่างผ่านกลิ่นเสียด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไลน์นี้ฮิตติดลมบนมาตลอดจริงๆ จนถึงทุกวันนี้

ส่วนสไตล์การปล่อยน้ำหอมของไลน์นี้ก็มาลักษณะเดียวกันกับน้ำหอม Designer แบรนด์อื่นๆ ที่จะต้องมี EDP (รุ่นตั้งต้น), EDP Intense, EDT และรุ่นที่ต่อยอดได้ในความเป็นกลิ่นนั้นๆ โดยการพ่วง Wording อื่นๆ เข้ามา เช่นนั้นเมื่อโอกาสเข้ามาเยือนกับการได้รุ่น EDT ของสายนี้มาลอง ก็ต้องมาเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

บอกก่อน - เนื่องจากเคยลองรุ่นตั้งต้นผ่านๆ เลยจะไม่ได้กล่าวถึงหรือท้าวความไปแตะรุ่นนั้นจนกว่าจะได้ลองเต็มๆ อีกที เช่นนั้นในการเล่ากลิ่นครั้งนี้จะมุ่งตรงมาที่รุ่น EDT เป็นสำคัญ

เปิดตัว Top Notes กันที่กลิ่นโทนแอปเปิ้ลเขียวที่ให้ความเปรี้ยวเจือความเป็นผลไม้วูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นพีชที่ให้ความหวานหอมกึ่งนวลเข้าทางโทนแป้งเล็กๆ ก่อนที่จะมีโทนเขียวคมกึ่งสมุนไพรของโกฐจุฬาลัมพาเสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีลูกผสมระหว่างกลิ่นโทนสมุนไพรกับผลไม้ที่กำลังดี มีความสดชื่นให้จับต้องได้ โดยที่มีความอวลคมกำลังดี เพียงแต่จะไม่ได้หนักมาก เพราะตัวแทรกเนียนที่ค่อยๆ ทยอยเปิดตัวออกมาอย่างกลิ่นโทนดอกไม้อย่างกุหลาบจะค่อยๆ ทยอยๆ มาตัดทอนสร้างอารมณ์กลิ่นที่ได้มิติทั้งผลไม้สดชื่น เขียวอวลสมุนไพร และหอมหวานดอกไม้กึ่งโทนแป้งแบบที่ให้ความกำลังดีไม่หนักเกินไป ได้ความเป็นน้ำหอมของผู้หญิงชัดเจนตั้งแต่แรกไม่พอยังได้ความรู้สึกสดใสติดเย้าๆ แบบไม่โฉ่งฉ่างได้ดีเลย 

การเปลี่ยนแปลงจะชัดเจนพอสมควรกับการกลับโทนมาให้กลิ่นดอกไม้ติดโทนแป้งเป็นตัวเด่นขึ้นมาใน Middle Notes  ซึ่งเนื้อกลิ่นจะให้ความเรียบหรูปรความรื่นจมูกในอารมณ์สีโทนอ่อนที่มีความรู้สึกทั้งสีชมพูและสีออกทางโทนแป้งนู้ดกำลังดี กลิ่นเด่นจะชัดเจนมากกับกุหลาบที่มีโทนแป้งติดอับอ่อนๆ มีเสน่ห์ของดอกไอริสมาเสริม จนได้อารมณ์คล้ายแป้งหอมกลิ่นกุหลาบเสริมความเปนผู้หญิงได้ชัดเจน โดยจะมีมิติกลิ่นในช่วงต้นให้ความสดชื่นปนสดใสบางๆ อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าความเขียวกับความเปรี้ยวหอมผลไม้ยังมีอยู่แต่เป็นตัวรองที่ให้ความประปรายเสียมากกว่าและไม่พอยังโดนเกลากลิ่นจากกลิ่นอะโรม่าเบาๆ ของชาที่มาทำให้ความคมของโกฐจุฬาลัมพาลดลงไป กลายเป็นกลิ่นหอมระเรื่อเจือสมุนไพรบางๆ ได้ดี ซึ่งเสริมให้มิติโทนแป้งหอมกุหลาบมีความเย้าๆ เรียบหรูติดมั่นเนียนๆ ได้ดีเกินคาด จนเมื่อกลิ่นโทนในช่วงต้นเริ่มจางไปจนหมด เหลือเพียงแป้งหอมกุหลาบ กลิ่นที่มาเสริมก็จะเริ่มเป็นโทน Musky ที่มาสอดรับได้พอดีและก็เป็นการเข้าสู่ Base Notes ของน้ำหอมเต็มตัว ซึ่งกลิ่จเป็นลูกผสมที่ลงตัวมากระหว่างความเป็นโทนไม้หอมเจือ Musk ที่ลงตัวมา และมีโทนแป้งติดอบอุ่นบางๆ ซึ่งน่าจะมาจากวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นมาเสริมกลิ่นแป้งหอมกุหลาบที่ตามมาจากช่วงกลางด้วย ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะเป็นเหมือนแป้งหอมกุหลาบหวานอ่อนๆ ฉาบผิวกายนุ่มนวลมีเสน่ห์ติดครีมมี่สร้างความเรียบง่ายและเรียบหรูในทีได้ดี แถมคุมโทนกลิ่นหอมสีออกทางเบจกลั้วชมพูอ่อนๆ ได้ลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก กลิ่นให้ความเรียบหรูแกมเย้าติดเซ็กซี่เนียนๆ แบบไม่โฉ่งฉ่างแต่มีในในการปล่อยออร่าแบบ Sex Appeal ชัดเจน ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป ที่ให้ความเป็นผู้หญิงที่มีความสดใส นุ่มนวล และเย้ายวนแบบเรียบหรูได้ดี แต่จะมีแค่การใส่เพื่อออกกำลังกายเลยที่ควรจะตัดออกไป ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบออกงานหรือโรแมนติคน่าจะดีกว่า เพราะกลิ่นเบาไปถ้าจะเอาไปท่องราตรี ซึ่งถ้าจะเอามาใช้เพื่อท่องราตรีแนะนำไปตัว EDP ตั้งต้นหรือว่า EDP Intense น่าจะให้ความเข้มข้นได้ดีกว่า

ความทน - ลงตัวกับราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบนิดหน่อยไม่เกิน 2 ชม. แต่ถ้าสภาพผิวกายเอื้อมากพอและจำนวนสเปรย์เหมาะสมยาวไปที่ 8 - 10 ชม. ได้อยู่

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้นแล้วจะลดลงมาปานกลางซักครู่ก่อนจะเป็นออร่ารอบตัวเบาๆ ไปเรื่อยๆ ในช่วงกลางคงตัวยาวไปจนถึงช่วงท้ายที่จะติดผิวแล้วตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัว

สรุป - เป็นอีกหนึ่งในน้ำหอมกลิ่นผู้หญิงที่นอกจากจะเข้าถึงได้ง่ายแล้ว ยังมีลูกเล่นความเย้ายวนและจริต Sex Appeal ที่ซ่อนอยู่ในความเรียบหรูตามสไตล์ Burberry ได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญสามารถจับเข้ามาอยู่ในกลุ่ม #ใช้แล้วรอด และ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ได้ไม่ยากเสียด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.allbeauty.com/861025-burberry-body-eau-de-toilette-spray-85ml

 

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Review: Burberry - Mr. Burberry Eau de Parfum

Burberry - Mr. Burberry Eau de Parfum

เมื่อเป็นถึงทิศทางใหม่ของน้ำหอมชายของ Burberry กับการสร้างความเป็น Mr. Burberry ขึ้นมา แถมดันกันให้สนั่นขนาดนี้ เช่นนั้นเมื่อได้ฤกษ์ก็ต้องมาทางเลือกในไลน์ออกมาต่อยอดกันหน่อย และสิ่งที่ได้ออกมาก็คือความเข้มข้นที่มากขึ้นในระดับ Eau de Parfum ที่จะมาเสริมให้ความเป็น Mr. Burberry มีความแข็งแรงและมีทางเลือกในไลน์ให้มากขึ้น เช่นนั้น ก็ได้เวลาของการเล่ากลิ่นกันหน่อยแล้วว่ากลิ่นจะเปลี่ยนไปหรือจะคงเดิมเพิ่มเติมความแน่นตามขนบน้ำหอมที่มีรุ่น EDP ออกมาต่อเนื่องจาก EDT ผลที่ออกมาคือ 

กลิ่นมีความแน่นขึ้นและอุ่นนัวขึ้นจริง มีความคาบเกี่ยวระหว่างการเป็นกลิ่นโทนเดิมเพิ่มความเข้มข้นกับความปรับโทนกลิ่นใหม่โดยไม่ทิ้งความเป็นลายเซ็นแบบเดิม เรียกว่ามีความกลางๆ แบบว่าคนที่ชอบของเดิมก็ไม่น่าจะยี้ และคนที่ชอบอะไรที่หนักขึ้นก็ไม่น่าจะยี้เช่นกัน กะได้ทั้งขึ้นทั้งร่องประมาณนั้น โดยที่เปิดต้นกลิ่น Top Notes มาก็คงความเป็นเอกลักษณ์แบบ Mr. Burberry เดิม ที่เป็น Citrus นุ่มๆ ของเกรฟฟรุตเจือกลิ่นสมุนไพรติดมินต์ก็จริง แต่สิ่งที่เด่นมากขึ้นเลย คือ เม็ดกระวาน ที่กลิ่นจะมาแบบนัวมากขึ้นและเข้มขึ้น และมีความอุ่นๆ เจือในเนื้อกลิ่นชัดเลยแอบจับได้เต็มๆ ว่าน่าจะมีอบเชยผสมอยู่ในนี้ด้วย ซึ่งในรุ่น EDT ไม่มี ทำให้กลิ่นช่วงนี้เป็นโทน Citrus ที่ติดเข้มเย้ายวนและอบอุ่นกำลังดี ไม่ได้ออกทางนัวจัดจน Bad Boy ไปข้างแบบที่มักจะเจอในน้ำหอมผู้ชายโทน Bad Boy ในหลายๆ ตัว ซึ่งยังตคุมโทนความเป็นสุภาพบุรุษสไตล์อังกฤษแบบ Burberry ได้ดีอยู่ 

จนเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นเริ่มมีโทนไม้หอมดันขึ้นมาเรื่อยๆ มีความนุ่มติดนวลหน่อยๆ จากลาเวนเดอร์ ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้เจอในรุ่EDT ก็จะมาเคล้ากับกลิ่นของเม็ดกระวานที่ยังไม่ลดราวาศอกมาจนถึงช่วงนี้ คงความนัวๆ เย้ายวนดึงดูด โดยที่กลิ่นอายอบอุ่นเริ่มชัดมากขึ้นตามลำดับจากอบเชย ที่เริ่มมีพิมเสนเจือเข้ามาด้วย ให้ความรู้สึกน่าค้นหาติดดาร์กแบบซีทรูบางๆ เคล้าความหวานเย้ากำลังดีจากโทนเครื่องเทศที่ไม่ได้ออกทางหวานจ๋าจัดจ้าน ที่สำคัญจะจับได้ถึงกลิ่นไม้หอมที่มาตัดโทนแกมเสริมความอบอุ่นที่ไม่ได้ไปทางเครื่องเทศพอสมควรเลยได้อารมณ์แบบสุภาพบุรุษที่น่าค้นหา เย้ายวน อบอุ่นที่ แอบร้ายนิดๆ ได้อยู่ ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึง Base Notes ที่กลิ่นจะคงความอบอุ่นอยู่ไม่หายไปไหน และกลิ่นไม้หอมจะเริ่มชัดมากขึ้นในลักษณะของกลิ่นที่รองพื้นติดผิวเคล้าความอบอุ่นเรื่อๆ ที่สัมผัสได้ แต่สิ่งที่เด่นออกมาเลย คือ พิมเสนและอบเชย ที่จะเด่นออกมาเป็นกลิ่นที่ตีขึ้นแบบติดไม้หอมจางๆ ให้ความรู้สึกเย้ายวนกำลังดี มีความแมนกำลังงาม คงความเป็นโทนสุภาพบุรุษที่มีมิติที่โทนดึงดูดและอบอุ่นมากขึ้น โดยไม่ได้ทิ้งสไตล์แบบที่แบรนด์วาง Concept ไว้เคล้าไปด้วยความทันสมัยประมาณนั้นนั่นแล 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นใช้ไม่ยาก ถ้าผ่านรุ่น EDT มาแล้วรุ่นนี้คือการเรียนรู้ต่อกับการเป็นผู้ชายที่มาสายอบอุ่นติดเย้ายวน หรือผู้ชายคนไหนที่อยากจะต่อยอดมาสายอบอุ่นแมนๆ ตัวนี้ก็ให้ได้เช่นกัน ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ต้องเหมาะสมนิดนึง เพราะมันมีโทนเย้ายวนผสมผสานอยู่ในนั้น ซึ่งถ้าใส่กับงานทางการก็ได้อยู่ ใส่ทำงานทั่วๆ ไปก็สามารถ แต่ให้ข้ามการใส่เพื่อออกกิจกรรมกลางแจ้งอากาศร้อนๆ หรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย เพราะเดี๋ยวจะมึนเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนจัดไปจะใส่ไปท่องราตรีหรือไปจิบเบาๆ หรือไปโรแมนติคหน่อยๆ ก็สามารถ ดรียกว่าตัวนี้มีความเกือบครอบจักรวาลด้านการใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืนในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ความทน - เรียกว่าลงตัวราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบไปบ้างก็ไม่ได้มากมายอะไร ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมกลิ่นสามารถทนลากไปเกิน 8 ชม. ได้เสียด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และคงตัวการกระจายที่ดีไปเรื่อยๆ เสียด้วย พอผ่านช่วงกลางไประยะ ถึงได้ลดลงมากระจายปานกลาง แล้วเป็นออร่าอบอุ่นรอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้วจะค่อยๆ เป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ชอบกลิ่นผู้ชายสดชื่นสุภาพบุรุษแบบทันสมัยไม่หนักไม่หน่วงสะอาดสะอ้าน เลือก EDT แต่ถ้าชอบอะไรที่ชัดและมีความอบอุ่นมากขึ้น มีความนัวที่ยังคงอยู่ในสไตล์ความเป็นสุภาพบุรุษแบบอังกฤษโดยไม่ได้ไปสาย Bad Boy เลือก EDP หรือจะเอาทั้งคู่ก็ได้ เพราะแบ่งใช้กลางวันกลางคืนได้สบายแฮ 

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - 
http://www.dailyluxury.it/intensamente-mr-burberry/

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Burberry Brit Rhythm for Her

Burberry Brit Rhythm for Her 

เรียกว่ามองข้ามไปนานมาก เมินเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ได้คิดจะมาใช้ Burberry ไลน์ Brit Rhythm เลย แต่พอได้มีโอกาสลองถึงกับอึ้งว่าเราพลาดแล้ว เพราะไม่คิดว่ารุ่นouhของผู้หญิงจะทำออกมาได้ลงตัวมาก เช่นนั้นต้องมาเล่ากลิ่นกันซักหน่อยว่าเป็นลักษณะไหน

Brit Rhythm for Her เปิดตัวกันด้วย Top Notes ที่ให้ความนุ่มติดสดชื่น แต่จะรองพื้นด้วยความสะอาดติดโทนสบู่และแป้งกันก่อนเลย ความเป็นลาเวนเดอร์ที่ให้ความรู้สึกสมุนไพรผสมผสานกับกลิ่นนอายแบบสบู่นวลๆ ของ Aldehydes เคล้ากับกลิ่นสดชื่นติดเขียวของดอกส้มที่สกัดสไตล์ Neroli ที่จะเอาความเขียวกิ่งก้านส้มมาผสมผสาน เนื้อกบิ่นจะมีกลิ่นโทน Fresh Spicy เย้ายวนเบาๆ ไม่โจ่งแจ้งแบบพริกไทยสีชมพูเสริมเข้ามาด้วย อารมณ์จะได้ความรู้สึกสดชิื่นเหมือนอาบน้ำเสร็จด้วยสบู่ลาเวนเดอร์ผสมดอกส้ม แล้วตัวยังหมาดๆ แล้วทาแป้งแบบติดอับสไตล์ไอริสหรืิอหัวออริสลงไปบางๆ ติดหวานนิดๆ อารมณ์เรียบๆ แต่แอบเซ็กซี่กำลังดีไม่ต้องพยายาม ซึ่งเรียกว่าเปิดมาก็ทำได้ลงตัวมากจริงๆ และโทนแป้งติดนุ่มสะอาดสไตล์จะเริ่มเป็นโทนเด่นมากขึ้นในช่วง Middle Notes ที่กลิ่นแป้งจากหัวออริสจะคุมทีมเลยในช่วงนี้ ความเป็นแป้งติดอับๆ เซ็กซี่ ตีคู่กับความสะอาดนวลของลาเวนเดอร์ที่ใมห้ความผ่อนคลายนวลๆ และดอกส้มที่คราวนี้มาแบบแนว Orange Blossom ที่สกัดแบบตัวทำละลาย ได้อารมณ์สะอาดนวลจะตีคู่กันได้ลงตัวมากรับช่วงต่อจากช่วงต้นได้ชัดเจน โดยมีกลิ่นอายของดอกไม้หอมอ่อนๆ กับพริกไทยสีชมพูได้อารมณ์สีชมพูนวลๆ ไม่จัดจ้าน แต่สิ่งที่ทำให้กลิ่นนี้ไม่ได้ไปทางสาวๆ เพราะความเป็นหญ้าแฝกและไม้แห้งๆ ที่เสริมเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้กลิ่นมาลักษณะแบบเท่ห์ๆ เข้ามาได้มากเลยทีเดียว จนเมื่อเข้า Base Notes ที่กลิ่นอายของโทนแป้งจะยังอยู่แบบบางๆ ผสมผสานกับโทนไม้หอมแห้งๆ เบาๆ แต่ยังมีความหวานดอกไม้และความสะอาดนุ่มสไตล์ Musky เป็นพื้นฐานอยู่ ให้ความรู้สึกของการเป็นสไตล์ Burberry ที่เรียบหรู ไม่โฉ่งฉ่างแต่น่าจดจำ เข้าทางลักษณะน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่นได้ลงตัว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงวัยเรียนมหาลัยก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว ยิ่งใครเป็นสายเท่ห์กลิ่นเหมาะมาก แถมไม่ได้หญิงจ๋าเกินไปด้วย เพราะมีความเป็น Unisex ที่ชัดมากในนั้น แบบที่ผู้ชายเองก็ใส่ได้สบายๆ ให้ลักษณะแบบผู้ชายใส่เชิ้ตสีชมพูอ่อนแต่งตัวเนี้ยบๆ ได้เลย ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบทั้งทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นมีความเท่ห์ Cool มั่นใจเป็นพื้นฐานด้วยแม้มาในโทนสะอาดติดโทนแป้ง ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายออกไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางอย่างแรง ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นหญิงมั่นอย่างมีความเรียบหรูชัดเจน 

ความทน - เรียกว่าดีงาม เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังคงอยู่และตีขึ้นอยู่เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางแบบยาวไป พอกลางๆ ช่วงท้ายถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวเหยียด พ้นไปซัก 10 ชม. ถึงเริ่มกลายเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - อีกหนึ่งรุ่นที่เรียกว่ากว่าจะรู้ว่ามันดีก็มองข้ามมานานมาก เรียกว่าไม่เสียชื่อ Burberry ที่ยังคงความเสถียรในเรื่องการทำน้ำหอมในไลน์ Brit ได้น่าสนใจมากเสมอจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://eqatar.com/.../4/BURBERRY_BRIT_RHYTHM_LDS_EDT.jpg

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Review: Burberry - Mr. Burberry

Burberry - Mr. Burberry 

หนึ่งในน้ำหอมชายออกใหม่ล่าสุดในปี 2016 และดูเหมือนว่า Burberry จะทำให้ตัวนี้เป็นหนึ่งในน้ำหอมชายที่เด่นที่สุดของแบรนด์ไปหลังจากนี้อีกเสียด้วย ซึ่งงานนี้กลิ่นจะออกมาในรูปแบบไหน สื่อสารถึงการเป็นชายหนุ่มในแบบ Burberry ได้อย่างไง มาพิสูจน์กันกับ Mr. Burberry ตัวนี้เลย 

ต้องบอกก่อนทุกสิ่งในเรื่องกลิ่นเลย คือ ขวดสวยหรูหราและดูดีมาก ยิ่งมีเหมือนหูกระต่ายตรงคอขวดยิ่งทำให้ดูงามตั้งโชว์ได้สบายแฮจริงๆ และพอได้ลงมือฉีด Top Notes ที่ให้ความรู้สึกมาก่อนเลยคือ โทนซิตรัสจากเกรฟฟรุตที่มาแบบนุ่มๆ ไม่คมบาดจมูก โดยจะมีกลิ่นของเม็ดกระวานมาให้ความเป็นเครื่องเทศติดหวานแบบนวลๆ ไม่แปร่ง และยังกลิ่นอายเขียวออกหวานนวลแนวๆ สมุนไพรที่ติด Spice จางๆ เสริมเข้ามาด้วย เลยผสมผสานกันออกมาเป็นลักษณะของกลิ่นอายโทนสมุนไพรอมหวานที่ติดซิตรัสที่นวลจมูก ดูแบบสะอาดสะอ้าน จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes ความเป็นสมุนไพรนวลๆ เริ่มจะมีกลิ่นของไม้หอมเข้ามาผสมผสานซึ่งกลิ่นของไม้ซีดาร์จะมาให้ความขรึมน่าค้นหา โดยมีความสะอาดนวลๆ เป็นพื้นฐาน กลั้วไปด้วยกลิ่นออกทางเมทัลลิคติดเย็นๆ จางๆ และมีความหอมหวานติดเขียวของใบเบิร์ธที่จะแฝงความเซ็กซี่เย้ายวนแบบไม่โจ่งแจ้ง ซึ่งกลิ่นสมุนไพรนวลๆ ติดสดชื่นที่มาตั้งแต่ตอนต้นยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ตีคู่ไปตลอดกับโทนไม้หอม ก่อนจะส่งต่อให้ Base Notes ที่ความเป็นสมุนไพรนวลๆ เริ่มเบาบางลงไป แต่จะยังมีความสดชื่นอ่อนๆ ให้รู้สึกได้อยู่ โดยที่กลิ่นไม้หอมจะเป็นตัวเด่นแทน โดยที่ซีดาร์ยังคงอยู่ และจะมีลูกคู่อย่างหญ้าแฝกที่มาให้ความ Smoky แบบเบาๆ และไม้จันทน์หอมที่มาแบบนุ่มๆ ให้ความนวลจมูก ทุกอย่างในช่วงนี้เลยจะกลายเป็นไม้หอมสะอาดนุ่มๆ หอมนวลๆ ออกทางสุภาพบุรุษแบบ Modern ออกขรึมๆ หน้านิ่งๆ แต่แฝงด้วยความน่าสนใจ บอกชัดเจนถึงลักษณะแบบหนุ่มอังกฤษได้เลยล่ะ 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเลย เรียกว่าเป็นกลิ่นที่เข้าถึงง่าย คนไม่ยี้ และกลิ่นมีความนุ่มสะอาดแบบแฝงเซ็กซี่ขรึมๆ ได้กำลังดี สามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือชิลล์ๆ ส่วนออกกำลังกายก็ใส่ได้ ส่วนยามค่ำคืน เอาจริงๆ กลิ่นไม่ได้มาทางสายนี้นักแต่ใส่ได้ถ้าอิงกับอากาศบ้านเรา เพียงแต่ถ้าต้องไปแข่งกับสายเย้ายวนหวานๆ ใส่อยู่บ้านให้แฟนซุกจะดีกว่า 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. บวกลบประมาณ 2 ชม. อิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ มีเคมีบ้างเล็กน้อย ที่สำคัญกลิ่นติดเสื้อค่อนข้างดีแบบสะอาดๆ นวลๆ เสียด้วย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายแบบออร่ารอบๆ ตัวแบบลากยาวไปตลอด จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย เรียกว่ามาในแนวไม่เน้นเรียกร้องความสนใจอะไรมาก แต่ถ้ามาใกล้ๆ จะรู้สึกได้ถึงความน่าค้นหานั่นเอง

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ถ้ามองในแง่ความหวือหวา ไม่ได้แตะความรู้สึกนั้น และไม่ได้ถึงกับว่าจะแปลกใหม่นัก แต่ถ้ามองในแง่การสื่อถึงความเรียบหรูแบบ Burberry น่ะใช่เลย เพราะกลิ่นมีระดับแบบนิ่งๆ ใช้ง่าย แถมมีความเป็น Safe Scent ที่แอบเซ็กซี่ได้ด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://1d5unn3435vt5h99p1qrei61.wpengine.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/2016/04/MR_BURBERRY_CREATIVE_PACKSHOT-1030x1030.jpg

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Burberry Brit Splash

Burberry Brit Splash

ตอนแรกเห็นตามเคาน์เตอร์ก็แปลกใจว่า Burberry Brit ออกรุ่นใหม่ใสๆ ออกมาเหรอนั่น คงเป็นน้ำหอมผู้หญิงมั้ง แล้วไม่ได้สนใจอะไร จนมาวันนึงมีมิตรสหายท่านนึงที่ได้อุดหนุนน้ำหอมกันบอกว่าอยากให้ลอง Burberry ออกใหม่ เลยแบ่งปันมาให้ จะเอ๋! ขึ้นมา เอ๊ะ! Burberry Brit Splash มาค้นรูปดูก็ถึงกับอ้าวววว เพราะว่าเป็นตัวที่เราไม่ได้สนใจนี่นา เช่นนั้นพอได้ลองผลออกมาก็คือ 

กลิ่นเปิดจะออกทางสดชื่นติดคมหน่อยๆ ครับ แรกๆ จะเป็นกลิ่นคมๆ ของแอลกอฮอล์นิดนึงเพียงแว้บเดียว (เป็นเรื่องปกติของน้ำหอมโทนสดชื่น) แล้วจะมีกลิ่นอายซ่าๆ สมุนไพรของโรสแมรี่แบบเย็นๆ มากลั้วกับกลิ่นออกเขียวๆ ติดซิตรัส กลิ่นจะสดชื่นติด Spicy ก็จริง แต่มีความเป็นกลิ่นใสๆ แบบโทนน้ำใสๆ สดชื่นสูงมาก และไม่นานจะมีกลิ่นหวานของเมล่อนเสริมเข้ามาให้อารมณ์สดชื่นปนหวาน แล้วกลิ่นโทน Aquatic ที่ซ่อนอยู่ข้างหลังจะเข้ามาดึงไปสู่ช่วงกลางแบบไม่ทิ้งกลิ่นอายในช่วงต้นแบบติดหวานเมล่อนกลั้วสมุนไพรเย็นๆ โดยมาผสมผสนกับกลิ่นอายน้ำสะอาดสดชื่น โดยไม่ได้ถึงกับเบาโหวงเพราะว่ามีกลิ่นโทนแป้งโปร่งๆ ออกมาสะอาดมาตัด ซึ่งทำให้ได้กลิ่นอายแบบสะอาดๆ สดชื่นกำลังดีเหมือนอาบน้ำเย็นๆ เสร็จใหม่ๆ เช็ดตัวแห้งๆ แล้วทาแป้งหอมสะอาดนุ่มๆ แบบเบาๆ ไม่ได้โป๊ะจนขาวจั๊วะเป็นเด็กผีจูออนอะไรแบบนั้น กลิ่นอายในช่วงนี้จะลากยาวไปที่ช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นนุ่มสะอาดจาก Musk กับไม้หอมที่มาแบบอ่อนๆ มีความอบอุ่นแบบบางเบาแบบกลิ่นไอแดด โดยที่ยังมีความสดชื่นตามมาอยู่ตลอด ได้อารมณ์สมชื่อ Splash เขาเลยล่ะ 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้นก็ใช้ได้สบายๆ แล้ว เพราะกลิ่นสดชื่นเข้าถึงง่าย ใช้ง่ายมาก คนได้กลิ่นมักชอบ เพราะมันสดชื่นและสะอาด เหมาะกับอากาศบ้านเราสุดๆ โดยสามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เหมาเกลี้ยงหมด ส่วนยามค่ำคืนถ้าอากาศร้อนๆ ก็ได้อยู่ แต่ถ้าไปเที่ยวหาเหยื่อ กลิ่นเบาไปจ้า 

ความทน อยู่ราวๆ 6 ชม. ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นอยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นกระจายสดชื่นแบบดีงามเลยในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัว แล้วลดลงสู่การเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายที่ช่วงนี้จะอิงกับความทนที่กล่าวไปข้างต้นพอสมควร เพราะกลิ่นจะตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อนเบาๆ แต่ดมที่ผิวแล้วจะมีกลิ่นอายสะอาดๆ ติดอยู่ 

ทิ้งท้าย เอาจริงๆ แอบคล้าย Armani Acqua di Gio หน่อยๆ + Hugo Boss Pure อยู่นะ แต่ว่าเพราะมันมีโทนหวานๆ ติดฉ่ำๆ แทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นเลยไม่ได้เหมือนขนาดนั้น และมีกลิ่นอายสะอาดแบบผ้าซักเสร็จแล้วตากแดดจนแห้งหอมไอแดด แต่ถือว่าเป็นตัวที่ใช้งานง่ายจริงๆ มีลูกเล่นบ้างและเข้าถึงคนไทยไม่ยากครับ

Credit ภาพ - http://fimgs.net/images/secundar/o.32581.jpg

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review: Burberry - Touch for Men


Burberry - Touch for Men 

ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากเลยทีเดียวกับ Touch for Men กับการดึงเอาความเป็นโทนอบอุ่นติดแป้งออกมาได้เรียบนิ่งแต่หรูหราสมกับการเป็น Burberry เพราะ

เปิด Top Notes ขึ้นมากลิ่นอายของใบไวโอเล็ตจะมาเต็มเลยทีเดียวแบบให้โทนเขียวติดหวานนุ่มๆ โดยจะมีกลิ่นซิตรัสของแนวๆ เปลือกส้มและกลิ่นโทนสมุนไพรติดเขียวอื่นๆ มาผสมจางๆ ให้มีความสดชืิ่นเบาๆ เข้ามาแทรก แต่สิ่งหนึ่งคือ กลิ่นของใบไวโอเล็ตจะมีความเป็นแป้งพอสมควร ไม่ได้มาทางสดชื่นมากนัก เพราะมีโทนดอกไม้รองอยู่ด้านหลังเลยผสานกันออกมาเป็นในแนวทางนี้ชัดเจน มีความแน่นพอสมควร โดยกลิ่นโทนนี้จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ โดยผสมผสานลดหลั่นกันไปในแต่ละช่วงที่เหลือ เริ่มที่ Middle Notes ที่กลิ่นพริกไทยและจะมาให้ความสะอาดและสดชื่นแบบเครื่องเทศตีคู่เด่นไปกับโทนแป้งที่มาจากดอกไม้และ Musk โดยในช่วงนี้จะมีโทนเขียวๆ กับโทนไม้หอมเข้ามากลั้วกำลังดีเลยทีเดียว กลิ่นอายจะออกหอมนุ่มๆ ติดสะอาดมีความนวลอุ่นให้รับรู้ได้ มาในแนวเซ็กซี่กำลังดี จนความครีมมี่จะเริ่มดันขึ้นมาทีละนิดจนโชว์ความอบอุ่นนุ่มนวลอย่างเต็มที่ในช่วง Base Notes อย่างชัดเจนกับ Musk และถั่วตองก้า และมีความ Smoky กำลังดีแบบแห้งๆ ของหญ้าแฝก โดยยังมีโทนแป้งติดเขียวของไวโอเล็ตจางๆ ให้รู้สึกได้จนกลายเป็นกลิ่นอายอบอุ่นเย้ายวนเคล้าไปตลอด เรียกว่าภาพรวมคือน้ำหอมที่ออกโทนเย้ายวนติดอบอุ่นของสุภาพบุรุษที่นุ่มจมูก โดยมีความเท่ห์มาดึงความรู้สึกให้น่าสนใจเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็ใช้ได้แล้วครับ เพราะมันให้ความละมุนอบอุ่นเย้ายวนที่ลงตัวมาก สามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งงานทางการและไม่ทางการ แต่จำกัดจำนวนสเปรย์หน่อยก็ดี เพราะกลิ่นแน่นพอสมควร โดยเฉพาะยามอากาศร้อนจัดหรืออยู่กลางแดด เดี๋ยวตีขึ้นจนจุกคอหอยเอา ส่วนออกกำลังกายงดเลย ไม่ควรครับ นอกนั้นยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีเสน่ห์และเซ็กซี่ไม่น้อย และคุณผู้หญิง ก็สามารถใช้ได้นะครับ กลิ่นค่อนมาทาง Unisex พอสมควรเลย

ความทน - 8 ชม. สบายๆ ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยเช่นกัน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น คือมาแน่นเลยทีเดียว แล้วจะลดระดับลงเป็นกระจายดีในช่วงกลาง และผันเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - กลิ่นดีมากและมีเสน่ห์เลยล่ะ เพราะตอนแรกผมนึกว่าจะอบอุ่นเย้ายวนปกติ ที่ไหนได้ใบไวโอเล็ตที่มาแบบโทนแป้งมันหอมนวลเย้าๆ ไปตลอดได้น่าสนใจจริงๆ ก็เรียกว่าสมกับเป็น Burberry เค้าล่ะ

Credit ภาพ http://www.parfumandmoreoutlet.nl/components/com_virtuemart/shop_image/product/Burberry_Touch_f_548d7eea382c8.jpg

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Burberry for Men


Burberry for Men 

หนึ่งในน้ำหอมที่ต้องบอกว่ากลิ่นอายร่วมสมัยและมีระดับเข้าทางสไตล์เรียบหรูดูดีแบบ Burberry เลยล่ะครับ เพราะแน่นอนว่าเป็นน้ำหอมชายตัวแรกของแบรนด์นี้ มาในยุคสมัยที่คาบเกี่ยวกันระหว่างน้ำหอมโทน Retro หรือ Old School กับความเป็น Modern สิ่งที่ออกมาเลยเป็นกลิ่นที่เข้าได้กับทั้งยุคเก่าและใหม่เลยล่ะครับ นั่นคือ Burberry for Men 

เปิดตัวด้วย Top Notes ด้วยกลิ่น Spice สดชื่นของมินท์เลย โดยจะกลั้วไปกับกลิ่นโทนซิตรัสออกทางติดหวานหน่อยๆ แบบน้ำหอมยุคก่อนปี 90 แอบมีความสะอาดนุ่มและติดเขียวหอมๆ ของลาเวนเดอร์ด้วย กลิ่นเลยจะเต็มแน่นกันตั้งแต่ตอนต้นให้ความหอมกระจายกันเลยทีเดียว ในแบบกึ่งกลางระหว่าง Old School กับ Modern จนเข้ามาถึง Middle Notes ที่คราวนี้จะเป็นช่วงปล่อยของเลย เพราะกลิ่นของไม้หอมอย่างซีดาร์และจันทน์หอมจะเด่นขึ้นมาแบบให้ความสะอาด ภูมิฐาน เคร่งขรึมกลั้วเย้าไปกับกลิ่นของมะลิ มีความอบอุ่นกำลังดี สะอาดสะอ้าน ติดสดชื่นกำลังดี กลิ่นช่วงนี้จะหอมสะอาดติดโทนหวานกำลังดี กลิ่นจะโดดเด่นในเชิงไม้หอมแบบไพล่ไปทางความ Modern เลยจะเข้าถึงง่ายและหอมเรียกคำชมได้ไม่ยากในพื้นฐานของกลิ่นที่ยังมีความแน่นแบบโปร่งๆ ไม่หนักจมูกแต่ประการใด ซึ่งโทนไม้หอมจะตามไปผสานกับช่วง Base Notes ที่จะเริ่มเข้าโทนอบอุ่นแบบคงความสะอาดสะอ้านอยู่ในเนื้อกลิ่นโดย Musk จะรองพื้นรอเลยล่ะ ให้วานิลลากลั้วกับกลิ่นของไม้ซีดาร์และจันทน์หอมที่ยังมาอยู่กลิ่นจะออกทางแป้งหอมแบบอบอุ่นแมนๆ แต่สะอาดสะอ้านนุ่มนวลจมูก เรียกว่าภาพรวมเป็นน้ำหอมที่บ่งบอกถึงผู้ชายที่มีระดับและรู้จักเลือกน้ำหอมที่จะสื่อสารในด้านการเป็นผู้ชายอบอุ่นได้ดีเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นสร้างความภูมิฐานและความน่าเชื่อถือได้เลยทีเดียวกับโทนแบบนี้ สามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์ยามกลางวัน งานทางการรับแขกบ้านแขกเมืองจนถึงพบปะผู้คนทั่วไป กลิ่นนี้เอาอยู่สบายๆ เลย และสามารถใส่แบบชิลล์ๆ ทั่วไปก็ได้ กลิ่นหอมแบบมีระดับในตัว จะโรแมนติคก็สามารถเพราะมีโทนอบอุ่น แต่ออกกำลังกายอาจจะต้องรอท้ายของท้ายๆ เลยล่ะครับ น่าจะดีกว่า ยามค่ำคืนจัดได้สบายๆ กลิ่นสู้ชาวบ้านได้แน่นอน เรียกว่าครอบจักรวาลในระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ

ความทน – น้ำหอมโทนแบบนี้ 8 ชม. และมากกว่านั้นได้สบายๆ เพราะสิ่งที่ผมเจอคือ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้ กินชาบูควันท่วมกลิ่นก็ยังไม่หาย ยกนิ้วให้เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ลดลงมากระจายดีงามในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ตรงๆ ครับ สำหรับผมนี่คือหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ที่ได้หมดทั้งความคลาสสิคและความ Modern ที่เป็นตัวเอกเด็ดดวงของ Burberry เลยล่ะครับ

Credit ภาพhttp://lcdn.perfume-empire.com/80BD9A/perfume-empire/media/catalog/product/b/u/burberry_classic_m.jpg

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Burberry – Weekend for Men


Burberry – Weekend for Men 

ถ้าพูดถึงน้ำหอมโซนสดชื่นของแบรนด์ Burberry สำหรับผมรุ่น Weekend ถือว่าเป็นรุ่นที่จะขึ้นมาในหัวก่อนเลย เพราะเป็นน้ำหอมที่สดชื่นอย่างมีเอกลักษณ์และเป็นเอกเทศมาก ได้ทั้งความรู้สึกสดชื่นก็ได้ ผ่อนคลายก็ดี คือลงตัวไปหมด ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอเสียด้วย

กับกลิ่นที่เข้าถึงง่ายแบบนี้ ก็เริ่มต้นที่ Top Notes ที่จะขนความสดชื่นกันมาเต็มๆ กับโทนซิตรัสกลั้วผลไม้ ทำให้กลิ่นจะสดชื่นมากมาย เด่นจริงจังเลยคือ เลมอน มะกรูด และเกรฟฟรุต ที่หอมซิตรัวติดเขียวของเปลือกตัวมันเอง หอมสดใสด้วยสับปะรดที่ติดหวานจางๆ โดยที่สำคัญจะมีกลิ่นหวานรองพื้นของน้ำผึ้งที่พอสัมผัสได้ แบบว่าเปิดมาก็ผ่อนคลายกันเลยทีเดียว และเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นวู้ดดี้อ่อนๆ จะเร่มมาให้ความสะอาดติดอบอุ่นเบาๆ มีกลิ่นโทนเขียวสดชื่นของตำลึงมาให้ความนุ่มกำลังดี โดยที่โทนซิตรัสตอนต้นก็ตามมาผสานอยู่ รวมถึงกลิ่นน้ำผึ้งเริ่มชัดขึ้นจนกลายเป็นเหมือนน้ำผึ้งผสมเลมอนที่หอมชวนอารมณ์ดีไม่น้อยเลย แถมได้ความสดชื่นติดอบอุ่นแบบอากาศดีชวนชิลล์ๆ มากมาย และปิดท้ายที่ Base Notes คราวนี้น้ำผึ้งจะเริ่มมาเต็ม โดนจะให้โทนหวานกลางๆ ไม่มาแบบหนักหน่วงเพราะยังมีกลิ่นซิตรัสมาแบบกลั้วจางๆ อยู่ โดยจะมีตัวรองพื้นอย่างแอมเบอร์ที่มาให้ความอบอุ่นเบาๆ มีกลิ่นแบบผิวกายสะอาดๆ ไปด้วยตลอด ซึ่งภาพรวมทั้งหมด สมชื่อรุ่นมาก เพราะกลิ่นสดชื่นจริง ผ่อนคลายจริงและหอมจริง แบบที่ใครๆ ได้กลิ่นก็จะสดชื่นไปด้วยไม่ยากครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ก็ใส่ตัวนี้ได้สบายๆ จริงๆ เด็กน้อยกว่านี้ก็ใส่ได้ แต่ลดจำนวนสเปรย์เอา ซึ่งเข้ากับอากาศบ้านเราแบบทุกช่วงตัว แถมใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน แต่ไม่ค่อยเข้าทางกับใส่ยามกลางคืน เพราะกลิ่นมันจะเบาไป ยกเว้นใส่แบบชิลล์ๆ ทั่วๆ ไปยามเย็นก็พอได้ ที่สำคัญกลิ่นรุ่นนี้ ผู้หญิงใส่ได้สบายๆ ครับ เพราะกลิ่นออกทางกระฉับกระเฉง ใส่แล้วเพิ่มลุค Sport แบบชิลล์ๆ ได้เลยล่ะครับ

ความทน – 6 ถึง 8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวถ้าอัด 6 สเปรย์แบบกดเต็มๆ ไปม่มเม้มอยู่ได้ 6 อัด 8 ก็อยู่ได้ 8 ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีเลยในช่วงต้น สร้างความสดชื่นทั้งคนฉีดและรอบๆ ตัวได้สบายๆ และจะลดลงมากระจายกลางๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบเบาๆ ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นสร้างความรื่นรมย์แบบไม่เหมือนใครดีครับ ซึ่งยามผมฉีด ผมจะได้อารมณ์น้ำผึ้งผสมเลมอนสดชื่นตลอดเลย ฟินไม่น้อยกับวันอากาศร้อนๆ ครับ

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Burberry – The Beat for Men



Burberry – The Beat for Men

ขึ้นชื่อว่าเป็น Burberry มักไม่ค่อยทำให้ผิดหวังในความเรียบหรูดูดีและคลาสสิคอยู่แล้วอันนี้เชื่อขนมกินได้ ซึ่งแม้จะออกน้ำหอมหวือหวาขนาดไหนก็ไม่เคยทิ้ง Concept นี้เลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งรุ่น The Beat for Men แม้จะดูวัยรุ่นซะ แต่กลิ่นคือ 1 ในของดีที่แบรนด์นี้ปล่อยมาชัดๆ เลย เพราะ 

Top Notes เปิดตัวกันที่กลิ่นโทนซิตรัสที่สดชื่นมาก และมีกลิ่นพริกไทยสดชื่นแบบสะอาดๆ โดยมีโทนแป้งของดอกไวโอเล็ตเข้ามาผสาน ทำให้กลิ่นในช่วงนี้เป็นโทนสดชื่นแบบมีระดับมาก แบบว่าเฮ้ยยยย! กลิ่นดูดีอ่ะ ปลื้มๆ ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ Middle Notes เป็นกลิ่นโทนออกทางหนังนุ่มๆ กลั้วสมุนไพร โดยยังมีกลิ่นพริกไทยออกทางแป้งหอมสดชื่นตามมาด้วย เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้นุ่มนวลติดซ่าๆ หอมเท่ห์เลยทีเดียว กลิ่นมีความเย้ายวนกลางๆ ออกทางให้คนใส่ดูเท่ห์และเรียบหรูมากกว่า และปิดท้ายด้วยไฮไลท์ของน้ำหอมตัวนี้ในช่วง Base Notes ที่จะยังมีกลิ่นของพริกไทยตามมาติดๆ อยู่ แต่จะมาผสมผสานกับโทนวู้ดดี้ที่ให้ความรู้สึกสะอาดแกล้มความมีคลาสแบบกำลังดี โดยมีความซ่าๆ สดชื่นอยู่เพราะหญ้าแฝกเต็มๆ กลิ่นโดยรวมเลยให้อารมณ์ผู้ชายแต่งตัวแบบไม่เยอะสิ่งแต่ดูดีแบบไม่ต้องพยายามมากจริงๆ ครับ ถือว่าเป็นอีกตัวที่ Burberry ทำออกมาได้น่าประทับใจจริงๆ
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยตั้งแต่ ม.ปลาย เป็นต้นไป เพราะกลิ่นใช้ง่ายและสดชื่นอย่างมีระดับในตัวเองมาก สามารถใส่ได้หมดทั้งไปเรียน ทำงาน ออกงานทั่วๆ ไป งานหรูก็ได้ เที่ยวเล่นชิลล์ๆ และออกกำลังกาย ที่สำคัญใส่เที่ยวกลางคืนได้อยู่ครับ แต่อาจจะไม่ได้เย้ายวนอะไร เน้นตัวหอมแบบเท่ห์ๆ ไปแทน ถือว่าครอบจักรวาลเลยทีเดีย

ความทน – 8 ชม. สบายๆ เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายได้ดีมากเลยในช่วง Top สดชื่นกันเลยทีเดียว และเปลี่ยนมากระจายได้กำลังงามลดลงไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงเบส ที่คนใส่ยังได้กลิ่นตีขึ้นอยู่ไม่ยากครับ

ทิ้งท้าย – ถือเป็นอีกก้าวของ Burberry เลยที่ทำน้ำหอมซ่อนชั้นความเรียบหรูดูดีในเนื้อกลิ่นอยู่ในความสดชื่นได้ดีจริงๆ ครับ ยกนิ้วให้เลย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้องอีก 1 ตัวครับ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Burberry - Baby Touch



Burberry - Baby Touch 

ยังขอวนเวียนกับน้ำหอม Safe Scent ที่เข้าถึงง่าย ใช้ง่ายและไม่รบกวนใคร โดยคราวนี้ขอมากับ Brand ดังอย่าง Burberry กันบ้างครับ ว่าน้ำหอมโซนปลอดภัยอย่างรุ่น Baby Touch จะเป็นอย่างไงบ้าง? ^^

ต้องบอกกันตรงๆ ว่าแม้ชื่อรุ่นจะเป็น Baby Touch แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีไว้เพื่อเอาไปฉีดเด็กน้อย Baby นะครับ เพราะอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองได้นะนั่น ซึ่งรุ่นนี้จะผลิตออกมาเป็น 2 แบบคือ EDT ทั่วไปและ EDT ที่ปราศจากสิ่งระคายเคืองต่างๆ รวมถึงแอลกอฮอล์เพื่อสำหรับคนที่ผิวแพ้น้ำหอม ซึ่งรุ่นนี้จะมีความหมายประมาณว่าให้อารมณ์ของกลิ่นละมุน สดใส เหมือนเราได้สัมผัสเด็กน้อยน่ารักตัวสะอาดๆ ยิ่มร่าต่างหาก เพราะ Top Notes จะเปิดตัวมากับกลิ่นสดชื่นอ่อนๆ ของใบเวอร์บีน่าที่กลิ่นออกทางมะนาว ส้มและสเปียร์มินท์ ที่จะให้อารมณ์สดใส สดชื่นเหมือนเด็กน้อยยิ้มแย้มแจ่มใสยามอาบน้ำเสร็จเช็ดตัวเรียบร้อย นอนหรือนั่งให้เราเล่นด้วยหัวเราะคิกคัก กลิ่นมันสดใสแบบอ่อนๆ จริงๆ ครับ โดยแอบมีความละมุนไม่บาดจมูกเลย และเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นในช่วงนี้จะได้อารมณ์ผิวกายเด็กที่ทาแป้งเด็กหอมละมุนน่าเอ็นดูกำลังดี กลิ่นออกทางดอกไม้หอมอ่อนๆ นุ่มๆ บางเบา แบบเด็กน้อยทาแป้งเสร็จสบายตัวร้องอ๊อแอ๊เรียกป๊าเรียกม๊า และจะค่อยๆ ส่งต่อไปที่ Base Notes กับการสื่อถึงกลิ่นผิวกายเด็กที่ละมุนนุ่มน่าสัมผัส โดยมีกลิ่นของนมและวานิลลาให้อารมณ์แบบที่กำลังอุ้มหนูน้อยกินนมดูดจ๊วบๆ จากขวดอยู่ ทั้งหมดทั้งมวลให้อารมณ์ของกลิ่นที่ปลอดภัยและน่าเอ็นดู เบาๆ สบายๆ นุ่มนวลได้ดีจริงๆ ครับ

เหมาะสำหรับ - น้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex ที่ใช้ได้ทุกเพศและทุกวัย (ถ้าจะเอาไว้ฉีดเด็กน้อยใช้ตัวที่เป็นปราศจากแอลกอฮอล์จะดีที่สุดครับ) ถือเป็นกลิ่นที่ปลอดภัยและสะอาดนุ่มน่าเอ็นดูจริงๆ ซึ่งสามารถใส่ไปเรียน ไปทำงาน ไปเดินเล่น ไปเที่ยวแบบสบายๆ หรือใส่ออกกำลังกายยังได้ ยิ่งถ้าใส่ไปพบปะผู้คนหรือติดต่องานต่างๆ ยิ่งเข้าทีเพราะกลิ่นจะไม่รบกวนใคร ยิ่งใครที่ทำงานกับเด็กหรือเป็นบุคลากรสาธารณสุขไม่ว่าจะเป็นพยาบาลหรือหมอ จะเหมาะมากสำหรับการใส่ไปปฏิบัติหน้าที่ เพราะกลิ่นให้ความรู้สึกสบายๆ น่าไว้วางใจ แต่ไม่เหมาะกับใส่ออกงานหรูเพราะกลิ่นไม่ค่อยเป็นทางการมากนักและใส่ไปเที่ยวกลางคืนทุกประเภทครับ

ความทน - อยู่ที่ประมาณ 6 - 8 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดครับ ยิ่งฉีดเสื้อผ้าด้วยกลิ่นยิ่งทนดีขึ้นครับ

การกระจาย - เนื่องจากน้ำหอมตัวนี้เป็น Safe Scent การกระจายจะเป็นออร่ารอบตัวเสียมากกว่าในช่วงต้น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางและท้ายจะออกแนว Skin Scent ชัดเจนครับ

ทิ้งท้าย - เป็นตัวยอดฮิตอีกรุ่นที่คนที่ไม่ชอบน้ำหอม แต่อยากลองใส่ใช้ได้และปลื้มไม่ยากนะครับ แถมผลิตออกมาแบบ Hypoallergenic ด้วยนะครับคนผิวแพ้น้ำหอมใช้ได้สบายๆ เลย ^^

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Burberry - London for Men


Burberry - London for Men

พูดถึงน้ำหอมผู้ชายของ Burberry ที่ใครๆ ที่ใช้น้ำหอมรู้จัก หนึ่งในนั้นต้องมีรุ่น London for Men แน่นอน เพราะถือเป็นรุ่นยอดนิยมของแบรนด์นี้เลยทีเดียวที่คง Concept ของการเป็น Burberry ที่เรียบๆ นิ่งๆ ไม่ฉูดฉาด แต่หรูหราในแบบผู้ดีอังกฤษ เช่นนั้นวันนี้จะมาพูดถึงน้ำหอมตัวนี้ครับว่าเป็นยังไงบ้าง ทำไมถึงยอดนิยมได้มาเสมอ 

คนใช้น้ำหอมหลายๆ คนในต่างประเทศมักจะพูดว่ารุ่น London เป็นน้ำหอม Oriental Spicy ที่ทำกลิ่นออกมาได้นุ่มจมูก หวานอบอุ่นกำลังดี และมีระดับมาก ซึ่งถ้าพิสูจน์กันในแต่ละช่วงของกลิ่น Top Notes จะเปิดตัวด้วยกลิ่นซิตรัสฟรุตตี้แบบนุ่มๆ ไม่คมบาดจมูกเพราะกลิ่นของมะกรูดกับลาเวนเดอร์ตัดกันได้อย่างลงตัว และมีกลิ่นออกเชิงใบไม้เขียวๆ หอมๆ ติดกลิ่นคล้ายอบเชยเข้ามาทำให้กลิ่นนุ่มออกทางหวานเบาๆ มากขึ้น รวมถึงคุมโทนความสดชื่นกลั้วสะอาดแทรกอยู่ตลอดเวลาจากพริกไทย เมื่อเข้า Middle Notes ที่จะเริ่มชัดเจนถึงกลิ่นหนังนุ่มๆ กลั้วกับกลิ่นดอกกระถินสีเหลือง (ที่เอามายำกินได้ อร่อยด้วย) ซึ่งกลิ่นโดยรวมจะออกทางผิวกายทาแป้งบางๆ กำลังดี มีกลิ่นออกทางแฮลกอฮอล์คล้ายเหล้าเจือจางนิดๆ ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะออกทางนุ่ม ขรึม มีระดับ และบอกถึงความเป็นสุภาพบุรุษชัดเจน ไปจนถึง Base Notes ที่จะจัดเต็มทางด้านหวานเย้ายวนกำลังดีด้วยพระเอกของงานอย่างใบยาสูบ ที่จะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้อุ่นๆ รองพื้นด้านหลัง โดยยังมีกลิ่นโทนสะอาดให้พอจับต้องได้ มีความเซ็กซี่แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้าในเนื้อกลิ่น ให้ความรู้สึกถึงผู้ชายที่แต่งตัวดีแอบหรู นิ่งขรึม ดูเป็น Office Man น่าเชื่อถือ และเข้าถึงได้ไม่ยากครับ จึงไม่แปลกใจที่จะเป็นที่นิยมจนถึงทุกวันนี้

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยทำงานขึ้นไป กลิ่นให้ความเนี้ยบนิ่งและเป็นผู้ใหญ่พอสมควร สร้างความนิ่งขรึมน่าเชื่อถือพอสมควร สามารถใส่ไปทำงานได้สบายๆ ใส่ออกงานกับชุดสูทยิ่งเข้าที ออกกำลังกายรอช่วงเบสก่อนจะดีที่สุด ส่วนถ้าจะใส่ไปเที่ยวเล่นชิลล์ๆ ก็ได้อยู่ไม่น่าเกลียดอะไร ที่สำคัญใส่ไปเที่ยวกลางคืนได้ แต่ต้องอัดสเปรย์พอสมควรครั

ความทน - 6 ชม. ขึ้นไป ตามแค่เคมีของผู้ใส่ และใส่ในห้องแอร์กลิ่นจะทนกว่าใส่แบบอากาศร้อนๆ ทั่วไป

การกระจาย - กลิ่นกระจายค่อนข้างดีในช่วง Top และจะลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ที่จะให้ความรู้สึกนุ่มหวานเบาๆ แทนครับ

ทิ้งท้าย - น้ำหอมตัวนี้ค่อนข้างเข้าถึงได้ง่ายมากตัวนึงก็จริง แต่อย่างน้อยควรลองก่อนใช้จริง เพราะกลิ่นอาจจะไม่เข้ากับเคมีทุกคนก็เป็นได้ครับ