แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Jo Loves แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Jo Loves แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Review: Jo Loves - Jo by Jo Loves

Jo Loves - Jo by Jo Loves

ทำน้ำหอมมาก็มากมายเต็มไปหมดกับการเป็น Jo Malone ทั้งมีที่มาที่ไป มีแรงบันดาลใจต่างๆ หรือว่ากันตาม Collection ประจำปีที่ต้องออกมาตามสเต็ป แถมกระตุ้นกิเลสในการนำมา Combine กลิ่นไปอีก ภายใต้การดูแแบรนด์ของเครือใหญ่อย่าง Estee Lauder จนเมื่อหมดสัญญาก็หันมาทำแบรนด์ของตัวเองอย่าง Jo Loves ต่างก็ Create กลิ่นต่างๆ มากมายจากสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผู้คน และ Notes กลิ่นต่างๆ จนกระทั่งมาถึงรุ่นหนึ่งเดียวกับการนำเสนอความเป็นขวดสีแดงแรงฤทธิ์แตกต่างจากชาวบ้านเขาเลย ซึ่งนั่นก็คือ Jo by Jo Loves

นอกจากขวด ความพิเศษของ Jo by Jo Loves ก็มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจคือ การกลับมามองที่ตัวเอง การทำอะไรเพื่อตัวเอง เลยสร้างกลิ่นอายที่เป็นกลิ่นที่แสดงถึงตัวตนของความเป็น Jo Malone จริงๆ จากความชอบส่วนตัวในกลิ่นอายสาย Citrus โดยเฉพาะกลิ่นเกรปฟรุต ที่ถือว่าเป็น Note กลิ่นสุดโปรดของ Jo อีกด้วย รวมถึงเอาความรู้สึกในการท่องเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนและครอบครัวในวันหยุดที่ต่างประเทศ (อารมณ์เที่ยวยาม Summer ไรงี้) เข้ามาผนวกรวมด้วย เช่นนั้น จัดมาแล้ว ก็ลองให้สุดซักหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไร 

เชื่อมือได้ไม่พอ ยังต้องซูฮกจริงๆ ว่าช่วงเปิดจากฝีมือของ Jo Malone นั้น เรื่อง Citrus ไม่มีพลาด และที่สำคัญยังสร้างสรรค์กลิ่นอายเกรปฟรุตที่เป็น Note กลิ่นโปรดของตัวสุคนธกรได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ จนแบบว่า Grapefruit Is All Around กันอย่างชัดเจน ซึ่งในความเป็นเกรปฟรุตที่เปิดตัวนี้แน่นอนว่าตรงไปตรงมาและมินิมัล แต่มีความซับซ้อนเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นเนียนๆ ได้อย่างลงตัวและน่าสนใจกับการผสมผสานกลิ่นโทน Citrus อื่นๆ เข้ามาเสริมให้ความเป็นเกรปฟรุตนั้นมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยจะมีมะนาวเสริมความคมของกลิ่นแบบวูบต้นๆ แกมติดขมหน่อยๆ เติมความ Juicy เบาๆ แบบกลิ่นน้ำส้มใสๆ เข้าไปของส้มขม เลยทำให้เกรปฟรุตที่ได้ในช่วงนี้คือ ผ่าเกรปฟรุต คั้นเกรปฟรุต ทุกอย่างคือ เกรปฟรุต แบบเต็มๆ และไม่พอยังแฝงความเป็นโทนสว่างและสะอาดปลอดโปร่งเข้ามาอีกด้วย เลยทำให้ช่วงเปิดคือสวรรค์ของคนรักกลิ่นเกรปฟรุตมาก และสร้างความสดชื่นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบที่มีระดับไม่ตะบี้ตะบันยัดเยียดให้ดูเว่อร์วังแต่อย่างใด

เมื่อความเป็นเกรปฟรุตเริ่มผ่อนตัวเองลงมาอีกหนึ่งสเต็ป ก็เป็นการผันตัวเข้าสู่ช่วงกลาง โดยจะมีกลิ่นปร่านวลสะอาดของพริกไทยที่ไม่หนักเกินไปเข้ามา เสริมด้วยความปร่าเขียวอ่อนๆ แนวสมุนไพรบางๆ คล้ายมีมินต์รวมอยู่ด้วยที่สร้างความระเรื่อเย้าจมูกให้โปร่งๆ สบายๆ เบาๆ แต่ในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นที่ออกทางดอกไม้ใสๆ คล้ายน้ำลอยดอกมะลิอ่อนๆ ที่มีความเขียวประปรายเข้ามาร่วมด้วย เลยทำให้เริ่มจะเข้าสู่การเป็นโทนสะอาดที่มีความปร่านวลแกมปร่าเขียวธรรมชาติอ่อนๆ เคล้าปลายกลิ่นเป็นโทน Citrus สว่างผ่อนคลาย ซึ่งพอรวมกันทั้งหมดกลิ่นไม่ได้ซับซ้อนในการสื่อสารเลยว่าเป็นโทนที่สร้างความชิลล์ๆ และสะอาดสดชื่นแบบเรียบหรู ได้ความรู้สึกกึ่งสีขาวกึ่งสีครามอ่อนๆ และโทนสีแสงแดดยามเช้ากึ่งสายแนวๆ นี้เข้ามารวมกัน ชัดเจนว่าความสดชื่นรื่นรมย์นี่แหละเป็นตัวตั้งของเขาล่ะ

พอผ่านไปพอสมควร ก็จะเริ่มสัมผัสถึงกลิ่นไม้หอมที่มีความ Smoky บางๆ แกมไม้แห้งโปร่งๆ แนวสว่างๆ เข้ามาเสริมทีละหน่อย และโทนเกรปฟรุตเริ่มเบาลงไปจนเหลือแค่ Effect ปลายกลิ่นบางๆ ที่สร้างโทนสว่างอยู่ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่เป็นโทนไม้หอมเต็มตัว ซึ่งจะยืนพื้นที่โทนไม้โปร่งๆ สะอาดๆ มีโทนอารมณ์แนวสารหอมแบบ ISO E Super ค่อนไปทางไม้ซีดาร์ที่มีความเป็นไม้โปร่งๆ สบายๆ เคล้ากลิ่นไม้แห้งกึ่ง Earthy ที่เป็นโทนหญ้าแฝกที่มีความติด Smoky เล็กๆ ของไม้กึ่งควันบางๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า เกลากลิ่นตัดโทนไม่พึงประสงค์ แต่เหลือเสน่ห์ที่ควรจะเป็นของโทนไม้หอมแห้งโปร่งสะอาดและสว่างได้ดี โดยซ่อนความ Smoky บางมากๆ ที่มีเสน่ห์ เรียบหรู นิ่งแต่ Nice ปิดท้ายการเป็นกลิ่นสบายๆ ผ่อนคลายที่ไม่เยอะสิ่ง แต่มีเสน่ห์เรียบง่ายและเรียบหรูได้ครบถ้วน

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ได้หมดถ้าสดชื่น ซึ่งเข้าได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมด ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะยังไงก็รอดและเป็นธรรมชาติสูงมาก แบบใส่น้ำหอมสายสดชื่นเรียบหรู ส่วนกลางคืนเน้นใส่แบบอากาศร้อนๆ สบายๆ จะดีกว่า เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ไปสายเย้ายวนเลยแม้แต่นิดเดียว

ความทน - ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. ก็เรียกว่าสุดแล้วกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ แต่ถ้าวันไหนร้อนๆ เหงื่อออกซึมเยอะหน่อย ก็ 6 ชม. ได้อยู่ แต่ไม่ว่ากันเพราะว่าโทน Citrus Aromatic ที่กลิ่นธรรมชาติมากขนาดนี้ ได้ขนาดนี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางราวๆ 1 ชม. ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในชั่วโมงที่ 2 - 3  พอพ้นซัก 4 ชม. ก็เป็น Skin Scent ซึ่งมาสไตล์ Whispering Scent พื้นฐานของ Jo Malone เลย

สรุป - หนึ่งในน้ำหอมกลิ่นเกรปฟรุตที่ให้กลิ่นเป็นธรรมชาติมากที่สุดและชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยลองมาเลย และแม้ว่าจะหา Jo Loves มาไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ในเมืองสารขัณฑ์บ้านเรา แต่พอมีตัวที่กลิ่นจะเข้มกว่าและมีความเป็นหญ้าแฝกชัดเจนมากกว่าในพื้นฐานกลิ่นที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ความเป็นธรรมชาติของเนื้อกลิ่นอาจจะไม่เด็ดดวงเท่าความเป็น Jo Loves นั่นก็คือฝีมือของ Jo Malone CBE (Jo Loves)  x Zara ใน Collection: Zara Emotions กับรุ่น Vetiver Pamplemousse นั่นเอง พอกล้อมแกล้มได้อยู่ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.joloves.com/jo-by-jo-loves.html

 

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Review: Jo Loves - Orange Butterflies


Jo Loves - Orange Butterflies

เมื่อตอนที่เริ่มเข้ามาสัมผัสแบบจริงจังกับกลิ่นอายของแบรนด์ Jo Loves จากการลงมือสร้างแบรนด์ด้วยตัวเองของ Jo Malone โดยไม่เกี่ยวกับชื่อแบรนด์เดิมที่ติดสัญญาไว้กับเครือใหญ่ หนึ่งในกลิ่นที่น่าสนใจกับการตั้งชื่อรุ่นว่า Orange Butterflies กับคำโปรยที่ดูรื่นรมย์มาเต็มไม่หยอก โดยบอกว่า

บรรยากาศยามเช้าที่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสง แล้วกลิ่นอายเย็นๆ เคล้าดอกส้มลอยฟุ้งมาอย่างละเมียดตามลมคลอเคลียกับแสงแดดรายล้อมรอบตัวเหมือนเสียงดนตรีจากมวลหมู่ดอกส้ม” แค่คิดภาพตามงานก็เข้าแล้ว เพราะอยากได้ เช่นนั้นจัดไป เราจะไม่พลาดที่จะใช้งาน เช่นนั้น ตามมา ได้เวลาเล่ากลิ่นแล้ว

เปิดต้นกลิ่นมาก็สร้างความรู้สึกของกลิ่นอายโทนสีส้มใสๆ ของกลิ่นส้มที่ไม่ได้ถึงกับเปรี้ยวจี๊ดมาก แต่มีความฉ่ำปนหวานเจือให้จับต้องได้ซึ่งเป็นลักษณะกลิ่นของส้มแมนดารินหรือส้มจีนเปลือกร่อนตามปกติ (แนวๆ คล้ายส้มเขียวหวานบ้านเรา แต่เปลือกลูกจะสีส้มสวยเด่นมาแต่ไกลเลย) ซึ่งจะแอบมีโทนออกทางน้ำผึ้งกึ่งส้มนิดๆ ที่เป็นลักษณะของส้มประเภมนี้เข้ามาร่วมด้วย แต่กลิ่นจะไม่ได้ส้มจ๋าเกินไป เพราะจะมีโทนที่มาตัดทอนสร้างความเป็นธรรมชาติด้วยกลิ่นอายติดเขียวเปรี้ยวของกิ่งก้านส้ม (Petitgrain) และเริ่มจับต้องถึงกลิ่นดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ (Neroli) ที่เป็นฉากหลังให้จับต้องได้ ที่แน่ๆ แอบจับความซ่าๆ ปร่าสร้างบรรยากาศหน่อยๆ คล้ายโทนมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) แหมเครื่องเทศปร่าอ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย ทั้งหมดในช่วงเปิดเลยสร้างโทนกลิ่นอายสดชื่นยามเช้าที่เล่นโทนส้ม ดอกส้ม Neroli และกิ่งก้านส้มได้ดี โดยมีทั้งสีส้มอ่อน สีเขียว และโทนสว่าง ที่ยืนพื้นความสะอาดเป็นที่ตั้งได้ดีเลยทีเดียว

และกลิ่นโทนปร่าซ่าแบบบรรยากาศในช่วงเช้าเริ่มเฟดตัว ให้กลิ่นโทนดอกส้มขึ้นมาเป็นตัวเดินกลิ่นหลัก ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่จะไม่ได้มาแบบดอกส้มอัดจัดเต็มแต่อย่างใด แต่จะให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ คุมโทนบรรยากาศอยู่เช่นเดิม ซึ่งจะได้มิติของดอกส้ม 2 โทนคือกลิ่นติดเขียวเปรี้ยวเจือนวลแบบ Neroli และกลิ่นนวลเปรี้ยวสะอาดเจือหวานติดตุ่ยเล็กๆ ตามธรรมชาติแบบดอกส้มที่สกัดด้วยตัวทำละลาย (Orange Blossom) กลิ่นเลยจะได้ทั้งความสดชื่นและความนวลสะอาดตีคู่กันไป ซึ่งพื้นกลิ่นจะมีความติดสบู่หน่อยๆ โดยที่มีกลิ่นช่วงต้นอย่างสายปร่าซ่ามาล้อมกลิ่นแบบเบาๆ ได้อารมณ์กลิ่นกึ่งธรรมชาติและกึ่งสบู่ดอกส้มหอมนวลซ่าๆ กำลังดี สร้างโทนสว่างขาวสะอาดปนบรรยากาศสดชื่นรอบตัว จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีโทนอบอุ่นเบาๆ อารมณ์อุ่นอ่อนๆ เข้ามา กลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนสถานะเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะมาในสายกลิ่นคลอผิว อารมณ์กลิ่นจะได้ความรู้สึกสะอาดนวลเปรี้ยวติดหวานอ่อนๆ ของดอกส้มที่มีโทนคล้าย Musk เบาๆ ตรึงไว้อยู่ โดยเนื้อกลิ่นจะมีลูกเล่นอบอุ่นอารมณ์แบบแสงแดดอารมณ์แบบแอมเบอร์ติดไม้หอมบางๆ ที่เสริมให้กลิ่นมีลูกเล่นของบรรยากาศที่มีความครบถ้วนมากขึ้น โดยที่คุมโทนเบาๆ ติดผิวไปเรื่อยๆ สร้างความรื่นรมย์และเรียบง่ายสายมินิมัลไปจนกว่าจะจางไปจากผิว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ เลยไม่ว่าเพศไหนก็จัดไป ได้สบายมาก ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป และยังใส่ไปออกกำลังกายก็ได้ เพราะกลิ่นมีโทนสดชื่นเจือสะอาดอยู่แล้ว ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่เข้าทางการใส่ไปตื้ด ไปเต้น ไปท่องราตรีแต่อย่างใด เพราะโดนกลบมิดแน่นอน

ความทน - มีความแกว่งในระดับหนึ่ง ตีไปที่ 6 ชม. เป็นพื้นฐาน แต่บวกลบอีก 2 ชม. ไว้ได้เลย เพราะกลิ่นอิงสภาพผิวกายและบรรยากาศด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. เป็นส่วนใหญ่ในการใช้งานที่ 6 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อที่สวมด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเพราะมีโทนฟุ้งๆ อยู่ แต่ก็จะค่อยๆ เบาลงมาจนกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันพอสมควร แล้วค่อยติดผิวเข้าทางการเป็น Whispering Scent ตามสไตล์ของ Jo Malone

สรุป - อย่างแรกกลิ่นไม่ได้เหมือน Jo Malone - Orange Blossom จากแบรนด์ใหญ่นัก แม้จะมีดอกส้มเป็นตัวชูโรงเหมือนกัน แต่ Orange Butterflies จะให้ความเป็นดอกส้มท่ามกลางอากาศยามเช้าที่สดชื่นแกมแสงแดดอุ่นๆ รายล้อมเสียมากกว่า ซึ่งถือว่าทำได้ดีและลงตัวตาม Concept ที่แบรนด์กำหนดไว้ไม่พอ ยังเพิ่มเติมความรื่นรมย์ในการรับกลิ่นได้ดีมากอีกด้วย โดยที่เน้นมุ้งมิ้งกลิ่นพลิ้วๆ กับผู้ใช้เองเป็นสำคัญ

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://twitter.com/jolovesofficial/status/999537374962077696

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Review: Jo Loves - Green Orange & Coriander

Jo Loves - Green Orange & Coriander 

ผ่านก็มาหลายรุ่นกับการผันตัวมาเปิดแบรนด์ตัวเองของ Jo Malone อย่าง Jo Loves ก็ได้เวลามาลองดมกลิ่นส้มของแบรนด์นี้ที่มีแรงบันดาลใจของกลิ่นมาจากบรรยากาศเก๋ๆ ช่วงสายๆ ยามกินอาหารแบบเช้าควบเที่ยงในวันอาทิตย์ ณ เมืองแอปเปิ้ลผลใหญ่ อย่าง New York City และเพื่อตอบสนองความเป็น Summer ของอากาศเมืองสารขัณฑ์บ้านเราว่าจะเสริมความสดชื่นท่ามกลางอากาศร้อนได้มากขนาดไหน
 เช่นนั้นก็ต้องมาใช้งานเพื่อบอกเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าจะออกมาเป็นโทนลักษณะใดกับรุ่นนี้เลย Green Orange & Coriander 

เริ่มต้นด้วยความสดชื่นสไตล์ส้มใสๆ ที่ไม่ได้ไปสายหวานหรือเปรี้ยว แต่มีความพอดีๆ ให้อารมณ์แบบน้ำส้มเช้งหน่อยๆ ของส้มขม (Bitter Orange) ที่ให้ความสดชื่นกำลังดี แต่กลิ่นจะมีความปร่านวลอ่อนๆ ของพริกไทยเจือเป็นพื้นหลัง แต่เพียงชั่วครู่กลิ่นโทนเครื่องเทศแบบเผ็ดปร่าจะเริ่มชัดขึ้นจากเม็ดผักชีที่มาตีคู่กับกลิ่นส้มใสๆ และมีความเขียวหน่อยๆ แบบกลิ่นผักชีเจือๆ รองพื้น ซึ่งโทนกลิ่นค่อนข้างปูไปทางกลิ่นอายแบบน้ำหอมผู้ชายที่มีโทน Citrus เคล้า Spicy อ่อนๆ ที่มีระดับเรียบหรูชัดเจน ไม่ได้มาสายตะบี้ตะบัน Sport เข้าไปแน่นอน แล้วกลิ่นก็จะเปลี่ยนโทนจากช่วงต้นสู่ช่วงกลาง ซึ่งกลิ่นโทนส้มจะยังคงอยู่ชัดเจน แต่จะมีความแห้งลงมาในระดับหนึ่งที่ยังคงมีความสดชื่นแบบกลิ่นน้ำส้มแห้งๆ เจือเปลือกส้มอยู่ แต่กลิ่นของผักชีและเม็ดผักชีจะโดดเด่นขึ้นมาพอสมควร จะให้ความเขียวเจือปร่านุ่มๆ ไม่ได้คมๆ ปร่าเผ็ดชัดๆ แบบน้ำหอมสาย Classic เพราะมีการเกลากลิ่นอย่างลงตัวทำให้ความ Spicy เผ็ดปร่ามันไม่คมเกินไป ไม่นุ่มเกินไป มีความเขียวจากใบผักชีกำลังดีแต่ไม่ฉุน ซึ่งในช่วงกลางจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้คือกลิ่นโทนออกทาง Herbal แห้งๆ มีความดาร์กนิดๆ จะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาเนียนๆ ซึ่งมาจาก Oak Moss โดยจะมาผสมผสานจะเป็นการสร้างสมดุลย์ที่กำลังดีระหว่างความเป็นโทน Citrus, Fresh Spicy และ Dry Green Herbal ได้ดีมาก และเริ่มมีความชัดเจนถึงกลิ่นอายโทนน้ำหอมสไตล์ผู้ชายที่ชัดมากขึ้นอีกด้วย

เมื่อกลิ่นเริ่มเข้าสู่ช่วงท้าย ก็เปิดทางให้โทน Herbal ซึ่งจะได้โทนกลิ่น 2 โทนที่ผสมผสานกันอยู่คือกลิ่นอายออกทางหญ้าปน Oak Moss ที่ให้ความเป็นโทน Earthy (ให้อารมณ์แบบกลิ่นพื้นดินผสมหญ้าหรือพืชแห้งๆ ที่มีความเขียวแห่งระเหยออกมา) และไม้หอมแห้งๆ คล้ายโทนแบบหญ้าแฝกที่ให้อารมณ์แนวๆ นี้ปนเครื่องเทศโปร่งๆ บางๆ ที่ตามมาจากช่วงกลาง เป็นเลเยอร์ซ้อนกัน โดยมีกลิ่นส้มเริ่มเหลือเพียงบางๆ ออกแนวแบบกลิ่นเปลือกส้มอ่อนๆ อ้อยอิ่งบางเบาคลอจางๆ ไปตลอด ซึ่งจะได้ความรู้สึกแบบกลิ่นแบบ Cool เท่ห์ มีความเป็นธรรมชาติ น่าค้นหา ดึงดูดแบบไม่ได้จงใจ ออกแนวเรื่อยๆ แต่คนได้กลิ่นจะรู้สึกว่ากลิ่นมีความสดชื่นมีระดับและ Cool จนเห็นเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ไปเอง 

เหมาะสำหรับ - แม้ว่าแบรนด์จะระบุว่าเป็น Unisex ที่ใช้ได้หมดทุกเพศ แต่เอาจริงๆ แล้วกลิ่นนี้ปูทางไปเป็นน้ำหอมโทนกลิ่นผู้ชายค่อนข้างชัดมากเลยทีเดียว ซึ่งถ้าผู้หญิงต้องการจะใช้ เอาจริงๆ ก็ใช้ได้เลย ให้ความเป็นโทนผู้หญิงที่ Cool เท่ห์ สบายๆ มีความเรียบหรู มีสไตล์บอยๆ น้อยแต่มาก ซึ่งกลิ่นนี้เรียกว่าเป็นมิตรกับทุกผู้ทุกนามและมีความสดชื่นกำลังดี จึงใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปแบบกวาดหมดเลย รวมถึงออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ก็ได้หมด โดยไม่ได้ดูเกร่อหรือไก่กาแต่อย่างใด ให้ความเรียบหรูมีระดับไปตลอด ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ในวันที่อากาศร้อนๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายชิลล์ๆ เรื่อยๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีแดนซ์ตลอดคืนแต่ประการใด 

ความทน - ประมาณ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าไม่ได้มาแบบ Whispering Scent ตามสไตล์ที่เคยรับรู้นัก แต่ให้การกระจายที่กำลังดี มีความเรียบหรูติดออกทางแมนๆ ที่ดู Cool ชัดเจน แล้วจะค่อยๆ ลดลงมากระจายปานกลาง พ้นไปซัก 3 ชม. ถึงจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ แล้วจะกลายเป็น Skin Scent เมื่อพ้นไปซัก 5-6 ชม. ตามแต่ละสภาพผิว 

ทิ้งท้าย - เอาตรงๆ กลิ่นนี้มีความคล้าย ตัวที่เจ้าของแบรนด์ทำไว้กับแบรนด์ Jo Malone อย่าง Lime Basil & Neroli ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าใครชอบกลิ่นอายสาย Citrus ที่เด่นกับมะนาวและมะกรูดฝรั่งปนสมุนไพรปร่านวลก็ไปที่ Jo Malone แต่ถ้าใครชอบกลิ่นส้มปนเครื่องเทศและ Oak Moss แบบเรียบหรูมีระดับก็มาที่ Jo Loves นั่นเอง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit https://www.spacenk.com/uk/en_GB/fragrance/personal-fragrance/fragrance/green-orange-coriander-a-fragrance-UK200021003.html



วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Jo Loves - Mango Thai Lime

Jo Loves - Mango Thai Lime 

น้ำหอมกลิ่นมะม่วงสุกเด่นนำที่ให้กลิ่นอายธรรมชาติ ทั้งหวานอมเปรี้ยวปนฉ่ำ เอาจริงๆ หาในท้องตลาดยากไม่ใช่น้อยเลย เพราะส่วนใหญ่มักจะมีโทนอื่นๆ มาดึงโทนกลิ่นให้เป็นไปตาม Concept ของรุ่นนั้นๆ เสียมาก ซึ่งเมื่อเห็นว่า Jo Loves ได้สร้างสรรค์กลิ่นอายมะม่วงออกมากับชื่อรุ่นว่า Mango Thai Lime มีหรือจะที่จะยอมพลาดตามสไตล์ของมันต้องมีแม้ยังไม่เคยใช้มาก่อน และมะม่วงของ Jo Malone ที่สร้างสรรค์ออกมาในความเป็นแบรนด์ของตัวเอง กลิ่นก็เป็นเช่นนี้เลย

เปิดต้นกลิ่นด้วยความสดชื่นของกลิ่นอายมะนาวเปรี้ยวๆ คมๆ ที่มีกลิ่นนวลๆ ปร่าคมๆ ของพริกไทยที่ทำให้กลิ่นฟุ้งพุ่งออกมาให้ความสดชื่นสว่างๆ กันก่อนเลย แต่สิ่งที่จะเริ่มจับต้องได้ถัดมาคือ ความเปรี้ยวเด่นปนฉ่ำหวานหอมหน่อยๆ ที่เจืออยู่ในเนื้อกลิ่นของโทนมะม่วงสุกที่ออกแนวเป็นสายสนับสนุน ให้กลิ่นไม่ได้ถึงกับเปรี้ยวใสๆ นัก มีโทนลูกเล่นระหว่างความเป็Citrus ที่ให้ความสดชื่น ความเป็น Fresh Spicy ของพริกไทยที่ให้ความแน่นอวล และความเป็น Tropical แบบผลไม้เมืองร้อนกลิ่นเปรี้ยวอมหวานฉ่ำกำลังดี กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติที่ลงตัว ซึ่งยังเชื่อขนมกินได้ว่า Jo Malone ไม่เคยทำให้ผิดหวังในการทำกลิ่นเปิดที่สร้างความประทับใจมาเสมอ ซึ่งกลิ่นเปิดรุ่นนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น 

จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายติดเขียวปนนวลปร่าอ่อนๆ มีความนุ่ม Peppery ของดอกฟรีเซียค่อนๆ เสริมขึ้นมาและมีกลิ่นโทนสมุนไพรสดชื่นติดเขียวมินต์จางๆ สร้างให้กลิ่นมีโทนที่ปลอดโปร่งสบายๆ ติดรื่นจมูกเป็นตัวอ้อยอิ่งให้รับรู้ได้ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางกันอย่างชัดเจน ซึ่งโทนเปรี้ยวสดชื่นปนปร่าติดมะม่วงจะยังมีความชัดเจนอยู่ โดยที่จะมีความอะโรม่าติดเขียวนวลปร่ามีความซ่ามินต์กำลังดีมาเสริมทัพความสดชื่น ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไประยะหนึ่งในการเปลี่ยนถ่ายโทนมาสู่ความนวลที่ค่อยๆ Take Over เรื่อยๆ จนกลิ่นมะนาวเริ่มจะเป็นโทน Airy บางเบามากขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งความรู้สึกสดชื่นให้จับต้องได้ และโทนกลิ่นเริ่มคล้ายสบู่นวลติดเขียวสมุนไพรปนกลิ่นมะม่วงสุกหน่อยๆ เปรี้ยวเจือหวานเบาๆ กำลังดีๆ จะเป็นตัวเอกหลักให้กลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติของกลิ่นแบบรื่นรมย์ผ่อนคลายสบายๆ ไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีกลิ่นอายไม้หอมค่อยๆ เสริมเข้าทีแบบเนียนๆ ให้โทนนวลๆ ปนสดชื่นเริ่มจะเบาลงไป ก็เข้าช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ ปนกลิ่นสมุนไพรแนวๆ มินต์ ที่ให้ความนวลสบายๆ แต่ก็จะมีกลิ่นติดเปรี้ยวให้รู้สึกได้ถึงมะม่วงสุกติดปลายกลิ่นบางๆ ซึ่งกลิ่นช่วงท้ายจะเน้นโทนสะอาดที่มีความโปร่งสบายๆ ผ่อนคลายแบบเบาๆ กำลังดี มีความเรียบหรู แบบ Whispering Scent ตามสไตล์การทำน้ำหอมของ Jo Malone ที่ให้อารมณ์แบบอะโรม่าเรื่อยๆ แบบผ่อนคลายมีกลิ่นมะม่วงสุกอ่อนๆ กับความสดชื่นปนเครื่องเทศที่ได้อารมณ์ค่อนมาทางกลิ่นอายแบบไทยติด Modern ได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นได้ทุกเพศ แต่มีค่อนไปทางผู้ชายมากกว่านิดหน่อย เพราะความเป็นโทน Fresh Spicy ที่มีความเขียวคมๆ แต่ยังไงสาวๆ ใส่ได้สบายมาก ซึ่งจัดได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย กลิ่นมีความครอบจักรวาลชัดเจน จะทางการก็ได้ สบายๆ ก็ดี ใส่ลุยๆ ก็พอได้อยู่ เพราะมันสดชื่นแต่อาจจะไม่ได้ถึงกับ Macth เต็มร้อยนัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะใส่ไปท่องราตรีโดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. ที่อาจจะมีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์ และสภาพผิวเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 6 ชม. บนผิว และ 8 ชม. บนเสื้อที่สวม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น คม ชัด สดชื่น ง่วงๆ อยู่ตื่นเลย แต่จะดรอปลงมาเป็นออร่าอ่อนๆ ก่อนจะเป็น Skin Scent ยาวไป 

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ มองว่ากลิ่นนี้ไม่ใช่มะม่วงที่เด่น แต่เป็นมะนาวกับพริกไทยมากกว่าที่คุมโทนได้ดี โดยมีมะม่วงเป็นลูกคู่ชั้นดีเสียมาก ซึ่งอันนี้ยอมรับในเรื่องกลิ่นเปิดที่ทำได้ดีมากจริงๆ ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งกลิ่นอาย Skin Scent ที่เน้นสดชื่นติดเรียบหรูสบายๆ เป็นธรรมชาติเคล้าคลอไปกับผิวได้ลงตัว ไม่รบกวนใครให้เรามุ้งมิ้งกับตัวเองได้ดีเช่นกัน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/perfume/Jo-Loves/Mango-Thai-Lime-16436.html

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Jo Loves - Red Truffle 21

Jo Loves - Red Truffle 21 

เรียกว่าหลงเสน่ห์ก็ว่าได้กับกลิ่นอายแบบที่คุ้นเคยแต่มีเสน่ห์มากขึ้นด้วยฝีมือขอJo Malone ที่มาในแบรนด์ของตนเองอย่าง Jo Loves จนต้องหากลิ่นอายที่น่าสนใจมาเข้าบ้านตามด้วยซึมซับกับความเก๋าเกมของสุคนธกรว่าทำออกมาได้งดงามขนาดไหน และก็ได้เวลาของรุ่นนี้บ้างที่จะมาเล่ากลิ่นนั่นคือ Red Truffle 21 

เปิดความเป็น Red Truffle 21 กันด้วยกลิ่นอายเขียวๆ แบบขยี้ใบไม้ ซึ่งกลิ่นของใบ Fig หรือมะเดื่อฝรั่งจะชัดเจนมาก มาแบบเขียวติดขมแต่ไม่ได้เข้มมากฟุ้งกระจายออกมา และมีกลิ่นแนวๆ หญ้าหรือใบไม้เขียวๆ ที่ถูกตัดแบบติดเปรี้ยวผสมผสานอยู่ตลอดในเนื้อกลิ่น แต่จะพอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายดินจางๆ และอากาศสดชื่นที่แทรกอยู่ในกลิ่น เพียงไม่นานกลิ่นจะเริ่มมีความครีมมี่แบบเบาๆ มีความอบอุ่นกำลังดีของลูก Fig เคล้าความเขียวแบบใบไม้ที่ยังคงอยู่จากใบ Fig และใบไม้อื่นๆ แต่จะมีกลิ่นอายแบบสดชื่นติดเขียวโปร่งๆ ซ่าบางๆ ของจูนิเปอร์ และมีความเปรี้ยวแบบ Citrus ผสมผสานอยู่ รองพื้นด้วยความเป็นมีกลิ่นอายไม้หอมโปร่งสว่างแห้งๆ กับกลิ่นอายแบบเห็ดที่ออกทางกลิ่นดินๆ กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกเหมือนกับเดินเล่นท่ามกลางต้นไม้ที่ไม่ได้สูงมากจนเราได้กลิ่นใบไม้เขียวๆ เนื้อไม้ และไอดินท่ามกลางอากาศอบอุ่นกึ่งสดชื่นติดเปรี้ยวกำลังดีไปตลอด ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะลากยาวไปเลย จนเมื่อความเขียวในเนื้อกลิ่นเริ่มจางลงไปเหลือเพียงบางเบา ความเป็นกลิ่นอายแบบ Earthy ที่เป็นกลิ่นดินสะอาดติดกลิ่นเห็ดแบบติดจืด เคล้าความหวานดึงดูดรื่นจมูกแบบอ้อยอิ่งของพิมเสนติดกลิ่นแนวๆ เปลือกไม้หน่อยๆ จะกลายเป็นตัวเด่นนำเต็มๆ ในช่วงท้าย โดยมีกลิ่นไม้หอมแห้งๆ โปร่งๆ ที่มาจากแนวๆ หญ้าแฝกแห้งๆ กับไม้ซีดาร์โปร่งๆ เป็นตัวทำให้กลิ่นมีความโปร่งสบายๆ แบบมีมิติ ซึ่งแน่นอนว่าความรู้สึกแบบอากาศสดชื่นติดเขียวเปรี้ยวจางๆ จะยังอยู่ให้รู้สึกได้ถึงความเป็นกลิ่นอายสะอาดและสบายตามธรรมชาติ ซึ่งช่วงนี้กลิ่นจะทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีเห็ดในดินสะอาด มีความเขียวติดครีมบางๆ ปนหวานรื่นรมย์อะโรม่าไปตลอด ท่ามกลางบรรยากาศที่ธรรมชาติและปลอดโปร่งนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเลย วัยตั้งแต่เด็กมัธยมเลยก็ได้ ซึ่งกลิ่นยืนพื้นที่ความเป็นโทนอะโรม่าและเป็นธรรมชาติ เลยกวาดได้หมด เข้ากับทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบครอบจักรวาลในการใช้งานได้เลย อาจจะไม่ได้มาสายยั่วเย้ายวนอะไรก็เท่านั้นเอง ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่แบบทั่วๆ กับอากาศร้อนๆ บ้านเราเรียกว่าเข้ากั๊น เข้ากัน แต่ปิดตายการใส่ไปเพื่อท่องราตรีได้เลย กลิ่นจะโดนกลบไม่พอ คนอาจจะคิดว่าไปขุดเห็ดหรือริดใบไม้มาหรือเปล่าเอาได้ 

ความทน - ลงตัวมากมายที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบบ้างอิงตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด และสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น มีความเขียวธรรมชาติได้ลงตัวมากกกก และจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนถึงช่วงท้าย พอผ่านไปซัก 6-8 ชม. จะเป็น Skin Scent ชัดเจน 

ทิ้งท้าย - กลิ่นเห็ดตามธรรมชาติ มันไม่ตุ่ยๆ แบบเห็ดที่เราได้กลิ่นตามตลาด แถมมาแบบการเป็นเห็ดทรัฟเฟิลเคล้ากับกลิ่น Fig อีก เรียกว่า JO Malone นำเสนอความเป็นธรรมชาติจับมาลงขวดได้เป๊ะ! และมีความเก๋ปนมีระดับได้ดีมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 



Photo Credit by http://www.spacenk.com/dw/image/v2/ABCE_PRD/on/demandware.static/-/Sites-spacenkmastercatalog/default/dwa2b511a4/products/JO_LOVES/UK200021006_JO_LOVES.jpg?sw=750&sh=750

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Review: Jo Loves - White Rose & Lemon Leaves

Jo Loves - White Rose & Lemon Leaves 

เรียกว่าเป็นแรงบันดาลใจส่วนตัวเลยก็ว่าได้ที่พยายามอย่างมากในการตามมาน้ำหอมกลิ่นกุหลาบมาลองในหลายๆ แบบเพราะความมีเสน่ห์ส่วนตัวของกลิ่นโทนนี้ที่เรียกว่าเป็นราชาแห่งดอกไม้ แม้ว่าบางครั้งได้กลิ่นกุหลาบที่แห้งจัดๆ จะมีเวียนเศียรไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม จนเมื่อได้มีโอกาสครอบครองแบรนด์ล่าสุดของ Jo Malone ที่แยกตัวออกมาทำของตัวเองเน้นๆ ไม
่มีการควบคุมจากเครือใหญ่ใดๆ อย่าง Jo Loves เหลือบไปเห็นว่ามีกลิ่นกุหลาบที่น่าสนใจอยู่ตัวหนึ่ง เช่นนั้นจัดไปอย่าให้เสีย สอยแบบไม่สนใจว่าจะต้องกินมาม่าอีกกี่มื้อ จึงได้รู้ว่ารุ่นที่ได้สอยมามีกลิ่นที่งามมากเช่นนี้ 

White Rose & Lemon Leaves เป็นกลิ่นกุหลาบที่มีความพลิ้วไหว และมีโทนขาวสว่างนวลแบบที่ได้ทั้งความรู้สึกรื่นรมย์ อะโรม่า และอ่อนโยน เคล้ากับความสดชื่นได้น่าดูชมและดมกลิ่นเลยทีเดียว เพราะเปิดต้นกลิ่นมา แม้จะจับได้ถึงความเป็นกุหลาบเบาๆ ที่แฝงอยู่ในเนื้อกลิ่น แต่ก็จะมีกลิ่นอายของเลมอนที่มีความสดชื่นติดปลายขมมีความซ่า เคล้ากับกลิ่นเขียวๆ ของกิ่งก้านใบส้มที่มีโทนเขียวสดชื่นเจือกลิ่นแบบกุหลาบบางๆ ในเนื้อกลิ่นมีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ เจืออยู่ข้างในซึ่งจะมาแบบนิ่งๆ และมีความเป็นโทนเครื่องเทศโทนเผ็ดโปร่งอมหวานให้รู้สึกได้ว่ามีมิติหวานเบาๆ เสริมกลิ่นกุหลาบได้ดีมาก เพียงไม่นานกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ จะเริ่มชัดมากขึ้น และเป็นเหมือนตัวหลักเด่นเลยในช่วงกลาง เพียงแต่กลิ่นกุหลาบที่ได้จะไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบสีชมพูจ๋าๆ ที่หวานโปร่ง หรือสีแดงที่เย้ายวนคลาสสิค จะได้ความรู้สึกโปร่งนวลมีความเบา แต่ก็ยังชัดเจนให้จับต้องได้ ซึ่งก็มาตามลักษณะของความเป็นกุหลาบขาวที่มีความนุ่มนวลโปร่งเบาและดูสุภาพแบบโทนสว่าง ในเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงความเป็นโทนเครื่องเทศแนวพริกไทยอ่อนๆ ติดเขียวของใบเจอราเนียมเคล้าความเป็น Citrus ที่ตามมาตั้งแต่ช่วงต้นเสริมให้กลิ่นกุหลาบชัดเจนแบบมีความละเมียดเคล้าความสดชื่นสว่างมีระดับ และจะมีความโปร่งนวลๆ ให้รู้สึกได้ว่ามีโทนหอมอ้อยอิ่งใสๆ บางๆ เย็นๆ ของดอกกระดิ่ง หรือ Lily-of-the-Valley ที่เสริมให้กลิ่นมีความพลิ้วใสในความละมุนแบบโปร่งๆ ที่รู้สึกได้ตลอด จนเมื่อเริ่มมีกลิ่นอายหวานหอมนวลกึ่งใสและมีความอบอุ่นแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ก็เปิดทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่ Grand Opening กลิ่นน้ำผึ้งหอมหวานอบอุ่นแต่ไม่หนักหน่วง กลิ่นอายจะออกทางเหมือนได้กลิ่นน้ำผึ้งธรรมชาติที่มีความกึ่งใสกึ่งนวลหอมหวานนวลกรุ่นมากำลังดี ซึ่งความอบอุ่นที่ได้รับจะมาจากโทนติดแอมเบอร์อ่อนๆ ที่มาสายสนับสนุนให้มีโทนอบอุ่นที่ชัดเจน แต่ไม่แย่งซีนใดๆ เพราะกลิ่นของกุหลาบยังคงชัด ผสมผสานกับความเป็นน้ำผึ้งได้ลงตัวเป็นกุหลาบขาวน้ำผึ้งที่หอมนวลสว่างอบอุ่นติดหวานใสได้อย่างลงตัวไปตลอดนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ตราเอาไว้ว่าสำหรับสาวๆ แต่เอาจริงๆ เพราะกลิ่นที่ไม่ได้ปล่อยพลังทำลายล้างสไตล์ Jo Malone เลยทำให้มีความเป็น Unisex พอสมควรสำหรับผู้ชายที่อยากใส่น้ำหอมกลิ่นกุหลาบก็สามารถ ซึ่งกลิ่นจะเหมาะกับตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมีโทนที่สว่างนวลจริงๆ โดยยังมีความเป็นกุหลาบที่หอมนวลละมุนชัดเจน แต่ไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายเพราะกล่นไม่ได้เอื้อให้ไปเส้นทางแห่งการเสียเหงื่อแน่นอน ส่วนยามค่ำคืน ถ้าเป็นการใส่เพื่อออกงานหรือไปงานแต่ง เรียกว่าลงตัวมากกกก แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี เกรงว่าเรียบร้อยและเบาไป แพ้ชาวบ้านในเรื่องการปล่อยพลังแน่นอน 

ความทน - พอขยับมาเป็น Jo Loves ความทนเลยเพิ่มขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว เพราะความทนอยู่ที่ 8 ชั่วโมงถ้าเทียบแบบเฉลี่ยเป็นสำคัญ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด แต่ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม ลากยาวไปมากกว่า 8 ชั่วโมงจนถึง 12 ชม. ได้แน่นอน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางแบบกำลังดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ากุหลาบขาวรอบๆ ตัว และเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายที่ให้ความรู้สึกหอมหวานอบอุ่นสว่างๆ กำลังดี ตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อน 

ทิ้งท้าย - พี่ที่เคารพคนนึงบอกว่า กลิ่นนี้ให้อารมณ์แบบวันแต่งงานที่มีแต่ดอกไม้กุหลาบขาว และมีความหอมหวาน ปนอบอุ่นสว่างสไว ซึ่งใช่เลยภาพแบบนี้ปรากฎขึ้นในหัวทันทียามที่ใช้ กลิ่นได้ความรู้สึกแห่งความหวาน หอม ใส สดชื่น อบอุ่น และมีความสุขที่พลิ้วไหวได้ลงตัวมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Jo Loves - http://www.joloves.com/media/catalog/product/p/r/product_centre_fragrance_100_rose.jpg



วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Jo Loves - Pomelo

Jo Loves – Pomelo

หลังจากที่ Jo Malone ได้ประสบความสำเร็จอย่างแรงมาก แน่นอนว่าก็มีเครือดังมาขออุ้มชูต่ออย่าง Estee Lauder ก็ทำให้ Jo Malone ฮิตติดลมบนมาตลอดเป็นแบรนด์ดังระดับโลกทางด้านน้ำหอม จนมาถึงวันหนึ่งป้าโจเขาก็ปล่อยให้เครือนี้เขาดำเนินการโดยใช้ชื่อของเขาต่อ และหันมาเปิดแบรนด์น้ำหอมของตัวเองอย่าง Jo Loves แยกออกมาเป็น Exclusive แบบชัดเจนที่ UK เท่านั้น ไหนๆ มีโอกาสได้อะไรที่หายากมาเช่นนี้ก็ต้องขยายกันหน่อยแล้วว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไงบ้างกับแบรนด์นี้ ในตัวแรกที่มีโอกาสได้ลองนั่นคือ Pomelo

ส้มโอชัดเจนมากตั้งแต่ต้นยันจบ เพราะกลิ่นนี้มาเต็มในเรื่องของความเป็น Citrus ที่ชัดเจนอย่างกับปอกเปลือกส้มโอแล้วกลิ่นฟุ้งขึ้นมา ตามด้วยหยิบเนื้อส้มขึ้นมากินให้มีกลิ่นอายเปรี้ยวฟุ้งในคอและในปากหอมอย่างธรรมชาติและอะโรม่าฟินๆ กันไป หรือจะเอาเปลือกส้มโอที้ปอกแล้วมาคลุมหัวเป็นผมหน้าม้ากลิ่นที่ได้ก็มาแบบเปลือกส้มหอมมาเลยก็ย่อมได้ และนี่คือ Top Notes แบบชัดเจนมากกับการเป็นส้มโอที่มาครบเครื่องในเรื่องความเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว แม้ว่าเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นกุหลาบ แต่ก็แบบเบาบางพอสัมผัสได้แนวๆ สายสนับสนุนให้กลิ่นส้มโอจัดเต็มไปเลย เรียกว่าเป็นส้มโอเดินได้กันเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง ความเป็นส้มโอในช่วงแรกจะยังคงชัดเจนอยู่ แต่กลิ่นของหญ้าแฝกจะเสริมเข้ามาให้มีความเป็นโทนไม้หอมแห้งๆ ลดทอนความสดชื่นหอมจัดเต็มของส้มโอในตอนแรกลงมาบ้างแบบสมดุล โดยที่ไม่ลดบทบาทส้มโอให้หายต๋อมแบบน้ำหอมโทนสดชื่นอื่นๆ ที่โทน Citrus มักมาเร็วเคลมเร็ว กลายเป็นสนับสนุนกันเป็นอย่างดีไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝกชูโรงความเป็น Citrus ได้ลงตัวติดขมนิดๆ กลิ่นจะมีความนวลเขียวติดดินกำลังดีและมีพิมเสนเริ่มเข้ามาเจือจนเข้า Base Notes ที่พิมเสนจะมาแบบนวลสะอาดเคล้ากลิ่นของส้มโอที่เริ่มเบาลงมา โดยจะมีกลิ่นนวลๆ นุ่มของหนังกลับเป็นตัวรองพื้นเอาไว้ตรึงกลิ่นให้สดชื่นติดหอมนวล โดยที่จะมีความสะอาดนุ่มแบบไม่โหลและมีความสดชื่นคลอแบบกลิ่นส้มโอติดผิวกายไปตลอดจนฟินไปเลย

เหมาะสำหรับ ทุกเพศตั้งแต่วัย ม.ต้นขึ้นไป ก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมากกับการปอกเปลือกส้มโอที่จะได้ความรู้สึกที่สดชื่นติดขมเขียวอะโรม่าชัดเจน กลิ่นเข้าถึงง่ายมากด้วยเช่นกัน จึงสามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบว่ากวาดหมด ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งก็สามารถ (แต่มันหายากนะจะเปลืองไปไหมถ้าไม่ได้อยู่ UK) ส่วนยามค่ำคืนอาจจะเหมาะกับยามอากาศร้อนๆ ที่จะช่วยให้สดชื่นและผ่อนคลาย แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไป ล่าแต้มแต่ประการใด เพราะกลิ่นจะไปสู่โทนหวานไม่ได้แน่ๆ เผลอๆ อาจจะมีคนทักว่าใครปอกส้มโอมาเสียด้วยซ้ำ

ความทน เรียกว่าความทนลงตัวกับประมาณ 6 ชม. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงเคมีด้วยเป็นสำคัญ ส่วนตัวใส่อยู่ในห้องแอร์ตลอดไม่ได้เจออากาศร้อนๆ มากนัก เจอที่ 8 ชม. ได้สบายๆ เลย

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าได้ความเป็นส้มโอแบบจัดเต็มและธรรมชาติมากจริงๆ ก่อนจะลดลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบคนใส่สดชื่นกับตัวเอง แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายจนกว่าจะจางไปจากผิว

ทิ้งท้าย ตอนนี้บอกเลยว่าไม่มีน้ำหอมตัวไหนที่ให้กลิ่นอายแบบส้มโอได้ชัดและธรรมชาติได้มากเท่าตัวนี้แล้วจากที่เคยได้สัมผัสมา ของเขาดีจริงๆ ที่สำคัญมัน Rare Item มากด้วย อยากได้ก็ต้องบินไปหรือฝากชาวบ้านเขาสินะ 555555

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ
- http://www.joloves.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/p/r/product_middle_fragrance_100_pomelo.jpg