แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The Different Company แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The Different Company แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Review: The Different Company - Rose Poivree


The Different Company - Rose Poivree

กุหลาบ เป็นหนึ่งในกลิ่นอายสายดอกไม้ที่อมตะนิรันดร์กาลเลยก็ว่าได้ในโลกของน้ำหอมที่ทุกแบรนด์ต่างก็ต้องมีน้ำหอมที่มีกุหลาบเป็นตัวชูโรงเสมอ อาจจะทั้งแตกต่างกันไป เด่นที่กลิ่นโทน Classic ก็เยอะ เด่นที่สาย Modern ก็เพียบ เด่นที่ความแปลกเก๋มีเสน่ห์เฉพาะแบบ Niche Perfume ก็มาก รวมถึงเด่นที่การเป็นโทนกุหลาบใสๆ ให้ความเป็นธรรมชาติก็มีไม่น้อย ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะมาในการเป็นน้ำหอมผู้หญิง หรือชาย หรือ Unisex อะไรก็ว่ากันไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยคือ ไม่เคยได้ลองน้ำหอมกลิ่นกุหลาบชื่อดังของแบรนด์ The Different Company อย่างรุ่น Rose Poivree มาก่อนเลย เพราะนอกจากติดตามผลงานของผู้ปรุงอย่าง Jean-Claude Ellena แล้ว ยังอยากรู้ด้วยว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน และสิ่งที่ได้รับคือ

กุหลาบและพริกไทยจะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบ โดยในแต่ละช่วงตัวสนับสนุนโทนกลิ่นจะแตกต่างกันไปสร้างเสน่ห์ของกลิ่นที่ไล่เรียงจากจุดเริ่มต้นของกลิ่นโดยการเป็นกุหลาบติดโทนเครื่องเทศเผ็ดปร่าโปร่งสมกับชื่อรุ่Rose Poivree (ที่แยกได้ออกมาชัดเจนเลยคือกุหลาบกับพริกไทย) ซึ่งในช่วงเปิดจะได้มิติกลิ่นออก 3 มิติ โดยจะเริ่มที่การเป็นกุหลาบติดโทนแยมกึ่งเบอร์รี่ติดฝาดปร่าเขียวแปร่งหน่อยๆ ที่เป็นลักษณะของกลิ่นแนวพริกไทยสีชมพู ต่อเนื่องด้วยความเผ็ดคมกำลังดีของเม็ดผักชีที่ให้ความฟุ้งพอประมาณ แล้วรองพื้นด้วยกลิ่นพริกไทยกับโทนกลิ่นแนว Animalic หน่อยๆ ที่กึ่งสมุนไพรแนวๆ ยี่หร่า แต่ไม่ได้หนักหน่วงมากไป เพราะมาแบบสไตล์รองพื้นให้มีมิติ ซึ่งกลิ่นจะได้ความเป็นกุหลาบติดแยมเคล้าความปร่าฟุ่งแปร่งสมุนไพรและมีความนวลเผ็ดเย้าสาบบางๆ ที่สร้างเสน่ห์เฉพาะออกมา ซึ่งกลิ่นเปิดสามารถสร้างความน่าสนใจได้ดีเลยทีเดียว

เมื่อกลิ่นโทนเผ็ดปร่าเริ่มเบาลง ความเป็นกุหลาบติดแยมเริ่มปรับตัวให้กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ กึ่งใสกึ่งแห้งฟุ้งออกมาแทนที่ ก็เป็นการเข้าช่วงกลาง ที่ตอนนี้บ่งบอกถึงสไตล์มินิมัลค่อนข้างชัดมาก เพราะกลิ่นกุหลาบจะให้ความหอมรุ่มรวยกรุ่นกลิ่นกำลังดีมีความนวลโรแมนติคที่กำลังงาม ไม่คลาสสิคเกินไป และไม่ได้ Modern ใสจ๋าเกินไป โดยจะมีตัวเสริมอย่างโทนเครื่องเทศเผ็ดนวลอย่างพริกไทยที่ยังคงมีอยู่ และมีความปร่าเผ็ดคมบางๆ ของเม็ดผักชีที่ยังตามมา แต่สิ่งที่ชัดมากขึ้นคือกลิ่นอายโทน Musky ติด Animalic สาบบางๆ (ที่ตอนแรกติดสมุนไพร) ตอนนี้จะได้ความลึกของกลิ่นมากขึ้น ซึ่งเริ่มชี้ชัดว่าเป็นโทนแนวๆ Civet (ชะมดเช็ด) ที่มาแบบสมดุลย์ ซึ่งกลิ่นจะได้มิติของกุหลาบคือ หอมนวลโรแมนติคระเรื่อเจือปร่าให้กลิ่นมีความอวลกำลังดีเป็นเลเยอร์แรกที่ได้รับกลิ่นและปิดท้ายที่ความเป็นโทนนวลกึ่งแป้งกึ่ง Animalic ที่แอบมีความคลาสสิคเนียนๆ มาร่วมด้วย จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงโทนไม้หอมที่ค่อยๆ เสริมเข้ามาตามลำดับแบบไม้แห้งๆ ติดกลิ่นไม้สว่างๆ โปร่งๆ การเปลี่ยนช่วงก็เริ่มผันเข้าสู่ช่วงท้าย กับการเป็นโทนกุหลาบเจือไม้หอมรองพื้นด้วยโทน Musky ลุ่มลึกแบบกำลังดี เนื้อกลิ่นจะยังคุมโทนการเป็นกุหลาบแห้งระเรื่อเจือหวานเบางๆ แต่ไม่ได้ออกทางติดเขียวแห้งแบบสายกุหลาบคลาสสิคเหมือนตอนช่วงกลาง ซึ่งยังคุมการเป็นลูกครึ่งกึ่ง Modern อยู่เช่นเดิม แต่จะมีความเป็นโทนไม้หอมแห้งๆ มากขึ้นมีความสว่างเจือปร่านวลซ้อนกับความนวลลึกติดสาบอ่อนๆ รองพื้นอยู่ ซึ่งสร้างออร่าความเรียบหรู โรแมนติค และมีเสน่ห์นวลเนียนอย่างมีระดับ โดยที่ยังคุมโทนมินิมัลทางกลิ่นได้อย่างสมดุลย์และลงตั

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ใช่เลย แต่อาจจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยเพราะเป็นโทนกุหลาบเด่น แต่ถ้าผู้ชายจะใส่ก็ไม่ได้เป็นนัยยะสำคัญอะไร ออกจะโรแมนติคเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป ยิ่งใส่แนวๆ สร้างออร่าโรแมนติคยิ่งดีงาม ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าเข้าทางกับการใส่ออกงาน ไปงานแต่ง หรือว่าโรแมนติคจะเข้าทาง เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีบอกเลยว่าโดยกลบจากสายหวานเยิ้มทั้งหลายแน่นอน และสุดท้ายตัดทิ้งไปได้เลยเรื่องการใส่ออกกิจกรรมลุยๆ และออกกำลังกาย ไม่เข้าทางเท่าไหร่นัก

ความทน - เกินคาดกับราวๆ 6-8 ชม. เป็นสำคัญ แต่สามารถลากไปยาวมากกว่านั้นได้ถ้าผิวเข้าทางกับกลิ่น ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว เรียกว่าเป็นอีกกลิ่นที่ดูไม่หนักแต่ความทนลงตัวและดีงาม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาที่ปานกลางซักครู่ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป พอพ้นไปซัก 8 ชม. ถึงเริ่มกลิ่นติดผิว

สรุป - ส่วนตัวถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นกุหลาบที่เจอแล้วประทับใจ เพราะเข้ากับผิวได้ดีโดยที่ไม่สร้างกลิ่นแห้งๆ ติดเขียวเอียนๆ (ซึ่งตรงนี้แต่ละคนแตกต่างกันเวลาเจอกุหลาบและแล้วแต่ความชอบด้วย) ที่สำคัญการให้โทนกุหลาบที่ดูเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่มีความชัดเจนจับต้องได้ตลอด และสร้างออร่าความเรียบหรูมีระดับคาบเกี่ยวความ Classic หน่อยๆ เคล้าความ Modern แบบสไตล์มินิมัลแบบนี้ บอกเลยว่ายังไงก็เอาอยู่และดูดีทางกลิ่นได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://olfactics.net/2015/01/10/rose-poivree-by-the-different-company/


วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Review: The Different Company - Sel de Vetiver

The Different Company - Sel de Vetiver

เรียกว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยก็ว่าได้กับการส่งต่อการเป็น Perfumer จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก: Father to Daughter: Jean-Claude Ellena --> Celine Ellena ซึ่งก็ผ่านน้ำหอมของรุ่นพ่อมาก็เยอะจากหลากหลายแบรนด์ คราวนี้ก็ขอมาลองกลิ่นอายการสร้างสรรค์ของฝั่งลูกบ้างกับการสร้างสรรค์ความหอมให้กับแบรนด์ The Different Company หลากหลายรุ่นเลยทีเดียว เช่นนั้น ก็ต้องเลื
อกตัวที่น่าสนใจกันซักหน่อยอย่างโทนกลิ่นหญ้าแฝก ซึ่งจะออกมาในลักษณะใดนั้น มาว่ากันที่รุ่นนี้เลย Sel de Vetiver 

ชื่อรุ่นก็ทำให้รู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรที่น่าสนใจกับลูกเล่นระหว่างกลิ่นอายติดเค็มของ เกลือที่จะมีเจอกับ หญ้าแฝกที่เป็นหัวใจสำคัญในการเดินกลิ่นของน้ำหอมรุ่นนี้ ซึ่งเปิดต้นกลิ่นมาจะสัมผัสได้ก่อนเลยถึงกลิ่นอายของโทน Citrus ติดสว่างติดแปร่งหน่อยๆ ตามธรรมชาติของเกรปฟรุตวูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นติดบรรยากาศขมเจือเปรี้ยวของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) แต่เพราะมีกลิ่นโทนเครื่องเทศให้ความหวานเผ็ดติดทึบอ่อนๆ ของเม็ดกระวานที่ทำให้กลิ่นมีความอวลมากกว่าจะใสสดชื่น และจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นติดเขียวกึ่งกุหลาบหน่อยๆ ด้วย แต่ในวูบถัดมาจะเริ่มจับตัวเอกทั้ง 2 ได้แล้ว เพราะจะแทรกตัวขึ้นมาค่อนข้างไว และเป็นเสมือน Center Notes ที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลยนั่นคือ หญ้าแฝก ที่ให้โทนออกทางติดถั่วออกเขียวมีความ Smoky อ่อนๆ และกลิ่นติดเค็มเกลือที่สร้างความรู้สึกออกทางกลิ่นโทนทะเลหน่อยๆ ทำให้ช่วงเปิด คือการผสมผสานกลิ่นที่สร้างลักษณะกลิ่นอายค่อนไปทางบรรยากาศสดชื่นติดริมทะเล เคล้ากลิ่นหญ้าแฝกเจือโทนเครื่องเทศหวานปนเขียวหน่อยๆ ได้ชัดเจนมากเลยทีเดียว 

เมื่อกลิ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลางตัวเอกของน้ำหอมอย่างหญ้าแฝกและเกลือยังคงเดินกลิ่นไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง แต่กลิ่นโทนเขียวกึ่งกุหลาบจะชัดมากขึ้นจนจับต้องได้ว่าเป็นโทนกลิ่นของเจอราเนียม ซึ่งช่วงนี้คือไฮไลท์ของความเป็นหญ้าแฝกที่ให้ความสดชื่นก็ได้ ให้ความเป็น Nutty ติดถั่วก็ได้ ให้ความ Smoky ก็ดี ให้ความเป็นไม้แห้งๆ และมีความ Earthy ติดดินๆ แอบติดพิมเสนดิบอ่อนๆ รวมถึงมีความดาร์กที่ชัดเจนขึ้นมาที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวได้อย่างลงตัวมากจริงๆ โดยจะมีความเขียวเจือดอกไม้เย้าๆ ดึงดูดอ่อนๆ ที่เสริมให้กลิ่นไม่ได้หญ้าแฝกเพียวๆ แต่อย่างใด รวมถึงโทนกลิ่นเกลือที่ให้อารมณ์ติดบรรยากาศ Sea Breeze ริมทะเลเคล้ากลิ่นโทน Citrus ที่ให้ความสดชื่นประปรายอยู่ สร้างมิติอารมณ์กลิ่นชูโรงหญ้าแฝกริมทะเลได้น่าสนใจมาก ซึ่งกลิ่นจะจะให้ออร่าลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้าย กลิ่นจะเริ่มมีลักษณะที่ให้ความเป็นโทนหญ้าแฝกที่ติด Smoky ปนดาร์กมากขึ้นพอสมควร แต่ยังติดเกลือเค็มๆ เจือ Citrus ติดแห้งๆ บางเบาที่มีความอวลอุ่นมากขึ้นมาหน่อย และยังมีกลิ่นออกทาง Airy ติดแป้งอับๆ บางๆ ของดอกไอริสที่เข้ามาเสริม เลยทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะมีความหยินหยางกันพอสมควรกับการเล่นโทนกลิ่นที่กึ่งดาร์กกึ่ง Dirty เคล้ากับโทนสว่างติดสะอาดสดชื่นติดเค็มบางๆ ซึ่งเป็นการสร้างมิติกลิ่นที่เหมือนจะขัดแย้งกัน แต่ดันเข้ากันได้ดี มีความสมดุลย์ และอิงตามความเป็นจริงตามสภาพแวดล้อมที่มันไม่ได้มีแค่เลเยอร์กลิ่นที่ต้องไปในทิศทางเดียวเสมอไปได้อย่างลงตัวมาก ยอมมมมมม กลิ่นทำออกมาได้ดีจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - เป็นโทนกลิ่นอายสไตล์บรรยากาศ เลยเข้าทางที่การเป็น Unisex ที่ใช้ได้ทุกเพศ เพียงแต่กลิ่นจะเบนไปทางผู้ชายมากกว่าผู้หญิงนิดหน่อย ซึ่งถ้าสาวๆ ไม่มายด์ก็ใส่ได้สบายมาก ซึ่งเหมาะกับวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป โดยแตะการใช้งานได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย ได้ความผ่อนคลายและรื่นรมย์ของการเป็นโทนหญ้าแฝกที่ครบถ้วนเสียด้วย ส่วนยามค่ำคืนเน้นแบบทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้หนักนัก ถ้าใส่ไปท่องราตรีโดนกลบแน่นอน 

ความทน - ลงตัวที่ราว 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. พอดีๆ กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะออกทางออร่ารอบๆ ตัว พ้นไปซัก 6 ชม. แล้วจะเป็น Skin Scent จนกว่าจะจางไป 

สรุป - หนึ่งในกลิ่นอายสายหญ้าแฝกและความสดชื่นแบบบรรยากาศริมทะเลที่ทำออกมาได้ดีมาก เพราะนอกจากจะให้เสน่ห์ของกลิ่นอายหญ้าแฝกที่มีมิติแล้ว ยังมีความสดชื่นที่ลงตัวมีระดับแฝงอยู่ตลอด แตะความเป็นมินิมัลที่ไม่เยอะสิ่งและได้ความน้อยแต่มากได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญเป็นสไตล์ที่ไม่ได้มีความเป็นรุ่นพ่อจ๋าๆ แต่อย่างใด มีความแตกต่างและทิศทางของตัวเองได้ดี ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นไม่พอยังมีฝีมือที่งดงามและมีคุณภาพมากอีกด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.luckyscent.com/product/25313/sel-de-vetiver-by-the-different-company


วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: The Different Company - South Bay

The Different Company - South Bay

หนึ่งใน L’Esprit Collection ของแบรนด์ Niche อย่าง The Different Company ที่สร้างสรรค์กลิ่นอายที่น้อยแต่มากและหรูหรามีระดับมาเสมอ ซึ่ง Collection นี้จะฉีกตัวออกมาเน้นน้ำหอมสายกลิ่นอายสไตล์ Cologne ในความเข้มข้นแบบ Eau de Toillete เช่นนั้น เมื่อได้มาพบเจอกันก็ต้องเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าหนึ่งใน Collection นี้อย่างรุ่น South Bay จะเป็นอย่างไร 

เป็นหนึ่งในกลิ่นอายที่เด่นด้วยความเป็นเกรปฟรุตที่ลงตัวมาก ซึ่งกลิ่นไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดแบบที่เรามักจะเจอในน้ำหอมโทนสดชื่นในหลายๆ ตัว ซึ่งใน South Bay จะได้อารมณ์แบบกลิ่นเกรปฟรุตที่เนื้อสีชมพูที่มีกลิ่นอายหวานอมเปรี้ยวเสียมาก ซึ่งถือว่าเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว นช่วง Top Notes และจะมีกลิ่นสายสนับสนุนให้ความหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของมะขามที่ทำให้กลิ่นของเกรปฟรุตมีความหวานมากขึ้นเสียด้วย โดยที่ยังไม่ได้ทิ้งความเป็นกลิ่นมะขามจางๆ ให้พอรับรู้ รวมถึงจะได้ความรู้สึกเขียวติดสดชื่นมาผสมผสานด้วยในเนื้อกลิ่น เลยทำให้กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติแบบกำลังดีไปตลอด สดชื่นแบบไม่คม มีความเป็น Citrus ติดหวานสบายจมูกกำลังดี จนเข้า Middle Notes ที่เริ่มเป็นโทนนวลติดเขียวปนกลิ่นออกทางพริกไทยโปร่งๆมีความนวลหน่อยๆ ที่เป็นโทนของดอกฟรีเซีย แต่จะมีเจือลักษณะโทนกลิ่นแนวๆ ดอกไม้ที่ออกทางผลไม้หน่อยๆโดยจะมาผสมผสานกับโทนเกรปฟรุตที่ยังคงตามมาอยู่ ทำให้ได้ความเป็นกลิ่นสดชื่นติดหอมนวลดอกไม้ แต่สิ่งที่สัมผัสได้เวลาดมใกล้ๆ ผิวคือกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ปนหวานจางๆ มีความครีมหน่อยๆ นวลๆ นุ่มๆ จะค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงที่กลิ่นลงตัวมากแบ่งเค้กกันได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งความสดชื่น ความเขียวปนปร่า และความนวลติดสะอาด เรียกว่าเป็นช่วงฟินสุด เพราะให้กลิ่นอายที่รื่นรมย์จัดเต็ม จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นไม้หอมที่เริ่มจะชัดมากขึ้นตามลำดับ ก็เป็นการเข้าสู่ Base Notes อย่างเป็นทางการกับกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ที่แอบเจือสดชื่นบางๆ จากช่วงต้นซึ่งเป็นโทนหญ้าแฝกที่ ไม่ได้ไปสาย Smoky มาทางกลิ่นสบายๆ มาเจอกับความครีมมี่ของโทนไม้หอมนวลๆ ของไม้จันทน์หอมช่วยทำให้กลิ่นมีความนวลละมุนสว่างๆ ผ่อนคลายเคล้ากับกลิ่นอายแบบผิวหนังสะอาดๆ โทน Musky ของหนังกลับที่รองพื้นแบบติดผิวกายอยู่ด้วย เลยทำให้ทุกอย่างยืนพื้นที่ความสะอาดนุ่มนวลสบายๆ ได้ความรู้สึกรื่นรมย์และผ่อนคลายไปตลอดจน ซึ่งถ้าอิงกับชื่อรุ่นความรู้สึกมันก็ได้อยู่ถึงลักษณะของการตากอากาศริมทะเล เพียงแต่ไม่ได้มีความเป็นทะเลจ๋าๆ เป็นที่ตั้ง เน้นความสดชื่น สว่าง สะอาด และมีความเป็นธรรมชาตินั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมาสาย Unisex ชัดเจน เพียงแต่ช่วงต้นๆ จะค่อนไปทางสายน้ำหอมผู้ชายพอสมควร ก่อนจะกลับมากลางๆ ได้หมดทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยกวาดหมด เพราะกลิ่นยืนพื้นที่ความสดชื่นและสะอาด แบบโทนสว่างผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ส่วนในยามค่ำคืนถ้าใส่ทั่วๆ ไปอันนี้ลงตัว แต่ถ้าใส่เพื่อไปท่องราตรี บอกเลยว่าโดนกลบมิดแน่นอน

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งมีบวกลบราวๆ 2 ชม. แน่นอน เพราะอิงจากสภาพอากาศ สภาพผิวกาย และจำนวนสเปรย์ด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น ออกแนวลงตัวกำลังดี ก่อนจะลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนปิดท้ายที่ Skin Scent เรียกว่ามีความ Safe Scent อยู่มากเลย

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาได้รื่นรมย์ได้ดีมาก โชว์ความเป็นกลิ่นอายเกรปฟรุตหวานได้อย่างดีและชัดเจนจริงๆ แถมทิ้งท้ายด้วยกลิ่นสะอาดนวลๆ ที่รื่นรมย์ไปตลอด เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่น้อยแต่มาก เรียบแต่นุ่ม ไฮควอลิตี้เต็มๆ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Levasiondessens
--> https://i1.rozetka.ua/goods/2416948/23284950_images_2416948169.jpg

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review: The Different Company - Osmanthus

The Different Company - Osmanthus

แบรนด์ Niche ที่น้ำหอมเรียกว่ากลิ่นแตกต่างอย่างมีระดับและหรูหรามากเลยทีเดียวอีกหนึ่งแบรนด์จากฝรั่งเศส ซึ่ง The Different Company ขนสุคนธกรมือหนึ่งมาร่วมงานเพียบเลยทีเดียว และหนึ่งในคนปรุงน้ำหอมชื่อดังให้ Hermes อย่าง Jean-Claude Ellena ก็ได้มาร่วมปรุงน้ำหอมด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Osmanthus นั่นเอง 

ชื่อรุ่นของตัวนี้สื่อสารชัดเจนว่าจะเป็นกลิ่นของ Osmanthus หรือดอกหอมหมื่นลี้นั่นเอง โดยกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้จะเหมือนเป็น Main หลักของน้ำหอมที่จะไปผสมผสานในทุกๆ ช่วง เหมือนเป็นศูนย์กลางหลักของน้ำหอมเลย โดยเริ่มที่ช่วงแรกกับกลิ่นซิตรัสติดเขียวจะเด่นขึ้นมา โดยจะได้กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ที่ค่อยๆ แทรกตัวขึ้นมาทีละหน่อยจะให้ความรู้สึกแบบหอมสดชื่นปนความหอมหวานติดผลไม้กำลังดี ผ่านไปไม่นานจึงเข้าสู่ช่วงกลางที่คราวนี้กลิ่นของหอมหมื่นลี้จะเด่นขึ้นมาหอมหวานแบบกำลังดี กลิ่นมีความเป็นดอกไม้ติดโทนพีชซึ่งเป็นตามธรรมชาติของดอกไม้ชนิดนี้ มีกลิ่นอายหอมนวลๆ จางๆ ของมะลิหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นไม่ได้ขนดอกไม้มาทั้งสวนเลย มาลักษณะแบบเราได้กลิ่นดอกหมอหมื่นลี้ลอยมาตามลมยามเดินชมสวนที่มีดอกนี้ประปราย มาแบบชื่นใจ จนเข้าสู่ช่วงท้ายที่งานนี้จะมาในลักษณะกลิ่นหอมสะอาดซึ่ง Musk จะเป็นตัวเด่นชูโรง โดยให้กลิ่นอายแบบผิวกายสะอาดติดหวานจากกลิ่นของหอมหมื่นลี้จางๆ มีกลิ่นกุหลาบหน่อยๆ มาเสริมให้กลิ่นหอมนวลๆ มีระดับแบบนิ่งๆ ไม่โจ่งแจ้ง ภาพรวมจึงเป็นน้ำหอมอีกตัวที่กลิ่นอายธรรมชาติกำลังดี หอมแบบสดชื่น รื่นรมย์ สะอาด สุภาพ และมีคลาสแบบไม่ต้องพยายามเลย 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เขาบอกไว้ว่าเป็นของผู้หญิง แต่เอาเข้าจริง Unisex ได้อยู่ เพราะกลิ่นค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ออกกำลังกายพอได้แต่เปลืองไปนะ น้ำหอมแบรนด์นี้มันแพงนะขอบอก 55555 ส่วนยามค่ำคืนก็ใส่ได้แบบเบาๆ สบายๆ ไม่ควรใส่ออกไปเที่ยวกลางคืน เพราะกลิ่นเบาไปจ้า

ความทน - เพราะเป็นกลิ่นอายที่ธรรมชาติ แบบไม่ได้ออกทางปรุงแต่งอะไรมากมาย กลิ่นเลยจะมีความทนในระดับหนึ่ง คือราวๆ 4 - 6 ชม. ตามจำนวนสเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายกำลังดีในตอนต้น สดชื่นติดหวาน ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง และปิดท้ายที่ Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ซึ่งนี่แหละเป็นตัวบอกเลยว่า น้ำหอมแท้แถมยัง NIche ด้วยนะ มันไม่จำเป็นต้องทนจัดเสมอไป แต่ถ้ามีกลิ่นอายที่ธรรมชาติ และมีความเหมาะสมมากพอที่จะสื่อสารถึงคอนเซปท์ของน้ำหอม มันก็ทำหน้าที่ได้ดีและกินขาดมากแล้วล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.perfumeriahortensia.com/480-large_default/osmanthus-the-different-company.jpg