วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Maison Francis Kurdkjian - Oud Satin Mood

Maison Francis Kurdkjian - Oud Satin Mood 

ห่างหายแบรนด์นี้ไปนานมากเลยทีเดียวหลังจากได้เล่ากลิ่นกันไปบ้างแล้วกับรุ่น APOM pour Homme และตัวเทพอย่าง Aqua Universalis Forte ก็ได้เวลาหวนกลับมาเจอแบรนด์ Maison Francis Kurdkjian เรียกย่อๆ ว่า MFK อีกครั้งกับสุคนธกรชื่อดังผู้ทำให้ Le Male ของ Jean Paul Gaultier ดังเป็นพลุแตกมาอย่างยาวนาน
 ซึ่งแน่นอนว่าช่วงที่ Oud หรือไม้กฤษณากำลังดังเป็นพลุแตกแบรนด์นี้เขาก็มีเหมือนกัน โดยการสร้างไลน์เฉพาะออกมาเป็นไลน์ Oud Mood เลยทีเดียว เช่นนั้นมีโอกาสได้มาแตะความเป็น Oud ของแบรนด์นี้ในรุ่น Oud Satin Mood เลยต้องมาพิสูจน์หน่อยว่า อารมณ์ Oud” ของ MFK จะเป็นยังไงบ้าง 

เปิดต้นทางของกลิ่นกันที่ความเป็นไวโอเล็ตได้ชัดมาก เพราะกลิ่นของดอกไม้ประเภทนี้จะให้ความรู้สึกเป็นโทนแป้งแบบโปร่งๆ ติดเขียวบางๆ มีความนวลละมุนอมหวานชัดเจน ซึ่งจะมาเต็มกันเลยทีเดียวในช่วงนี้ โดยในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ว่ามีกุหลาบเจือๆ อยู่ และเมื่อเปลี่ยนโทนเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นกุหลาบจะเริ่มชัดมากขึ้น โทนแป้งโปร่งของดอกไวโอเล็ตจะลดทอนลงไปแต่ยังให้ความรู้สึกเป็นโทนแป้งนวลรองพื้นไว้อยู่ ซึ่งกุหลาบจะเฉิดฉายมากเลยทีเดียว โดยที่จะติดโทนฟรุตตี้จางๆ เสียด้วย ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ว่ามี Oud เป็นตัวแทรกซึมเสียมาก ไม่ได้เด่นออกมานัก จนบางครั้งไม่ตั้งใจจับจริงๆ อาจจะไม่รู้สึก โดยการมีอยู่ของ Oud จะมาแบบเนียนๆ พลิ้วๆ ให้พอจับได้มาเนียนไปกับกุหลาบ แต่เพราะการดันขึ้นมาของวานิลลาที่ทำให้กลิ่นมีความเป็นโทนขนมติดหวานนวลเนียนเย้ายวน โดยช่วงนี้จะเป็นการบอกกันอย่างชัดเจนถึงคำว่า Satin ที่มีความพลิ้วไหวของ 3 สหายที่มีกุกลาบ Oud และวานิลลาเป็นตัวขับเคลื่อนให้ลื่นไหลนุ่มหอมแบบมีระดับและไม่หนักเกินไป ให้ความหรูติดหวานกำลังดี ส่งต่อไปยังช่วงท้ายที่คราวนี้ความเป็นวานิลลาจะเป็นตัวพ่อในช่วงนี้ชัดเจน กุหลาบจะลดทอนลงมาเป็นสายสนับสนุน ในเนิื้อกลิ่นมีความ Smoky ของ Oud ให้พอรู้สึกได้เบาๆ เนื้อกลิ่นยังมีความหวานอบอุ่นแบบยางไม้จากกำยานที่มาเป็นสายเย้ายวนเสริมวานิลลาเข้าไป ซึ่งกลิ่นจะมีโทนนุ่มสะอาดกลั้วอยู่ทำให้โทนกลิ่นไม่ได้ไปสายขนมเต็มตัวนัก กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกแบบหอมนวล อบอุ่น หวาน นวลเย้ายวนกุหลาบและวานิลลาที่เติมเชื้อไฟให้พลิ้วไหวแบบผ้าซาติน เสริมมิติกลิ่นให้ดึงดูดด้วย Oud แบบไม่ได้อบอวลจัดๆ ตามสไตล์ตะวันออกกลางนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปจัดได้สบาย กลิ่นอาจจะไพล่ไปทางสาวๆ หน่อยเพราะมันมีความหวานและกุหลาบชัดมาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่งั้นจุกคอหอยเอาได้ถ้าอากาศร้อนๆ ยามทางการพอได้ แค่เลือกงานหน่อยเพราะกลิ่นมันก็ดึงดูดความสนใจได้เลยล่ะ นอกนั้นทั่วๆ ไปจัดได้สบายมาก ยกเว้นใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกายตัดออกไปได้เลย กลิ่นหนักไป ส่วนยามค่ำคืนจัดได้เล๊ยยยยย! (เสียงสูง) กลิ่นนี้เรียกร้องความสนใจได้ดีเลยทีเดียว แถมด้วยความมีระดับในเนื้อกลิ่นเสียด้วย ไม่ว่าจะใส่ออกงานหรือว่าใส่ออกไปท่องราตรี ทำหน้าที่ได้ดีหมด 

ความทน - อันนี้ต้องยกให้เขา เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังทำหน้าที่ได้ดีมากปล่อยของได้ชัดเจนอยู่ แถมส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. เลยทีเดียว กับจำนวนสเปรย์เพียง 4 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นยังคงค้างในห้องที่ฉีดอยู่ระยะนึงได้เลย ก่อนจะลดลงมากระจายดีในต้นๆ ช่วงกลาง และค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ แบบช้าๆ เป็นปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายแบบยาวไป 

ทิ้งท้าย - ไม่ว่าจะเทสกี่ที ความรู้สึกมันก็คือ Montale - Intense Cafe และ Mancera - Roses Vanille ในรูปแบบที่ไม่แผ่พลังกระจายรอบทิศ แต่เสริมความเป็น Oud แบบเนียนๆ พลิ้วๆ และมีระดับหรูหรากับโทนแป้งจากดอกไวโอเล็ตที่ทำให้กลิ่นมีความเป็น Rich Tone ที่แตกต่างออกมานั่นเอง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://i.ytimg.com/vi/Z3FAc7GTA-A/maxresdefault.jpg



วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: by Kilian - Good Girl Gone Bad

by Kilian - Good Girl Gone Bad


หลังจากเก็บการใช้ไลน์ Asian Tales ที่เข้ามาวางขายในประเทศและบอกเล่าจนครบแล้ว ก็ได้เวลามาแตะไลน์ผู้หญิงอย่าง In the Garden of Good And Evil ของแบรนด์ by Kilian อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ได้เวลาของรุ่นที่เรียกว่าฮิตสุดของฝั่งนี้ แถมชื่อรุ่นเก๋ไก๋ไม่น้อยนั่นคือ Good Girl Gone Bad นั่นเอง

สิ่งแรกที่ต้องยกให้ในความดีงามของรุ่นนี้คือ ชื่อรุ่นที่ดึงดูดมาก มันมีความแบ่งภาคทั้งดีและแซ่บไปในตัว และพอกลิ่นเปิดเริ่มทำหน้าที่ของมันความเป็นกลิ่นอายดอกไม้ผสมกับกลิ่นผลไม้ติดหอมหวานนวลจะมาก่อนเลย กับกลิ่นอายติดผลไม้แบบแอปริคอตและพีชผสมผสานกับกลิ่นดอกไม้นวลๆ จากดอกหอมหมื่นลี้ ที่สำคัญจะได้กลิ่นอายครีมมี่ของโทนดอกไม้ขาวอย่างซ่อนกลิ่นค่อยๆ ดันขึ้นมา ทำให้กลิ่นจะหอมหวานใสปนครีมนวลได้ดูน่ารักและเรียบร้อย อินโนเซนส์ชัดเจน แต่จะแอบมีความลั่นล้าที่ไม่ถึงกับก๋ากั่นอยู่ตามแบบผู้หญิงที่เรียบร้อยติดหวาน และความครีมมี่ของเนื้อกลิ่นจะดึงเข้าสู่ช่วงกลาง ที่กลิ่นอายจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแบบที่ความหวานจะเริ่มเปลี่ยนโทน เพราะดอกหอมหมื่นลี้ที่มาสายหวานโปร่งหวานจะเริ่มโดนความครีมมี่ของซ่อนกลิ่นเด่นมากขึ้น ทำให้ความนวลข้นของกลิ่นชัดขึ้นมา แต่ไม่ได้แน่นหนักนัก มีความโปร่งให้พอรับรู้ได้ กลิ่นเริ่มจะส่อมาแนวเย้ายวนและติดเซ็กซี่นิดๆ มีโทนหวานติดน้ำผึ้งจางๆ และมีกลิ่นอายติดเขียวมีความดาร์กหน่อยๆ ปะปนของดอกนาร์ซิซัสที่จะเด่นเข้ามาเลยทำให้กลิ่นตอนนี้เริ่มจะมาสายเซ็กซี่ครีมมี่อมหวานมากขึ้น เรียกว่าเริ่มเปลี่ยนมาเป็นโทนที่ปล่อยของแบบที่มีความมั่นใจคาบเกี่ยวระหว่างความเรียบร้อยก็ได้ และมีชั้นเชิงของความเซ็กซี่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่นานกลิ่นอายของโทนไม้หอมอบอุ่นจะเริ่มแทรกเข้ามา และจะเริ่มเปลี่ยนโทนอีกครั้งในช่วงท้าย กับความเป็นไม้หอมอบอุ่นที่ไม้ซีดาร์จะเด่นขึ้นมาให้ความโปร่งติดขรึม โดยที่จะล้อมด้วยกลิ่นออกทางอบอุ่นโทนไม้จาก Amber กลิ่นโทนครีมมี่อมหวานจะจางลงไปเหลือบางๆ เเป็นสายสนับสนุนแทน ทำให้กลิ่นในช่วงนี้เด่นที่ความเป็นไม้หอมขรึมๆ มีความแมนและความมาดมั่นในเนื้อกลิ่น แบบว่ามาสาย Strong! แบบเริ่ดเชิ่ด โดยที่กลิ่นไม่หนักแต่อารมณ์มันได้

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นไม่ได้ดูผู้ใหญ่มากเกินไป ไล่เรียงโทนแบบทันสมัยได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบทางการก็พอได้ เพียงแต่จำนวนสเปรย์ให้เหมาะสม เพราะไม่งั้นกว่าจะมาดมั่นช่วงท้ายเกรงจะหวานจุกคอหอยกันเสียก่อน งดใส่แล้วไปร่อนออกกลางแจ้งกับออกกำลังกายทันทีเช่นกัน ยกเว้นช่วงท้ายๆ ที่ได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นได้อารมณ์ที่เล่นความซับซ้อนในความเป็นผู้หญิงได้ดี มีระดับเสียด้วย ออกแนวหลอกให้อยากแล้วจากไปกับพวกขาหม้อไรงี้ ส่วนคุณผู้ชายเอาจริงๆ รุ่นนี้มีความ Unisex พอสมควรเลยทีเดียว ยิ่งในช่วงท้ายอารมณ์แมนๆ มาเลย สามารถใส่ได้ถ้าไม่ได้มายด์ความหวานและโทนดอกไม้ในช่วงต้นกับกลาง

ความทน - ของเขาดีจริง ยกให้เลยว่า 8 ชม. ขึ่้นไป ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ไป 12 ชม. กลิ่นยังคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้นแต่เป็นเรื่องดีที่ไม่ได้หวานแน่นมาก และจะลดลงมากระจายปานกลางแบบยาวไป พอพ้น 6 ชม. ไปแล้วจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัว พอราวๆ 10 ชม. ไปแล้วจะกลายเป็น Skin Scent

ทิ้งท้าย - เรียกว่ากลิ่นมีการเปลี่ยนโทนได้ดีบ่งบอกการไล่เรียงโทนจากเรียบร้อยหวานนวล สู่ความร้ายมั่นติดแมนได้ตรงตามชื่อรุ่นได้ชัดเจนและมีลูกเล่นอย่างมีระดับเสียด้วย ที่สำคัญรุ่นนี้มีกล่องที่เป็นคลัชงูตัวเดียวกับคลัชที่เป็นตัวอักษรให้เลือกด้วยนะนั่น

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ


วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Jul et Mad - Terrasse à St-Germain

Jul et Mad - Terrasse à St-Germain 

เป็นแบรนด์ที่เรียกว่าโรแมนติคมากแม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่พึ่งเข้าสู่ตลาดน้ำหอม Niche ได้ไม่นานและปล่อยน้ำหอมรุ่นแรกออกมาเมื่อปี 2012 เพราะที่มาของ Jul et Mad มาจากที่เจ้าของแบรนด์ทั้ง 2 คนอย่าง Julien Blanchard ได้พบกับ Madalina Stoïca ได้พบและปิ๊งปั๋งกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่งใน Paris และรักกันในที่สุด (เขียนไปเบ้ปากไป) ซึ่งทั้ง 2 เลยเอาแรงบันดาลใจจากการพบรักกัน (เบ้ปากรัวๆ อีกทีเมื่อเขียนถึงตรงนี้) มาสร้างสรรค์น้ำหอมออกมาซึ่3 รุ่นแรกแห่งความรักที่ได้ออกมาสู่ตลาดนั้นต่างสื่อสารถึงความรักที่เกิดขึ้นให้รู้สึกโรแมนติคและรื่นรมย์ และหนึ่งในนั้นคือรุ่นที่จะมาบอกเล่าเรื่องกลิ่นกันซักหน่อยว่าเป็นอย่างไร นั่นคือ Terrasse à St-Germain

เปิดต้นทางเมื่อสเปรย์เสร็จสินด้วยกลิ่นที่หอมสดชื่นติดเขียวแต่มีความหวานโปร่งและนวลแบบดอกไม้รองพื้นด้านหลังให้รู้สึกรื่นรมย์ปนซ่าๆ Sparkling ชัดเจนมาก กลิ่นโทน Citrus ที่สัมผัสได้จะไม่ได้มาแบบเปรี้ยวสดชืิ่นจัดๆ ตามสไตล์เลย จะโดนเกลาให้นุ่มนวลโดยโทนดอกไม้ที่เป็นหัวใจหลักของกลิ่นนี้ โดยจะยังคงความรู้สึกของกลิ่นอายดั้งเดิมของโทนกลิ่นนั้นๆ เพราะกลิ่นเกรฟฟรุตที่โดนเกลาจะยังคงมีความสดชื่นแบบสว่างโปร่งให้สัมผัสได้ และความหวานของส้มเขียวหวานจะมาแบบติดแห้งไม่ฉ่ำแต่หวานกลมกล่อมแนวๆ อมยิ้มหรือลูกอมเคล้ากับกลิ่นอายเปรี้ยวติดเขียวจางๆ ของผักรูบาร์ปจะทำให้มีความสดชื่นสว่างขึ้นมา เนื้อกลิ่นมีโทนกลิ่นเย็นๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งทำให้ได้อารมณ์แบบกลิ่นหอมสดชื่นอมหวานในอากาศเย็นๆ สบายๆ ได้เลย ซึ่งกลิ่นอายดอกไม้ที่เป็นตัวทำให้กลิ่นมีความนุ่มนวลและหวานโปร่ง คือ ดอกฟรีเซีย ซึ่งจะเป็นตัวเด่นในช่วงกลางกับกลิ่นอายเขียวๆ ติดโทนพริกไทยนวลๆ สะอาดๆ ที่เกลาให้กลิ่นมีความนุ่มนวล แถมกลิ่นกุหลาบกับโทนหวานนวล และดอกบัวที่มาโทนหวานใสมาร่วมทัพ มีพิมเสนที่ให้ความเป็นโทนหวานติดปร่าจางๆ เคล้ากับโทน Citrus ที่มาในตอนต้น ทำให้กลิ่นในช่วงนี้คือ กลิ่นอายงามๆ ที่หอมนวล หวานโปร่ง สดชื่น รื่นรมย์ สว่างไสว และโรแมนติคมาก กลิ่นไม่ได้ไปสายข้นหนักเลย มีความบางเบาแต่ชัดเจนในโทนกลิ่นที่ควรจะเป็น จนเมื่อกลิ่นโทน Citrus เริ่มจางลงไป ความเป็นโทนนุ่มสะอาดเริ่มเสริมขึ้นมา ก็เข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม ซึ่งกลิ่นจะมาสายนวลๆ นุ่มๆ ให้ความสว่างโดยที่กลิ่นอายหอมหวานนวลของโทนดอกไม้ในช่วงกลางจะมาผสมผสานกับกลิ่น Musk ที่นวลๆ มีกลิ่นอายอ้อยอิ่งบางๆ ของพิมเสน ซึ่งจะมีกลิ่นไม้หอมจางๆ พอให้รับรู้ได้ ทำให้ได้อารมณ์ผ่อนคลายสว่าง และมีความละมุนโรแมนติค ที่มีความเรียบหรูมีระดับชัดเจนคุมโทนได้ดีตั้งแต่ต้นยันจบอย่างงดงาม 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้มาสาย Unisex เพราะเป็นโทนดอกไม้ละมุนนวลหวานโปร่งที่เข้าได้กับทุกเพศ กลิ่นมีความอ่อนโยนลงตัว เพราะอยู่กับผู้ชายก็จะนุ่มนวล สุภาพ อยู่กับผู้หญิงก็จะอ่อนโยน และหวานละมุน เรียกว่าทำโทนกลิ่นดอกไม้ได้ดีจริงๆ โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลายเป็นต้นไป โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน กลิ่นเข้าถึงง่ายและมีความเรียบหรูผ่อนคลายอะโรม่าได้ดีมาก อาจจะไม่เข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายหรืิอกิจกรรมกลางแจ้งแบบแบกหามลุยๆ นัก ส่วนยามค่ำคืนไว้ใส่เพื่อโรแมนติคหรือให้ความรู้สึกรื่นรมย์จะดีกว่าใส่ไปท่องราตรีเพราะกลิ่นนี้โดนชาวบ้านที่มาปล่อยของกลบแน่นอน 

ความทน - เรียกว่ามาสายกลางๆ ไม่ได้ทนมาก หรือด้อยมาก อยู่ราวๆ 6 ชม. บวกลบ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ โดยที่ฉีดเสื้อที่สวมด้วย 

การกระจาย - ไม่ได้มาสายปล่อยพลัง ออกแนวเรียบนิ่ง และปลอดภัยในความโรแมนติคที่ควรจะได้กลิ่นแค่ 2 คนที่อยู่ใกล้กันอะไรประมาณนี้ กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้นแล้วเป็นออร่าในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วย Skin Scent ชัดเจน Safe Scent มากมาย 

ทิ้งท้าย - ส่วนตัวค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับกลิ่นโทนดอกไม้นัก แม้จะใช้และบอกเล่าต่อได้ รวมถึงไม่เข้ากับบุคลิกส่วนตัวเท่าไหร่ 55555 แต่ต้องบอกเลยว่านี่คือกลิ่นโทน Floral ตัวที่ 3 ถัดจาก Geir Ness for Mer และ Avon Today Tomorrow Aways Amour ที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากยามได้รับกลิ่นนี้ มันหอมหวานโปร่งและละมุนโรแมนติคชวนฝันมากจริงๆ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในน้ำหอมสุดที่รักและเป็นตัว Top ไปเลยดีกว่าแบบนี้ รักมากจริงๆ 


หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by http://www.purecalculus.com/wp-content/uploads/2016/04/Jul-et-Mad-BasicsTerrasse.jpg

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Liz Claiborne - Bora Bora for Men

Liz Claiborne - Bora Bora for Men 

Bora Bora เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า สวรรค์ชัดๆเพราะเป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิค ของดินแดนโพ้นทะเลฝรั่งเศสอย่าง French Polynesia ต้นตำรับเกาะสวาทหาดสวรรค์กันอย่างชัดเจน ซึ่ง Liz Claiborne ก็ได้แรงบันดาลใจมาในการสรรสร้างน้ำหอมออกมาในชื่อรุ่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวนี้ กลิ่นจะเป็นยังไงพิสูจน์แล้วขอบอกต่อว่า
 

Bora Bora ให้กลิ่นที่เรียกว่าผสมผสานกันเป็นอย่างดี เรียกว่าจะมีโทนเด่นๆ ในแต่ละช่วงจะมาสนับสนุนและส่งเสริมกันในแต่ละช่วงแทบจะเป็นเนื้อเดียวอย่างลงตัว เพียงแต่จะมีความเด่นที่วูบขึ้นมาจะสลับสลับเปลี่ยนกันให้พอเห็นได้ว่ากลิ่นมีจุดเด่นในแต่ละช่วงอยู่ โดยเริ่มที่ Top Notes กับกลิ่นโทน Citrus ติดผลไม้ ที่จะมีเลมอนเด่นเป็นกลิ่นออกแนวเปรี้ยวติดเปลือกแปร่งนิดๆ และมีความขมหน่อยๆ เป็นตัวเด่นตีคู่กับกลิ่นกีวีที่จะไม่ได้มาแบบน้ำผลไม้หรือกีวีฉ่ำๆ มาในลักษณะติดแห้งๆ เปรี้ยวอมหวาน พอผสมผสานกับกลิ่นของ Citrus มันจะได้ลักษณะที่เป็นกลิ่นสดชิ่นที่ลอย On Top ออกมา แต่ไม่คมสดชื่นเว่อร์จัดๆ เพราะว่ากลิ่นของลาเวนเดอร์นวลๆ จะรองพื้นด้านหลังทำให้กลิ่นผสมผสานกันเป็นโทนสดชื่นแบบแมนๆ ที่ติดนวล มีโทนดอกไม้จางๆ ให้รู้สึกได้ จนเมื่อเข้า Middle Notes โทนกลิ่นจะยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก มีเพียงแต่โทนสดชื่นในตอนต้นจะเบาลงมาเป็นสายสนับสนุนให้มีความสดชื่นของโทน Citrus ยังอยู่ให้รู้สึกได้ ให้ลาเวนเดอร์เป็นตัวเดินเกมมาในลักษณะโทนนวลๆ ออกทางสบู่ ติดนุ่มๆ ออกทางกลิ่นหนังสะอาดนวลๆ แต่จะเจือกลิ่นผลไม้อย่างกีวีกำลังดี เป็นกลิ่นโทนนุ่มปนสดชื่นที่มีความแมนลงตัว แล้วโทนกลิ่นนุ่มๆ ของหนังจะเริ่มชัดขึ้นและนำเข้าสู่ Base Notes ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และการลงลายเซ็นทางด้านกลิ่นของแบรนด์นี้เลย กับกลิ่นนวลสะอาดกำลังดีแบบเกลามาแล้วที่ยังไงก็หอม ยังไงก็รอดจากการผสมผสานกลิ่นหนังนวลๆ นุ่มสะอาดสบายจมูกกับไม้ซีดาร์ที่สะอาดขรึมๆ แต่ในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่น Musk จางๆ ให้รู้สึกได้ ที่สำคัญกลิ่น Citrus ผลไม้ก็ยังมีอยู่บางๆ ทำให้ได้ความสะอาดนวลติดสดชื่นบางๆ ภาพรวมเลยเป็นกลิ่นที่สดชื่นติดแมนๆ แต่มีความสบายๆ สะอาด ทันสมัย และมีความรื่นจมูกใช้ง่ายในเนื้อกลิ่นนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ได้สบายๆ เพราะกลิ่นใช้ง่ายมาก เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งคนได้กลิ่นมักไม่ยี้ เหมาะกับอากาศบ้านเรามาก สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดหมดทุกโมงยามหรือจะใส่เที่ยวชิลล์ๆ เดิมริมทะเลก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนก็ใช้งานได้ แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีนัก เพราะกลิ่นไม่ได้เน้นเรียกเรตติ้งหาเหยื่อ เน้นสบายๆ เสียมากกว่านั่นเอง 

ความทน - เรียกว่าน่าพึงพอใจมากกับราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างประมาณ 2 ชม. ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีดและสภาพผิวเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจออยู่ที่ 8 - 12 ชม. ได้เลยอิงตามสภาพอากาศระดับหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายแบบปานกลาง แล้วจะเป็นออร่านุ่มๆ ติดสดชื่นในช่วงท้าย พอพ้นซัก 6 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เรียกว่ากลิ่นสดชื่นไปสู่ความชิลล์นุ่ม ถ้าจะสื่อถึง Bora Bora อาจจะออกแนวไปเที่ยวพักผ่อนที่นั่นแล้วชิลล์ๆ กับความสดชื่นติดผลไม้กับสายลมและวิวที่สวยงามก็ว่าได้ สุดท้าย ให้ตำแหน่งนี้ได้เลย #ของดีเทคนิคไม่ต้อง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://www.bigdiscountfragrances.com/images/products/720/3216.jpg



วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Tom Ford - Private Blend: Champaca Absolute

Tom Ford - Private Blend: Champaca Absolute

เพราะความคุ้นชินของเราๆ เวลาได้กลิ่นพวงมาลัยที่นอกจากมะลิแล้ว ดอกจำปาเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายๆ คนเคยได้กลิ่นทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจแน่นอน และ Tom Ford ก็ได้เอาความเฉพาะของกลิ่นดอกสีเหลืองนวลสวยหอมละมุนมาเป็นตัวชูโรงกับเขาแบบยกให้เป็นตัวเอกในรุ่นของตัวเองไปเลยในสาย Private Blend ซึ่งกลิ่นจะเป็นอย่างไร และเป็นจำปาในแบบที่เราเคยได้กลิ่นหรือไม่ ผลที่ออกมาคือ 

Champaca Absolute มากับการเปิดตัวของกลิ่นอายเหล้าพลัมกันก่อนเลย ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเป็นคล้ายๆ เหล้าหมักที่มีกลิ่นพลัมหอมเด่น ในเนื้อกลิ่นมีลักษณะของการเป็นกลิ่นเหล้าคอนยัคที่หอมแบบเวลาเทเหล้าลงแก้วในระดับหนึ่ง ซึ่งช่วงนี้จะมีความรู้สึกแบบเครื่องดื่มแอลกฮอล์ผสมความเป็นโทนผลไม้ที่ไม่ได้ออกทางใสสว่างสดชื่นแต่ประการใด มีออร่าลึกล้ำพอสมควรเลย เพียงไม่นานก็เข้าสู่ช่วงกลางที่มีกลิ่นอายแบบจำปากลั้วมะลิ กลิ่นจะออกทางหอมกรุ่นๆ หวานอวลกำลังดีแบบคาบเกี่ยวระหว่างกระดังงาและดอกส้ม และจะออกทางติดนวลมากกว่าจำปีที่จะหอมเย็นๆ ออกติดโทนชาหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นเลยมีกระสายความเป็นจำปาแบบที่ไม่ได้แท้ทรูตามที่เราๆ เคยได้กลิ่นนัก ซึ่งถือว่ากล้อมแกล้มไปได้กับการทำให้เป็นกลิ่นที่ใกล้เคียง แต่เพราะสิ่งที่เด่นตีคู่มาเลยนั่นคือกลิ่นโทนเหล้านั่นเอง ทำให้ช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายแบบเหล้าผลไม้กลั้วดอกไม้ จะได้อารมณ์เหล้าที่บ่มหมักเจือกลิ่นดอกไม้อวลหวานติดโทนไซรัปน้ำตาลหนืดๆ ฟุ้งกระจาย แต่สิ่งที่ดีคือกลิ่นไม่ได้ออกทางหวานเอียน มีความโปร่งเพราะความเป็นโทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีกลิ่นติดแป้งโปร่งๆ เสริมเข้ามาซึ่งน่าจะมาจากกล้วยไม้ เลยทำให้กลิ่นอายมีความเย้ายวนแบบหรูหรา ลึกล้ำ และมีมิติของกลิ่นที่น่าค้นหาแกมอบอุ่นที่เจือเข้ามาแบบมีจริตจะก้านให้รู้สึกได้ และจะเริ่มจับได้ชัดเจนถึงกลิ่นวานิลลาที่ทำให้กลิ่นมีความอบอุ่นค่อยๆ มาแบบเงียบๆ กวาดเรียบไม่น้อย พร้อมกับดึงเข้าสู่ช่วงท้ายที่ความเป็นโทนเหล้ายังมีให้รู้สึกได้จางๆ และโทนแป้งที่ตามมามีความโปร่งดอกไม้หอมระดับหนึ่ง ซึ่งวานิลลาจะมาแบบไม่หนักหน่วงหรืออวลข้น ให้ความรู้สึกติดโทนแป้งอบอุ่นเข้าไปแบบกำลังดี กลิ่นมีความสมดุลระหว่างความโปร่งในความอบอุ่นได้ลงตัวเลยทีเดียว ที่สำคัญช่วงนี้กลิ่นหวานๆ แบบไซรัปหวานหอมจะมาแบบกลางๆ โปร่งๆ ไม่ได้ทำให้กลิ่นเป็นขนมเกินไป ทำให้ช่วงท้ายนี้คือโทนแป้งดอกไม้ที่มีความนวลใสได้ความหรูหราแบบมีชั้นเชิง มีระดับและไม่ได้ดูง่าย มีความลึกล้ำเกือบจะถือตัวแต่ก็เปิดให้เข้ามาค้นหา เรียกว่าคงความเป็นสไตล์ Tom Ford ได้ดีงามท่ามกลางการชูโรงโทนดอกไม้ออกเหลืองนวลเด่นนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - แม้ว่าแบรนด์จะระบุเอาไว้ว่าเป็น Unisex ที่เข้ากับวัยทำงานขึ้นไป แต่เอาจริงๆ ไปสายทางผู้หญิงเสียมากกว่า 70% เลยทีเดียว เพราะมันมีความเป็นโทนดอกไม้สูงนั่นเอง ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ ไม่เช่นนั้นอาจจะมึนตึ้บกันได้เพราะกลิ่นเข้มข้นมาก ซึ่งได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป แบบอากาศไม่ได้ร้อนจัดๆ นัก งดใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายได้เลย เดี๋ยวขาดออกซิเจนในการหายใจ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีความหรูหรามีระดับ และมีความเย้ายวนได้ดีมาก ใส่ออกงานหรือเที่ยวกลางคืนก็ได้เลย เพราะกลิ่นอายเหล้าในรุ่นนี้มันเอื้อเรื่องการปล่อยเสน่ห์อยู่แล้ว 

ความทน - มากกกกกกก ทนสุดๆ 12 ชม. กลิ่นยังอยู่ เรียกว่าทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่องใดๆ เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกกในตอนต้น เรียกว่าถ้าไม่คุ้นชินอาจจะผงะกับความพุ่งกันนิดนึง ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง และพอเข้าช่วงท้ายจะลดลงมากระจายปานกลางและเป็นออร่ารอบๆ ตัวตามลำดับ

ทิ้งท้าย - เนื้อกลิ่นอาจจะไม่ใช่เป็นแบบดอกจำปาตามธรรมชาตินัก เพราะกลิ่นโทนเหล้าผลไม้และคอนยัคค่อนข้างเด่นกว่ามาก แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ฝีมือของแบรนด์นี้แรงดีไม่มีตกในเรื่องของการทำน้ำหอมที่ปล่อยพลังได้ดี และ Champaca Absolute ก็เป็นหนึ่งในนั้นชัดเจน 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://images.harrods.com/product/tom-ford/champaca-absolute_000000000001831910.jpg?dwn=767px%3A873px

วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Chevignon for Men

Chevignon for Men

น้ำหอมโทน Classic ที่เรียกว่าอยู่เหนือกาลเวลาคาบเกี่ยวทั้งความรู้สึกแบบย้อนยุคก็ได้หรือจะร่วมสมัยใส่แล้วยังไงก็รอดมีไม่ได้มากในท้องตลาดนะนั่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ตามที่มาในลักษณะนี้มักจะเป็นตัวเอกที่เข้าขั้นคำว่า Masterpiece ได้เสมอ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะมีกลิ่นที่เป็นตัวชูโรงของแบรนด์ Chevignon แบรนด์ Fashion จากฝรั่งเศสที่ปล่อยออกมาเมื่อต้นยุค 90 เข้ามารวมอยู่ด้วย ซึ่งนั่นก็คือรุ่น Chevignon for Men ที่จะมาเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าเป็นลักษณะไหน

เปิด Top Notes มาในลักษณะของการเป็นกลิ่นอายแบบสมุนไพรจัดเต็มเลยทีเดียวจากกลิ่นเขียวสมุนไพรจากใบโกฐจุฬาลัมพาหรือจิงจูฉ่าย (Artemisia) กับกลิ่นอายของโหระพาที่ให้ความนวลปร่าจางๆ พุ่งขึ้นมา เคล้าความสดชื่นจัดๆ ของโทน Citrus ที่จะมีกลิ่นอายติดโทนเขียนซ่าๆ แน่นๆ กลั้วเหล้าจินจากจูนิเปอร์เบอร์รี่ มีความเผ็ดซ่าหน่อยๆ จากมินต์และโรสแมรี่ เรียกว่าเปิดมาก็เป็นน้ำหอมชายสไตล์ฝรั่งเศสที่มีความเรโทรผสมผสานอยู่ ที่สำคัญแอบจับได้ถึงกลิ่น Oak Moss ที่ผลุบๆ โผล่ๆ ให้ความเขียวสากเป็นกลิ่นอายผู้ชายแมนๆ อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นลักษณะนี้หลายๆ คนที่ได้กลิ่นอาจจะตีความไปก่อนเลยว่าน้ำหอมนี้กลิ่นอายผู้ใหญ่ไป (เอาตรงๆ ก็กลิ่นแก่นั่นแหละ) แต่มันไม่ได้มาในลักษณะนั้นอย่างเดียว เพราะในเนื้อกลิ่นช่วงนี้มีความหวานโปร่งเครื่องเทศแทรกซึมเอามาด้วย กลิ่นเลยจะทำให้ไม่ได้ดูเป็นน้ำหอมที่ย้อนยุค Retro จนเกินไป มีความร่วมสมัยในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นสดชืิ่นจัดๆ สไตล์นี้จะตามไปยัง Middle Notes ที่จะลดทอนลงมาผสมผสานกับโทน Floral ดอกไม้ต่างๆ แต่คุมโทนความแมนชัดเจนด้วยกลิ่นของคาร์เนชั่นที่จะออกทางติดเครื่องเทศโทนโปร่งเผ็ดปร่าติดเขียวและความสดชื่นที่ไพล่มาทางสายสบู่ที่มีโทนดอกไม้สดชื่นอย่างเจอราเนียมที่จะให้ความเป็นกึ่งกุหลาบกึ่ง Citrus และมีกลิ่นนวลๆ ดอกไม้จางๆ แบบมะลิให้รู้สึกได้ ลดทอนช่วงต้นที่กลิ่นของจูนิเปอร์และสมุนไพรที่กลิ่นพุ่งให้มีความนุ่มลงมา เสริมไปด้วยความสะอาดของเนื้อกลิ่นที่ชัดเจนแบบผู้ชายสะอาดสะอ้าน แน่นอน Oak Moss เริ่มชัดขึ้นและพาเอาโทนไม้หอมและหนังเข้ามาแบบค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อเข้า Base Notes กลิ่นอายของหนังจะให้ความนุ่มแบบผิวกายนวลๆ ซึ่งน่าจะ Musk อยู่ในนี้ด้วยเลยทำให้กลิ่นหนังมีความนวลอยู่มาสายรองพื้นตีคู่กับกลิ่นไม้หอมแนวๆ ไม้ซีดาร์ที่ให้กลิ่นขรึมๆ อบอุ่น แต่สิ่งที่ลอยออกมาจะเป็นกลิ่นอายของ Oak Moss เคล้ากลิ่นอ้อยอิ่งของพิมเสนและมีกลิ่นยาสูบโปร่งๆ มาผสมผสาน กลิ่นช่วงนี้จะเป็นโทนสะอาดติดเขียวโปร่งแมนและมีความเป็นสุภาพบุรุษกันเต็มๆ แบบผู้ชายแต่งตัวดีและหวีผมเรียบแปล้มีลุคที่สะอาด วางตัวดี น่าเชื่อถือ และเป็นโทนสว่างที่คนเข้าถึงได้ง่าย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่ายแบบที่สร้างลุคให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาให้ดูน่าเชื่อถือที่แทรกไปด้วยความสดชื่นตลอด จึงเป็นหนึ่งใน Daily Scent ที่ใส่ได้หมดครอบจักรวาลในยามกลางวัน ทั้งทางการและทั่วๆ ไป รวมไปถึงการใส่เพื่อออกกำลังกายก็ได้ด้วยเช่นกัน ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไป หรือออกแนวดินเนอร์ หรือออกงานก็ได้หมด จริงๆ ใส่ไปท่องราตรีก็ได้ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้เน้นสายเย้ายวนหวานเรียกแขกก็เท่านั้นเอง

ความทน - 8 ชม.แล้ว เหงื่อซึมออกแดดก็แล้ว กลิ่นยังอยู่ชัดครบถ้วนตลอด ลากยาวไปจนถึง 12 ชม. ได้สบายๆ เรียกว่าตรงนี้ให้ผ่านเต็มๆ ไม่มีข้อแม้อันใด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก เรียกว่าสดชื่นเต็มๆ ง่วงๆ อยู่ตื่นได้ทันที แล้วจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ ก่อนจะผันตัวเป็นกระจายปานกลางกึ่งออร่าในช่วงท้าย พอพ้น 8 ชม. ไปแล้วจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบสะอาดวะอ้านติดอบอุ่นแมนๆ ยาวไป

ทิ้งท้าย - ไม่แปลกใจเลยที่กลิ่นนี้แม้คนได้กลิ่นจะรู้สึกว่ามันผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ยี้เพราะมันสะอาดคมๆ แบบมีเสน่ห์ตามสไตล์น้ำหอมช่วงต้นยุค 90 ที่มีอิทธิพลจากยุค 80 มาผสมผสาน ตรงๆ เลยจากใจ กลิ่นนี้หอมมาก สดชื่นมาก และผมไม่คิดว่าตัวเองจะชอบ แต่พอลองครั้งเดียวเท่านั้นแหละ นี่แหละ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง กับการเป็นโทนที่ได้หมดทั้งความคลาสสิคและความร่วมสมัย

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by https://www.authenticfragrances.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/M/C/MCHEVIGNON.jpg



วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Exceptional Parfums - Because of You Are for Men

Exceptional Parfums - Because of You Are for Men 

เรียกว่าไม่เคยรู้จักแบรนด์นี้มาก่อนเลย จนมาวันหนึ่งได้เป็น Vial ของแถมแบบตรึมๆ มาจากการฝากคนอื่นซื้อน้ำหอมทืี่ USA เลยทำให้ได้รู้จัก Exceptional Parfums ขึ้นมา ค้นหาข้อมูลไปเรื่อย 
ค้นหาข้อมูลไปเรื่อยจนได้เจอว่าเป็นน้ำหอมสั่งทำเพื่อวางจำหน่ายของเว็บขายน้ำหอม Online ชื่อดังของ USA อย่าง Fragrancenet (ที่ไม่ส่งไทย) และมีข้อมูลในเวบ Database ชื่อดังอย่าง Fragrantica ที่บอกว่าเป็น Niche Perfume เลยตัดสินใจลองให้หนำใจ เพราะอยากรู้ว่ารุ่นผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวของแบรนด์นี้อย่าง Because of You Are จะเป็นอย่างไร ผลก็คือ 

กลิ่นอย่างแมน เพราะเปิดต้นกลิ่นกันด้วยความเป็น Citrus แบบติดกลิ่นเขียวโปร่งๆ ของใบไวโอเล็ตที่รองพื้นบ่งบอกความเป็นน้ำหอมชายแบบเต็มเหนี่ยวมาก ในเนื้อกลิ่นมีความเป็นเครื่องเทศแบบหวานเย้าจางๆ ให้รู้สึกได้แนวๆ เม็ดกระวาน ซึ่งวูบแรกก็แมนๆ เตะบอลกันจริงๆ ไม่ได้หลอกจับบอลกันและกันแน่นอน กลิ่นมาสายพิมพ์นิยมมากเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงต้นนี้จะตามไปยังช่วงกลางที่ความแมนยังคงชัดเจนไม่หนีไปไหน แต่จะมีกลิ่นอายแบบเขียวโปร่งๆ เข้ามาเสริมเข้ามาจากจูนิเปอร์เบอร์รี่ ทำให้ความเขียวติดแมนๆ นั้นได้อารมณ์โปร่งสว่างเข้าถึงได้ง่าย และในเนื้อกลิ่นจะมีโทนผลไม้เย้าๆ เสริมอยู่แบบติดหวานดาร์กนิดๆ ซึ่งทำให้นึกถึงกลิ่นพลัมหน่อยๆ ซึ่งเรียกว่าเสริมความเป็นชายในเนื้อกลิ่นได้ดีและมีมิติอื่นๆ มากขึ้นนอกเหนือจากแมนจัดสถานเดียวในตอนแรก และจะเริ่มมีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ติดโทนสะอาดเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นไม้หอมเคล้าโทนอบอุ่นจางๆ จะมาพอให้สัมผัสได้ แต่เพราะอิทธิพลของเนื้อกลิ่นแมนๆ เขียวๆ ที่มาตั้งแต่ตอนต้น แถมด้วยกลิ่นหวานติดดาร์กหน่อยให้ความแมนกำลังดียังคงตามมาอยู่ กลิ่นเลยเหมือนเสริมความอบอุ่นเข้าไปเสียมาก โดยกลิ่นที่รองพื้นจะเป็น Musk ชัดเจน ให้ความนุ่มสะอาดแบบผิวกายนวลๆ แบบยาวไป ภาพรวมกลิ่นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ให้ความแมนจัดชัดเจนเต็มตัวและมีความเป็นโทนที่เข้าถึงง่ายแบบที่ใครได้กลิ่นจะบอกออกมาเลยว่า น้ำหอมอย่างแมนนนน 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว เพราะทุกคนต้องผ่านกลิ่นแมนๆ สากลแบบนี้มาอยู่แล้วจากโทนแนวๆ ครีมอาบน้ำผู้ชาย อาฟเตอร์เชฟ หรืิอพวกสเปรย์ดับกลิ่นกาย เพียงแต่กลิ่นแมนๆ ตัวนี้จะไม่ได้บาดมากขนาดนั้น ยังมีลักษณะเป็นน้ำหอมที่มีระดับขึ้นมาได้อยู่ ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดหมด ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ทั้งกลางแจ้งและในห้องแอร์ จัดได้จัดไป ส่วนยามค่ำคืนถ้าเอาไปใส่เที่ยวกลิ่นเหล้าสไตล์แมนๆ คุยกันได้อยู่ แต่ถ้าจะเอาไปเรียกแขกเน้นเรตติ้งอาจจะยากหน่อย เพราะโทนหวานเย้ายวนมักเรียกเรตติ้งได้ดีกว่า 

ความทน - แกว่งพอสมควรเพราะจะอยู่ราว4 - 6 ชม. อาจจะน้อยกว่านั้น ทุกอย่างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ที่แน่ๆ รวมถึงสภาพผิวกายคนใส่ด้วย ส่วนตัวเจอไปที่ 6 ชม. กับจำนวน 6 สเปรย์รวมฉีดเสื้อที่้สวม 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเรียกว่าขับความแมนกันออกมาเต็มๆ ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง แล้วจึงเป็น Skin Scent ให้ความรู้สึกแมนๆ ตีขึ้นเบาๆ ยามขยับเนื้อตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นเรียกว่าเป็นน้ำหอมแมนๆ ที่มาสายการเป็นน้ำหอม Designer มากกว่า ถ้าจะเรียกเป็น Niche ก็เป็น Niche ที่ใช้ง่ายเว่อร์ ที่สำคัญ Notes ใน Fragrantica แปลกหน่อยไม่ตรงกับกลิ่นที่ออกมา แต่ยังไงก็ตามกลิ่นนี้โคตรแมนจริงๆ แม้จะเข้าใกล้โทนแนวๆ สเปรย์ดับกลิ่นกายไปบ้างก็ตาม 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://3.static.fragrancenet.com/images/photos/900x900/160053.jpg

วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Selena Gomez - Vivamore

Selena Gomez - Vivamore

แน่นอนว่าหลายๆ คนที่ติดตามเรื่องราวฝั่ง Hollywood ไม่มีใครไม่รู้จัก Selena Gomez ที่เป็นลูกหม้อของ Disney มาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นทั้งนักแสดงและนักร้อง ตามด้วยมาเป็นหนึ่งในคนรักของ Justin Bieber เป็นเพื่อนของยัยเท สวิฟท์ อีโคคาร์ ปัจจุบันเห็นมาติดตั๋งหนับกับ The Weeknd และทำเพลงออกมาเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนดังสินั่น จึงได้มีน้ำหอมเป็นของตัวเองเฉกเช่นดาราคนอื่นๆ ที่
ต้องต่อยอดด้านความสวยความงามและแฟนๆ ต่างก็อยากใช้น้ำหอมของ Selena ซึ่ง 1 ในรุ่นที่ทำออกมาสื่อสารถึงความสะพรั่งในแบบของเธอนั้นเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ไม่ใช่เล่นๆ นะ เห็นแบบนี้ นั่นคือ Vivamore 

ใครที่ชอบกลิ่นหอมหวานคาบเกี่ยวระหว่างการเป็นกลิ่นอายผลไม้ ดอกไม้ และขนม แบบที่ใช้ง่ายด้วย กลิ่นนี้ถือว่าเข้าทาง เพราะ Top Notes เปิดตัวหอมหวานติดใสๆ แบบกลิ่นชาโปร่งๆ กับเมล่อนที่ทำหน้าที่หอมปนหวานใสลงตัว กลิ่นจะหอมแบบกำลังดี ไม่ได้ข้นนัว มีความใสแบบผลไม้กลั้วชาได้ดีมาก ซึ่งเมล่อนจะเป็นตัวเด่นที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยจะไปผสมผสานกับกลิ่นของดอกไม้ขาวที่เป็นโทนหวานบางๆ ติดผลไม้อย่างคาลร่าลิลลี่ (ดอกขาวๆ ที่เน้นประดับงานแต่งที่มีเกสรคล้ายดอกหน้าวัวแต่กลีบจะล้อมล้อมเกสร ไม่เหมือนหน้าวัวที่กลีบดอกอล่างฉ่างโชว์แท่งเกสรโด่เชียว) และมีความครีมมี่ติดอบอุ่นนวลๆ ให้พอรู้สึกได้จากวานิลลาใน Middle Notes กลิ่นเลยจะเด่นที่ความเป็นชาเมล่อนที่ยังคงหอมหวานใสอยู่ แต่จะเริ่มมีความอวลข้นเสริมเข้ามาบ้างแบบเรื่อยๆ จนกลายเป็นครีมมี่เมล่อนติดกลิ่นชาและดอกไม้ขาวหอมหวานจางๆ ซึ่งในช่วงนี้กลิ่นจะมีความหอมหวานเจือไปด้วยตลอดเวลาและคงตัวลากยาวไปจนถึง Base Notes ที่คราวนี้กลิ่นอายความหวานจะเริ่มเด่นขึ้นมา กลิ่นชากลั้วเมล่อนที่ยังคงอยู่ให้ความใสยังเป็น On Top แบบที่พอรู้สึกได้บางๆ เคล้าความหวานจากกลิ่นน้ำตาลคาราเมลที่ไม่หวานหนักหน่วงเกินไป มีความครีมมี่ของวานิลลาติดดอกไม้ขาวอบอุ่นเจือไปตลอด กลิ่นเลยจะได้ความหอมหวานแบบอยู่กึ่งกลางระหว่างความครีมมี่และความใสได้ลงตัวและเข้าถึงได้ง่าย ภาพรวมกลิ่นจะให้ความรู้สึกโทนสีขาวปนครีมที่สบายตา มีความหวานเป็นตัวตั้งแต่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วง ที่สำคัญกลิ่นมีความเป็นผู้สาวแบบเต็มๆ ไม่มีกั๊กเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายและมีความหอมหวานแบบที่สาวๆ หรือคนที่รักกลิ่นเมล่อนจะชอบได้ในแรกดมเลย ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ใส่ทำงานได้สบายมาก แต่ถ้าใส่ออกงานทางการจัดๆ ก็พอได้บ้าง เพียงแต่อาจจะไม่ได้เอื้อในเรื่องความภูมิฐานนัก นอกนั้นใส่แบบทั่วๆ ไปได้สบายมาก รวมถึงยามค่ำคืนไม่ว่าจะออกงาน ชิลล์ๆ หรือว่าท่องราตรีจัดไปได้สบายมาก (อัดสเปรย์หน่อย) ให้อารมณ์หญิงสาวที่มีความอ่อนโยนและน่ารักมีจริตเรียบร้อยอยู่บ้าง แบบว่าไม่ได้พร้อมล่าแต้มกวาดลงท้องขนาดนั้น จะมียกเว้นก็แค่ไม่ควรใส่ออกกำลังกายเท่านั้นเอง เพราะไม่งั้นได้จุกคอหอยตายเสียก่อนเวลากลิ่นตีขึ้นหนักๆ 

ความทน - อันนี้ดีงาม ทนมากจริงๆ จนเรียกว่าเกินคาด เพราะ 10 ชม. ผ่านไป กลิ่นยังตีขึ้นหอมครีมมี่เมล่อนหวานโปร่งๆ ตลอด ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยเช่นกัน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีลดลงหลั่นไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจึงค่อยเป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้เรียกว่าเป็นน้ำหอมที่ดีเกินคาด เพราะเรียกว่าดึงเอาความเป็นชาเมล่อนกลั้วความหวานครีมมี่ได้ลงตัว ไม่ขนมเกินไป ไม่ผลไม้ฉ่ำโบ๊ะ และไม่ดอกไม้จัดหนักเข้าไป ถือว่าวางสมดุลย์กลิ่นทุกโทนที่ควรจะเป็นตามลักษณะสไตล์น้ำหอม Celebrity ที่ยังไงก็หอม แต่ก็มีชั้นเชิงได้น่าดูชมและดมกลิ่นเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://i.notino.com/view/selena-gomez/segvivw_aedp10-01/selena-gomez-vivamore-eau-de-parfum-para-mujer___9.jpg



วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Carthusia - Ligea (Ligea la Sirena)

Carthusia - Ligea (Ligea la Sirena)

- เสียงอันไพเราะและล่อลวงของปีศาจในเทพปกรณัมกรีก ที่ก่อให้เกิดหายนะต่อการเดินเรือมานักต่อนักอย่าง “Sirens” กับการทดสอบว่าเสียงนั้นเป็นเช่นไรของ Ulysses ด้วยการให้ลูกเรือเอาขี้ผึ้งอุดหู แล้วมัดตัวเองไว้กับเสาเพื่อฟังเสียงของปีศาจเหล่านี้ โดยไม่ให้หลุดไปหลงเสน่ห์จนเป็นเหยื่อ -

และนี่คือที่มาในการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Carthusia ในรุ่นที่ชื่อว่า Ligea la Sirena หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า Ligea ก็ได้ กับการถ่ายทอดผ่านกลิ่นเพื่อเล่าเรื่องราว ซึ่งจะเป็นเช่นไร ต้องมาพิสูจน์ความล่อลวงผ่านกลิ่นกันซักหน่อยแล้ว

เรียกว่าเปิดต้นทางของกลิ่นกับ Top Notes ได้ชัดมากกับการเป็นโทนส้มที่มีกลิ่นติดหวานปนขมหน่อยๆ กับลาเวนเดอร์นวลๆ แต่มีความปร่าซ่าชัดเจนกันตั้งแต่ช่วงนี้ และจะมีโทนของการเป็นโทนยางไม้ที่ติดหวานแทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นตลอดเสียด้วย ซึ่งนั่นก็คือกลิ่นโทน Opoponax ที่เป็นยางไม้โทนหวานนวลอบอุ่นติดโทนแป้งอับหน่อยๆ เลยทำให้ช่วงนี้เป็นโทน Citrus ที่จะออกทางนวลอบอุ่นติดหวานที่เรียกแขกพอสมควรและล้อมไปด้วยความปร่าซ่าโปร่งของเครื่องเทศที่จะกลายเป็นหนึ่งในตัวเดินเรื่องสำคัญอย่างกานพลู ซึ่งจะเป็นตัวนำเข้าสู่ Middle Notes ที่จะเป็นกลิ่นอายแบบเครื่องเทศปร่าเด่นนำ รองพื้นด้วยความเป็นลาเวนเดอร์กับส้มหวานนวล เคล้าความเป็นโทนยางไม้หอมหวานแบบกำลังดี ช่วงนี้จะมีกลิ่นอายวานิลลาเจือเข้ามาด้วย เลยได้ลักษณะที่เป็นโทนแป้งอบอุ่นที่มาจากวานิลลา หวานดึงดูดจาก Opoponax ปร่าและโปร่งนวลจากกานพลูและลาเวนเดอร์กลั้ว Citrus ทำให้กลิ่นมีความลึกล้ำและเย้ายวนชัดเจน เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ออกทางปล่อยของว่าชั้นมาสายยั่วยวนเซ็กซี่นะ ออกแนวมาสายเรียบนิ่งและเอาอยู่แบบไม่โจ่งแจ้งเสียมากกว่า แล้วโทนแป้งอบอุ่นจะเริ่มเดินเข้าสู่การเป็นตัวเด่นใน Base Notes ซึ่งกลิ่นของวานิลลาจะยังคงความอบอุ่นติดโทนแป้งอยู่ และมีความเป็นโทนยางไม้กลั้วไม้หอมเสริมให้หวานแบบกำลังดี ไม่ข้นจัด ตัดทอนด้วยกลิ่นกานพลูที่ยังอยู่ จนได้กลิ่นที่เป็นโทนแป้งนวลติดโปร่งเครื่องเทศที่ไม่ได้หนักหน่วงมาก แต่ปล่อยความดึงดูดเย้ายวนได้ชัดเจน กลิ่นวานิลลาในช่วงนี้แอบทำให้นึกถึงความเป็น Shalimar ของ Guerlain ในระดับหนึ่งเพราะมาในโทนที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ไม่ปร่าซ่าเท่าซึ่งทำให้ภาพรวมของกลิ่นเป็นโทนเย้ายวนแบบที่ไม่ได้ปล่อยจริตจะก้านมากแบบชัดเจน ยังมีการวางตัวอย่างมีระดับอยู่ โดยที่ให้กลิ่นนำทางความดึงดูดไปโดยไม่ต้องให้พฤติกรรมมันโจ่งแจ้งชัดเจนแบบว่าจะเอาให้ได้นัก เรียกว่าชั้นเชิงดีและน่าสนใจ เหมือน Sirens ใช้เสียงที่ไพเราะดึงดูดผู้คนให้เข้ามานั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นตราเอาไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่า 70% เพราะมันหวานเย้า แต่ผู้ชายใส่ได้ง่ายๆ เพราะกลิ่นมันมีความอบอุ่นเป็นพื้นฐานที่กลางๆ อยู่แล้ว จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน จะใส่ออกกงานทางการก็ได้ แต่คุมจำนวนสเปรย์ให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระจายหนักหน่วงเกินไป ส่วนยามทั่วๆ ไป และอยู่ในห้องแอร์ทั้งวันจัดไป กลิ่นจะหอมมีระดับลงตัวมากทีเดียว งดใส่กลิ่นนี้ออกกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย เพราะเจอความร้อนแล้วกระจายหนักมากจนอาจจะทำให้จุกคอหอยเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่ไปท่องราตรีแบบที่มีชั้นเชิงในการปล่อยของแบบมีระดับ ไม่ได้เน้นเต้นรากแตก แหก 180 องศาอะไร ถือว่าใส่ได้ขับเสน่ห์ได้น่าดูชมเลย

ความทน - รุ่นที่ได้ลองนี้เป็น EDT ความทนเลยจะอยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. อาจจะมากกว่านี้ โดยอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ​ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. สบายๆ กับ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ คนรอบข้างได้กลิ่นสบายๆ และถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายที่จะหอมมีเอกลักษณ์จากแป้งวานิลลากานพลูและโทนยางไม้ติดหวาน

ทิ้งท้าย - นอกจาก Shalimar แล้ว ผมยังแอบนึกถึง Kenzo Jungle L’Elephant ในบางวูบ แต่เนื้อกลิ่นมีความเป็นผู้ดีที่วางตัวดีกว่า นิ่งกว่าไม่โฉ่งฉ่างจัดเต็มไม่สนใจใครแบบ Kenzo ซึ่งเรียกว่าเป็นกลิ่นที่น่าสนใจ มีจริต และมีระดับตามสไตล์ของ Carthusia ที่ให้เราได้เห็นโทนกลิ่นที่แตกต่างจากรุ่นปกติหลายๆ รุ่นของแบรนด์ได้ลงตัวมาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://fimgs.net/images/secundar/o.8460.jpg

วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Abercrombie & Fitch - First Instinct

Abercrombie & Fitch - First Instinct 

พูดถึง Abercrombie & Fitch คนมักนึกถึงเสื้อผ้าและพนักงานกล้ามแน่นๆ ในร้านสินะ ซึ่งกว่าจะวนมาน้ำหอมอาจจะต้องผ่าน 6 Packs กันมาก่อนถึงจะนึกออก และมักนึกออกถึงรุ่น Fierce Cologne กันเสียด้วยเพราะดังมาอย่างยาวนานจริงอะไรจริง แม้ว่าจะมีรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นก็เทียบชั้นไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์เขาก็เริ่มขยับไลน์ปกติให้มีมากกว่าความเป็น Cologne แล้ว มาสาย EDT กับเขาบ้างกับรุ่นที่ออกมาเมื่อปี 2016 อย่าง First Instinct for Men ซึ่งกลิ่นจะเป็นยังไง ได้เวลาลองแล้วบอกต่อสินะ 

กลิ่่นเปิดมาก็ทำให้แปลกใจในความกรุ้มกริ่มปนนวลนัวที่เด่นกับความเป็นเมล่อนติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย กลิ่นจะมีความเป็นเหล้าจินเด่นแบบโปร่งๆ มีความซ่าหน่อยๆ ของโทนโซดาแต่จะเคล้ากับกลิ่นเมล่อนที่ไม่ได้มาแบบใสๆ เลยแบบผลไม้จ๋าเลย เป็นเมล่อนอีกโทนแบบแมนๆ นวลๆ และไม่หวานเลย ไม่ใช่กลิ่นแบบฮันนี่ดิวเมล่อนที่หอมหวานฉ่ำเลย ให้ตัดความรู้สึกแบบนี้ออกไปได้ ไม่มีแน่นอน ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มาสายสดชื่นจัดเต็มแน่ๆ เพราะมีความนัวชัดเจนจากโทนติด Spicy เผ็ดปร่าและมีความเขียวเย้าโปร่งๆ มาด้วย เปิดเผยความเซ็กซี่ดึงดูดกันตั้งแต่แรกไม่มีอ้อมค้อม เรียกว่าเรียกแขกกันอย่างชัดเจนเพียงแต่ไม่ได้มาสายที่แน่นหนักมากเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นเหล้าจินโทนิคผสมเมล่อนแมนนวลนัวยังอยู่ ลดระดับลงมากำลังดีให้กลิ่นโทนเครื่องเทศปร่าเผ็ดกับความเขียวเย้ายวนโปร่งๆ ที่แจมในช่วงต้นชัดขึ้นมาจนจับได้ว่าเป็นพริกไทยที่มีความเผ็ดร้อนนัวๆ หน่อย กับใบไวโอเล็ตกลิ่นจะเริ่มจับต้องได้ชัดขึ้นทำให้มีความเป็นโทนโปร่งติด Aquatic ผสมผสานกับกลิ่นที่ตามมาจากตอนแรกเป็นกลิ่นนวลๆ ติดเผ็ดโปร่งกำลังดีไปตลอด คงความเย้ายวนเซ็กซี่ได้อยู่ เพียงแต่ไม่ได้เรียกแขกขนาดเท่าช่วงแรก เน้นให้เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นประมาณนี้ แล้วโทนกลิ่นนวลๆ นุ่มๆ สะอาดอย่าง Musk จะเริ่มชัดขึ้นหลังจากรองพื้นแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาตลอดให้รู้สึกได้ถึงความนวลตั้งแต่ช่วงต้น โดยจะมีกลิ่นออกทางผิวกายสะอาดๆ นุ่มๆ ของหนังกลับมาแจมด้วยให้มีความเซ็กซี่แบบนวลๆ รุมๆ ที่ผิวกาย โดยมีความอบอุ่นจางๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งช่วงนี้จะเป็นโทนสะอาดนุ่มนวลชัดเจน ซึ่งกลิ่นเหล้าจินโทนิคเมล่อนจะเรียกว่าเบาไปจนแทบไม่เหลือให้รู้สึกได้แล้วอาจจะพอมีบ้างบางๆ ภาพรวมจึงเรียกว่าเป็นตัวเรียกแขกที่ดีก่อนจะให้คลุกวงในแบบสะอาดๆ นวลๆ สบายๆ ผู้ชายสไตล์ Abercrombie & Fitch นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว แม้ว่าเนื้อกลิ่นที่เปิดตัวออกมาจะไม่ได้มาสายสดชิื่นแบบน้ำหอมชายที่มักจะคุ้นเคย เพราะมาแบบนัวๆ สดชื่นติดเหล้าจินที่โดยความนวลเข้าแทรกเสียมาก แต่ถือว่าเป็นการเรียกแขกดึงดูดความสนใจตั้งแต่ต้นได้ดีจริงๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป และอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เป็นงานทางการจัดๆ รับแขกบ้านแขกเมืองเกินไปนัก ส่วนออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถ้าเป็นทั่วๆ ไป จัดได้สบายมาก แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีต้องอัดสเปรย์กันน่าดูหน่อย และอาจจะสู้ชาวบ้านที่มาสายเย้ากว่าหวานกว่าไม่ได้เพราะกลิ่นเบาอยู่ไม่น้อยในช่วงกลางและท้าย 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ บวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 7 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเลย เรียกร้องความสนใจแบบนวลๆ นัวๆ แต่ไม่หนักชัดเจน แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ก่อนจะปิดท้ายด้วย Skin Scent แบบยาวไปจนกว่าจะหายไปจากผิ

ทิ้งท้าย - เรียกว่าคงความเป็นสไตล์ของแบรนด์ชัดเจนกับกลิ่นนุ่มๆ แนว Musky ในช่วงท้ายที่คงลายเซ็นชัดเจน เพียงแต่ใส่ความแปลกใหม่ด้วยความนัวดึงเรตติ้งของกลิ่นด้วยเมล่อนแมนๆ ไม่หวานนั่นเอง ที่สำคัญขวดสวยมากกกกกกกก 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by http://www.perfumestore.sg/wp-content/uploads/2017/03/ABERCROMBIE-FITCH-FIRST-INSTINCT-HOMME-EDT-FOR-MEN-1.jpg

วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Parfumerie Naturelle - Sunset over Santorini

Parfumerie Naturelle - Sunset over Santorini

ยามที่ได้ยินชื่อรุ่นน้ำหอมนี้ครั้งแรกเรียกว่าตาวาวทันทีกับกลิ่นอายที่บ่งบอกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากอย่าง Santorini ณ ประเทศกรีซ (ไม่ใช่ที่ชะอำ อันนั้นเอา Concept มาทำให้เหมือนเฉยๆ) แน่นอนไม่เคยรู้จักแบรนด์นี้มาก่อนเลยขอลองเสี่ยงกันหน่อยว่าแบรนด์ Niche อย่าง Parfumerie Naturelle ที่เราไม่เคยได้ยินเชื่อเสียงเรียงนามมาก่อนจะทำกลิ่นอายที่บ่งบอกถึงความสวยงามแกมโรแมนติคในยามพระอาทิตย์อัสดงที่ Santorini ออกมาเป็นยังไงบ้าง 

Sunset over Santorini เปิด Top Notes มาด้วยกลิ่นอายของโทน Citrus ที่มีความสดชื่นก็จริง เพียงแต่ว่ากลิ่นสดชืิ่นที่ได้จะไม่ได้มาแบบฉ่ำๆ แต่มาในลักษณะความเป็น Citrus แห้งๆ เสียมากกว่า ซึ่งมันจะได้อารมณ์ของการเป็นช่วงระยะเวลาออกทางสีส้มของแดดยามบ่ายค่อนเย็น มีความสดชื่นประปรายแฝงไปด้วยความอบอุ่นไปตลอด โดยเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงความเป็น Citrus ที่โปร่งสบายเปรี้ยวแบบติดขมกับการผสมผสานของเกรฟฟรุตและมะกรูด แต่กลิ่นแบบไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดมากเพราะมีกลิ่นของส้มเขียวหวานที่มาให้โทนหอมสดชื่นติดหวานทำให้กลิ่น Citrus มี 2 โทนเป็นเปรี้ยวอมหวานให้จับต้องได้และเป็นกลิ่นที่จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย ซึ่งเมื่อผันเข้าสู่ Middle Notes ความอบอุ่นของเนื้อกลิ่นเริ่มชัดขึ้นจากโทนไม้หอมติดครีมมี่เจือๆ จากไม้จันทน์หอมที่เกลาจนได้ความสะอาดนวลๆ ติดครีมมี่ และมีกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝกที่เป็นตัวทำให้กลิ่น Citrus ในตอนต้นนั้นมีความแห้งในเนื้อกลิ่นนั่นเอง ซึ่งโทนไม้หอมนี้จะมาในลักษณะที่เป็นสายสนับสนุนชั้นดีให้กลิ่นสดชืิ่นของ Citrus ที่ยังเด่นอยู่มีความเป็นไม้หอมนวลๆ ให้ความโปร่งออกทางสีครีมติดส้มสบายๆ กลิ่นมีความรื่นจมูกมาก สดชื่นแบบนวลๆ มีระดับ ซึ่งในเนื้อกลิ่้นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นติดเค็มๆ หน่อยๆ เสียด้วย มันเลยจะได้ความรู้สึกแบบยืมดูพระอาทิตย์ริมทะเลยามบ่ายอบอุ่นชัดเจน เมื่อผ่านไประยะหนึ่งกลิ่นครีมมี่จะเริ่มชัดขึ้นมาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ Base Notes ที่ความเป็นโทนสดชื่นเปรี้ยวอมหวานจะยังไม่ไปไหนคงทนยาวมาถึงช่วงท้าย ซึ่งจะมีกลิ่นละมุนครีมนวลของถั่วตองก้ามาให้นุ่มกับกลิ่นโทนอบอุ่นติดวานิลลาจางๆ ที่น่าจะมาจากความเป็นโทนแอมเบอร์ที่เกลากลิ่นมาอย่างดี มีความสะอาดนุ่มของ Musk ให้จับต้องได้ ทั้งหมดทั้งมวลกลิ่นจะเป็นการผสมผสานความอบอุ่น ความครีมมี่ และความสดชื่นแบบเปรี้ยวอมหวานไปตลอด ได้ความรู้สึกสีส้มไล่เฉดจากส้มไปอ่อนครีมและขาวสว่างนวลได้ลงตัวมาก เรียกว่าคงคอนเซปท์ตามชื่อรุ่นได้ชัดเจน งดงาม และรื่นรมย์มากมายเลยทีเดีย

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่าย และมีความสดชื่น อบอุ่น และนุ่มนวลไปตลอดตั้งแต่ต้นยันท้ายเลย ทำให้สามารถใส่ได้แบบกวาดหมดในช่วงเวลากลางวัน กลิ่นแม้จะออกแนวชิลล์ก็จริง แต่ว่าเข้ากับอากาศบ้านเราได้เป็นอย่างดี เลยทำให้แตะได้ทุกสถานการณ์ ยิ่งถ้าใส่กลิ่นนี้ไปเดินเล่นริมทะเลด้วย ยิ่งเข้ากันมากมาย (อันนี้เทสกับตัวมาแล้ว เพราะกลิ่นไอทะเลตามธรรมชาติเข้ากับกลิ่นนี้มากจริงๆ) ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เหมาะกับสถานการณ์ชิลล์ๆ มากกว่า จะเดินเล่น ช้อปปิ้ง หรือ Dinner กลางแจ้งอะไรก็ว่าไป แต่ไม่เหมาะเลยกับการใส่ไปท่องราตรี โดนกลิ่นโทนหวานแน่นกลบแน่นอน 

ความทน - อันนี้เรียกว่าเกินคาด เพราะ 8 ชม. แล้วกลิ่นยังอยู่ให้รับรู้ตลอด ซึ่งส่วนตัวจัดไป 6 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อด้านหน้าเดินตากลมทะเล ตากแดด เหงื่อซึม กลิ่นก็ยังอยู่ และลากยาวถึง 15 ชม. ได้เลยทีเดียว ของเขาดีจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น สดชื่นกันเลย ก่อนที่จะลดลงมาปานกลางแบบยาวไป จนเมื่อถึงกลางๆ ช่วงท้าย กลิ่นจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบนุ่มสบาย

ทิ้งท้าย - ถือเป็นการ Blind Buy ที่คุ้มค่ามากกับการได้เจอกลิ่นที่เป็น Creamy Citrus เปรี้ยวอมหวานแบบเหมือนเราอยู่ริมทะเลยามบ่ายค่อนเย็นจริงๆ และน่าจะไม่ได้หาได้อีกง่ายๆ แน่นอน เพราะเหมือนแบรนด์นี้จะค่อยๆ หายไปจากตลาดแบบเงียบๆ เสียด้วย จนแบบว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่จะดูแลอย่างดีเก็บยาวไปแน่นอน 

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by เข็มขัดสั้น ด้วย Moto G5 Plus

วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Zara - Leather Collection: Rich Leather

Zara - Leather Collection: Rich Leather

กลับมาแก้ปวดหัวด้วยยาแก้ปวดซาร่า เอ๊ย! ไม่ใช่สิ กลับมาดมกลิ่นน้ำหอมของแบรนด์ Zara กันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์นี้เขามีน้ำหอมเยอะมาก เรียกว่าเวลาปล่อยออกมาทีมากันครบไลน์ให้เลือกสรรกันเลยทีเดียว แถมราคาไม่แพงเสียด้วย ทั้งยั้งมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยบ้างอะไรบ้างจากที่เคยได้กลิ่นมา แต่มีการปรับโน่นนี้ให้ดูเป็นน้ำหอมของแบรนด์ได้ชัดเจนมากขึ้น เช่นนั้นเมื่อได้เห็นว่ามีการปล่อยไลน์ Leather หรือหนังออกมาในปี 2017 นี้ ก็ได้เวลาไปเลือกสรรและต้องจัดซะหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไง และก็ได้ตัวน่าสนใจอย่าง Rich Leather มา กลิ่นจะเป็นยังก็แบบนี้เลย 

จับเข้า #TeamAventus ก่อนเลย เพราะกลิ่นอายเหมือนรุ่นดังของ Creed มาเลยทีเดียว แต่ก็มีความแตกต่างให้สัมผัสได้อยู่เพราะว่ากลิ่นอายจะเน้นความเป็นโทนผลไม้อย่างสับปะรดที่เด่นทะลุออกมา เพราะเป็นช่วงกลิ่นพุ่งเป็นเรื่องปกติ ในเนื้อกลิ่นจะมีโทน Citrus ผสมผสานจากมะกรูดที่ให้ความเปรี้ยวสดชื่นแบบแห้งติดขมเจือ และติดเปรี้ยวออกโทนเบอร์รี่แต่จะออกคมๆ แถมแอบรู้สึกได้ถึงกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวติดสดชื่นเสียด้วย แลยจะได้ความเป็นโทนผลไม้ติดแมนๆ กำลังดีเลย เรียกว่าเปิดว่าก็ทำให้นึกถึง Aventus เลยก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าเนื้อกลิ่นจะมีความใสมากกว่าและไม่ได้มาสายกลิ่นอายที่ธรรมชาติจ๋าๆ นัก รวมทั้งไม่มีเจือกลิ่นอาย Smoky มาเจือปนเท่าไหร่ แต่มีกลิ่นแบบดอกไม้พอให้รู้สึกได้แต่จะเบาบางมาก ซึ่งกลิ่นแบบสับปะรดนี่แหละจะเป็นตัวที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยเมื่อเข้าช่วงกลาง ความเป็นโทน Spicy แบบอมหวานติดเบอร์รี่ของพริกไทยสีชมพูจะเด่นตีคู่กับสับปะรดได้ลงตัว โดยที่กลิ่นจะไม่ได้ไปโทนอวลแน่น เพราะจะยังคงความใสติดผลไม้ชัดเจน ที่สำคัญกลิ่นอายพิมเสนที่มาแบบกำลังดีแบบสายสนับสนุนให้เนื้อกลิ่นมีความหรูหรากำลังดีแทรกไปตลอด ซึ่งตอนนี้จะเริ่มชัดแล้วว่ากลิ่นจะไม่ได้ไปสายเดียวกัAventus ที่จะมีความเป็นโทน Smoky ล้อมเนื้อกลิ่นเอาไว้และมีความอบอุ่นเจือเบาๆ ให้ดูมีมิติและหรูหราแบบคุณชาย แต่กลิ่นจะมาในโทนที่เน้นความเป็นผลไม้ติดแมนๆ มีความหวานเจือแบบติดเครื่องเทศโปร่งๆ เสียมากกว่า เพียงไม่นานกลิ่นอายของหนังที่จะมาแบบบางๆ เป็นตัวรองพื้นติดผิวให้ความรู้สึกแบบหนังที่กลิ่นไม่ได้แรงหรือดิบห่าม เป็นหนังแบบโซฟาที่มาแบบเบาๆ อ่อนๆ แกล้มกับกลิ่นไม้หอมที่มาแบบขรึมๆ เบาๆ กลิ่นจะได้ความรู้สึกสีโทนสว่างในระดับหนึ่งโดยมีความสดชื่นแบบแมนๆ ชัดเจนเพราะความเป็นผลไม้ที่ยังคงทนถาวรและเป็นตัว On Top อยู่นั่นเอง จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายของโทนไม้หอมจะเริ่มชัดมากขึ้น แต่จะยังโดนความเป็นโทนผลไม้คุมเอาไว้อยู่ กลิ่นหนังจะยังคงเป็นสายรองพื้นโดยจะมีกลิ่นอายแบบ Musk มาให้ความนวลสะอาดเสริมแบบเบาๆ กลิ่นที่ได้เลยจะออกแนวสะอาดติดผลไม้มีพิมเสนจางๆ ให้พอรู้สึกได้ไปตลอด ซึ่งกลิ่นจะยังคงความเป็นผู้ชายแมนๆ เท่ห์ๆ กำลังดีแบบยาวไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวันเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นไม่ได้ใช้งานยากตามสไตล์ของน้ำหอมแบรนด์นี้่ เข้าถึงได้ง่ายเสียด้วย จึงสามารถใส่่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นครอบจักรวาลในช่วงกลางวันได้ในระดับหนึ่งเลย อาจจะมีการใส่เพื่อออกกำลังกายที่ให้รอเข้าช่วงกลางๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ได้แบบสบายๆ กลิ่นหล่อๆ เพียงแต่ว่าถ้าใส่ไปท่องราตรี อาจจะอัดสเปรย์หน่อย ก็พอไปได้อยู่ 

ความทน - แม้ว่าจะเป็น EDP แต่ความทนค่อนข้างแกว่งพอสมควร เพราะจะอยู่ราวๆ 5 - 6 ชม. กลิ่นจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงไปที่กึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าเปิดดี และทำให้ หูยยย กันได้เลย แต่ปิดอาจจะไม่ได้ว้าวมาก เพราะเป็นโซนยังไงก็รอดแบบติดกลิ่นผลไม้ ซึ่งเรียกว่าคุ้มค่ากับราคาที่ไม่แรงมากเกินไปเลยทีเดียว 

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by Fragrantica -https://fimgs.net/images/secundar/o.46621.jpg