แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Annick Goutal แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Annick Goutal แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

Review: Goutal - Bois d’Hadrien

Goutal - Bois d’Hadrien

เมื่อ Annick Goutal ได้มีการ Re-Branding ใหม่ เปลี่ยนชื่อแบรนด์มาเป็น Goutal เพียงอย่างเดียวพร้อมเปลี่ยนรูปลักษณ์ขวดแบบเดิมๆ เป็น Luxury มากขึ้น โดยที่กลิ่นต่างๆ ก็ยังคงเดิม แถมหลายๆ กลิ่นที่เหมือนจะเริ่มเลิกผลิตก็ได้กลับมาประจำการเช่นเดิมด้วยเช่นกัน

แต่รอบนี้จะไม่ได้พูดถึงกลิ่นเดิม แต่จะมาว่ากันในกลิ่นที่เกิดขึ้นหลังมีการ Re-Branding ใหม่แทน ซึ่งนั่นก็คือ Bois d’Hadrien ที่จะเป็นการต่อยอดจากน้ำหอมชายที่เหนือกาลเวลาของแบรนด์อย่าง Eau d’Hadrien มาสู่การเป็นโทนสดชื่นในรูปแบบใหม่กับการจับคู่ระหว่างกลิ่นอายสายไม้สนต่างๆ กับโทน Citrus เช่นนั้น ขอพิสูจน์กันหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะออกมาในรูปแบบไหน

Bois d’Hadrien เปิดตัวได้สดชื่นกับการเป็นกลิ่นมะนาวที่ติดเขียวเคล้ากับกลิ่นสนไพน์ที่ให้ความเขียวแกมออกทางยางไม้สนที่มีเขียวปร่าอะโรม่า + กับกลิ่นออกทางเขียวชะอุ่มหน่อยๆ ของใบสนของแนวสนคริสต์มาส เสริมด้วยกลิ่นออกทางอากาศเย็นๆ มีประปรายอยู่ในเนื้อกลิ่น ซึ่งเพียงแค่นี้ก็ทำให้เราเหมือนไปอยู่ในป่าสนท่ามกลางอากาศเย็นๆ ได้ทั้งความสดชื่นแกมเขียวของกลิ่นชะอุ่มๆ ได้แล้ว เพียงแต่สิ่งที่เด่นจริงๆ ต้องยกให้มะนาวที่ให้ความเปรี้ยววูบสดชื่นได้ดีและเข้ากับกลิ่นสนได้อย่างน่าสนใจมาก ที่สำคัญทำให้รู้สึกได้เลยว่านี่จะเป็นกลิ่น Citrus Woody ที่สบายๆ เรียบหรูแน่นอน แต่

เมื่อเนื้อกลิ่นช่วงกลางเสริมขึ้นมา เนื้อกลิ่นลดบทบาทความเป็นมะนาวออกเป็นเหลือเพียงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ให้ความสดชื่นอยู่ แต่จะดันความเป็นกลิ่นสนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสนไพน์ที่ให้ความเป็นกลิ่นแนวยางสนที่ปร่าแกมติดหวานอะโรม่า ผสานกับสน Fir ที่ให้ความเป็นไม้สนกลิ่นปร่าระเรื่อกึ่งการบูรหน่อยๆ และมีกลิ่นของสนไซเปรสที่ให้ความเป็นกลิ่นไม้สนแห้งๆ แกมเขียวชะอุ่มมาเป็นตัวเด่นในการเดินกลิ่น เสริมด้วยความเขียวเจือหวานของใบไอวี่หรือตำลึงฝรั่งอยู่ประปราย แต่ที่ต้องกล่าวถึงให้ได้ คือกลิ่นโทนเครื่องเทศที่ทำให้เนื้อกลิ่นในช่วงนี้เปลี่ยนจากสดชื่นสบายๆ ในช่วงต้น มาเป็นกลิ่นที่มีน้ำหนักให้จับต้องและมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเท่าที่สัมผัสได้เลยคือกลิ่นเปลือกอบเชยที่ให้ความหวานเย้าและกลิ่นของพริกไทยที่ให้กลิ่นมีความเผ็ดนวลแฝง ซึ่งทำให้เนื้อกลิ่นมีความหนาขึ้นจากช่วงต้นมาเยอะกว่าที่คิด แต่ก็ให้ความเป็นกลิ่นอายแบบป่าสนในบรรยากาศช่วงกลางวันที่มีไอแดดแกมสดชื่นได้ชัดเจนมากเช่นกัน เรียกว่าจัดเต็มความเป็นสนจริงๆ

เมื่อไอความเย็นๆ และความเป็นมะนาวหายไปหมดแล้ว และเนื้อกลิ่นก็แห้งขึ้นตามลำดับ ก็จะเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัวที่ตอนนี้จะเป็นโทนไม้สนแห้งๆ ที่มีความเขียวปร่าประปรายแกมกลิ่นติดเค็มๆ นิดๆ อารมณ์แบบป่าสนติดทะเลในระดับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ความเป็นสนไซเปรสจะเด่นชัดที่สุดเคล้ากับกลิ่นแนวไม้แห้งๆ ที่ไม่ได้สว่างไปหรือดาร์กไปที่จะเป็นตัวเมนกันยาวๆ แบบไม่ได้ซับซ้อน แต่มีความเข้มข้นและชัดเจนในความหนาของกลิ่นที่มีพลังอยู่พอตัว แต่ไม่ได้หนักหน่วงมาก ซึ่งมาจากกลิ่นเครื่องเทศที่ยังตามมาในช่วงนี้ ทำให้ได้อารมณ์กลิ่นไม้สนแห้งๆ ที่มีความปร่าติดเค็มๆ ประปรายคลอผิวที่มีความแปร่งเครื่องเทศแบบติดดิบหน่อยๆ สร้างออร่าแบบธรรมชาติที่ควรจะเป็นแบบไม่ต้องดูประดิษฐ์หรือพยายามทำให้สวยทางกลิ่น ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นได้คุมโทนการเป็น Bois หรือ Wood ได้ครบถ้วน

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น เพียงแต่อย่างน้อยพื้นฐานต้องชอบกลิ่นโทนไม้สนอยู่เป็นทุนเดิมจะอินกับกลิ่นนี้ได้ไม่ยาก ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่น่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่มาสายกลิ่นสนที่มีความเป็นไม้หอมแบบที่อาจจะไม่ได้ถึงกับ Nice แต่มีความห่ามกำลังดีแทน ส่วนยามค่ำคืนใส่แบบทั่วไปหรือออกงานได้สบายมาก

ความทน - กลิ่นทนแตะที่ 8 ชม. ได้สบายๆ และไปต่อได้อีกอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ ซึ่งส่วนตัวก็เจอไปที่ 12 ชม. เป็นเรื่องปกติ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และค่อนข้างคงตัวการกระจายดีกันไปยาวๆ จนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 3 จึงลดลงมาเป็นปานกลางแล้วคงที่ต่อเนื่องไปถึงชั่วโมงที่ 6 ถึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ แล้ว Skin Scent ชัดเจนหลัง 8 ชม. ไปแล้ว

สรุป - บางคนอาจจะรู้สึกคุณหลอกดาวกับกลิ่นนี้ เพราะเปิดมากลิ่นสดชื่นหอม Nice มากกับการเล่นโทนกลิ่นมะนาวกับกลิ่นสนต่างๆ แต่พอเปลี่ยนช่วงที่เหลือคือความเป็นป่าสนที่มาทั้งความชัดเจนและความห่ามที่ควรจะเป็น ซึ่งเรียกว่าให้ปูมาให้เรียนรู้กลิ่นชัดๆ กับการเป็นกลิ่นสนหอมต่างๆ ที่ขมวดมารวมกันเหมือนท่องป่าสนที่มีความห่ามๆ ไล่โทนจากเช้าสู่ยามแดดอบอุ่น ถือเป็นอีกมุมหนึ่งของกลิ่นโทนสนที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://hk.goutalparis.com/product/bois-d-hadrien-eau-de-perfum-1

 

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Review: Annick Goutal - Duel

Annick Goutal - Duel

ว่ากันในเรื่องของโทน Citrus Green ที่โดดเด่นและทำออกมาได้ดีอย่างมีสมดุลย์ คงจะหนีไม่พ้น Annick Goutal ที่ทำน้ำหอมกลิ่นอายลักษณะนี้ได้ดีมากจริงๆ ซึ่งในหลายๆ รุ่นก็จะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปในความเป็น Citrus ติดโทนเขียวอย่างมีเสน่ห์และสมดุลย์ไม่น้อยเลยทีเดียว และการเล่ากลิ่นครั้งนี้จะมาแตะหนึ่งในรุ่นที่มีกลิ่นอายสไตล์เขียวปน Citrus ซึ่งมาเจอกับกลิ่นหนังได้อย่างมีชั้นเชิงและสมดุลย์ซักหน่อย ว่ากลิ่นจะถ่ายทอดออกมาอย่างไรบ้างกับรุ่นนี้เลย Duel 

เปิดต้นกลิ่นได้อย่างน่าสนใจมากกับกลิ่นโทนเขียวติดขมปนกลิ่นออกทางสมุนไพรเจือกลิ่นหญ้าหน่อยๆ ของชา Mate ที่เป็นชาสมุนไพรประเภทหนึ่ง เคล้าไปกับกลิ่นโทน Citrus ที่ติดเขียวเจือเปรี้ยวของกิ่งก้านส้ม โดยมีกลิ่นโทนเลมอนที่ติดเปรี้ยวเจือหวานปลายเป็นตัวเสริมในวูบแรก ซึ่งจะได้ความเขียวติดสดชื่นกำลังดีกันก่อนเลย แต่วูบถัดมาจะเริ่มใรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นหนังแบบอ่อนๆ ตีเนียนขึ้นมาคู่กับกลิ่นโทนเขียวติดเปรี้ยวสดชื่นนี้ด้วย ทำให้รู้สึกถึงมิติกลิ่นที่ไล่เรียงความสดชื่น ความเขียว ความอะโรม่า และความเป็นกลิ่นหนังที่ไม่หนักหน่วงให้ความมีระดับติดเย้ายวนอ่อนๆ แบบกลิ่นแจ็คเกตหนังชั้นดีสีค่อนไปทางสว่างกันเต็มๆ ในช่วงต้นนี้ 

เมื่อเข้าช่วงกลางกลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนแปลงโดยความสดชื่นจะลดทอนลงมาในระดับหนึ่งแต่กลิ่นของชาสมุนไพรยังคงให้ความเขียวแต่มีความนวลมากขึ้น แต่ก็ยังมีความสดชื่นประปรายอยู่ และกลิ่นจะค่อนมาทางปร่านุ่มหน่อยๆ มีความเขียวติดเข้มอวลแต่ไม่คมจัดๆ มีมิติของความอะโรม่าอ่อนๆ ติดหวานปลายเบาๆ คล้ายกลิ่นโทนยาสูบให้พอจับต้องได้เสียด้วย ที่สำคัญจะมีกลิ่นอายติดโทนแป้งบางๆ เคล้าอายโทนหนังที่เป็นตัวรองพื้น เลยทำให้ได้ลักษณะกลิ่นที่เขียวนวลติดเท่ห์ๆ เบาๆ ไม่โจ่งแจ้ง และมีระดับเรียบหรูกำลังดีไปตลอด ซึ่งมิติของกลิ่นจะค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียวว่าเป็นโทนกลิ่นสไตล์ผู้ชายแต่ไม่ได้ยัดเยียดความแมนจัดชัดเจนอะไร ให้ความเท่ห์ Cool ติดสุภาพแบบนิ่งๆ มีความเย้ายวนกำลังดีของโทน Animalic ที่แฝงมากับกลิ่นหนังได้อย่างน่าสนใจในความเขียวปร่านวลติดสดชื่นได้ลงตัว จนโทนกลิ่นต่างๆ ของความเป็นโทนเขียวนวลเริ่มผ่อนลงมา เหลือกลิ่นอายติดปร่าปนโปร่งที่โดนเกลากลิ่นให้มีความกลมกล่อมและจับต้องได้ชัดมากขึ้นของกลิ่นอายสไตล์ค็อกเทลประเภท Asbsinth ที่มีโทนกลิ่นของโกฐจุฬาลัมพาหรือ Artemisia เจืออยู่ในนั้น แต่จะมีความโปร่งหอมกำลังดีและยังมีความหวานปลายแบบยาสูบอ่อนๆ แฝงอยู่ รวมถึงมีกลิ่นอายไม้หอมแบบขรึมโปร่งปน Smoky เบาๆ เคล้ากลิ่นอาย Musk กับหนังที่เบาลงจนเป็นลักษณะคล้ายโทนหนังกลับหน่อยๆ ทำให้ช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายนุ่มๆ เจือหวานปลายหน่อยๆ ที่มีความเป็น Woody Musk เป็นตัวรองพื้นแล้วมีความนุ่มนวลปนขรึมติดเขียวบางๆ กำลังดีเป็นเลเยอร์ชั้นบนของกลิ่น ที่ทำให้ได้ความรู้สึกเท่ห์ Cool มีระดับแบบติดสุภาพ รื่นรมย์และเรียบหรูกำลังดี เจือความเซ็กซี่อ่อนๆ เนียนในเนื้อกลิ่นได้อย่างน่าสนใจไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้เลย ยิ่งถ้าใครต้องการกลิ่นน้ำหอมสดชื่นแต่มีความแตกต่าง และอยากเริ่มกลิ่นอายโทนหนังที่ไม่หนักหน่วงให้ความเย้ายวนแบบมีระดับติดผู้ดีในเนื้อกลิ่นอันนี้เหมาะสมทันที ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมด ยิ่งถ้าใส่แบบเน้นความเป็นสุภาพบุรุษที่มีความเท่ห์แบบมีระดับโดยไม่ได้โฉ่งฉ่าง อันนี้เข้าทางอย่างมาก ส่วนยามค่ำคืน ถ้าอากาศร้อนๆ กลิ่นนี้เหมาะเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งออกงานหรือแนวๆ ทั่วไป ใส่ท่องราตรีได้ แต่เน้นจิบแบบ Cool จะดีกว่า เพราะกลิ่นมาแบบไม่หนัก เบาๆ ถ้าจะเอาไปสู้กับคนอื่นที่เน้นความจัดเต็มก็ยากหน่อย 

ความทน - เป็นอีกหนึ่งรุ่นของ Annick Goutal ที่ความทนดีเลยทีเดียวกับราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. กำลังดีกับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แต่จะลดลงมาปานกลางเร็วพอสมควร แล้วจะผ่อนๆ ค่อยลงไปตามลำดับจนกลายเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปราวๆ 6 ชม. 

สรุป - หนึ่งในกลิ่นอายสาย Cool ที่ไม่เน้นปล่อยพลัง แต่มีความเท่ห์แบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ เซ็กซี่แบบเนียนๆ ท่ามกลางความสดชื่นที่ทำออกมาได้อย่างสมดุลย์และนำเสนอกลิ่นอายโทนเขียวจากชาสมุนไพรและกลิ่นหนังที่ผสผสานกันได้อย่างลงตัว จึงไม่แปลกใจว่าทำไมกลิ่นนี้ถึงเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ได้รับความนิยมของแบรนด์ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.ebay.com/itm/Duel-by-Annick-Goutal-Eau-De-Toilette-Spray-3-4-oz-/292530330864

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Review: Annick Goutal - Le Chèvrefeuille

Annick Goutal - Le Chèvrefeuille

ถ้าหันไปมองว่าแบรนด์ไหนทำกลิ่นอายสดชื่นติดเขียวๆ ได้ดีและถือว่าเป็นอีกหนึ่งในใต้หล้า คงมองข้าม Annick Goutal ไปไม่ได้จริงๆ ยิ่งถ้าเป็นโทนออกทางกลิ่นอายแนวๆ สวนต่างๆ ที่มีดอกไม้เจือความเขียวสดชื่นท่ามกลางอากาศดีๆ ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ลงตัวมาเสมอ และก็ได้เวลาของกลิ่นอายสวนในอีกรูปแบบของแบรนด์นี้ที่เอาความเป็นดอกสายน้ำผึ้งมาบอกเล่าผ่านกลิ่นที่พึงใจนั่นคือรุ่น Le Chèvrefeuille

ที่มาที่ไปมาจากเจ้าของแบรนด์รุ่นลูกอย่าง Camille Goutal ได้ไปพักผ่อนที่บ้านเกิดสมัยเด็กที่ Provence ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส แล้วเมื่อเดินเล่นในสวนของครอบครัวก็ไปเจอต้นสายน้ำผึ้งพร้อมดอกที่บานสะพรั่ง ก็ทำให้นึกถึงความทรงจำสมัยเด็กที่เอาดอกสายน้ำผึ้งมาร้อยต่อกันเป็นมงกุฎสวมเป็นเจ้าหญิงเล่นกับญาติๆ รุ่นราวคราวเดียวกันในสวน จึงนำมาถ่ายทอดออกมาใน Le Chèvrefeuille โดยเปิดตัวกับความเป็น Citrus Green ที่มีความเป็นธรรมชาติมาก เพราะจะได้ความรู้สึกแบบกลิ่นเขียวติดเปรี้ยวสดชื่นของกิ่งก้านส้มเจือกลิ่นอายเปรี้ยวติดขมปนซ่าหน่อยๆ แต่หวานปลายแบบน้ำเลมอนเนดที่ให้ความปลอดโปร่งและอะโรม่าแบบอากาศยามเช้าในสวนได้เป็นอย่างดี เพียงชั่วขณะหนึ่งกลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งจะเปิดตัวขึ้นมาผสมผสานกับโทนเขียวเปรี้ยวสดชื่นนำเข้าสู่ความเป็นเถาต้นสายน้ำผึ้งมุมหนึ่งในสวนที่บานสะพรั่ง กลิ่นจะไม่ได้มาแบบสายน้ำผึ้งอวลๆ หวานปนแป้งดอกไม้ขาวแบบที่เรามักจะได้กลิ่นจากน้ำหอม Designer หลายๆ ตัวนัก แต่กลิ่นของตัวนี้จะให้ความรู้สึกแบบดอกสายน้ำผึ้งหวานนวลบางๆ ปนเขียวสดชื่นติดซ่าเบาๆ ให้ความรู้สึกอากาศดีๆ ในสวนเขียวๆ เคล้ากับกลิ่นสายน้ำผึ้งที่มาอ่อนๆ รื่นรมย์เสียมากกว่า ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นใสๆ หวานจางๆ ของมะลิเจืออยู่ด้วย กลิ่นจะให้ความรื่นรมย์ที่แบ่งโทนกันเป็นอย่างดีและมีความเป็นธรรมชาติมาก จนเมื่อกลิ่นสดชื่นเริ่มจางลงตามลำดับจนเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่ความเขียวจะมีความนวลเบาๆ กำลังดี กลิ่นมีความเขียวตุ่นนวลบางๆ ของดอกดารารัตน์ (Daffodil/Narcissus) เบาๆ ให้จับได้ เสริมโทนเขียวเวลาเราดมกลิ่นดอกไม้มักจะมีกลิ่นเขียวตุ่ยๆ บางๆ ให้กลิ่นดอกสายน้ำผึ้งมีความเป็นธรรมชาติให้กลิ่นนวลระเรื่อบางเบาติดผิวปนหวานจางๆ โดยเนื้อกลิ่นมีความแห้งมากขึ้นมาหน่อยจากช่วงกลาง และมีความอบอุ่นอ่อนๆ ให้รุู้สึกได้ไปตลอดจนจางไปในที่สุด 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงเอาไว้ว่าเป็นกลิ่นของสาวๆ ซึ่งก็ว่ากันไปตามนั้น แต่ในความรู้สึกกลิ่นนี้เอามีความเป็นธรรมชาติมาก และไม่ได้มาสายปล่อยพลัง จึงค่อนมาทาง Unisex พอสมควรแบบที่ผู้ชายใส่ได้สบาย โดยวัยที่เข้ากับกลิ่นนี้จะตั้งแต่น้องๆ ม.ต้น ขึ้นไปก็สามารถแล้ว เพราะกลิ่นออกทางสวนมันเข้าถึงง่ายมากแบบมีระดับเสียด้วยซ้ำไป โดยใส่ได้หมดเลยทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งถ้าเลือกสถานการณ์ดีๆ กลิ่นนี้สร้างความมีออร่าอะโรม่าสดชื่นหรูหราได้น่าสนใจเสียด้วย ส่วนยามค่ำคืนใส่แบบทั่วๆ ไปจะดีที่สุด 

ความทน - เนื่องจากกลิ่นมาสายใกล้เคียงธรรมชาติมาก มันเลยแปรผันกับความทนพอสมควร ซึ่งอยู่ระหว่าง 2 - 4 ชม. เป็นสำคัญ เน้นพกไปเติมระหว่างวันจะดีที่สุด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในช่วงต้น แล้วจะดรอปลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวซักครู่ แล้วกลายเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ทนเท่าไหร่ แต่เมื่อทดแทนด้วยความเป็นธรรมชาติแบบอยู่ในสวนโปร่งๆ และมีกลิ่นดอกสายน้ำผึ้งนวลหวานบางๆ ลอยมาตามลมตลอดแบบนี้ ต้องบอกเลยว่า เรายอมที่จะให้ไม่ทนแล้วใช้ซ้ำระหว่างวัน เพราะมันช่วยให้เราสดชื่นเคล้าความอะโรม่าได้ดีจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Lane Crawford
: http://www.lanecrawford.com/product/annick-goutal/le-ch-vrefeuille-eau-de-toilette-100ml/_/IJA369/product.lc

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Annick Goutal - Ninfeo Mio

Annick Goutal - Ninfeo Mio 

Ninfa Garden เป็นหนึ่งในสวนที่เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากของอิตาลี เพราะในสวนจะประกอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสมัยกลางที่ผุพังตามกาลเวลา ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติที่ของพืชพรรณต่างๆ ที่ได้รับการปรับปรุงพื้นที่จนกลายเป็นสวนที่ร่มรื่นและสวยงาม ซึ่งปัจจุบัน Ninfa Garden ถือเป็นสวนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสวนที่โรแมนติคมากของโลกอีกด้วย และสวน
แห่งนี้ก็เป้นหนึ่งในแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ Annick Goutal ด้วยเช่นกัน นั่นคือรุ่น Ninfeo Mio 

จากความเป็นสวนที่มีความขลังและความร่มรื่นผสมผสานกันก็ถูกถอดออกมาเริ่มต้นที่การเป็นกลิ่นอายสายเขียวคมที่เจอกันครึ่งทางและลงตัวอย่างมากของสาย Citrus ที่มีส้มโอมือเป็นแกนนำให้ความเปรี้ยวซ่าคมๆ เจือความเปรี้ยวหวานปลายของเลมอน กับสายเขียวที่นำทีมด้วยกลิ่นของยางไม้ที่เรียกว่า Gallbanum กับการให้โทนเขียวคมพุ่งจัดเต็มร่วมกับกิ่งก้านส้มที่มีความเขียวปนเปรี้ยวสดชื่นซึ่งการเจอกันของ 2 โทนนี้มีความเป็นโทนอะโรม่าของส้มใสๆ เจือลักษณะเชื่อมตรงกลางทำให้ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมากกับกลิ่นเขียวคมสดชื่น ที่เป็นเหมือน Signature อย่างหนึ่งของแบรนด์เลยที่ทำกลิ่นอายสายเขียวได้ดีมาเสมอ และสร้างความสดชื่นได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้รู้สึกเหมือนเดินในสวนที่มีกลิ่นเขียวๆ ของใบไม้หรือก้านไม้เขียวลอยออกมาแบบเต็มๆ ให้รับรู้ทุกอณูกันได้เลย

แล้วกลิ่นสายเขียวจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตามลำดับและชัดเจนในช่วงกลางที่กลิ่นของใบมะเดื่อฝรั่ง (Fig) จะแทรกขึ้นมาเรื่อยซึ่งกลิ่นจะมีความครีมติดเขียวกำลังดี ไม่ได้มาสายข้น Milky ติดโทนมะพร้าวอะไรขนาดนั้น เพราะกลิ่นในช่วงต้นยังตามมาในช่วงนี้ให้ความสดชื่นติดเขียวอยู่ เพียงแต่ลดความคมลงมาพอสมควร ทำให้ได้ความรู้สึกอะโรม่าแบบกลิ่นอายสดชื่นเคล้าใบไม้เขียวๆ ที่ไม่ได้เปรี้ยวคมนัก แต่ยังคงความเป็น Citrus กลั้วใบ Fig ที่มีความเป็นโทนนวลๆ ติดสมุนไพรหน่อยๆ จากลาเวนเดอร์ และมีความครีมติดอุ่นบางๆ ปนไม้หอมแนวๆ สนไพน์กับไม้ซีดาร์ ได้ความรู้สึกน่าค้นหาก็ได้ สบายๆ สดชื่นก็ดี ได้อารมณ์ความเป็นสวนที่ชัดเจนลายาวไปจนถึงช่วงท้ายที่กลิ่นอายของใบ Fig จะมีความครีมมี่มากขึ้น ความสดชื่นยังมีอยู่แต่ไม่ได้คมแล้ว ออกทางนุ่มๆ ติดซ่าบางๆ แทน โดยทั้งโทนครีมมี่กับโทนสดชื่นนุ่มๆ จะมาผสมผสานกับโทนไม้หอมที่มีความโปร่งสว่าง และแอบจับได้ว่ามีโทนออกทางถั่วหน่อยๆ ให้พอรู้สึกได้ ทำให้ภาพรวมของกลิ่นจะมีความเป็นโทนออกทางครีมมี่นวลๆ ปนเขียวสบายๆ ซ่าบางๆ แต่ก็มีความดาร์กออกทางกลิ่นแนว Earthy หรือพวกออกทางดินๆ หน่อยๆ ปนอุ่นนิดๆ ให้น่าค้นหากำลังดีไปตลอด ภาพรวมเป็นการถอดกลิ่นแนวสวนออกมาได้น่าสนใจมาก เพราะได้ความรู้สึกเขียวรื่นรมย์ผสมผสานกับความน่าค้นหาในลักษณะของการเป็น Ninfa Garden ที่มีทั้งความเป็นสวนและความเป็นโบราณสถานปรักหักพังที่มีความขลังดึงดูดอย่างลงตัว

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศ เพราะกลิ่นเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงสิ่งแวดล้อมจึงเข้าได้กับทั้งหญิงและชาย และไปได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ยามทางการอาจจะไม่พอดีๆ จะลงตัวมาก แต่ทั่วไป อันนี้แล้วแต่การจัดเต็มส่วนบุคคลเลย ที่สำคัญใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป เน้นผ่อนคลายสบายๆ ก็ลงตัวไม่ใช่น้อยแต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีอันนี้แม้พอได้บ้างแต่ว่าอาจจะสู้โทนหวานเย้าจากคนรอบข้างที่ประดังประเดเข้ามาได้ยากหน่อยก็เท่านั้นเอง 

ความทน - เกินคาดมากสำหรับรุ่นนี้ของ Annick Goutal เพราะ 8 ชม. ได้สบายๆ มีอิงจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. แบบที่ทำให้ฟินกับกลิ่นอายเขียวนวลๆ ครีมไม้ๆ ได้ดีตลอดจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นพุ่งเลยทีเดียว แล้วจะลดลงมาเป็นปานกลางแผ่รังสีพอประมาณให้ความเขียวติดครีมแบบกำลังดี ตามด้วยเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ซึ่งเกินคาดกับความเป็น Annick Goutal ที่ทำตรงนี้ได้ดีมากเช่นกัน 

ทิ้งท้าย - สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า นี่เป็นหนึ่งในกลิ่นที่เข้าทำเนียบรักมากจากแบรนด์นี้เพราะนอกจากเป็นกลิ่น Fig ที่มาแบบกำลังดีแล้ว ยังทำให้รู้สึกสบายๆ แต่ยังน่าค้นหาได้ดีจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://us.annickgoutal.com/media/catalog/category/univers_ninfeomio.jpg



วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561

Review: Annick Goutal - Rose Absolue

Annick Goutal - Rose Absolue 

ถ้าพูดถึงน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ให้กลิ่นกุหลาบแบบแท้ทรู มีความเป็นธรรมชาติ และสามารถสื่อสารถึงอารมณ์ของกุหลาบได้ชัดเจนทุกสโตรก คงหนีไม่พ้นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบระดับโลกที่คนให้การยอมรับกันมากเลยทีเดียวอย่าง Annick Goutal กับรุ่น Rose Absolue ที่โด่งดังได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1984 จนถึงปัจจุบัน และที่แน่ๆ จัดเต็มกลิ่นอายกุหลาบกันถึง 6 ชนิดมารวมในน้ำหอมกลิ่นนี้เสียด้วย ไม่ว่าจะเป็น May Rose, Turkish Rose, Bulgarian Rose, Damascus Rose, Egyptian Rose, and Moroccan Rose เช่นนั้นกลิ่นจะกุหล๊าบ กุหลาบขนาดไหน ใช้แล้วบอกต่อแบบนี้เลย

Rose Absolue ชัดเจนมากตั้งแต่แรกสเปรย์ที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของกลิ่นนั่นคือ ความเป็นกุหลาบ ซึ่งจะเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นของน้ำหอมและเป็น Center Note ที่จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลย กลิ่นจะมีความเป็นเส้นตรงพอสมควร แต่ก็ยังมีความเปลี่ยนแปลงอยู่แบบหน่อยๆ โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของความเป็นกุหลาบให้พอรู้สึกได้ ซึ่งช่วงต้นจะมาในลักษณะของกุหลาบที่ติดสดชื่น มีความเป็น Citrus ติดฟรุตตี้เบอร์รี่แดงๆ เจือๆ ในเนื้อกลิ่น ให้กุหลาบมีความสดชื่นและไม่ได้เข้มจัดจ้านเกินไป กลิ่นจะกลางๆ ไม่ได้ถึงกับฉ่ำและแห้ง กลิ่นมีความสว่างและโรแมนติคตามแบบที่กุหลาบควรจะเป็น ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นกุหลาบที่กลิ่นออกทางนวลๆ หอมละมุนมากขึ้นในช่วงกลาง โดยที่กลิ่นจะมีความเป็นพื้นฐานของกุหลาบที่ชัดเจนคือ สะอาด นวล โรแมนติค มีความเปรี้ยวสดชื่นกึ่งผลไม้นิดๆ เจือหน่อยๆ แต่จะมีเลเยอร์ของกลิ่นที่หนักเบามีมิติของแต่ละประเภทของกุหลาบที่มาผสมผสานกันได้อารมณ์แบบช่อกุหลาบที่ผสมผสานกันในหลากหลายสายพันธุ์โดยที่คุมโทนความเป็นสีโทนขาว (ให้ความหอมนวลลอยบางๆ ตามลม) ชมพู (ให้ความหวานโรแมนติคละมุน) และแดง (ให้ความเย้ายวนดึงดูดออกทางแห้งๆ) ได้อย่างลงตัว ในเนื้อกลิ่นมีความเป็น Spicy บางๆ มีโทนสะอาดๆ นุ่มของ Musk หน่อยๆ เสริมกุหลาบไปตลอด ให้มีมิติที่เนียนๆ ธรรมชาติ หอมโรแมนติคไปตลอดจนถึงช่วงท้าย กลิ่นจะเริ่มมีการเปลี่ยนโทนเนียนๆ เบาๆ กลายเป็นกุหลาบผสมผสานกับ Musk ที่มีความอบอุ่นเบาๆ เสริมไปตลอดที่จับได้ว่ามีโทนไม้หอมเสริมบางๆ อยู่ เนื้อกลิ่นจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ มีความน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่นกำลังดีไปตลอด คงความเป็นกุหลาบที่คุมโทนความหอมที่โรแมนติค สะอาด เย้ายวนแบบที่มีความเป็นธรรมชาติของกุหลาบ ไม่ได้จงใจหรือโจ่งแจ้ง ครบถ้วนตามชื่อรุ่นที่ชี้ชัดไม่มีผิดเพี้ยนเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นไม่ได้มาสไตล์คลาสสิคที่ใช้ยาก ซึ่งดันมาในกลิ่นอายแบบธรรมชาติที่เข้าถึงได้ง่าย ใครได้กลิ่นก็บอกเลยว่ากุหลาบแบบเข้าถึงง่าย จึงเหมาะกับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เสริมออร่าความเป็นผู้หญิงที่โรแมนติค และมีความเป็นธรรมชาติแบบที่ไม่ได้ประดิษฐ์มาก ใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็พอได้ แต่จะไม่เข้ากับการใส่เพื่ออกกำลังกายนัก ให้ข้ามโอกาสนี้ไปดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบอยู่กับแฟน ออกงาน หรือว่าใส่สบายๆ ให้ออร่าความเรียบแต่หรูดีกว่าใส่ไปท่องราตรีที่บอกเลยโดนพวกกลิ่นขนมหรือกลิ่นหวานๆ ที่คนพยายามมาปล่อยของกันกลบหมดแน่นอน ส่วนผู้ชายเอาจริงๆ ถ้าไม่ถือก็ใส่ได้สบายมาก เพราะว่ากลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยของมากนัก

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด และสภาพผิวที่เอื้อกับการเก็บกักน้ำหอมให้คงทนมากน้อยแค่ไหนด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กำลังดีกับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลางในช่วงกลาง แล้วค่อยๆ ลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัว พอเข้าช่วงท้าย จะเป็น Skin Scent ที่มีออร่าอ่อนๆ ระเรื่อออกมา ให้รับรู้ว่ากลิ่นยังอยู่ และใครอยู่ใกล้ๆ ก็พอสัมผัสกลิ่นได้ประมาณนี 

ทิ้งท้าย - อันนี้ยอม เพราะกลิ่นเป็นกุหลาบที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบจริงๆ มีความโรแมนติค เรียบหรู สดใสก็ได้ เย้ายวนก็ดี น่ารักปนหวานก็สามารถ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ดีเป็นระดับต้นๆ ของโลก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Orental.ru


https://www.orental.ru/upload/iblock/fd8/fd8dc060c13d409def54919191a81117.jpg

วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Review: Annick Goutal - Nuit Etoilee Eau de Parfum

Annick Goutal - Nuit Etoilee Eau de Parfum 

ตอนเห็นชื่อรุ่นว่า Nuit Etoilee ของ Annick Goutal นี้ครั้งแรก สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก่อนเลยคือภาพที่ชื่อว่า Starry Night ของแวนโก๊ะ แล้วก็แป่วววว เข้าใจไปคนละทาง เพราะจริงๆ แล้วที่มาที่ไปของน้ำหอมตัวนี้คือการนอนดูดาวที่เต็มท้องฟ้าใกล้น้ำตกในป่ายามค่ำคืน ที่ทำให้รู้สึกถึงความสงบและความสุขกับตัวเอง เช่นนั้นมีโอกาสได้มาครอบครอง ก็ต้องมาเล่า
กลิ่นกันหน่อยว่าเป็นอย่างไรจะฟินขนาดไหนบ้าง 

บอกก่อน - รุ่นที่จะมาเล่ากลิ่นนี้ จะมี 2 เวอร์ชั่นคือ EDT กับ EDP ซึ่งส่วนตัวไม่เคยได้ลอง EDT มาก่อน เลยจะไม่ได้ท้าวความถึงความเชื่อมโยงทางกลิ่นใดๆ ขอเล่าตรงๆ กับรุ่น EDP นี้เลย 

กลิ่นเปิดจะได้อารมณ์ของความรู้สึกสดชื่นแบบติด Spicy ล้อมเอาไว้ด้วยความเขียวกันอย่างชัดเจน กลิ่นจะมีความแน่นพุ่งในระดับนึงจากกลิ่นของเปลือกส้มที่จะมีความขมหน่อยๆ และกลิ่นของส้มโอมือที่จะมีความเปรี้ยวติดปร่าซ่าจะมีความชัดเจนกันในระดับหนึ่ง และจะมีความเขียวในเนื้อกลิ่นแบบติดสดชื่น Fresh Spicy ของเปปเปอร์มินต์ ที่ีทำให้กลิ่นโปร่งซ่าเขียวกำลังดีตัดทอนความเป็น Citrus ไว้ไม่ได้ทำให้กลิ่นไปสายฟ้าใสกระจ่างสว่างเว่อร์แบบยามเช้าหรืิอยามสายเลย แต่มีความสดชื่นแบบเขียวซ่าที่มีความทึบออกโทนไม้หอมแบบลึกๆ แทรกอยู่เจือเข้ามาด้วย กลิ่นเลยได้อารมณ์แบบสดชื่นเย็นๆ ขรึมๆ เสียมากกว่าเข้าทางอารมณ์ของยามกลางคืนได้เลย และกลิ่นไม้หอมที่แทรกอยู่นั้นจะเริ่มเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละนิดๆ นำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลายเป็นกลิ่นอายแบบ Woody Mint ที่จะมีกลิ่นไม้หอมสไตล์สนไพน์ที่จะมีความเขียวติดสะอาดหวานปลายๆ ในเนื้อกลิ่น เคล้ากับกลิ่นแนวเขียวๆ ชะอุ่มกำลังดี กลิ่นมีความ Airy ติดแป้งบางๆ จางๆ อ้อยอิ่งอยู่ให้รู้สึกถึงมิติแบบขรึมจางๆ ยามค่ำคืนได้ด้วย ซึ่งกลิ่นนี้จะชัดเจนตามคำโปรยเลยคือ ป่ายามค่ำคืนที่จะนิ่งสงบกลิ่นไม่ได้ออกทางชื้นๆ ตามความรู้สึกแบบป่าเขตร้อนบ้านเรา แต่จะเป็นป่าแนวๆ ยุโรป ที่มีอากาศเย็นๆ และโปร่งๆ มีความแห้ง ทำให้ได้อารมณ์แบบกลิ่นเขียวแห้งๆ จากใบไม้หรือกลิ่นต้นไม้อ้อยอิ่งกำลังดีไปตลอด และกลิ่นนี้จะยังตามไปจนถึงช่วงท้ายเลย กับการเป็นไม้หอมที่สบายๆ แห้งๆ มีกลิ่นเปปเปอร์มินต์จางๆ แต่กลิ่นจะมีความหวานเจือท่ามกลางความเขียวแห้งมากขึ้น ซึ่งไม่ได้หวานปลายแบบกลิ่นอายสนไพน์เป็นตัวหลักแล้ว เพราะตัวที่ดันขึ้นมาทำหน้าที่แทนคือดอก Immortelle ที่จะเป็นดอกไม้ให้กลิ่นอายโทนสมุนไพรติดหวานแนวคาราเมลแบบแห้งๆ เคล้ากับกลิ่นแนวๆ สมุนไพรแห้งๆ เขียวๆ บางวูบมีอารมณ์คล้ายๆ กลิ่นหญ้าแห้งที่น่าจะมาจาก Coumarin สารสกัดจากถั่วตองก้า ที่สำคัญเนื้อกลิ่นมีความอบอุ่นบางๆ กำลังดีไม่ได้โจ่งแจ้งนักทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แอบโรแมนติค มีระดับท่ามกลางความเขียวติดแห้งๆ ในเนื้อกลิ่นเสียด้วย 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นแบบนี้ไม่ว่าเพศไหนก็ใช้ได้ กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติกำลังดีไปตลอด ได้อารมณ์เย็นๆ กลางคืนๆ แบบที่ไม่ต้องมาสายหวานดึงดูดเรียกแขกอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งใช้ได้ตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป เข้าได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แถมใส่ออกกำลังกายเองก็พอได้ ออกกลางแจ้งก็สามารถ ใส่ยามค่ำคืนแบบทั่วๆ ไปก็ได้เลย เพียงแต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรี กลิ่นไม่ได้มาสายั่วยวนเรียกแขกแน่นอน ที่สำคัญกลิ่นจะไม่ได้มาสายยังไงก็หอมถูกใจทุกคนนัก เพราะมันมีความเป็นธรรมชาติเน้น Signature ที่มักจะเป็นกลิ่นเขียวๆ ของ Annick Goutal คนที่ไม่ชอบกลิ่นเขียวๆ แบบนี้อาจจะไม่โอเคก็เป็นได้ 

ความทน - ลงตัวมากกับราวๆ 8 ชม. ซึ่งกลิ่นอาจจะทนมากกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ก่อนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย เข้าทางการเป็นน้ำหอมที่ไม่ได้รบกวนใคร ให้คนใส่มีความสุขกับกลิ่นเสียมากนั่นเอง 

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาแล้วได้ความรู้สึกมองเห็นสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และถือว่าแบรนด์ทำออกมาได้น่าประทับใจมากกับการเอากลิ่นโทนต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นโทนหวานมาประยุกต์จนเป็นกลิ่นแนวกลางคืนที่หรูหรามีระดับแบบธรรมชาติได้ดี ซึ่งพอได้ลองตัวนี้เลยอยากลอง EDT ขึ้นมาทันทีเลย ^^

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by http://www.slapiton.tv/user/products/large/annick_goutal_nuit_etoilee_edp_50ml.jpg



วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review: Annick Goutal - Eau du Sud


Annick Goutal - Eau du Sud

Annick Goutal ถือเป็นแบรนด์น้ำหอม Niche ที่กลิ่นอายน้ำหอมทุกตัวมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก แต่ละกลิ่นถือว่าทำออกมาได้งามและคุณภาพยอดเยี่ยม ซึ่งในหมู่คนสะสมและรักน้ำหอมต่างก็ปลื้มแบรนด์นี้กันเยอะเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็ปลื้ม เลยจัดมาซะเลยกับรุ่นที่เรียกความสดชื่นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมาะกับอากาศบ้านเราที่ร้อนนรกถึงขีดสุด ก็ตัวนี้เลยครับ Eau de Sud

เรียกว่าธรรมชาติมาเต็มจริงๆ เพราะ Top Notes มาแบบโทนซิตรัสจัดเต็มมากๆ โดยเริ่มที่เกรฟฟรุตกับมะกรูด ที่กลิ่นมาเต็มเหนี่ยวมาก แบบเปลือกผลที่ทั้งเปรี้ยวและขมติดเขียว โดยมีโหระพาเป็นตัวปล่อยความเป็นสมุนไพรกลั้วโทนซิตรัสแบบหนำใจมาก เรียกว่าสดชื่นติดเขียวสุดๆ กันตั้งแต่แรกเริ่ม ท่ามกลางกลิ่นที่คมตามธรรมชาติ จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes งานนี้มาเต็มเลยรับช่วงต่อจากตอนแรกด้วยมะนาวและใบเวอร์บีน่าที่กลิ่นคล้ายมะนาวแบบติดเขียวใบไม้ แถมด้วยกลิ่นอายสดชื่นเย็นๆ ของมินท์ตามเข้ามาอีก เรียกว่ากลิ่นสดชื่นต่อเนื่องแบบมาโทนเปรี้ยวใสๆ เลย แน่นอนว่าคงความคมตามธรรมชาติเช่นเคย แถมด้วยความกระปรี้กระเปร่าที่จัดเต็มมากกับโทนสว่างฟ้าใสอากาศดีๆ อย่างบอกไม่ถูก และปิดท้ายที่ Base Notes ซึ่งกลิ่นโทนซิตรัสของมะนาวยังคงอยู่ แต่ตัวที่มาผสานจะเป็นโทนสมุนไพรติดวู้ดดี้จางๆ มีความสดชื่นแบบแห้งในเนื้อกลิ่นด้วยโทนของหญ้าแฝกกลั้ว Oak Moss ที่มาในโทนเขียวตั้งแต่ต้นจรดปลาย แน่นอนว่ากลิ่นยังคงมีมิติหอมเย้าแบบสดชื่นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีหนีไปไหน มาเต็มเม็ดเต็มหน่วยกันเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – Unisex ครับ ตราเอาไว้เช่นนี้ และก็เป็นเช่นการตราเอาไว้แบบนั้น เพราะกลิ่นมันธรรมชาติมากเลยทีเดียวที่จะครอบจักรวาลการใช้งานแบบได้ทุกเพศเลย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน งานทางการก็ได้เพราะกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติที่เข้าถึงได้ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งใส่วันอากาศร้อนๆ ยิ่งสดชื่นมากมายเลย ส่วนยามกลางคืนถ้าทั่วๆ ไปชิลล์ๆ กับอากาศบ้านเราน่ะเหมาะมาก แต่ถ้าใส่ไปเมา จบกันครับ กลิ่นไม่ไหวกับแอลกอฮอล์เลยล่ะนะ

ความทน – อยู่ที่ประมาณ 6 ชั่วโมง ตามประสาน้ำหอมโทนกลิ่นที่ธรรมชาติมาเต็มขนาดนี้ อาจจะมากกว่ากว่านี้ได้อยู่ถ้าอัดสเปรย์ ซึ่งราคามันแพงอ่ะจ้ะ อัดสเปรย์ไปแอบเสียดายนะ 55555

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีงามและคมตามธรรมชาติมากมายในช่วงต้น และจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ที่คนอยู่ใกล้ๆ จะได้รับความสดชื่นเต็มๆ จากผู้ใส่ และปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่กลิ่นจะตีขึ้นมายามร่างกายทำความร้อนครับ

ทิ้งท้าย – เรียกได้เลยว่านี่คือน้ำหอมที่สดชื่นจัดแบบธรรมชาติจริงๆ โดยไม่ทิ้งความมีคลาสในเนื้อกลิ่นเลยล่ะครับ

ป.ล. ขวดมี 2 แบบนะครับผม อยากได้ขวดแบบไหนจัดได้เลยครับ