วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: by Kilian - Let’s Settle This Argument Like ADULTS in the Bedroom, Naked


by Kilian - Let’s Settle This Argument Like ADULTS in the Bedroom, Naked

ไล่เรียงจากการเบ้ปากไม่อยากเป็นเจ้าหญิง สู่การเป็น Bad Boys ที่เร้าใจ ตามด้วยชวนกันเผาผลาญแคลอรี่ด้วยการจูบ ก็ได้เวลามา คุยกันแบบผู้ใหญ่หน่อยแล้ว ป่ะเข้าห้อง ตัวต่อตัวเสื้อผ้าไม่เกี่ยวกันบ้าง กับรุ่นสุดท้ายของ Collection: My Kind of Love จาก by Killian ซึ่งกลิ่นจะมาในลักษณะไหน สร้างความโต้เถียงอย่างไรบ้างก็มาว่ากันที่รุ่นนี้เลย Let’s Settle This Argument Like ADULTS in the Bedroom, Naked 

จากคำโปรยทิ้งท้ายการบอกเล่าข้อมูลเบื้องต้นของแบรนอย่าง “Seriously, when are you going to grow up and get horizontal?” กับรุ่นที่ขอเรียกสั้นๆ ตามแบรนด์ว่า Adults ก็เรียกว่าวี้ดวิ้วกิ๊วก๊าวไม่น้อย (แม้จะใช้ศัพท์แนว Urban อย่างคำว่า Get Horisontal มาสื่อแทนคำตรงๆ ก็ตาม) สิ่งที่แบรนด์นำมาเสนอกับการเป็นกลิ่นแห่งการโต้เถียงกันลักษณะตัวต่อตัวแบบนี้ ก็เอาความเป็น Fig หรือมะเดื่อฝรั่งมานำเสนอ แน่นอนมันเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีสื่อสารถึงความเย้ายวนกรุบๆ และสัญลักษณ์ทางเพศบางอย่างได้ (ก็ลองผ่าครึ่งแล้วจินตนาการก่อนกินดูสิ) ซึ่งเปิดต้นกลิ่นด้วยความเป็น Fig ในรูปแบบที่ไม่หนักหน่วง ไม่เขียวครีมมี่อึนๆ และไม่ข้น ให้ความเป็น Citrus Fig ติดสดชื่นบางๆ กลิ่นมีความเป็นลูก Fig ที่กำลังดี ให้ความหรูหราดึงดูดแบบติดเขียวปนครีมมี่มิลค์กี้บางๆ มาแบบเบาๆ ไม่ได้หนักหน่วงแต่ประการใด ทำให้คนใส่อาจจะเหวอๆ เอาได้ ว่าทำไมมันไม่ได้พีคอะไรนัก ก็การโต้เถียงสไตล์นี้มันก็ต้องเรื่อยๆ มาเรียงๆ สดชื่นกันก่อนสิ จะมาตะบี้ตะบันรีบอะไรกันล่ะ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม 

จนเมื่อความเป็น Citrus เริ่มค่อยๆ จางลงไปในเวลาไม่นาน คราวนี้ความเป็น Fig จะเริ่มชัดขึ้นมาและเป็นไฮไลท์หลักเลย โดยที่จะให้ความเป็นกลิ่นอายเขียวครีมมี่มิลค์กี้จะเริ่มเข้มขึ้นมาแบบที่ไม่ได้ปล่อยพลังตะบี้ตะบัน โดยในเนื้อกลิ่นมีกลิ่นติดแป้งเย้าๆ เคล้าผิวกายผสมไม้หอมโปร่งๆของซีดาร์และมีความครีมมี่นมๆ กำลังดีที่ให้ความสะอาดปนนัวอ่อนๆ รองพื้่นให้จับต้องได้ กลิ่นทุกโทนมาแบบไม่หนักแต่ชัดเจนให้รู้สึกได้ตลอด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รู้สึกและเห็นความเชื่อมโยงได้คือ เวลาผิวกายมนุษย์ที่สะอาดๆ แต่เจือเหงื่อบางๆ มันมักจะมีความมิลค์กี้อ่อนๆ ติดเขียวบางๆ นี่แหละ ซึ่งก็นะสื่อสารถึงกิจกรรมโต้เถียงที่เริ่มมีการเผาผลาญพลังงานแล้ว กลิ่นจะค่อยๆ พัฒนามากขึ้นกับความครีมมี่นัวๆ ที่ไม่ดาร์กในช่วงท้าย เพราะกลิ่นอายจะมีความนุ่มนวลที่เย้ายวนและดึงดูดเคล้ากลิ่นโปร่งสว่างที่อ้อยอิ่งขึ้นมาให้รับรู้ออกทางโทนไม้หอมกึ่งโปร่งกึ่งนวลที่มีซีดาร์เป็นตัวหลักและสนับสนุนโดยไม้จันทน์หอมที่มาสอดรับกับความเป็น Fig ที่เหลือความเขียวเย้าๆ เบาๆ เคล้าโทนติดจืดอับทึบบางๆ ให้มีความน่าค้นหาและเย้ายวนเซ็กซี่สไตล์คล้ายไอริสมาผสมผสานอยู่ด้วยให้สัมผัสได้ โดยกลิ่นอายรองพื้นโทนกลิ่นอย่างวานิลลาจะมาลักษณะแบบแป้งหอมอบอุ่นนวลๆ แบบ Lite Version ที่เจือกลิ่นอายออกทางนมหน่อยๆ ทำให้ได้อารมณ์มิลค์กี้เจือวานิลลาด้วย กลิ่นจะละเลียดนัวพลิ้วอบอุ่นชวนซุกและติดหรูหรากำลังดี เรื่อยๆ มาเรียงๆ แบบไม่รีบไม่ร้อนนวลโปร่งสบายกับเย้ายวนตีคู่กันไป เข้าทางเลิกเถียงกันแล้วล่ะ คุยกันดีๆ นุ่มนวลอ่อนโยน เพราะเถียงกันมานานแล้วอะไรประมาณนี้ 

เหมาะสำหรับ - ได้หมดทุกเพศ กลิ่นมีความ Unisex ชัดเจน ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้หนักหน่วงมากก็จริง แต่มันมีอะไรน่าค้นหาในความโปร่งปนเขียวอะโรม่าได้อย่างน่าสนใจ ยิ่งถ้าคนที่ชอบกลิ่น Fig สามารถฟินกับตัวนี้ได้เลย ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ไม่ได้ทางการจ๋าๆ นัก ใส่ทั่วๆ ไปนี่ได้สบายมาก หรือถ้าจะใส่ทำงาน Office ก็ได้ กลิ่นไม่ได้ไปสายเซ็กซี่จงใจจัดๆ นัก ออกแนวมาใกล้ๆ ให้รู้สึกว่าควรจะเถียงกันซักตั้งเสียมากกว่า และเอาเข้าจริงกลิ่นนี้ใส่ออกกำลังกายได้อยู่ เพราะกลิ่นมันก็เข้ากับกิจกรรมเสียเหงื่อ ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีนัก เพราะว่ากลิ่นไม่ได้ออกแนวสายหวานแน่นนัวนัก ออกแนวเน้นใส่เพื่อโรแมนติคหรือใส่แบบสบายๆ ชิลล์ๆ เย้าๆ น่าจะดีกว่า 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง จากที่ได้ใช้จริงกับ 5 สเปรย์อยู่ได้ถึง 8 ชม. สบายๆ และลากไปได้ที่ 10 ชม. เลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น กลิ่นค่อนข้างชัดเจน แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางซักระยะก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นไปซัก 6 ชม. กลิ่นเริ่มจะผ่อนลงเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

ทิ้งท้าย - ถือว่าเป็นกลิ่นแนว Sexy เย้ายวนในอีกรูปแบบที่ให้สัญลักษณ์ของกลิ่นและส่วนประกอบเป็นตัวบิลด์ได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งถ้าไม่ได้มองในแง่ของการเป็นน้ำหอมชวนกิจกรรมโต้เถียงอะไร ถือว่าเป็นกลิ่น Fig ที่ทำได้ดีและมีความเป็น Niche Perfumerie ได้ลงตัวที่สุดในบรรดาทั้ง 4 ตัวใน Collection - My Kind of Love ได้เลย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit: Fragrantica
: https://www.fragrantica.com/perfume/By-Kilian/Let-s-Settle-This-Argument-Like-Adults-In-The-Bedroom-Naked-50498.html

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: by Kilian - KISSING Burns 6.4 Calories a Minute. Wanna Workout?


by Kilian - KISSING Burns 6.4 Calories a Minute. Wanna Workout?

เพียงแค่ชื่อรุ่นว่า KISSING Burns 6.4 Calories a Minute. Wanna Workout? ก็แบบว่าพร้อมที่จะรบกันได้ในระดับหนึ่งแล้ว และแน่นอนชื่อยาวจึงขอเรียกสั้นว่าๆ Kissing แบบที่แบรนด์เรียกย่อๆ เอาไว้ ซึ่งรุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งใน Collection - My Kind of Love ที่เน้นเจาะตลาดผู้ใช้ที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นที่น่าจะอินได้ไม่ยาก เช่นนั้น การจูบเพื่อเผาผลาญแคลอรี่จะเป็นอย่างไรผ่านกลิ่น ว่าก็กันตามนี้เลย

กลิ่นเปิดถือว่าสื่อสารออกมาถึงความเป็นโทนหอมหวานใสอ้อยอิ่งเคล้าความเขียวของดอกกระดิ่งหรือ Lily-of-the-Valley ที่ชัดเจน ซึ่งจะให้อารมณ์กลิ่นอายใสคล้ายมะลิแต่ไม่ติดตุ่ยๆ แบบที่มะลิจะมีแฝงในเนื้อกลิ่นและจะมีกลิ่นอาย Citrus ติดขมหน่อยๆ ให้ความเขียวติด Spicy บางๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่สร้างความสดชื่นติดแห้งเสริมกลิ่นดอกไม้ในช่วงแรกนี้ได้ดีเลยทีเดียว แต่เพียงชั่วขณะกลิ่นจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลางมาเป็นโทนดอกไม้คุมโทนเด่นมากขึ้นจากการเสริมความนวลหวานเย้ายวนของกุหลาบกับดอกกระดิ่ง โดยที่ความเขียวยังคงมีอยู่ในเนื้อกลิ่น แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะ

กลิ่นอายนมอุ่นๆ ติดวานิลลาที่ค่อยๆ ดันขึ้นมาด้วย ทำให้ได้ความรู้สึกแบบนมวานิลลารสหวานดอกไม้หอมที่แบ่งแยกเลเยอร์กลิ่นเจอกันคนละครึ่งทางและผสมผสานกันเป็นอย่างดี มีความฟุ้งหอมดอกไม้ติดเขียวปนหวานโทนน้ำตาลขึ้นมาแต่ก็มีความแน่นนวลมิลค์กี้อบอุ่นรองพื้นอยู่ โดยยืนพื้นที่ความหวานหอมที่ชัดเจนและผสมผสานมีความแน่นของกลิ่นที่จับต้องได้ชัด แบบรุมๆ อวลๆ ที่ดึงดูดและเย้ายวนชัดเจนมากเรียกว่าเป็นไฮไลท์กันอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเอาการเปรียบเปรยกับการจูบมันก็ถือว่า ได้เพราะก็มันเจอระหว่างความหวานและความน่าค้นหาติดหอมน่ากินแบบโทน Gourmand มิลค์กี้ที่มาเจอกัน และก่อนจะเข้มข้นมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเพราะกลิ่นอายของโทนดอกไม้จะลดบทบาทลงไปกลายเป็นสายสนับสนุนเบาๆอ่อนๆ แทนให้กลิ่นอายครีมมี่มิลค์กี้นุ่มนมเคล้าวานิลลาอบอุ่นเป็นตัวเด่นคุมโทนทั้งหมดแทน เนื้อกลิ่นมีความหวานชัดเจนรุมๆ อวลๆ ติดเซ็กซี่เย้ายวนดึงดูดไปตลอด เข้าทางลักษณะกลิ่นอายน่ากินแบบออกทางนมหวานอัดเม็ดกลิ่นวานิลลาหรือนมข้นหวานที่เจือวานิลลาลงไป ซึ่งถ้ามองตาม Concept แบรนด์ จากที่ 2 โทนเจอกันเพื่อ Burns ในช่วงกลาง แล้วค่อยขยับมาในช่วงท้ายที่เข้มข้นนวลมากขึ้น ก็ถือว่าเข้าทางตอบโจทย์การเปรียบเปรยกับกิจกรรมเผาผลาญแคลอรี่แบบนี้ที่ไม่น่าจะหยุดได้ง่ายๆ ถ้าทำลงไปแล้วแบบเต็มใจทั้ง 2 ฝ่าย 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ชี้ไปที่ทิศทางของการเป็นโทนน้ำหอมผู้หญิงถึง 70% เลย เพราะมีทั้งความเป็นดอกไม้และโทนของกินหอมหวาน แต่ยังถือว่าผู้ชายใช้ได้เพราะกลิ่นนมมันค่อนข้างกลางๆ มากพอที่จะแตะได้ทุกเพศ โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป หรือว่าใส่แบบไม่ใช่งานทางการจ๋าๆ มากนัก เช่น ใส่ทำงาน Office หรือออกงานชิลล์ๆ รวมถึงงานแต่งก็ยังได้ และตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นหวานตีขึ้นอาจจะทำให้มึนเอาได้ (ยกเว้นออกกำลังกาย Burns แบบชื่อรุ่นนี้ นั่นคือจัดไปตามสะดวก) ส่วนยามค่ำคืนไม่ว่าจะใส่แบบทั่วๆ ไป ออกงานแบบไม่ทางการ โรแมนติค หรือว่าท่องราตรี (อัดสเปรย์เพิ่มเอานิดนึง) จัดได้สบายมาก

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. ซึ่งกลิ่นอาจจะยาวนานได้มากกว่า อิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กำลังดีกับ 5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางซักพัก แล้วค่อยผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวรุมๆ แบบยาวไป พอพ้นซัก 6 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ใครชอบกลิ่นนมอันนี้ตอบโจทย์ชัดเจนมากและโดยเต็มๆ แน่นอน ที่สำคัญถือว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นอายที่เข้าทางการเป็น Niche Perfumerie ที่ใช้ง่ายและเข้าถึงง่าย โดยอิงการเปรียบเปรยที่น่าสนใจและสื่อสารจากสเต็ป Before, After และ Ongoing ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ได้อย่างลงตัวกับกิจกรรมเผาผลาญแคลอรี่แบบนี้ในสไตล์ของชาวตะวันตก (ซึ่งถ้าเป็นของไทยอาจจะไม่ใช่แบบนี้เพราะอาจจะมีกลิ่นกระเทียม กลิ่นกระเพราหมูสับไข่ดาว กลิ่นปลาร้า และกลิ่นทุเรียนเป็นของแถมเอาได้ ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่กิจกรรม) 

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - by Kilian Website
: https://www.bykilian.com/product/22649/60642/mykindoflove/kissing/my-kind-of-love#/sku/96416

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: by Kilian - Bad BOYS Are No Good But Good Boys Are No Fun

by Kilian - Bad BOYS Are No Good But Good Boys Are No Fun 

เมื่อสาวมั่นไม่ได้สนใจเจ้าชายเพื่อเป็นเจ้าหญิงในรุ่นPrincess ผ่านไป ก็ได้เวลาต่อที่กลิ่นอายของ Collection - My Kind of Love รุ่นต่อไปกับการนำเสนอความเป็นสาย Bad Boys ที่ได้ทั้งความ Sexy และความสดชื่นในเวลาเดียวกันผ่านกลิ่นอายของ Cola หรือน้ำอัดลมสีดำที่เรารู้จักกันดีแบบโค้กหรือเป็ปซี่ ซึ่งกลิ่นจะมี Wow Factor มากขนาดไหนหรือว่าจะเป็นอย่างไร ก็ได้เวลาเล่ากลิ่นซักหน่อยแล้วกับรุ่นนี้ Bad BOYS Are No Good But Good Boys Are No Fun

Boys (ขอเรียกสั้นๆ แบบนี้) เปิดตัวมากับความเป็นโคล่าที่น่าสนใจมาก เนื้อกลิ่นมีความซ่าและออกทางลักษณะเปิดกระป๋องหรือว่าเปิดฝาขวดมาในวูบแรก แล้วจะเริ่มเปลี่ยนเป็นลักษณะของโคล่าเจือ Citrus ที่ให้ความสดชื่น ซึ่งความเป็น Citrus จะไม่ได้เปรี้ยวคมมากนัก เน้นให้ความรู้สึกแบบเสริมโทนสดชื่นโปร่งๆ แบบ Airy ให้จับต้องได้เสียมากกว่า อารมณ์แบบโค้กแล้วใส่มะนาวหรือเลมอนฝานลงไปประมาณนั้น 

เพียงไม่นานกลิ่นอายสดชื่นก็จะเริ่มขยับพื้นที่แบ่งให้ความเป็นอบเชยค่อยๆ แทรกขึ้นมาตามลำดับ เปิดตัวเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นเริ่มแบ่งภาคการเป็นโทนสดชื่นกับโทนเครื่องเทศเจือความอบอุ่นมากขึ้น เหมือนเป็นจุดเจอกันคนละครึ่งทาง โดยให้ความรู้สึกว่ายังมีความสดชื่นอยู่จากกลิ่นของโคล่าเจือลักษณะโซดาเฝื่อนน้ำหน่อยๆ และก็มีความ Sexy เย้ายวนของอบเชยปนกลิ่นนวลเผ็ดปร่าเจือหวานปลายกลิ่นของเม็ดจันทน์เทศที่ทำให้กลิ่นมีความนุ่มเข้าเสริม รวมถึงพื้นของกลิ่นจะมีโทนไม้หอมโปร่งๆ แบบไม้ซีดาร์แต่มาในลักษณะอุ่นๆ เสริมให้ความแน่นของกลิ่นที่ชัดเจน แน่นอนกลิ่นไม่ได้เบา มาสายปล่อยของและปล่อยพลังไม่น้อย เพราะการเจอกันของ 2 โทน เมื่อผสมผสานกันเลยกลายเป็นลักษณะโทนกลิ่นแน่นๆ ทั้งสดชื่นและ Spicy เย้ายวนเซ็กซี่อวลๆ ที่ฟุ้งกระจายออกรอบตัวนำเสนอกันเต็มๆ ว่ามาสายเรียกร้องความสนใจได้ไม่ยาก จนเมื่อการเปลี่ยนแปลงเริ่มจับต้องได้ชัดว่าไม้ซีดาร์และกลิ่นอายแนวไม้โปร่งๆ เข้าทางซีดาร์อย่างสารหอมให้กลิ่นโทนไม้ ISO E Super เริ่มเป็นตัวเด่นคุมทั้งหมด กลิ่นจะมีความแห้งมากขึ้น กลิ่นโคล่าจะเหลือเพียงบางๆ ไปรวมกับกลิ่นอายเครื่องเทศ Spicy ในช่วงกลางแล้วผันตัวเป็นฝ่ายสนับสนุนชั้นดีที่ทำให้กลิ่นโทนไม้หอมมีความอวลและเย้ายวนแบบกำลังงาม กลิ่นได้ความรู้สึกไม้หอมเท่ห์ๆ มีความอุ่นและความแน่นรุมๆ ในเนื้อกลิ่นชัดเจนแบบยาวไป ให้ความเป็นกลิ่นอายแบบหนุ่มเจ้าเสน่ห์และติด Bad Boy ได้อย่างน่าสนใจในความเป็น by Kilian อีกรูปแบบที่ Mainstream ได้เลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งก็พอได้อยู่ เพียงแต่กลิ่นจะเดินไปสายผู้ชายถึง 75% ได้เลยทีเดียว ซึ่งสาวๆ ถ้าต้องการกลิ่นเท่ห์ๆ ปิดท้ายด้วยไม้หอมมาแบบสายบอยอะไรประมาณนี้ก็ใส่ได้ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่ไม่ใช่งานทางการและออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้ง แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นค่อนข้างแน่นในระดับหนึ่งเลย แถมยังมาแน่นเอาช่วงกลางไปท้ายด้วย มันจะเหวอเอาได้ถ้าอัดหนักเพราะอยากได้กลิ่นโคล่าเยอะๆ ในตอนแรก ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่แบบทั่วๆ ไปก็พอเหมาะ จะให้เสน่ห์ทางกลิ่นที่น่าสนใจได้ ส่วนไปท่องราตรีอันนี้จัดไป กลิ่นนี้เรียกร้องความสนใจและปล่อยของได้ดีเลยทีเดียว 

ความทน - อันนี้ยกนิ้วให้ กลิ่นทนลากยาวได้ดีมากกับราวๆ 15 ชม. จากการใช้ส่วนตัวที่ 5 สเปรย์ แถมในวันที่อากาศร้อนๆ เหงื่อออกเยอะกลิ่นก็ยังไม่หนีไปไหน ซึ่งถ้าเอาโดยเฉลี่ยครอบคลุมทุกสภาพผิว 8 ชม. ได้ไม่ยาก 

การกระจาย - อันนี้เปิดตัวมาให้การกระจายที่กลางๆ กำลังดีกับกลิ่นของโคล่า แต่จะขยับขึ้นมากระจายดีมากในช่วงกลาง มีความเข้ม Intense ที่อาจจะอึ้งเอาได้ แล้วจะลดลงมาที่กระจายดีในช่วงท้ายซักพัก ซึ่งพอพ้นซัก 6 ชม. จะค่อยๆ ดรอปลงมาที่กลางๆ แล้วปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไป 8 ชม. แล้วลากยาวไป 

ทิ้งท้าย - การปรับรูปแบบที่เข้าถึงอีกกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์กับ Collection นี้ Boys เลยจะค่อนข้างมีความเป็นสาย Designer หรือ Mainstream ค่อนข้างมาก แต่เพราะยังมีความเป็น by Kilian ที่มีลายเซ็นความกรุ้มกริ่มมีระดับอยู่บ้าง กลิ่นเลยไม่ได้ไก่กา ที่สำคัญทำกลิ่นเปิดและความทนแน่นได้ดี เช่นนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ได้เห็นความแตกต่างจากความเป็น Niche Perfumerie ได้น่าสนใจและขยายฐานลูกค้าได้ไม่ยาก

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - by Kilian Website
: https://www.bykilian.com/product/22649/60643/mykindoflove/boys/my-kind-of-love


วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: by Kilian - I Don't Need a Prince by My Side to Be a PRINCESS

by Kilian - I Don't Need a Prince by My Side to Be a PRINCESS 

Prince Charming, take note—this Princess ain’t waiting at home for your comeback call.

เพียงแค่ประโยคนี้ที่เป็นข้อความปิดท้ายการบอกข้อมูลเบื้องต้นของน้ำหอมรุ่น I Don't Need a Prince by My Side to Be a Princess (หลังจากนี้จะเรียกสั้นๆ ว่า Princess) ก็เรียกว่ามีความมาดมั่นอย่างล้นเหลือและมีลักษณะ Girl Power ชัดเจนมาก ซึ่งรุ่นนี้ก็หนึ่งใน Collection ใหม่ของ by Kilian กับทรงขวดกลมสวยคล้ายลูกแก้วสีดำวางบนฐานที่บอกชื่อรุ่น กับการขยายตลาดไปยังผู้ใช้ที่วัยกระเตาะมากขึ้นอย่าง My Kind of Love เช่นนั้นก็ไม่พลาด ต้องมาบอกเล่ากลิ่นกันหน่อยแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง 

Princess เปิดตัวด้วยความเป็น Citrus ที่มีความเปรี้ยวเจือขมอ่อนๆ ซ่าบางๆ แต่หวานปลายของความเป็นเลมอนก็จริง แต่ไม่ได้ไปสาย Citrus สดชื่นจ๋าๆ และเหมือนดมจากน้ำเลมอนอะไรแบบนั้น เพราะชาเขียวที่มีความหอมละมุนโปร่งๆ จะเป็นตัวแทรกขึ้นมาให้ความอะโรม่าปนสดชื่นกำลังดี ทำให้ความเป็นเลมอนกลายเป็นสายสนับสนุนให้มีลูกเล่นของความเป็น Citrus เจือเข้ามาเสียมาก เนื้อกลิ่นมีความใสให้พอจับต้องได้ก็จริง แต่มีความนวลปนปร่าเผ็ดเคล้าความหวานนวลให้รับรู้ได้ในลักษณะรองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นจะปล่อยพลังออกมาในทิศทางของการเป็นน้ำหอมที่มีความเป็นผู้หญิงมากเลยทีเดียว 

แล้วจะเริ่มสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นโทนอบอุ่นติดเผ็ดสดชื่นค่อยๆ เสริมขึ้นมา นั่นคือ ขิง ซึ่งไม่ได้มาในลักษณะแบบสดชื่นเย็นๆ ปร่าๆ แต่มาลักษณะอบอุ่นและติดเผ็ด ทำให้รู้สึกได้เลยว่ากลิ่นมี่้ความมั่นปนดุเสริมเข้ามาท่ามกลางความอะโรม่าปนความหวานที่เริ่มจะมาเต็มและมีความนวลมากขึ้นตามลำดับจนชัดเจนกันที่ช่วงกลาง กับการเป็นโทนขนมหวานนุ่มนวลของมาร์ชเมลโล่เคล้าผลไม้ที่เป็นกลิ่นออกทางพีชแต่มาแบบแห้งๆ และมีความเป็นโทนดอกไม้นวลๆหน่อยๆ เสริมให้กลิ่นโทนหวานมีมิติให้จับต้องได้ทั้งความเป็นขนมและความเป็นดอกไม้อ่อนๆ เสริมความเผ็ดร้อนสไตล์ขิงอุ่นกลั้วกลิ่นอะโรม่าของชาที่เป็นเลเยอร์ปล่อยพลังออกมาแบบ On Top กลิ่นจะได้ความปร่าเผ็ดอุ่นปนนวลหวานแบบชัดเจน ซึ่งบอกชัดถึงความหวานมั่นปนเซ็กซี่ได้ดีมาก เรียกว่าเป็นการปูทางจากใสๆ สู่ความมั่นใจกันเต็มๆ และคงความมั่นใจไม่หยุดในความเป็นโทนหวานอุ่นด้วยความเป็นวานิลลาที่จะเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ และผสมผสานกับมาร์ชเมลโล่ ดึงเข้าสู่ความเซ็กซี่แบบอุ่นนัวอวลรอบๆ ตัวในช่วงท้าย ซึ่งความหวานยังอยู่และไม่ลดลง เพียงแต่จะไม่ได้ออกทางหนักหน่วงมากจนหวานเชื่อมชาวบ้านชาวช่องให้เลี่ยนไปข้าง เพราะมีความเป็นกลิ่นโทนยางไม้อุ่นๆ หน่อยๆ ให้ความลึกของกลิ่นกำลังดีไม่ได้เลี่ยนเกินไปของกำยาน Benzoin ที่ให้โทนยางไม้เจือวานิลลาเสริมเข้ามาสอดรับให้มีความดึงดูดในเนื้อกลิ่นที่ลงตัวด้วย โดยที่กลิ่นของความมั่นจากขิงอุ่นๆ ปนชายังคงตามมาสนับสนุนในช่วงนี้ให้จับต้องได้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่หนักเท่าช่วงกลาง ซึ่งทำให้กลิ่นในช่วงนี้กลิ่นจะเน้นออกทางรุมๆ หอมติดขนมที่ทำให้รู้สึกเย้ายวนและเซ็กซี่ดึงดูดโดยที่ยังมีความมาดมั่นอยู่ในเนื้อกลิ่นตลอด นี่แหละสาวมั่นของ Kilian ในขวดนี้ 

เหมาะสำหรับ - แม้ว่าแบรนด์จะระบุไว้ว่าเป็น Unsiex แต่ทั้งชื่อรุ่นและกลิ่นเอนไปทางผู้หญิงเต็มๆ ซึ่งเหมาะเจาะกับวัยมหาลัยเป็นต้นไป โดยเข้ากับการใช้ในสถานการณ์ยามกลางวันต่างๆ แบบทั่วๆ ไปที่บ่งบอกความมั่นใจในตัวเองเสียมาก แต่ไม่ข้ากับยามทางการจัดๆ นักเพราะมันเซ็กซี่ไปหน่อย และไม่เข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายแน่นอน ส่วนยามค่ำคืนแบบท่องราตรี บอกเลยจัดไปกลิ่นให้ความเป็นสาวมั่นแบบมีระดับและเย้ายวนแบบที่เรียกเรตติ้งได้ไม่ยาก 

ความทน - ลงตัวมากกับราวๆ 8 ชม.ซึ่งกลิ่นสามารถไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัวที่ราวๆ 10 ชม. ก็ยังได้ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นไล่เรียงอารมณ์แบบเดียวกับรุ่น Good Girl Gone Bad (ไม่ได้หมายความว่ากลิ่นเหมือนกันนะ) เพียงแต่ตรงไปตรงมามากกว่าในเรื่องของความมั่นและการใชSex Appeal ของผู้หญิง อารมณ์แบบเราเห็นผู้หญิงน่ารักสวยๆ คนหนึ่งที่มีความใส แต่เอาจริงๆ ไม่ใช่ เพราะเพียงที่นางสะบัดผมและเปลี่ยนสายตาเป็นขี้เล่นติดคมกริบ ความมั่นและเฉียบเปรี้ยวในทุกท่วงท่าที่มั่นใจก็เปิดตัวออกมาทันที และ Hotcha Sexy มากขึ้นตามลำดับ ตรงตามความมาดมั่นที่สามารถเอ่ยออกมาได้ผ่านกลิ่นเลยว่ฉันไม่ใช่นางซินที่จะรอใครที่บ้านนะ เพราะมีดีและเปรี้ยวพอที่จะปล่อยของเสมอ จดเอาไว้ด้วยล่ะ หนุ่มๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - by Kilian Website
: https://www.bykilian.com/product/22649/60641/mykindoflove/princess/my-kind-of-love#



วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - Un Bois Vanille


Serge Lutens - Un Bois Vanille 

จากที่ผ่านการใช้งานและเล่ากลิ่นน้ำหอมของ Serge Lutens มา พอย้อนกลับไปดูก็เห็นว่ายังไม่เคยแตะความเป็นวานิลลาของแบรนดนี้เลยว่าเป็นลักษณะไหน เช่นนั้นก็ได้เวลาที่จะเอามาถ่ายทอดกันหน่อยว่าจะมีความแตกต่างหรือว่ามีความเป็นงานอาร์ตแบบที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง กับรุ่นนี้เลย Un Bois Vanille 

เปิดตัวให้รู้สึกๆได้เลยว่าเราเจอกลิ่นออกทางขนมของแบรนด์นี้แล้ว เพราะเนื้อกลิ่นที่ได้จะมีความเป็นโทนไม้หอมปนหวานโปร่งสไตล์ชะเอม เคล้ากลิ่นอายของกะทิหน่อยๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งแน่นอนความหวานยังไม่ใช่แค่นี้ เพราะกลิ่นอายเหมือนน้ำตาลเกร็ดไหม้ๆ หน่อยๆ มีความ Smoky แบบติดเขม่าเล็กๆ เจือจะผสมผสานอยู่ในเนื้อกลิ่นค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว ทำให้กลิ่นจะมีความหวานที่มีมิติซ้อนกันอยู่ 3 เลเยอร์ คือ หวานน้ำตาลไหม้ หวานไม้หอมโปร่ง และหวานครีมมี่อบอุ่น ให้ความรื่นรมย์แบบขนมหวานหอมกำลังดี ไม่ได้มากไปหรือน้อยไป และเพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ว่ามีกลิ่นวานิลลาค่อยๆ แทรกตัวมาแบบเรื่อยๆ แอบมีกลิ่นอายลักษณะคล้ายคัสตาร์ดวานิลลาให้พื้นฐานของกลิ่นมีความหวานอบอุ่นมากขึ้นแต่ไม่หนักเป็นตัวปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่วานิลลาหวานหอมปนกะทิจะเด่นชัดเจนได้อารมณ์ขนมกันพอสมควร แต่จะเริ่มมีกลิ่นอายติดโทนแป้งครีมมี่นุ่มนวลของถั่วตองก้าและอัลมอนด์มาเป็นตัวทำให้กลิ่นนวลละมุนมากขึ้น รวมถึงแบ่งภาคให้กลิ่นอายไม้หอมดันขึ้นมาตีคู่ได้อย่างลงตัวและยังคุมโทนความหวานโปร่งอยู่ตลอดจากกลิ่นอาย Smoky เคล้ากลิ่นชะเอมที่ทำให้กลิ่นมีความดาร์กไหม้ปนหวานหวานตัดทอนกับหวานนวลครีมอบอุ่น เรียกว่ากลิ่นในช่วงนี้เป็นการเจอกันที่ลงตัวในพื้นฐานความหวานสมกับชื่อรุ่น Un Bois Vanille เลยเพราะมีทั้ง 2 โทนให้จับต้องได้

กลิ่นจะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็นโทนไม้หอมจะกลายเป็นตัวเด่นนำมากขึ้นมาหน่อย และสนับสนุนด้วยความเป็นวานิลลาติดโทนแป้งให้กลิ่นมีความนวลกำลังดีไปตลอด ความหวานลดทอนลงมาบ้างแต่ยังมีอยู่ เพียงแต่จะไม่แน่นหรือหนักแต่อย่างใดให้ความรื่มรมย์เคล้าความเป็นไม้หอมครีมนวลสไตล์ไม้จันทน์หอมและ Musk เบาๆ ที่ให้ความครีมนวลในกลิ่นสอดรับกับวานิลลาได้ลงตัวและยังคงมีความ Smoky อ่อนๆ ปนหวานโปร่งให้จับต้องได้อยู่เป็นมิติสนับสนุนให้กลิ่นไม่ทื่อเกินไปและมีความน่าค้นหาเย้ายวนกำลังดีเสียด้วย ซึ่งช่วงนี้เนื้อกลิ่นมีความนัวกำลังดีปนอบอุ่นที่ค่อนข้างชัดเจน และไม่ได้เป็นโทนออกทางขนมแบบที่คิดตั้งแต่ตอนแรก เพราะกลิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างเนียนๆ มาเป็นกลิ่นโทนไม้หอมวานิลลาที่อบอุ่นและอวลนัวแบบกำลังดีคลอเคลียผิวกายและเป็นออร่าละมุนๆ มีระดับได้ไม่ยาก 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ลงเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ถือว่าเข้าทางอยู่กับการใช้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป แต่เพราะกลิ่นออกทางหวานอาจจะทำให้รู้สึกไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายๆ ให้ความรู้สึกครีมนวลติดดาร์กเสริมบุคลิกได้อย่างลงตัวเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพียงแต่ให้จำกัดสเปรย์หน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวหวานอวลจนอึดอัดเอาได้กับอากาศบ้านเรา ให้ตัดการใช้เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งกับออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งการใส่เพื่ออกงาน เพื่อดินเนอร์ เพื่อท่องราตรีแบบติดหรูมีระดับ หรือเพื่อโรแมนติคติดน่าค้นหาก็ได้เลย จัดไป 

ความทน - ความดีงามชัดเจนอีกเรื่องก็เรื่องความทนนี้แหละที่ลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้สบายๆ ซึ่งถ้าอิงตามสภาพผิวค่าเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 8 ชม. ได้กำลังดี 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความหวานติดไหม้หอมแต่ไม่หนักได้ดีเกินคาด ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ดูเหมือนจะค่อนข้างเดินเป็นเส้นตรง แต่ซ่อนการเปลี่ยนแปลงโทนอย่างเนียนๆ มารู้ตัวอีกทีก็สามารถทำให้รู้สึกเอ๊ะ! ได้เลยว่ามันไม่ใช่แบบที่เราได้คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้ถึงกับใช้ยากจนเกินไป ถ้าชอบพื้นฐานกลิ่นที่ความหวานหอมตัวนี้เรียกว่าเข้าทางและตอบโจทย์ได้เลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – AllBeauty
: https://www.allbeauty.com/image/product/1/1600/1145970-serge-lutens-un-bois-vanille-eau-de-parfum-spray-50ml.jpg

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - La Fille de Berlin

Serge Lutens - La Fille de Berlin

เคยได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง Woman in Berlin มาเมื่อนานมาแล้วที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงนิรนามคนหนึ่ง ที่เล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองในการเอาตัวรอดท่ามกลางภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเยอรมันท่ามกลางวงล้อมของทหารรัสเซีย ซึ่งต้องอยู่ในภาวะที่ทั้งจำยอมและเอาตัวรอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกทาง ซึ่งภาพยนตร์ทำให้เราสะเทือนใจกับสิ่งที่เธอต้องพบเจอ แต่เธอก็ยังมีความสตรองมากพอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  

และเมื่อได้มีโอกาสอ่านข้อมูลต่างๆ น้ำหอมของ Serge Lutens อย่าง La Fille de Berlin (หญิงสาวจากเบอร์ลิน) ที่บอกเล่าเรื่องราวกลิ่นถึงความเป็นกุหลาบที่มีอารมณ์ในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะแข็งแกร่ง เย็นชา นิ่งสงบ สวยงาม และคาดไม่ถึง ซึ่งไม่ว่าจะแหล่งใดๆ ต่างก็เชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องที่ได้กล่าวไปตอนต้น คราวนี้ก็เลยได้เวลาที่จะพิสูจน์บ้างว่ากุหลาบงามขวดนี้จะเป็นในลักษณะใด ให้ความรู้สึกเดียวกับการเป็น Woman in Berlin หรือไม่

แรกสเปรย์เปิดตัวด้วยการเป็นกุหลาบที่ชัดเจนมาก แตะความเป็นกุหลาบไพล่ไปทางโทน Classic อยู่แบบกลางๆ ซึ่งไม่ได้มาแบบหนักหน่วงจัดๆ มากขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ออกทางกุหลาบแดงแห้งปล่อยพลังจัดเต็ม แต่มีความสดชื่นแซมอยู่ให้รู้สึกได้ถึงกุหลาบแดงแรกแย้มยามเช้าอากาศเย็นๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะที่ติดเขียวอยู่หน่อยๆ เลยได้ความเป็นธรรมชาติได้พอสมควรเลย นอกจากกุหลาบที่เป็นตัวหลักแล้ว ความเป็นโทน Fresh Spicy สไตล์พริกไทยที่เสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีความโปร่งสะอาดรองพื้่นสร้างความสมดุลย์ให้กลิ่นได้เป็นอย่างดีในการเปิดตัวความเป็นกุหลาบที่ได้ทั้งความคลาสสิคและความเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่สะกิดใจให้รู้สึกได้ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากอะไรคือ ความเยือกเย็นของกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนอ้อยอิ่งให้รับรู้ ซึ่งเป็นมิติกลิ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

จนเมื่อมีกลิ่นอายโทนติดแป้งโปร่งปนเขียวของไวโอเล็ตค่อยๆ เสริมขึ้นมาพร้อมกับความเยือกเย็นของกลิ่นที่ยังคงอยู่ และจับได้ชัดเจนว่าเป็นลักษณะของโทนเมทัลลิคหน่อยๆ แต่ไม่ได้ออกทางคมพุ่งหรือว่าปล่อยพลังนัก ซึ่งให้ความเป็นกุหลาบติดแป้งโปร่งเจอความเขียวปลายๆ กลิ่นให้รับรู้ได้ตลอด กลิ่นมีความสตรองแบบนิ่งๆ ไม่โฉ่งฉ่าง เพราะน่าจะโดนตัดทอนโดยโทนกลิ่นที่เริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้นเข้ามาแทรกซึมของโทนไม้หอมติดนวลอ่อนๆ ของไม้จันทน์หอม ที่พาเอากลิ่นอายของ Musk ที่ค่อนข้างมีความดิบสไตล์ Animalic Musk มาด้วย แต่ยังไม่มาก ทำให้กลิ่นช่วงนี้ได้ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงต้นอย่างมีนัยยะสำคัญพอสมควร จากความเยือกเย็นสู่ความสตรองในด้านอารมณ์กลิ่นของกุหลาบที่ไม่ได้ไปสายใสๆ หรือว่าสายดาร์กเกินไป มีความนวลปนอุ่นรองพื้นเอาไว้ และมีทิศทางเป็นของตัวเองที่ชัดเจนคุมโทนระหว่างความคลาสสิคและความเป็นโทนร่วมสมัยได้อยู่ แล้วกลิ่น Animalic Musk จะเริ่มมีบทบาทชัดขึ้นตามลำดับปูทางเข้าความเป็นกุหลาบที่มีความสตรองมากขึ้นในเลเยอร์ของกลิ่นช่วงถัดไป 

ช่วงท้ายกลิ่นอายของ Musk จะรวมตัวกับกลิ่นโทนอบอุ่นแนวไม้หอมสไตล์คล้ายโทนแอมเบอร์ที่ติดดิบหน่อยๆ ซึ่งทำให้ช่วงนี้มีความชัดเจนมากพอสมควรเลยทีเดียวกับการปลดปล่อยโทน Animalic ออกมาเป็นตัวรองพื้น กลิ่นค่อนข้างจะมีลักษณะที่สตรองเป็นออร่าออกมาให้ความห่ามติดสาปปลุกเร้า โดยที่มีกุหลาบปนเขียวปลายเจือแป้งนวลบางๆ เคล้ากลิ่นอายแบบคล้ายพิมเสนให้ความรู้สึกหวานปลายกลิ่นฉาบซ้อนเอาไว้ ผสมผสานกันทำให้ได้ลักษณะที่มีหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะอัดอั้นเก็บกด มีพลังทางเพศ ปลุกเร้า สตรอง กร้าว เคร่งขรึม โดยที่ยังมีความนิ่งของกลิ่นที่คุมโทนเอาไว้อยู่อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นเริ่มแตะความเป็นลักษณะเรโทรมากกว่าร่วมสมัย โดยที่ไม่ได้กรุยกรายหรือหรูหราแบบคุณหญิงคุณนายจัดๆ แต่มีความเป็นกุหลาบที่มาสายจริงจังและแข็งกร้าวเสียมาก ซึ่งเมื่อมาถึงกลิ่นในช่วงนี้ ภาพที่เห็นจากกลิ่นจึงเริ่มไปในทิศทางเดียวกันกับภาพยนตร์ที่เคยได้ชมตามที่กล่าวไปข้างต้น คือ

ผู้หญิงคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นกุหลาบที่แบ่งบานในช่วงเวลาที่เลวร้าย แต่ต้องยืนหยัดเพื่อเอาตัวรอดแม้ว่าต้องสูญเสียอะไรไปพอสมควรในชีวิต แต่เธอก็สตรองผ่านมันไปได้และทิ้งรอยทางความงามในทิศทางที่เธอเป็นให้เราได้จดจำ

นี่แหละหญิงสาวจากเบอร์ลินที่สื่อสารออกมาเป็นน้ำหอมขวดนี้       

เหมาะสำหรับ - แม้ว่ากุหลาบจะบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง แต่กลิ่นนี้ก็มีความเป็น Unisex อยู่พอสมควรที่ผู้ชายสามารถใส่ได้ เพราะกลิ่นไม่ได้ชี้ทิศทางไปทางกรุยกรายแต่อย่างใด ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพื่อให้กลิ่นพอเหมาะกำลังดีกับอากาศบ้านเรา ไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วๆ ไป ยิ่งถ้าอากาศเย็นๆ สบายๆ ไม่ร้อนจัดจะลงตัวมาก แต่ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือออกแดดจะดีที่สุดกลิ่นไม่เข้าทางทุกกรณี ส่วนการใส่ยามค่ำคืนอันนี้ถือว่าลงตัว มีเสน่ห์แบบเย็นชาแต่น่าค้นหาได้อยู่ เพียงแต่ว่ากลิ่นจะไม่ได้เข้าทางกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นโยกหน้าเด้งหลังหรือเมารั่วก็เท่านั้นเอง

ความทน - อันนี้ยกนิ้วให้ กลิ่นทนดีงามจริงๆ กับราวๆ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ กับการใช้ 5 สเปรย์มาตลอด ซึ่งถ้ามองที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นก็ราวๆ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้อิงเคมีผิวกายของผู้ใช้เลย เพราะอาจจะได้รับกลิ่นที่แตกต่างกันไปในพื้นฐานของการเป็นกุหลาบและ Animalic Musk โดยที่ไม่มีโทนตะวันออกกลางหรือ Oud ใดๆ มาเกี่ยวข้อง (เพราะถ้าเกี่ยวเมื่อไหร่มีหรือที่แบรนด์จะไม่เอาลงเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากแถบนั้น) ซึ่งจากการใช้งานกลิ่นนี้มาไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง เพื่อซึมซับทุกสิ่งอย่างที่กลิ่นจะบอกความรู้สึกออกมา ก็ขอบอกได้เลยว่า

นี่แหละหนึ่งในงานศิลปะอันยอดเยี่ยมผ่านกลิ่นที่สามารถสร้างความแตกต่างจากการรับรู้ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคลจาก Serge Lutens”

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางาหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ


วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Commodity - Black Collection: Gin

Commodity - Gin 

Gin เป็นเครื่องดืมแอลกอฮอล์ประเภทหนึ่งที่มีส่วนผสมของสมุนไพรและเครื่องเทศต่างๆ ที่เปรียบเสมือนเป็นเหล้ายาของชาวตะวันตกแถบยุโรป และได้รับความนิยมในการดื่มสูงมากเลยทีเดียว เพราะเป็นเหล้าที่มีสารพิษตกค้างน้อยที่สุด เพราะมีการกลั่นซ้ำภายหลังจากการหมักโดยใช้แอลกฮอล์ที่ได้จากการหมักมอลต์ของข้าวบาร์เล่ย์และวิสกี้ไรย์กับจูนิเปอร์เบอร์รี่ รวมถึงเครื่องเทศสมุนไพรหลายๆ ชนิด ซึ่งกลิ่ของ Gin จะมีเอกลักษณ์ของการผสมผสานที่หอมทั้งซ่า ปร่า สดชื่น Fresh Spicy ติดเขียว เจือหวานปลายๆ กลิ่นที่มีเสน่ห์แก่นักดื่มมาอย่างยาวนาน ซึ่งเมื่อ Gin มาเป็นกลิ่นอายของน้ำหอมโดยการนำเสนอของแบรนด์ Niche จาก USA อย่าง Commodity กลิ่นจะเป็นเช่นไร ได้เวลารับแอลกอฮอล์เข้าจมูกกันแล้ว 

บอกก่อน - Gin รุ่นที่จะเล่ากลิ่นนี้ เป็นรุ่นที่มีการปรับปรุงใหม่จากของเดิมที่เคยวางจำหน่ายเมื่อปี 2013 ในโซนน้ำหอมผู้ชายและเลิกผลิตไปแล้ว โดยเป็นหนึ่งใน Black Collection ของแบรนด์ที่เป็นสาย Unisex แทน ซึ่งจะไม่ได้มีการเล่ากลิ่นไปถึงรุ่นก่อนปรับปรุง เน้นที่รุ่นล่าสุดนี้เท่านั้น 

เรียกว่าเปิดต้นกลิ่นมาจะให้อารมณ์ซ่าๆ Sparkling ปนความเป็น Citrus โปร่งๆ ผสมผสานความเป็น Fresh Spicy ที่ให้ความสดชื่นจมูก เนื้อกลิ่นจะติดเขียวปร่าเจือๆ ของจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่เป็นหัวใจหลักของเครื่องดิ่มประเภทนี้ และมีกลิ่นหวานเครื่องเทศปลายๆ ให้มีความรื่นรมย์ให้จับต้องได้ ซึ่งชัดเจนมากทำให้นึกถึงเวลาที่ได้กลิ่นเหล้า Gin แบบเย็นๆ ห่างๆ กำลังดี แอบมีความค่อนไปทาง Gin Tonic เล็กๆ ที่มีความซ่าจากโซดาด้วยนิดๆ ซึ่งเรียกว่าเปิดมาก็ทำเอาฟินกับกลิ่นโทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มาแบบกำลังดี ไม่แหลมไม่คม มีความอะโรม่าได้ลงตัวกว่าที่คิด ซึ่งกลิ่นของความเป็น Gin จะเริ่มมีความแห้งลงมาในระดับหนึ่งในช่วงกลาง แต่ยังให้ความสดชื่นอยู่โดยที่มีกลิ่นออกทางเขียวปร่าหน่อยๆ ประปรายให้รู้สึกได้ ตามด้วยมีความเป็นโทนติดอบอุ่นยางไม้หน่อยๆ กลิ่นจะไม่ได้รู้สึกสว่างปลอดโปร่งนักเพราะมาลักษณะออกทางโทนดาร์กแต่ซีทรูที่พอมองเห็นอะไรๆ ได้อยู่มากกว่าที่จะดำดิ่งเข้มลึกข้นไปหมด เรียกว่าเป็นการแบ่งภาคที่ดีระหว่างความเป็นกลิ่น Gin ที่จูนิเปอร์ยังคงชัดเจนแบบติดหวานปลายที่ชัดเจน แต่เริ่มมีความอบอุ่นติดดาร์กเบาๆ Smoky อ่อนๆ ซ้อนให้กลิ่นไม่ได้ออกทางโทนสว่างนัก เรียกว่าสดชื่นในความดาร์กสลัวๆ ก็ย่อมได้ 

จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างชัดเจนพอสมควร เพราะโทนกลิ่นของเหล้า Gin เริ่มเบาลงไปเหลือพอแตะต้องได้อยู่แบบเบาๆ แต่ความดาร์กของกลิ่นเริ่มชัดเจนขึ้นมาแทนที่ โดยที่ความอบอุ่นของกลิ่นเริ่มชัดเจนมากขึ้นแต่มาในลักษณะควันไอ Smoky ที่ให้ความลึกลับหน่อยๆ เคล้ากับกลิ่นพิมเสนบางๆ อ้อยอิ่งดึงดูดให้น่าค้นหา ซึ่งเมื่อดมใกล้ผิวนอกจากความเป็นควันไอกับพิมเสนแล้ว กลิ่นไม้หอมก็ติดสะอาดๆ เคล้ากลิ่นออกทางหนังเจือนุ่ม Musk เบาๆ ก็เป็นรองพื้นสนับสนุนแบบกลางๆ เสริมความดาร์กแบบเรียบหรูเข้ามาให้รู้สึกได้ด้วยโดยไม่จำเป็นต้องข้นและนัว ยังมีความซีทรูในเนื้อกลิ่นที่โปร่งพอให้มองเห็นได้ด้วยนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงเอาไว้ว่า Unisex แต่เอนไปทางผู้ชายราวๆ 60 - 70% ได้ แต่ถึงยังไงผู้หญิงก็ใส่ได้สบายมาก ยิ่งถ้าใส่กับชุดโทนดำก็จะถือว่าเป็นความสดชิื่นในความดาร์กได้อย่างน่าสนใจเลย ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ให้ลุคสดชื่นแต่น่าค้นหาได้ดีเลย ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบแนวๆ ทั่วไป ให้ความสดชื่นแบบขรึมๆ และมีความดึงดูดจะดีกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะชาวบ้านที่จัดเต็มเรื่องน้ำหอมกลบหมดแน่นอน 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีมากกว่านี้ก็ต้องว่ากันที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าทำให้รู้สึกรื่นรมย์กับกลิ่นเหล้า Gin ได้เลย แล้วจะลดลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัว แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายที่ขยับเนื้อตัวกลิ่นจะตีขึ้นเบาๆ ให้รู้สึกดึงดูดได้ดีเลย 

ทิ้งท้าย - ช่วงต้นกับช่วงกลางทำให้รู้สึกรื่นรมย์มากเกินคาด และดีใจที่รุ่นนี้ไม่ได้ทำออกมาเพื่อยัดเยียดความเป็น Gin ในแบบที่ต้องคมต้องพุ่ง ทำให้กลิ่นมีเสน่ห์ตามธรรมชาติได้ดี อันนี้ชื่นชม 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Fragrantica
: https://www.fragrantica.com/perfume/Commodity/Gin-50619.html

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Commodity - White Collection: Tea

Commodity - Tea 

Commodity ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ Niche Perfume ของ USA ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางด้าน Lifestyle เน้นที่ความหอมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม เทียนหอม และสบู่ โดยเป็นการจับมือกันจากฝั่งธุรกิจและฝั่งสุคนธกรที่เน้นสร้างความแตกต่างขึ้นมา ซึ่งแน่นอนมองดีๆ สินค้าหลักของแบรนด์ก็คือ น้ำหอม ที่เป็นหลักสำคัญ โดยเน้นเป็นลักษณะชื่อเดี่ยวๆ สไตล์ EDP ที่สามารถนำไปสู่การ Combine กันได้กับตัวอื่นๆ ในแบรนด์ (สไตล์แบบ Jo Malone แต่ความเข้มข้นของน้ำหอมนั้นมากกว่าประมาณนั้น) แต่ใช่ว่ากลิ่นเดี่ยวๆ เองก็จะไม่น่าสนใจ เช่นตัวแรกของแบรนด์นี้ที่มีโอกาสได้ลองอย่างกลิ่นชาในรุ่น Tea ที่กลิ่นอายจะมาในลักษณะนี้เลย

บอกก่อน - Tea รุ่นที่จะเล่ากลิ่นนี้ เป็นรุ่นที่มีการปรับปรุงใหม่จากของเดิมที่เคยวางจำหน่ายเมื่อปี 2013 ในโซนน้ำหอมผู้หญิงและเลิกผลิตไปแล้ว โดยเป็นหนึ่งใน White Collection ของแบรนด์ที่เป็นสาย Unisex แทน ซึ่งจะไม่ได้มีการเล่ากลิ่นไปถึงรุ่นก่อนปรับปรุง เน้นที่รุ่นล่าสุดนี้เท่านั้น 

เห็นชื่อรุ่นว่า Tea แน่นอนว่าหลายๆ คนน่าจะนึกถึงกลิ่นสดชื่นสะอาด สบายๆ อะโรม่าแบบกลิ่นชาที่อาจจะได้เจอจากหลายๆ แบรนด์ที่เด่นในการทำน้ำหอมโทนนี้ แต่สำหรับ Commodity ที่นำความเป็น Tea มาปรับใหม่ ก็ให้กลิ่นอายที่แตกต่างมากกว่า เพราะเน้นที่ความเป็นชาอู่หลงน้ำผึ้งติดอุ่นๆ เสียมาก ซึ่งกลิ่นจะเปิดตัวที่ Top Notes กับความสดชื่นติด Spicy นวลๆ ปร่าซ่าๆ ให้พอสัมผัสได้ โดยที่มีความหวานโปร่งเจืออยู่ตลอด ซึ่งเป็นการผสมผสานแบบเจอกันครึ่งทางของกลิ่นโทนน้ำผึ้ง กับกลิ่นอายนวลๆ อุ่นปนปร่าของโหระพา ที่ล้อมไปด้วยความเป็น Citrus ติดซ่าๆ แบบสไตล์เปลือกส้มปนกลิ่นอายแบบแบล็คเคอแรนท์ที่ไม่ได้ไปแบบลักษณะกลิ่นคล้าย Urine แต่เป็นกลิ่นออกทางเขียวปนซ่าเสริมทัพความซ่าบางๆ ให้มีมิติของความเป็นโทนผลไม้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อมีกลิ่นชาอู่หลงที่ให้ความอะโรม่าเจือกลิ่นมะลิเริ่มแทรกตัวขึ้นมา ก็เป็นการเปิดตัวเข้าสู่ Middle Notes กันอย่างชัดเจนและเป็นตัวเอกหลักตีคู่ไปกับกลิ่นอายหวานโปร่งน้ำผึ้งที่ตามมาจากช่วงต้น และมีกลิ่นอายกุหลาบเข้าโทนสะอาดนวลเสริมเข้ามาด้วย จนกลายเป็นชาอู่หลงน้ำผึ้งหอมอะโรม่ากุหลาบบางๆ กึ่งหวานโปร่งอย่างลงตัวให้ความรู้สึกผ่อนคลายและรื่นรมย์ชัดเจน ซึ่งกลิ่นจะยังคุมโทนความอุ่นเบาๆ เพื่อไม่ให้แย่งซีนความอะโรม่าของชาและน้ำผึ้ง โดยจะยังจับได้ถึงกลิ่นอายโหระพาบางๆ และกลิ่นออกทางครีมมี่บางเบาปนแป้งอ่อนๆ ของถั่วตองก้าที่เป้นสายสนับสนุนได้เป็นอย่างดี ทำให้กลิ่นยังตรึงความหวานหอมได้ดีไม่ดูใสจ๋าเกินไป จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีโทนใบยาสูบหวานใสปนอุ่นเคล้ากับโทน Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดเริ่มเปิดตัวมาทีละนิด กลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะกลิ่นของชาอู่หลงน้ำผึ้งจะเริ่มลดทอนลงมาผสมผสานกับกลิ่นอายครีมมี่นวลๆ จะเริ่มชัดขึ้นเพราะถั่วตองก้าจะมาผสมผสานกับไม้จันทน์หอมและ Musk ในช่วงนี้ให้ความนวลละมุนปนอบอุ่น ดันให้กลิ่นยาสูบมีความหวานติดอวลนุ่มกำลังดีเคล้ากลิ่นชาหวานอ่อนๆ ให้ความรู้สึกกึ่งครีมกึ่งขาวสว่างๆ สะอาดนวลที่ลงตัว ภาพรวมเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ให้ความเป็นชาแบบหวานใสและมีความอบอุ่นนุ่มนวลที่ลงตัวให้ความรู้สึกมีระดับ หรูหรา หวานโปร่ง มีเอกลักษณ์ในอีกรูปแบบ และไม่ค่อยซ้ำกับกลิ่นชาในน้ำหอมแบรนด์อื่นๆ นี่แหละ Tea ของ Commodity 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นแม้จะลงว่า Unisex แต่ลักษณะโทนกลิ่นที่ออกทางน้ำผึ้งหวานใสและชาอู่หลงที่กลิ่นมะลิชัดหน่อยเด่นออกมาเลยจะเข้าทางผู้หญิงเสีย 60 - 70% ได้เลยทีเดียว แต่ยังไงผู้ชายก็ใช้ได้ถ้าไม่มายด์เรื่องแบบนี้ กลิ่นหรูหรา หวานมีระดับได้เลยเข้าทางกับการแต่งตัวโทนสว่างเสียด้วย ไม่ว่าจะวัยเรียนมหาลัยหรือวัยทำงานก็ตาม ซึ่งใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่อาจจะไม่เข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายนัก ให้รอช่วท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนใส่เพื่อให้ความอะโรม่าผ่อนคลาย หรือใส่ออกงานแบบวางตัวดีๆ มีความนหวานใสๆ แอบเย้ายวนไม่โจ่งแจ้งจะดีที่สุด เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีโดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - กลิ่นทนได้ลงตัวมากราวๆ 8 ชม. ซึ่งก็อิงตามจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาที่ปานกลางค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัว ให้ความหวานแต่กระจายออกเบาๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายก็เป็นออร่ารอบๆ ตัวชัดเจน 

ทิ้งท้าย - เดิมทีคาดหวังว่าคงเป็นแค่ชCitrus สดชื่นตามปกติ เพราะเท่าที่ทราบคือรุ่นก่อนปรับปรุงเป็นลักษณะนั้น แต่พอใช้งานจริงกลิ่นดีเกินคาด ในความหวานมีความใสสว่างและรื่นรมย์ รวมถึงมีความอะโรม่าที่ดีเล่นกลิ่นโทนเย้ายวนของชาและยาสูบได้น่าสนใจมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Fragrantica
: https://www.fragrantica.com/perfume/Commodity/Tea-50622.html



วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Memo Paris - Marfa

Memo Paris - Marfa 

ผ่าน Collection สายหนังอย่าง Cuirs Nomades มาพอสมควรแล้ว ก็ขอเปลี่ยนสายมาที่ความเป็นสิ่งที่มนุษย์สรรสร้างขึ้นมาอย่างมีมนต์ขลังและเสน่ห์โดยอิงกับคำว่า Art Land กันบ้าง ซึ่งความน่าสนใจของไลน์นี้คือการนำเอาสถานที่จริงมา Mix & Match กับความเป็นโทนกลิ่นที่ควรจะเป็นและล้อไปในทิศทางเดียวกันได้ และรุ่นแรกที่ได้มีโอกาสลองของสายนี้ก็เอาความเป็นเมืองทะเลทรายเล็กๆ ที่ชื่อว่า Marfa ในรัฐ Texas ของ USA มาเป็น Concept หลัก ซึ่งกลิ่นจะชี้ทิศทางไปในลักษณะไหนบ้าง ก็ว่ากันตามนี้เลย 

The Eyes of a Tuberose เป็นคำจำกัดความที่บอกถึงการเป็นกลิ่นอายของ Marfa กับการนำเสนอความเป็นซ่อนกลิ่น หรือ Tuberose ได้ชัดเจนมาก เพราะเพียงแค่ช่วงเปิดตัวของกลิ่นอย่าง Top Notes ความเป็นซ่อนกลิ่นก็ชัดเจนกันเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีความนวลสะอาดของดอกส้มสไตล์ Orange Blossom ที่ให้ความรู้สึกขาวสว่างสะอาด เคล้ากลิ่นส้มจางๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นเจือๆ เข้ามาด้วย เลยทำให้กลิ่นในช่วงนี้เป็นโทนดอกไม้ขาวที่ติดครีมนวลกำลังดีสดชื่นเบาๆ มีความเจือการบูรหน่อยๆ ตามที่ควรจะเป็น กลิ่นไม่ข้นไปไม่ใสไป ออกทางโทนแห้งๆ เสียด้วยซ้ำ ทั้งยังได้ความรู้สึกสว่างนวลออกขาวไล่สีไปยังสีครีมนวลวานิลลาได้น่าสนใจตั้งแต่ช่วงต้นเลย จนเมื่อมีกลิ่นอายติดเขียวคมเจือหวานออกทางคล้ายค็อกเทลเตกีล่าร์เริ่มชัดเจนขึ้นมา ก็เข้าสู่ Middle Notes กันเต็มๆ ที่กลิ่นจะมีความ Contrast กันก็จริงระหว่างความเขียวออกทางหวานปลายแบบเหล้าโปร่งๆ กับกลิ่นอายดอกไม้ขาวครีมมี่ แต่สิ่งที่ได้คือความ Mix & Match ที่ลงตัว เพราะ 2 โทนนี้ต่างตัดทอนกันจนได้กลิ่นอายที่ส่งเสริมกันเอง โดยซ่อนกลิ่นเคล้าดอกส้มที่ยังตามมาอยู่จะให้ความครีมนวลปนสะอาดแบบกลางๆ เคล้ากลิ่นออกทางหวานปลายของเหล้าที่แปร่งแต่มีสเน่ห์ดึงดูดมาก แถมยังมีกลิ่นอายของกระดังงาที่ให้ความดึงดูดเย้ายวนเคล้ากลิ่นอบอุ่นบางๆ ของวานิลลาเสริมทัพเข้ามาด้วยเช่นกัน เลยยังคงคุมโทนได้ดีกับการเป็นกลิ่นอายครีมนวลสดชื่นไม่ข้นไปและไม่ใสไปได้อย่างลงตัว

กลิ่นจะดำเนินไปในระยะหนึ่งที่ให้ความนวลละมุนเจือหวานปนเขียวกลิ่นเหล้า จนเมื่อมีกลิ่นอายของวานิลลาเริ่มค่อยๆ ชัดขึ้นมาตามลำดับในช่วง Base Notes ซึ่งซ่อนกลิ่นจะลดโทนลงมาระดับหนึ่ง โดยให้ความเป็นครีมนวลติดโทนคล้ายเหล้าเตกีลาร์อยู่ให้รู้สึกได้ โดยที่จะมีกลิ่นออกทางครีมมี่นวลๆ ของไม้จันทน์หอมปนอบอุ่นวานิลลาเสริมให้กลิ่นมีความเป็นสีนวลครีมหอมละมุนมากขึ้น และมีโทน Musk นุ่มสะอาดรองพื้นอยู่ให้โทนสว่างขาวนวลเจือกำลังดีไปตลอด กลิ่นเลยจะให้อารมณ์ทั้งละมุน ครีมนวลไม่หนักแต่ดึงดูด หรูหรา อบอุ่นเจือความปลอดโปร่ง ซึ่่งแน่นอนว่า Marfa ตัวนี้คุมโทนไล่สีฟ้าทึบ ครีมวานิลลา และขาวเบาๆ เข้าทางสไตล์ Gradient ไล่สี Twilight แบบเวลามองที่แห้งๆ กว้างๆ สุดลูกหูลูกตาตัดกลางระหว่างพื้นดินกับท้องฟัายามบ่ายค่อนเย็นได้น่าสนใจเลยทีเดีย 

เหมาะสำหรับ - Memo ลงเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งถือว่าเข้าทางได้อยู่ แม้จะเอียงไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ถือว่าผู้ชายเองก็ใส่ได้เพราะกลิ่นเองไม่ได้ไปสายครีมมี่ข้นดอกไม้ขาวจ๋าจนอบอวลนัก ซึ่งเข้ากับวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป ที่อาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนซ่อนกลิ่นมาบ้าง จะได้อินได้ง่ายขึ้น โดยใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เพราะกลิ่นไม่ได้อวลหนัก และเป็นน้ำหอมที่ใช้กลางวันได้ง่ายและสบายมาก ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางขั้นสุด ส่วนยามค่ำคืนก็จัดไป ได้สบายมาก กลิ่นมีอะไรที่น่าค้นหา เย้ายวนแบบไม่หนักหน่วงดีเลย สร้างออร่าให้คนใส่มีระดับได้ดีเชียว 

ความทน - กลิ่นทนราว 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใส่ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวได้ที่ 8 ชม. กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดหลั่นลงมาเรื่อยเป็นปานกลางซักพัก แล้วผ่อนลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อเข้าช่วงท้าย พอผ่านซัก 5 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent ชัดเจน 

ทิ้งท้าย - อีกหนึ่งกลิ่น Tuberose หรือซ่อนกลิ่นที่มีอะไรแตกต่าง เอาลูกเล่นของโทนแนวๆ กลิ่นเหล้าเตกีล่าร์จาก Agave มาหักมุมได้ดีเชียว และกลิ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำให้เห็นภาพโทนสีของแต่ละช่วงจนรวมเป็นท้องฟ้าแบบ Vanilla Twilight ได้ชัดเจนจริงๆ อันนี้ยอม ดีจริงๆ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Neiman Marcus
: https://www.neimanmarcus.com/en-th/p/memo-paris-marfa-eau-de-parfum-2-5-oz-75-ml-prod189910111

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Memo Paris - Moon Fever

Memo Paris - Moon Fever 

เมื่อผ่านกลิ่นอายหนังในรูปแบบต่างๆ กับแบรนด์ Memo Paris (Spoiler Alert! - อีกไม่นานน่าจะเข้ามาเปิด Counter ขายในประเทศไทย) ใน Collection - Cuirs Namades ซึ่งก็ยังไม่จบ เพราะมีรุ่นใหม่พึ่งย้ายมาจาก Collection อื่นของแบรนด์มาเสริมทัพ เช่นนั้นติดตามกันต่อว่ารุ่นที่กำลังจะเล่ากลิ่นอย่าง Moon Fever นี้จะเป็นอย่างไร 

บอกก่อน - เดิมทีรุ่นนี้ชื่อว่า Moon Safari และอยู่ใน Collection - Les Echappées มาก่อน แต่เนื่องด้วยอาจจะไปตรงกับชื่อทางลิขสิทธิ์อะไรเข้าจึงได้เปลี่ยนชื่อภายหลังเป็น Moon Fever ทิ้งช่วงใน Collection เดิมพักนึงแล้วค่อยย้ายมาอยู่ใน Cuirs Namades รวมกับสายหนังต่างๆ ในปัจจุบันนี้ โดยเปลี่ยนจากขวดใสเป็นขวดดำด้วยเช่นกัน ซึ่งแอบเสียดายชื่อเก่ามาก เพราะมันจะสื่อสารถึงกลิ่นนี้ได้ชัดเจนจริงๆ 

Top Notes เปิดตัวกันด้วยความเป็นกลิ่นอาย Citrus ติดออกทางเมทัลลิคเย็นๆ และมีความเขียวรองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นของเลมอนจะเด่นออกมาให้ความเปรี้ยวสดชื่นแบบสว่างๆ เจือหวานปลายผสมผสานกับกลิ่นออกทางส้มใสๆ ของส้มขมกับกลิ่นของเกรปฟรุตที่ให้ลักษณะสดชื่นติดแปร่งเมทัลลิคเย็นๆ ได้อย่างลงตัว แต่ต้องบอกว่ากลิ่นไม่ได้เป็น Citrus ที่แบบน้ำใสๆ นัก ค่อนไปทางแห้งอยู่พอสมควร เพราะความเขียวค่อนไปทางหญ้าหน่อยๆ เจือสมุนไพรค่อนไปทางคล้ายโทนลาเวนเดอร์และกลิ่นหนังติดสาปจางๆ มีความดาร์กเท่ห์ที่เสริมเข้ามาค่อนข้างชัดจะตัดทอนอารมณ์สว่างๆ ของ Citrus พอตัว ทำให้ได้อารมณ์แบบอากาศสดชื่นติดกลิ่นเขียวเคล้ากลิ่นหนังที่ได้ความดาร์กสาปบางๆ เสียมากกว่า ซึ่งช่วงนี้แอบมีลักษณะคล้ายน้ำหอมหลายๆ ตัวสายผู้ชายที่กลิ่นอายเป็Citrus ติดเขียวปนออกอยู่บ้างพอสมควรแต่ก็เพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้น 

เมื่อเข้าสู่ Middle Notes ความเป็น Citrus เจือเมทัลลิคในตอนต้นจะลดลงแต่จะไปเสริมโทนกลิ่นที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นกับความเป็น Green Citrus อย่างใบเวอร์บีน่าที่จะให้โทนแบบเลมอนแต่ออกทางเขียวหญ้าหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นจะมีความเป็นสมุนไพรปร่าๆ เจือโทนกลิ่นคล้ายลาเวนเดอร์กับกลิ่นดอกส้มที่ออกทางติดเขียวแบบ Neroli ค่อนไปทางแห้งโปร่ง ซึ่งทำให้ได้อารมณ์แบบสะอาดและมีความหอมติดเขียวสดชื่นกำลังดี แต่กลิ่นยังคงคุมโทนไม่ได้ไปโทนสว่างเท่าไหร่ เพราะกลิ่นหนังติดสาปบางๆ และกลิ่นไม้แห้งๆ ที่ก็แทรกขึ้นมาทำให้กลิ่นมีมิตินอกจากกลิ่นเขียวสดชื่นแล้ว ยังมีความดาร์กอยู่ประปรายด้วยเช่นกัน ซึ่ง 2 โทนกลิ่นอย่างหนังและไม้หอมแห้งๆ ตามลักษณะของหญ้าแฝก จะเริ่มกลายเป็นตัวเด่นขึ้นตามลำดับใน Base Notes ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ออกทางสาปแล้ว เพราะมีความหวานหอมครีมมี่จางๆ ของถั่วตองก้าเข้ามาผสมผสาน ทำให้กลิ่นมีความกลมกล่อมกำลังดี มีความ Smoky หน่อยๆ ให้พอจับต้องได้จากหญ้าแฝกที่ชัดมากขึ้น โดยที่กลิ่นอายในช่วงกลางจะลดลงมาเจือให้พอรับรู้ได้แบบเบาๆ ให้ยังพอมีโทนสดชื่นเจือในกลิ่นอยู่จนกว่าจะจางลงไปจากผิว ซึ่งถ้ามองกันตามคำโปรยของแบรนด์ ก็ถือว่ากลิ่นก็ให้ความรู้สึกตามสิ่งที่แบรนด์บรรยายเกี่ยวกับรุ่นนี้ได้ในระดับหนึ่งเลยนั่นคือ กลิ่นอายแบบ Night Safari หรือสวนสัตว์กลางคืน ที่จะมีกลิ่นอายอากาศเย็นๆ เคล้ากลิ่นหญ้าทั้งสดและแห้ง รวมถึงสมุนไพรล้มลุกกับกลิ่นสาปสัตว์บางๆ ลอยมาตามลมที่เป็น Theme หลักให้จับต้องได้ โดยเอาความสดชื่นเป็นตัวตั้งก่อนเอาความเป็นบรรยากาศมาเสริมทัพนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ระบุเอาไว้ว่า Unisex แต่เอาจริงๆ ไปสายผู้ชายแมนๆ กันเลยทีเดียวราวๆ 85% ได้เลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยก็ย่อมได้ เพราะกลิ่นมันมีความสดชื่นปนเท่ห์ Cool ไม่ใช่น้อย รวมถึงสามารถใส่ได้ในช่วงกลางคืนเสียด้วย เพราะความสดชื่นมันไม่ได้ออกทางสว่างนัก รวมถึงมีโทนดึงดูดหน่อยๆ ของหนังและหญ้าแฝกเลยทำให้ใส่ได้สบายมากไม่ว่าสถานการณ์ไหนในยามค่ำคืน ถือว่าเป็นตัวครอบจักรวาลได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว 

ความทน - 8 ชม. กลิ่นยังคงอยู่แบบกำลังดี และลากยาวไปได้มากกว่านั้น อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวจัดไปที่ 5 สเปรย์ กลิ่นลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางกำลังดีไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้าย ซึ่งพอพ้นซัก 6 ชม. กลิ่นจะเริ่มแบบออร่ารอบๆ ตัวก่อนเป็น Skin Scent หลังจากผ่านไป 8 ชม. 

ทิ้งท้าย - สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือ กลิ่นในช่วงต้นมีความคุ้นอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งลักษณะแบบที่มีกลิ่น Citrus กลิ่นเวอร์บีน่า และกลิ่นโทนคล้ายลาเวนเดอร์ มันทำให้เผลอไปนึกถึงสไตล์แบบ Creed Green Irish Tweed, Davidoff Cool Water และ Lattafa - Rughba for Man เพียงแต่ว่ามีความเท่ห์ดาร์กกำลังดีของหนังและหญ้าแฝกที่ทำให้ดูแตกต่างและฉีกออกมาได้ลงตัว เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เอาหนังมาผสมผสานกับโทนสดชื่นได้น่าสนใจมาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - US.MemoParis
--> https://us.memoparis.com/1185/moon-fever.jpg