แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Perry Ellis แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Perry Ellis แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Perry Ellis - Oud: Black Vanilla Absolute

Perry Ellis - Oud: Black Vanilla Absolute

เมื่อช่วงที่เป็นความพีคของกลิ่นโทน Oud ที่ทุกแบรนด์ต้องมี ต้องมีความ Oud Is Everywhere ในแต่ละแบรนด์ แน่นอนว่ามาหมดกันเลยทีเดียว ต่างคนต่างมี Oud เป็นของตัวเองกันถ้วนหน้า และ Perry Ellis เองก็ไม่พลาด แถมออกมาแบบเป็น Collection ออกมา 3 รุ่นพร้อมกันเลยทีเดียว โดยมี Oud เป็นแกนนำหลักที่จะอยู่กับทุกรุ่นใน Collection นี้เลย เช่นนั้น

เมื่อปล่อยออกมาก็ต้องมาลองกันหน่อยสิ จะพลาดได้อย่างไรกัน เลยให้ความสนใจรุ่นที่มีคนให้คำชมกันเยอะเป็นพิเศษก่อนเลยอย่าง Oud: Black Vanilla Absolute เช่นนั้นจัดไปอย่าได้เสียและสิ่งที่ได้สัมผัส คือ

เหล้ารัมและวานิลลาที่เป็นตัวเปิดเรียกว่าสร้างความประทับใจกันได้เลยในคราวแรกที่ดม เพราะกลิ่นที่ผสมผสานกันเป็นอย่างดีมากที่ทำให้เนื้อกลิ่นช่วงเปิดจะได้อารมณ์รัมกลิ่นวานิลลาหอมหวานที่มีความดึงดูด เซ็กซี่ และมีเสน่ห์อย่างมีชั้นเชิงมาก ซึ่งกลิ่นอาจจะคมชัดนิดนึงในช่วงแรก แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงจัดจ้านจนกลายเป็นขนมจ๋าแต่อย่างใด และพอดมเข้าไปใกล้ผิวจะจับจต้องได้ถึงเนื้อกลิ่นที่จะมีโทน Spicy เครื่องเทศหน่อยๆ ที่ทำให้กลิ่นมีโทนติดเย้ายวน และมีกลิ่นติดควันไอไม้หน่อยๆ ที่น่าค้นหาเข้ามาร่วมด้วยแบบเนียนๆ เป็นสายสนับสนุน เลยทำให้กลิ่นในช่วงต้นมีมิติกลิ่นที่ลงตัวและน่าสนใจมาก จนสามารถตกคนที่ชอบกลิ่นวานิลลาแบบลุ่มลึกหวานโปร่งปนเย้ายวนเซ็กซี่แบบในทันทีได้เลย

ในช่วงกลางเนื้อกลิ่นจะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปพอสมควรแต่จะไม่ได้ฉีกมากจนเปลี่ยนโทน โดยวานิลลากับรัมยังคงเป็นตัวเด่นและมีโทนหวานอยู่เช่นเดิมเพิ่มเติมคือความดาร์กของกลิ่นที่มีมากขึ้นจากโทน Smoky เจือไม้หอมที่ให้ความอวลลึกหน่อยๆ แต่กลิ่นจะไม่ได้ไปทางหนักหน่วงเพราะมีตัวตัดทอนอย่างโทนไม้หอมโปร่งติดครีมมี่เล็กๆ มาผสมผสานให้เนื้อกลิ่นมีลักษณะไม่หนักข้น เลยทำให้กลิ่นจะมีความหวานแบบวานิลลาเจือความเย้าของเหล้ารัม เสริมด้วยความอวลลึกอ่อนๆ ติดควันที่เข้าทางโทน Oud ได้อยู่แบบเบาๆ ให้ความรื่นรมย์แบบหวานปนอบอุ่นกำลังดี แต่จับไปมาจะพอรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นหวานหอมดอกไม้ติดกลิ่นยาสูบหน่อยๆ ที่เริ่มเนียนเข้ามามากขึ้น และก็เปลี่ยนแปลงสถานะในการเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัวแบบที่กลิ่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะยังเด่นที่วานิลลาดเคล้ารัมติด Smoky อวลๆ อยู่ แต่จะมีความหวานโปร่งหอมติดดอกไม้เจือยาสูบหน่อยๆ และมีตัวรองพื้นเป็นกลิ่นอายติดเค็มคล้ายผิวกายกึ่งอวลเล็กๆ คล้ายแนวๆ อำพันปลาวาฬ หรือ Ambergris แต่ไม่ได้ถึงกับนวลเนียนขนาดนั้น เลยเดาได้ไม่ยากว่าเป็นสารหอมอย่าง Ambroxan ที่มาแบบกลางกึ่งเบาที่เวลาดมกลิ่นแบบใกล้ผิวจะจับต้องได้ เลยทำให้กลิ่นจะได้ความอบอุ่นแบบผิวกายเคล้าความหวานหอมของวานิลลาติด Smoky อ่อนๆ ที่ให้ความรื่นรมย์แกมเย้ายวนปนน่าค้นหาที่สมดุลย์พอเหมาะพอดีกันไปยาวๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex ได้หมดกวาดหมดทุกเพศเพราะกลิ่นมีความกลางๆ กำลังดีมากในการเป็นโทนหวานหอมวานิลลาติดควันเจือเย้าของเหล้ารัมได้ลงตัวจริงๆ ซึ่งตกคนที่ชอบโทนวานิลลาได้ไม่ยาก และยังไม่พอจะตกคนที่อยากใช้โทนวานิลลาที่ไม่ข้นจัดจนเป็นขนมเกินกว่าเหตุได้อีกด้วย กลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะโทนหวานอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคนรอบกายมากนัก ซึ่งถ้าเป็นยามทางการ กิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ และออกกำลังกายข้ามไปจะดีกว่า แต่ถ้าใส่แบบทำงาน Office หรือทั่วๆ ไป อันนี้จัดได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนได้หมดทั้งออกงานและใส่ท่องราตรี กลิ่นมีความเย้ายวนในความ Nice ได้ลงตัวไม่พอยังมีระดับไม่ได้ดูพยายามจะยั่วยวนเย้าโจ่งแจ้งอีกด้วย  

ความทน - ดีงามมากกับพื้นฐานที่ 8 ชม. + ไปต่อได้อีกตามสภาพผิวผู้ใช้และจำนวนสเปรย์ ซึ่งส่วนตัวเจอสูงสุดที่ 15 ชม. กันเลยทีเดียว กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ กับวันอากาศเย็นๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและค่อนข้างคงตัวกันพอสมควร จนเมื่อเข้าชั่วโมงที่ 2 จะค่อยๆ ลดลงมากระจายปานกลางกันยาวไป จนเมื่อผ่านไป 6 ชม. แล้วถึงจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ

สรุป - หนึ่งในกลิ่นวานิลลาหอมหวานมีระดับติดโปร่งเข้าถึงง่ายมาก แถมไม่ได้ไก่กาแต่อย่างใด ที่จะใส่เพื่อสร้างออร่าความหวานลุ่มลึกให้ผู้อื่นรับรู้ ซึ่งหลายๆ คนมักจะจับตัวนี้ไปเทียบกับ Guerlain - Spiriteuse Double Vanile เอาจริงๆ เรียกว่ากลิ่นโทนใกล้กัน แต่ Oud: Black Vanilla Absolute จะหวานกว่า แต่ในเรื่องใส่แล้วได้คำชมไหม บอกเลยว่า “ได้” และ “ได้รับคำชมบ่อยด้วย”  

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Perry_Ellis/Oud__Black_Vanilla_Absolute

 

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Perry Ellis - 360° Red for Men

Perry Ellis - 360° Red for Men 

ส่วนตัวต้องบอกว่า Perry Ellis เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำน้ำหอมได้ดีมาก แต่คนมักมองข้าม ซึ่งแบรนด์นี้มักจะมีโทนน้ำหอมสไตล์ที่ใกล้เคียงตัวยอดนิยมแบรนด์ดังๆ พอสมควร เพียงแต่จะปรับโทนหรือจุดอ่อนของรุ่นดังๆ เหล่านั้นให้มีอัตลักษณ์ที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นโทนกลิ่น
 ความทน และการกระจาย ให้น่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นจะมีรุ่น 360° Red for Men ที่ทำกลิ่นออกมาได้ทั้งคล้ายและเนียนน้ำหอมแบรนด์ดังแบบมีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญให้รู้สึกได้เสียด้วย ซึ่งจะเหมือนแบรนด์ไหนกันหนอ ต้องพิสูจน์

Top Notes เปิดมาด้วยกลิ่นอาย Citrus เด่นโดยที่จะมีลักษณะแบบความเป็นส้มและมะนาวที่หอมสดชื่นเจือหวานปลายๆ ฟุ้งออกมา แต่เพราะกลิ่นจะมีการตัดทนกันแบบเป็นทอดๆ เลยทำให้กลิ่นที่ได้ไม่คม เพราะมีกลิ่นของเครื่องเทศโทนอบอุ่นอย่างอบเชยเป็นตัวมาทำให้กลิ่นเจือหวานนุ่ม แต่แทนที่กลิ่นจะไปสายอบอุ่นเย้ายวน ก็ดันโดนความสดชื่นของเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าซ่าๆ อย่างกานพลูมาลดความอุ่นลงไปให้ยังอยู่ในโทนสดชื่น แต่กลิ่นจะก็โดนเกลาให้นุ่มอีกตัวด้วยเครื่องเทศโดนเผ็ดนุ่มมีเจือไม้หอมหน่อยๆ อย่างเม็ดจันทน์เทศ ทำให้กลิ่นในช่วงต้นมีความชัดแบบ Citrus ที่ติดนุ่มนวลหอมสดชื่นลงตัว และจะยกพลไปช่วง Middle Notes ไปผสมผสานกับกลิ่นลาเวนเดอร์ และจะมีครื่องเทศโทนเผ็ดโปร่งแนวๆ เม็ดผักชีเข้ามา ซึ่งจะมีโทน Aquatic แทรกเข้ามาแบบเบาๆ กับกลิ่นน้ำทะเลที่ไม่คาวแต่มันจะออกสดชื่นติดเขียวจางๆ และมีความซ่าๆ เสียมากเคล้ากลิ่นสดชิื่นที่ตามมาตั้งแต่ตอนต้น กลิ่นเลยจะได้ความนุ่มแกล้มความสดชื่นเจอความเป็นโทนทะเลบางๆ กำลังดี โดยมีโทนเครื่องเทศที่กึ่งอบอุ่นกึ่งสดชื่นนุ่มๆ จะรองพื้นอยู่ เพียงไม่นานกลิ่นอายของความเป็นโทนสะอาดนุ่มๆ จะแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ดึงเข้าสู่ Base Notes ซึ่งจะจับได้เต็มๆ ถึงกลิ่น Musk ที่เป็นตัวทำให้กลิ่นมีความสะอาดเป็นฐาน โดยมีกลิ่นของโทนไม้หอมมติดครีมสะอาดนิดๆ ของไม้จันทน์หอมและไม้แห้งๆ ให้รู้สึก กลิ่นโทน สดชื่นตั้งแต่ตอนต้นผสมผสานกันลงมาเรื่อยๆ ยังคงไม่หมดฤทธิ์คงกระพันชาตรีอยู่ เลยทำให้ได้ความสดชื่นเคล้าความเป็นสะอาดติดอบอุ่นกำลังดีจากโทนไม้หอมและอบเชยที่เหมือนจะได้มาออกฤทธิ์เอาชัดขึ้นมาหน่อยก็ช่วงนี้ และมีไอรื่นจมูกสบายๆ ของพิมเสนเจืออย่างลงตัว กลิ่นเลยจะมีความสดชื่นปนเย้ายวนติดอบอุ่นแบบสบายๆ ยาวไปนั่นเอง 

สุดท้าย นี่มัน Armani - Acqua di Gio (หลังจากนี้จะเรียกสั้นๆ ว่า AdG) นี่นา เพราะกลิ่นมีความคล้ายมากเลยทีเดียว แต่มีความเข้มข้นมากกว่า กลิ่นโทนเครื่องเทศชัดกว่า อบอุ่นกว่านิดนึง และไม่ได้ออกกลิ่นอายแบบ Aquatic หรือทะเลชัดเจนนักนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนตั้งแต่ ม.ต้น ก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นใช้ง่ายมาก มหาชนชอบ มหาชนใช้ มาแบบเดียวกับรุ่นดังเป๊ะๆ ใช้ได้กวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เข้ากับอากาศบ้านเรามากมาย ไม่ว่าจะออกงาน พบผู้คน ทำงาน เดินเล่น ลั่นล้า ออกกำลังกาย กิจกรรมกลางแจ้ง เที่ยวทะเล และบลาๆๆ ส่วนยามค่ำคืนแบบอากาศร้อนๆ จัดไปได้สบายมาก แถมตัวนี้ใส่ไปท่องราตรีได้ด้วยถ้าอัดสเปรย์ไปหน่อย ก็ยังสู้ชาวบ้านที่มาสายหวานยั่วได้อยู่ 

ความทน - นี่คือสิ่งที่ดีกว่า AdG เพราะกลิ่นทนอยู่ที่ 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ เหมือนเอามาปรับปรุงให้กลิ่นทนขึ้นยังไงยังงั้น ซึ่งส่วนตัวใช้กับวันที่อากาศร้อน เหงื่อไหลไคลย้อย กลิ่นยังทนได้ถึง 12 ชม. กับ 6 สเปรย์ (รวมฉีดเสื้อที่สวม) เรียกว่าคุ้มค่าได้เลยทีเดียว 

การกระจาย - มีความเป็น Sillage Scent ที่เน้นการกระจายเป็นสำคัญ และกลิ่นยังตีขึ้นให้คนใส่รับรู้ได้ดีมากเสียด้วย โดยจะกระจายดีแบบเสถียรและสม่ำเสมอไปจนถึงท้ายๆ ช่วงกลาง ก่อนจะลดลงเป็นเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - แม้ว่าจะคล้ายรุ่นดังหรือเอามาต่อยอดให้ดีขึ้น แต่อย่างน้อยกลิ่นยังมีความต่างให้รับรู้ได้ แม้ว่ากลิ่นจะมาสายกลิ่นสังเคราะห์มากกว่าจะธรรมชาติ แต่เอาเข้าจริงถ้ามันหอมซะอย่างสร้างเสน่ห์ให้คนใส่ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากให้เยอะสิ่ง แถมประหยัดตังค์ลงมาได้มากอีกด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://3.static.fragrancenet.com/images/photos/900x900/127999.jpg



วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Perry Ellis – Perry Man



Perry Ellis – Perry Man

น้ำหอมของแบรนด์นี้หลายๆ ตัวแม้จะ C&D ตัวดังๆ มาปรับเป็นกลิ่นที่คุณภาพเท่าเทียมหรือโดดเด่นกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีตัวออริจิที่คิดเองทำเองนะครับ มีและเยอะเสียด้วย เช่นนั้นเลยจะมาคุยถึงรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ากับการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ กับอากาศบ้านเรามากมายอย่าง Perry Man ครับ

ภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้จะออกทางเจ้าชู้นิดๆ สุภาพกำลังดี สบายๆ เสียส่วนใหญ่ เข้ากับการใส่เสื้อผ้าแบบทั่วๆ ไปทุกประเภทเลย เพราะ Top Notes จะให้อารมณ์สดชื่นของกลิ่นซิตรัสของมะนาว แอปเปิ้ลเขียว ดอกส้ม และมะกรูด กลั้วไปกับกลิ่นของเหล้าประเภทรัมหน่อยๆ มีอารมณ์แบบสบายๆ สำราญกรุ้มกริ่ม ได้อารมณ์เหมือนนั่งชิลล์ๆ จิบค็อกเทลซิตรัสที่เด่นที่กลิ่นแอปเปิ้ลมากมาย และจะเริ่มเปลี่ยนถ่ายเป็นกลิ่นแนวๆ วู้ดดี้สว่างๆ กลั้วไปกับกลิ่นของกุหลาบเบาๆ มีกลิ่นอายของพิมเสนที่สร้างความนุ่มเย้าจมูก แถมยังมีกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวบางๆ ให้รู้สึกสดใสอยู่ด้วย กลิ่นในช่วงนี้จะออกทางสุภาพๆ หวานเบาๆ ดึงดูดแบบกำลังดีสบายๆ แบบไม่ได้ตั้งใจอะไรประมาณนั้น และกลิ่นนุ่มสะอาดของ Musk จะเริ่มปล่อยของออกมาทีละนิด จนโดดเด่นมากในช่วง Base Notes ที่ให้อารมณ์นุ่มสะอาดสบายๆ ผ่อนคลายกำลังดี มีกลิ่นวานิลลาและกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวที่ยังมีอยู่จางๆ ซ่อนอยู่แบบเบาๆ อยู่ข้างหลัง ทำให้กลิ่นจะออกทางสะอาดๆ ติดแป้งเบาๆ ออกทางสดใสมากกว่าจะหนักจมูกสบายๆ เลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัยครับ กลิ่นใช้ง่าย แถมไม่ค่อยเหมือนใครเสียด้วย ที่สำคัญสาวๆ ก็ใช่ได้ครับ เพราะมันมีความเป็น Unisex ในเนื้อกลิ่นมากเลยทีเดียว สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะไปเรียน ไปทำงาน ไปเทียวเล่นชิลล์ๆ สบายๆ เดินห้าง หรือเดินเล่นในสวน ใส่ออกกำลังกายก็ได้กำลังดีเลย แต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกงานทางการนักนะครับ กลิ่นดูสบายไป ส่วนกลางคืนเหมาะกับเรื่องทั่วๆ ไปมากกว่าจะไปเมาหัวราน้ำเท่านั้นเองครับ

ความทน – อยู่ที่ 6 – 8 ชม. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด ด้วยส่วนหนึ่งครับ ของผมเนื่องจากจากหัวฉีดของแบรนด์นี้ไม่ได้กระจายเท่าไหร่ และแรงฉีดน้อยไปนิดเลยล่อไป 9 สเปรย์รวมฉีดเสื้อ กลิ่นติดทนถึง 8 ชม. ได้สบายๆ เลยครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วง Top และจะลดลงมาเรื่อยๆ แต่กลิ่นยังตีขึ้นให้คนใส่รับรู้เต็มๆ ใน Middle ก่อนที่จะติดผิวในช่วง Base ครับ

ทิ้งท้าย – ถ้าต้องการกลิ่นที่สบายๆ ได้ทุกสถานการณ์ แต่ไม่เหมือนใคร Perry Man น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Perry Ellis – 360° White for Men



Perry Ellis – 360° White for Men

เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่น้ำหอมราคาไม่แพงคุณภาพแจ่ม แถมหลายๆ ตัวใช้แนวทาง C&D จากแบรนด์ดังๆ มาทำให้กลิ่นใกล้เคียงในคุณภาพที่มีทั้งสูสีและอาจจะดีกว่าในด้านกลิ่นและความทนซึ่งในเก๋ตรงนี้ เรียกได้ว่าทำอย่างมีชั้นเชิงเนียนๆ ว่างั้น 555555 ซึ่งมีอยู่รุ่นนึงครับที่เรียกได้ว่าเป็นแฝดพี่ฝาดน้องของ Jean Paul Gualtier – Le Male ชัดๆ เลย นั่นคือ 360° White for Men ครับ

ภาพรวมของกลิ่นมันคือแฝดของ Le Male จริงๆ เลยทีเดียว เพราะกลิ่นแทบเรียกได้ว่าไม่มีคำว่าแตกต่างกันเลย ถ้าดมเพียงผิวเผิน แต่ในความเป็นจริงการ C&D ที่เกร๋ๆ ของรุ่นนี้ มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้แตกต่างกันในโทนกลิ่นแต่ละช่วงถ้าลงลึกถึงรายละเอียด ดังเช่น

Top Notes ที่จะมาในลักษณะสดชื่นแน่นๆ แบบซิตรัสกลั้วกลิ่นของเม็ดกระวานแน่นๆ โดยมีกลิ่นของลาเวนเดอร์เป็นตัวรอพ้นอยู่ด้านหลังบางๆ และไม่มีโทนเขียวๆ เข้ามาเจือปน ซึ่งจะออกโทนสดชื่นแกล้มนุ่มนวล เมื่อเทียบกับ Le Male ที่จะมาแบบมะรุมมะตุ้มรุมคนใส่แบบทุ่งทะเลลาเวนเดอร์ที่มีทั้งโทนนุ่ม เขียว ซิตรัส และ Spicy ตีกันนัวให้คนใส่มึนตึ้บกันก่อนนั่นเอง

Middle Notes ที่จะมีความเป็นโทนแป้งนำเด่นในลักษณะที่เป็นกลิ่นดอกส้มนุ่มๆ กลั้วกับกลิ่นออกทางอบเชยร้องพื้นด้านหลังทำให้กลิ่นจะออกนุ่มมากขึ้น โดยมีวานิลลาแซมขึ้นมาให้กลิ่นออกทางอบอุ่นนุ่มๆ แน่นๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับ Le Male ที่จะเด่นที่อบเชย ดอกส้ม ลาเวนเดอร์และโทน Spicy หวานแน่นอบอุ่น กลิ่นใกล้เคียงกันเพียงแต่ 360 จะออกกลิ่นนุ่มกว่าในอารมณ์ที่ไม่ออกยั่วยวนมากเกินไป

Base Notes กลิ่นช่วงนี้บอกเลยครับว่าไม่แตกต่างกันเลยเพราะมาในแบบวานิลลานุ่มอบอุ่น ถั่วตองก้าที่ครีมมี่นุ่มนม แอมเบอร์ที่โทนหอมอุ่น และวู้ดดี้ที่ทำให้กลิ่นแน่นออกเชิงป๋าพร้อมเปย์ไม่แตกต่าง แต่ 360 ทำต่างโดยการเอา Musk มาผสมเพิ่ม ทำให้โทนกลิ่นจะดูไม่หนักเกินไปออกทางสะอาดนุ่มเสียด้วยซ้ำ อารมณ์เลยจะเปลี่ยนจากป๋าพร้อมเปย์เด็ก หรือเกย์ทุกประเภทที่ Le Male ทำได้มาเป็นกลิ่นโทนที่ออกทางวัยรุ่นหรือวัยทำงานโดยเน้นความอบอุ่นยั่วยวนกำลังดี

สรุป – แม้กลิ่นจะเหมือนกันมากกก แต่อารมณ์ที่ได้จะแตกต่างกันครับ มาเป็นกลิ่นที่นุ่มเน้นที่ความอบอุ่นเป็นหลักและใช้ง่ายขึ้นเข้าทางวัยรุ่นหรือวัยทั่วไปแบบไม่ยั่วยวนแบบจัดเต็มในพื้นฐานกลิ่นที่คล้ายกันและแน่นๆ เท่ากันเลยครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป เป็นน้ำหอมที่ครอบจักรวาลมาก สามารถใส่ทำงาน ไปเรียน เดินเที่ยว จู๋จี๋กับแฟนหรือกิ้ก รวมถึงเที่ยวกลางคืนทั้งมีแอลกอฮอล์และไม่มี แต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายเพราะเดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเวียนหัว หรือโดนลากไปกินในห้องน้ำเสียก่อนนะครับ เพราะกลิ่นวานิลลามันยั่วแบบอุ่นๆ น่ากินไปในตัวอยู่แล้ว

ความทน – มากกกกกกกกกกก 10 ชม. ขึ้นไป ยิ่งบนผิวผม 15 ชม. กลิ่นยังลอยขึ้นจมูกหนำใจมาก เช่นเดียวกับ Le Male ที่ทนอย่างไง ตัวนี้ทนแบบนั้น ยิ่งถ้าเคมีเข้ากับน้ำหอมยิ่งทนมากมาย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีหมดทุกช่วงเลยครับ ตีขึ้นตลอดวันจริงๆ เก๋ตรงนี้

ทิ้งท้าย – หลายๆ คนอาจจะมองว่า “ก๊อบมานี่หว่า” แต่สำหรับผมถ้าก๊อบมาแล้วหอมหรือหอมกว่า ผมก็หาได้แคร์ไม่ ใช้อยู่แล้นนนนน