วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Guerlain - Aqua Allegoria Limon Verde

Guerlain - Aqua Allegoria Limon Verde 

ถ้าว่ากันถึงกลิ่นอายโทน Citrus ที่ให้ความอะโรม่าสดชื่นแบบเปรี้ยวปรี๊ดวูบขึ้นมา แล้วตามด้วยความหอมติดขมปร่าอ่อนๆ Airy ตามลมสร้างบรรยากาศ แถมยังเป็นกลิ่นที่คนไทยเราคุ้นชินอย่างมากเพราะเจอแทบทุกวันเลยด้วยซ้ำในอาหาร นั่นก็คือ มะนาว ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นของมะนาวเองก็ถือเป็นอีกหนึ่ง Note ที่เอามาชูโรงน้ำหอมโทนสดชื่นมานักต่อนัก รวมถึงไลน์ Aqua Allegoria ของ Guerlain เองก็มีการนำกลิ่นอายนี้มาชูโรงให้ความสดชื่นกับเขาด้วยในรุ่น Limon Verde เช่นนั้น เราก็ต้องมาสดชื่นหน่อยกับการใช้จนเข้าที่แล้วก็เล่าต่อได้แบบนี้ว่า 

ไม่ใช่แค่มะนาวที่เป็นตัวชูโรงตามชื่อรุ่นที่มีคำว่า Limon แต่เอากลิ่นโทนเขียวที่มีเอกลักษณ์กับคำว่า Verde มาเจอกันตรงกลางแบบน่าสนใจในการเป็นสายสดชื่นได้ดีเกินคาด ซึ่งกลิ่นเปิดจะเริ่มจากกลิ่นที่ชัดเจนของมะนาวเด่นมาเลย เปรี้ยวพุ่งมาก่อนเลย แล้วจะลดทอนลงเป็นกลิ่นโทนบรรยากาศสดชื่นติดเปรี้ยวตรงตามคาแรคเตอร์ของกลิ่นเป๊ะ! ซึ่งกลิ่นมีความเป็นธรรรมชาติสูงมากชัดเจนในไม่กี่วินาทีแรกที่ได้รับรู้กันเลยทีเดียว แต่กลิ่นที่มาสอดรับต่อเนื่องไวมากพอสมควรเลยคือกลิ่นอายโทนเขียว ที่จะมี 2 เลเยอร์กลิ่นให้จับต้อง นั่นคือ กลิ่นโทนเขียวสดชื่นติดชื้นๆ มีความฉ่ำอ่อนๆ อารมณ์แบบต้นไม้ใบไม้ใบหญ้าเปียกน้ำค้างหรือน้ำฝน และกลิ่นโทนเขียวทึบติดขมมีความหวานเจือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของลูกมะเดื่อฝรั่งหรืFig ซึ่งเมื่อทุกโทนมาผสมผสานกันมันเลยได้มิติของกลิ่นที่มีความเป็นธรรมชาติ มินิมัล แต่มีเลเยอร์ที่ซับซ้อนเนียนๆ ในการผสมผสานโดยเรียงแถวตอนจากเปรี้ยวสดชื่น สู่เขียวชื้นฉ่ำ และเขียวทึบธรรมชาติได้ชัดเจน 

เพียงไม่นานการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นเริ่มที่จะสลับที่กันจากเขียวทึบจะเดินนำมาอยู่ข้างหน้าแทน ตามด้วยเขียวชื้นฉ่ำที่อยู่ที่เดิม แต่ปิดท้ายด้วยกลิ่นเปรี้ยวอะโรม่าปลายกลิ่นของมะนาวแทน ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่กลิ่นจะไม่ได้มีเพียง 3 โทนสลับที่แถวตอนกันแล้ว แต่จะมีกลิ่นโทนผลไม้เข้ามาด้วย ซึ่งกลิ่นแรกที่จับต้องได้เลยคือ มะพร้าว ที่จะมาแบบโทนน้ำมะพร้าวติดกะทิอ่อนๆ และมีโทนคล้ายผลไม้รวมที่ผสมผสานกันเป็นกลิ่นเฉพาะ แนวๆ เหมือนสับปะรดผสมกล้วยที่เบาบางมาก เพราะเป็นแค่สายเสริมและดันกลิ่นให้โทนเขียวทึบของ Fig มีความชัดมากขึ้นในการเป็นโทนผลไม้มากกว่าที่จะเป็นกลิ่นออกทางเขียวขมทึบที่มักไปทางกลิ่นต้นกับใบ เลยทำให้ได้ความอะโรม่าติดทึบเขียวเจือหวานหอมผลไม้อ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย คลอด้วยความเขียวสดชื่นชื้นๆ ติดหวานคล้ายกลิ่นน้ำตาลอ่อนๆ ก่อนจะเป็นกลิ่นมะนาวบางๆ ปลายกลิ่นที่ให้ความรื่นรมย์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงกลางเป็นไฮไลท์ที่บอกถึงคำว่า Limon Verde กันอย่างชัดเจนจริงๆ จนเมื่อกลิ่นมะนาวและความเขียวชื้นเริ่มหายไป เหลือเพียงกลิ่นเขียวทึบที่คลายความทึบลงมาพอสมควร โทนกลิ่นที่มาสอดรับคือกลิ่นออกทางกึ่งเขียวแห้งของหญ้าแห้งบางๆ ที่เจือกับกลิ่นออกทางแป้งอัลมอนด์ติดขมเจือหวานอ่อนๆ เข้าทางลักษณะของโทนกลิ่นถั่วตองก้า ที่มารับช่วงต่อในการเป็นช่วงท้ายของน้ำหอม ที่จะได้อารมณ์กลิ่นนวลหวานเคล้าความเขียวติดผลไม้อ่อนๆ ที่เบาๆ เรื่อยๆ มีความเป็นธรรมชาติให้ความรื่นรมย์สบายๆ ไปจนกว่าจะจางไปตามเวลา 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เข้าได้กับทุกเพศวัยตั้งแต่ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใช้ได้ กลิ่นมาสายธรรมชาติและสภาพแวดล้อมเช่นนั้นกลางพอในการใช้งานแบบชิลล์ๆ ปนเรียบหรูได้เลย ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นไม่ได้ปล่อยพลังอะไรนัก จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า เพราะกลิ่นเขียวติดทึบขม Fig ที่เด่นๆ ถ้าตีขึ้นมากๆ แล้วไม่ชินอาจจะทำให้อึดอัดเอาได้บ้าง ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่เพื่อผ่อนคลายสบายๆ จะดีที่สุด

ความทน - อยู่ที่ระหว่าง 4 - 6 ชม. และอาจจะไปมากกว่านี้ได้บ้าง อิงตามสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอสูงสุดที่ 8 ชม. ก็แทบจางจากผิวไปหมดแล้ว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาปานกลางซักครู่ ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนพอเข้าช่วงท้าย Skin Scent ชัดเจน 

สรุป - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาได้ดีมากในการสื่อสารถึงกลิ่นอายมะนาวและกลิ่นโทนเขียวไล่มิติ 2 เฉดกลิ่นได้ลงตัวจริงๆ ซึ่งถ้าใครอยากเรียนรู้กลิ่Fig แบบระยะต้นๆ ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีไม่พอ ยังมีความเป็นธรรมชาติที่สามารถทำให้รู้สึกรื่นรมย์ได้ไม่ยากเลยล่ะ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.guerlain.com/be/en-be/p/aqua-allegoria-limon-verde-P011627.html

Review: Guerlain - Aqua Allegoria Bergamote Calabria

Guerlain - Aqua Allegoria Bergamote Calabria 

เมื่อ Collection - Allegaria มาแบบสายใสๆ เน้นสดชื่นเรียบหรู มาตั้งราวๆ 40 รุ่น ตั้งแต่ปี 1999 มีหรือที่จะไม่มีกลิ่นอายสาย Citrus ยอดฮิตอย่างมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) แต่เพราะโทนกลิ่นของ Note ตัวนี้ทุกแบรนด์เขาเล่นกันแบบพรุนกันไปแล้ว และกว่า Guerlain จะออกกลิ่นโทน Bergamot มาเองก็ปาเข้าไปปี 2017 แล้ว เช่นนั้นความอยากรู้ก็เลยตามมาว่า แบรนด์จะสื่อสารกลิ่นอายโทนนี้ออกมาอย่างไรให้มีความแตกต่างกับหลายๆ แบรนด์บนโลกนี้ที่ทำน้ำหอมชูโรงกลิ่นสายนี้ เช่นนั้นก็ต้องมาเจอกับรุ่นที่ว่านี้หน่อยว่าจะเป็นอย่างไร นั่นคือ Bergamote Calabria

แม้ว่าจะมาทีหลังแต่บอกเลยว่า ทำเนื้อกลิ่นได้น่าสนใจและมีความแตกต่างแต่เป็นเอกเทศพอสมควร เพราะการเปิดตัวจะเริ่มที่ความเป็น Bergamot ที่มีความเปรี้ยวเจือขมเคล้าความปร่าซ่า Spicy ที่ฟุ้งคมออกมาพร้อมกับความเขียวเจือเปรี้ยวของกิ่งก้านส้มที่เป็นตัวสนับสนุนชั้นดี ทำให้กลิ่นเปิดมีความสดชื่นติดเปรี้ยวสะอาดปนซ่าเปลือกมะกรูดที่สามารถทำให้ตื่นได้เลย ซึ่งต้องถือว่าช่วงเปิดให้อารมณ์แบบไม่ใช่น้ำคั้นมะกรูดใสๆ สะอาดๆ อะไรแบบที่มักเจอการชูโรงแบบนี้บ่อยๆ แต่ได้อารมณ์แบบที่เราผ่ามะกรูดเสียมากกว่า เพราะจะได้กลิ่นฟุ้งเขียวเปรี้ยวขมซ่าเป็นสเต็ปออกมาได้อย่างงามๆ เลย และในบางวูบเนื้อกลิ่นก็แอบไพล่มาทางกึ่งมะกรูดไทยหน่อยๆ ให้พอรับรู้เสียด้วย 

เพียงแค่แพร๊พเดียวเท่านั้น กลิ่นขิงก็แทรกตัวเข้ามาอย่างไวพอสมควร เสริมให้กลิ่นมีความซ่าและพุ่งมากขึ้น เพียงแต่จะลดทอนความคมในช่วงแรกมาเป็นความซ่าที่จะได้กลิ่นไล่เลเยอร์จากเปรี้ยวขมเจือเขียวปนความซาบซ่าตามด้วยติดหวานปลายกลิ่น ทำให้โทนกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่กลิ่นขิงจะตีคู่ไปกับกลิ่น Bergamot เคล้ากิ่งก้านส้มได้อย่างน่าดูชมและดมกลิ่นมาก กลิ่นจะมีความซ่าเจือหวานแทรกเปรี้ยวขมปนเขียวได้ลงตัวมาก และที่สำคัญเนื้อกลิ่นแอบมีโทนอวลอ่อนๆ เนียนๆ แทรกอยู่ และเป็นตัวที่ทำให้มีความหวานติดเครื่องเทศเย้าๆ บางๆ เสียด้วย ซึ่งจับไปจับมาน่าจะไม่พ้นความเป็นเม็ดกระวานที่มาแบบบางๆ จริงๆ แต่เป็นตัวที่ทำให้มีฐานกลิ่นที่ดีและมีมิติการดมให้จับต้องได้หน่อยๆ ในความสดชื่นสดใสปิดทองหลังพระให้ Citrus กับขิงเป็นผู้เล่นหลัก ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะมีความสดชื่นเป็นตัวหลัก แต่สนับสนุนด้วยความซ่ากำลังดี สะอาดผู้ดีกำลังงาม และหวานอวลอ่อนๆ ที่มีระดับแอบกรุยกรายเบาๆ แทน ถือว่าเป็นไฮไลท์ของน้ำหอมรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีความเป็นไม้หอมโปร่งๆ สไตล์ไม้ซีดาร์สะอาดๆ เคล้ากลิ่นไม้แห้งบางๆ ที่มาพร้อมกับกลิ่นโทนสะอาดนวลของ White Musk เริ่มเข้ามาแทคโอเวอร์ตามลำดับจนกลิ่นโทน Citrus เริ่มจมลงไปกับความนวลสะอาดติดโปร่งไม้หอมเบาๆ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นสะอาดๆ ติด Citrus เบาๆ ปนไม้แห้งโปร่ง เรียบง่ายปนเรียบหรูสบายๆ ที่จะคลอผิวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะค่อยๆ จางไปในที่สุด

เหมาะสำหรับ - Unisex กันอย่างชัดเจน เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงไปที่เพศใด และมีความเป็นธรรมชาติปนเรียบหรูที่ลงตัวมาก เช่นนั้นไม่ว่าจะเพศใดอายุตั้งแต่ช่วง ม.ต้น เป็นต้นไป ก็ใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก โดยกวาดหมดในเรื่องการใช้งานยามกลางวัน ทั้งทางการและทั่วๆ ไป ลามไปยันกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายก็ใช้ได้สบายโลด จะมีก็แต่ยามค่ำคืนที่เน้นใช้แบบทั่วๆ ไป ชิลล์ๆ สบายๆ สดชื่นผ่อนคลายแทนจะดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรี ยังไงก็โดนกลบมิด 

ความทน - มีความแกว่งพอสมควร เพราะต้องอิงกับสภาพผิวกายคนใช้และสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง โดยเฉลี่ยที่ใช้จริงเจอที่ราว 6 ชม. เป็นหลัก และลากยาวไปต่อถึง 8 ชม. ได้บ้าง กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ แต่บางทีอากาศร้อนๆ มีเหงื่อโทรมๆ หน่อย 4 ชม. ก็หายแซ่บหายสอยได้ (ยกเว้นฉีดเสื้อ กลิ่นจะติดเสื้ออ่อนๆ ยาวเลยทีเดียว) 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าฟุ้งสดชื่นกันเลย แล้วจะดรอปลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลางไวหน่อย แต่จะคงที่ไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปราวๆ 5 ชม. ถึงเริ่มเป็น Skin Scent 

สรุป - เป็นอีกหนึ่งโทน Bergamot ที่แม้จะตามหลังแบรนด์อื่นๆ ที่ออกมาจำหน่ายกันพอสมควรก็จริง แต่ก็ยังนำเสนอออกมาได้เป็นเอกเทศได้อย่างลงตัวไม่พอ ยังคุมความเป็นกลิ่นอายแบบ Guerlain เนียนๆ ที่มีความกรุยกรายเนียนๆ ในความเรียบหรูใสๆ ได้ดีจริงๆ 

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.guerlain.com/be/en-be/p/aqua-allegoria-bergamote-calabria-P013260.html

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Ineke - Derring-Do

Ineke - Derring-Do 

Ineke เป็นหนึ่งในสายแบรนด์ Niche Perfume จาก USA ที่ตั้งอยู่ในแถบซานฟรานซิสโก โดยผู้ก่อตั้งอย่าง Ineke Ruhland นั้นก็เป็น Perfumer ที่มีประสบการณ์จากการเรียนทางด้านน้ำหอมมาโดยตรง รวมถึงทำงานด้านน้ำหอมที่ฝรั่งเศสมาเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ปี 1988 เมื่อได้มาก่อตั้งแบรนด์ของตัวเองในปี 2006 ก็สร้างฐานผู้ใช้มาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ 

เช่นนั้นเมื่อได้โอกาสมาเจอกับแบรนด์นี้เป็นครั้งแรกกับกลิ่นที่ให้คำจำกัดความว่า กลิ่นอายดาร์กโรแมนติคของผู้ชาย ที่สื่อถึงสายฝนยามฤดูใบไม้ผลิอย่างรุ่น Derring-Do จะเป็นอย่างไร ก็ได้เวลาสัมผัสกลิ่นฝนของแบรนด์นี้กันหน่อยแล้ว ผลที่ออกมาคือ 

เปิดต้นกลิ่นมาก็ให้ความสดชื่นของโทน Citrus ติดฉ่ำน้ำสะอาดกันอย่างชัดเจน กลิ่นจะมีความคมพุ่งพอประมาณแต่ก็ไม่ได้ถึงกับบาดจมูก ซึ่งจะจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนน้ำที่ติดหวานซึ่งอารมณ์กลิ่นค่อนไปทางกลิ่นน้ำฝนในโอ่งดินหน่อยๆ ที่เป็นตัวสร้างบรรยากาศให้กลิ่นมีความฉ่ำสดชื่นเคล้ากลิ่นโทนสะอาดสบายจมูกติดเขียวหน่อยๆ และมีโทนออกทางสะอาดๆ คล้ายลาเวนเดอร์เนียนๆ อยู่ด้วย ซึ่งทั้ง 2 โทนจะเป็นตัวสนับสนุนที่ดีในการจะดันให้กลิ่นหลักอย่างโทน Citrus มีความสดชื่นปนสะอาดฉ่ำเปียกให้รับรู้ได้ ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นนี้บอกเลยว่ามีความคล้ายกับน้ำหอมสาDesigner หลายๆ ตัวเช่น Davidoff Cool Water และ Polo Sport อยู่บ้าง แต่กลิ่นมีความฉ่ำน้ำกว่า ใสกว่า และปลอดโปร่งในลักษณะโทนน้ำฝนสดชื่นมากกว่า

เมื่อกลิ่นโทนฉ่ำน้ำเริ่มลดทอนลงมาระดับหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่ช่วงกลางเลยเริ่มขึ้นเพราะเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะติดสบู่กึ่งนวลกึ่งสดชื่นมากขึ้น ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีโทนฉ่ำน้ำเคล้าความสดชื่นจากโทน Citrus อยู่ แต่จะมีความเป็นโทนดอกไม้ติดเปรี้ยวอ่อนๆ ปนนวลของดอกแมกโนเลียเสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นเฟิร์นเขียวฉ่ำที่แทรกตัวขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นโทนเครื่องเทศปร่านวลสะอาดอย่างพริกไทยและหวานเย้าเบาๆ ของกระวาน ทำให้กลิ่นจะเป็นลูกผสมของกลิ่นโทนสดชื่นฉ่ำๆ ปนเขียวกึ่งสบู่ดอกไม้นวลปร่าที่ตีคู่กันไปอย่างดี กลิ่นมีความรื่นรมย์หอมสะชื่นปนสะอาดหวานเจือเขียวได้อย่างลงตัวกันไปยาวๆ จนเมื่อโทนกลิ่นฉ่ำน้ำเริ่มเบาลงไปเรื่อยๆ สลับกับกลิ่นโทนไม้หอมเคล้า Musk เริ่มเข้ามาแทนที่โดยที่ยังมีกลิ่นสดชื่นเจือหวานนวลคงอยู่ ก็ปูทางการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเป็นกลิ่นหอมนวลสะอาดผ่อนคลาย และมีความหวานติดเขียวอ่อนๆ สบายๆ ที่ตรงไปตรงมาไม่ได้ซับซ้อน เน้นกลิ่นอายเข้าถึงง่ายและรื่นรมย์นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้นขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบายมาก เพราะเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ง่ายมากแบบที่ยังไงก็สดชื่นและไม่โดนยี้ง่ายๆ ซึ่งก็กวาดหมดในเรื่องการใช้งานยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ลามไปยังกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกาย เพราะยังไงก็รอด ผ่าน อย. ทางด้านกลิ่นสบายมาก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นยไม่ได้หนักหรือแน่นอวลชวนปล่อยพลังนัก เน้นใส่เพื่อความรื่นรมย์ปนสดชื่นผ่อนคลาย หรือจะชวนใครมาซุกให้โรแมนติคตามคำโปรยก็ย่อมได้ 

ความทน - ถือว่าเกินคาด เพราะจากโทนกลิ่นคิดว่าไม่น่าจะทนนัก แต่เอาจริง กลิ่นทนลงตัวมากเลยทีเดียวกับราวๆ 8 ชม. กับการใช้งานจริงที่ 6 สเปรย์ ซึ่งอาจจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันที่สภาพผิวผู้ใช้ด้วยเพราะส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาที่ปานกลางซักครู่ แล้วจองพื้นที่การเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้ายที่จะเป็น Skin Scent ติดผิว เข้าทางการเป็น Safe Scent ชัดๆ เลย 

สรุป - เป็น Niche Perfume ที่ใช้ง่ายมากเลยทีเดียว โดยเน้นความสดชื่นปนรื่นรมย์ได้ดีแตะความเป็นสาย Designer ควบกล้ำความเป็น Niche ได้อย่างลงตัว โดยที่เอากลิ่นฝนที่ติดออกทางจืดหวานมาเป็นตัวชูโรงได้อย่างน่าสนใจ ที่สำคัญจับเอาเข้ากลิ่นอายสาย #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ได้อย่างสบายมากจริงๆ 

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Ineke/Derring_Do

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Zara - Zara Emotions: Vetiver Pamplemousse

Zara - Zara Emotions: Vetiver Pamplemousse 

แค่เจอวลีที่บอกว่า “Zara X Jo Malone CBE” เท่านั้นแหละ เรียกว่าได้เฮกันเลยทีเดียว เพราะว่านี่เป็นการ Collaborate กันได้เกินคาดไม่พอ ยังจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์น้ำหอมของ Zara อีกด้วย ซึ่งต้องบอกเพิ่มเติมนิดนึงว่า การร่วมงานในครั้งนี้จะเน้นไปที่การสร้างสรรค์กลิ่นจากตัว Jo Malone ที่มาในนามของแบรนด์ Jo Loves ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแบรนด์ Jo Malone ปกติ ที่ Estee Lauder เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในการดำเนินการนะจ้ะ 

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อได้ Jo Malone มาสร้างสรรค์ให้แถมมาในความเข้มข้นแบบ EDP และอยู่ในเกณฑ์ราคาของ Zara ที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก สิ่งที่ได้จะออกมาในลักษณะไหน จะเป็นแบบสไตล์แบบที่เราคุ้นเคยหรือว่าจะแตกต่าง สบโอกาสเข้าไทยก็สอยมา เช่นนั้นก็ต้องมาถ่ายทอดกลิ่นกันซะหน่อย กับรุ่นแรกของไลน์นี้ที่มีโอกาสได้ใช้งานเต็ม นั่นคือ Vetiver Pamplemousse 

เพียงแค่แรกสเปรย์บอกกันได้เลยว่า เกินความคาดหมายในการเป็น Zara มากเลยทีเดียวเพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมากกับการเป็นโทนเกรปฟรุตที่สดชื่น สว่าง เปรี้ยวติดแปร่งหอมสดใส ฉ่ำ มีความขมเจือเขียวหน่อยแบบลักษณะเปลือกเกรปฟรุต+เปลือกส้มที่โดดเด่นมาก แต่ในเนื้อกลิ่นพินิจพิเคราะห์กันแล้วไม่ได้มีแค่เกรปฟรุต เพราะกลิ่นโทนส้มจีนที่จะมีความฉ่ำหวานจะซ้อนความเปรี้ยวสว่างสดชื่นทำให้เลเยอร์กลิ่นในช่วงต้นมีมิติที่เป็นธรรมชาติจากเกรปฟรุตสู่ส้มได้ดีมาก ที่สำคัญจะมีโทนกลิ่นติดเขียวปร่าซ่าหน่อยๆ ที่แอบรู้สึกถึงความเนียนๆ ของโทนกลิ่นแนวๆ มะกรูดฝรั่งที่เสริมอยู่ประปราย ซึ่งต้องบอกเลยว่าแค่กลิ่นเปิด สามารถตกคนที่ชอบโทนกลิ่นแนวเกรปฟรุตและส้มรวมถึงสาย Citrus ได้ตั้งแต่แรกดมจนเสียเงินซื้อได้เลยในทันทีเลย นี่แหละสิ่งที่เรียกว่าเป็นจุดแข็งของ Jo Malone จริงๆ ในการทำน้ำหอมออกมาแล้วสร้างสรรค์ Top Note ได้เป็นธรรมชาติ และสร้างความรื่นรมย์ได้ดีมากมาเสมอ โดยเฉพาะโทนเกรปฟรุตที่เป็นกลิ่นโปรดของป้าโจด้วย มีหรือจะทำพลาด 

เมื่อผ่านช่วงสร้างความสดชื่นมาแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงกลางที่เนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางติดดอกไม้หน่อยๆ ความซ่ายังมีอยู่ แต่กลิ่นเกรปฟรุตจะลดระดับลงมาเป็นตัวสนับสนุนแทนให้กลิ่นส้มกลายเป็นตัวเดินกลิ่นหลักแทน โดยเนื้อกลิ่นช่วงนี้จะมีลักษณะเป็นโทนน้ำส้มสดชื่นเสียมาก อารมณ์น้ำส้มไบเล่ย์ขวดแก้วสมัยก่อนที่หอมส้มสดชื่นเลยนั่นแหละ ซึ่งจะจับต้องความเป็นโทนเครื่องเทศโปร่งๆ ปร่าๆ ซ่าๆ บางๆ ในเนื้อกลิ่นได้ตลอดไม่พอ ยังมีโทนติดดอกไม้ขาวใสๆ ปนฉ่ำบางๆ เนียนๆ อยู่ด้วยที่เป็นตัวกล่อมกลิ่นให้มีความสมดุลย์และเชื่อมโทนกันได้ด้วยดี ทำให้กลิ่นจะไล่ความรู้สึกจากสดชื่นเปรี้ยวเจือหวานปนซ่าอ่อนๆ มีความสดใสบางเบาประปราย และเมื่อดมลึกติดผิวลงไปสิ่งที่เริ่มเปิดตัวมาทีละนิดคือ หญ้าแฝก เคล้ากับกลิ่นไม้โปร่งๆ ที่จะค่อยๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ แทรกซึมทีละนิด และเทคโอเวอร์โดยเอาความเป็นโทน Citrus ของส้มและเกรปฟรุตมาเป็นตัวสนับสนุนชั้นดีแทนในช่วงท้าย จนได้อารมณ์ไม้แห้งสะอาดเจือความเป็นโทนส้มสบายๆ มีกลิ่นไม้โปร่งๆ เบาๆ ที่แอยนึกถึงกลิ่นแนวๆ ISO E Super ที่เป็นให้ความเป็นไม้ซีดาร์ใสๆ สบายๆ เป็นตัวให้มิติของกลิ่นโทนไม้หอมที่สนับสนุนโทนสดชื่นได้ดี กลิ่นจะมาสไตล์แบบ Whispering ติดผิวเบาๆ อ่อนๆ คลอไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ จางไปตามสไตล์และตามเวลา

เหมาะสำหรับ - Unisex สุดๆ เข้าได้หมดทุกเพศตั้งแต่วัยประถมเลยก็ยังได้ เพราะกลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมากกับความเป็นเกรปฟรุตเคล้าส้มแบบที่ใครๆ ได้กลิ่นก็สดชื่นและตื่นได้ทันที ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน กวาดหมดแบบที่ยังไงก็รอด ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้หนักหน่วงและมาสายเบาๆ เลยใส่ทางการได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อเพิ่มความสดชื่นหรือสร้างความผ่อนคลายแบบทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีบอกเลยว่าโดนกลิ่นหนักๆ แน่นๆ กลบหมดเกลี้ยงแน่นอน

ความทน - แม้จะมาในลักษณะที่เป็น Eau de Parfum แต่เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติ และมีลักษณะกึ่งสไตล์ Cologne เลยจะแปรผันกับเรื่องความทน โดยเฉลี่ยตีไปที่ 4 ชม. บวกลบไม่เกิน 2 ชม. ประมาณนี้ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 6 ชม. ได้อยู่กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ ที่เหลือก็เติมเพิ่มระหว่างวันสร้างความสดชื่นต่อเน้นๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าสดชื่นมาเต็มและรื่นรมย์กับกลิ่นโทนสว่างแบบนี้ แล้วจะลดลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง จนเป็น Skin Scent ในที่สุด ซึ่งนั่นเลยสไตล์ Whispering Scent แบบ Jo Malone มาชัดเจน 

สรุป - อีกหนึ่งในกลิ่นอายเกรปฟรุตที่ชัดเจน เป็นธรรมชาติ และรื่นรมย์ กับความเป็น Jo Malone ในแบรนด์ Zara ที่ราคาที่ไม่เกินเอื้อม ที่สำคัญป้า Jo ไม่เคยทำให้ผิดหวังแน่นอนถ้าเป็นเกรปฟรุต 

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.fragrantica.asia/perfume/Zara/Vetiver-Pamplemousse-58155.html

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Tom Ford - Private Blend: Venetian Bergamot

Tom Ford - Private Blend: Venetian Bergamot 

ตอนแรกที่เห็นชื่อรุ่นว่า Venetian Bergamot ที่เป็นหนึ่งใน Collection - Private Blend ของ Tom Ford ก็มีความงงๆ กันนิดนึง เพราะแหล่งปลูกมะกรูดฝรั่งหรือ Bergamot ของ Italy มันไม่น่าเป็นเวนิส เมืองแห่งสายน้ำ ของอิตาลีซักเท่าไหร่ ก็มันมีคลองเป็นหลักนี่นา แต่พอไปอ่านคำโปรยก็เลยถึงบางอ้อว่า เขาต้องการเอาราชาแห่ง Citrus อย่าง Bergamot ที่มาจากทางใต้ของอิตาลี มายังแดนเหนือที่เป็นเส้นทางการค้าที่รุ่งเรืองในอดีตอย่างเวนิส ที่มีดอกไม้งามๆ ไม้หอมล้ำค่า และเครื่องเทศต่างๆ และก็ร่วมเป็นสินค้าหนึ่งที่สำคัญอะไรประมาณนั้น เลย อ้อออออ อิงประวัติศาสตร์นี่เอง 

ซึ่งเมื่อคำโปรยบ่งบอกเช่นนี้ สิ่งที่ได้จากการใช้งานจนมาถ่ายทอดกลิ่น ถือว่าเอามาหมดครบถ้วนกับการสื่อสารถึงความเป็นเวนิสที่ชูโรงกลิ่นอายต่างๆ ที่โดดเด่นทางการค้าในอดีตมาใส่ขวด ซึ่ง Bergamot จะเป็นตัวเปิดสำคัญในช่วงต้นของน้ำหอมที่ทำให้จับต้องได้ถึงความเป็นโทน Citrus ที่เปรี้ยวติดขมปร่าเขียวสร้างบรรยากาศ แต่ไม่ได้มาแบบคมๆ พุ่งตามสไตล์น้ำหอมสายสดชื่นฉ่ำๆ แต่อย่างใด เพราะเนื้อกลิ่นที่รองพื้นจะมี 2 โทนที่มาทำให้กลิ่นไม่คมจนเกินไป นั่นคือ โทน Fresh Spicy จากความความเผ็ดนวลอย่างพริกไทยและโทนกลิ่นที่ให้ความปร่าสดชื่นเจือหวานอวลอย่างขิง และท้ายสุดที่รองพื้นกลิ่นเลยคือ โทนดอกไม้ขาว ซึ่งทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสาย Citrus จ๋าฉ่ำใสแต่อย่างใด แต่มีมิติของกลิ่นที่เป็นโทนนวลเจือเปรี้ยวขมอ่อนๆ เด่นเป็นสำคัญ เสมือนให้ Bergamot เป็นตัวเปิดก่อนที่จะโชว์สิ่งที่ตามมาภายหลังเสียมากกว่า 

เมื่อกลิ่นโทนดอกไม้ขาวเริ่มแทรกมาเป็นตัวเด่นและเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง โดย Bergamot จะเริ่มเบาลงเป็นกลิ่นอานเปรี้ยวเจือขมอ่อนๆ รวมถึงกลิ่นโทนพริกไทยและขิงก็จะเป็นลูกคู่ที่สร้างบรรยากาศสดชื่นประปรายแทน โดยให้โทนดอกไม้ขาวยืนหยึ่งยืนเด่นเป็นสง่า และจับต้องได้ถึงความเป็นลูกครึ่งระหว่างมะลิและซ่อนกลิ่นของดอกพุด (Gardenia) ที่ให้ความหอมหวานติดครีมมี่แต่มีความใสสดชื่นเจือๆ อยู่ และยังไม่พอยังมีโทนกลิ่นของกระดังงาที่เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะให้ความหวานอวลเย้ายวนสร้างความดึงดูดในกลิ่นเล่นโทนตีคู่และผสมผสานกันเป็นอย่างดีระหว่างสายดอกไม้ขาวและดอกไม้เหลือง ที่ยังมีความสดชื่นติดปร่า Spicy คลอเนียนอยู่ในเนื้อกลิ่น รวมถึงมีกลิ่นโทนไม้หอมติดโปร่งๆ สว่างค่อยๆ เนียนเปิดตัวเข้ามาร่วมด้วย ทำให้กลิ่นจะมีโทนหลักคือดอกไม้ครีมนวลเย้าหวานอวล ตามด้วยกลิ่นปร่าติดสดชื่นปSpicy อ่อนๆ เคล้า Citrus ติดขมที่สร้างลักษณะแบบบรรยากาศ เคล้ากลิ่นไม้หอมที่สร้างมิติที่ลึกขึ้นและมีกลิ่นไม้หอมประปรายอ่อนๆ ซึ่งรวมกันทั้งหมดมีความซับซ้อนแฝงอยู่ท่ามกลางความมินิมัลที่ตรงไปตรงมาในการเป็นโทนดอกไม้ขาว จนเมื่อเริ่มสัมผัสกลิ่นอายไม้หอมติดครีมมี่อ่อนๆ ที่เริ่มชัดขึ้น ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายที่แน่นอนว่า กลิ่นดอกไม้ขาวยังคงเป็นหลักเดิมที่ยังคงให้ความหอมนวลละมุนอยู่ แต่จะมีตัวแบ่งเค้กที่ดีและทำให้กลิ่นมีมิติความอบอุ่นนุ่มนวลเข้ามาร่วมด้วยอย่างโทนไม้หอมติดอวล Musky กลิ่นเลยจะให้ความเป็นดอกไม้ขาวนวลๆ อ่อนๆ ซ้อนกับกลิ่นไม้หอมติดนวล Musky นุ่มๆ มีโทนอบอุ่นหน่อยๆ ซึ่งจับต้องได้ชัดเจนว่าเป็นกลิ่นไม้จันทน์หอมและสารสังเคราะห์ที่ให้โทน Musk ซ้อนกับไม้หอม และมีกลิ่นติดโทนคอนกรีตเปียกหน่อยๆ อย่าง Cashmeran และน่าจะมีโทนออกทางแอมเบอร์กึ่งวานิลลาหน่อยๆ ด้วยเพราะเนื้อกลิ่นมีโทนอบอุ่นติดแป้งนวล ซึ่งกลิ่นจะให้สบายๆ นวลอวลอุ่นไปเรื่อยๆ มีความเรียบหรูและมีระดับกำลังดียาวๆ ไป

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย เพราะโทนดอกไม้ขาว แต่ผู้ชายก็ยังใส่ได้อยู่ เพราะตัวเด่นอย่างไม้จันทน์หอมติด Musky นี่แหละที่มาช่วยให้กลิ่นไม่ดอกไม้ขาวข้นนวลจ๋าเกินไปนัก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไปแบบที่วางตัวดีอะไรประมาณนี้ กลิ่นไม่เหมาะกับสายกิจกรรมหรือลั่นล้าวี้ดว้ายนัก รวมถึงตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ ไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานจะลงตัวมาก หรือจะใส่แบบทั่วๆ ไปก็ยังได้อยู่ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี อาจจะไม่ได้ถึงกับลงตัวมากนัก เพราะกลิ่นมีมาดนวลๆ ซึ่งถ้าจะลองก็อาจจะต้องเพิ่มสเปรย์หน่อย

ความทน - ดีงามกับ 8 ชม. ขึ้นไปได้เลย และมากกว่านั้นอีกด้วย เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์แบบชิลล์ๆ เสียด้วยซ้ำไป 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และคงตัวการกระจายดียาวพอสมควร จนถึงปลายๆ ช่วงกลางเลย แล้วจึงค่อยลดทอนลงมากระจายปานกลางซักระยะ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปยาวๆ 

สรุป - ชื่อรุ่นเป็น Bergamot แต่ไม่ได้เด่นที่ Bergamot เพราะดอกไม้ขาวและไม้หอมจะเป็นตัวหลักเสียมากกว่า โดยให้ Bergamot และเครื่องเทศเป็นตัวสนับสนุน ซึ่งถ้ามองในแง่การเป็นน้ำหอมดอกไม้ขาว บอกเลยว่ามีดีในตัวสูงมาก และมีเสน่ห์มาเต็มตามสไตล์ลายเซ็นของ TF ที่มักจะแอบมีโทนเย้ายวนมีระดับอยู่ในเนื้อกลิ่นเสมอ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.tomford.com/venetian-bergamot/8806604582.html

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Rihanna - Rebelle

Rihanna - Rebelle

แม้ว่าปัจจุบันห่านนา หรือ Rihanna เองจะไม่มีผลงานทางด้านเพลงออกมาเพราะวันๆ ขายเครื่องสำอางแบรนด์ Fenty ของตัวเองรัวๆ เข้าไป แถมมีไลน์แฟชั่นสตรีทแวร์ของตัวเองที่ร่วมกับเครือยักษ์ใหญ่อย่าง LVMH จนกลายเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่ร่ำรวยที่สุดเลยก็ว่าได้ใน พ.ศ. 2562 นี้ และน่าจะรวยกันต่อยาวๆ เพราะนางขายเก่งจริงจังมากจนหลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้วว่านางเคยเป็นศิลปินนักร้องมาก่อน และแน่นอนว่าก่อนที่จะเป็น Fenty ห่านนาเองก็มีน้ำหอมของตัวเองมาก่อนหน้านี้แล้วกับอีกค่ายหนึ่งที่เน้นทำน้ำหอม Celebrity อย่าง Parlux ที่ทุกวันนี้ความเป็น Rihanna Perfumes ถือว่าติด Top 5 ของเครือนี้มาอยู่เสมอ 

เช่นนั้น จากที่เคยเล่ากลิ่นน้ำหอมผู้ชายเพียง 1 เดียวของห่านมาอย่างรุ่น Rogue Man ก็ได้เวลามาลองฝั่งน้ำหอมผู้หญิงกันบ้าง กับการได้รับข้อมูลมาว่ามีน้ำหอมกลิ่นโทนกาแฟของแบรนด์ที่เป็นกลิ่นกาแฟที่ทำออกมาได้ดีและมีความเป็น Unisex ที่ผู้ชายที่ชอบกลิ่นกาแฟใช้ได้อย่างไม่เคอะเขินจนสาวแตก เช่นนั้น ก็ลองสิจ้ะ กับรุ่นนี้เลย Rebelle 

เปิดตัวด้วยกลิ่นอายโทนผลไม้รองพื้นแบบกลิ่นอายสายขนมที่เป็นโทนแบบที่น้ำหอม Celeb ทั้งหลายชอบทำกันนักต่อนัก เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้หวานเลี่ยนหรือขนมจัดจ้านชัดจ๋าแต่อย่างใด เพราะแม้ว่าช่วงเปิดจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของโทนสตรอเบอร์รี่แต่เพราะเนื้อกลิ่นที่รองพื้นสายขนมดันมีความเป็นโกโก้ที่พุ่งชัดออกมาแบบที่ติดขมเข้มและดาร์กเจือซ่าของขิงปนหวานอมเปรี้ยวเย้าอ่อนๆ ของลูกพลัมที่เนียนๆ ซ่อนให้รู้สึกได้ แต่มันไม่ใช่แค่นี้ เพราะในเนื้อกลิ่นมีความเป็นพิมเสนที่ติดสากอ่อนๆ ติดกลิ่นดินเล็กๆ ที่สร้างความดาร์กและ Dirty ในความรู้สึกเร้าใจและจมูกดึงดูดกันชัดเจนเข้ามาร่วมด้วย เลยทำให้ช่วงแรกนี้จะทำให้นึกถึงน้ำหอมที่ให้ความเป็นตัวแม่สายเซ็กซี่อย่าง Mugler - Angel อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มาสายแบบปล่อยพลังขนาดนั้นออกทางคุมโทนกำลังดีเสียมากกว่า 

เพียงไม่นานกลิ่นโทนติดอวลกึ่งครีมมี่กึ่งแป้งอบอุ่นจะเริ่มเสริมเข้ามา ทำให้กลิ่นโทนดาร์กโกโก้เจือผลไม้หลายกลิ่นจะเริ่มมีความครีมมี่มากขึ้นตามลำดับ ซึ่งต้องยกความดีความชอบในการสร้างโทนแป้งครีมนวลกับดอกเฮลิโอโทรเป้ที่จะให้อารมณ์แบบแป้งอัลมอนด์เจือกลิ่นดอกไม้ เสริมทัพด้วยกลิ่นออกทางวานิลลาติดแป้งอ่อนๆ ที่ทำให้กลิ่นโกโก้มีความเป็นครีมมี่หอมอวลขึ้นมาอีกระดับ ปูทางเข้าสู่ช่วงกลางไปเจอกับกาแฟ ที่รออยู่จนผสมผสานกันเป็นกลิ่นกาแฟสไตล์มอคค่าที่หอมอวลครีมมี่กำลังดี มีโทนกลิ่นดอกไม้เนียนอ้อยอิ่งประปรายกำลังงาม และมีโทนพิมเสนคลออ่อนๆ ได้ลงตัวมากและเกินคาดกับความเป็นน้ำหอมโทน Celebrity ที่นอกกรอบในการเป็นโทนขนมได้ดีมากเลยทีเดียว และเมื่อกลิ่นดำเนินไปยาวๆ พอสมควร ก็ได้เวลาของการเป็นโทน Musk นวลๆ ที่จะเริ่มมากล่อมให้กลิ่นมีความ Soft มากขึ้น โดยมีโทนอบอุ่นกำลังดีประปรายในเนื้อกลิ่นสร้างความเป็นโทนมอคค่าอบอุ่นปนนวลสะอาดระเรื่อกำลังดีคลอผิวไปเรื่อยๆ ในการเป็นช่วงท้ายของน้ำหอมกลิ่นนี้ยาวไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - แน่นอนว่าเหมาะกับสาวๆ ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก แถมกลิ่นมีอะไรมากกว่าการเป็นน้ำหอม Celeb เสียด้วยซ้ำไป โดยสามารถใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันได้เลยแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะจะให้อารมณ์ ดาร์ก อวล อบอุ่น เซ็กซี่ เย้ายวน และสะอาดนวลต่อเนื่องกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืนอัดสเปรย์เพิ่มหน่อยก็เอาอยู่กับการออกท่องราตรีแบบชิคๆ และมั่นใจได้ไม่ยาก และยังใส่แบบทั่วๆ ไปได้ด้วยนะ เพราะกลิ่นไม่ได้ถึงกับแน่นจัดเกินไป ส่วนผู้ชายทั้งหลาย บอกเลยว่า ใส่ได้สบายมากที่สุด เพราะกลิ่นมันมีความ Unisex สูงมากและไม่สาวเกินไปด้วย เผลอๆ ใส่แล้วหอมเซ็กซี่น่าค้นหากว่าสาวๆ ใส่อีกด้วยนะ

ความทน - 8 ชม. สบายๆ อาจจะมีบวกลบบ้างนิดหน่อย แต่ยังไงก็เอาอยู่เรื่องนี้ไม่ยาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความ Dirty ติดดาร์กในความเป็นโกโก้และพิมเสนได้ดีมาก แล้วจะคงตัวการกระจายดีต่อเนื่องกับความเป็นมอคค่าอวลๆ ก่อนจะลดลงไปทีละหน่อยจนเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนเมื่อพ้นไปซัก 6 - 7 ชม. ถึวเริ่มเป็น Skin Scent ยาวๆ ไป 

ทิ้งท้าย - สมกับชื่อรุ่นเลยว่า Rebelle ที่แปลว่า ขบถเพราะสร้างความน่าสนใจปนอะเมซซิ่งได้ไม่น้อยเลยกับการนำเสนอกลิ่นอายที่แม้จะอยู่ในกรอบของความเป็นน้ำหอมกลิ่นโทนขนมแบบ Celebrity แต่ฉีกขนบออกไปเป็นสายดาร์กและมั่นใจได้ดีมากเลยทีเดียว ที่สำคัญเป็นน้ำหอมอีกหนึ่งกลิ่นที่สร้างสรรค์โทนกาแฟแบบมอคค่าได้ลงตัวมากจริงๆ อันนี้ยอม

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.fragrancenet.com/perfume/rihanna/rihanna-rebelle/eau-de-parfum

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Starck - Peau d’Ailleurs

Starck - Peau d’Ailleurs 

ในแวดวงน้ำหอมถ้า ชื่อว่า Philippe Starck หลายๆ คนอาจจะแบบว่า ใครอ่ะ ไม่รู้จัก แบรนด์ใหม่เหรอ บลาๆๆ แต่ถ้าเป็นแวดวงสายนักออกแบบชั้นยอดระดับโลกที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ยันอาคารที่อยู่อาศัย ที่มีความเป็นเอกเทศและมีสไตล์ที่เหนือกาลเวลามากๆ คนนี้แหละ 1 ในใต้หล้าอย่างแท้ทรู เพราะสิ่งที่เขาออกแบบมาในแต่ละอย่างนอกจากจะต้องสวยงาม ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน แล้วยังต้องทำให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ด้วย แต่

เรื่องราวการออกแบบไม่ได้จบเพียงแค่สิ่งของ เพราะเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา Philippe Starck เองก็ได้เปิดตัวการออกแบบทางด้านกลิ่นออกมาจนกลายเป็นน้ำหอมในแบรนด์ตัวเองอีกด้วย ซึ่งกลิ่นจะกระทำความอาร์ตอย่างมีชั้นเชิงแค่ไหนมาลองแบรนด์นี้กันหน่อยดีกว่ากับรุ่นนี้เลย Peau d’Ailleurs

ถ้าใครชอบกลิ่นดินร่วนเปียกๆ ชื้นๆ มีความฉ่ำๆ แบบเวลาเราขุดดินร่วนๆ แล้วฟุ้งกระจายออกมาได้อารมณ์ติดดินสุดๆ ต้องบอกเลยว่ากลิ่นเปิดตัวนี้คือที่สุดจริงๆ เพราะจะให้ความเป็นกลิ่นดินเปียกฟุ้งออกมาชัดเจนมากแต่ตรงไปตรงมาสุดๆ ซึ่งลักษณะนี้จะมาจากสารหอมที่ชื่อว่า Geosmin ที่จะให้ลักษณะกลิ่นดินร่วนเปียกที่มีไอกลิ่นเฉพาะตัวและมีความสตรองที่สามารถกลบกลิ่นอื่นได้หมดถ้าใช้มากไป ซึ่งในการเป็นตัวเปิดของน้ำหอมรุ่นนี้ Geosmin ก็โดดเด่นเป็นสง่ากันมาเลยแบบที่ไม่มีกลิ่นโทนไหนที่จะมาแทรกแทรงกันได้ง่ายๆ สร้างอารมณ์ที่ Dirty โปร่งๆ นะ แต่มันเก๋ โดยที่ไม่ต้องมาสายเย้ายวน และไม่ได้ดาร์กจัดๆ จนมืดมนแต่อย่างใด 

เมื่อความเป็นกลิ่นดินร่วนเปียกๆ เริ่มที่จะผ่อนลงไป ก็เริ่มจับต้องได้ถึงความงามที่เหมือนจะธรรมดา แต่มันมีความ Timeless เหนือกาลเวลาเจือความหวานอ่อนๆ จากกลิ่นอายของ Musk ที่จะมาสายนวลปนสบู่หอมนุ่มนวลเจือหวาน สร้างอัตลักษณ์ของกลิ่น Musky ที่เริ่มแทรกตัวออกมาทีละหน่อยจนมาเจอกันตรงกลางพอดีอารมณ์แบบผิวกายนวลหวานกรุ่นที่เป็นโทนสว่าง แต่ฉาบด้วยความเป็นกลิ่นโทนดินชื้นติดเห็ดบางๆที่ให้ความดาร์กกึ่ง Dirty ชื้นๆ ในเนื้อกลิ่น สร้างลักษณะหยินหยาง สว่างเคล้าดาร์ก สะอาดเคล้า Dirty ได้อย่างน่าสนใจมาก ซึ่งช่วงนี้แหละที่เป็นไฮไลท์หลักที่บ่งบอกถึงความเฉพาะตัว Unique ในแบบที่ไม่ต้องเยอะสิ่ง เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์จากโทน Musky ปน Earthy แบบผิวกายหอมนวลสะอาดเปื้อนดินร่วนเปียก แบบที่ Mix & Match กันได้อย่างลงตัว และเป็นช่วงที่จะอยู่กับเรานานๆ ไปเลยเลยทีเดียว 

จนกระทั่งกลิ่นโทนดินร่วนเปียกเริ่มจางไปจนเหลือเพียงอ่อนๆ บางเบาสร้างเสน่ห์ในลักษณะของโทน Earthy ประปรายให้กับกลิ่น คราวนี้โทน Musky จะเริ่มเป็นตัวเทคโอเวอร์หลักที่จะเด่นเป็นสง่า และจะเริ่มมีกลิ่นโทนไม้หอมโปร่งๆ เนียนๆ เข้ามาสร้างมิติให้โทนกลิ่นมากขึ้น เนื้อกลิ่นจะมีความนวลเจือหวานอ่อนๆ เป็นที่ตั้ง แต่จะมีเลเยอร์ที่ซ้อนของกลิ่นไม้อ่อนๆ ที่มีเสน่ห์ ทำให้เวลาดมจะได้กลิ่นโทน Musk นวลจมูกเจืออวลหวาน ตามด้วยกลิ่นไม้โปร่งๆ ปนครีมอ่อนๆ สร้างความน่าสนใจ ก่อนจะมีกลิ่นดินบางๆ ที่ยังคงมำให้รู้สึก เอ๊ะ ยังอยู่นี่นา แต่มันดันให้เสน่ห์เฉพาะตัวที่ดีมาก

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน แต่ไม่เหมือนใครเสียด้วย เลยเข้าได้กับทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้ เพราะกลิ่นมีความ Unique แม้จะไม่ได้หนัก แต่ถ้าลงสเปรย์เหมาะสมกลิ่นจะลงตัวและมีเสน่ห์ทางกลิ่นได้เลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป จะมีก็แต่การใส่ออกงานทางการที่ขอพ้นช่วงต้นไปซักหน่อยจะลงตัว รวมถึงการใส่เพื่อออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วไป ชิลล์ๆ แต่ถ้าจะใส่ออกงานให้รอผ่านช่วงแรกไปก่อนจะดีที่สุด

ความทน - ลงตัวมากมายกับ 8 ชม. เป็นสำคัญ และมากกว่านั้นได้อีกด้วยเพราะส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. บ่อยครั้งมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนแรก คือ ถ้าใครได้กลิ่นอาจจะคิดว่าเราพึ่งขุดดินทำสวนแล้วกลิ่นติดตัวมาเอาได้เลย แต่พอเข้าช่วงกลางถึงลดลงไปที่ปานกลางให้ความเรื่อยๆ ไปจนถึงช่วงท้าย พอพ้นซัก 6 ชม. ก็เป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป 

สรุป - เนื้อกลิ่นมาสายมินิมัลจริงจัง กลิ่นไม่ได้มีความซับซ้อนเข้าใจยาก แต่มีลูกเล่นความ Contrast และ Mix & Match กันได้อย่างลงตัวในความเป็นโทน Musky ของ Musk และ Earthy ของดินเปียกจาก Geosmin โดยมีไม้หอมประปรายสร้างความโปร่งมีมิติ ซึ่งถ้ามองในแง่งานศิลปะ การออกแบบทางกลิ่นชิ้นนี้เรียกว่า ทำออกมาได้เก๋ แปลก แต่มีเสน่ห์และมีความนุ่มนวล แบบที่สร้างเสน่ห์ในความแตกต่าง Unique ได้ดีไม่พอ ยังมีความ Timeless เหนือกาลเวลาแบบที่ไม่เหมือนใครได้มีชั้นเชิงในความมินิมัลได้อย่างลงตัวจริงๆ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Starck/Peau_d_Ailleurs

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Giorgio Armani - Sky di Gioia

Giorgio Armani - Sky di Gioia 

เห็นครั้งแรกก็แอบมีความงงๆ กันอยู่บ้าง กับชื่อรุ่นว่า Sky di Gioia แต่ขวดเป็นสีชมพูอ่อนฝาลายหินอ่อนสีชมพูนวลตามาเลย ซึ่งพอพินิจพิเคราะห์เลยเห็นว่าน้ำหอมผู้หญิงรุ่นนี้อยู่ในสาย Acqua di Gioia ที่อยู่ยงคงกระพันมาช้านานในฝ่ายน้ำหอมผู้หญิงของ Giorgio Armani และเมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมจนเจอที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์น้ำหอมว่า

ความสวยงามตามธรรมชาติเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแล้วแสงสาดส่องที่ต้องพื้นท้องทะเล ที่เปรียบเสมือนเป็นความหวังในทุกๆ วันที่สามารถสร้างความเป็นไปได้ที่ไม่รู้จบ และในทุกๆ ยามพระอาทิตย์ตกคือคำมั่นสัญญาของการมองโลกในแง่ดีเตรียมพร้อมในวันถัดๆ ไปซึ่งแปลเสร็จก็ยังคงงงอยู่ แล้วมันอะไรกับสีชมพูและท้องฟ้าหว่า? แต่ช่างเถอะมาว่ากันเรื่องกลิ่นดีกว่า 

สีชมพูอ่อนใสๆ คือ โทนสีที่กลิ่นสื่อออกมาชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบมากมายก่ายกอง เพราะกลิ่นจะเปิดตัวด้วยการเป็นโทนผลไม้หอมหวานใสปนฉ่ำหน่อยๆ ของลูกแพร์ที่ให้ความหอมฉ่ำหวานวูบขึ้นมาตามด้วยปลายกลิ่นที่เป็นโทนลิ้นจี่ที่ให้ความหวานอมเปรี้ยวฉ่ำปลายกลิ่นที่ชัดอย่างต่อเนื่อง โดยในเนื้อกลิ่นจะมีโทน Citrus แนวๆ บรรยากาศคล้าย Bergamot เนียนๆ อยู่ แต่เพียงวูบถัดมาที่โทรดอกไม้ใสๆ สดชื่นออกทางกุหลาบกึ่งนวลกึ่งสดชื่นที่เป็นสไตล์ของดอกโบตั๋น (Peony) ที่แทรกตัวเข้ามาผสมผสานอย่างไว ทำให้ช่วงเปิดจะบอกกันอย่างชัดเจนเลยว่าเป็นโทน Fresh Fruity Floral ที่ให้โทนสีชมพูกันตั้งแต่แรกแบบใสๆ ฉ่ำสดชื่นหวานน่ารักเลยทีเดียว 

เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยโทนดอกไม้ใสๆ จะเริ่มเทคโอเวอร์จนกลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น ให้โทนผลไม้ของลิ้นจี่กับลูกแพร์กลายเป็นตัวสร้างความหวานใสแบบสายสนับสนุนแทน ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่จะเป็นโทนสีชมพูหอมหวานดอกไม้รื่นจมูกติใสปลายกลิ่น ซึ่งแน่นอนว่าโบตั๋นยังคงเป็นแกนนำหลักในการสร้างความเป็นโทนดอกไม้สีชมพูหวานสดชื่นอยู่ แต่เนื้อกลิ่นจะมีความเป็นกุหลาบที่แซมเข้ามามากขึ้น ทำให้ช่วงกลางจะหอมจากใสสู่นวลกุหลาบอ่อนๆ ได้ดีมากจนทำให้นึกภาพถึงกุหลาบสีชมพูขึ้นมาทันที เพียงแต่กลิ่นยังมีโทนออกทางติดดอกไม้ขาวใสๆ บางๆ กึ่ง Aquatic เนียนอยู่ กลิ่นเลยไม่ได้ไปสายนวลจ๋านัก และที่แปลกใจคือโทนกลิ่นผลไม้จะเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยจะมีกลิ่นออกทางเบอร์รี่หวานหอมเย้าเบาๆ เข้ามาเสริมทีละหน่อยๆ ด้วย การคุมโทนของกลิ่นเลยยังเป็นกลิ่นใสๆ โปร่งๆ กึ่งนวลหวานดอกไม้นปนผลไม้สบายๆ ที่น่ารักก็ได้ อ่อนโยนก็ดี จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีความนวลนุ่มสะอาดเคล้ากลิ่นออกทางไม้หอมที่ติดอวลปนเค็มเล็กๆ เริ่มเข้ามาผสมผสานและเป็นฉากหลังของกลิ่นที่ชัดขึ้นตามลำดับ ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่จะจับต้องได้ชัดเจนถึงโทน Musk ที่ทำให้กลิ่นดอกไม้และผลไม้ในช่วงกลางที่เป็นโทนสีชมพูมีความนวลมากขึ้น รวมถึงมีกลิ่นอายของสารหอมประเภทหนึ่งที่คาบเกี่ยวระหว่างกลิ่นผิวกายติดเค็มกับไม้หอมแห้งๆ ที่ยอดฮิตมากในช่วงนี้อย่าง Ambroxan ที่จะแฝงตัวเข้ามาสร้างความเป็นกลิ่นอายที่ยังมีลายเซ็นของการเป็นสาย Acqua di Gioia อยู่เบาบางหน่อยๆ เลยทำให้ช่วงนี้จะมีเลเยอร์กลิ่น 2 โทนคือ กลิ่นสีชมพูอ่อนนวลๆ ของดอกไม้ ผลไม้ ที่อวลบางๆ และมีกลิ่นนุ่มสะอาดกึ่งไม้กึ่งติดเค็มบางๆ รองพื้นที่จะคลอผิวไปเรื่อยๆ ปิดท้ายกลิ่นจนกว่าจะจางไปในที่สุด 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยตั้งแต่ ม.ต้น ขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบาย กลิ่นน่ารัก มีความคุณหนู สดใสอ่อนโยนปนเรียบหรูเข้าถึงง่ายได้ดีมากตั้งแต่ต้นยันจบ และมีความเป็นสีชมพูแบบที่ผู้หญิงทุกคนที่ชอบโทนสีแบบนี้ใช้กลิ่นนี้จะมีความชมพู is all around มาเลยล่ะ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป ขนาดใส่ออกกำลังกายยังพอได้เลย เพียงแต่กลิ่นไม่ได้เข้าทางสาย Activity ออกเหงื่อนัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความโรแมนติคสบายๆ หอมหวานใสๆ น่ารักดีกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะกลิ่นสู้สายแน่นๆ ทั้งหลายไม่ได้แน่นอน 

ความทน - กลิ่นทนลงตัวมากที่ราวๆ 6 ชม. เป็นพื้นฐานสำคัญ ซึ่งมีบวกเพิ่มไปได้อีกราวๆ 2 -3 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกา 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความน่ารักใสๆ มาเชียว แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางซักระยะ ถึงลดเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเมื่อผ่านไปซัก 5 ชม. ถึงเริ่มเป็น Skin Scent 

สรุป - Theme สีขวดและกลิ่นไปในทิศทางเดียวกันเป็นอย่างดี ให้ความเป็น Fresh Fruity Floral ที่หอมน่ารักสดใสและอ่อนโยนมาสายมินิมัลได้ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพียงแต่ชื่อรุ่นมีความก่งก๊งกันพอสมควร เอาเป็นว่า ถ้าอิงตามคำโปรย ถือว่าไปได้อยู่เวลาที่แสงตกกระทบก่อนพระอาทิตย์ผ่านพ้นขอบฟ้าขึ้นมาสว่างสไวถ้ามองเห็นเป็นสีชมพู แต่ถ้าไม่ได้มองแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นกลิ่นโทนท้องฟ้าสีชมพูสบายๆ ก็แล้วกัน 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.belezanaweb.com.br/sky-di-gioia-giorgio-armani-eau-de-parfum-perfume-feminino-50ml/

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Avon - Flourish Honey Blossom

Avon - Flourish Honey Blossom

เมื่อเห็น Avon มาแตะกลิ่นอายสายมินิมัลที่เน้นกลิ่นตรงไปตรงมา เรียบง่าย แต่มีระดับแกมอ่อนโยน มันก็เกิดความน่าสนใจขึ้นมาทันที ยิ่งการชูโรงกลิ่นโดยมีที่มาที่ไปของกลิ่นอายยามแสงแดดอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิมาสัมผัสผิวกายเคล้ากับกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ แรกแย้ม ยิ่งทำให้ต้องขวนขวายหามาลอง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นน้ำหอมผู้หญิง แต่เพราะ Avon เก่งในเรื่องของดอกไม้ขาวใสๆ มีหรือที่จะไม่สัมผ
ัสกับรุ่นที่ออกมาวางจำหน่ายในปี 2019 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งนั่นก็คือ Flourish Honey Blossom 

แรกสเปรย์ต้องบอกกันเต็มๆ เลยว่า ประทับใจมากเพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติพอสมควรเลยทีเดียวโดยการชูโรงกลิ่นดอกไม้สายสดชื่นหอมหวานโปร่งอมเปรี้ยวกึ่งใสกึ่งนวลแต่ไม่หนักหน่วงของดอกแอปเปิ้ล ซึ่งจะได้อารมณ์แบบกลิ่นแอปเปิ้ลแดงใสๆ ปนดอกไม้โปร่งๆ ที่สร้างความรื่นรมย์กันชัดเจน โดยจะมีกลิ่นโทนเขียวสดชื่นแบบใบไม้ใบหญ้าติด Stem เมือกเขียวอ่อนๆ ตีคู่ผสมผสานไปด้วย พร้อมกับกลิ่นออกทางติด Citrus ปนปร่าบางๆ ซึ่งคล้ายมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เบาๆ ที่สร้างบรรยากาศติดสดชื่นร่วมด้วย ทำให้อารมณ์กลิ่นจะเป็นยามเช้าที่อากาศดีๆ แสงแดดส่องและดอกไม้กับไอชื้นอ่อนๆ ปนเขียวส่งกลิ่นหอมหวานโปร่งปนสดชื่นที่สบายๆ ให้ความหวานโปร่งน่ารัก เคล้าความเป็นธรรมชาติที่สามารถตกคนที่ชอบน้ำหอมโทนดอกไม้สดชื่นสบายๆ กันได้ตั้งแต่แรกดมเลย 

เมื่อกลิ่นเริ่มเข้าโซนการเป็นดอกไม้ที่ชัดขึ้น แต่ยังคงคุมโทนการเป็นโทนดอกไม้หอมอ่อนๆ ที่รื่นรมย์อยู่ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่จะเริ่มจับต้องถึงกลิ่นอายสายเก่งที่เป็นสายเซ็นของ Avon แล้ว นั่นคือดอกไม้ขาว ซึ่งจะนำทีมด้วยดอกสายน้ำผึ้ง และมีกลิ่นใสๆ กึ่งโทนมะลิและดอกกระดิ่ง (lily-of-the-valley) เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งแน่นอนความหวานโปร่งของดอกแอปเปิ้ลยังคงตามมาร่วมด้วยช่วยกันสร้างกลิ่นอายสายดอกไม้หอมหวานระเรื่อพลิ้วลิ่วลมสร้างความปลอดโปร่ง น่ารัก และอ่อนโยนอยู่เช่นเดิม เพียงแต่กลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งจะเป็นหัวใจของกลิ่นเลย เพราะจะให้ความเป็นดอกไม้ขาวนวลๆ หวานแบบน้ำผึ้งอ่อนๆ เจือความเป็นแป้งหอมดอกไม้ขาวเบาๆ เป็นพื้นฐานของกลิ่น แต่กลิ่นก็ไม่ได้นวลข้นเพราะกลิ่นโทนมะลิใสๆ และดอกแอปเปิ้ลรายล้อมกล่อมให้กลิ่นมีมิติของความหอมหวานปลอดโปร่งอยู่ตลอด ซึ่งต้องยกให้ช่วงนี้เป็นไฮไลท์ของน้ำหอมรุ่นนี้เลย เพราจะได้อารมณ์กลิ่นหอมดอกไม้ฟุ้งลอยตามลมแบบไม่หนักหน่วง แต่ให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ ผ่อนปรนจมูกด้วยความหวานระเรื่อเบาๆ ให้รู้สึกเพลิดเพลินไปเรื่อยๆ อย่างรื่นรมย์มากจริงๆ 

จนเมื่อโทนกลิ่นเริ่มลดทอนความหวานโปร่งลงไปเรื่อยๆ ดอกแอปเปิ้ลเริ่มจางไป โทนออกทางแป้งหอมอ่อนๆ เบาๆ ปนอบอุ่นสไตล์วานิลลาที่มาแบบ Lite Version ปนโทน Musk เบาๆ เริ่มให้จับต้องได้ ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นลักษณะติดผิวแบบแป้งหอมอ่อนๆ เคล้ากลิ่นดอกไม้ขาวเบาๆ หวานนวลละมุนที่ได้ความรู้สึกอ่อนโยน ปลอดโปร่ง และรื่นรมย์คลอผิวไปเรื่อยๆ ในความเป็นโทนสว่างที่สร้างความสุขได้แบบไม่ต้องเยอะสิ่ง โดยยังคุมโทนความมีระดับและความน่ารักไปตลอดจนกว่าจะจางไปในที่สุด 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยตั้งแต่ ม.ต้นขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมาแบบไม่ซับซ้อนและมีความเป็นธรรมชาติหวานโปร่งสดใสที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ง่าย เลยเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะใส่เพื่อกิจกรรม Outdoor ลั่นล้าใสๆ หรือใส่แบบเรียบร้อยสดชื่นก็ได้หมด ขนาดใส่ออกกำลังกายยังพอได้เลย เพราะกลิ่นไม่หนักเกินไป จะมีก็แค่กลางคืนที่เหมาะสำหรับใส่แบบสบายๆ เรื่อยๆ มากกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรี บอกเลยว่าจะไม่มีใครได้กลิ่นจากคนใส่แน่นอน เพราะกลิ่นอื่นๆ ที่ชาวบ้านใส่มาแย่งซีนหมดเกลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ชายทั้งหลาย ถ้าไม่มายด์เรื่องกลิ่นดอกไม้ขาวไปสายผู้หญิง เอาจริงๆ ก็ใส่กลิ่นนี้ได้อยู่ เพราะกลิ่นเบาๆ ยิ่งถ้าใส่กับชุดโทนสว่างขาวหรือครีม ยิ่งดูเรียบหรูหน่อยๆ อ่อนโยนกำลังดีได้เลย 

ความทน - แกว่ง แม้จะเป็น EDP แต่ความแกว่งอิงตามสภาพผิวกายผู้ใช้และสภาพอากาศพอสมควร ถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ยก็ราวๆ 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 6 - 8 ชม. บ้าง ในวันที่อากาศไม่ร้อนจัดเกินไป นี่แหละที่เป็นข้อด้อยของน้ำหอมกลิ่นนี้ แต่กลิ่นดีงามจริงๆ พกมาเติมระหว่างวันจะฟินสุด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีซักครู่ แล้วจะลดลงมาปานกลางซักพักนึง ก่อนจะลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น Skin Scent ที่ขยับตัวจะตีขึ้นบางๆ เป็นลำดับสุดท้าย 

สรุป - เกิดคาดมากเพราะตอนแรกคิดว่าจะเจอน้ำหอมดอกไม้ขาวใสๆ สไตล์ Avon เดิมๆ ที่เคยเจอ แต่ดันไม่ใช่ กลิ่นให้ความเป็นธรรมชาติและหวานโปร่งน่ารักและรื่นรมย์ได้ดีจนปรับทับใจไปเลย ในเมื่อกลิ่นดีสร้างความสุขแบบนี้ ทำไมต้องแคร์เรื่องความทน พกเติมตอนกลิ่นจางโลดจ้า 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.pinterest.com/pin/419045940326247055/

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Review: Calvin Klein - Eternity Aqua for Men

Calvin Klein - Eternity Aqua for Men 

ในสายน้ำหอมชายอมตะนิรันดร์กาลของ Calvin Klein อย่าง Eternity เรียกว่าก็ผ่านมาพอสมควร แต่แปลกใจตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะรุ่นที่เป็นที่นิยมและกลิ่นโดนใจสาย Aquatic มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรอย่างรุ่น Eternity Aqua ดันทำได้แค่ลองผ่านๆ แล้วก็โดนลากไปใช้ตัวอื่นซะหมดมาเสมอ จนเมื่อได้มาเจอกันอีกทีก็เรียกว่าจะ 10 ปีแล้วที่รุ่นนี้ได้ออกมาวางจำหน่าย เช่นนั่น มาช้ายังดีกว่าไม่มา ได้โอกาสใช้เต็มๆ ก็ต้องเล่ากลิ่นกันหน่อยว่ากลิ่นนี้ทำไมถึงได้รับความนิยมของแบรนด์นี้มาอย่างยาวนานโดยยังไม่ล้มหายไปไหน

แรกสเปรย์ก็บอกกันได้ชัดเจนว่า นี่แหละโทนเมตตามหานิยมของน้ำหอมชายที่มีความรอดในการใช้งานสูงมาก (เพียงแต่คนใช้จะชอบหรือไม่ก็ว่ากันอีกที) ซึ่งโทนกลิ่นจะมาในสาย Aquatic เจือความเขียวฉ่ำๆ มีลักษณะโทนน้ำที่ชัดเจนกันตั้งแต่แรกเริ่มไม่พอ ยังมีลายเซ็นของการเป็น Eternity ของผู้ชายที่จะเด่นในเรื่องของโทนเขียวสดชื่นอีกด้วย ซึ่งกลิ่นที่เด่นมากในช่วงนี้คือ แตงกวา ที่จะให้ความเป็นโทน Aquatic ติดเขียวฉ่ำชัดเจน โดยมีกลิ่นโทนน้ำที่ใสๆ ติดจืดหอมของดอกบัวเป็นปลายกลิ่นทำให้กลิ่นไม่ได้ออกทางติดเหม็นเขียวหรือติดคาวน้ำแต่อย่างใด และยิ่งมีโทนเขียวสดชื่นเคล้ากับโทน Citrus ที่มีความปร่าหน่อยๆ ที่มาร่วมด้วยช่วยผสมผสาน โดยมีฐานกลิ่นกึ่งสมุนไพรกึ่งสะอาดนวลของลาเวนเดอร์ เลยทำให้ช่วงนี้จะเป็นโทนเขียวฉ่ำน้ำสดชื่นมีพื้นฐานกลิ่นที่ออกทางติดเขียวกึ่งสมุนไพรแมนๆ แบบน้ำหอมชายสาย Aquatic ที่เข้าถึงง่ายหลายๆ ตัว โดยเฉพาะ Polo Blue ที่กลิ่นมีความโดดเด่นที่แตงกวาเหมือนกัน เพียงแต่ตัวนี้จะมีความใสในโทน Aquatic มากกว่า โดยยังมีพื้นฐานการเป็นโทนกลิ่นที่เข้าถึงง่ายเต็มๆ

เมื่อกลิ่นเริ่มมีมีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ความเต็มที่ของแตงกวาเริ่มลดทอนลงมาหน่อย โดยที่กลิ่นโทนเขียวติดปร่า Spicy เคล้ากับกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ที่มาให้โทนสมุนไพรติดนวลกึ่งสะอาดจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ และก็เข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่โทน Aquatic จะเริ่มโดนแบ่งเค้กจากโทนสมุนไพรติดเขียวแมนแบบเจอกันคนละครึ่งทาง และเริ่มมีกลิ่นอายไม้หอมโปร่งๆ กับกลิ่นติดผลไม้ออกทางเย้าๆ เนียนๆ ออกแนวเหมือนโทนกลิ่นลูกพลัมที่ให้ความหวานเย้าลึกๆ แทรกเข้ามาด้วย ซึ่งแต่ละโทนนอกจากจะปล่อยเสน่ห์ที่ให้จับต้องได้แล้ว ยังผสมผสานกันเป็นอย่างดีในการสร้างโทนสดชื่นสบายๆ มีความสะอาดโปร่งและเนียนเย้าบางๆ แบบที่เริ่มมีลักษณะโทนกลิ่นที่ให้สีเขียวอมฟ้าอ่อนเข้ามาให้รู้สึกได้ จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยจะเริ่มมีโทนไม้หอมเจืออบอุ่นค่อยๆ ชัดขึ้นทีละหน่อยจนกลายเป็นตัวเทคโอเวอร์เต็มตัว ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่จะกลายเป็นโทนไม้หอมสะอาดๆ มีความสดชื่นเป็นเลเยอร์แรกที่ดม แต่พอดมเข้าไปใกล้ๆ จะมีโทนอบอุ่นประปรายแฝงอยู่ในเนื้อกลิ่นที่ติดผิวที่สร้างความผ่อนคลาย สบายๆ มีโทน Musk เบาๆ ที่สร้างความสะอาดและมีโทนไม้หอมอบอุ่นติดนวลๆ ปนเรื่อๆ พิมเสนกำลังดีที่สร้างความสว่าง อยู่ปิดท้ายไปเรื่อยๆ แบบที่ยังไงก็รอดและผ่าน อย. ทางด้านกลิ่นสบายมาก 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายเป็นต้นไป ใช้ตัวนี้ได้สบายมาก เพราะตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเลยว่าเป็นโทนกลิ่นเมตตามหานิยม มหาชนได้กลิ่นแล้วไม่ยี้ เพราะเข้าถึงง่ายสุดติ่งจริงๆ ในสไตล์น้ำหอมชายแบบที่ไม่ต้องปีนบันไดดม ซึ่งใช้ได้เลยทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบครอบจักรวาล ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบชิลล์ๆ สบายๆ ผ่อนคลายหรือสร้างความสดชื่นวันอากาศร้อนๆ จะลงตัวกว่าใส่ไปท่องราตรีที่ยังไงก็แพ้โทนหนักๆ อวลๆ ทั้งหลายแน่นอน

ความทน - ถือว่าทำเรื่องนี้ได้ดีเกินที่คาด เพราะอยู่ที่ประมาณ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบบ้าง ก็ว่ากันตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวใช้ไป 7 สเปรย์ อยู่ยาว 12 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย จนเมื่อพ้นไปซัก 6 ชม. ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent 

สรุป - #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ยังไงก็รอด ยังไงก็ไม่ตกยุคง่ายๆ และได้หมดถ้าสดชื่นในสายกลิ่นโทน Aquatic ที่ทำออกมาได้ดี เข้าถึงง่าย และลงตัว สมกับชื่อรุ่นเลยล่ะว่า Eternity Aqua 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.ulta.com/eternity-aqua-men-eau-de-toilette?productId=xlsImpprod2330009