แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Profumum Roma แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Profumum Roma แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: Profumum Roma - Ichnusa

Profumum Roma - Ichnusa

ถ้าว่ากันด้วยเกาะที่เป็นอันดับใหญ่ที่สุดของอิตาลี นั่นก็คือ Sicily ที่ในแวดวงน้ำหอม ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เอามาสร้างสรรค์กลิ่นกันอย่างหลากหลายมาก เรียกว่าแทบทุกอย่างทั้งเอกลักษณ์ สถานที่ และสภาพแวดล้อมของ Sicily กลายเป็นกลิ่นน้ำหอมได้ราวๆ นั้น เพราะที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่อันดับหนึ่ง Hot ขนาดนี้ อันดับ 2 ล่ะมีไหมที่เอามาสร้างสรรค์กลิ่นลงขวด?

ก็มีอยู่ เพราะเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลี คือ Sardinia ที่ถือเป็นอีกหนึ่งในแคว้นปกครองตนเอง โดยอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างอิตาลีและตูนิเซีย ซึ่งเดิมทีในสมัยโบราณเกาะนี้ถูกเรียกว่า Ichnusa ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันไม่ได้เรียกแบบนี้แล้วแต่บนเกาะก็ยังถูกใช้เรียกกันอยู่บนเกาะเช่นเดิม และเกาะนี้ก็ได้รับการ Tribute ทางกลิ่นด้วยเช่นกัน โดยฝีมือของแบรนด์ Profumum Roma ที่จะถอดเอาความเป็นสภาพแวดล้อมของเกาะมาลงขวด ซึ่งกลิ่นจะสื่อความถึงกลิ่นอย่างไร มาพิสูจน์กัน

กลิ่นเปิดดมแบบผิวเผินอิงตามประสบการณ์ตัวเองจะได้อารมณ์แบบลูกฝรั่งสีเขียวที่ไม่ได้สุกมาก อารมณ์แบบกรอบกำลังดีมาก่อนในวูบแรก แต่จริงๆ แล้วเนื้อกลิ่นไม่น่าจะสื่อไปทางลูกฝรั่งแต่น่าจะสื่อไปถึงกลิ่นโทนเขียวที่มีความผ่อนคลายและสดชื่นมากกว่า ซึ่งเมื่อปรับจมูกภายในไม่นานก็จะจับได้ว่า จะมีกลิ่นหญ้าที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นโทนหญ้าแห้งแกมหญ้าสดที่พึ่งตัดใหม่แต่โดนเกลากลิ่นโดยสมุนไพรติดเขียวปร่าอ่อนกึ่งหวานของเมอร์เทิลที่เข้ามามีบทบาทมากเลยทีเดียบวรวมถึงเนื้อกลิ่นมีโทน Citrus คล้ายๆ เลมอนติดสว่างๆ เนียนๆ แฝงอยู่ด้วยในการสร้างความสดชื่นซึ่งช่วงเปิดถือว่าสร้างสมดุลย์ทางกลิ่นระหว่างโทนเขียวแกมหวานสมุนไพรที่มีความปร่าหวานสดชื่นได้ดีมากและสร้างความน่าติดตามต่อได้ดีเลยทีเดียว

ก่อนจะเข้าช่วงกลางสิ่งที่จะจับต้องได้เลยคือกลิ่นไม้หอมที่ติดเขียวมีความปร่าทึบปลายกลิ่นมิลค์กี้อ่อนๆ เสริมเข้ามาเรื่อยๆ แล้วจะเริ่มมีความเขียวติดทึบขมที่มีเสน่ห์แกมปลายครีมมี่บางๆ ของใบมะเดื่อฝรั่งหรือ Fig เข้ามาชัดมากขึ้นจนเป็นตัวเด่นในช่วงกลางที่กลิ่นจะไม่ได้ตะบี้ตะบันยัดเยียดความเป็น Fig ให้กับผู้ใช้ แต่จะให้อารมณ์แบบอยู่ใต้ต้น Fig ที่มีกลิ่นต่างๆ เฉพาะทั้งไม้ Fig และใบ Fig ที่ติดโทนไปทางแห้งๆ โดยมีกลิ่นสมุนไพรแกมเขียวที่เป็นลูกผสมจากช่วงต้นของหญ้าตัดสด หญ้าแห้ง และเมอร์เทิล ที่เสริมความหวานแบบสภาพบรรยากาศอารมณ์เดินในสวนแถวๆ ที่ปลูกต้น Fig อะไรประมาณนั้น ซึ่งถือว่าให้ความผ่อนคลายกำลังดีทั้งความเขียว ความขมทึบ ความเป็นไม้หอม และความเป็นสมุนไพร ที่รวมๆ แล้วไม่เยอะสิ่งมีความเป็นธรรมชาติแบบที่สร้างความผ่อนคลายได้เกินคาด

ในช่วงท้ายเรื่อยว่าแทบไม่ได้เปลี่ยนไปทางจากช่วงกลางเท่าไหร่ เพราะว่าเนื้อกลิ่นจะยังคุมโทนแบบกลิ่นต้น Fig แกมใบ Fig อยู่ เพียงแต่กลิ่นจะเบาลงมาในระดับที่ออกทางติดผิว แต่กลิ่นที่จับต้องได้ชัดขึ้นคือกลิ่นหญ้าแห้งอ่อนๆ เคล้ากับกลิ่นติดหวานบางๆ ที่เมอร์เทิลที่ยังคงมีอิทธิพลมาจนถึงช่วงนี้ แต่กลิ่นจะมีความอบอุ่นให้รู้สึกได้มากขึ้น อารมณ์แบบกลิ่นในสวนติดผิวกายมา โดยมีกลิ่นต้นไม้ใบ Fig คลอผิวอ่อนๆ แบบอากาศอบอุ่น ถือว่าเป็นการปิดท้ายเนื้อกลิ่นได้เป็นธรรมชาติและมีความมินิมอลเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาในการสื่อสารกลิ่นแบบบรรยากาศแนวฤดูร้อนได้พอดีและลงตัว

เหมาะสำหรับ - Unisex ไม่ว่าเพศไหนก็จัดไป ยิ่งถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นโทนเขียวและ Fig เป็นทุนเดิม บอกเลยว่าโดนตกได้แทบจะในแรกฉีดเลยทีเดียว ซึ่งเนื้อกลิ่นเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบครบวงจรในการใช้งานทั้งทางการและทั่วไป แต่ถ้าใส่ยามค่ำคืนอาจจะเน้นเป็นการใส่สบายๆ แทนจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายปล่อยของแต่อย่างใด

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งเพราะกลิ่นเป็นธรรมชาติมากๆ ด้วยแบบที่ไม่ได้จงใจยัดเยียดให้เรารู้สึกถึงธรรมชาติ ความทนเลยถือว่าสมเหตุสมผล ถ้าอยากให้ทนมากขึ้นอาจจะต้องฉีดเสื้อที่สวมร่วมด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ให้ความรื่นรมย์กันตั้งแต่ช่วงเปิด ก่อนที่จะลดทอนลงมาปานกลางให้ความเป็น Fig ตามธรรมชาติแบบเราไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับมันมาก แต่กลิ่นลอยตามลมเข้ามากระทบจมูกเรา ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวเอาตอนผ่านไปราวๆ 3  ชม. ไปแล้ว ถึงค่อยๆ ลดลงมาติดผิวเอาตอนก่อนชั่วโมงที่ 5 แล้วยาวไปจนกว่าจะจาง

สรุป - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ Fig เด่น แต่ไม่ได้ยัดเยียดให้ต้องมิลค์กี้ ต้องเขียวทึบ ต้องขมครีมมี่ แต่ให้ความเป็นธรรมชาติจริงๆ เสมือนเราเดินเล่นในสิ่งแวดล้อมที่มีต้น Fig และสมุนไพรในวันอากาศอบอุ่น เรียกว่าสร้างความรื่นรมย์ได้ดีมาก แม้ว่าเมื่อเหลียวไปเห็นราคาจะสะดุ้งมากหน่อยก็ตาม  

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.profumum.com/en/perfumes/perfumes-ichnusa/?v=fa868488740a

 

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Review: Profumum Roma - Arso

Profumum Roma - Arso 

Profumum Roma เป็นแบรนด์ Niche Perfume จากอิตาลีที่ก่อนจะเป็นแบรนด์ได้มีเรื่องราวและที่มาอย่างยาวนานตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับการดิ้นรนทำงานอย่างหนักเพื่อให้มีชีวิตต่อไปให้ได้ภายหลังจากสงครามสิ้นสุดลงของต้นตระกูล โดยเริ่มจากการเปิดเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลับมีดก่อน แล้วค่อยๆ ขยายเป็นลับกรรไกร ตามด้วยข้ามโซนมาทำสบู่ โลชั่นสำหรับเส้นผม และโคโลญจน
์ในเวลาต่อมาจนถึงรุ่นหลาน ที่เริ่มมองเห็นทิศทางของการไปต่อทางธุรกิจในการทำน้ำหอมสาย Niche Perfume เลยได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นแบรน Profumum Roma ขึ้นมาในปี 1996 และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน 

เช่นนั้นความอยากที่จะสัมผัสกลิ่นอายที่แบรนด์นี้สร้างสรรค์ขึ้น จึงทำให้ต้องหามาซึมซับกันหน่อยกับการได้หนึ่งในน้ำหอมที่เจาะจงไปที่กลิ่นอายสไตล์ผู้ชายเลยอย่างรุ่น Arso มาใช้งาน เช่นนั้นจะเป็นอย่างไร ก็เล่ากลิ่นออกมาได้ในลักษณะนี้เลย 

Arso ถ้าแปลออกมาเป็นภาษาไทย ความหมายคือ การเผาไหม้เช่นนั้นกลิ่นก็เปิดตัวกันอย่างชัดเจนตามชื่อรุ่นเลย โดยจะเริ่มต้นที่กลิ่นโทนใบไม้แห้งไหม้ อารมณ์แบบเผาใบไม้หลังกวาดมารวมกันเสร็จพอสมควร ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความเป็น Smoky อื่นๆ ที่เข้ามาเสริมอย่างกลิ่นไม้ซีดาร์ติดควัน ซึ่งให้กลิ่นมีมิติของการติดควันไอเป็น 2 สเต็ปในการดม เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้หนักหน่วงชวนสำลักควันมากขนาดนั้น เพราะว่าจะมีโทนกลิ่นที่มาตัดทอนอย่างยางไม้สนไพน์ที่กลิ่นจะให้ความสะอาดติดเขียวผสมผสานกับกลิ่นไม้หอมที่มีความชื้นเย็นหน่อยๆ และมีความหวานนุ่มจมูกติดปลายกลิ่นที่ทำให้มีโทนอะโรม่ารื่นรมย์เข้ามา พร้อมกับกลิ่นอายบรรยากาศที่มีความเย็นๆ ประปราย ทำให้ภาพรวมของกลิ่นในช่วงต้น คือกลิ่นอายแบบเผาใบไม้ที่มีฟืนจากต้นสนไพน์เข้าไปรวมด้วยทำให้ได้กลิ่นอาย Smoky ที่มีเสน่ห์ท่ามกลางอากาศเย็นๆ และมีความเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว

และเมื่อผ่านไปซักครู่กลิ่นโทน Smoky จะเริ่มคงตัวและมีความนุ่มจมูกมากขึ้น แต่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโทนหนังที่ไม่ได้มาแบบดิบห่ามหรือ Animalic นัก แต่จะให้ความเป็นหนังที่เย็นๆ อารมณ์แบบกลิ่นหนังอ่อนๆ ที่อยู่ในอากาศเย็นมากๆ ที่ทำให้จมูกเรารับกลิ่นแล้วจะรู้สึกไม่หนักประมาณนั้นเลย ซึ่งจะมาเป็นตัวเสริมที่ดีให้กลิ่นมีมิติทำให้เห็นภาพมากขึ้นในลักษณะแบบเสื้อหนังกับเตาผิงที่กำลังเผาไหม้ไม้สนไพน์กับซีดาร์แล้วส่งกลิ่นไม้ไหม้ปนหวานนวลออกมาเรื่อยๆ กลิ่นจะมีความดาร์กในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ดำดิ่ง ให้ความอะโรม่าที่ดึงดูดอย่างมีเสน่ห์กำลังดีเสียมากกว่า ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเริ่มสัมผัสได้ว่าในกลิ่นไม้สนไพน์กับไม้ซีดาร์ Smoky จะมีโทนติดเค็มอ่อนๆ ให้จับต้องได้ รวมถึงเริ่มพัฒนากลิ่นอายสู่ความแห้งที่มากขึ้น มีความเป็นกลิ่นไม้สนไพน์ที่หวานติดเขม่าหน่อยๆ บางวูบก็จะจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนน้ำมันดินอ่อนๆ ที่เสริมอยู่ในกลิ่นโทน Smoky เสริมด้วยความอบอุ่นนวลกำลังดีสบายๆ ซึ่งจะจับต้องได้ว่ามีโทนกลิ่นแนวๆ คล้าย Ambergris ที่ให้โทนอบอุ่นแบบผิวกายติดเค็มหน่อยๆ ที่นวลเนียนละมุนๆ ที่เป็นตัวรองพื้นอยู่ด้านหลังที่ยกระดับให้กลิ่นมีความเรียบหรูเนียนๆ อยู่ด้วย ซึ่งกลิ่นจะมีความพอดีที่ชูโรงกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ของสนไพน์ที่มีกลิ่นยางสนติดปลายหวานฝังลงไปในเนื้อไม้เด่นเป็นตัวเอก โดยที่จะมีโทน Smoky ควันไหม้กำลังดีเท่ห์ๆ เคล้าหนังอ่อนๆ ผสมผสานอยู่ ตามด้วยกลิ่นโทนนวลเนียนอบอุ่นซึ่งเนื้อกลิ่นเหมือนไม่ซับซ้อนอะไรมาก แต่มีเลเยอร์ในการรับรู้กลิ่นที่สอดรับกันเป็นอย่างดีที่ให้ความอะโรม่าลงตัวไปหมดทุกโทนกลิ่น ซึ่งเป็นช่วงท้ายที่อยู่บนผิวแบบยาวไปและดีงามมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป กลิ่นค่อนข้างจะมีภูมิและขรึมเท่ห์สุภาพบุรุษที่ไม่ได้เนี้ยบ แต่มีความ Cool ติดอะโรม่าเสียมาก อารมณ์ผู้ชายเท่ห์ๆ ในบ้านไม้ที่มีเตาผิงอบอุ่นสบายๆ นั่นแหละ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นจะเสริมบุคลิกผู้ชายสายขรึมเท่ห์อย่างมีชั้นเชิงได้ดีมาก จะมีก็แต่การใส่ออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่ ยกเว้นรอช่วงท้ายๆ อันนี้ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนถ้าจะใส่เพื่อไปปล่อยเสน่ห์ท่องราตรีเนี้ยบหล่อ ข้ามไปได้เลย ไม่ได้ไปสายนั้น แต่ถ้าแต่งตัวเสื้อลายสก็อตใส่ยีนส์ จิบแอลกอฮอล์ในบาร์ไม้ อันนี้เป๊ะที่สุดเลยล่ะ 

ความทน - ดีงาม ยืนพื้นที่ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน ส่วนจะมากกว่านั้นหรือไม่อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายของผู้สวมใส่ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายมากกับการใช้เพียงแค่ 4 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ซึ่งช่วงนี้อาจจะทำให้บางคนอึ้งพสมควรเพราะกลิ่นออกทางไหม้หน่อยๆ แต่ผ่านไปแล้วจะงดงามต่อเนื่อง ซึ่งจะลดลทอนการกระจายมาเป็นกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่ร้อน พ้นไปซัก 5 ชม. ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเมื่อผ่าน 8 ชม. ไปซักระยะกลิ่นจะดรอปลงไปเป็น Skin Scent 

สรุป - หนึ่งในกลิ่นอายสายสนไพน์ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านไม้ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ด้านนอก โดยในบ้านมีเตาผิงที่กำลังเผาไม้ให้ความอบอุ่นปนหวานนวลสบายๆ ให้ความอะโรม่าสมดุลย์ไปหมดทุกโทน ในการเป็นกลิ่นอายสายสภาพแวดล้อมแต่สื่อสารถึงความเป็นกลิ่นโทนผู้ชายที่มีความเท่ห์และเรียบง่ายอย่างมีชั้นเชิงและมีระดับ ยกนิ้วให้เลย ยอดจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.luckyscent.com/product/33931/arso-by-profumum