แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ A Lab on Fire แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ A Lab on Fire แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Review: A Lab on Fire - Made in Heaven

A Lab on Fire - Made in Heaven

จากคำโปรยที่ขอสรุปง่ายๆ ว่า “ได้ร่วมรักกับนางฟ้านางสวรรค์ท่ามกลางหมู่เมฆและชั้นบรรยากาศ” ก็เรียกว่า หืออออ มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ กับการนำเสนอของแบรนด์ที่รวบรวม Perfumer ต่างๆ มาสร้างสรรค์กลิ่นอายเฉพาะอย่าง A Lab on Fire กับชื่อรุ่นว่า Made in Heaven

เช่นนั้นจะสวรรค์ชั้น 7 ขนาดไหน จะฟินสุดติ่งหรือไม่ และจะบอกเล่ากลิ่นอายยามประกอบกิจกรรมหรือเปล่า ก็มาว่ากันเลยดีกว่า

ตัดเรื่องกลิ่นอายที่จะสื่อถึงกิจกรรมเข้าจังหวะและการร่วมรักไปได้เลย เพราะกลิ่นไม่ได้มาในลักษณะที่ให้ความ Dirty และบ่งบอกถึง Sex ขนาดนั้น แต่สื่อกลิ่นอายที่เป็นกรุ่นอวลหวานที่ออกแนวสว่างนวลขาวปนครีมอินโนเซนส์แต่มีความเย้ายวนเนียนเกลี่ยไปด้วยตลอดเสียมากกว่า ซึ่งช่วงเปิดกลิ่นกึ่งแว๊กซ์ปนกลิ่นเลมอนหน่อยๆ ของดอกแมกโนเลียจะชัดเด่นออกมาแกล้มไปกับกลิ่นส้มที่ค่อนไปทางไซรัปส้มหวานอวลและมีกลิ่นเปลือกส้มประปรายให้พอรับรู้ได้ว่ามีโทน Citrus ที่คลอกลิ่นสร้างโทนสว่างอยู่ ซึ่งจะเป็นวูบแรกเท่านั้น แต่วูบถัดมาตัวที่เสริมเข้ามาอย่างกลิ่นอายดอกไม้ขาวติดครีมมี่ข้นๆ จะเริ่มสร้างความหวานเย้าโทนสว่างให้กลิ่นมากขึ้น แต่ก็จะมีความหวานเจือขมลึกๆ คล้ายเครื่องเทศเย้ายวนแกล้มอยู่ด้วยที่มาสร้างความลุ่มลึุกในเนื้อกลิ่นอย่างมีมิติ รวมถึงจะแอบจับได้ว่าได้กลิ่นแนวๆ คล้ายธัญพืชแนวข้าวโพดค่อนไปทางซีเรียลหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในเนื้อกลิ่นด้วย ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวกลิ่นที่รวมเอาความหอมเย้าหวานครีมมี่แกล้ม Citrus ที่ฟุ้งออกมาแบบที่คนชอบโทนหวานเป็นทุนเดิมจะฟินไปข้างตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลย

การเข้าสู่ช่วงกลางจะชัดเจนเมื่อโทน Citrus แบบไซรัปส้มหวานติดกลิ่นเปลือกส้มเริ่มจางไป และกลิ่นโทนดอกไม้ขาวจะชัดเจนมากขึ้นจนกลายเป็นตัวนำโทนกลิ่นบนพื้นฐานความหวาน โดยมีเลเยอร์กลิ่นดอกไม้ขาวที่มี 4 สเต็ปให้สัมผัสคือ กลิ่นดอกมะลิที่ให้ความนวลหวานติดละมุนๆ กำลังดี กลิ่นครีมมี่เย้าเร้าใจแกมอินโนเซนส์มีจริตของซ่อนกลิ่น กลิ่นหอมเปรี้ยวอมหวานติดโทนสะอาดของดอกส้มที่สกัดด้วยตัวทำละลาย และปลายกลิ่นจะมีกลิ่นแว๊กซ์กึ่งเลมอนเปรี้ยวบางๆ ของแมกโนเลียที่ยังตามมาในช่วงนี้อยู่ เรียกว่า 4 ประสานนี้สร้างความหอมในพื้นฐานการเป็นดอกไม้ขาวที่มีเสน่ห์ในแต่ละมิติได้อย่างดีทั้งละมุนอ่อนโยน ทั้งเย้ายวนรัญจวนใจ ทั้งรื่นรมย์ปนสะอาด และสดชื่นดึงความตื่นเต้นเล็กๆ โดยที่จะมีกลิ่นซีเรียลให้ความเย้าแบบต่างโทน และเริ่มจับได้ถึงกลิ่นออกทางนุ่มนมเข้ามาร่วมด้วยแบบสไตล์โทนแป้งที่เริ่มเสริมรองพื้นเข้ามาตามลำดับ จนเปลี่ยนสถานะเข้าสู่ช่วงท้ายที่ตอนนี้คือสวรรค์ของคนชอบกลิ่นหอมติดขนมหวานนุ่มละมุนปนอบอุ่นแบบที่ไม่ได้ข้นหนักชัดเจน อารมณ์กลิ่นจะเป็นโทนแป้งหอมหวานรื่นรมย์ดอกไม้ขาวที่ยังตามมาจากช่วงกลางเคล้า Musk ที่เป็นตัวสร้างความนวลละมุน โดยมีความหวานจากวานิลลามาเสริมให้มีความผ่อนคลายอบอุ่นกำลังดี  และกลิ่นซีเรียลจะให้ความมีมิติที่เย้าๆ จมูกตลอดเวลาแบบมีลูกล่อลูกชนชวนให้อยากดมแล้วดมอีกได้เรื่อยๆ ซึ่งถ้าบอกว่า Made in Heaven ก็ได้เลยล่ะ เพราะกลิ่นนี้ทำเอาฟินและนุ่มนวลละมุนเย้ายวนไม่อยากให้หยุดสวรรค์รอบกายที่มาจากลิ่นเลยจริงๆ

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่ทิศทางของกลิ่นปูไปทางผู้หญิงราว 70% เลยทีเดียวจากโทนดอกไม้ขาว ซึ่งถ้าผู้ชายคนไหนไม่มายด์กับกลิ่นดอกไม้ ใส่ได้สบายมากและมีเสน่ห์ในความหวานเย้าได้ดีอีกด้วย ซึ่งเข้าได้กับบางสถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป ใส่ทำงานได้ ใส่ชิลล์ได้ หรือเน้นโรแมนติคจะดีที่สุด แต่กลิ่นจะไม่เหมาะกับยามทางการเท่าไหร่เพราะหวานผสมเย้ายวนเนียนๆ เกินไป และไม่เหมาะกับการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ หรือออกกำลังกายเรียกเหงื่อแต่อย่างใด เพราะกลิ่นจะฟุ้งจนคนใส่อึดอัดเองและคนรอบข้างก็มองหน้าไม่สบอารมณ์เอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป เพราะกลิ่นเหมาะกับการใส่ไปแนวๆ งานแต่งงานหรือโรแมนติคได้ดีมาก รวมถึงใส่ท่องราตรีได้ด้วยให้ดูเป็นสายหวานดูอ่อนโยนแกมความเย้ายวนเงียบๆ ที่พร้อมฟาดเรียบได้เลยล่ะ  

ความทน - มากกกก เรียกว่าประทับใจสุดๆ กับ 12 ชม. ที่เจอเป็นเรื่องปกติ และไปต่อที่ 15 ชม. ก็เจอมาแล้วกับการใช้งานที่ 4 สเปรย์ เรียกว่าผ่านพื้นฐานความทนได้อย่างฉลุยแบบที่ยังไงก็ 8 ชม. ได้สบายในการเป็นค่าเฉลี่ยในเรื่องนี้

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น และลดลงมากระจายดีเสมอต้นเสมอปลายไปจนราวๆ 4 ชม. ก็จะผ่อนลงมาปานกลางยาวไปเรื่อยๆ จนเข้าช่วงท้ายที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไปจนถึง 12 ชม. ถึงเริ่มติดผิว

สรุป - อารมณ์กลิ่นอาจจะไม่ได้สื่อสารตรงๆ ถึงการ X กับนางฟ้า แต่ให้อารมณ์กลิ่นที่ได้ความหวานอินโนเซนต์แต่มีความเย้ายวนอวลชวนกินเสียมากกว่า ซึ่งเรียกว่าสร้างกลิ่นอายที่ได้ความหวานที่ไล่เลเยอร์กันได้ดีตั้งแต่ต้นยันปลายกลิ่น และสามารถทำให้คนใช้มีความหวานหอมฉาบตัวแถมชวนซุกชวนดมแบบไม่จงใจได้ดีมาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.alabonfire.la/fragrances/made-in-heaven

 

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Review: A Lab on Fire - Almost Transparent Blue

A Lab on Fire - Almost Transparent Blue 

การรวมตัวของเหล่า Perfumer ที่สร้างสรรค์กลิ่นแปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะทั้งแบบลึกล้ำ จัดเต็ม หรูหรา หรือว่าเรียบง่ายอย่างมีชั้นเชิงหาไม่ได้ง่ายๆ นัก โดยเฉพาะในสายน้ำหอม Designer แต่ถ้ามามองที่ Niche Perfumery แล้วเรามักเห็นจากหลายๆ แบรนด์ที่มีการรวมเอา Perfumer ทั้งระดับปรมาจารย์ ระดับเก๋าเกม และคลื่นลูกใหม่ที่มากฝีมือมาเป็นหนึ่งในการสร้างสรรค์น้ำหอม แ
ละหนึ่งในแบรนด์ที่กำลังจะมาเล่ากลิ่นอย่าง A Lab On Fire นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นกับการสร้างสรรค์กลิ่นที่มีความเฉพาะตัวและมีเสน่ห์ตามแต่ที่ Perfumer จะนำเสนอ 

เช่นนั้น มีหรือที่จะพลาดกับการซึมซับกลิ่นอายความเฉพาะตัวของน้ำหอมแบรนด์นี้กับรุ่นแรกที่ได้ลองอย่าง Almost Transparent Blue กับที่มาที่ไปของน้ำหอมที่สะกิดใจได้ไม่ยากนั่นคือ การนั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่มีทั้งสายลมและแสงแดด มองดูผืนน้ำที่สะท้อนแสงไปเรื่อยๆ ปลดปล่อยความรู้สึกจากที่มีอะไรมากมายในจิตใจกับบรรยากาศรอบๆ ตัวไป จนเรารู้สึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไปกับสายน้ำและท้องฟ้าจนเราสามารถหายใจได้อย่างมั่นคงซึ่งเมื่อเจอข้อความแบบนี้ ก็ไม่ลังเลที่จะได้สัมผัสทันที และสิ่งที่ได้นั้นก็คือ 

กลิ่นเข้าทางลักษณะ Scent Healing ถ่ายทอดสภาพแวดล้อมที่มีความสดชื่น ไล่เรียงไปที่ความสะอาดรื่นรมย์ ก่อนปิดท้ายด้วยความผ่อนคลายได้อย่างเรียบง่ายและมีเสน่ห์ โดยกลิ่นจะเปิดตัวที่ความเป็นโทน Citrus เด่นที่ความเป็นมะนาวกันก่อนเลย แต่กลิ่นจะไม่ได้มาแบบเปรี้ยวปรี๊ดแบบช่วงเวลาที่เราบีบคั้นน้ำมะนาวอะไรแบบนั้น กลิ่นจะมาแบบ Airy ลอยตามลมที่มีความเปรี้ยวสดชื่นเสียมาก โดยจะเคล้ากับกลิ่นของส้มยูซุที่มาแบบกึ่งเปรี้ยวกึ่งขมหอมเจือหวานหน่อยๆ ซ้อนเป็นเลเยอร์สนับสนุนอยู่ กลิ่นจะมีความบางแบบจับต้องได้แบบเย็นๆ และเข้าโทนสว่าง ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะไม่คมไปปรี๊ดเลย เพราะในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายออกทางสบู่ซ่าๆ ติด Spicy หน่อยๆ ที่มาตัดทอนและผสมผสานให้กลิ่นมีความสะอาดรองพื้นอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นนี้จะเริ่มชัดมากขึ้นในช่วงกลางที่จะเป็นกลิ่นสบู่สะอาดสว่างกำลังดีของ Aldehydes ปนกลิ่น Citrus ที่ให้ความรู้สึกซ่าบางๆ ปนสดชื่นเจือหวานปลาย ที่สำคัญจะจับต้องได้ถึงกลิ่นแนวๆ ไม้หอมอ่อนๆ โปร่งๆ เสริมเข้ามาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ซึ่งพอผสมผสานกันกลิ่นจะให้ความสมดุลย์พอเหมาะพอเจาะมาก จนได้ความรู้สึกแบบอากาศเย็นสบายๆ เคล้ากลิ่นสะอาดติดปลอดโปร่งมีความ Sparkling ซ่าๆ เบาๆ ให้รู้สึกรื่นรมย์ปนกลิ่นไม้อ่อนๆ ที่ทำให้เราผ่อนคลาย และปูทางไปสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นจะเริ่มมีความนิ่งมากขึ้น เพราะกลิ่นไม้หอมติดโทนสะอาดจะเริ่มเป็นตัวเด่นนำให้ความอะโรม่าติด Earthy แบบกลิ่นออกทางดินเล็กๆ เปียกบางๆ ที่มีความเป็นโทนเขียวติด Citrus ที่เบาๆ เคล้าความสว่างโปร่งติดนุ่ม Musk ที่ทำให้กลิ่นมีความนิ่งเรียบง่ายก็จริง แต่มีความน่าสนใจมากตรงที่มีกลิ่นอายผ่อนคลายแบบมีมิติของโทนไม้หอมที่แตกต่างให้จับต้องได้ซ้อนอยู่ท่ามกลางความนวลโปร่งของกลิ่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปจากผิว

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศและทุกวัยได้เลย (ยกเว้นเด็กทารก และถ้าเป็นเด็กน้อยมากๆ ก็ข้ามไปก่อนรอซักอนุบาล 3 หรือประถมก่อนน่าจะดีกว่า ) กลิ่นมีความเป็นสภาพแวดล้อมและบรรยากาศยืินพื้นที่ความสะอาดเป็นสำคัญ และยังมีความสมดุลย์ทางกลิ่นที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์อย่างน่าสนใจมาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย จัดไปยังไงก็รอด ส่วนยามค่ำคืนให้ตัดการใส่เพื่อท่องราตรีไปได้เลย เน้นใส่เพื่อความผ่อนคลายสบายๆ จะดีกว่า 

ความทน - กลิ่นค่อนข้างแกว่ง ซึ่งแน่นอนว่าอิงตามสภาพผิวเป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งที่พบจากการใช้บนผิวชุ่มน้ำของตัวเอง อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. มีบางครั้งที่ไปต่อได้ถึง 8 ชม. และเมื่เทียบกับคนผิวแห้งที่ให้ลองเทสใช้ด้วยอันนี้จากลากันไปตั้งแต่ 1 ชม. กันได้เลย ซึ่งถ้าฉีดเสื้อได้จะทนกว่าบนผิว แต่ก็ไม่ได้สัมผัสเสน่ห์ของกลิ่นบนผิวเรา เพราะกลิ่นจะถ่ายทอดมิติได้ด้อยกว่าและทื่อๆ พอสมควร) 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าสดชื่นแบบปลอดโปร่งไม่หนักหน่วงชัดเจน แล้วจะลดลงไปที่ออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย ซึ่งเอาจริงๆ ก็เข้าทางลักษณะ Safe Scent ได้อยู่ 

ทิ้งท้าย - สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้จากกลิ่นนี้ เมื่อเทียบกับเรื่องราวของแบรนด์ก่อนเข้ากลิ่นอาจจะไม่ได้มองตรงกันนักในเรื่องของการมองผืนน้ำสะท้อนแสงแดดที่ให้เราปลดปล่อยความรู้สึก แต่จะได้ลักษณะของกลิ่นอายแบบเวลามองท้องฟ้าตอนเช้าที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าทีละน้อยๆ จนเป็นฟ้าครามสว่างตา ให้เรารู้สึกได้ถึงความปลอดโปร่ง สดชื่น และผ่อนคลาย เอาจริงๆ มองท้องฟ้าก็ช่วยให้ปลดปล่อยได้อยู่นา 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - ZGO Perfumery - https://cdn3.bigcommerce.com/s-c7lldeqjm9/products/1537/images/4922/A_LAB_ON_FIRE_Almost_Transparent_Blue__70867.1510531488.1000.850.jpg?c=2