แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Berdoues แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Berdoues แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2565

Review: Berdoues - Vanira Moorea

Berdoues - Vanira Moorea

หนึ่งในความประทับใจอย่างมาก เมื่อได้มีโอกาสลอง Collection - Grands Crus ของแบรนด์ Berdoues ที่มาเปิดเคาน์เตอร์ที่ประเทศไทย ณ สยามพารากอน โดยเป็นการสร้างสรรค์กลิ่นอายที่ดึงเอา Note ที่โดดเด่นในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มาสร้างสรรค์กลิ่นอายที่สื่อถึงการได้ไปเยือนสถานที่นั้นๆ และสิ่งที่ได้ก็คือ

มีหนึ่งกลิ่นที่ถือเป็นความประทับใจแรกพบ สามารถตกในทันทีที่ได้ลองและทำให้ต้องวนกลับไปเพื่อจัดซักทีจะได้จบๆ ใช้งบที่มีให้เกิดประโยชน์ นั่นคือ กลิ่นที่อ้างอิงความเป็นเกาะทะเลใต้กลางมหาสมุทรแปซิฟิคและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากๆ ในการดูแลของประเทศ French Polynesia อย่าง Moorea (ที่อยู่ใกล้ๆ กับเกาะ Tahiti) กับการเอาความเป็นกลิ่นอายวานิลลาแบบทะเลใต้มานำเสนอ และเมื่อใช้เต็มที่ พินิจพิเคราะห์เต็มเหนี่ยวแล้ว ก็ต้องมาเล่าต่อว่ากลิ่นจะให้ความรู้สึกอย่างไร นั่นก็คือ Vanira Moorea

สิ่งที่ได้เต็มๆ ในช่วงเปิดเลยนั่นคือ ความเป็นวานิลลาที่จะเป็นศูนย์กลางของกลิ่น ที่ไม่ได้มาแบบหนัก ข้น อวลอบอุ่น หรือขนมจ๋าๆ มาจากไหน แต่เป็นวานิลลาสไตล์สดชื่นแบบที่เกินคาดไปมากจริงๆ เพราะ

1. กลิ่นทำออกมาเป็นสไตล์ Cologne (แต่ความเข้มข้นคือ EDP) เลยทำให้ความเป็นวานิลลาไม่ได้หนักเกินไป

2. การเอาโทนเขียวติดเปรี้ยวปร่าที่เป็นลูกผสมทั้งสาย Citrus สายเขียวใบไม้ และสาย Fresh Spicy ที่ให้ความปร่าซ่าตามธรรมชาติ มากล่อมเกลาให้มีลูกเอื้อนความสดชื่นให้กับวานิลลา ที่นอกจากเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้ว ยังคงเสน่ห์ความเป็นวานิลลาแบบติดหวานแกมหอม โดยไม่หนักเกินไปได้อย่างพอเหมาะ

ซึ่งโทนกลิ่นที่เข้ามาเกลาเมื่อลองจับต้องกลิ่นก็สัมผัสได้ คือ สาย Citrus อย่างกลิ่นกิ่งก้านส้ม (Petitgrain) ที่ให้ความเขียวติดเปรี้ยวค่อนไปทางดอกส้มหน่อยๆ ตามด้วยกลิ่นแนวมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่มีความเปรี้ยวแกมขมสดชื่นอ่อนๆ ที่มาทำให้กลิ่นได้อารมณ์แบบสไตล์ Cologne + กลิ่นผิวเลมอนหรือผิวมะกรูดฝรั่งที่ให้ความปร่าหอมกำลังดีที่มาตัดมอนความเป็นวานิลลาไม่ให้หนักข้นเกินไป มีความปลอดโปร่ง และได้อารมณ์แบบ Vacation หรือพักผ่อนในสไตล์ฝรั่งที่เกาะแดนใต้แบบชูโรงที่วานิลลาเด่น ไม่ใช่มะพร้าวหรือดอกไม้ขาวแบบที่เรามักเจอเป็นกลิ่นคล้าย Tropical Spa ริมทะเลหรือว่าแนวซันแทนโลชั่นครีมมี่แต่อย่างใด

ในการเข้าสู่ช่วงกลางเนื้อกลิ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนโดยที่กลิ่นในช่วงต้นจะตามมาทั้งหมด ซึ่งวานิลลาจะยังคงเด่นอยู่ในสไตล์หวานหอมแบบกำลังดี ไม่อวลหนักไม่ข้นเกินไปและมีความเขียวแกมเปรี้ยวหอมสดชื่นแบบ Green Citrus Cologne อยู่แต่สิ่งที่เสริมขึ้นมาสร้างให้เนื้อกลิ่นมีความสดชื่นและเข้าทางโทนกลิ่นออกทางกึ่ง Citrus กึ่งผลไม้เลยนั่นคือกลิ่นส้ม ซึ่งโทนส้มนี่แหละที่ทำให้เนื้อกลิ่นกลายเป็นวานิลลาส้มแบบโปร่งๆ แกมนวลแบบไม่หนัก เนื้อกลิ่นจับต้องได้ชัดเจนมากเลยที่ทำให้ได้ความรู้สึกสดใส มีเสน่ห์ดึงดูด มีมิติความหวานสดชื่น และทำให้เนื้อกลิ่นมีโทนสีส้มในเนื้อกลิ่นได้อย่างพอเหมาะ ได้ความรู้สึกสดชื่นหวานอมเปรี้ยวแกมอวลเรื่อยๆ แบบสว่างๆ และเป็นสไตล์พักผ่อนหรูๆ สบายๆ ชิลล์ๆ ได้ด้วยไปในตัว

เมื่อเนื้อกลิ่นโทน Citrus ต่างๆ เริ่มเบาลงไปเรื่อยๆ แต่ยังมี Effect ของกลิ่นเขียวกิ่งก้านส้มอยู่แบบปลายกลิ่น รวมถึงความเป็นวานิลลาก็เบาลงมาหน่อยจนได้อารมณ์แบบกลิ่นแป้งวานิลลาอ่อนๆ ที่มีกลิ่นออกทางโทนหวานแกมจืดเข้าทางโทนแป้งเคล้าความสะอาดของกล้วยไม้เข้ามาเสริมด้วย ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นจะให้ความเป็นแป้งวานิลลาแกมเขียวอ่อนๆ ที่ยังมีลูกเอื้อนสดชื่นอยู่บางๆ ให้ผ่อนคลายแกมเย้ายวนแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ และมีความชิลล์ๆ ที่มีความหวานอ่อนๆ แบบปะแล่มๆ ไม่หนักเกินไป โดยมีความผ่อนคลายเป็นที่ตั้ง ถือว่าเป็นการปิดท้ายแบบที่ให้อารมณ์แบบพักผ่อนแบบริมทะเลที่เข้าทางมินิมัล โดยที่ไม่เหมือนกับน้ำหอมแนวเกาะหรือชิลล์ๆ ริมหาดแบบที่ได้เคยเจอมาเลย

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่สุด เพราะเข้าได้หมดแถมเนื้อกลิ่นเองก็ไม่ได้มีแค่สายชิลล์อย่างเดียว สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วไป ใส่ทำงาน สบายๆ โรแมนติค หรือทางการก็ได้ แต่อาจจะต้องเลือกนิดนึงเพราะมันไม่ได้สร้างความภูมิฐานชัดเจนมากนัก ส่วนยามค่ำคืนจัดได้ในหลายๆ สถานการณ์เลยทั้งผ่อนคลาย ชิลล์ๆ หวาน ออกเดทประมาณนี้ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีโดนกลบแน่ๆ แต่สิ่งที่ข้ามไปได้เลยคือใส่เพื่อออกกำลังกาย เพราะวานิลลาไม่ถูกกับกิจกรรมแบบนี้เท่าไหร่ เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นจนอึดอัดเอาเสียก่อน

ความทน - มีความแกว่งพอสมควร ซึ่งจะอยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เพราะแม้ว่าจะเป็น EDP แต่เพราะเนื้อกลิ่นมีอารมณ์สไตล์ Cologne เลยจะมาแบบเบาๆ หน่อย แต่ถ้าสภาพผิวเอื้อ และจำนวนสเปรย์เหมาะสมก็สามารถลบากไปที่ 10 - 12 ชม. ได้ เพราะส่วนตัวเจอมาแล้วบ่อยครั้งในการใช้งานแบบวันที่ไม่ได้ร้อนจัดเหงื่อท่วมเกินไป 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราวๆ 3 ชม. ก่อนจะลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 6 - 8 ชม. (แล้วแต่คน) ก็จะเป็น Skin Scent แล้ว

สรุป - หนึ่งในกลิ่นวานิลลาสายสดชื่นที่ทำออกมาได้งดงามมากในการสื่อสารความเป็นวานิลลาที่มีความหวานแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ เบาๆ ชิลล์ๆ ไม่หนัก และมีเสน่ห์ดึงดูดได้ดีมากแบบไม่ต้องเยอะสิ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่บอกได้ว่า วานิลลาไม่จำเป็นต้องหวานแน่นขนมเสมอไปก็สร้างความงามทางกลิ่นให้ผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://berdoues.com/products/vanira-moorea

 

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Berdoues - Oud Al Sahraa

Berdoues - Oud Al Sahraa

จากการเล่ากลิ่นอายสายชาอัสสัมของอินเดียของแบรนด์ Berdoues ที่สร้างความสดชื่นและรื่นรมย์ไปแล้วก็ได้เวลาข้ามมาสู่อีกดินแดนที่แบรนด์พร้อมจะนำเสนอกลิ่นอายในรูปแบบอื่นๆ ในการเป็นหนึ่งใน Collection - Cologne Grand Cru และในคราวนี้ก็ได้มาสู่ดินแดนทะเลทราย โดยมีตัวชูโรงสำคัญอย่างกลิ่นอายสายอาระเบียนอย่างไม้กฤษณาที่แบรนด์นี้จะเอามานำเสนอบ้าง

ซึ่งจะสื่อสารออกมาแบบไหนว่ากันที่ Oud แห่งทะเลทรายหรือ Oud Al Sahraa รุ่นนี้ได้เลย

เปิดต้นกลิ่นมาเรียกว่าจะมีลักษณะกลิ่นที่ค่อนข้างจะมาสายมินิมัลอย่างเห็นได้ชัด เพราะเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นสไตล์ Cologne ที่ไม่ได้หนักหน่วง แต่ให้ความใสและพอดี โดยมีกลิ่นโทน Oud หรือไม้กฤษณามาทักทายกันแบบพอหอมปากหอมคอก่อน ซึ่งจะมีลักษณะติด Smoky หน่อยๆ เสียด้วย แต่เพราะมีกลิ่นอาย Citrus ของส้มที่ติดออกทางแห้งๆ เป็นลูกคู่ในช่วงต้นที่ให้วูบสดชื่นติดชื้นๆ กึ่งแห้งและมีโทนเมทัลลิคเจือฝาดอ่อนๆ ที่มาเสริม กลิ่นเลยจะให้อารมณ์ออกทาง Cologne สไตล์ไม้หอมติดอาระเบียนที่ไม่หนักหน่วงมีความระเรื่อติดแปร่งกำลังดีเคล้าความสดชื่นประปรายอยู่ซักครู่หนึ่ง

จนเมื่อกลิ่นโทนยางไม้ที่มีลูกเล่นโทนหวานปลายกลิ่น แต่มีความเป็นโทนไม้หอมเนียนๆ ที่มีความทึบอ่อนๆ ค่อยเปิดตัวออกมาจนจับต้องได้ว่าเป็นกลิ่นของยางไม้แนว Myrrh ที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วง ออกทางเบาๆ แต่ให้ความขรึมนิ่งลุ่มลึกแบบเรื่อยๆ กำลังดี ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางเต็มตัวที่อารมณ์กลิ่นแปร่งในช่วงแรกเริ่มเบาลงไปและหายไปตามลำดับ จนทำให้ Myrrh กลายเป็นตัวเด่นหลักไปในที่สุด ซึ่งกลิ่นจะให้สัมผัสที่ลงตัวระหว่างการดมกลิ่นที่ตีขึ้น จะเป็นกลิ่นอายหอมยางไม้ติดหวานปลายระเรื่อเบาๆ ลอยตามลมให้รู้สึกเพลินๆ แต่ถ้าดมติดผิวจะมีความทับอับนิดๆ และมีโทนอบอุ่นกล่อมเกลาอยู่แบบระเรื่อๆ ติดหวานเย้า อารมณ์กลิ่นเลยไม่ได้ไปทางหนักหน่วง โดยจะให้ความอบอุ่นแบบสบายๆ มีติดปลายหวานรื่นรมย์ที่มีโทนสีออกทางน้ำตาลเบาๆ ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อกลิ่นยังมีตัวสนับสนุนอย่าง Oud ที่เนียนๆ ผลุบๆ โผล่ๆ ให้จับต้องได้อยู่ แต่ไม่ได้แปร่งหรือไม้จ๋าจัดจ้าน Smoky เท่าไหร่แล้ว เพราะให้ความอวลกึ่งควันหอมลุ่มลึกเบาๆ เนียนไปกับกลิ่น Myrrh แทน รวมถึงมีโทนสาย Spicy หน่อยๆ ของพริกไทยและกลิ่นที่ค่อนมาทางแอมเบอร์ ซึ่งแน่นอนว่ามาแบบเบาๆ ก็มาร่วมสร้างให้โทนกลิ่นมีความลุ่มลึกพอเหมาะพอดีด้วย อารมณ์กลิ่นหอมอบอุ่นเบาๆ ลอยอ่อนๆ ตามลมแบบสร้างความน่าค้นหาเนียนๆ ประมาณนี้ และก็ปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงกลางมากนัก จะมีเพิ่มเติมมิติในเนื้อกลิ่นมาอีก 1 อย่างคือ โทนไม้หอมที่จะมีลูกความปร่าแห้งสไตล์ไม้ซีดาร์ และมีกลิ่นค่อนไปทางหญ้าแฝกแห้งบางๆ เคล้ากับกลิ่น Oud ที่ยังคงอยู่ให้จับต้องได้ ทำให้ช่วงท้ายก็ยังเป็นโทนยางไม้ของ Myrrh เด่นเช่นเดิม แต่เปลี่ยนจากโทนออกทางสีน้ำตาลมาเป็นสีที่สว่างมากขึ้นและค่อนไปทางสีผืนทรายได้ไม่ยากในความรู้สึก กลิ่นจะให้ความอบอุ่นรุมๆ ไม้หอมอวลแบบคลอผิว ปลายกลิ่นจะมีความหวานทึบอ่อนๆ ที่น่าค้นหาและเย้าเบาๆ ไปเรื่อยๆ ประมาณนี้

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมาก เพราะกลิ่นมีความกลางๆ ไม่ว่าเพศไหนก็จับต้องได้ เพียงแต่ว่าจะมีวูบของความเป็นกลิ่นอายสไตล์อาระเบียนหน่อยๆ ที่เบาม๊ากมาก (ถ้าเทียบกับน้ำหอมสายตะวันออกกลางแบบแท้ทรู) เลยจะต้องผ่านกลิ่นอายสายไม้หอมมาบ้างจะได้เข้าถึงได้ไวมากขึ้น ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เน้นทางการและทั่วๆ ไป ออกกลางแจ้งพอได้ แต่เน้นการวางตัวหรือมีมาดขึ้นมานิดนึง เพราะกลิ่นมีโทนที่น่าค้นหาและผ่อนคลายแบบติดอวลอ่อนๆ เลยจะไม่ได้เป็นสายลั่นล้าก๋ากั๋นแน่นอน เช่นนั้นให้ตัดการใส่เพื่อการออกกำลังกายไปได้เลยไม่เข้าทางเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือโรแมนติคอันนี้ได้เลย เพราะกลิ่นมาสายอบอุ่นดึงดูดแบบนิ่งๆ ก็ได้ด้วย แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีกะโปรยเสน่ห์ บอกเลยโดนตัวหนักๆ กลบแน่นอน

ความทน - พื้นฐานที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้ถึง 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว (อิงกับการใช้ส่วนตัว) แต่สำหรับคนอื่นจะไปต่อได้หรือไม่ หรือน้อยกว่า 8 ชม. ไหม อยู่ที่สภาพผิวและจำนวนสเปรย์ที่ใช้งานด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น อาจจะมีกลิ่นติดแปร่งไม้หอมเจือ Citrus หน่อย แม้กลิ่นจะไม่ได้มาหนักหน่วง แต่ถ้าไม่ชินอาจจะอึ้งเบาๆ เอาได้ แต่ถ้าผ่านไปแล้วที่เหลือคือความงดงามที่มาสายเบาๆ เรื่อยๆ ได้เลย ซึ่งกลิ่นจะผ่อนลงมากระจายปานกลางซักครู่ แล้วกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเมื่อพ้น 8 ชม. ไปแล้ว Skin Scent ชัดเจน

สรุป - หนึ่งในกลิ่นโทน Oud ที่ใช้ง่ายมากถึงมากที่สุด อาจจะต้องมีปรับตัวนิดหน่อยในวูบแรกๆ แต่ที่เหลือถือเป็นการทำกลิ่นอายสไตล์ Cologne สายกลิ่นยางไม้และไม้หอมลุ่มลึกที่ให้ความมีระดับและเรียบหรูทางกลิ่นได้ดีเกินคาดมาก ซึ่งสำหรับคนที่อยากลองการใช้น้ำหอมกลิ่น Oud สามารถเริ่มต้นที่ตัวนี้ได้สบายมาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://berdoues.com/collections/les-chauds-epices/products/oud-al-sahraa

 

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Review: Berdoues - Assam of India


Berdoues - Assam of India

จากการก่อตั้งแบรนด์น้ำหอมและเครื่องสำอางค์มาตั้งแต่ป1902 แล้วก็ผ่านยุคผ่านสมัยมาถึง 4 รุ่นเลยด้วยกันจนถึงปัจจุบัParfums Berdoues หรือขอเรียกสั้นๆ ว่า Berdoues ก็คงความดีงามในการสร้างสรรค์น้ำหอมมาเสมอในสาย Cologne จนเป็นอีกหนึ่ง Brand Niche ใช้ง่ายจากเมืองน้ำหอมที่มีความโดดเด่นทางด้านการสร้างกลิ่นหอมที่ทำให้เกิดความสดชื่น สบาย ผ่อนคลายและปลอดโปร่ง จนค่อยๆ มีการต่อยอดมาสร้างสรรคกลิ่นอายสาย Eau de Toilette และ Eau de Parfum มากขึ้นตามลำดับในทุกวันนี้

และเมื่อแบรนด์นี้ได้เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย แน่นอนว่ามีหรือที่จะพลาดในการจัดมาใช้ให้ฟินไปข้าง เช่นนั้นเลยเข้าสู่การเล่ากลิ่นแรกของแบรนด์นี้ในสาย EDP กับ Collection: Cologne Grand Cru ที่ได้ใช้งานจัดเต็มมาแล้ว ว่าจะเป็นอย่างไรกับรุ่นนี้เลย Assam of India

เรียกว่าเป็นการคุยเฟื่องเรื่องชากันอย่างเต็มๆ ทั้งจากชื่อรุ่นที่มีความชัดเจนถึงความเป็นชาอัสสัม (ชาดำที่ปลูกที่รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ที่กลิ่นค่อนข้างจะเข้มข้น) เพียงแต่กลิ่นนี้จะไม่ได้มาลักษณะของการเป็นชาดำเข้มมากนัก เพราะจะเอาความเป็น Citrus มาตัดทอนให้มีความสดชื่น On Top บนเลเยอร์ของกลิ่นชา ซึ่งจะเปิดตัวกันอย่างชัดเจนที่กลิ่นอายของเลมอนที่ให้ความเปรี้ยวสดชื่นติดปลายหวาน แต่ไม่ได้มาแบบใสแจ๋วเพราะเนื้อกลิ่นมีลักษณะติดโทนสบูSpicy นิดๆ อวลๆ หน่อยๆ ทำให้อารมณ์กลิ่นจะเป็นลักษณะคล้ายหลังอาบน้ำกับสบู่เลมอนก้อนนวลกับบรรยากาศสดชื่น แล้วเพียงชั่วขณะกลิ่นชาดำจะค่อยๆ เปิดตัวออกมาเรื่อยๆ ผสมผสานกับโทนเลมอนในช่วงต้น ก่อนที่โทนสบู่จะเริ่มลดทอนลงไปเรื่อยๆ เปิดทางให้ช่วงกลางกลายเป็นกลิ่นชาดำเลมอนกันอย่างชัดเจน เนื้อกลิ่นจะได้อารมณ์ชาดำกับเลมอนที่รื่นรมย์ปนสดชื่นกำลังดีและมีความเป็นธรรมชาติ ให้ลักษณะของโทนกลิ่นที่ให้ความน้อยสิ่งเรียบง่ายแต่มีระดับในตัวแบบมินิมัล ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้เป็นโทนเย็น Cooling เกินไปหรืออบอุ่นเกินไป มีความสมดุลย์กำลังดีระหว่างบรรยากาศรอบตัวสดชื่นยามเช้ากลิ่นชาอัสสัมอุ่นที่มีเลมอนฝานลอยในแก้ว ซึ่งกลิ่นจะตรงไปตรงมากันยาวๆ ในลักษณะนี้เลย

เมื่อโทนกลิ่นชาอัสสัมเลมอนเริ่มเทคโอเวอร์จนทำให้โทนกลิ่นสบู่นวลอวลเริ่มหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่เลยคือโทนไม้หอมที่มาแบบเบาๆ สว่างและสะอาด โดยจะไม่ได้มาเป็นโทนกลิ่นที่เด่นนัก ออกแนวเป็นพื้นกลิ่นที่ให้มิติไม้หอมอ่อนๆ เวลาดมใกล้ๆ ผิวแทน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นชาอัสสัมเลมอนยังคงโดดเด่นอยู่ตลอด ให้ความรื่นรมย์ปนสดชื่นมีระดับเรียบหรูและเรียบง่ายไปเรื่อยๆ ในการเป็นช่วงท้ายของน้ำหอมรุ่นนี้จนกว่าจะจางไปตามเวล

เหมาะสำหรับ - กวาดหมดทุกเพศแบบ Unisex เต็มๆ โดยช่วงวัยตั้งแต่ ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้แล้วโดยที่กลิ่นไม่ซับซ้อนอะไร ให้ความสดชื่นรื่นรมย์กันยาวๆ จึงกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ทั้งกลางแจ้งและในร่ม ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ ให้ความอะโรม่าในวันอากาศร้อนๆ จะดีมาก เพราะกลิ่นนี้ไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเที่ยวผับ คลับ บาร์ แต่อย่างใด เพราะกลิ่นเบาไปถ้าจะเอาไปเรียกเรตติ้ง

ความทน - กำลังดีที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ แต่บวกลบได้อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ รวมการฉีดเสื้อที่สวมด้วย ซึ่งกลิ่นที่ติดเสื้อที่สวมอันนี้จะทนกว่าบนผิวชัดมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ให้ความสดชื่นปนนวลกันก่อน แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ พอเข้าช่วงท้ายถึงลดเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนเมื่อพ้น 5 ชม. ไปแล้วจึงเป็น Skin Scent ในที่สุด

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นอายสาย Aromatic ที่เด่นที่ความเป็นชาอัสสัมเลมอนกันอย่างแท้ทรูมากๆ ซึ่งเรียกว่าใครชอบกลิ่นชาติดสดชื่นบอกเลยว่าตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่ๆ เพราะให้ความครบถ้วนและตรงไปตรงมาของความเป็นชาและเลมอนได้อย่างงามๆ เลยล่ะ

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/perfume/Parfums-Berdoues/Assam-of-India-31436.html