แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Chopard แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Chopard แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Review: Chopard - Oud Malaki

Chopard - Oud Malaki

เมื่อการเจาะจงกลิ่นอายที่เน้น Notes กลิ่นเป็นตัวชูโรงในสไตล์ของ Niche กระจายมาสู่ Designer Brand ต่างๆ แน่นอนว่ามีทั้งการอัพเกรดให้เป็น High-End หรือ Exclusive Collection หรือยังคงการจับตลาด Mass Market เหมือนเดิม โดยเพิ่มเติมเป็น Collection แยกออกมาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มที่ให้ความเป็น Niche มาบรรจบกับการเป็น Designer Perfume ก็มีมากมายไม่ใช่น้อย ซึ่งกรณีสุดท้ายนั้น Malaki Collection ของ Chopard ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ซึ่งถ้าว่ากันตรงๆ ในการเป็น Malaki ก็คือการเจาะตลาดฝั่งตะวันออกกลางซึ่งก็จะมี Note + Malaki เกิดขึ้นมาทั้งหมด 5 กลิ่น ซึ่งแต่ละกลิ่นมีความเชื่อมโยงในการเอากลิ่นอายสไตล์อาระเบียนเข้ามาผสมผสานจนทำออกมากลายเป็นลูกครึ่งที่ให้ความรู้สึกได้ทั้งการเป็นกลิ่นอายแบบตะวันตกและตะวันออกกลางมาบรรจบกันได้พอดี เช่นนั้น ก็ได้โอกาสมาเจอกับกลิ่นที่ 2 ของไลน์นี้อย่าง Oud Malaki (เพราะกลิ่นแรกอย่าง Rose Malaki เคยผ่านการเล่ากลิ่นไปแล้ว) ก็ขอศึกษาเนื้อกลิ่นให้ตกผลึกอย่างเต็มที่ และสิ่งที่ได้ก็คือ

กลิ่นเปิดสัมผัสได้เลยถึงการเป็นโทนกลิ่นที่มีความเป็นยาสูบเคล้าเครื่องเทศ ที่มีลูกเอื้อนแบบกลิ่น Oud ที่ไม่ได้มาแบบนัวอัดจันจ้านแบบสายอาระเบียนจ๋า แต่จะมีอารมณ์แบบกลิ่น Oud แบบเนื้อไม้มากกว่าจะเป็นน้ำมัน Oud ซึ่งช่วงต้นแม้จะดูเปิดตัวกลิ่นหลักๆ มาจนเกือบหมด แต่จริงๆ มีความสดชื่นที่เปรี้ยวแกมแปร่งของเกรปฟรุตและกลิ่นฟุ้งเขียวขมๆ ที่ทำให้กลิ่นมีความพุ่ง รวมถึงมีโทนลาเวนเดอร์ที่ทำให้กลิ่นมีน้ำหนักขึ้นมาหน่อยในความการให้ลักษณะแบบดอกไม้อวลนวลเล็กๆ ทำให้ภาพรวมของช่วงนี้คือ ปล่อยความชัดเจนของกลิ่นที่มาหมดในการเป็นกลิ่นแบบยาสูบแกม Oud แบบเนื้อไม่ที่มีความเปรี้ยวแกมแปร่งสว่างและมีความนัวๆ ของกลิ่นเครื่องเทศเย้าๆ อารมณ์กลิ่นออกทางสีเหลืองทองสว่าง เป็นการเรียกแขกกันตั้งแต่เริ่มต้น

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มลดความนัวฟุ้งลง ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงกลางที่อารมณ์กลิ่นจะเป็นแนวยาสูบกึ่งลาเวนเดอร์อ่อนๆ เคล้าเนื้อไม้ Oud แล้ว เพียงแต่ความแปร่งเปรี้ยวชัดของเกรปฟรุตในช่วงต้นจะลดลงไปกลายเป็นตัวเสริมที่ดีทำให้กลิ่นมีโทนสว่างให้สัมผัสมากกว่าจะเข้าโทนนัว ที่สำคัญเครื่องเทศที่เสริมก็ลดระดับความจัดจ้านลงมาให้ความเย้าๆ มีเสน่ห์มีความหวานหน่อยๆ กำลังดี ซึ่งเดาว่าเม็ดกระวานและอบเชยน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น รวมถึงเม็ดจันทน์เทศที่เกลาให้กลิ่นมีความกลมๆ สมดุลย์มากขึ้น ทำให้ช่วงกลางอารมณ์กลิ่นจะเป็นยาสูบกึ่งไม้หอมที่ให้ความเย้ายวนแบบมีเสน่ห์ และมีความลุ่มลึกในเนื้อกลิ่นได้อย่างลงตัว ซึ่งลดทอนความตูมตามช่วงแรกลงมาได้ดีมาก โดยกลิ่นจะให้โทนสีออกทางน้ำตาลกำลังดี 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความอวลหวานอบอุ่นที่ค่อยๆ เสริมเข้ามาเรื่อยๆ และความเป็น Oud ในเนื้อกลิ่นเริ่มที่จะมีความอวลลึกมากขึ้น ผนวกกับกลิ่นโทนแอมเบอร์ที่ค่อยๆ เสริมเข้ามา เลยทำให้เนื้อกลิ่นหันเข้าทางโทนดาร์กมากขึ้น มีความเป็นสีน้ำตาลเข้มกึ่งดำ แต่ข้อดีคือ กลิ่นไม่หนักหรือดาร์กดำดิ่งเกินไป ให้อารมณ์กลิ่นเนื้อไม้แกมอวลสไตล์แบบ Oud หรือใกล้เคียงความเป็น Oud แบบไม่ได้เข้มข้นมาก + กลิ่นยาสูบที่ติดหวานหน่อยๆ มาเป็นตัวเสริม ทำให้กลิ่นยังคงเป็นยาสูบ & Oud เบาๆ ที่ให้ความเรียบหรูน่าค้นหามากขึ้น และที่สำคัญกลิ่นไม่ได้ออกแนวอาเระเบียนจ๋าๆ มากไป ให้อารมณ์ West meets Middle East แทน

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป แบบที่ผ่านน้ำหอมกลิ่นแนวไม้หอมกึ่งเครื่องเทศ หรือยาสูบมาบ้าง จะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งกลิ่นจะให้ความรู้สึกเรียบหรูน่าค้นหาเป็นแกนหลัก เลยเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่จะทางการก็ได้ หรือจะทั่วไปก็สามารถ โดยที่กลิ่นเสริมบุคลิกแบบสมาร์ท มีเสน่ห์และน่าค้นหา แต่ถ้าใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกาย ไม่ค่อย Match กันเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืนแน้นใส่ออกงานหรือว่าจิบหรูๆ จะดีที่สุด

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน ซึ่งสามารถไปต่อได้ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวใช้ไป 6 สเปรย์ลากยาวไป 15 ชม. เสมอ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ซึ่งช่วงนี้จะมาเต็มนิดนึงอาจจะทำให้มึนๆ เอาได้ แต่พอผ่านไปซัก 5 นาทีก็ลดลงมาที่กระจายดีไปราวๆ 30 นาที ถึงลงมาปานกลางกันไปเรื่อยๆ พอเข้าชั่วโมงที่ 5 ก็จะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป แล้วเป็น Skin Scent ชัดเจนเมื่อผ่านไปแล้ว 8 - 10 ชม. 

สรุป - กลิ่นอาจจะไม่ได้มาสาย Oud ชัดเจน และออกจะเป็น Oud ที่เบากว่าชาวบ้านเขา โดยตัวเด่นจริงๆ เป็นยาสูบเสียมากกว่า ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดความเป็น Oud ให้ดูอาระเบียนอะไรชนาดนั้น แต่ให้ความน่าค้นหาและมีเสน่ห์ที่แตกต่างเสียมากกว่า และที่สำคัญคุณภาพกลิ่นถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเนื้อกลิ่นมีความ Niche Perfume หรือ High-End Perfume ที่มาอยู่ในกลุ่ม Mass Market ที่ทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ Chopard ทำออกมาได้ลงตัว

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.chopard.com/en-gb/perfume-for-men/95201-0362.html

 

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

Review: Chopard - Rose Malaki


Chopard - Rose Malaki

ถ้าพูดถึงแบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับเน้นสายจิวเวลรี่ที่ชื่อก้องโลกที่ความหรูหรามาเต็ม หนึ่งในนั้นต้องมี Chopard รวมอยู่ด้วยเสมอ และแน่นอนว่าความดีงามไม่ได้จบแค่สายเครื่องประดับที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียว แบรนด์ยังมีน้ำหอมด้วยเช่นกัน และจากที่เคยเล่ากลิ่นน้ำหอมชายของแบรนด์นี้ไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว กับรุ่นที่แบรนด์ Tribute สร้างสรรค์ขึ้นจากการเป็น Partner สนับสนุนการแข่งรถย้อนยุคอย่าง 1000 Miglia เมื่อห่างไปนานก็ขอกลับมาซึมซับความหอมของแบรนด์นี้อีกครั้ง และก็ขอเข้าเรื่องเลยดีกว่ากับรุ่นที่มีความน่าสนใจกับการเป็นกลิ่นอายสายกุหลาบลุ่มลึกที่น่าค้นหาโดยจะสร้างสรรค์มาในลักษณะไหนก็ว่ากันที่รุ่นนี้เลย Rose Malaki

เฉลยกันตั้งแต่แรกเลยว่ากุหลาบจะเป็นตัวเอกหลักที่เดินกลิ่นแบบยาวๆ ตั้งแต่ต้นยันจบ แบบที่ให้สร้างอารมณ์กลิ่นที่สอดรับและส่งต่อโทนกลิ่นที่เป็นผืนเดียวกันแบบไล่เฉดกลิ่นได้อย่างน่าสนใจมาก ซึ่งเริ่มจากการเป็นโทนเครื่องเทศสายหวานปนขมลึกกึ่งหนังเนียนๆ เคล้ากลิ่นกุหลาบที่มาสายดาร์ก แต่ไม่ได้เข้มจัดจนเกินไป เพราะกลิ่นค่อนข้างคุมโทนกำลังดีเป็นพื้นฐานก่อน ซึ่งวูบกลิ่นถัดมาก็จะมีโทนออกทางไม้หอมแนว Oud แบบกลิ่นเนื้อไม้ลึกๆ ปนควันหน่อยๆ เข้ามาร่วมทีมอย่างไว ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้เป็นลักษณOud ที่แท้ทรู แต่จะเป็นการผสมผสานกลิ่นโทนไม้แห้งแปร่งๆ แนวต้นปาปิรัสแห้งกับกลิ่นเครื่องเทศสายอวลเผ็ดเย้าหน่อยๆ แถมมาเจอกับหญ้าฝรั่นที่เป็นตัวหลักอีก เลยจะมีอารมณ์แนวๆ แบบ Oud Accord ที่ผสมผสานเป็นกลิ่น Oud ติดแห้งปนควันที่ดาร์กน่าค้นหา โดยที่กลิ่นไม่หนักหน่วงเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันทำให้กลิ่นในช่วงต้นกลายเป็นกุหลาบสายดาร์กน่าค้นหาแบบชัดเจน และบางวูบในช่วงนี้จะมีอารมณ์ติดสังเคราะห์กึ่งคมกึ่งอึนๆ อยู่บ้าง แต่ถ้ารอซักนิด ที่เหลือคือความงามของกลิ่นที่จะค่อยๆ เปิดตัวออกมา เริ่มที่

ความเป็นกุหลาบแดงกำมะหยี่ลุ่มลึกเคล้าควันไอเนียนๆ ในเนื้อกลิ่น ซึ่งกลิ่นกุหลาบจะฉายแสงออกมาชัดเจนแบบที่ไม่ได้มาในโทนกุหลาบคลาสสิคแต่อย่างใด ให้ความเป็นเป็นลักษณะกุหลาบแดงนวลอวลรื่นจมูกที่มีความเย้ายวนแบบที่ภาษากายไม่ต้อง ภาษากลิ่นจะไปจูงใจชาวบ้านแทน เนื้อกลิ่นในช่วงนี้จะจับต้องได้ถึงความหวานโปร่งดึงดูดที่เสริมโทนกลิ่นกุหลาบและหญ้าฝรั่นที่ตามมาจากช่วงต้นได้ดีมากอย่างยาสูบ และมีโทนรองพื้นอย่างหนังเคล้ากับกลิ่นติดควันไอไม้ที่ตามมาจากตอนต้นที่ทำให้กลิ่นมีความ Sexy มีระดับเสริมความเป็นกุหลาบที่เย้ายวนแบบหน้านิ่งแต่จริงๆ Sex Appeal มาเต็มทุกสโตรก ซึ่งเนื้อกลิ่นจะคงตัวเป็นไฮไลท์ไปซักระยะ ก็จะเริ่มจับต้องได้ถึงโทนหวานอวลที่ชัดมากขึ้นตามลำดับค่อยๆ แทรกผสมผสานเนียนๆ เข้ามา จนรู้ตัวอีกทีก็เปลี่ยนช่วงเป็นช่วงท้ายเป็นที่เรียบร้อย ที่กลิ่นจะมีความหวานเย้าในความดาร์กมีเสน่ห์ติดอวลกำลังดี เพราะจะมีวานิลลาเข้ามาร่วมด้วยทำให้กลิ่นมีความเป็นกุหลาบติดวานิลลาหวานนวล เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ถลำลงไปในสายกลิ่นขนมนัก เพราะมีกลิ่นโทนไม้ซีดาร์โปร่งๆ เข้ามาร่วมเกลากลิ่นให้กลิ่นมีความสมดุลย์พอดีในการให้ความหวานอวลกุหลาบวานิลลาติดกลิ่นไม้หอมปนดาร์กลุ่มลึกของหนังแกมหญ้าฝรั่นบางๆ ที่ยังพอจับต้องได้เบาๆ สร้างความอุ่นลึกในกลิ่นอยู่ด้วย ทุกอย่างจะไล่เรียงจากดาร์กเย้า ลุ่มลึก Sexy มีระดับ และปิดท้ายด้วยความหวานอวลรุมอ่อนๆ มีเสน่ห์ โดยทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเป็นโทนหรูหราดึงดูดตั้งแต่ต้นยันท้ายเลยทีเดีย

เหมาะสำหรับ - แต่ละฐานข้อมูลต่างลงไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่าผู้หญิง บ้างก็บอกว่า Unisex และบ้างก็บอกว่าน้ำหอมผู้ชาย แต่ขอฟันธงกันตรงๆ ว่า กลิ่นนี้มันเสริมบุคลิกผู้ชายได้ชัดเจนมาก เลยจับมาในโซนผู้ชายที่พอค่อนไป Unisex ได้เลย ซึ่งกลิ่นนี้เหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป โดยที่เน้นสร้างออร่าหรูหราดึงดูดแบบเนียนๆ เป็นสำคัญ ใส่ทำงานยังได้เลย กลิ่นไม่ได้หนักหน่วงเกินไปแบบแนวตะวันออกกลาง ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นไม่เหมาะกับการใส่ไปกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายแต่อย่างใด เพราะโทนกลิ่นไม่ได้เอื้อมาทางนี้ ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานได้เลย กลิ่นเข้าทางกับชุดแนวออกงานสายหรูไม่น้อย หรือจะใส่เพื่อโรแมนติคก็ได้ แต่รอช่วงกลางๆ เป็นต้นไปจะดีที่สุด ส่วนใส่ไปท่องราตรี เน้นแบบเท่ห์ๆ เพิ่มสเปรย์หน่อยก็สร้างออร่าทางกลิ่นที่น่าสนใจได้อยู

ความทน - อยู่ที่ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. ที่ยังรับรู้ได้ว่ามีกลิ่นให้จับต้องอยู่

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดทอนลงมาที่ปานกลางซักระยะก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป ซึ่งพอพ้นซัก 6 ชม. ก็เป็น Skin Scent เน้นติดผิว

สรุป - กลิ่นนี้อารมณ์เหมือนเห็นลูกเสี้ยวตะวันตกกับตะวันออกกลางในโทนเสื้อผ้าสีดำที่ดูนิ่งๆ แต่พอพิศจริงๆ แล้ว Sex Appeal ปล่อยออกมาแบบไม่หยุดไม่หย่อนกันได้เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเอาโทนตะวันออกกลางมาปรับให้ใช้ง่ายมากขึ้นเยอะ โดยที่ยังคงความหรูหรา ไฮโซ มีระดับและทันสมัยออกมาแบบคนตะวันตกได้ชัดเจน รวมถึงถ้าใครต้องการเปิดทางสู่น้ำหอมที่มีความเป็น Oud กับกุหลาบแบบใช้ง่าย โดยที่ไม่หนักเกินไป ตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ อีกหนึ่งตัวได้เลย

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.parfumo.net/Perfumes/Chopard/Rose_Malaki


วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Chopard - 1000 Miglia



Chopard - 1000 Miglia

Mille Miglia หรือ 1000 Miglia ถือว่าเป็นการแข่งรถที่แนวมากอย่างนึงเลย เพราะว่าจะเน้นเอารถเก่าๆ มาแข่งกันแบบรถเจ้าคุณปู่สมัยก่อน หรือรถหรูแบบย้อนยุค (ถ้าเมืองไทยคงเอา Dutsun เก่าๆ หรือ Daihatsu Mira ไปร่วมแข่งได้ วิ่งดีมาก ทนอึด แถมเก๋อีกด้วย) และมีชื่อเสียงยาวนาน ทั้งนี้แบรนด์เครื่องประดับอย่าง Chopard ที่เป็น Partner กับการแข่งนี้เลยพัฒนาน้ำหอมที่บอกถึงอารมณ์วินเทจและความเท่ห์ของการแข่งรถแบบนี้ และพึ่งวางตลาดเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมากับรุ่น 1000 Miglia ครับ เช่นนั้นเลยต้องลองงงงงงง

เปิดตัว Top Notes กันด้วยกลิ่นของลาเวนเดอร์กลั้วกับซิตรัสในรูปแบบแน่นๆ ออกทางแป้งเย็นซ่าๆ ซึ่งกลิ่นของลาเวนเดอร์จะเข้มและเด่นเด้งสุดๆ ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กลิ่นเปิดของ Le Male ในรูปแบบที่นุ่มกว่า แมนกว่าและเย็นซ่าๆ มากกว่า ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Middle Notes ที่บอกกันตรงๆ ว่าจับกลิ่นต่างๆ ได้ยากมากจริงๆ เพราะกลิ่นลาเวนเดอร์ในช่วงต้นยังตามมาเด่นในช่วงนี้สุดๆ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะแปลกมากบางทีจะให้อารมณ์แบบเอาลาเวนเดอร์มาขยี้กับหญ้าป้ายอยู่บนผิว บางทีจะให้อารมณ์กลิ่นผิวกายผู้ชายแมนๆ เท่ห์ๆ ที่มีกลิ่นอายของหนังนุ่มๆ บางทีมีไอร้อนๆ ออกมากลิ่นเหมือนถนนลาดยางมะตอยที่โดยอากาศร้อนๆ แล้วมีกลิ่นถนนขึ้นมา ซึ่งงงกับกลิ่นมากครับ ให้มิติได้หลากหลายจริงๆ แต่หอมไหม หอมครับ ซึ่งในความหอมมันก็มีความแปลกไปด้วย แต่โดยรวมเหมือนให้อารมณ์ยืนบนถนนราดยางมะตอยมีไอร้อนขึ้นมากลั้วกับกลิ่นผิวกายที่ทาแป้งหอมคลาสสิคและกลิ่นต้นไม้ใบหญ้าข้างทางที่มีลาเวนเดอร์อยู่เป็นจุดๆ ซึ่งก็ตอบโจทย์ความเป็น 1000 Miglia อยู่ไม่น้อยนะครับ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Base Notes ที่คราวนี้จะกลายเป็นโทนวู้ดดี้แมนๆ ที่ออกทางอบอุ่นชัดเจนกลั้วกับกลิ่นออกทาง Smoky ติดเข้มหวานของกาแฟ ให้อารมณ์ผู้ชายเข้มๆ เท่ห์ๆ และมีระดับชัดเจนมาก จะว่าไปมันก็เหมาะกับการขับรถเก่าๆ หรูๆ สมกับการเป็น 1000 Miglia เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปครับ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์เลยทั้งกลางวันและกลางคืน ถ้าใส่ไปทำงานหรือไปเรียนคงต้องใช้จำนวนสเปรย์ที่เหมาะสมซักหน่อย ถ้าจะใส่ออกกำลังกายให้รอช่วงเบสจะไม่ทำร้ายชาวบ้าน ถ้าใส่ไปเที่ยวเล่น ขับรถไปโน่นนี่ หรือเที่ยวกลางคืนก็จัดไป เพราะกลิ่นอยู่ระหว่างความคลาสสิคและความทันสมัยเท่ห์แมนแต่นุ่มนวลเลยทีเดียว

ความทน – 8 ชม. กำลังงามครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top แต่ในช่วง Middle จะออกแนวผลุบๆ โผล่ๆ วูบขึ้นเป็นระยะ หรือบางทีก็นิ่งๆ หรือบางทีก็ตีขึ้นให้ได้กลิ่น และ Base เป็น Skin Scent ครับ

ทิ้งท้าย - บอกกันตรงๆ ว่านี่เป็นน้ำหอมตัวแรกที่ผมจับกลิ่นต่างๆ ได้ค่อนข้างยากมาก เพราะการเบลนด์น้ำหอมทำออกมาได้เนียนกริ๊บจริงๆ ได้ตัวนี้มาแบบแบ่งขาย ถึงขั้นใช้ต่อเนื่องกันเลยทีเดียว เห็นทีต้องซื้อใหม่เพราะใกล้หมดแล้ว -___-“