วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Ormonde Jayne - Isfarkand

Ormonde Jayne - Isfarkand 

เมื่อแรงบันดาลใจที่มาจากดินแดนของตะวันออกกลางแทนที่จะเด่นกับความเป็นโทนไม้หอมกับยางไม้ กับกลายเป็นการบ่งบอกถึงความเป็น Citrus และเครื่องเทศโทนสดชื่นติดเผ็ดอย่างพริกไทยจากแบรนด์ Ormonde Jayne แบรนด์ Niche สายน้อยแต่มากจากอังกฤษ ที่สร้างสรรค์น้ำหอมรุ่น Isfahan ขึ้นมา (เป็นชื่อเมืองทางประวัติศาสตร์ของอิหร่าน) แต่ภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อรุ่นเป็น
Isfarkand ซึ่งกลิ่นจะมาในลักษณะไหนในมุมมองของแบรนดฺ์นี้ ก็ได้เวลาพิสูจน์แล้ว

ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีความเป็นมินิมัลได้ลงตัวในความเป็นโทนสดชื่นเด่นนำจากการเป็น 3 ประสาน คือ โทน Citrus, Fresh Spicy และ Woody ไม้หอม ซึ่งกลิ่นจะออกแนวค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้เน้นหวือหวาหรือพีคอะไร แต่คง Concept น้อยแต่มาก รอดและมีระดับทุกสถานการณ์ได้ชัดเจน โดยเริ่มที่การเปิดตัวแรกฉีดกับความเป็นโทน Citrus ที่ไม่ถึงกับจี๊ดจนดูประดิษฐ์เกินกว่าเหตุนักกับกลิ่นมะนาวที่ได้ความรู้สึกเปรี้ยวสดชื่นผ่านกลิ่นออกมาเต็มๆ เด่นสุดกว่าใคร แต่ในความเปรี้ยวที่สัมผัสได้จะเจือขมปนซ่าๆ จากมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และกลิ่นแปร่งคล้ายเปลือกส้มบางๆ ที่มีความอะโรม่าหน่อยๆ ผสมผสานอยู่ด้วยตลอดเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสายคมๆ มากเกินไป ให้มีความผ่อนคลายมากขึ้นต้องยกให้กลิ่นอายของพริกไทยสีชมพูที่จะไม่ได้ไปสายเผ็ดสะอาดแบบพริกไทยดำ แต่จะออกมาเผ็ดนุ่มไพล่ไปทางติดเจือดอกไม้บางๆ และมีกลิ่นอายสไตล์ไม้ซีดาร์ที่ทำให้กลิ่นมีโทนไม้หอมอะโรม่าโปร่งสบายมาเป็นฉากหลังให้กลิ่นมีความรื่นรมย์ปนสว่างและสะอาด แค่เพียงช่วงต้นก็คุมโทนความสดชื่นเรียบหรูได้ชัดเจนมากเลยทีเดียว 

และกลิ่นของโทนพริกไทยสีชมพูกับไม้ซีดาร์จะเริ่มกลายเป็นโทนกลิ่นหลักแทนในช่วงกลางซึ่งจะเริ่มสัมผัสได้มากขึ้นว่ากลิ่นทำให้นึกถึง Hermes - Terre d’Hermes แบบที่ไม่มีกลิ่นส้มติดเขียวขมนักและกลิ่นจะนุ่มกว่า ในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นของความเป็นมะนาวแบบสดชื่นเบาๆ กำลังดีเจือไปตลอดกับการเป็นไม้หอมโปร่งติดเครื่องเทศที่ออกทางเผ็ดนวลอะโรม่า เรียกว่ากลิ่นมีความเป็นสาย Soft มากกว่าจะเป็นสายพุ่ง และจะเริ่มจับได้เรื่อยๆ ว่ามีกลิ่นอายของหญ้าแฝกที่มาสายไม้หอมแห้งๆ มีกลิ่นติดโทนดินๆ จางๆ เปิดตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่เริ่มชัดเจนถึงการเป็นโทนไม้หอมนวลโปร่งๆ ความสดชื่นของโทน Citrus จะเบาลงไปเป็นเนื้อเดียวกันกับไม้หอมให้กลิ่นมีความโปร่งสะอาดนุ่มนวลติดแห้งๆ กำลังดี แอบมีกลิ่นโทนคล้ายพิมเสนอ้อยอิ่งบางๆ ที่เสริมให้กลิ่นมีความเรียบหรูสะอาดๆ มีกลิ่นนุ่มละมุนจางๆ เจือไปตลอด ซึ่งภาพรวมได้อารมณ์ออกแนวอะโรม่าผ่อนคลายปนความสดชื่นนวลระเรื่อจมูก มีความน้อยแต่มากใช้ง่ายอย่างไม่ไก่กานั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ระบุไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้ชายแต่จริงๆ มีความ Unisex ที่แตะทุกเพศได้ในระดับหนึ่งเลย เช่นนั้นไม่ว่าเพศไหนก็ใช้ได้สบายมาก เหมาะกับวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ซึ่งกลิ่นเข้าถึงได้ง่ายเรียบหรู และมหาชนที่ได้กลิ่นมักไม่ยี้ จึงเข้าทางกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมดทั้งทางการและทั่วไป ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าใส่เพื่อสร้างความสดชื่นหอมมีระดับแบบสบายๆ น่าจะดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีกะหาเหยื่อ โดนกลบแน่นอน

ความทน - กลิ่นทนอยู่ระหว่าง 6 -8 ชม. และสามารถไปได้มากกว่านั้น อิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวจัดไปที่ 6 สเปรย์ ไปได้ที่ราวๆ 8 ชม.แต่พอลองเพิ่มสเปรย์ในครั้งต่อๆ มาเป็น 7 สเปรย์ เรียกว่าทนดีเกินคาดกับราวๆ10 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นจะกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป เรียกว่ามีความปลอดภัยในเรื่องนี้เต็มๆ พอพ้นไปซัก 6 ชม. ถึงได้เป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ถ้าจับความเชื่อมโยงกับความเป็น Isfahan ก็น่าจะได้อารมณ์ของการที่ชาวตะวันตกไปพักผ่อนตากอากาศยามเช้าที่สดชื่นกำลังดีที่เมืองนี้ แล้วได้มุมมองสไตล์เรียบง่ายแต่มีระดับจะน่าจะพอไปวัดไปวาได้อยู่ แต่ถ้าไม่จับเรื่องความเชื่อมโยงเรื่องที่มาที่ไป กลิ่นนี้เป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายที่มีความน้อยแต่มากและมีความสุภาพที่ดีมากอีกกลิ่นหนึ่งเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Harrods Website


 --> https://www.harrods.com/en-gb/ormonde-jayne/isfarkand-cologne-p000000000002068863

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Carven L’Eau Intense

Carven L’Eau Intense

Carven เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นจากฝรั่งเศสที่มีประวัติมาอย่างยาวนานทั้งในเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกายทั้งชายและหญิง เครื่องประดับ รวมถึงน้ำหอม ซึ่งแบรนด์ผ่านช่วงเวลาที่ทั้งรุ่งโรจน์และปรับเปลี่ยนตามทิศทางของกาลเวลา จนปัจจุบันได้ปรับปรุงจนกลับมาเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่น่าจับตามองในสายแฟชั่นอีกครั้ง และแน่นอนน้ำหอมก็ด้วย เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสมาลองน้ำหอมของแบ
รนด์นี้ก็ขอเลือกกลิ่นอายที่น่าสนใจของผู้ชายในสายสดชื่นกันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรบ้างเพื่อเล่ากลิ่นกับรุ่นนี้เลย Carven L’Eau Intense 

เปิดตัว Top Notes กันได้อย่างชัดเจนมากกับกลิ่นอาย Citrus Mint ให้ความสดชื่นกันแบบเต็มๆ กลิ่นจะมีความคมพอสมควร และจะสัมผัสได้ได้เลยว่ามีกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ปนกลิ่นอายเครื่องเทศ และกลิ่นเขียวออกทางแมนๆ เสริมอยู่ตลอด ซึ่งอาจจะทำให้นึกถึงกลิ่นโทนสดชื่นแมนๆ สไตล์กลิ่น Barbershop หรืิอร้านตัดผมอยู่พอตัว โดยกลิ่นมินต์จะให้ความเขียวปร่าปนกลิ่น Citrus เปรี้ยวแปร่งเจือขมของเลมอนและเปรี้ยวโทนสว่างเข้าโทน Sport พอสมควรของเกรปฟรุตที่ไม่ได้เข้าทางธรรมชาติมากนักก็จริง แต่ให้ความสดชื่นได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว จนกระทั่งโทนกลิ่นเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ Middle Notes กับการเปลี่ยนตัวเอกเป็นลาเวนเดอร์ที่จะมาผสมผสานกับกลิ่นอายของมินต์และโทน Citrus โดยกลิ่นอายเขียวแมนๆ ที่จับได้ชัดเจนมากขึ้นว่าเป็นกลิ่นอายแนวใบบีช (Birch Leaf) ที่กลิ่นจะออกเขียวเจือหวานเป็นตัวสนับสนุนตีคู่กับกลิ่นสายเครื่องเทศโทนหวานเผ็ดปนหวานนัวอบอุ่นหน่อยๆ ของกระวานเจือขิงที่เผ็ดปนหวานที่ชัดพอสมควร ซึ่งเมื่อมาเจอกับลาเวนเดอร์และมินต์เจือ Citrus กลิ่นเลยจะมีความนวลสะอาดเจือนัวกึ่งปนคมๆ แมนๆ สดชื่นแบบสว่างๆ กำลังดีแทน (เพราะถ้ากระวานมากกว่านี้กลิ่นอาจจะไปสายแบดบอยเอาได้) เลยทำให้กลิ่นได้อารมณ์สีขาว Sport แบบกำลังดี ไม่ได้ถึงกับจ๋าๆ นัก แต่แมนสดชื่นบนพื้นฐานกลิ่นอายนัวปนหวานจางๆ และไพล่ไปแตะสายอบอุ่นที่จะเริ่มต่อเนื่องไปยัง Base Notes ในเวลาต่อมา เพราะกลิ่นอายที่เริ่มเสริมเข้ามาตามลำดับคือ กลิ่นโทนไม้หอมปนอบอุ่นนั่นเอง 

ซึ่งโทนไม้หอมที่โปร่งขรึมของไม้ซีดาร์ที่เจือความอบอุ่นแนวๆ แอมเบอร์เจือเครื่องเทศนัวบางๆ จะเริ่มเข้ามาผสมผสานกับกลิ่นลาเวนเดอร์ติดแห้งๆ ที่ให้ความรู้สึกสะอาดนวล แต่จะมีกลิ่นอายแนว Mossy ที่ให้ความเขียวแมนๆ ติดเค็มนิดๆ สากบางๆ มาให้ความเท่ห์ในกลิ่น ซึ่งในเนื้อกลิ่นให้ยังพอสัมผัสได้ถึง Concept กลิ่นสดชื่นได้อยู่ไปเรื่อยๆ ซึ่งภา่พรวมในช่วงท้ายนี้เลยกลายเป็นกลิ่นอายที่แบ่งโทนกันเป็นอย่างดีระหว่างโทนสดชื่นและโทนอบอุ่นแบบเรื่อๆในพื้นฐานความเป็นกลิ่นอายผู้ชายแมนๆ มีระดับ เข้าโทนสว่างออกทางสีขาวกำลังดีไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้อย่างสบาย เพราะกลิ่นมีความเป็น Daily Scent และ Office Scent ได้ดีมากเลยทีเดียว เพราะไม่ได้ดูใสหรือออกทาง Sport จ๋าๆ เกินไป ให้มาดที่กำลังดีแบบสมดุลย์ที่ความสดชื่น สะอาด นัวเย้าบางๆ และอบอุ่นแมนๆ เสริมลุคทำงานได้ดีจริงๆ ซึ่งเข้าได้กับทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไปแบบกวาดหมดเลยก็ว่าได้ ซึ่งกลิ่นนี้ยังสามารถไปใช้ยามกลางคืนแบบอากาศบ้านเราได้อีกด้วย เพราะความ Intense ของกลิ่นที่ค่อนข้างชัดนั่นเอง เพียงแต่จะไม่ได้ไปสายยั่วยวนอะไรมากก็เท่านั้นเอง 

ความทน - พื้นฐานที่ 8 ชม. สบายมาก และมากกว่านั้นได้เลยถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากและพุ่งคมพอตัวอาจจะผงะได้ในช่วงแรก แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาที่การกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนจะเปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว ซึ่งเมื่อพ้นราวๆ 6 ชม. ไปแล้วกลิ่นจะเริ่มผันตัวเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นสดชื่นแมนๆ ที่เอามินต์ Citrus และลาเวนเดอร์เป็นตัวนำเด่น โดยที่ยังมีระดับและไม่ได้ดูเป็นกลิ่นทั่วๆ ไปมีความแตกต่างจากกลิ่นสดชื่นในตลาดพอสมควร แต่ยังไงก็ตามกลิ่นนี้ เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ใส่ครอบจักรวาลได้ดี และเข้ากับบ้านเราเสริมลุคผู้ชายทำงาน Office ได้ดีแบบขวดเดียวไปได้ทุกงานได้น่าสนใจจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Fragrantica -- https://fimgs.net/images/secundar/o.37090.jpg

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Pull & Bear - Buddy

Pull & Bear - Buddy 

Pull & Bear เป็นหนึ่งในแบรนด์เสื้อผ้าจากสเปนที่เน้นเสื้อผ้าลำลองสบายๆ และอยู่ในเครือใหญ่อย่าง Inditex ซึ่งมีหลายๆ แบรนด์ที่คนไทยนิยมเช่น Zara ซึ่งแน่นอนสิ่งที่เห็นคือไม่ว่าจะแบรนด์ไหนในเครือนี้ก็ตามก็จะมีน้ำหอมเป็นของตัวเองกันหมด เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้รับรู้ว่าแบรนด์นี้มีน้ำหอมที่น่าสนใจและได้รับการบอกเล่าถึงการใช้น้ำหอมของแบรนด์นี้มา มีหรือที่จะไม่ไปหาลองและก็ได้เจอกับรุ่นที่น่าสนใจอย่างเช่นรุ่นนี้เลย Buddy

กลิ่นเปิดตัวด้วยการเป็นโทน Citrus ที่ติดเครื่องเทศคาบเกี่ยวความสดชื่นและความอบอุ่นพอสมควร ซึ่งกลิ่นที่เด่นขึ้นมาในช่วงแรกจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กระวานผสมพริกไทยหน่อยๆ ขึ้นมาก่อน แต่ไม่ได้ไปสายหวานเย้าเซ็กซี่แบบกระวานมากนัก มาเคล้ากับความสดชื่นของ Citrus ที่ออกแนวเปรี้ยวเจือหวานนิดๆ แบบกลิ่นปลอดโปร่งเข้าถึงง่ายสไตล์เกรปฟรุตที่เป็นตัวเสริมชั้นดี ซึ่ง 2 กลิ่นนี้เจอกันจะได้อารมณ์เย้ายวนก็จริงๆ แต่ไม่ได้ออกทาง Bad Boy นัก เพราะจะมีกลิ่นหวานปนเผ็ดปร่านุ่มๆ เจือความเป็นไม้หอมกำลังดีของเม็ดจันทน์เทศมาเป็นตัวเกลาให้กลิ่นมีความนวลปนอบอุ่นเคล้าไม้หอมหน่อยๆ กันตั้งแต่ตอนนี้ และตามไปยังช่วงกลางเสียด้วย โดยจะไปเจือกับกลิ่นอายโทน Spicy เครื่องเทศกลั้วกลิ่นแนวๆ ผลไม้บางๆ คล้ายโทนพริกไทยสีชมพูหน่อยๆ โดยที่กลิ่นจะมีความเป็นโทนดอกไม้เบาๆ แนวๆ กลิ่นอายของมะลิ และมีกลิ่นใสๆ โปร่งหวานบางๆ ของดอกกระดิ่งให้รับรู้ด้วย ทำให้กลิ่นอายในช่วงนี้จะเป็นกลิ่นนัวๆ อวลๆ รองพื้นโดยมีกลิ่นดอกไม้ให้มิติความนุ่มนวลให้จับต้องได้เพียงไม่นานกลิ่นจะเริ่มมีพัฒนาการให้เห็นชัดขึ้น เพราะกลิ่นอายจะอบอุ่นและครีมมี่จากโทนกลิ่นคล้ายๆ ถั่วตองก้ากึ่งวานิลลาให้อารมณ์แนวๆ โทนแป้งอบอุ่นนวลๆ จะเข้ามาผสมผสาน โดยมีกลิ่นอย่างไม้จันทน์หอมที่ออกทางครีมมี่ก็มากับเขาด้วย ทำให้กลิ่นในช่วงนี้ได้อารมณ์นวลอุ่นกำลังดีไปตลอดจนถึงช่วงท้ายที่กลิ่นเริ่มจะนุ่มปนครีมมี่มากขึ้น เพราะไม้หอมติดครีมมี่ของไม้จันทน์หอมก็จะเริ่มผันตัวขึ้นมาเป็นตัวเด่นของช่วงท้ายเพราะให้ความครีมมี่กำลังดีเคล้ากลิ่นอายแป้งหอมอบอุ่นนวลๆ ที่สบายๆ ระเรื่อๆ โดยที่มี Musk ให้ความนุ่มสะอาดเข้ามาเจือ พร้อมกับกลิ่นอายสไตล์คล้ายผิวกายติดเค็มหน่อยๆ ที่น่าจะมาจากสารหอมแนวๆ Ambroxan ที่ให้ความใกล้เคียงกับการเป็นโทน Ambergris หรืออำพันปลาวาฬมาเป็นตัวรองพื้น ซึ่งเมื่อกลิ่นไม้หอมเริ่มจางลงไปตามลำดับ สิ่งที่ยังอยู่จะเป็นสายรองพื้นเน้นๆ ให้ความนุ่มสะอาดติดเค็มหน่อยๆ อวลบางๆ แบบยาวไป

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นมาสายอบอุ่นใช้ง่าย ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นไม่ได้หนักหน่วงมาก แต่ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกาย แนะนำว่ารอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนจริงๆ ก็ใส่ได้ถ้าอัดสเปรย์หน่อย แต่อาจจะเน้นเพื่อให้ตัวเองมีกลิ่นอายอบอุ่นมากกว่าจะยั่วยวนอันนี้จะเข้าที เพราะถ้าไปแข่งกับสายหวานแน่นปล่อยของกระจาย อันนี้สู้ไม่ได้แน่ๆ 

ความทน - อยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่งว่าจะเก็บกักน้ำหอมให้ปล่อยพลังได้ดีมากขนาดไหน ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. สบายๆ กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - แม้กลิ่นจะมาเด่นที่โทนอบอุ่นแต่ก็ไม่ได้กระจายแบบเอาเป็นเอาตายมาก ให้ความเรียบง่ายกระจายปานกลางเสียมากตั้งแต่ช่วงต้น แล้วค่อยลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนที่จะเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวที่เข้าข่ายการเป็น Safe Scent ในโทนอบอุ่นเด่นได้เลย 

ทิ้งท้าย - มีความเกินคาดพอสมควรเพราะกลิ่นนี้เอาจริงๆ ไม่ได้หวือหวา มาสาย Designer ที่เน้นความนุ่มและมีความนวลสบายๆ เข้าถึงง่ายแบบที่ยังไงก็รอด โดยให้ออร่าความอบอุ่นให้คนรอบข้างรู้สึกได้ไม่ยากเสียมาก เช่นนั้นไม่ต้องปีนบันไดหรือตามกระแสใดๆ ก็เอาอยู่และดีได้แบบสบายๆ กับการใช้งานกลิ่นนี้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.pullandbear.com/me/man/accessories/fragrances/buddy-eau-de-toilette-for-men-100ml-c481002p501016067.html?cS=015



วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Parfum Prissana - Apsarah

Parfum Prissana - Apsarah 

เพียงแค่ชื่อรุ่นก็บอกได้กลายๆ ว่ากลิ่นอายน้ำหอมรุ่นนี้จาParfum Prissana จะต้องมาในลักษณะที่คาบเกี่ยวกับกลิ่นอายสไตล์ดอกไม้ไทยและ Tribute กลิ่นอายโทน Vinatge แน่ๆ แต่สิ่งที่เรียกว่ามีความเกินคาดไปพอสมควรดันกลายเป็นว่ากลิ่นนี้มีความ Timeless หรือเหลือกาลเวลามากกว่าที่คิด เพราะ

Apsarah มีลักษณะแบบคาบเกี่ยวความ Modern ก็ได้ Vintage ก็ดี เป็นโทนที่บ่งบอกถึงสไตล์ความเป็นกลิ่นอายเชิงวัฒนธรรมแถบเอเซียก็ได้ หรือกลิ่นอายสไตล์ตะวันตกที่มีความหรูหราเคล้าความเย้ายวนดึงดูดก็สามารถ ซึ่งโทนกลิ่นหลักจะเน้นที่ความเป็นดอกไม้ขาวเป็นหลักที่ให้ความรู้สึกทั้งนวล ละมุน เย้ายวน และดึงดูดแบบชัดเจนในทุกๆ ช่วงของการปล่อยออร่าทางกลิ่นออกมา กลิ่นอายเด่นหลักจัดเต็มจะมาจากดอกพุด สายน้ำผึ้งและซ่อนกลิ่น (Tuberose) ที่เป็นตัวเดินเรื่องหลักทางฝั่งดอกไม้ขาว เคล้าความเย้ายวนดึงดูดของกลิ่นกระดังงาและดอกลำดวนที่เป็นโซนดอกไม้เหลือง รองพื้นด้วยกลิ่นอายไม้หอมครีมนวลที่เป็นเสมือน Center Notes หรือกลิ่นหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ โดยช่วงเปิดจะมีความอวลหอมหวานเย็นๆ จากดอกไม้ขาวที่ชัดเจนปนความปร่าจางๆ ซึ่งกลิ่นที่เด่นออกมาเลยจะเป็นดอกพุดที่ให้ความหวานติดนวลกำลังดี เคล้ากลิ่นอายเย็นๆ ของดอกลีลาวดี ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงลักษณะแบบดอกไม้ขาวอื่นๆ อีกด้วย เพราะจะจับได้ถึงลักษณะกลิ่นอายมะลิกับดอกไม้ไทยตอนกลางคืนที่หอมรัญจวนกลิ่นเย็นๆ แต่มีความเด่นและแรงในระดับหนึ่งเจืออยู่ ไม่พอกลิ่นยังมีโทนดอกไม้ที่เสริมมิติความรัญจวนเข้าไปอีกจากกระดังงา โดยที่มีเลเยอร์ให้กลิ่นมีความชัดและฟุ้งมากขึ้นจากโทนเผ็ดปร่าที่มาแบบเบาๆ ของกานพลูเสียด้วย 

จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีความเป็นเปลี่ยนแปลงให้พอรับรู้ได้ โดยยังคุมโทนความเป็นลักษณะของกลิ่นอายดอกไม้ขาวนวลยังคงเด่นที่ดอกพุดเคล้ากลิ่นหอมเย็นๆ ผสมผสานกับกระดังงาก็จริง แต่จะมีกลิ่นโทนครีมมี่นวลหวานรัญจวนของซ่อนกลิ่นและหวานเจือน้ำผึ้งของดอกสายน้ำผึ้งที่ไม่ได้มาหนักหน่วงเกินไปเสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นอายดอกลำดวนที่ให้ความหอมอวลๆ เจือกลิ่นหอมเย็นชื่นใจปนไม้หอมของเปลือกชะลูด สิ่งที่รู้สึกได้ในช่วงนี้นอกเหนือจากกลิ่นดอกไม้นวลครีมและหอมเย็นๆ คือกลิ่นลักษณะที่เป็นลักษณะคล้ายแป้งหอมดอกไม้ที่มีการอบร่ำปนไม้หอมครีมมี่ของจันทน์หอมอยู่พอสมควร ซึ่งทำให้กลิ่นมีลักษณะที่ระเรื่อๆ แบบคล้ายดอกไม้นวลๆ ครีมมี่ติดผิวกายได้ทั้งความเย้ายวนแบบนวลไปตลอดจนไปจนถึงช่วงท้าย โดยกลิ่นโทนดอกไม้จะเริ่มลดโทนลงมาในระดับหนึ่งให้ความนวลครีมมี่หอมนวลกำลังดี แต่จะมีโทนอบอุ่นเจือขึ้นมาแบบผิวกายอบอุ่นนุ่มๆ ของ Musk ผสมผสารกับวานิลลาแบบ Lite Version ที่มารับช่วงให้ความนวลหอมดอกไม้ติดผิวกายเคล้ากลิ่นไม้จันทน์หอมสว่างๆ โดยที่มีกลิ่นอายของ Oak Moss ที่ให้กลิ่นออกทางติดหนังบางๆ มาให้ความน่าค้นหาติดคลาสสิคกำลังดี ซึ่งกลิ่นในช่วงท้ายนี้จะมาแนวระเรื่อๆ มีจริตแบบไม่โจ่งแจ้งแต่มีความหรูหราปนนวลละมุนไปตลอดให้ความรู้สึกละเมียดละไมปนหรูหราเคล้าความเย้ายวนบางๆ ที่ให้ความรู้สึกแบบของผู้หญิงในโซนเอเซียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความ Vintage แต่งามอย่างมีระดับสมชื่อรุ่นว่า Apsarah ได้ชัดเจนมาก เพราะกลิ่นดอกไม้ต่างๆ ที่อยู่ในกลิ่นนี้จะมีความหอมเย้ายวนกำลังดีไม่เปิดเผยโจ่งแจ้งมากนัก แถมด้วยความเป็นกุลสตรีที่เข้ากับดอกไม้ขาวแบบแทรกซึมให้มีจริตแบบไม่โจ่งแจ้ง ซึ่งทำให้นึกถึงหญิงไทยชาววังสูงศักดิ์โบราณก็ได้ด้วย หรือบางมุมก็นึกถึงกุลสตรีไทยในชุดขาวมีระดับและวางตัวดีก็สามารถ รวมถึงมีความเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงหรูหรามีระดับและสูงศักดิ์วางตัวดีเข้าทางผู้ดีสไตล์ตะวันตกได้ชัดเจนมากด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีความเหนือกาลเวลาสูงมาก และเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัยได้ไม่ยากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป และชอบกลิ่นอายสไตล์ดอกไม้ขาวเป็นทุนเดิม รวมถึงชอบกลิ่นอายดอกไม้ไทยๆ ก็จะเข้าถึงกลิ่นนี้ได้แบบง่ายสบายมาก ซึ่งกลิ่นให้ทั้งความนวลสว่างเรียบร้อยก็ได้ เย้ายวนแบบไม่โจ้งแจ้งก็สามารถ หรูหรามีระดับและสง่างามนางพญาก็เข้าทาง จึงเหมาะหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทางการก็ได้ ทั่วๆ ไปก็อาจจะเลือกนิดนึงเพราะพื้นฐานกลิ่นละเมียดละไม จะไม่เหมาะกับการใส่แล้ววี้ดว้ายกระตู้วู้ รวมถึงการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายนัก ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรูได้สบายมากได้ความหอมนวลอย่างมีชั้นเชิงและหรูหรา ซึ่งให้ความเป็นกลิ่นอายดอกไม้ที่มีความอะโรม่าได้ดีเลยทีเดียว

ความทน - ดีงามสมกับการเป็น Extrait de Parfum หรือ Pure Parfum เพราะเฉลี่ยที่ราวๆ 8 ชม. แต่ส่วนตัวเจอไป 15 ชม. กับจำนวนสเปรย์เพียง 4 สเปรย์ 

การกระจาย - ข้อดีมากอย่างนึงของกลิ่นนี้คือไม่ได้ถึงกับปล่อยพลังรอบทิศ แต่มาแบบกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัว แล้วจบที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบเบาๆ กำลังดีไปตลอด ให้ความรู้สึกแบบกำลังดี คงความสง่างามแบบไม่หนักหน่วงไปตลอด

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ได้ความรู้สึกละเมียดละไม มีความอ่อนโยนก็ได้ จริตเย้ายวนก็สามารถ แตะความรู้สึกได้หลากหลายตามแต่ละประสบการณ์ของผู้ที่ได้ดม เป็นอีกหนึ่งโทนกลิ่นที่สร้างภาพให้เห็นการเปลี่ยนถ่ายของเวลาที่ปรับเอาความ Vintage ที่เราคุ้นชินของดอกไม้ไทย มาสู่ความเป็นโทน Modern ที่สร้างความสง่างามได้ดีมากจริงๆ

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกจากแบรนด์ Parfum Prissana และสุคนธกรผู้ปรุง นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Parfum Prissana’s Website -->
https://parfumprissana.com/products/apsarah  



วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: The Body Shop - White Musk for Men

The Body Shop - White Musk for Men 

เรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เป็นหนึ่งในดาวเด่นชูโรงของ The Body Shop มาเสมอโดยเริ่มจากการเป็นน้ำหอมผู้หญิงโดยมีทั้งเป็น EDT, EDP และ Perfume Oil ให้เลือกเสียด้วยตามความชอบของแต่ละคนเสียด้วย ซึ่งรุ่น Original ของความเป็น White Musk นั้นอยู่ยืนยงมาตั้งแต่ปี 1981 จนเริ่มมาแตกไลน์รุ่นอื่นๆ ตามมาในปี 2007 เรียกว่าห่างกันแบบยาวนานมาก ซึ่งการแตกไลน์นั้นก็ทำให้เกิด White Musk for Men เกิดขึ้นมาและยังคงได้รับความนิยมมาเสมอจนทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน แล้วกลิ่นล่ะเป็นอย่างไร?

เรียกว่า Safe Scent กันได้แบบชัดเจนและเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เพราะว่าจะมาในลักษณะสายสะอาดนุ่มนวลลงตัวและมีความปลอดภัยในการใช้งานสูง โดยกลิ่นอายของ White Musk ที่จะให้ความนุ่มติดกลิ่นเบอร์รี่จางๆ เคล้ากลิ่นอายค่อนไปทางแป้งหอมนวลๆ ที่เป็นตัวหลักอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ เพียงแต่ในช่วง Top Notes กลิ่นของลาเวนเดอร์ที่ให้ความนวลติดหวานออกไปทางสบู่ที่มีกลิ่นอายครีมมี่บางๆ เคล้ากับกลิ่น White Musk กันก่อนเลย กลิ่นจะไม่ได้นวลข้นจัดมาก มีความเบากำลังดีให้ความนุ่มนวลแบบกลิ่นหอมนุ่มๆ ไปตลอด ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นโทนดอกไม้อื่นๆ ที่ไม่ใช่ลาเวนเดอร์เพียงอย่างเดียวเคล้ากลิ่นอายออกทางโทนเครื่องเทศบางๆ ปนหวานเบาๆ ให้รู้สึกได้ ก็เป็นการปูทางเข้าสู่ Middle Notes กันอย่างเต็มตัวที่กลิ่นจะเริ่มชัดขึ้นมากับกลิ่นที่เจือความเผ็ดเบาๆ ของเจอราเนียม มีกลิ่นนวลๆ ปนใสบางๆ ของมะลิที่ให้ความรื่นจมูกบนความเป็นกลิ่นอายนุ่มๆ เจือลาเวนเดอร์ของ White Musk ที่จะเริ่มชัดมากขึ้น แล้วก็ยังมีความ Smoky บางๆ ปนไม้หอมให้รู้สึกได้จากกลิ่นอายแนวๆ หญ้าแฝกและจับได้ว่าน่าจะมีกลิ่นเครื่องเทศโทนหวานโปร่งเจือไม้หอมแนวๆ ชะเอมกลั้วอยู่ในนี้ด้วย ซึ่งกลิ่นก็ยังคงมีความหวานระเรื่อนุ่มๆ นวลๆ ได้ความเป็นโทนสีออกทางขาวครีมกำลังดีไปตลอด จนเมื่อจับต้องได้ว่ากลิ่นเริ่มมีความนวลๆ ปนแห้งมากขึ้นจากโทนไม้จันทน์หอม และกลิ่นอายออกทางครีมมี่เจือแป้งบางๆ ของถั่วตองก้าที่ไม่ได้มาหนักหน่วงมาก มาผสมผสานกับ White Musk ที่นุ่มอยู่แล้วให้มีมิติติดอบอุ่นนวลๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ ละมุนบางๆ ติดผิวแบบที่มีความสะอาด และมีความนุ่มนวลนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - แม้ว่าแบรนด์จะลงเอาไว้ว่าเป็นของผู้ชาย แต่จริงๆ Unisex มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสาวๆ คนไหนที่ไม่ได้ชอบกลิ่นอายที่เป็น White Musk ปนดอกไม้หวานของรุ่นผู้หญิง ตัวนี้จะได้อารมณ์หอมนวลหวานแนวๆ อบอุ่นได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นเข้าได้กับวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใส่ได้แล้วเพราะกลิ่นใช้ไม่ยาก มาสายนุ่มนวลแบบสะอาดๆ ติดอบอุ่นที่ไม่รบกวนใคร ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดหมด แม้กระทั่งใส่ออกกำลังกายยังได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่แบบสบายๆ ทั่วๆ ไป หรือใส่ก่อนนอนให้กลิ่นน่าซุกก็สามารถ แต่ถ้าใส่เพื่อไปลั่นล้าราตรี แม้จะใส่ได้แต่แพ้เรื่องการปล่อยของทางกลิ่นตั้งแต่ออกจากบ้านแน่นอน

ความทน - อยู่ระหว่าง 4 - 6 ชม. ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีดและสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่งที่จะเอื้อให้ทนได้มากขึ้นหรือไม่ ส่วนตัวเจอไปที่ 6 ชม. กับการฉีดที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ปิดท้ายที่ Skin Scent ตีขึ้นแบบนุ่มอบอุ่นสะอาดเบาๆ ให้รับรู้เวลาร่างกายทำความร้อน ซึ่ง Safe Scent ชัดเจนตามที่กล่าวไปข้างต้น

ทิ้งท้าย - #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ยังไงก็รอด ผ่าน อย. ด้านกลิ่น ซึ่งถ้าใครชอบสไตล์แบบ CK Be ที่เน้นติดผิว สุภาพ และไม่เน้นรบกวนใคร ตัวนี้คือตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้ทนมากก็พกติดตัวไปซัก 1 สเปรย์ให้รู้สึกนุ่มจมูกก็ไม่เสียหายเวลาที่กลิ่นจางลงไปมากแล้ว 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - The Body Shop – BR
https://www.thebodyshop.com.br/produto/white-musk-for-men-eau-de-toilette-446

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Carolina Herrera - Herrera Aqua

Carolina Herrera - Herrera Aqua 

ช่วงหลังๆ เรามักจะเห็นว่า Carolina Herrera จะปล่อยน้ำหอมออกมาในสาย 212 หรือ CH Men เสียมาก แต่เอาเข้าจริงๆ มีตัวดีงามที่ออกมาเดี๋ยวๆ ก็เยอะ แต่มักจะค่อยๆ ถูกลืมไปตามลำดับ จนบางตัวเลิกผลิตหรือจำกัดการผลิตไปแล้วก็มี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรุ่น Herrera Aqua ที่เน้นสายสดชื่นเป็นสำคัญ และเริ่มกลายเป็นน้ำหอมที่เดินเข้าสู่การเป็น Rare Items ตามลำดับ คร
าวนี้เลยขอตรงๆ เลยว่าจะมาบิลด์ให้เกิดความอยากกันซะหน่อยว่ากลิ่นมันมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง เผื่อหามาประดับ Collection กันก่อนที่จะหายากกว่านี้ 

Top Notes เป็นการเปิดต้นทางความสดชื่นแบบติดรื่นรมย์กำลังดีแบ่งเค้กและผสมผสานกันได้ดีระหว่างกลิ่นอายโทน Citrus ที่เด่นนำด้วยกลิ่นส้มแมนดารินหรือส้มจีนแบบออกทางหวานอมเปรี้ยวเคล้าความเปรี้ยวติดขมแห้งกึ่ง Spicy บางๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ให้ความสดชื่นค่อนไปทางแห้งๆ โดยที่จะมีกลิ่นออกทางเขียวสดชื่นเจือความเป็นสมุนไพรที่ติด Spicy เผ็ดปร่าสว่างๆ ของพริกไทยเข้ามาร่วมด้วย เนื้อกลิ่นมีลักษณะเข้าทางกลิ่นโทน Sea Breeze แบบอากาศสดชื่นติดทะเลเคล้าความเป็น Citrus Herb แต่ไม่มีกลิ่นคาวทะเลมารบกวนให้รำคาญใจ ซึ่งในวูบถัดมาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของโทนเขียวโปร่งมีเอกลักษณ์ของใบไผ่ที่ค่อยๆ แทรกตัวมาเด่นนำเลย แล้วจะจับได้ว่ามีกลิ่นเขียวติดทึบปนขมสไตล์ใบมะเดื่อฝรั่งเจือแบบรองพื้นไว้แบบที่ออกแนวผู้สนับสนุนรองใจดีฝ่ายโทนเขียว เลยทำให้ได้ความรู้สึกที่กลิ่นเริ่มตีตัวออกห่างจากทางกลิ่นอายแนวๆ ทะเลมาสู่ความรื่นจมูกแบบเขียวหอมปนความนวลของกลิ่นที่เริ่มเสริมเข้ามามากขึ้นจากโทนลาเวนเดอร์ ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ Middle Notes อย่างชัดเจน กลิ่นจะดำเนินไปในโทนรื่นจมูกเขียว Aromatic กึ่งสดชื่นสบายๆ นวลๆ ไปเรื่อยๆ จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นโทนนุ่มปนอบอุ่นกำลังดีที่ค่อยเปิดตัวทีละนิดของ Musk ที่มาสายนุ่มสะอาดและถั่วตองก้าที่มาสายนวลครีมมี่แต่ไม่ข้นมากนัก เพราะยังมีกลิ่นอายโทนเขียวเจืออยู่ตลอด ก็เริ่มปูทางเข้าสู่ Base Notes กันอย่างชัดเจน และกลายเป็นโทนอบอุ่นกำลังดีที่มีความนุ่มสะอาดเป็นพื้นฐาน กลิ่นจะนวลละมุนไปตลอดแต่จะเจือด้วยโทนเขียวของใบไผ่ที่ตามมาอยู่ในช่วงนี้พร้อมกับกลิ่นใบ Fig จะเนียนนวลเขียวบางๆ โปร่งซีทรูแบบที่กำลังดีให้รู้สึกได้แบบอ้อยอิ่งให้รับรู้ได้อยู่ ซึ่งเนื้อกลิ่นนอกจากความเขียวระเรื่อสบายๆ กับกลิ่นนุ่มสะอาดนวลครีมมี่กำลังดีเจือความอุ่นๆ ที่จับต้องได้คล้ายผิวกายอบอุ่นนวลสะอาดแล้ว จะมีความเป็นไม้หอมแห้งๆ ให้มีมิติความเป็นน้ำหอมผู้ชายที่มีความเท่ห์ในความสบายๆ มาผสมผสานอยู่ด้วย และความนุ่มของกลิ่นแบบนี้มีความเซ็กซี่น่าซุกแฝงอยู่ในตัวเช่นกัน ภาพรวมจึงเข้าทางการเป็นน้ำหอมผู้ชายที่ไล่เรียงความสดชื่น มาเป็นความรื่นรมย์สบายๆ Aromatic และปิดท้ายที่ความนวลนุ่มสะอาดติดอบอุ่นน่าเข้าใกล้ได้ดีเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่ช่วงวัยเรียน ม.ปลาย เป็นต้นไปก็สามารถใช้น้ำหอมตัวนี้ได้สบายมาก เพราะกลิ่นสดชื่นติดนุ่มสว่างเข้าถึงได้ง่าย แถมสามารถเป็นน้ำหอมที่คนส่วนใหญ่ได้กลิ่นก็ไม่ยี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย กวาดหมด แถมกลิ่นมีระดับมีคลาสเสียด้วยไม่ได้ไก่กาแต่ประการใด ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เน้นใส่สบายๆ หรือชิลล์ๆ ทั่วไปจะเข้าทางกว่าไปท่องราตรีแน่นอน หรือถ้าเน้นใส่ตอนอยู่กับคนรักแบบเน้นการเป็นสายสดชื่นก็ลงตัวเพราะช่วงท้ายหอมอบอุ่นน่าซุกจริง 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. ซึ่งอิงกับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กำลังดีเลยกับ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะผ่อนลงมาปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ซึ่งพอพ้นซัก 5-6 ชม. แล้วจะเริ่มเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นยามขยับเนื้อตัวให้ความนุ่มนวลสว่างกับคนที่ได้กลิ่นประมาณนั้น 

ทิ้งท้าย - เรียกว่ากลิ่นมีความสดชื่นและมีระดับอยู่ในตัวสูง เพียงแต่อาจจะไม่ได้หวือหวามาก เพราะกลิ่นอยู่ในโซนน้ำหอมชายสดชื่นที่มักจะหาได้ไม่ยากอยู่แล้ว เพียงแต่เสียดายเพราะนานๆ ทีจะเจอกลิ่นน้ำหอมเด่นที่ใบไผ่แบบสดชื่นและความทนค่อนข้างลงตัว เช่นนั้นถ้าเป็น Rare Item เต็มตัวเมื่อไหร่ ใครหาครอบครองได้ก็ดีใจด้วยจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Leparfumier --> https://leparfumier.com/wp-content/uploads/2017/07/aqua.jpg



วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Evody Parfums - Collection Premiere: Reve d’Anthala

Evody Parfums - Collection Premiere: Reve d’Anthala  

Evody Parfums เป็นหนึ่งใน Niche Parfumerie ของแดนน้ำหอมของฝรั่งเศสที่สร้างแบรนด์ขึ้นมาจากการแท็คทีมของคุณแม่และลูกสาวอย่าง Regine Droin ที่มีพื้นเพทางด้านเครื่องสำอางและ Cerine Vasseur ที่มีความชอบทางด้านน้ำหอม โดยได้มีการเปิดตัวแบรนด์ตั้งแต่ปี 2008 และอยู่มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกับคุณภาพน้ำหอมที่ไม่เป็นสองรองใคร เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้ลองและซึมซับน้ำหอมของแบรนด์นี้มาพอสมควรก็ได้เวลาของการถ่ายทอดกลิ่นผ่านตัวอักษรกันแล้วว่ากลิ่นอายจะเป็นลักษณะไหน กับกลิ่นแรกของแบรนด์ที่มีโอกาสได้สัมผัสนั่นคือ Reve d’Anthala

บอกก่อน - Reve d’Anthala มี 2 รุ่น คือ รุ่นแรกเริ่มสุดของแบรนด์เมื่อปี 2008 กับรุ่นที่มีการปรับปรุงและนำเข้าสู่ Collection Premiere เมื่อปี 2015 เช่นนั้นการบอกเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะเน้นรุ่นที่ปรับใหม่ของปี 2015 เป็นสำคัญ

เมื่ออ่านที่ชื่อรุ่นน้ำหอมที่แปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า “Anthala Dream” ที่ Concept ของรุ่นที่แบรนด์ลงไว้ โดยปูไปทางกลิ่นอายแบบตากอากาศที่ชายหาด Anthala ของมาดาร์กัสกา ก็ทำให้ถึงบางอ้อได้เลย เพราะกลิ่นจะให้ความรู้สึกของการพักผ่อนและผ่อนคลายแบบครีมมี่กึ่งสดชื่นได้น่าสนใจมาก ซึ่งเปิดต้นกลิ่นด้วยกลิ่นอายเขียวติดเปรี้ยวสดชื่นของกิ่งก้านส้มเคล้ากับกลิ่นผลส้มที่ติดเปรี้ยวสดชื่นในวูบแรก แล้วถัดมากลิ่นจะเริ่มมีความครีมมี่ของโทนแนวๆ ดอกไม้ขาวครีมมี่ไพล่ไปทางกลิ่นอายแบบซันแทนผสมกับวานิลลาบางๆ เข้ามาผสมผสาน ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเป็นโทนส้มเปรี้ยวอมหวานเจือเขียวเคล้าความครีมมี่ที่มาเบาๆ ได้ความรู้สึกรื่นรมย์สดชื่นและผ่อนคลายอะโรม่าในเวลาเดียวกัน

เพียงไม่นานก็เข้าสู่ช่วงกลาง กลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนแปลงโดยมีโทนของดอกไม้ที่ให้โทนแป้งกึ่งสะอาดปนหวานจางๆ ของกล้วยไม้เข้ามาเสริมทัพกลิ่นโทนดอกไม้ขาวเจือวานิลลามากขึ้น เนื้อกลิ่นเริ่มมีความหวานแบบหวานกลางๆ กำลังดีคุมโทนอยู่ตลอดแทนโทนสดชื่นของส้มที่เริ่มลดลงไปให้เหลือแบบเบาบางให้พอจับต้องได้นิดๆ หน่อยๆ และกลิ่นเริ่มมีโทนไม้หอมติดอบอุ่นดันขึ้นมาผสมผสานไปด้วย เลยจะได้ความรู้สึกแบบวานิลลาโปร่งไม้หอมอบอุ่นเจือกลิ่นดอกไม้นวลๆ ครีมๆ กำลังดีที่คุมโทนหอมผ่อนคลายสบายๆ แบบหรูมีระดับไปตลอด

เมื่อเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ช่วงท้าย ความเป็นโทนดอกไม้เริ่มเบาลง และกลิ่นสดชื่นได้หายไปแล้ว ซึ่งจะเริ่มเด่นที่กลิ่นหวานแนวๆ คล้ายคาราเมลผสมวานิลลาเจือๆ แบบที่ไม่ได้หนักหน่วง มีความเป็น Lite Version ที่ให้ความหวานโปร่ง สว่างและนวลละมุนเคล้ากับกลิ่นไม้หอมโปร่งสะอาดเจือกลิ่นเค็มบางๆ คล้ายผิวกายมนุษย์ตามธรรมชาติไปตลอด ซึ่งความอบอุ่นที่ได้รับในช่วงกลางจะมาชัดเจนว่าเป็นกลิ่นยางไม้กำยานที่ให้โทนหวานเจือวานิลลาปนไม้อบอุ่น ทำให้กลิ่นสมดุลย์กึ่งวานิลลากึ่งไม้หอมอบอุ่นได้ดี คุมโทนอารมณ์ชิลล์ๆ แบบมีระดับแบบกลิ่นอายพักผ่อน เคล้ากลิ่นแสงแดดอบอุ่นต้องผิวกายยามอาบแดดละมุนอย่างมีชั้นเชิง ให้ความรื่นรมย์ที่ไม่โหลและไก่กาแต่อย่างใด

เหมาะสำหรับ - กลิ่นไพล่ไปทางสาวๆ ซักราวๆ 65% ได้ เพราะโทนหวานที่มี Floral เจือช่วงกลางชี้ทิศทางไปฝั่งสาวๆ พอสมควร แต่ยังไงก็ยังเข้าทาง Unisex ที่ผู้ชายใช้ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมีลักษณะของสภาพแวดล้อมและบรรยากาศเป็นสำคัญ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่ให้ข้ามการใช้เพื่องานทางการและออกกำลังกายตามฟิตเนตไปจะดีกว่า นอกนั้นใส่ได้หมดทั้งใส่ทั่วๆ ไป ใส่พักผ่อน ชิลล์ริมทะเลกวาดได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนอาจจะเน้นเพื่อสร้างบรรยากาศกับตัวคนใส่เองน่าจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้หนักหน่วงหรือปล่อยของมากพอที่จะไปเจอกับความหนักนัวของน้ำหอมกลางคืนตามผับ คลับ บาร์นัก

ความทน - ราวๆ 6-8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. กำลังดีเลยกับ 5 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ให้ความสดชื่นติดครีมกำลังดี แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางแบบยาวไป จนเมื่อเข้าช่วงท้ายกลิ่นเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วลดลงไปอีกเมื่อผ่านไปซัก 5 - 6 ชม. ไปแล้วที่จะให้ความเป็น Skin Scent ชัดเจน

ทิ้งท้าย - กลิ่นมีความผ่อนคลายและเป็นการบิดโทนการพักผ่อนที่เรามักจะได้กลิ่นครีมมี่ซันแทนเต็มๆ เสียส่วนใหญ่มาเป็นกลิ่นอายครีมมี่ไม้หอมเจือวานิลลาปนส้มที่มีระดับและชั้นเชิงแบบติดพักผ่อนสบายๆ ปนหรูหน่อยๆ เคล้าโทนสว่างแสงแดดอุ่นๆ ได้ลงตัวมากจริงๆ    

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่าเข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ


Photo Credit - Evody Parfums - http://www.evodyparfums-eng.com/reve-danthala

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Penhaligon’s - Ostara

Penhaligon’s - Ostara

Daffodil ชื่อนี้คนไทยอาจจะได้ยินผ่านๆ มาในช่วงหนึ่งแต่อาจจะยังงงๆ กันอยู่ว่าเป็นดอกไม้แบบไหน
 ประเภทไหน แต่ถ้าพูดว่าชื่อนี้คือ ดอกดารารัตน์ดอกไม้ที่มีความผูกพันลึกซึ้งในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเป็นอย่างมาก จนนำมาเป็นดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพที่ประชาชนนำไปถวายแสดงความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนก็จะเข้าใจกันในทันที แต่อาจจะไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นกันนอกจากเห็นด้วยตาหรือได้ลงมือทำ เช่นนั้นเมื่อได้พบเจอน้ำหอมที่บ่งบอกถึงกลิ่นอายของดอกดารารัตน์และก็มากับแบรนด์สายเรียบหรูอย่าง Penhaligon’s ก็ต้องมาถ่ายทอดกันหน่อยว่าดอกไม้ที่สวยงามสว่างสไวและมีความลึกซึ้งชนิดนี้กลิ่นอายจะมาในลักษณะไหนและเป็นอย่างไรกับรุ่นนี้เลย Ostara 

Ostara ในทางตะวันตกถือว่าเป็นวันแรกของการเริ่มฤดูใบไม้ผลิ มักตรงกับวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี เช่นนั้นกลิ่นนี้จะเป็นการเปิดต้นทางของความเป็นฤดูใบไม้ผลิกับการนำเอากลิ่นอายของดอกไม้ปนกลิ่นอายสดชื่นติดเขียวตามธรรมชาติ ยืนพื้นที่ดอกดารารัตน์เป็นกลิ่นอายหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งต้องยกให้เขาเลยว่าทำกลิ่นออกมาได้มีความเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกลิ่นอายจริงๆ ของดอกไม้ประเภทนี้ ซึ่งกลิ่นเปิดจะมากับโทนสว่างของกลิ่นด้วยโทนเขียวอมหวานที่มีความเป็นธรรมชาติมาก ให้ความรู้สึกแบบสวนดอกดารารัตน์ที่แซมไปด้วยหญ้าเขียวๆ และกลิ่นดอกไม้อื่นๆ ประปราย กลิ่นจะไม่ได้คมหรือบาดเลย เพราะจะมีความหวานเจือๆ อยู่ในเนื้อกลิ่นที่มีความเขียวตุ่นๆ เบาๆ แบบที่เวลาเราดมดอกไม้หรือนั่งเล่นในทุ่งหญ้า ซึ่งจะแอบจับได้ถึงกลิ่นส้มจางๆ หวานฉ่ำหน่อยๆ กลิ่นเขียวโปร่งปนหวานของใบไวโอเล็ต กลิ่นเขียวซ่าบางๆ จากจูนิเปอร์ และกลิ่นออกทางโปร่งสว่างเจือสบู่จางๆ ของ Aldehydes ที่ผสมผสานอยู่ในความเขียวธรรมชาติติดเมือกนิดๆ และกลิ่นอายดอกไม้ที่เด่นนำด้วยดอกดารารัตน์ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้ชัดเจนมากมายเหมือนเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่ออกทางเขียวปนหวานใสฟุ้งๆ ออกมาและจะอยู่ยาวพอสมควรเลยทีเดียวเพราะรอยต่อระหว่างช่วงต้นกับช่วงกลางเนียนเรียบรับช่วงต่อกันได้สมูธมาก ต้องผ่านได้ซักราวๆ ชั่วโมงได้ถึงจะเริ่มสัมผัสได้ว่ากลิ่นเริ่มปรับโทนให้รับรู้บ้างแล้ว 

การเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางที่จับต้องได้จะเริ่มเป็นการชูโรงกลิ่นดอกดารารัตน์ที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งกลิ่นช่วงต้นที่จะดรอปลงมาอีกหน่อยเพื่อเป็นสายสนับสนุนเต็มๆ ให้กลิ่นมีโทนลักษณะสวนดอกไม้สว่างๆ ปนกลิ่นเขียวอะโรม่าธรรมชาติอยู่เช่นเดิม โดยมาจากการผสมผสานที่ลงตัวมากจากทั้งความเป็นดอกดารารัตน์เองที่กลิ่นเขียวดึงดูดติดเมาตุ่นๆ เล็กๆ ดอกไฮยาซินท์ที่ให้ความเขียวใสออกทางเมือกๆ กลิ่นโทนเหลืองเย้ายวนของกระดังงา และกลิ่นออกทางหวานจางปะแล่มๆ ของดอกฮาวโทรน กลิ่นออกทางจืดฉ่ำหวานเจือของไลแลค ซึ่งเป็นการผสมผสานกันออกมาแล้วมีกลิ่นหวานดอกไม้ติดแว็กซ์ที่มาจากสีผึ้งเสริมเข้ามาด้วยจนกลายเป็นกลิ่นออกทางดอกดารารัตน์ที่เขียวอมหวานตามธรรมชาติได้ดีมาก เนื้อกลิ่นจะให้ความรื่นรมย์เรื่อยๆ ไประยะหนึ่งจนเมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่ากลิ่นมีความอุ่นนวลปนครีมมี่บางๆ เข้ามาของวานิลลา ก็เป็นการเปิดทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายของวานิลลาจะมาแบบ Lite Version ให้ความครีมนวลคลอเคลียความเขียวอมหวานโปร่งที่เจือในเนื้อกลิ่นอยู่ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ และโทนนุ่มสะอาดของ Musk รองพื้นให้กลิ่นนวลละมุนมากขึ้นโดยไม่ทิ้งโทนหลักของน้ำหอม คือ ความเป็นโทนสว่างออกทางโทนสีเหลืองนวลเหมือนดอกดารารัตน์ที่ชูดอกรับแสงแดดอบอุ่นให้ความรื่นรมย์ทางสายตาที่เราได้เห็นและกลิ่นที่เราได้สัมผัส ตลอดจนเก็บไว้ในความทรงจำเหมือนกับความหมายของดอกไม้ประเภทนี้ นั่นคือ 

แรงบันดาลใจ ความทรงจำ ความหวัง การเริ่มต้นใหม่ และความดีงาม 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้อย่างสบายมาก แต่กลิ่นไม่ได้ถือว่าใช้ง่ายนัก เพราะต้องมีประสบการณ์ผ่านน้ำหอมโทนดอกไม้ปนเขียวๆ อะโรม่ามาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เพราะกลิ่นที่ธรรมชาติมากไปอาจจะทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่น้ำหอมและแปลกๆ ในความรู้สึกเอาได้ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะมีความอะโรม่าเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว กลิ่นสามารถใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ ออกกำลังกายอาจจะไม่ค่อยเข้าทางนักแต่รอช่วงท้ายๆ ก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความสดใสและความหอมผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติจะลงตัวที่สุดมากกว่าใส่ไปท่องราตรีแน่นอน ส่วนคุณผู้ชายบอกกันตามตรงว่า กลิ่นนี้มีความ Unisex อยู่พอสมควร เพราะว่าเป็นกลิ่นอายสายบรรยากาศผู้ชายใช้ได้สบายๆ ถ้าไม่มายด์ว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ 

ความทน - กลิ่นทนอยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงสภาพผิวกายของแต่ละตัวบุคคลด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายแบบปานกลางแบบเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย: 
1. กลิ่นนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความชอบทุกคนนัก เพราะพื้นฐานคือความเขียวอมหวานมีกลิ่นอายเมือกเขียวๆ จากพืชตามธรรมชาติ ค่อนข้างอิงตามผิวกายคนใช้ในระดับหนึ่งเลยว่าจะออกมาดีหรือว่าขอผ่าน และแน่นอนว่ากลิ่นนี้เลิกผลิตแล้ว 
2. เป็นหนึ่งในกลิ่นที่รักมากของเข็มขัดสั้น เพราะนอกจากทำให้นึกถึงพ่อหลวง ร.9 แล้วกลิ่นยังทำให้รู้สึกรื่นรมย์และสว่างสไวให้ความรู้สึกแบบเราอยู่ในสวนดอกไม้ประปรายสีเหลืองนวลตาที่สร้างรอยยิ้ม ความรื่นรมย์ และพลังใจได้ดีมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Pricefalls --> https://0f469d6f2fa468202d31-6b0d87410f7cc1525cc32b79408788c4.ssl.cf2.rackcdn.com/6058/339321117_1.jpg



วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Giorgio Armani - Armani Eau pour Homme (Vintage)

Giorgio Armani - Armani Eau pour Homme (Vintage)

หนึ่งในน้ำหอมที่เรียกว่าเหนือกาลเวลาเลยก็ว่าได้กับการเป็นน้ำหอมผู้ชายที่อยู่คงกะพันชาตรีมาตั้งแต่ปี 1984 จนถึงปี 2013 ที่มีการปรับสูตรอย่างเป็นการถาวรเพื่อรองรับรุ่นกลางคืนที่ได้มีการเปิดตัวห่างจากรุ่นปกติที่กำลังจะกล่าวถึงนี้เกือบ 30 ปีเลยทีเดียว ความดีงามนี้คงยกให้ใครไม่ได้นอกจากแบรนด์ Giorgio Armani ที่ปล่อยน้ำหอมชายตัวแรกของแบรนด์ตัวนี้ออกมาเลยทีเดียว นั่นคือ Armani Eau pour Homme 

บอกก่อน - รุ่นที่จะกล่าวถึงนี้เป็นรุ่นดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะไม่ได้รวมการเล่ากลิ่นในรุ่นที่ปรับสูตรแล้ว 

เรียกว่าเปิดต้นกลิ่นไม้ดีงามมาเลยทีเดียวเพราะกลิ่นโทCitrus สดชื่นจะชัดเจนมากซึ่งวูบแรกจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายสดชื่นแบบติดขปนเขียว Spicy ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ตามด้วยกลิ่นเปรี้ยวเจือฉ่ำจางๆ ของส้ม และปิดท้ายด้วยเปรี้ยวเจือหวานปลายของเลมอน ซึ่งเป็น 3 กลิ่นที่มีเลเยอร์ในตัวได้ชัดเจนมากแบบคล้องแขนคาบเกี่ยวกันสร้างความสดชื่นให้กับคนใส่ โดยเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นโทน Herbal ที่มีความอุ่นนวลปร่าของโหระพากับกลิ่นอายเขียวติดสากบางๆ ของ Oakmoss ที่ให้ความเขียวแมนติดคลาสสิคในเนื้อกลิ่นรองพื้นด้านหลังให้รับรู้ได้ว่ากลิ่นจะปูทางไปสายสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านคลาสสิคแน่ๆ โดยปล่อยให้ความสดชื่นที่ฟุ้งกระจายออกมาเป็นตัวเดินเรื่องกันก่อนที่จะเริ่มมีโทนออกทาง Spicy Floral เสริมเข้ามาดึงเข้าสู่ช่วงกลางที่ยังคงให้กลิ่นโทน Citrus สดชื่นเด่นอยู่เช่นเดิม เพียงแต่จะทำให้กลิ่นมีความแห้งมากขึ้น โดยที่โทนสมุนไพรติดปร่านวลจะเริ่มเกลาให้กลิ่นออกทางสะอาดนวลเคล้าความสดชื่น โดยที่จะสัมผัสได้ถึงอย่างแรกคือ มีโทนนุ่มติดนวลกึ่งอะโรม่าของลาเวนเดอร์ที่มีกลิ่นโทนดอกไม้นวลๆ และอย่างที่สองคือ ความปร่านวลติดเขียวของคาร์เนชั่นและโหระพากับกลิ่นอายเผ็ดนุ่มปนไม้หอมของเม็ดจันทน์หอมที่เกลาให้กลิ่นมีความนุ่มรื่นรมย์และสะอาด และขาดไม่ได้คือตัวรองพื้นที่ให้ความรู้สึกแมนๆ อย่าง Oakmoss ก็เริ่มปล่อยของด้วยเช่นกัน ทำให้กลิ่นช่วงนี้มี 3 โทนที่จับต้องได้ชัดเจนคือ โทนสดชื่น โทนสะอาดติดสมุนไพรนวลๆ และโทนเขียวแมนน่าค้นหา ที่แบ่งเค้กกันได้อย่างลงตัวไม่พอ ยังผสมผสานกันอย่างสมดุลย์เลยทีเดียว 

ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษยังไม่จบ เพราะตัวเสริมกลิ่นอายแมนและสุภาพที่ให้ความครบถ้วนอีกหนึ่งกลิ่นนั่นคือโทนไม้หอมก็ได้เข้ามาแจมในช่วงท้าย โดยที่ความเป็น Oakmoss จะชัดมากขึ้น แต่ไม่ได้ไปสายดาร์ก เพราะมีกลิ่นอายของหญ้าแฝกที่ให้ความสะอาดปนไม้หอมแห้งๆ พร้อมกับกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ติดขรึมสว่างของไม้ซีดาร์ที่เสริมเข้ามาทำให้กลิ่นอยู่ในโทนสว่างและสะอาด โดยที่จับต้องได้ถึงโทนสมุนไพรนวลๆ เคล้ากลิ่นพิมเสนประปรายและกลิ่นโทนสดชื่นติด Citrus ที่เนียนไปกับเนื้อกลิ่นจนรู้สึกได้ว่ามีแฝงอยู่ ซึ่งจะสร้างความรู้สึกแบบสุภาพบุรุษที่ผมเรียบแปล้หรืออยู่ในชุดสูทเท่ห์ๆ ที่สะอาดสะอ้านและดูเป็นผู้ใหญ่แกมเท่ห์ในเวลาเดียวกันนี่แหละความคลาสสิคของ Armani Eau pour Homme 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นให้ความเป็นสุภาพบุรุษที่มีความแมนสะอาดสะอ้านติดคลาสสิคแบบมีระดับ กลิ่นอาจจะมีความคมอยู่ในช่วงแรกๆ แต่จะมานุ่มสะอาดมาดดีในช่วงต่อมาให้ความภูมิฐานเป็นผู้ใหญ่ได้ด้วย จึงเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ขนาดใส่ออกกำลังกายยังได้เลย ส่วนยามค่ำคืน เอาจริงๆ กลิ่นนี้ก็ใส่ได้สบายมากเน้นมาสายสดชื่นแบบแมนมีระดับมากกว่าจะมาสายเย้ายวนเซ็กซี่นั่นเอง 

ความทน - ลงตัวมากกับราวๆ 8 ชม. ซึ่งอาจจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวจัดไปที่ 6 สเปรย์ 8 ชม. สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าสดชื่นมีระดับกลิ่นมีความเป็น Citrus ที่ดีงามเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง แล้วปิดท้ายด้วยออร่าแมนๆ สะอาดสะอ้านติดคลาสสิคเท่ห์ๆ ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - มันคือความคลาสสิคที่เหนือกาลเวลา แบบที่คนยุคใหม่ก็ใช้งานได้แบบที่ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด แม้ว่าจะทำให้นึกถึงกลิ่นอายแบบผู้ใหญ่หรือแนวๆ รุ่นคุณพ่อคุณปู่ไปบ้าง แต่พื้นฐานคือกลิ่นสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านและมีชั้นเชิง เช่นนั้นอย่าได้แคร์ เพราะวันนึงคนที่บอกว่ากลิ่นแบบนี้แก่ๆ พออายุมากขึ้น จมูกก็จะไพล่มาสายนี้แล้วบอกว่าหอมโดยอัตโนมัตินั่นแล 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Perfumesyregalos
- http://www.perfumesyregalos.com/en/armani-perfumes-hombre/87-armani-homme-100ml-3360372008521.html



วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Gendarme Eau de Parfum

Gendarme Eau de Parfum 

หนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่เน้นมาสายปลอดภัยและคำนึงถึงควาSensitive เป็นสำคัญในการทำน้ำหอมออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบกลิ่นอายแบบเรียบง่าย สะอาด และปลอดภัยกับบุคคลอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าหนีไม่พ้นแบรนด์นี้ไปได้ นั่นคือ Gendarme ซึ่งมีรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากอย่าง Gendarme Cologne ที่เป็นตัวเด่นของแบรนด์มาตลอดก็จริง แต่เพราะทนเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ที่ต้องการอะไรที่ทนมากขึ้นจากการเป็น Cologne เช่นนั้นแบรนด์ได้รับข้อมูลแล้วก็นำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อจนได้ Gendarme Eau de Parfum ขึ้นมา เช่นนั้นกลิ่นจะเป็นเช่นไรก็ว่ากันตามนี้เลย 

Gendarme EDP ยังคงความเป็นกลิ่นอายสายสะอาดเช่นเดียวกับความเป็น Gendarme Cologne ในโทนกลิ่นแบบเดียวกัน เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ ความทนที่มากขึ้นและความอวลรุมๆ เบาๆ รอบตัวที่ให้ออร่าความสะอาดนวลๆ สไตล์ Skin Scent ติดผิวเป็นสำคัญ กลิ่นจะเปิดตัวที่ความเป็นโทนเขียวออกทางกลิ่นหญ้าหรือกิ่งก้านส้มเขียว เด่นออกมา เคล้ากับกลิ่นอาย Citrus เบาๆ อารมณ์กลิ่นบางๆ ได้ความรู้สึกชัดเจนแบบอากาศสดชื่นและสะอาดติดเขียวลอยมาตามลมกันก่อนเลย แล้วกลิ่นจะเริ่มมีความเป็นโทนดอกไม้ละมุนเจือเข้ามาทีละหน่อยปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่เป็นโทนนวลอากาศโปร่งๆ เคล้ากลิ่นอายติดสบู่หน่อยๆ ปนสมุนไพรบางเบา ซึ่งเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงกลิ่นอายแนวๆ มะลิหรือจะไพล่ไปทางสารหอมแนวๆ Hedione ที่กลิ่นจะมาแนวๆ มะลิอ่อนๆ ติดเขียวมีความฉ่ำกำลังดี Airy กันแบบเต็มๆ และกลิ่นที่ให้โทนสบู่จะเป็นลาเวนเดอร์อ่อนๆ ที่มาแบบสะอาดๆ เจือกลิ่นโทนหนังเบาๆ ผสมผสานกันเป็นกลิ่นนวลสะอาดอารมณ์กลิ่นอายบรรยากาศหลังอาบน้ำเสร็จที่ไม่ได้จัดเต็มเรื่องกลิ่นสบู่ฟุ้งนัก มาแบบอ่อนๆ สบายๆ ไปตลอด จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีความแห้งนวลมากขึ้นตามลำดับมีกลิ่นครีมมี่อ่อนๆ เจือขึ้นมาลักษณะคล้ายกลิ่นแนวๆ ถั่วตองก้ากับกลิ่นหนังอ่อนๆ คล้ายๆ ลักษณะแบบโทนหนังกลับนุ่มๆ กลิ่นเลยจะได้ความนวลละมุนครีมแบบเบาๆ รองพื้นอยู่ โดยจะมีความรู้สึกสะอาดที่ยังตามมาจากช่วงกลางเจือความเป็นสมุนไพรเขียวบางๆ ไปตลอด

เหมาะสำหรับ - ได้หมดเลยทุกเพศทุกวัย (ยกเว้นเด็กทารกตัวน้อย อันนี้ไม่ควร เดี๋ยวระคายเคือง) ซึ่งกลิ่นจะออกแนวเบา สดชื่น ตามด้วยนวลนุ่มยืนพื้นที่ความออร่าความสะอาดเป็นสำคัญ ทำให้ใส่ได้หมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดหมดครอบจักรวาล แบบที่ไม่รบกวนใครเลย ยิ่งใครที่ต้องคลุกคลีกับคนที่ Sensitive ต่างๆ เช่น แพทย์ พยาบาล หรือว่าคนที่ต้องใกล้ชิดคนหมู่มากที่แต่ละคนมีความชอบที่แตกต่าง กลิ่นนี้จะเข้าทางมากจริงๆ ส่วนยามค่ำคืนเน้นฉีดเพื่อความสะอาด 

ความทน - แม้จะเบาและติดผิวมากๆ แต่ความทนก็ถือว่าดีกับราวๆ 6-8 ชม. ซึ่งจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 9 ชม. ได้อยู่กับจำนวนสเปรย์ 7 สเปรย์ 

การกระจาย - เปิดมากระจายปานกลางเลยให้ความสดชื่นกำลังดี แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่ขยับเนื้อตัวแล้วกลิ่นสะอาดจะตีขึ้นเป็นวูบบางๆ 

เปรียบเทียบ - Cologne กลิ่นจะกระจายดีหอมสดชิื่นในช่วงต้นชัดเจน แล้วจะดรอปลงไปเป็น Skin Scent ก่อนจะจางไปไว อิงตามสภาพผิวซึ่งถ้าเฉลี่ยก็ด้อยเรื่องความทน แต่ EDP จะกระจายปานกลางวูบเดียว แล้วจะลดลงลงมาเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent แบบใให้ความรู้สึกสะอาดไปตลอดและลากยาวไปได้ 6-8 ชม. สบายๆ เผลอๆ มากกว่านั้นได้ด้วยซ้ำ 

ทิ้งท้าย - กลิ่นมาสาย Skin Scent แบบชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบ ให้ออร่าความสะอาดไปตลอดแบบที่ไม่รบกวนใคร ไม่ทำให้ใครมองด้วยหางตา ได้อารมณ์สดชื่นบางเบาปนนุ่มสบาย แบบที่คนไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นฉุนแรงๆ ก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้แบบไม่ขัดเคืองใจใดๆ มันคือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง และมีระดับแบบเรียบง่ายเต็มๆ แต่ก็มีข้อด้อยอยู่ว่าถ้าคนที่ต้องการกลิ่นชัดๆ กลิ่นนี้จะเบาไปมากจนบางทีรู้สึกเหมือนไม่ได้ฉีดน้ำหอมเอาเสียเลยก็ย่อมได้ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Nordstrom
- https://shop.nordstrom.com/s/gendarme-eau-de-parfum/3142150



วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Parfums MDCI - Cio Cio San

Parfums MDCI - Cio Cio San 

ครั้งแรกที่ได้เห็นแบรนด์ Niche ของฝรั่งเศสอย่าง Parfums MDCI ถึงกับตะลึงงันเพราะฝาขวดมีความงดงามมากเพราะเป็นรูปปั้นสไตล์ฝั่งยุโรป/โรมัน ที่เห็นแล้วแบบว่า “Oh my God” ซึ่งถือเป็นงานศิลปะที่ลงตัวกับขวดน้ำหอมมากเลยทีเดียว ทำให้ติดตามแบรนด์นี้มาเป็นระยะจนได้โอกาสใช้งานกลิ่นอายที่แบรนด์นี้ได้สร้างขึ้นมากับเขาเสียที ซึ่งก็รุ่นแรกที่ได้สัมผัสอย่างรุ่นนี้เลย Cio Cio San 

ว่ากันด้วยเรื่อง Madame Butterfly ที่เป็น Opera ระดับโลกในการบอกเล่าเรื่องราวของสตรีญี่ปุ่นผู้หนึ่งที่มีใจรักมั่นคงนามว่า Cio Cio San หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในนามของ โจโจ้ซังกับนายทหารเรือชาวอเมริกัน ซึ่งจะไม่ขอ Spoil ใดๆ มา ณ ที่นี่ว่าเรื่องราวจบลงแบบไหน แต่สิ่งที่ Parfums MDCI สร้างสรรค์ขึ้นก็เปิดตัวกลิ่นด้วยความเป็นโทนดอกไม้หอมหวานโปร่งเข้าโทนสีชมพูเคล้ากับกลิ่นอายของลิ้นจี่ที่ไม่ได้ติดเปรี้ยวหรือหวานจ๋าจนดูเป็นกลิ่นไซรัปลิ้นจี่ปรุงแต่งเลย เพราะให้ความเป็นกลิ่นอายลิ้นจี่แบบธรรมชาติที่กลิ่นฉ่ำๆ หวานปนจืดๆ ได้ลงตัวจนมีความฟินมากแบบที่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกลิ่นลิ้นจี่ที่ธรรมชาติได้มากขนาดนี้ ซึ่งจะมีสายสนับสนุนมีกลิ่นอายของโทน Citrus ที่มาแบบเจือหวานและไม่ได้ไปสายเปรี้ยวจัดจ้านสดชื่นเว่อร์ๆ แต่ประการใด เพราะเน้นมาแบบกำลังดีเสริมให้กลิ่นมีความสดชื่นเจือติดหวานจากความเป็นส้มยูซุและเกรปฟรุตอยู่ตลอด จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นดอกไม้ที่เริ่มชัดขึ้นเพราะมีความหวานโปร่งติดโทนแป้งหอมบางๆ เจือหวานออกทางกลิ่นดอกโบตั๋นกับกลิ่นดอกซากุระ (แบบที่เขาประยุกต์ขึ้นมาให้เป็นโทนหวานกึ่งแป้งผสมกลิ่นเชอร์รี่ลงไปจางๆ เพราะซากุระของจริงไม่มีกลิ่น) ที่เป็นตัวละครเด่นมาผสมผสานกับกลิ่นติดฝาดชาอู่หลงเคล้ากลิ่นลิ้นจี่ที่เข้าโทนแห้งๆ ไม่ได้ฉ่ำเหมือนช่วงต้น และแอบจับได้ว่ามีโทนสดชื่นบางๆ ติดสว่างหวานปนเผ็ดบางๆ ให้ความอะโรม่าแบบรองพื้นอ่อนๆ ทำให้ภาพรวมของกลิ่นในช่วงนี้ได้อารมณ์สีชมพูอ่อนแฝงไปด้วยความสดใส สะพรั่ง ละมุน พลิ้วไหวและกลิ่นสวยแบบที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างได้ความรู้สึกแบบความเป็นญี่ปุ่นที่หวานโปร่งให้ความรื่นรมย์อย่างต่อเนื่องไปยังช่วงท้ายที่กลิ่นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักเพราะยังคงคุมโทนความละมุนโปร่งหอมหวานดอกไม้สวยงามชัดเจน แต่จะเริ่มมีความนุ่มติดเข้ามาเจือมากขึ้นจาก Musk และมีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ที่มาสายสว่างติดขรึมๆ แนวๆ ไม้ซีดาร์อ้อยอิ่งเจืออยู่ และมีกลิ่นเรื่อจมูกโปร่งสบายบางๆ คล้ายมีพิมเสนเบาๆ ให้ความรื่นรมย์ทางกลิ่นกับความรู้สึกที่ละมุนหวานสีชมพูอ่อนไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว 

ซึ่งภาพรวม เมื่อมาจับ Macth กับแรงบันดาลใจที่แบรนด์ในนำเสนอถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของโจโจ้ซัง ที่โลดแล่นอยู่ในความทรงจำของผู้ที่ได้รับชมมาแล้วทั่วโลก ถือว่าเป็นภาพความสวยงามที่เกิดขึ้นราวกับเห็นโจโจ้ซังใส่กิโมโนสีชมพูอ่อนท่ามกลางบรรยากาศที่หวานโปร่งดอกไม้และมีความสุขกับช่วงหนึ่งของชีวิตกับคนที่เธอรักได้อย่างชัดเจน ยอมมมมมมม ดีงามมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ได้แล้ว เพราะกลิ่นมาสายดอกไม้ปลอดโปร่งหอมหวานแบบที่บ่งบอกถึงความสุขแบบผู้หญิงได้อย่างลงตัวมาก สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบวางตัวดีๆ ก็สร้างออร่าความสุขทางกลิ่นและความเรียบหรูหอมแบบมีความเป็นญี่ปุ่นในเนื้อกลิ่นได้ไม่ยาก เอาจริงๆ ออกกำลังกายก็ใส่ได้ เพียงแต่ไม่ค่อยเหมาะนัก ส่วนยามค่ำคืนให้เน้นใส่แบบสบายๆ ผ่อนคลายและในช่วงโรแมนติคจะดีกว่า ถ้าใส่ไปท่องราตรีเสียลุคกันพอดี 

ความทน - เรียกว่ามีความดีงามมาก เพราะนึกว่าจะไม่ได้ถึงกับทนมากนัก แต่ลากยาวไปได้ที่ 10 ชม. กลิ่นยังคงอยู่แบบหอมหวานโปร่งรื่นรมย์ระเรื่อจมูก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลย พอพ้นซัก 8 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

ทิ้งท้าย - ต้องบอกว่า เพราะอ่านชื่อรุ่นครั้งแรกแบบไม่ได้คิดอะไรก็มีความอึ้งปน ฮาว่า รุ่นอะไรเนี่ย ชื่อรุ่นว่า เสียว เสียว ซ่านตึ่งโป๊ะ! 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Luckyscent -
https://www.luckyscent.com/images/products/36518.1.jpg?width=400&404=product.png

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Christian Dior - La Collection Privee: Cuir Cannage



Christian Dior - La Collection Privee: Cuir Cannage

เมื่อ Dior ประกาศคว่ำขัน La Collection Privee เข้าสู่การเป็น Maison Christian Dior Collection ก็ทำให้คนตามหาของเก่ามาเก็บกันให้ควั่ก เพราะมีเพียงแค่บางรุ่นที่ได้ไปต่อแบบที่อาจจะปรับสูตรหรือเปลี่ยนสูตรไปเลยแต่ชื่อเดิม นอกนั้นจะเป็น Rare Items ไปในทันที และหนึ่งในนั้นที่แม้ได้ไปต่อ แต่ก็อาจจะไม่เหมือนเดิมก็คือรุ่น Cuir Cannage ที่เป็นหนึ่นกลิ่นอายสายหนังที่ดีงามมากๆ ด้วย เช่นนั้นต้องเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าในการเป็น Collection Privee เดิมจะออกมาในลักษณะไหน 

Cuir Cannage ถือเป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากระหว่างความเป็นโทนหนัง โทนแป้ง โทนดอกไม้ และโทนไม้หอม Smoky ได้อย่างสมดุลย์และมีระดับมากเลยทีเดียว ซึ่งเปิดต้นทางความเป้นกลิ่นอายโทนหนังตีคู่กับกลิ่นโทนแป้งติดจืดปนอับกำลังดีของดอกไอริสที่ค่อนข้างชัดเจนมาก เพียงแต่กลิ่นที่วูบขึ้นมาแบบแย่งซีนเบาๆ กำลังดีคือ ดอกส้ม ที่มีวูบของโทนสะอาดติดเปรี้ยวบางๆ เคล้ากับกลิ่นออกทางหวานรัญจวนเย้าๆ หอมดอกไม้ของกระดังงาที่รวยรินเย้าไปมาอยู่ในช่วงต้น แต่ในวูบถัดมาสายแย่งซีนก็จะเปลี่ยนกลายเป็นสายสร้างมิติกลิ่นให้โทนหนังมีกลิ่นระเรื่อของความสะอาดปนเย้ายวนกำลังดี ปูทางเข้าช่วงกลางกับการเป็นกลิ่นอายที่เด่นกับการเป็นโทนหนังติดจืดแป้งอวลเคล้ากับกลิ่นอายของโทนดอกไม้ขาวแนวๆ มะลิกับกระดังงาที่นวลๆ ปนหวานกับดอกส้มที่สะอาดเจือเปรี้ยวหอม มิติของโทนดอกไม้จะชัดเจนพอสมควรท่ามกลางความเป็นโทนหนังที่ไม่ได้หนักหน่วงมาก เนื่อกลิ่นให้โทนหนังกลับหน่อยๆ เลยไม่ได้ไปสายสาปปลุกเร้าจัดเต็มแบบหนังเข้มๆ จนน่าตกใจนัก แม้ว่าจะมีกลิ่นออกทาง Smoky ที่เริ่มเสริมขึ้นมาให้รับรู้ได้ก็ตาม ซึ่งกลิ่นจะออกทางรัญจวนปนสะอาดเซ็กซี่อบอวลของดอกไม้ปนแป้งเคล้าโทนหนังที่ติดไม้หอมปนควันถ่านบางๆ ให้ความน่าค้นหาไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงท้าย กลิ่นอายของโทนดอกไม้อวลๆ ปนหวานจะเริ่มค่อยๆ จางลงไป แล้วกลิ่นโทนหนังจะเริ่มมีความละมุนติดครีมมี่หน่อยๆ ปนโทนไม้หอมที่เด่นขึ้นมาให้ความรู้สึกกลมกล่อมหอมเนื้อไหม้ปนความ Smoky ในช่วงนี้ โดยอารมณ์ของกลิ่นจะมีความ Dirty ติดสาปปลุกเร้า Animalic แบบไม่ได้โจ่งแจ้งแต่จับต้องได้ ซึ่งความเป็นโทนแป้งจะยังคงอยู่เจือแบบเบาๆ ให้ความรู้สึกน่าค้นหาและเย้ายวนผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งกลิ่นจะยังคงมีความอวลแบบเรื่อยๆ กำลังดีไม่ได้หนักหน่วงมากแต่มีความเท่ห์ผสมความเซ็กซี่แบบมีชั้นเชิงไม่น้อยเลย 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ตราเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามนั้น เพราะสมดุลย์มากเลยทีเดียวระหว่างโทนกลิ่นแมนๆ ของหนังและโทน Smoky กับกลิ่นออกทางดอกไม้ของผู้หญิง ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะจุกเอาได้เพราะกลิ่นมีความอบอวลและไม่ได้เป็นสายเนื้อเดียวพิมพ์นิยมนัก คนจะมองหน้าด่าในใจเอาได้ถ้าอัดหนัก ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งยามทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดเรื่องการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นนี้บอกเลยว่าเย้ายวนและเท่ห์เชียว ที่สำคัญเรียกร้องความสนใจได้เข้าทีเชียวเพราะรับรองว่าไม่เหมือนใครไม่พอ ยังมีคลาสมากเสียด้วย 

ความทน - เรียกว่าดีงาม เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ ถ้าเอาค่าเฉลี่ยยังไงก็แตะที่ 8 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาปานกลาง แบบที่สร้างความน่าสนใจในกลิ่นได้ไม่ยาก ก่อนจะปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวที่สร้างเสน่ห์เร้าใจแบบเท่ห์และมีระดับไม่เหมือนใค 

ทิ้งท้าย - ต้องบอกว่ากลิ่นนี้เป็นหนึ่งในกลิ่นทีี่เปิดโลกทัศน์ในการเข้าหาและอินกับกลิ่นหนังได้มากจริง เพราะจากเดิมที่ OK ได้อยู่ แต่ไม่อิน กลายเป็น เฮ้ย! มันมีเสน่ห์และดูชิคปนเรียบหรูได้น่าสนใจจัง เท่านั้นแหละ หามาครอบครองทันที

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit -
http://www.beautyscene.net/wp-content/uploads/2014/06/La-Collection-Priv%C3%A9e-Christian-Dior-Cuir-Cannage.jpg