แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Estée Lauder แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Estée Lauder แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Review: Estée Lauder - Pleasures Intense for Men

Estee Lauder - Pleasures Intense for Men

น้ำหอมผู้ชายของ Estee Lauder ที่เรียกว่ามีน้อยนิดเสียเหลือเกินในการวางจำหน่าย บ้างก็เลิกผลิตไป เท่าที่เห็นตามเคาน์เตอร์ตอนนี้ก็จะมีแต่ตัว Lauder for Men ที่เป็นสาย Classic, Pleasures for Men ที่เป็นสาย Modern และ Intuition for Men ที่เป็นสายอบอุ่นเย้ายวน ซึ่งทั้ง 3 รุ่นก็ยงคงกะพันมาอย่างยาวนาน เพราะเนื้อกลิ่นให้ความดีงามในสไตล์ Eau de Cologne ของสุภาพบุรุษ มีคลาส และมีระดับแบบในลักษณะแบบสาย Timeless เหนือกาลเวลาเลยก็ว่าได้

แต่กลิ่นที่จะมาเล่ากันในครั้งนี้จะมาเจาะกันที่สาย Pleasures for Men กับรุ่นที่มีการต่อยอดสร้างสรรค์ออกมาโดยมีคำว่า Intense พ่วงเข้ามาด้วย ที่ตอนนี้เรียกว่าจะหาได้ก็ยากมากแล้ว เพราะเลิกผลิต เช่นนั้นต้องเล่าเพื่อเก็บไว้ในสารบัญกลิ่นซักหน่อยว่ากลิ่นรุ่นนี้จะออกมาในรูปแบบไหน

Pleasures Intense for Men เปิดตัวออกมากับกลิ่นโทนผลไม้ที่มีความเขียวเจือเปรี้ยวหอมของกีวีที่โดดเด่นออกมาแบบที่ไม่ได้ดูจงใจหรือพยายามนำเสนอความเป็นผลไม้เกินไป โดยจะมีโทนเขียวใบไม้สดชื่นแบบติดฉ่ำหน่อยๆ เขียวปร่าติดเปรี้ยวเจือขมของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และเขียวนวลปร่าอ่อนๆ ของโหระพามาเสริมโทนทำให้ความเขียวในเนื้อกลิ่นมีความพอเหมาะพอดีและสมดุลย์มากในการสร้างออร่ากลิ่นผลไม้ติดเขียวชื้นๆ แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะกลิ่นเปรี้ยวแปร่งที่มาแบบกลางๆ เกรปฟรุตก็เสริมให้กลิ่นมีความสดชื่นและมีลักษณะเป็นโทนสว่าง ซึ่งถือว่าช่วงต้นนี้เป็นการเปิดตัวกลิ่นที่ไม่เหมือนใครกับการเอากีวีมาชูโรง เสริมด้วยโทนเขียวที่เลเยอร์ต่างๆ เคล้า Citrus ได้อย่างลงตัวและรื่นรมย์มาก โดยที่มีลักษณะกลิ่นติดโทนแบบ Unisex ที่ผู้ชายใช้งานได้สบายมากไม่พอ ผู้หญิงเองก็น่าจะชอบได้เลยถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นสดชื่นติดเขียว

แน่นอนว่า ความเป็นโทนเขียวนี่แหละที่จะอยู่กันยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้ายเลย เพราะเมื่อโทนกลิ่นกีวีกับผองเพื่อนสายเขียวรื่นรมย์ในช่วงต้นลดทอนลงมาหน่อย และมีกลิ่นเขียวออกทางติดคมเล็กๆ และมีโทน Spicy บางๆ เนียนในเนื้อกลิ่นแล้วตามด้วยติดปลายหวานแปร่งออกทางคล้ายหญ้าหน่อยๆ ที่มีความเฉพาะตัวตามลักษณะของกลิ่นใบมะเขือเทศเสริมเข้ามาแบบสมดุลย์ รวมถึงกลิ่นออกทางเขียวเจือหวานโปร่งติดโทนแป้งหน่อยๆ ของใบไวโอเล็ตเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันอีก กลิ่นเลยจะได้ความเป็นโทนเขียวที่มีมิติกลิ่นที่รวมแทยทุกโทนในความเขียวมาเป็นหัวใจของน้ำหอมรุ่นนี้ โดยที่ยืนพื้นที่ความอะโรม่าของกลิ่นที่ติดกึ่งชื้นกึ่งแห้งกันซักพัก ถึงค่อยปรับโทนเป็นกลิ่นโทนเขียวรื่นรมย์ที่ติดไม้หอมแห้งๆ ที่มีความสุภาพและเรียบหรูขึ้นมาทีละนิดๆ จนเมื่อกลิ่นไม้หอมติดแห้งๆ กลายเป็นตัวเอกหลัก แล้วโทนเขียวเริ่มผันเป็นตัวสนับสนุนที่จะได้กลิ่นเป็นเลเยอร์ซ้อนต่อจากกลิ่นไม้หอม ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายสาย Woody Aromatic ที่ให้ความสมดุลย์กำลังดี โดยจะมีอะโรม่าของไม้หอมแห้งๆ ติดโปร่งๆ ที่เป็นโทนของหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์เด่นออกมาแบบกลางๆ ไม่หนักหน่วง เคล้ากับกลิ่นออกทางคล้ายผิวกายสะอาดๆ ติดอบอุ่นอ่อนๆ ที่ทำให้กลิ่นมาในโทนสะอาดและสว่าง ซึ่งจะมีกลิ่นเขียวเจือหวานอ่อนๆ บางๆ ประปรายให้จับต้องได้ ซึ่งทำให้ภาพรวมของกลิ่นในช่วงท้ายจะได้ความรู้สึกผ่อนคลาย สุภาพ สบาย เป็นธรรมชาติ และเรียบง่าย โดยที่จะมีออร่าความเรียบหรูอยู่ในทีไปตลอด ซึ่งทั้ง 3 ช่วงของน้ำหอมสร้างความประทับใจในเนื้อกลิ่นโทนเขียวต่างๆ สู่ไม้หอมอะโรม่ามีระดับได้ดีมากจริงๆ ยอม

เหมาะสำหรับ - พื้นฐานคือน้ำหอมชายที่ผู้หญิงก็ใช้ได้สบายมาก เพราะเนื้อกลิ่นมีความกลางๆ แบบสายกลิ่น Unisex เกิน 50% เลยก็ว่าได้ เช่นนั้นใส่ได้หมดถ้าสดชื่น ซึ่งกลิ่นสามารถใช้ได้แบบครอบจักรวาลทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เรียกว่ายังไงก็รอดสูงมาก แถมให้ความเรียบหรูและรื่นรมย์ รวมถึงสร้างออร่ามีระดับได้ดีอีกด้วยในการรับรู้กลิ่น จะมีก็แต่ช่วงกลางคืนที่เน้นใส่แบบทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายที่เอาไปสู้กับใครในการปล่อยพลังเรียกแขกแม้แต่น้อย

ความทน - อยู่ที่ 6 ชม. เป็นพื้นฐาน โดบจะบวกลบราวๆ 2 ชม. ซึ่งก็ว่ากันที่สภาพผิวกายผู้ใช้ จำนวนสเปรย์ และสภาพอากาศที่เอื้อด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งความทนไม่ได้หนีไปกับตัวต้นตระกูลเท่าไหร่

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนที่จะลดลงเป็นสมดุลย์กลางๆ แล้วผ่อนเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ตั้งแต่ช่วงกลาง ก่อนจะติดผิวที่เวลาขยับเนื้อตัวกลิ่นจะตีขึ้นระเรื่อๆ อ่อนๆ ให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

สรุป - ถือเป็นอีกกลิ่นที่ไม่อิงเอาขนบของรุ่นต้นตระกูลมาต่อยอดเป็นให้กลิ่นเข้มขึ้นและทนขึ้น โดยพื้นฐานกลิ่นคงเดิมแต่อย่างใด ออกแนวฉีกออกมาเป็นเอกเทศของตัวเองแต่ยังมี Signature เดิมให้จับต้องได้อย่างโทนกลิ่นเขียวสดชื่น ซึ่งต้องบอกกันตามตรงเลยว่า “เสียดาย” รุ่นนี้มากที่เลิกผลิต เพราะเนื้อกลิ่นมีความดีงามและสมดุลย์กับการเป็นโทนผลไม้ โทนเขียวสดชื่น และโทนไม้หอมที่ให้ความรื่นรมย์ เรียบหรู และมีระดับสูงมาก ที่สำคัญชูโรงกลิ่นกีวีในการเป็นน้ำหอมชายได้ดีมากจริงๆ อีกทีเลยแล้วกันว่า “เสียดาย”

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://luxuryperfume.com/products/pleasures-intense-by-estee-laude

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Review: Estée Lauder - Modern Muse Le Rouge Gloss

Estée Lauder - Modern Muse Le Rouge Gloss

ได้เวลาแห่งการเป็นสาวเปรี้ยวแบบ Kendall Jenner กันบ้าง แบบที่พอเห็นขวดครั้งแรกแบบว่า แรงฤทธิ์กันมาเลยทีเดียวเชียวกับหนึ่งในตัวหลานของไลน์ Modern Muse ที่ Estée Lauder ได้นำเสนอออกมาเมื่อปี 2015 งานนี้กลิ่นอายจะมาแบบไหน พร้อมจัดเต็มในลักษณะใด มาลองกันซะหน่อยกับรุ่นนี้เลย Modern Muse Le Rouge Gloss

ต้องบอกกันก่อนว่า นี่เป็นตัวแรกที่ได้มีโอกาสใช้จริงจังในไลน์ Modern Muse เลยจะไม่สามารถบอกความเชื่อมโยงได้ว่าอิงกับตัวต้นตระกูลหรือว่าตัวก่อนหน้าที่จะมีการต่อยอดเป็นรุ่นนี้ เช่นนั้นขอเน้นที่การบอกเล่ากลิ่นอายตัวนี้เน้นๆ แทน

เปิดตัวมาก็สาววววววกันทีเดียวเชียว เพราะ Top Notes มากับกลิ่นเชอร์รี่ที่มีกลิ่นของพริกไทยสีชมพูที่จะมีความหวานแนวๆ เบอร์รี่ติดเครื่องเทศโทนโปร่งเย้ายวนเป็นตัวผสมผสานให้กลิ่นอายฟุ้งกระจายและมีความหวานอมเปรี้ยวเซ็กซี่ได้โทนสีแดงกันอย่างชัดเจน เนื้อกลิ่นมีโทนแป้งติดอับบางๆ นิ่งๆ ที่สร้างให้เกิดมิติที่ตัดทอนไม่ให้เกิดเป็นผลไม้เครื่องเทศแหลมโดดเกินไป ซึ่งจะแอบจับได้ถึงกลิ่นแนวๆ พลาสติคใสๆ กันตั้งแต่ช่วงนี้ เลยจะทำให้กลิ่นช่วงนี้จะคมพอสมควร อาจจะบาดจมูกกันหน่อย แต่ถือว่าปล่อยของกันเต็มๆ บอกถึงความเซ็กซี่และหวานเย้ายวนภายใต้หน้าตานิ่งและแอบเชิ่ดให้รู้ว่าชั้นสวย ซึ่งกลิ่นอายในช่วงต้นนี้จะยังตามไปยัง Middle Notes ที่คราวนี้กลิ่นอายพลาสติคจะชัดขึ้นจนจับได้ว่าคือกลิ่นพลาสติคไวนิล ที่จะให้อารมณ์แนวเคลือบๆ หรือสื่อถึงคำว่า Gloss ชัดเจน กลิ่นที่บาดๆ คมๆ จะลดทอนลงไปหลบทางให้กลิ่นกุหลาบ กลายเป็นนางเอกประจำงาน โดยที่กลิ่นของเชอร์รี่และพริกไทยสีชมพูจะเป็นสายสนับสนุนให้เกิดอารมณ์สีแดงในเนื้อกลิ่น ความเซ็กซี่เย้ายวนจะเริ่มจัดเต็มมากกว่าเพราะกลิ่นจะมีความหวานเย้ายวนเซ็กซี่กันเต็มๆ ให้มีความรู้สึกที่ถือตัว เริ่ดๆ เชิ่ดๆ อยู่ ประมาณว่าเซ็กซี่แต่ก็ไม่ได้ดูง่าย มีระดับมากพอ อารมณ์แบบลิปกลอสสีแซ่บๆ วาววับดึงดูดสายตา โดยเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงกลิ่นอายแบบเครื่องเทศติดหนังหวานๆ จากหญ้าฝรั่น มีความนวลอุ่นจากวานิลลา และมีกลิ่นมะลิจางๆ เสริมให้ดูเป็นผู้หญิงชัดเจน จนเมื่อเข้า Base Notes กลิ่นของวานิลลาจะเด่นขึ้นมา ดึงเอากลิ่นอายหวานหอมของน้ำผึ้งจางๆ กับพิมเสนมาทำให้กลิ่นอายเป็นกลิ่นโทนหวานเย้ายวนมากขึ้น ซึ่งความเป็นโทน Gloss แบบกุหลาบเย้ายวนกับไวนิลเคลือบผลไม้กับเครื่องเทศลดลงเป็นสายสนับสนุนรองลงมา เสริมให้กลิ่นจะมีความเซ็กซี่อบอวลเย้ายวนออกแนวว่า "ชั้นไม่ได้สนใจว่าจะได้ใครกลับบ้านนะ ชั้นแค่ให้เห็นว่าชั้นเริ่ดมากพอที่จะทำให้คุณต้องมองชั้น แล้วเดินเข้ามาหาเอง" แบบนี้เลย โทนกลิ่นมีความเป็นสีแดงตั้งแต่ต้นยันจบ และถือว่าน้ำหอมรุ่นนี้ใส่ความเป็น Gloss ด้วยกลิ่นพลาสติคได้ลงตัวเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป กลิ่นนี้มันจะบ่งบอกถึงความมั่น เริ่ด สวย โดยที่ไม่ได้มาสายลั่นล้า กี๊ซก๊าซวี้ดว้าย ผู้ชายต้องมา ชั้นจะไม่นกเด็ดขาด อะไรประมาณนั้น ซึ่งใส่ได้บางสถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ ไม่งั้นมันดูแรงฤทธิ์ไป ซึ่งตัดทิ้งในการใส่เพื่ออกงานทางการเลยจะดีที่สุด เพราะกลิ่นมันออกแนวเริ่ดเชิ่ดมั่นพอสมควรเดี๋ยวข่มชาวบ้านหมด รวมถึงใส่เพื่อออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกาย เพราะเดี๋ยวกระจายฆ่าชาวบ้านตายหมู่เอาได้ ยกเว้นใส่แบบทำงาน Office สวยๆ หรือทั่วๆ ไปแบบไม่ได้มีอะไรทางการอันนี้ใส่ได้ไม่ยาก ส่วนยามค่ำคืนท่องราตรี หรือไปปาร์ตี้หรือจะออกแนวยั่ยวนแบบไม่ได้เน้นสายแอ๊วผู้ชายพร้อมรับศึกทุกสถานการณ์อันนี้จะเข้าทางมาก กลิ่นแดงแรงสวยได้เลยทีเดียว

ความทน - ราวๅ 6-8 ชม. กลิ่นอาจจะทนมากกว่านี้ได้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวเจอที่ประมาณ 8 ชม. กำลังดีในการปล่อยของ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากแบบมาเต็มเหนี่ยวเลยในช่วงแรก ถ้าไม่คุ้นชินอาจจะรู้สึกบาดจมูกกันหน่อย ก่อนจะลดลงมากระจายดีกึ่งปานกลางในช่วงกลาง แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พ้น 8 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็นกลิ่นติดผิวเรื่อๆ แล้วจางไปตามเวลา

ทิ้งท้าย - ผมใส่แล้ว สาวมากกกกกกก 555555 กลิ่นส๊าวสาวและกลิ่นมั่นใจมาก แบบว่าชั้นจะแดง ชั้นจะเริ่ด จนแบบว่ามีแต่คนมองแบบสายตาเคลือบแคลง เช่นนั้น มันเหมาะกับสาวๆ มากกว่าผู้ชายแน่นอนครับ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit
ภาพ - http://df.lnwfile.com/_/df/_raw/z0/y9/gx.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: Estée Lauder – Youth-Dew

Estée Lauder – Youth-Dew 

พอเห็นชื่อว่า Estee Lauder มักจะนึกถึงกลิ่นน้ำหอมแนวหรูหรา สะอาด สุภาพ มีความเป็นผู้ดีแบบมีชั้นเชิงแฝงไปด้วยในแต่ละกลิ่นตลอด แต่เพราะไม่ได้ใช้น้ำหอมผู้หญิงเลยมักมองข้าม พอวันนึงมีมิตรสหายผู้รักน้ำหอมด้วยกันส่งน้ำหอมมาให้ได้ลอง ทำให้ได้เห็นว่าแบรนด์นี้เขาทำน้ำหอมได้เด็ดดวงมากมาตั้งแต่อดีตและเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่คลาสสิคเหนือกาลเวลามากเสียด้วยกับตัวนี้เลย Youth-Dew 

เปิดต้นกลิ่นมาเรียกว่ามาเต็มตามลักษณะของน้ำหอมโทนหรูหราแบบติด Vintage กับ Aldehydes ที่จะมาแบบกลิ่นสบู่สะอาดๆ คมๆ ดันเด้งขึ้นมาก่อนเลย โดยจะมีกลิ่นของโทนซิตรัสมาสนับสนุนจางๆ แต่กลิ่นที่มาผสมผสานแบบเด่นกว่าจัดเต็มคือโทนเครื่องเทศที่จะมาแบบ Spicy กันเต็มๆ แต่แปลกมันมีความนุ่มผสมๆ อยู่ติดโทนสะอาด ซึ่งน่าจะมาจากลาเวนเดอร์ กลิ่นจะเริ่มพัฒนาเข้าสู่ Middle Notes ที่เล่นเอาประทับใจมาก คือ กลายเป็นกลิ่นแบบ Coca Cola ที่มีกลิ่นอายติดแป้งหอมดอกไม้รายล้อม ด้วยการผสมผสานของอบเชยและกานพลูที่จะมาแบบ Cola หน่อยๆ ติดซ่าๆ กับแป้งหอมเย้ายวนติดเครื่องเทศที่ยังคงตามมาเด่น โดยรู้สึกได้ถึงความ Smoky จางๆ ที่แทรกอยู่ กลิ่นในช่วงนี้ถือว่ามีเสน่ห์ที่หาตัวจับได้ยากไม่น้อย เพราะมันจะได้ความรู้สึกแบบ Sexy กลั้วความดาร์กติดความนวลของแป้งหอมอย่างบอกไม่ถูก เพียงไม่นานโทนอบอุ่นก็จะเริ่มดันขึ้นมาเรื่อยๆ กลิ่น Smoky ที่ว่าจึงมาเต็มกันในช่วง Base Notes ที่โทนธูปและยางไม้จะมาเต็มมาก เปิดตัวหลังจากหลบๆ ซ่อนๆ มาตั้งแต่ช่วงแรก กลิ่นของโทนแป้งยังคงตามมาอยู่โดยวานิลลารับช่วงต่อ ตามด้วยมีความอบอุ่นแทรกอยู่ตลอดจากโทนแอมเบอร์ แต่สิ่งที่ตัดกันได้น่าดูชมคือ พิมเสนและ Oakmoss ที่มาในโทนเข้มดาร์ก ซ่อนพื้นหลังแบบติด Animalic ด้วยกลิ่น Musk ที่แม้จะนุ่มแต่ซ่อนเขี้ยวเล็บแบบเย้ายวนติดสาปปลุกเร้าแบบดิบๆ ให้รู้สึกได้ เรียกว่าเป็นการผสมผสานน้ำหอมออกมาได้ดีงามมากอีกตัวกับการรวมความเป็นผู้หญิงในหลายๆ อารมณ์ ทั้งสดชื่น มีจริต หรูหรา มีระดับ น่าค้นหา ลึกลับ เย้ายวน และเซ็กซี่แบบติดดิบๆ นี่แหละภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป อย่างน้อยต้องเป็นคนผ่านน้ำหอมมาพอสมควรและมีความชอบในโทนกลิ่นแบบ Vintage ที่มีลักษณะแบบกลิ่นที่เหนือกาลเวลาและคลาสสิคแบบมีชั้นเชิง ยิ่งถ้าใครเคยได้กลิ่นนี้จากคนในครอบครัวที่ใช้น้ำหอมมาก่อนเรียกว่าสามารถฟินได้เลย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ กลิ่นจะให้ความงามแบบน่าค้นหาได้ดีมาก งดใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกาย เดี๋ยวจะตายก่อนเพราะกลิ่นตีขึ้นหนำใจมาก ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรูเรียกว่า ปล่อยเสน่ห์กันไม่ยั้งได้เลยทีเดียว 

ความทน กราบบบบบบบบ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่เลย ขนาดจัดไปแค่ 3 สเปรย์เท่านั้นเอง ขอกราบบบบบอีกที 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากแบบว่าตอนฉีดครั้งแรก อาจจะผงะกันได้เลยทีเดียว แล้วจะค่อยลดลงมาตามเวลาที่ผ่านไปเป็นกระจายดีมนช่วงกลาง ซึ่งในช่วงท้ายเป็นกระจายกลางๆ ก่อนที่จะผันตัวไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัว ส่วนหลังจากนี้ไม่รู้แล้วจ้า เพราะอาบน้ำก่อน ^^ 

ทิ้งท้าย แม้ผมเองจะผ่านน้ำหอมโทนแบบนี้มาไม่มาก แต่เนื้อกลิ่นเบลนด์ออกมาได้ชั้นครูเลย มีลักษณะออกแนวเล่นใหญ่ก็จริง แต่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างน่าเชื่อถือมากเลย ง่ายๆ มันคือ Masterpiece ครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://images.moneysavingexpert.com/images/yslyouthdew.jpg

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Estée Lauder – Beyond Paradise for Men

Estée Lauder – Beyond Paradise for Men

กลับมาที่แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังอย่าง Estee Lauder ซึ่งน้ำหอมชายนี่เรียกว่านานๆ ทีจะมีออกมาให้ได้เชยชมและดมกลิ่น และตัวนี้เป็นหนึ่งในนั้นที่ออกมาเมื่อปี 2004 เช่นนั้น มารู้จักกันหน่อยกับรุ่นนี้เลย Beyond Paradise for Men 

กลิ่นเปิดเรียกว่ามาได้แนวไม่เหมือนใครเพราะมากับกลิ่นอายแบบผลไม้ของเมล่อนผสมกับกลิ่น Citrus แบบสดชื่น กลายเป็นกลิ่นนัวๆ ติดหวานที่สำคัญมีกลิ่นโทนดอกไม้ของไฮยาซินท์ที่จะมาให้ความเขียวๆ กลิ่นอายเลยจะอยู่พื้นฐานของความเป็นน้ำผลไม้เมืองร้อนกลั้วอากาศริมทะเล ซึ่งจะมีกลิ่นอายของดอกไม้อย่างดอกส้มเข้ามาเสริมประปรายแอบเซ็กซี่ดึงโทนเข้าสู่ช่วงกลางที่จะมากับโทนหอมนวลๆ ของดอกไม้เด่นที่ดอกสายน้ำผึ้งนวลๆ กับมะลิ โดยที่กลิ่นในตอนต้นยังตามมาอยู่ ทำให้กลิ่นกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะผลไม้กับดอกไม้จะมารวมตัวกันในน้ำหอมชาย โดยที่มีกลิ่นอายอบอุ่นติดโทนวู้ดดี้แห้งๆ รองพื้นอยู่ด้านหลังให้รู้สึกได้ เปรียบเสมือนเป็นตัวเชื่อม 2 โทนออกมา โดยกลิ่นนวลๆ ของดอกไม้โทนขาวกับผลไม้ติดหวานจะหอมแบบมีชั้นเชิงติดนัวเซ็กซี่ก็ได้ สบายๆ ก็ดี กลิ่นไม่เหมือนใครเลยในช่วงนี้ และตัวรองพื้นที่อบอุ่นที่ว่าจะเริ่มเผยโฉมจนนำเข้าสู่ในช่วงท้าย คือ แอมเบอร์ โดยจะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้แบบติดผลไม้จางๆ ที่ให้ความเย้ายวนและเซ็กซี่กำลังดี ไปตลอดที่สำคัญรู้สึกได้ถึงกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ สบายๆ ที่จะมากลั้วเบาๆ ไปด้วย ภาพรวมเลยเป็นน้ำหอมที่กลิ่นอายมีเสน่ห์ Unique และเป็นกลิ่นที่เย้ายวนแบบกึ่งชิลล์แบบไม่เหมือนใครนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายๆ เพียงแต่กลิ่นเปิดอาจจะไม่ใช่พิมพ์นิยมที่มาแบบเปรี้ยวสดชื่นอะไรนัก แต่มาแบบผลไม้กลั้วซิตรัสที่น่าสนใจแทน หลังจากหลังเจอกับกลิ่นอายดอกไม้ที่ผู้ชายใช้ได้สบายๆ เลย โดยใช้ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน อาจจะขอยกเว้นงานทางการจัดๆที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมือง นอกนั้นจัดไปได้หมด แฝงไปด้วยความเซ็กซี่ซะด้วย ส่วนยามค่ำคืนสบายๆ เพียงแต่อาจจะเบาไปหน่อยถ้าจะใช้ใส่ไปเที่ยวกลางคืน ยกเว้นชิลล์ๆ ริมชายหาด หรือทั่วๆ ไปที่จัดได้เต็มที่เลย 

ความทน อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. ซึ่งอาจจะมากกว่านี้ได้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ และแอบมีเคมีบางส่วนด้วย 

การกระจาย กลิ่นกระจายกำลังดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่กลิ่นจะตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อน 

ทิ้งท้าย เรียกว่า Estee Lauder ทำน้ำหอมชายออกมาได้น่าสนใจมากเลยนะครับ เพียงแต่โดนน้ำหอมผู้หญิงที่เด็ดดวงเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดกลบซะมิดเลย 

Credit ภาพ - http://evro-parfum.com.ua/uploads/posts/2011-08/1313512811_estee-lauder-beyond-paradise-men.jpg

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

Review: Estée Lauder - Pleasures For Men


Estée Lauder - Pleasures For Men

ถ้าจะให้นึกถึงน้ำหอมที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ชายแบบสบายๆ อ่อนโยน สะอาด สุภาพแบบมีระดับและผ่อนคลาย ในหัวผมมักจะมี Pleasures For Men ของ Estée Lauder อยู่ใน List ด้วยเสมอ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เรียบง่าย แต่มีคลาสไม่น้อยเลยทีเดียว 

เปิดตัวกันที่ Top Notes กับกลิ่นโทนซิตรัสกลั้วไปกับกลิ่นของลูกท้อและใบไม้เขียวๆ ท่ามกลางอากาศสดชื่น ได้ความรู้สึกสดใสเป็นอย่างดี กลิ่นจะใกล้เคียงกับ Cool Water นิดหน่อยในช่วงนี้ เพียงแต่ Pleasures จะมีความเป็นโทนผลไม้ติดเขียวมากว่า ได้ความสบายๆ ของกลิ่นที่ไม่ได้ออกทางทะเลแต่อย่างใด และเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นสดชื่นในตอนต้นจะผันตัวเองมาเป็นฉากหลัง ดันให้กลิ่นโทน Spicy ของพริกไทย เม็ดผักชี และขิงเด่นขึ้นมาแทน โดยจะมีโทนนุ่มๆ ของลาเวนเดอร์และกุหลาบ ที่จะมากให้ความรู้สะอาดและอ่อนโยนติดหวาน กลิ่นในช่วงนี้จะออกทางสบู่หอมหน่อยๆ อย่างชัดเจน และปิดท้ายที่ Base Notes กับโทนวู้ดดี้อ่อนๆ ที่จะมาให้ความรู้สึกอบอุ่นแทรกกับความสดชื่นไปเรื่อยๆ แบบมีระดับ ได้ความสุภาพและผ่อนคลายในเนื้อกลิ่น โดยมีกลิ่นโทนแมนๆ ติดเขียวของมอสเข้ามาให้ความรู้สึกประฉับกระเฉง ในแบบผู้ชายอารมณ์ดี เรียกได้ว่ารวมความหอมแบบเรียบง่าย แต่มีระดับในเนื้อกลิ่นไม่น้อยเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไป เพราะกลิ่นใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย เข้ากับอากาศบ้านเราสุดๆ สามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน และบางสถานการณ์ทั่วๆ ไปในยามเย็นที่ไม่ได้เน้นไปเมาแอ๋ที่ไหน ที่สำคัญกลิ่นนี้ติดทาง Unisex หน่อยๆ ผู้หญิงก็สามารถใส่ได้อยู่ในแบบทั่วๆ ไปครับ

ความทน - ถือว่าเป็น Cologne Spray และเป็นน้ำหอมกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็จริง แต่ความทนนี่ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ กับ 8 ชม. สบายๆ ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และจะลดระดับมากระจายๆ แบบหอมอ่อนๆ สะอาดสุภาพในตอนกลาง จนปิดท้ายที่ Skin Scent ที่ยามร่างกายทำความร้อน กลิ่นจะตีขึ้นให้รับรู้ได้ไม่ยาก

ทิ้งท้าย - ใครชอบน้ำหอมที่สดชื่นและให้กลิ่นที่อ่อนๆ แบบสุภาพและมีระดับ นี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ยิ่งถ้าใส่น้ำหอมตัวนี้กับวันที่ใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆ เช่นสีขาว ยิ่งแบบว่าเข้ากั๊น เข้ากันมากครับ ^^