แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Parfum Satori แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Parfum Satori แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

Review: Parfum Satori - Satori

Parfum Satori - Satori

ถ้าว่ากันถึงน้ำหอมกลิ่นไหนที่เรียกว่าเป็นกลิ่นที่ Masterpiece ลำดับต้นๆ ของ Parfum Satori หนึ่งในแบรนด์ Niche ที่มีเสน่ห์มากมายของญี่ปุ่น แน่นอนว่าจะต้องมีกลิ่น Satori เป็นอันดับแรกๆ เสมอ เพราะกลิ่นนี้ถือเป็น Signature Scent ของแบรนด์นี้กันได้เลยทีเดียวกับความเหนือชั้นในการผสมผสานเทคนิคและศิลปะในการทำน้ำหอมแบบฝรั่งเศสกับญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ผนวกกับเอาความเป็น Oud ที่มีความลุ่มลึกเข้ามาตอกย้ำลงไปอีกถึงลักษณะกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นโดยมีความเป็นสไตล์ Incense ที่ลุ่มลึกและนิ่งสงบมาเกี่ยวข้องได้ลงตัวมากๆ และไม่ธรรมดา

เช่นนั้น เมื่อชอบน้ำหอมญี่ปุ่นมีหรือที่จะพลาดกับกลิ่นที่มีเสน่ห์ในการสื่อความเนื้อกลิ่นในลักษณะนี้ และผลที่ได้จากการใช้งาน คือ

Satori เปิดตัวด้วยความพลิ้วไหวและเรียบหรูกับการนำเสนอกลิ่นอายของชาเอิร์ลเกรย์ที่มีความเข้มแต่เนื้อกลิ่นมีความโปร่งแบบอารมณ์กลิ่นอวลหอมให้พอรับรู้ได้โดยที่จะมีกลิ่นของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เป็นตัวเสริมชั้นดีให้กลิ่นมีความหอมติดปร่าแกมขมแห้งนิดๆ และจะมีความปร่านวลกึ่งพริกไทยกึ่งไม้หอมที่มีความหวานนิดแฝงๆ ของเม็ดผักชีที่ไม่ได้มาแบบคมๆ แต่มาแบบสมดุลย์เชื่อมโยงเนื้อกลิ่นแนวยางไม้กึ่ง Incense ที่เป็นลักษณะของ Frankincense ที่มีโทน Smoky เสริมประปราย ซึ่งทุกอย่างเปิดกลิ่นออกมามีความซับซ้อนในความเรียบง่ายที่ให้ความลุ่มลึกและขรึมขลังแบบโปร่ง ไม่ได้เข้าสู่สายดาร์กจัดจ้านแต่อย่างใด สร้างอารมณ์หยินหยางชัดเจน อารมณ์แบบห้องญี่ปุ่นที่มีชาเอิร์ลเกรย์วางอยู่และควันลอยอ้อยอิ่งออกมา รวมถึงแสงเงาและกลิ่นอายภายในห้องให้ความสงบแกมสวยงามตามธรรมชาติได้พอดิบพอดี เรียกว่าเปิดมาก็สร้างสภาพแวดล้อมให้เห็นผ่านกลิ่นได้ชัดเจนมากจริงๆ

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มเดินเข้าสู่ช่วงกลาง จะเริ่มสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เนียนอยู่ตลอด เพียงแต่จะไม่ได้หนักเกินไป อารมณ์รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่มี แต่ไม่ได้ทรงพลังจัดจ้านแบบแผ่ไพศาล ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนไม้หอมกึ่ง Incense รองพื้นอยู่ ซึ่งจะจับต้องได้ว่ามีความครีมมี่อ่อนๆ แกมจืดหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของไม้จันทน์หอมและกลิ่นของ Oud ที่มาแบบเบาๆ สร้างความึกในเนื้อกลิ่นแบบกลิ่นไม้ติดดาร์กแบบนิ่งๆ ซึ่งพื้นกลิ่นชัดเจนมากว่าเป็นโทนไม้ที่มีทั้งความเป็นโทนสีอ่อนและสีเข้มที่มีความสะอาดนิ่งๆ เรียบง่ายแต่มีความสมดุลย์ โดยจะมีกลิ่นสายเครื่องเทศมาเป็นตัวสร้างความปร่าแกมสะอาดทั้งกลิ่นกานพลูที่ให้ความปร่าเผ็ดสะอาดแบบเกลาเนื้อกลิ่นมาอย่างดีไม่มีความคมใดๆ ตามด้วยกลิ่นอบเชยที่ออกทางเปลือกไม้แบบม้วนๆ ที่ไม่ได้มาแบบร้อนแรงแต่ให้ความหวานแกมไม้ระเรื่อๆ อบอุ่นอ่อนๆ ที่มีเสน่ห์ โดยที่ในเนื้อกลิ่นจะมีความหวานอ่อนๆ ของวานิลลาที่ติดไปทางโทนแป้ง กับกลิ่นขมหอมของโกโก้เนียนรวมอยู่ด้วย ทำให้ภาพรวมช่วงนี้คือกลิ่นอายแบบห้องญี่ปุ่นในตอนแรกที่ไม่ได้มีตัวชาเอิร์ลเกรย์แล้ว แต่มีความอบอุ่นนิ่งสงบและสะอาด รวมถึงความขรึมเรียบนิ่งพร้อมบรรยากาศกลิ่นไม้กับ Incense อ่อนๆ ที่ต้องแสงแดดอวลละเมียดในความรู้สึก

ในช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเป็นพาร์ทไม้หอมแบบเต็มๆ แต่มีความนิ่งแบบมีเสน่ห์เช่นเดิม ซึ่งเนื้อกลิ่นไม้จันทร์หอมจะเป็นแกนหลักที่ให้ความเป็นโทนติดครีมมี่แกมจืดหอมมีเสน่ห์ เสริมด้วยกลิ่นไม้สนไซเปรสที่ให้โทนไม้แห้งๆ หอมอ่อนๆ แกม Oud ที่ลงลายเซ็นความน่าค้นหาเนียนๆ แบบที่ไม่ได้ไปสายอาระเบียน ซึ่งจะมีกลิ่น Incense นิ่งๆ แบบญี่ปุ่นที่ให้ความระเรื่อๆ อ้อยอิ่งประปรายอยู่ให้รู้สึก แต่เนื้อกลิ่นไม่ได้มีแค่นี้เพราะว่าการที่ Oak Moss เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบเข้ามานั้น ทำให้เนื้อกลิ่นมีความลุ่มลึกติดเขียวเข้มแบบไม่ถึงกับกรุยกราย แต่มีความ Down to Earth ที่เรียบง่ายกึ่งติดดิน Earthy หน่อยๆ ที่มีความร่วมสมัย และไม่ได้ดูเป็นกลิ่นไม้จ๋าๆ เกินไป มีมิติที่ลุ่มลึกและมีความน่าค้นหาเข้าร่วมด้วย ซึ่งแน่นอนกลิ่นทั้งหมดอารมณ์จะเหมือนห้องญี่ปุ่นห้องเดิมที่เราได้กลิ่นความละเมียดของไม้หอม เก้าอี้ โต๊ะ เสื่อทาทามิ แสงเงา ความอบอุ่นที่ลอยละล่องในห้อง และความสงบของเนื้อกลิ่นที่ทำให้เราผ่อนคลาย นี่แหละความเป็น Satori ที่มีความซับซ้อนในความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์ในสไตล์ญี่ปุ่นอย่างมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะเนื้อกลิ่นมาสายบรรยากาศเลยจะไม่ได้เจาะจงเพศในการใช้งาน ซึ่งเข้ากับวัยทำงานขึ้นไปเพราะเนื้อกลิ่นมีความซับซ้อนและมีความรู้สึกที่สร้างออร่ามีความขรึมขลังมีเสน่ห์แบบเรียบง่ายแกมผ่อนคลาย ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายออกไปได้เลย กลิ่นไม่ได้ไปสายนั้น ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรือว่าทั่วไปจะลงตัวที่สุด

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้และจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. อยู่บ่อยครั้งกับการใช้งานที่ 9 สเปรย์ (เพราะว่าหัวสเปรย์ของแบรนด์นี้ ค่อนข้างหัวเล็ก และไม่ได้มีแรงอัดฟุ้งมากเลยต้องเพิ่มให้เทียบเท่ากับการใช้แบบสเปรย์ปกติแทน)

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น และจะคงที่ไปเรื่อยๆ ราวๆ 2 ชม. ก่อนที่จะลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไปเลย จนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. แล้วถึงเริ่มเป็น Skin Scent ซึ่งนี่แหละกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นที่ไม่เน้นความหนักหรือการแผ่พลัง แต่ให้ความเรียบง่ายและมีเสน่ห์ที่เน้นเบาๆ ปลอดภัย ให้เคารพและเกรงใจผู้อื่น

สรุป - Masterpiece ชัดเจนมาก ทุกอย่างให้ความรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นจริงๆ มีความขรึมขลังแบบห้องญี่ปุ่นที่นิ่งสงบและน่าค้นหา การใส่โทนที่ให้ความอบอุ่นและมีกลิ่นอายที่ทำให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมและแสงเงาต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ที่สำคัญกลิ่นมีความผ่อนคลายแบบเราได้อะโรม่าเหล่านี้มาช่วยทำให้จิดใจเราสงบได้อีกด้วย คุ้มค่ากับการได้ครอบครองกลิ่นนี้จริงๆ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://thescentofman.wordpress.com/2016/01/11/parfum-satori-satori-2006/

 

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Parfum Satori - Mizunara

Parfum Satori - Mizunara

สิ่งหนึ่งที่มักจะได้รับมาเสมอในการสัมผัสกลิ่นอายน้ำหอมจากแบรนด์ Parfum Satori นั่นคือ ความประณีตในการสร้างสรรค์กลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นที่ดูเผินๆ เหมือนจะเรียบง่าย แต่มีความซับซ้อนและสามารถจำลองภาพเสมือนจริงเสมือนเราไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ หรือสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ที่แฝงจิตวิญญาณแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ลงลึกถึงแก่นให้เราจับต้องได้อยู่เสมอ ซึ่งไม่ว่าจะผ่านกลิ่นไหนมาก็ไม่หลุด Concept เลยแม้แต่นิดเดียว

และกลิ่นล่าสุดที่ได้จับต้องและเรียนรู้อย่าง Mizunara นี้ก็เช่นกัน เพราะแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่น คือ ท่ามกลางต้นโอ๊คญี่ปุ่นและต้นบีชที่รายล้อยกระจายไปทั่วริมทะเลสาบในป่าลึก ซึ่งแน่นอนเรื่องของต้นโอ๊คญี่ปุ่นกับต้นบีชเนี่ย เป็นหนึ่งในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของญี่ปุ่นที่มีความนิ่งสงบและงดงามมาก ซึ่งนี่แหละทำให้สิ่งแรกก่อนที่จะเจอกับกลิ่นจริงๆ ต้องคิดตามและทดในใจไว้ก่อนว่ากลิ่นนี้จะทำให้เราเสมือนยืนอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมตามที่มาของกลิ่นได้หรือไม่ แล้วค่อยมาว่ากันเมื่อถึงปลายทางของกลิ่นอีกที

แรกสเปรย์เมื่อฉีดออกมานั่นคือกลิ่นอายติดเขียวคมหน่อยๆ แต่ไม่ได้พุ่งจัดจ้าน แอบมีกลิ่นโทนแกมลูกพรุนเล็กๆ ซึ่งเป็นลักษณะของยางไม้สายเปรี้ยวเขียวพุ่งอย่าง Galbanum จะมาให้สัมผัสได้ก่อนโดยมีกลิ่นอายสดชื่นติดบรรยากาศอย่างโทนแนว Citrus แฝงอยู่เนียนๆ คล้ายดอกส้มแกมกลิ่นคล้ายๆ โทน Aquatic ที่เป็นโทนน้ำแทรกซึมประปรายให้จับต้องได้ก่อนในวูบแรก ก่อนที่จะตามติดต้วยโทนออกทางคล้ายสมุนไพรที่มีความปร่าเจือเขียวมินต์เล็กๆ เฉพาะตัวของโรสแมรี่และกลิ่นที่ค่อนไปทางลาเวนเดอร์ติดเขียวสมุนไพรหน่อยๆ (แบบที่ไม่ใช่ลาเวนเดอร์แบบนวลสะอาด กลิ่นค่อนเป็นทางต้นลาเวนเดอร์ที่มีโทนเขียวสมุนไพรมากกว่าดอก) อารมณ์แนวๆ กลิ่นอายคล้ายใบไม้และกิ่งไม้แกมสมุนไพรล้มลุกที่พื้นดินเสียมากกว่า ซึ่งไม่พอยังมีโทนกลิ่นไม้โอ๊คออกทางติดเปียกๆ กึ่งกลิ่นไม้สนที่ติดออกทางเปียกชื้นๆ จะเข้ามาผสมผสานด้วย ซึ่งเพียงแค่นี้ต้องบอกเลยว่าเลเยอร์กลิ่นมีความซับซ้อนมาก เพราะจะจับได้อารมณ์แบบเราอยู่ในจุดที่มีกลิ่นอายเขียวๆ เจือกลิ่นออกทางเนื้อไม้ที่มีกลิ่นเขียวตุ่นแกมเปรี้ยวสดชื่นเล็กๆ ตามธรรมชาติ และล้อมกรอบด้วยสมุนไพรเคล้ากลิ่นแหล่งน้ำลอยตามลม ซึ่งแค่ช่วงนี้ก็เรียกว่า สร้างภาพในหัวได้เลยเสมือนเรายืนรับลมที่มีกลิ่นแอ่งน้ำ กลิ่นใบไม้ กิ่งไม้ ต้นไม้แก่นไม้ สมุนไพรและอากาศดีๆ ตามธรรมชาติที่ฟุ้งมาให้จับต้อง เรียกว่าเปิดมาก็ชัดเจนจับต้องได้หมดเลยสร้างภาพในหัวชัดเจนมากแบบอารมณ์ยืนท่ามกลางต้นโอ๊คและต้นบีชริมน้ำรอบกายเป็นเขตป่าธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น

เมื่อโทนช่วงกลางการเปลี่ยนแปลงเริ่มให้จับต้องได้เพราะกลิ่นไม้โอ๊ตติดชื้นๆ จะมีโทนออกทางเหล้าคอนยัคเสริมอยู่ในเนื้อกลิ่น ที่มีความหอมเฉพาะตัวแต่ไม่ได้ถึงกับเป็นถังไม้บ่มเหล้าขนาดนั้น อารมณ์กลิ่นออกทางเนื้อไม้โอ๊คธรรมชาติแต่เอาความเป็นคอนยัคมาเสริมให้กลิ่นมีลูกเล่นเย้าๆ เนียนๆ เสียมากกว่า และแน่นอนว่ากลิ่นใบบีชติดเขียวยังมีประปรายให้จับต้องได้อยู่ด้วย แต่สิ่งที่เสริมขึ้นมาแบบกำลังดีคือกลิ่นออกทางเขียวปร่ากึ่งจะค่อนไปเหล้าจินของจูนิเปอร์ก็เพราะมีความเขียวชื้นๆ อารมณ์แบบกลิ่นไม้สนเข้ามาร่วมด้วย เลยได้ความเป็นธรรมชาติแบบกลิ่นปร่าเขียวลอยมาเจือปนกับกลิ่นไม้โอ๊คแทน แถมมีกลิ่นพิมเสนที่ปร่าอ่อนๆ ไม่ได้ดิบเกินไปจนกลายเป็นสาบพิมเสนเขียวเฝื่อน และไม่ได้แห้งจนกลายเป็นยาจีน แต่ให้อารมณ์ปร่าเขียวเบาๆ คลอเคลียอยู่ในกลิ่นด้วย โดยที่เนื้อกลิ่นภาพรวมจะแห้งขึ้นอีก 1 สเต็ปจากช่วงต้นแต่ไม่ได้แห้งผาดแบบโทนแห้งแล้งแต่อย่างใด แต่มีความเป็นกลิ่นอายชื้นๆ ที่เป็นไอระเหยกลิ่นเนื้อไม้ กลิ่นปร่าบรรยากาศแบบที่เหมือนชินกลิ่นในช่วงต้นแล้วจมูกปรับสภาพได้แล้วราวๆ นั้น เลยทำให้ได้มิติที่ให้ความเป็นสภาพแวดล้อมที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมอีก (แบบที่ไม่ได้อยู่แถวๆ แหล่งน้ำแล้วเพราะโทน Aquatic จางไปแล้วราวๆ นั้น)

เมื่อกลิ่นเริ่มลดทอนและเบาลงมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียงกลิ่นออกทางไม้หอมอ่อนๆ มีความเป็นโทนติดจืดหอมปนสว่างนวลเล็กๆ ที่เป็นโทนของไม้จันทน์หอมแกมกลิ่นติดเขียวแห้งเบาๆ กึ่งปร่าบางๆ ของคาโมมายด์ที่ออกแนวโทนกลิ่นติดระเรื่อนิ่งสุภาพให้รู้สึกได้ ซึ่งเมื่อดมใกล้ผิวจะได้กลิ่นออกทางติดอบอุ่นลึกๆ เนียนๆ เบาๆ อารมณ์แบบค่อนไปทางผิวกายที่อบอุ่นอ่อนๆ มีโทนติดหวานนิดๆ ซึ่งน่าจะมาจากยางไม้บางประเภทที่มีโทนหวานผสมผสานเข้ามาอยู่ ก็เข้าสู่โทนกลิ่นในช่วงท้ายเต็มตัวที่เริ่มปรับเปลี่ยนจากช่วงกลางค่อนข้างชัดมากขึ้นมาเป็นโทนเรียบง่ายและเรียบหรูแทน เนื้อกลิ่นอารมณ์แบบมีกลิ่นไม้หอมกับสมุนไพรอ่อนๆ ติดผิวกายแนวๆ นั้น ซึ่งแน่นอนมีความมินิมัลและเป็นธรรมชาติแบบกลิ่นที่ไม่ได้ดูพยายามให้จัดจ้าน แต่ให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ มีเสน่ห์แบบตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นปิดท้ายการท่องป่าไม้โอ๊คและบีชกับ Mizunara กันไปเรื่อยๆ จนจางไปในที่สุด

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่จริงๆ ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่านิดหน่อย เพราะโทนออกทางไม้หอมเด่นกว่า แต่ยังไงผู้หญิงก็ใส่ได้สบายมาก เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งถ้าไม่มายด์กลิ่นไม้หอมแบบเนื้อไม้ชื้นๆ เด่นก็จัดได้เลย ไม่แน่มีเสน่ห์มากกว่าผู้ชายใช้ก็เป็นได้ ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ซึ่งกวาดหมดได้อยู่ แต่ราคาสูงนะ เอาไปใช้กับออกกำลังกายก็จะเปลืองไปนิด แต่ยามค่ำคืนเน้นใส่ทั่วๆ ไปหรือออกงานจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้เน้นปล่อยพลังอยู่แล้วเลยไม่เข้าทางการใช้เพื่อท่องราตรีแน่นอน

ความทน - อยู่ที่ราว 6 ชม. เป็นสำคัญ แต่ไปต่อได้อีกถ้าฉีดเสื้อที่สวมร่วมด้วยและได้ถึง 10 ชม. เลยก็ยังได้ ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากว่ากลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูง ความทนมันก็จะด้อยหน่อยประมาณนั้น

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในเบื้องต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาปานกลางราวๆ 1 ชม. แล้วจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 5 ชม. แล้วก็จะเริ่มเป็น Skin Scent แล้วจางลงไปตามเวลา

สรุป - แน่นอนว่าจิตวิญญาณกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นแบบถอดเอาความเป็นธรรมชาติมาแบบที่ได้กลิ่นใบบีช ต้นบีช ต้นโอ๊ค และต้นสน และสภาพแวดล้อมมาครบเลย แถมมีกลิ่นคอนยัคเนียนๆ สร้างความดึงดูดอีกด้วย กลิ่นเลยกลายเป็นลักษณะแบบ Japanese Forest View ที่ให้ความลงตัวและเสมือนจริง ต้องยกให้เขาเลยว่าแบรนด์นี้ถ่ายทอดความนิ่งและเสน่ห์แบบญี่ปุ่นได้มีชั้นเชิงและมีเสน่ห์มาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://thescentofman.wordpress.com/2018/12/04/parfum-satori-mizunara-may-2018/

 

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564

Review: Parfum Satori - Sakura

Parfum Satori - Sakura

ฤดูกาลที่มีความงามมากเป็นลำดับต้นๆ และควรค่าแก่การไปเยือนมากๆ ของญี่ปุ่น ก็ต้องยกให้ฤดูใบไม้ผลิที่จะมีดอกไม้สีชมพูอ่อนเจือสีพีชหรือจะเรียกว่าสีโอลด์โรสอ่อนก็ได้ อย่าง “ซากุระ” เบ่งบานสะพรั่งให้ความงามที่รื่นรมย์มาเสมอ ซึ่งในการชมซากุระเราจะจับความรู้สึกได้ถึงบรรยากาศรอบๆ ตัวที่เป็นสีชมพูสว่างนวลตารอบทิศไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ที่ให้ความรู้สึกหวานอ่อนโยนและงดงามสร้างความประทับใจได้แบบยากที่จะลืม

แต่ในความเป็นจริง “ซากุระ” หรือ Cherry Blossom เองแทบจับต้องกลิ่นไม่ได้ แต่อาจจะมีกลิ่นจืดๆ เจือหวานเบาบางสุดๆ ให้พอรับรู้บ้างเล็กน้อย การที่จะนำเอาความเป็นบรรยากาศมาถ่ายทอดสู่การเป็นน้ำหอมกลิ่นซากุระเลยมีความท้าทายไม่น้อยว่าจะสื่อสารออกมาอย่างไรให้รู้สึกถึงสถานการณ์นั้นๆ แบบยามชมซากุระจริงๆ ซึ่งหลายๆ แบรนด์ต่างก็พยายามสื่อสารมากันพอสมควรแล้ว พอได้ทดลองอารมณ์กลิ่นก็ถึงบ้าง ไม่ถึงบ้าง ต่างความรู้สึกที่ไม่ใช่ญี่ปุ่นที่แท้ทรูก็พอสมควร เช่นนั้น เมื่อเห็นแบรนด์ Niche คุณภาพสูงของญี่ปุ่นอย่าง Parfum Satori ที่จับเอาความงดงามของซากุระมาถ่ายทอด ก็ต้องมาลิ้มลองดอมดมกันหน่อยว่าจะสื่อสารออกมาอย่างไร และก็ได้เรื่องออกมาเช่นนี้

Sakura เปิดตัวมากับกลิ่นอายเชอร์รี่เบาๆ ที่มีความหวานเจือเปรี้ยวที่มาแบบอ่อนๆ ปนกลิ่นปร่าซ่าบางๆ เจือเขียวหน่อยๆ ที่ได้อารมณ์กลิ่นอายคล้ายมินต์ที่ติดเผ็ดแต่ก็ไม่ได้ไปแน่นจัดจ้านสไตล์แบบเพพเพอร์มินต์เต็มที่ขนาดนั้น ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นใบชิโสะ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นออกทางหวานเขียวบางๆ คล้ายชาเขียวเบาๆ มาสร้างอะโรม่าตัดทอน เลยจะได้อารมณ์กลิ่นอายบรรยากาศและอากาศดีๆ ที่มีเลเยอร์กลิ่นผสมผสานกันระหว่างกลิ่นหวานผลไม้เจือเขียวอมหวานปร่าหน่อยๆ ที่มีความหวานให้จับต้องได้แบบโปร่งๆ ได้อย่างน่าสนใจและมีความสดชื่นแบบลงตัวในลักษณะเย็นๆ ในเนื้อกลิ่น ถือว่าเปิดต้นกลิ่นมาก็ได้ความรื่นรมย์ได้ดีมาก

เพียงไม่นานราวๆ 5 นาทีได้ ก็จะเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางที่ให้ความเป็นโทนดอกไม้โปร่งๆ หวานแบบเบาๆ ให้ความกึ่งนวลค่อนไปทางกลิ่นอายติดโทนแป้ง ซึ่งยังมีความรู้สึกสดชื่นที่ตามมาจากช่วงต้นจากโทนกลิ่นเชอร์รี่ที่คุมโทนหวานโปร่งอมเปรี้ยวเบาๆ ได้ดีอยู่เช่นเคย และจะมีโทนออกทางดอกไม้เย็นๆ สดชื่นเข้ามาให้รู้สึกได้ด้วย แถมยังมีกลิ่นอายกุหลาบหวานอ่อนๆ ที่ให้ความโรแมนติตแหมกลิ่นออกทางคล้ายมะลิใสๆ ที่น่าจะใช่ดอกกระดิ่ง (lily-of-the-valley) แน่ๆ มาผสมผสานกันสร้างโทนสีในกลิ่นเป็นสีชมพูอ่อนที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้มข้นไป เพราะมีตัวเชื่อมที่ดีอย่างกานพลูที่ก็มาแบบเบาๆ ให้ความปร่าอ่อนๆ เชื่อมกับกลิ่นสดชื่นในตอนต้นมาผสมผสานและตัดทอนกันอย่างสมดุลย์และคุมโทนได้ดีในความเป็นสีชมพูอ่อน ที่ให้กลิ่นหวานนวลกึ่งสดชื่นระเรื่อๆ อย่างมีระดับและเรียบหรูนิ่งๆ ได้ดีมาก และที่สำคัญช่วงนี้เป็นกลิ่นที่สร้างบรรยากาศโดนแท้ เพราะได้อารมณ์สภาพแวดล้อมที่มีสีชมพูโอลด์โรสอ่อนๆ อารมณ์แบบสีดอกซากุระที่ได้ความพาสเทลตามธรรมชาติได้อย่างงดงามและมีกลิ่นอายบรรยากาศสดชื่นเย็นๆ เป็นมิติกลิ่นเสริมที่ลงตัวมากอีกด้วย

ซึ่งเมื่อผ่านไปซักระยะก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเป็นกลิ่นโทนสะอาดๆ นวลๆ นิ่งๆ เนื้อกลิ่นมี Musk รองพื้นที่ให้ความนวลสะอาดสอดรับกับโทนแป้งหอมหวานสีชมพูเบาๆ ที่ตามมาจากช่วงกลางพอดี แต่จะเสริมด้วยโทนออกทางออกทาง Smoky เบาๆ อารมณ์แบบธูปไม้หอมหน่อยๆ ผสมผสานกับกลิ่นไม้หอมที่มาแบบนิ่งๆ ขรึมๆ แต่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่จะเป็นอีกมิติกลิ่นมากกว่า ซึ่งถ้าตีความเป็นภาพก็จะได้อารมณ์แบบนั่งบนชานไม้หรือเก้าอี้ไม้ที่จะมีกลิ่นไม้อ่อนๆ ขรึมๆ ให้รู้สึกได้เบาๆ เคล้ากลิ่นหอมนวลสะอาดๆ ติดปลายกลิ่นบรรยากาศชมซากุระที่มีสีชมพูอ่อนๆ อยู่เบาๆ ซึ่งใช่เลยนี่แหละอารมณ์กลิ่นสภาพบรรยากาศนั่งชมซากุระที่อากาศถ่ายเทสบายๆ ให้ทั้งความรื่นรมย์ เรียบง่ายและลุ่มลึกแบบญี่ปุ่นชัดเจน

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนประถมขึ้นไปก็ใช้งานน้ำหอมตัวนี้ได้แล้ว เพราะเนื้อกลิ่นคือสภาพแวดล้อมที่สร้างบรรยากาศกลิ่นอายสีชมพูอ่อนค่อนไปทางสีขาวนวลสว่าง ซึ่งเข้ากับสาวๆ เป็นทุนเดิม จึงใช้ได้หมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แถมเป็นกลิ่นที่ไม่ได้รบกวนใครคุมโทนกลิ่นอายสุภาพแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่มีระดับในความเรียบง่าย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบวันอากาศร้อนๆ สร้างความรื่นรมย์และอะโรม่าแกมกลิ่นอายโรแมนติคแนวสดชื่นจะดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีบอกเลยคิดผิดมาก ส่วนสำหรับคุณผู้ชายเอาจริงๆ ใส่ได้สบายมากเพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลัง ให้ความเป็นสีชมพูอ่อนสดชื่นเบาๆ เผลอๆ ใส่แล้วมีความสุขในการรับกลิ่นมากกว่าสาวๆ ด้วยซ้ำไป 

ความทน - อันนี้แหละเป็นข้อด้อย เพราะเนื้อกลิ่นให้ความเป็นธรรมชาติมากๆ แถมเป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นความสุภาพไม่โฉ่งฉ่างอยู่แล้วด้วย เลยจะตรงข้ามกับเรื่องนี้นิดนึง ซึ่งค่าเฉลี่ยในการใช้งานที่เจอในการจับต้องกลิ่นได้ก็ราวๆ 4 ชม. และสูงสุดที่เจอคือ 6 ชม. หลังจากนี้จะจมไปกับผิวแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นสเต็ปแบบเร็วพอสมควร จนมาคงตัวที่การเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปจนถึง 3 - 4 ชม. ก็จะลงเป็นติดผิวก่อนจะจางไปในที่สุด

สรุป - กลิ่นมาในแนวที่ไม่ได้เจาะจงในความเป็นโทนกลิ่นอายดอกซากุระเพียงอย่างเดียว แต่ภาพในหัวถึงบรรยากาศที่รื่นรมย์ในสวนที่มีดอกซากุระบานเคล้ากับต้นไม้อื่นๆ ประปรายในยามเช้าๆ ที่อากาศเย็นๆ สบายๆ ให้โทนสีชมพูอ่อนๆ เคล้ากับกลิ่นหอมสะอาดติดนวลสุภาพคุมโทนความเป็นมินิมัลสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียบง่ายแต่ลุ่มลึก แบบเหมือนเรานั่งชมความสวยงามของดอกซากุระเงียบๆ มีรอยยิ้มกับบรรยากาศรอบตัว นี่แหละความรื่นรมย์เต็มๆ เลยล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://perfumelounge.eu/products/parfum-satori-sakura

 

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: Parfum Satori - Iris Homme

Parfum Satori - Iris Homme 

กลิ่นของโทนดอก Iris ที่ให้ความเป็นโทนแป้งติดทึบแต่มีความ Airy เบาๆ ถ้ามาจากดอก และมีความเป็นลักษณะแบบแป้งอับทึบมีความติดเนยๆ มันๆ หรือชื้นๆ แล้วแต่การนำมาใช้ ถ้ามาจากหัวเหง้าของไอริสเองที่เรียกว่าเหง้าออริส ซึ่งทั้ง 2 โทนมักจะอยู่ในน้ำหอมผู้หญิงมาเสมอ จนเมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างสรรค์น้ำหอมที่แตกต่างมากขึ้น ทำให้ Iris เริ่มเข้าสู่การเป็นโทน Unisex และ
มาเป็นหนึ่งใน Note ที่สร้างความแตกต่างให้กับน้ำหอมชายมานักต่อนัก ซึ่งในความเป็นโทนดอกไม้เจือแป้งปนทึบอับเฉพาะตัวมันมีเสน่ห์ที่จะทำให้เป็นโทนที่เรียบง่ายมีระดับก็ได้ และเป็นโทนออกทางเมโทรก็สามารถในลักษณะของน้ำหอมโทนตะวันตก

และถ้าเป็นกลิ่นอายน้ำหอมตะวันออกสไตล์ญี่ปุ่นเน้นกลิ่นอายของผู้ชายที่เด่นในโทนดอก Iris ล่ะ จะเป็นยังไง เช่นนั้นแบรนด์ Parfum Satori ก็จะบอกให้รู้และให้ลองใช้ผ่านกลิ่นอายหนึ่งในน้ำหอมชายของแบรนด์ที่มีระดับและไม่ธรรมดาในรุ่นที่กำลังจะเล่ากลิ่นแบบนี้เลย 

Iris Homme เป็นการเล่าความเป็น Iris ที่สอดรับอย่างสมดุลย์มากกับการเป็นน้ำหอมชายที่มีความเรียบหรูมีระดับ นิ่งอย่างมีสไตล์ที่ทำให้เราเห็นภาพผู้ชายนิ่งๆ มีความสุขุมและสุภาพเป็นพื้นฐาน แต่ก็จะรู้สึกสดชื่นเวลาที่ได้เห็นและได้อยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้ได้อย่างน่าสนใจมาก ที่สำคัญมีลักษณะที่เป็นกลิ่นอายที่บอกถึงความเป็นญี่ปุ่นได้ชัดเลยทีเดียว โดยกลิ่นเปิดจะชัดเจนเลยทีเดียวกับการจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนดอก Iris ที่ให้ความเป็นแป้งติดอับอ่อนๆ ติดจืดเย็นที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงนี้ เพียงแต่จะมาในลักษณะรองพื้นเสียมาก ให้กลิ่นอายของโทน Citrus ของเลมอนที่ให้ความเปรี้ยวติดแปร่งขมอ่อนๆ มีความหวานปลายกลิ่นตามธรรมชาติ สร้างอะโรม่าความสว่างแบบกำลังดีในกลิ่น โดยไม่ได้ไปสายเปรี้ยวคม หรือสดชื่นแบบติด Herbal ตามสไตล์ของน้ำหอมสายฝรั่งเศสแต่อย่างใด แต่ให้ความสดชื่นแบบนิ่งๆ ที่กลิ่นเลมอนชัดเจนในตัวแบบไม่โฉ่งฉ่าง แต่สิ่งที่จะจับต้องได้นอกเหนือจากเลมอน คือ กลิ่นโทนสะอาดนวลปนเปรี้ยวอ่อนๆ ของดอกส้มที่ทำให้กลิ่นช่วงต้นมีลักษณะที่เป็นโทนสว่างนวลปนสดชื่นนิ่งๆ ติดโทนแป้งดอก Iris ที่ออกทางชื้นหน่อยๆ ได้อย่างลงตัว 

แต่ไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะชั่วขณะจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของเครื่องเทศโทนหวานเย้าที่มาแบบเบาๆ ของเม็ดกระวานที่จะเสริมขึ้นมาแบบเนียนๆ ในเนื้อกลิ่น แน่นอนว่าไม่หนักและไม่แย่งซีน แต่จะให้ความลุ่มลึกที่นอกเหนือจากกลิ่นสดชื่นนิ่งๆ และกลิ่นสะอาดนวลๆ ซึ่งทำให้กลิ่นจะเริ่มเข้าสู่โทนแห้งขึ้นตามลำดับจนเปลี่ยนเป็นช่วงกลางอย่างชัดเจนมากขึ้นเพราะความเป็น Iris จะกลายเป็นผู้นำทีมที่สร้างออร่าโทนแป้งนิ่งๆ สะอาดๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอับหรือทึบมากเพราะจะมีโทนออกทางหวานโปร่งหน่อยๆ เข้ามาสมทบด้วย ซึ่งหนีไม่พ้นโทนของดอกไวโอเล็ตที่ให้โทนแป้งที่ออกทางหวานโปร่ง ซึ่งจะเป็นสายแป้งจากดอกไม้ที่ชัดเจน เพียงแต่ว่าทุกอย่างจะคุมโทนเป็นอย่างดีไม่ได้โดดหรือเด่นออกมา รวมถึงไม่ได้ไปทางสายกลิ่นออกทางผู้หญิงแต่อย่างใด เพราะต้องให้เครดิตโทนกลิ่นออกทางไม้หอมนวลๆ สุภาพและกลิ่นออกทาง Earthy ติดดินๆ บางๆ เคล้ากับความสดชื่นของเลมอนติดเครื่องเทศของกระวานในตอนต้นที่ยังตามมาในช่วงนี้ ที่ทุกโทนจะสอดรับกันอย่างสมดุลย์คุมโทนการเป็นน้ำหอมชายที่ให้ความรู้สึกเป็นโทน Iris สะอาด มีความเป็นโทนแป้งที่สุภาพกึ่งสดชื่นอ่อนๆ ค่อนไปทางแห้งๆ และมีความสุขุมในกลิ่นที่ออกทางไม้หอมอ่อนๆ เรียบแต่มีระดับ ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ไปสายสว่างมากไป และไม่ได้ดาร์กไปกลางๆ กำลังดีเป็นหลัก

และกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ นี่แหละ จะเริ่มชัดขึ้นตามลำดับจนนำเข้าสู่ช่วงท้ายที่โทนกลิ่นดอกไม้เจือแป้งในช่วงกลางจะผันตัวลงมาเป็นกลิ่นสนับสนุนแทน ทำให้จับต้องได้ถึงกลิ่นอายไม้จันทน์หอมอ่อนๆ ให้ความนวลกำลังดี ซึ่งกลิ่นจะมีความอบอุ่นเข้ามาเสริม ซึ่งสัมผัสได้จากกลิ่นของโทนแอมเบอร์ที่มาแบบเบาๆ ทำให้กลิ่นมีโทนอบอุ่นประปรายในความนวล และคุมโทนสะอาดออกทางผิวกายหอมอ่อนๆ จากโทน Musk เจือแป้ง Iris ที่ติดกลิ่นเปลือกเลมอนบางๆติดเครื่องเทศปลายกลิ่นที่จะคลอผิวยาวไป ทุกอย่างยังคงสมดุลย์ เรียบง่าย ไม่โฉ่งฉ่าง ให้ความเรื่อยๆ มินิมัล สร้างออร่าสุภาพบุรุษที่ให้ความนิ่ง สุขุม สุภาพ เยือกเย็นแต่ไม่ได้เย็นชา เพราะมีความอบอุ่นแบบที่ให้อารมณ์แบบที่ผู้ชายควรจะต้องมีกำลังดีไปตลอด

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใช้งานตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นมีความสุภาพเป็นพื้นฐานสำคัญ โดยที่มีความสดชื่นแบบนิ่งๆ เป็นธรรมชาติเป็นตัวปูทาง ซึ่งกลิ่นไม่ได้ดูตื้นๆ แต่อย่างใดในความเรียบง่ายที่ปล่อยออร่าออกมา เพราะมันซ้อนเลเยอร์อารมณ์กลิ่นแบบที่สุภาพบุรุษที่นิ่งดูเรียบๆ แต่มีเสน่ห์แบบที่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป จึงเหมาะกับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะออกงาน ทำงาน Office หรือทั่วๆ ไปแบบสบายๆ แต่อาจจะไม่ได้เป๊ะนักกับการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกาย เพราะกลิ่นมันไม่ได้ลั่นล้าและสาย Activities เท่าไหร่ ยกเว้นรอท้ายๆ แล้วไปลั่นล้าก็ว่ากันอีกเรื่อง ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานจะดีกว่า เพราะยังไงก็สร้างออร่าสุภาพบุรุษที่นิ่งและมีความสุขุมวางตัวดีที่ชัดเจนมาก 

ความทน - กลิ่นทนเกินคาด เพราะว่ากลิ่นมาสายเบาๆ สุภาพ ก็คงน่าจะไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นลากยาวไปที่ 8 - 10 ชม. ได้นี่ถือว่าดีงามเกินคาด ซึ่งในส่วนนี้ก็อิงตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางแบบไม่หนักในตอนต้น แต่ความสดชื่นนิ่งๆ ก็ชัดอยู่ แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวอ่อนๆ ยาวไป พอช่วงท้ายก็ Skin Scent ชัดเจน ที่กลิ่นจะตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัว ซึ่งตรงไปตรงมาเลยว่าน้ำหอมสุภาพกลิ่นก็จะสุภาพไม่เน้นรบกวนใครแต่ให้ออร่าที่มีระดับเป็นสำคัญ 

สรุป - Iris Homme เป็นกลิ่นที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรในกลิ่นที่ไม่ธรรมดา เพราะอารมณ์กลิ่นมันไม่เหมือนกับน้ำหอม Iris แบบทั่วๆ ไปแบบที่เรามักได้กลิ่นจากทางสายน้ำหอมตะวันตก และกลิ่นไม่ได้เป็นสดชื่นตะบี้ตะบัน ทุกอย่างถูกคุมโทนด้วย Concept ความสุภาพ สุขุม และความนิ่ง ที่มีเลเยอร์กลิ่นบอกอารมณ์ซ่อนอยู่ด้านในที่มีความเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ในความเรียบง่ายแต่ไม่ง่ายเพียงแค่ผิวเผิน ต้องค่อยๆ ซึมลึก ที่สำคัญให้ความเป็นกลิ่นอายแบบผู้ชายญี่ปุ่นนี่วางตัวดีและมีเสน่ห์แบบผู้ชายสายตะวันออกได้อย่างดีมาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://thescentofman.wordpress.com/2016/01/29/parfum-satori-iris-homme-2010/


วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Parfum Satori - Oribe

Parfum Satori - Oribe

Parfum Satori ชื่อนี้เรียกว่าในสายน้ำหอม Niche Perfumery เอง ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่สื่อสารและสร้างสรรค์กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Satori Osawa ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ Societe Francaise des Parfumeurs ของฝรั่งเศสที่เป็นสมาคมทางด้านน้ำหอมที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมบุคลากรทางด้านน้ำหอมต่างๆ มาร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาทางด้านน้ำหอมแบบครบวงจรเสียด้วย เช่นนั้น หาโอกาสมานานมากที่จะได้ซึมซับศิลปะทางกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ 

และเมื่อโอกาสมาถึงก็ได้สัมผัสและซึมซับกลิ่นอายที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก พิธีชงชากับชื่อรุ่นที่มีความหมายลึกซึ้ง Tribute หนึ่งในตำนานด้านการชงชาของญี่ปุ่นอย่าง Oribe Furuta ดังนั้นก็ถึงเวลาถ่ายทอดกลิ่นผ่านตัวอักษรว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะเช่นใดและงดงามขนาดไหน 

Oribe จะไม่ได้มาในลักษณะเหมือนน้ำหอมกลิ่นชาเขียวต่างๆ นานาที่มีในท้องตลาดเลย เพราะจะไม่ได้อารมณ์แบบชาเขียวสดชื่น ชาเขียวติด Citrus ชาเขียวมัทฉะนุ่มๆ หรือชาเขียวนมทั้งร้อนเย็นปั่นอะไรก็ตาม แต่จะมาแบบชาเขียวตามธรรมชาติที่ชัดเจนมาก เพราะเปิดตัวกลิ่นด้วยโทนเขียวทึบแต่รื่นจมูก โดยจะเป็นกลิ่นอายแบบชาเขียวที่เป็นใบแห้งกึ่งหมาด ผสมผสานกับกลิ่นอายที่ใบชาเขียวแห้งที่บดเป็นผง ซึ่งจะมีโทน Spicy นุ่มๆ เนียนๆ สมุนไพรอ่อนๆ เจืออยู่ และที่สำคัญกลิ่นที่ได้จะมีลักษณะกลิ่นอายออกทางติดโทนอูมามิ ที่ได้อารมณ์กลิ่นอึนๆ แบบกลิ่นผงชูรสหน่อยๆ เนียนกระตุ้นให้รู้สึกเขียวกลมกล่อม กลิ่นมีความกลางๆ ไม่ได้ไปสายอุ่นไปหรือเย็นไป ซึ่งจะได้อารมณ์แบบเวลาเราได้กลิ่นชาเขียวที่มีกรดอะมิโนสูงๆ ที่ให้รสอูมามิโดนน้ำร้อนแล้วกลิ่นฟุ้งออกมาให้ความอะโรม่าที่เขียวแต่รื่นรมย์จมูกสูงมาก ซึ่งเปิดตัวด้วยการเริ่มพิธีชงชาได้อย่างชัดเจนและถอดโทนกลิ่นออกมาได้อย่างลงตัวมากจริงๆ 

เมื่อความเขียวเริ่มผ่อนลงและมีความหวานหอมอ่อนๆ เจือกลิ่นแป้งแทรกเข้ามาก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่ตอนนี้แหละ Match Lover กันอย่างชัดเจนและมีความเป็นธรรมชาติของกลิ่รชาเขียวมัทฉะสูงมาก เพราะจะได้ความรู้สึกฟุ้งๆ อ่อนๆ คลอเคลียกันไประหว่างความหวานนวลและความเขียวติดขมอะโรม่า ซึ่งต้องยอมเลยว่าเป็นการผสมผสาน Notes กลิ่นออกมาได้ดีแบบที่สร้างความอะโรม่าของชาเขียวมัทฉะได้ชัดเจนจากกลิ่นชาที่ให้ความขมฝาดหน่อยๆ มีอูมามิอ่อนๆ กลิ่นดอกไวโอเล็ตให้ความหวานนวลค่อนทางแป้งโปร่งๆ กลิ่นมะลิที่ให้ความโทนหวานเบาๆ ใสๆ ละมุน และพิมเสนที่ให้ความเป็นสมุนไพรติดดินที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วงนี้จะต่อเนื่องจากช่วงต้นหลังจากที่เริ่มดื่มชาในพิธีชงชาไปแล้ว ความอะโรม่าอบอวลในปากของชาเขียวมัทฉะจะละเมียดละไมละมุนทำให้เรามีความสุขรื่นรมย์ในช่วงเวลาที่ดื่มนั้นเต็ม 

เพราะการไล่เรียงกลิ่นอายพิธีชงชาช่วงสุดท้าย คือ สุนทรียะของความสงบและความสวยงามในความเรียบง่าย เพราะเมื่อกลิ่นชาเริ่มจางลงไป สิ่งที่สัมผัสได้คือความรื่นรมย์ที่ยังคงค้างอยู่ปนกลิ่นอายสถานที่ของห้องชงชาที่เป็นกลิ่นไม้บางเบามีความ Airy อ่อนๆ ให้เราซึมซับ โทนกลิ่นเลยจะมาสายบางเบาโดยมีกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ โปร่งปนติดครีมบางๆ ของไม้จันทน์หอมกับไม้ซีดาร์เป็นตัวรองพื้นแบบอ่อนๆ ไม่ได้เด่นพุ่งออกมาอยู่พอสมควร โดยมีกลิ่น Airy ของโทนแป้งติดจืดๆ สงบๆ ของดอกไอริสที่บางเบานำโทนกลิ่นให้รู้สึกสว่างและสงบแบบนิ่งๆ โดยที่ความเขียวยังพอมีแบบเบาบางให้สัมผัสได้บ้าง โดยยังคุมโทนความรื่นรมย์ของความเป็นกลิ่นอายของชาเรียนๆ ไปกับกลิ่นบรรยากาศของห้อง ซึ่งช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายสาย Whispering ที่เบาบางตามสไตล์กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นที่ไม่ต้องเยอะสิ่ง เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก แต่ถ้าพิจารณาดีๆ มันสวยงามและมีความสงบอ้อยอิ่งอยู่รายรอบเสมอ 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นเป็นโทนสภาพแวดล้อมที่อยู่กลางๆ ไม่มีการฝักใฝ่เพศใดชัดเจน แถมเป็นกลิ่นอายเชิงศิลปะที่ถ่ายถอดผ่านกลิ่นออกมา จึงใส่ไปเถอะได้หมดทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นมีความรื่นรมย์ปนสงบเป็นโทนหลัก ซึ่งจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างหรือไปทางสาย Adventure หรือสายออกกำลังกายนัก เน้นให้ให้ความรื่นรมย์เป็นสำคัญ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายมากเพราะไม่ต่างจากการใช้งานยามกลางวัน เพียงแต่ให้ตัดการใส่เพื่อไปติ๊ดชึ่งเต้นเด้งหน้าเด้งหลังหรือท่องราตรีทุกประเภทออกไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางและไม่ส่งเสริมออร่าด้านความเย้ายวนทุกกรณี แถมโดนชาวบ้านกลบหมดอีกด้วย 

ความทน - ตามจริงคือ กลิ่นไม่ได้ทนมาก ประมาณ 4 ชม. กลิ่นก็เริ่มจางไปในที่สุด ซึ่งถ้าสภาพผิวเองไม่ค่อยเก็บน้ำหอมอาจจะราวๆ 2 ชม. ก็ถือว่าจบพิธีชงชาแล้ว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ชัดเจนทุกอณูความหอมเขียวอะโรม่าอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวให้ความเป็นมัทฉะที่รื่นรมย์ ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่มีกลิ่นอายบางเบาอ่อนๆ ให้ความสงบในช่วงท้าย 

สรุป - Oribe คือ การถอดสเต็ปของพิธีชงชาที่เรียบง่ายและสวยงามในความเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องพยายามและไม่ได้มุ่งเน้นไปที่กลิ่นอายของชาเพียงอย่างเดียว แต่สร้างสเต็ปกลิ่นเหมือนเรานั่งอยู่ในพิธีดังกล่าว และซึมซับสุนทรียะของความเป็นธรรมชาติ ความสวยงามในความเรียบง่าย และความสงบที่ครบถ้วนและรื่นรมย์ตามสไตล์ Art of Japanese Scent ซึ่งถ้าต้องการความทนและการกระจายให้โลกรู้ว่าพิธีชงชาเดินได้อยู่ตรงนี้ บอกเลยว่าผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าต้องการความสวยงามและศิลปะของการเล่ากลิ่นที่มีชั้นเชิงและลุ่มลึกในความเรียบง่าย Oribe มีให้อย่างเต็มเปี่ยมและสื่อสารได้อย่างงดงาม 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://thescentofman.wordpress.com/2017/05/09/parfum-satori-oribe-2008/