วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Montale - Amandes Orientales

Montale - Amandes Orientales

ผ่านกลิ่นอายสาย Oud กุหลาบ วานิลลา และมีแตะนิดแตะหน่อยสายสดชื่นของแบรนด์ Montale มาก็หลากหลาย แต่มีอีก 1 โทนที่ยังไม่เคยได้ลองคือสาย Nutty หรือว่ากลิ่นอายสไตล์ถั่ว ซึ่งก็ได้เห็นว่าแบรนด์เขามีกลิ่นอายของโทนนี้อย่างกลิ่นอัลมอนด์อยู่ ซึ่งก็มีความน่าลองไม่ใช่น้อย เช่นนั้นก็ต้องเปิดโลกทัศน์ทางกลิ่นกันซักหน่อยด้วยการจัดมาเพื่อจะได้รู้ว่าแบรนด์นี้จะสื่อสารกลิ่นอายอัลมอนด์ออกมาในลักษณะไหน กับรุ่นนี้เลย Amandes Orientales

ตัวเอกหลักในการเดินทางของกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบต้องยกให้อัลมอนด์จริงๆ เพราะจะอยู่ในทุกๆ ช่วงของน้ำหอมเลย และเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยคงเอกลักษณ์ของลักษณะอัลมอนด์ที่เข้าทางโทน Gourmand ได้ดีเลยทีเดียว เพียงแต่กลิ่นเปิดเองอาจจะไม่ได้สร้างความประทับใจแรกพบนัก เพราะเปิดมาก็ได้อารมณ์แบบน้ำยาเคมีเผาไหม้กันเลยทีเดียว โดยจะมีกลิ่นอายคล้ายเปลือกอัลมอนด์เปลียกเขียวที่ไหม้ตุ่นๆ มีความเป็นโทน Nutty ที่เป็นเปลือกถั่วเผาเคล้ากับโทนประมาณหนังกับกลิ่นเคมีไหม้ ซึ่งแน่นอนว่าจะได้ความรู้สึกตุ่นๆ อึนๆ งงๆ กันพอสมควร แต่ก็ยังจับต้องได้ถึงกลิ่นอัลมอนด์ค่อนไปทางขมที่แทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นตลอด ซึ่งบอกเลยว่าอาจจะสร้างความไม่ประทับใจเอาได้ แต่ความรู้สึกจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง เพราะความเป็นโทนสารเคมีปนเปลือกถั่วไหม้ๆ ตุ่นๆ แปลกๆ เริ่มลดทอนลงไป ทำให้ได้กลิ่นอายแบบถั่วอัลมอนด์คั่วหอมที่มีกลิ่นไหม้ Smoky ให้จับต้องได้ กลิ่นจะเริ่มสร้างออร่าความเป็นอัลมอนด์ที่มีหอมแบบถั่วคั่วพร้อมเปลือกที่จะอบอวลกำลังดี ปล่อยพลังกำลังงาม โดยมีความเป็นถั่วเจือหวานอบอุ่นไปตลอด และจะจับต้องได้ถึง ที่จะมีโทนไม้หอมหน่อยๆ Spicy บางๆ ที่สำคัญจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของวานิลลาปนโทนแป้งหอมดอกไม้เนียนๆ ในเนื้อกลิ่นเสียด้วย ซึ่งทั้งหมดในช่วงกลางถือว่ากลิ่นมีความเป็นกึ่งกลางระหว่างโทนสว่างออกทางนวลครีมกับดาร์กที่ค่อนมาทาสีน้ำตาลเข้มได้อย่างน่าสนใจ โดยกลิ่นจะอวลไปเรื่อยๆ จนเมื่อสัมผัสได้ถึงโทนวานิลลาที่เริ่มเทคโอเวอร์ตามลำดับจนกลายเป็นตัวเด่นนำแทน ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมอย่างเต็มตัว กับการเป็นกลิ่นอายสายขนมที่จะได้ความรู้สึกเหมือนลูกอมหรือพุดดิ้งหอมหวานวานิลลาอบอุ่น เจือกลิ่นอัลมอนด์คั่วหอมกำลังดีปนกลิ่นไม้หอมครีมบางๆ กลิ่นจะคลอไปด้วยกันให้ความหอมที่นุ่มนวลก็ได้ ดึงดูดเย้ายวนแบบมีระดับก็สามารถ มีความหวานน่ารักเบาๆ ก็ลงตัว มีโทน Smoky ปนดาร์กหน่อยๆ ให้มีมิติที่มากกว่าการเป็นขนมวานิลลาอัลมอนด์ทั่วๆ ไปได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นอายโทนอัลมอนด์อยู่เป็นทุนเดิมถือว่าตอบโจทย์มากในการได้กลิ่นแบบแฮปปี้กันได้เลยทีเดียว (ไม่รวมช่วงต้นของน้ำหอมที่น่าจะทำให้ตกใจกันได้ว่ากลิ่นอะไรเนี่ย) ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นถือว่ามาสายกระจายดีจัดเต็มตามแบบฉบับของ Montale ที่ไม่เคยลดราวาศอกในเรื่องนี้ โดยใช้ได้ทั้งใส่แบบทั่วๆ ไป หรือกึ่งๆ ทางการแบบใส่ทำงานก็ทำได้ แต่ถ้างานจัดๆ อาจจะข้ามไปก่อนก็ดี และการใส่เพื่อออกกำลังกายก็ตัดไปได้เลยเดี๋ยวมาเต็มจนจุกเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยจัดไป ทั้งออกงาน พอพ้นช่วงต้นคือความหอมที่ดึงดูดเจือดาร์กกึ่งหวานและเย้ายวนแบบไม่โฉ่งฉ่างได้อย่างดีเลย

ความทน - 8 ชม. คือพื้นฐานตามปกติของแบรนด์นี้ และได้มากกว่านั้นได้สบายมาก ซึ่งก็อิงตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ด้วย ซึ่งส่วนตัวจัดไปที่ 15 ชม. เป็นเรื่องปกติกับการใช้งานที่ 4 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ที่อาจจะทำให้เหวอกันก่อนเพราะกลิ่นไม่ได้สร้างความประทับใจนัก ยกเว้นคนชอบกลิ่นแปลกๆ แต่พอเข้าช่วงกลางการกระจายจะลดลงมาปานกลางกำลังดี และให้ความดีงามที่ควรจะเป็นของอัลมอนด์ได้อย่างดี ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวให้ความหอมหวานแบบขนมปน Smoky อ่อนๆ กำลังดีแบบยาวไป

สรุป - หนึ่งในกลิ่นอัลมอนด์ที่สร้างมิติกลิ่นอายสไตล์ขนมปน Oriental วานิลลาที่ลงตัวอีกหนึ่งกลิ่น และบอกได้ดีถึงการเป็นน้ำหอมสไตล์ Niche Perfume ที่เปิดตัวมาอาจจะไม่ได้โสภา แต่ถ้ารอเวลาซักหน่อยก็จะเจอความรื่นรมย์ที่ทำให้ถูกใจได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Montale/Amandes_Orientales

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Serge Lutens - Santal Majuscule

Serge Lutens - Santal Majuscule 

เมื่อเห็นคำโปรยถึงน้ำหอมกลิ่นอายสายไม้จันทน์หอม (Sandalwood) ของ Serge Lutens อย่าง Santal Majuscule ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2012 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ 3 ที่สื่อสารกลิ่นถึงความเป็นไม้จันทน์หอมถัดจาก Sandal de Mysore (1991) และ Santal Blanc (2001) ที่ต่างมีความงดงามในการเป็นงานศิลปะทางกลิ่น ก็ถูกขยับขึ้นไปในไลน์ที่สูงกว่าอย่าง Palais-Royal Collection กับขวดทร Bell Jar ระฆังคว่ำไปแล้วในปัจจุบัน ซึ่งในตัวที่ 3 นี้ จะวางตัวการเป็นกลิ่นไม้จันทน์หอมในลักษณะไหน ก็บอกเล่าออกมาได้ในลักษณะนี้เลย

โทนกลิ่นหลักๆ ที่มีความชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบ นั่นคือกลิ่นอายแบบไม้จันทน์หอมที่เป็นตัวเอกหลักของน้ำหอมรุ่นนี้ เพียงแต่จะมีความโปร่งเจือพอสมควรและไม่ได้ออกทางแน่นมาเต็มนัก โดยจะมีลูกคู่ที่เป็นตัวสนับสนุนชั้นดีอย่างโกโก้ที่ให้ความเย้ายวนดึงดูดและกุหลาบที่สร้างออร่าความรื่นรมย์และโรแมนติคทางกลิ่นได้อย่างลงตัว ซึ่งช่วงเปิดจะเป็นกุหลาบที่ออกมาปูทางกลิ่นกันก่อน ซึ่งกลิ่นจะมาแบบกลิ่นกุหลาบหอมกลางๆ กำลังดี ไม่ได้ออกทางเปรี้ยว Lemony หรืออกทางแยมไซรัป หรือคลาสสิคแบบแป้งจ๋าๆ เกินไป แต่จะมีความหวานปนโรแมนติคแบบกลิ่นอายระเรื่อยามดมกุหลาบจากช่อกุหลาบกันพอสมควร ที่สำคัญจะมีกลิ่นอายติดโทน Citrus บางๆ และเครื่องเทศอ่อนๆ ที่อบอุ่นบางๆ คล้ายกลิ่นอบเชยเสริมอยู่ด้วย แต่มิติที่ซ้อนลงไปต่อเนื่องคือกลิ่นอายของไม้จันทน์หอมที่ให้ความครีมมี่ติดจืดหอมไม้กำลังดีรองพื้นอยู่ ทำให้ช่วงต้นจะได้โทนออกทางสีแดงครีมกำลังดี สร้างความโรแมนติคกันตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว 

พอเข้าช่วงกลางโทนกุหลาบจะยังคงอยู่ แต่กลิ่นจะมีเลเยอร์ของโทนไม้หอมซ้อนกันระหว่างความโปร่งจากกลิ่นอายคล้ายสารหอมที่ให้กลิ่นคล้ายไม้ซีดาร์สะอาดๆ อย่าง ISO E Super ติดกลิ่นกุหลาบระเรื่อๆ ที่ให้ความรื่นรมย์ และกลิ่นอายไม้หอมครีมมี่ติด Milky หน่อยๆ มีความทึบพอประมาณของไม้จันทน์หอมเองที่มีกลิ่นอายของโกโก้ที่ไม่ได้มาแบบติดดาร์กเลย กลิ่นออกทางน่ารักหอมคล้ายผงชอคโกแลตผสมนมแต่มาแบบโทนแห้งๆ คลอไปด้วยกลิ่นหวานแบบไซรัปสมุนไพรเบาๆ เจืออยู่ กลิ่นเลยจะมีโทนที่ไล่เรียงกันจากกุหลาบสู่กลิ่นโกโก้นมหอมนวลปนหวานออกทางไซรับติดสมุนไพรอ่อนๆ คลอๆ และปิดท้ายด้วยครีมมี่ติดจืดไม้หอมของจันทน์หอมที่เป็นการผสมผสานกันเป็นอย่างดีมากเลยทีเดียว สร้างโทนที่สว่างเจือครีมค่อนไปทางน้ำตาลอ่อนๆ มีความเย้ายวนดึงดูดที่โรแมนติคกำลังดีไปเรื่อยๆ จนส่งต่อให้ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กุหลาบจะจางไป ยกให้โทนไม้จันทน์หอมเด่นเต็มตัว ซึ่งกลิ่นจะมีความแห้งมากขึ้นแต่ยังมีความนวลๆ ระเรื่อๆอยู่ ที่สำคัญมีลักษณะโทนกลิ่นแบบ Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดคลอไปกับกลิ่นแป้งโกโก้ปนนมหอมหวานอ่อนๆ นุ่มๆ ที่ตามมาจากช่วงกลางแบบบางๆ โทนกลิ่นเลยจะได้อารมณ์หอมนุ่มสะอาดเจือครีมมี่ไม้หอมที่มีความหวานนวลแทรกบางๆ ในเนื้อกลิ่นที่สร้างความรื่นรมย์และมีระดับกำลังดี ติดโทนมินิมัลน้อยแต่มากคลอผิวไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย อาจจะมีบางความรู้สึกที่เป็นโทนน้ำหอมผู้หญิงบ้างนิดหน่อยเพราะกลิ่นกุหลาบ แต่ไม่ได้สาวจ๋าอะไรเลย ออกแนวโรแมนติคเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นอาจจะมีความอวลทึบอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงเกินไป จะมีก็แต่การใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายที่ให้ตัดออกไปน่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนแบบออกงานหรือโรแมนติค เข้าทางไม่น้อยเลย หรือจะใส่ไปท่องราตรีแบบหรูๆ ให้ความรู้สึกที่มีระดับและไม่โฉ่งฉ่างก็สามารถ 

ความทน - ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนดีงามมากกับราวๆ 10 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวบอกเลย 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ตลอด ของเขาดีตรงนี้จริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเรื่อยๆ เป็นกึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ก่อนวางตำแหน่งตัวเองเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป พอพ้นซัก 10 ชม. ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent 

สรุป - กลิ่นมีความมินิมัลที่เข้าถึงง่ายเกินคาด ยิ่งถ้าใครชอบไม้จันทน์หอมที่ระเรื่อแบบสมดุลย์กำลังดีเป็นตัวเดินกลิ่นหลักคลอไปกับกุหลาบ ตัวนี้ถือว่าเข้าที อาจจะไม่ได้ถึงกับเป็นโทนอินดี้สื่อสารถึงศิลปะ แต่ก็เอาอยู่และยกระดับคนใช้ให้ดูมีคลาสได้ไม่ยาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”


วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Montale - Sliver Aoud

Montale - Sliver Aoud 

ผ่านมาก็หลาย Aoud ของแบรนด์นี้ ซึ่งเอาจริงๆ ก็มีเยอะมากจนก็คิดว่าตามไปเรื่อยๆ แล้วกันเท่าที่จะมีแรงตาม จนได้มีโอกาสมาเจอกับความเป็น Aoud ในอีกรูปแบบของ Montale ที่จะเอาความเป็นกลิ่นอายโทน Woody Aromatic มาเจอกับ Oud กับการนำเสนอความเป็นโทนสีเงินในเนื้อกลิ่นแนว Oud ของแบรนด์ ซึ่งจะเป็นยังไงได้เวลาลองแล้วเล่าต่อแบบนี้เลย
 

เปิดต้นกลิ่นมาก็มาสไตล์น้ำหอมผู้ชายสไตล์ Traditional แบบฝรั่งเศสที่ให้ความ Timeless เหนือกาลเวลา แตะ Classic ก็ได้ จะ Modern ก็ดี ติดโทนสุภาพบุรุษกึ่ง Barbershop Scent ก็สามารถ ซึ่งจะมีความสดชื่นแบบ Citrus ที่มาทางโทนแห้งคลอตีคู่ไปกับโทน Herbal ซึ่งจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของเลมอนที่ให้ความเปรี้ยวเจือขมแปร่งติดหวานปลายที่กลิ่นจะออกทางเปลือกเลมอนเคล้าไปกับกลิ่นโทนมะกรูดฝรั่ง Bergamot ที่ให้ความขมติด Spicy ปนเขียวแห้งๆ กำลังดีเป็นตัวหลักที่ชัดเจนออกมาก่อนใครเพื่อนเลย แต่แทนที่จะคมก็เปล่า เพราะว่าพื้นกลิ่นจะมีกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ที่ออกทางสมุนไพรแห้งเจือหวานค่อนข้างชัด ซึ่งลาเวนเดอร์จะไม่ได้ออกทางสบู่จ๋าๆ เกินไปทำให้กลิ่นมีความอะโรม่ากำลังดีเลยทีเดียว ที่สำคัญมีกลิ่นออกทางสมุนไพรติดปร่าสดชื่นอย่าง Rosemary ที่ให้อารมณ์กึ่งๆ มินต์เจือไม้ๆ เนียนๆ อยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงต้นนี่กลายเป็นกลิ่นโทนสดชื่นแบบน้ำหอมสุภาพบุรุษผมเรียบแปล้กลิ่นสะอาดสะอ้านแต่มีความเป็นผู้ใหญ่ในเนื้อกลิ่นระดับหนึ่งเลย 

จนเมื่อโทนกลิ่นของสาย Citrus เริ่มเบาลง แต่ยังมีเสริมความสดชื่นในเนื้อกลิ่นอยู่ ก็ได้เวลารับช่วงต่อของโทน Herbal ในช่วงกลาง ซึ่งแน่นอนลาเวนเดอร์และ Rosemary ยังคงอยู่ในการเป็นพื้นฐานกลิ่นที่ให้ความอะโรม่าติดหวานโปร่งๆ กำลังดี แต่จะเสริมโทนด้วยกลิ่นอายของเจอเราเนียมที่ให้โทนเขียวติดมินต์กึ่งกุหลาบที่มีความเปรี้ยวเลมอนกับกลิ่นออกทางดอกไม้ขาวใสๆ อ่อนๆ ที่ทำให้กลิ่นไม่ได้แหลมเกินไป อารมณ์กลิ่นเลยจะได้แบบกลิ่นสมุนไพรสดชื่นติดเปรี้ยวที่มีความสะอาดและเป็นสุภาพบุรุษเจือหวานสมุนไพรปลายกลิ่น ซึ่งยังไม่จบแค่นี้ในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นโทนไม้หอมเนียนๆ โปร่งๆ ค่อยๆ แทรกเข้ามาพร้อมกับความครีมมี่เจือๆ แบบเรื่อยๆ จนมาเต็มเอาตอนช่วงท้ายของน้ำหอมที่โทนสมุนไพรจะดรอปลงไป เหลือแต่กลิ่นไม้หอมที่ติดปร่าสว่างติดแห้งๆ ของไม้ซีดาร์ ปนความเป็นไม้แห้งติดดิน Earthy ที่จับต้องได้จากหญ้าแฝก ซึ่งจะผนวกกับกลิ่นออกทางนวลของไม้จันทน์หอมและถั่วตองก้า รวมถึงกลิ่น Oud หรือไม้กฤษณาที่กว่าจะเปิดตัวออกมาก็เล่นเอาซะนานเชียวโดยมาแบบหลบๆ ซ่อนๆ วูบเบาๆ ได้แบบแผ่วๆ เนียนไปกับกลิ่นไม้หอมในช่วงท้ายทำให้กลิ่นมีความอวลขึ้น โดยที่คงความแน่นในระดับหนึ่งที่ไม่ได้ถึงกับแน่นหนักปล่อยพลังจัดจ้าน มีเสน่ห์กำลังดีแบบสุภาพบุรุษมีมาดสุขุมที่ยังคุมธีมกลิ่นอายที่แตะได้ทั้งความเป็น Classic และ Modern ลงตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ใส่ตัวนี้ได้สบาย ยิ่งถ้าใครใช้ Pomade แบบหวีผมเรียบแปล้ ตัวนี้เสริมราศีให้ดูครบครันในลุคสุภาพบุรุษสดชื่นติดภูมิฐานได้ดีเลย หรือเอาจริงๆ น้องวัยเรียนมหาลัยก็ใส่ได้ถ้าไม่มายด์ว่ากลิ่นจะต้องวัยสะออน ต้องเร้าใจอะไร ซึ่งยังไงกลิ่นแบบนี้คนที่วัยเกิน 35 ปี ได้กลิ่นจะรู้สึกเอ็นดูเราขึ้นมาได้ เพราะเขาคุ้นเคยกับโทนแบบนี้ พูดง่ายๆ ใส่ให้ครูบาอาจารย์เอ็นดูและดูเป็นคนที่พึ่งพาได้ไรงี้ ซึ่งกลิ่นนี้จัดได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ทั้งกิจกรรมในร่มและกลางแจ้ง รวมถึงออกกำลังกายก็ใส่ได้ คงมาดสุภาพบุรุษสะอาดสดชื่นได้อีกด้วย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้เป็นสายท่องราตรีนัก 

ความทน - Montale ไม่เคยทำให้ผิดหวังในเรื่องนี้ 12 ชม. วนไปจ้า มากกว่านั้นด้วยนะจ้า เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. แบบชิลล์ๆ เลยจ้า 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีคงเส้นคงวาตั้งแต่ต้นยันช่วงกลาง ก่อนจะค่อยๆ ดรอปลงมากระจายปานกลางยาวไปคาบเกี่ยวช่วงท้าย พอพ้นไปซัก 8 ชม. ถึงลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบที่ได้กลิ่นตีขึ้นให้รับรู้กำลังดีไปตลอด 

สรุป - ทั้งหมดทั้งมวล กลิ่นนี้ไม่ใช่ Oud ในแบบสไตล์ตะวันออกกลางที่จะมาแบบอวลๆ เต็มๆ แขกๆ แต่ประการใด แต่เมนหลักของกลิ่นมันคือ Woody Aromatic แบบสไตล์น้ำหอมสุภาพบุรุษแต่งตัวดีหวีผมเรียบแปล้และดูสดชื่นติดภูมิฐานกึ่ง Classic อย่างมีเสน่ห์ได้อย่างลงตัวและมีดีในตัวสูงเสียมากกว่า เรียกว่าพลิกเกมกันได้ถ้าคนที่คาดหวังว่าจะเจอ Oud แน่นอวล ซึ่งไม่มีแน่ๆ อารมณ์ปกไม่ตรงกับเนื้อหาที่มีดีงามในตัวสูงนั่นเอง 

แถม - ใครที่คิดถึง Yves Saint Laurent pour Homme ที่เลิกผลิตไปแล้วทั้งฝาแดงและฝาดำ รวมถึงเป็นหนึ่งในกลิ่นสาย Vinatge สดชื่นที่ไม่เคยตกยุค บอกเลยใช้ Montale - Sliver Aoud แทนได้ เพราะกลิ่นใกล้เคียงมาก + เพิ่ม Oud เข้าไปเบาๆ บางๆ อย่างไม่มีนัยยะสำคัญอะไร 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://europerfumes.com/aoud-sliver/



วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Naomi Goodsir - Nuit de Bakelite

Naomi Goodsir - Nuit de Bakelite 

เดิมทีรู้จักแบรนด์ Naomi Goodsir ผ่านการส่องหาน้ำหอมใหม่ๆ และน้ำหอม Niche ที่อยากจะเอามาเข้าคลังของตัวเอง รวมถึงได้ผ่านการดมบางรุ่นอย่าง Bois d’Ascese แบบผ่านๆ มาก่อน แต่ก็ผลัดมาเรื่อยๆ เพราะโดนลากไปสอยแบรนด์อื่นเสียหมดทำได้แค่เล็งไว้ก่อนนะ จนกระทั่งเมื่อได้เห็นว่าน้ำหอมรุ่นส่าสุดที่ออกมาวางจำหน่ายปลายปี 2017 อย่าง Nuit de Bakelite ได้กระทำการแฮตทริกกวาดรางวัลทางด้านน้ำหอมมาครบจาก 3 แห่งเลย คือ 

1. Art & Olfaction Awards 2018 - Winner of Independent Category 
2. FIFI Awards 2018 - Expert Awards - Best Fragrance of an Independent Niche Brand 
3. Olfactorama Paris 2018 - Prix de l’Emotion 

เรียกว่าเห็นแบบนี้ ทำแค่เล็งไม่ได้แล้ว ต้องเอามาครอบครองให้ได้ ซึ่งก็ได้มาสมใจอยากแบบพยายามทุกช่องทางจริงๆ ที่จะเอารุ่นนี้มาครอบครอง (เข้าสู่สายล่าน้ำหอมรางวัลก็งานนี้) และหลังจากที่ได้ดื่มด่ำกลิ่นอายที่กวาดรางวัลนี้จนเต็มที่ก็ได้เวลาในการเล่ากลิ่นกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาในลักษณะไหน 

ช่วงเปิด คือ ที่สุดของแจ้เพราะความแรง ความฟุ้ง การกระจาย และพลังของกลิ่นพุ่งทะยานแบบสุดๆ เลยทีเดียวด้วยการนำของกลิ่นโทนสมุนไพรสดชื่นเคล้ากับยางไม้สายเขียวคมพุ่ง นั่นก็คือ ต้นโสมตังกุย (Angelica) ที่ให้ความปร่าคมฟุ้งสมุนไพรอารมณ์เจือกลิ่นโสมและยางไม้ Galbanum ที่ให้ความเขียวคมติดเรซิ่นยางๆ อารมณ์เหมือนยางไม้ที่ติดเปรี้ยวเขียวคมที่กลิ่นแหลมเฟี้ยว รวมถึงมีกลิ่นคล้ายๆ เหล้าหมักที่เขียวปั๊ดๆ อย่าง Absinth ที่หมักจากโกฐจุฬาลัมพา (Artemisia) เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งบอกเลยว่ามีความเป็น Sillage Monster สูงมาก เพราะเพียงแค่สเปรย์เดียวก็ทำเอาฟุ้งกระจายทั่วห้องได้ในทันทีแบบไม่มีอะไรมาหยุดได้ ซึ่งนอกจากความเขียวที่มาแบบจัดเต็มไม่สนใครหน้าไหน สิ่งที่ซ้อนเป็นเลเยอร์ในความเขียวคือ กลิ่นออกทางพลาสติคเบกาไลค์ (พลาสติคทนความร้อนชนิดหนึ่งที่มาจากการใช้ความร้อนและความดันอัดกระดาษหรือผ้า จนก่อให้เกิดพลาสติคขึ้นมา มักใช้กับเครื่องใช้ไปฟ้าหรือพวกฉนวนกันไฟฟ้า) แต่ไม่ได้มาแบบอุ่นร้อนแบบพลาสติคหลอม เพราะกลิ่นคุมโทนความเขียวปร่าติดเย็นได้ชัดมาก และมีโทนหอมครีมบางๆ ของดอกซ่อนกลิ่นที่เบลนด์ไปกับกลิ่นเขียวได้ดี ทำให้ช่วงต้นมีมิติที่ครบถ้วนแบบแปลก เก๋ ไม่เหมือนใครในความเขียว สมุนไพร พลาสติค ที่คมแปร่งแปลก แต่ติดหวานปลายกลิ่นที่ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นอาจจะขอตัวไปอาบน้ำล้างกลิ่นได้ในทันที เพราะรู้สึกว่าอาจจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่ถ้าใครรู้สึกถึงความ Unique และความเก๋ การติดตามการเดินทางของกลิ่นต่อเป็นเรื่องที่สนุกมากและจะเจอความงามซ่อนอยู่ได้เลยทีเดียวในหลังจากนี้ 

เมื่อโทนกลิ่นพลาสติคเริ่มจางลงและความเขียวเริ่มลดทอนลงมาในระดับหนึ่ง แต่แน่นอนความ Strong ยังคงชัดเจนทุกเม็ด กลิ่นที่เริ่มแทรกตัวออกมายืนหนึ่งเลย คือ ดอกซ่อนกลิ่น แต่สิ่งที่แตกต่างจากการเป็นซ่อนกลิ่นที่มักเจอในน้ำหอมต่างๆ คือ โทนกลิ่นจะให้ความเขียวมากกว่าครีมมี่ ความเย้ายวนจะมีความต่างเป็นเขียวเด่นซ้อนด้วยความดึงดูดแบบครีมมี่บางๆ แต่เนียนกริบในเนื้อกลิ่นเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะจะจับได้ถึงโทนเย้ายวนและดึงดูดของสายดอกไม้ขาวที่ให้ความนัวเย้าแนวๆ ดอกไม้กลางคืนที่ส่งกลิ่นลอยตามลม กับกลิ่นอายดอกไม้สายยั่วแบบมีจริตอย่างกระดังงาที่เป็นตัวเสริมความเป็นโทนดอกไม้สาวเย้ายวนในความเขียวได้เลย ในเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะแบบกลิ่นโทน Indolic ที่ให้ความตุ่ยๆ ตามธรรมชาติของดอกไม้และกลิ่นออกทาง Smoky หน่อยๆ ซึ่งสร้างมิติความ Dirty ในกลิ่นแบบบางๆ เร้าใจแบบเนียนๆ ได้เป็นอย่างดี ซ้อนเลเยอร์กลิ่นแบบโทนแป้งอับๆ หน่อยๆ จากกลิ่นคล้ายโทนหัวเหง้าไอริสหรือจะมาจากเมล็ดแครอทก็ได้ ทำให้กลิ่นมีจริตแตะความ Vintage กรุยกรายก็ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วงกลางนี้จะเป็นการปล่อยพลังทางกลิ่นที่แทรกความเย้ายวนของโทนดอกไม้เคล้าความเขียวเจือกลิ่นพลาสติคอ่อนๆ ได้อย่างดีงามและมีจริตที่กรุยกรายปนมาดมั่นได้ดีมากจนลืมความทรงพลังคมๆ ในตอนต้นไปเลย 

การส่งต่อทางโทนกลิ่นเริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับเมื่อผ่านไปในระยะหนึ่ง เพราะกลิ่นหนังจะเริ่มเนียนแทรกเข้ามาพร้อมกับกลิ่นโทน Smoky ปนไม้หอมติดเผ็ด Spicy ที่ชัดขึ้นจากช่วงกลาง และมีกลิ่นอายสายสะอาดอย่างโทน Musky ติดสอยห้อยตามมาด้วย ก็เป็นการเปลี่ยนช่วงมาเป็นช่วงท้ายของน้ำหอมที่เริ่มมีลักษณะแตะความ Vintage และ Timeless ชัดเจนมากขึ้น แต่ยังมีลักษณะของโทนกลิ่นแบบ Modern ติดทางเย้ายวนอยู่ ความเขียวที่ตามมาจากตอนต้นเริ่มมาเป็นทางสายกลางที่ไม่หนักหน่วงเกินไปเคล้าไปกับกลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่ให้โทนเจือสะอาดกำลังดีไปเรื่อยๆ มีความปร่าอ่อนๆ ปนโทนแป้งให้จับต้องได้เป็นมิติที่ให้ความสว่างครีมนวลแอบนัวได้อย่างน่าสนใจ เพียงแต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้ เพราะโทนหนังเริ่มกลายเป็นผู้เล่นหลักแทนที่ให้ความดาร์กปนลุ่มลึกของโทนยางไม้ที่ติดควันไอปนอบอุ่น สร้างออร่าความดาร์กมืดกำลังดีตีคู่กันไปกับโทนสว่างครีมเสียด้วย และที่สำคัญกลิ่นอายพลาสติคที่คิดว่าน่าจะจางลงไป แต่กลับยังคงอยู่เบาๆ เลยทำให้อารมณ์กลิ่นในตอนนี้ให้ความรู้สึกแบบสีครีมนวลในความดาร์กมืดที่ดึงดูดกันอย่างชัดเจนและคงตัวยาวไปแบบเสถียรทางการปล่อยพลังเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยราวๆ 65-70% แต่เพราะกลิ่นอายมันออกแนวสภาพแวดล้อมด้วยส่วนหนึ่ง ผู้ชายเลยใช้ได้ไม่ยาก แต่จะยากตรงที่พลังของกลิ่นที่มาเต็มมาแรงไม่อ่อนข้อให้ใครนี่แหละ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำนวนสเปรย์ต้องเหมาะสมหน่อย ไม่หนักมือเกินไป อย่างดี 2-3 สเปรย์ก็อาจจะจุกได้แล้ว กลิ่นอาจจะไม่เหมาะกับงานทางการจัดๆ จัด เน้นใส่แบบทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะทำงานหรือชิลล์ๆ อย่างมีสไตล์จะดีกว่า ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นจะจุกคอหอยทั้งตัวเองและคนอื่นๆ รอบทิศกันได้ ส่วนยามค่ำคืนเอาจริงๆ ถ้าแน่ก็ใส่ไปท่องราตรีได้สบายมาก เน้นความ Unique ที่แปลกแต่มีชั้นเชิงได้เลยและสามารถแย่งซีนได้หมด แม้กระทั่งใครจะกลิ่นแน่นหวานเยิ้มมาก็ตาม 

ความทน - ที่สุดของแจ้อีกดอก เพราะกลิ่นทนจัดมากกกกกก แบบที่ 15 ชม. แล้ว กลิ่นยังปล่อยพลังอยู่ แถมอาบน้ำล้างตัวแล้วก่อนนอนกลิ่นยังโดยออกมาอยู่ แถมข้ามวันแบบนอนตื่นมากลิ่นก็ยังติดอยู่ คือ ยอมใจ ทนไปอี๊กกกกก!

การกระจาย - Beast Mode ชัดเจน มาเต็ม มาแรง มาชัด ข่มทุกสิ่งอย่างรอบข้าง ปล่อยพลังกระจายดีขั้นสุดและที่สุดของแจ้กันเลย แล้วจะลดลงมากระจายดีคงตัวยาวไปเรื่อยๆ จนเมื่อพ้นซัก 5-6 ชม. จะลดลงมากระจายปานกลางที่ยังคงชัดเจนและผู้คนรอบตัวได้กลิ่นอยู่ ซึ่งชัดเจนเลยว่าตัวจริง แบบที่ถ้าใครใช้ไปเกิน 3-4 สเปรย์แล้วยังบอกว่าตัวนี้เป็น Safe Scent หรือไม่ได้กลิ่น ขออันเชิญคนนั้นไปทำบุญกรวดน้ำให้จมูกได้เลย จมูกคงตายไปจากโลกนี้แล้ว 

สรุป - กลิ่นนี้สร้างภาพในหัวออกมาได้เลยถึง ผู้หญิงที่เย้ายวนในห้องที่ปูผนังด้วยพลาสติคเบกาไลท์แต่ปิดไฟสลัว กับกลิ่นอายดอกไม้ขาวเจือกลิ่นหนังที่ดึงดูดเร้าใจปนเขียวคมรายล้อม โดยนางกำลังมีความสุขและเคลิบเคลิ้มราวกับเสพติดบางอย่างอยู่นี่แหละชัดเจนกับความเป็น Nuit de Bakelite 

ปล. จากรูปซ้ายเป็นขวดรุ่นใหม่ที่ปรับราคาขึ้นแล้ว ส่วนขวาเป็นขวดรุ่นเก่า

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.naomigoodsir.com/en/e-boutique/nuit-de-bakelite และhttps://www.woodberg.de/en/naomi-goodsir-parfums-nuit-de-bakelite-eau-de-parfum.html

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Jo Malone - Green Almond & Redcurrant

Jo Malone - Green Almond & Redcurrant 

ถ้าว่ากันเรื่องการออก Limited Edition บ่อยทั้งต้นปีปลายปี อาจจะมีพ่วง Seasonal เข้าไปด้วยในโซนน้ำหอม หนึ่งในแบรนด์ที่ปล่อยของใหม่เก่ง Re-Release เก่ง เปลี่ยนขวดตามเทศกาลเก่ง หลายคนๆ ก็คงมองมาที่ Jo Malone เพราะปล่อยของตลอดไม่มีเว้นว่างให้เก็บเงินกันเลย และขวดชมพูที่กำลังจะบอกเล่ากลิ่นนี้ก็เป็นหนึ่งใน Limited Edition เช่นกัน โดยออกมาวางจำหน่ายต้อนรับเ
ทศกาลคริสต์มาสของปี 2017 ที่ผ่านมากับการนำเสนอกลิ่นอายสไตล์ Gourmand Cologne เช่นนั้น กลิ่นจะมาในลักษณะไหน ก็ได้เวลาพิสูจน์กับรุ่นนี้เลย Green Almond & Redcurrant 

สีเขียว - คือช่วงเปิดที่สื่อสารชัดเจนถึงกลิ่นอายติดเขียวเจือกลิ่นอายถั่วอัลมอนด์ที่ให้อารมณ์ขมเจือหวาน ซึ่งในความเขียวที่มีอารมณ์คล้ายๆ กิ่งก้านส้ม จะมีกลิ่นอายโทน Citrus เจือไปด้วยอยู่ตลอด ทำให้กลิ่นตอนต้นมีความสดชื่นเป็นพื้นฐานของกลิ่น โดยมีความเป็นโทนถั่วอัลมอนด์ขมติดหวานปลายได้ลักษณะของกลิ่นแบบ Green Almond ที่ค่อนข้างชัดเจนมากเลยทีเดียว ซึ่งสามารถทำให้คนที่รักกลิ่นอัลมอนด์แต่ไม่ต้องการโทนออกทางแป้งหรือหวานแบบน้ำมันอัลมอนด์ เน้นอัลมอนด์แบบสดชื่นบอกถูกใจสิ่งนี้ได้เลยเพียงแค่แรกดม 

สีแดง - เข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่ความเป็นอัลมอนด์ดิบติดเขียวเริ่มที่จะลดทอนลงเปิดตัวให้กลิ่นอายผลไม้โทนสีแดงอย่างเรดเคอแรนท์ที่ให้ความเปรี้ยวติดเบอร์รี่ผลไม้แทรกขึ้นมา ซึ่งจะเสริมมิติที่สดชื่นในรูปแบบของผลไม้สีแดง เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้ออกทางแดงวาบแจ๋นขึ้นมาอะไรแบบนั้น มีความสมดุลย์กำลังดีให้ความเป็นสีแดงเจือกลิ่นอัลมอนด์ที่ค่อนไปทางถั่วติดเขียวเจือแป้งหน่อยๆ และมีความครีมมี่เบาๆ ที่ได้อารมณ์ออกทางสีครีมนวลเจือโทนวานิลลาอ่อนๆ ซึ่งน่าจะมาจากถั่วตองก้าที่ให้โทนราวๆ นี้ ทำให้สีแดงในช่วงกลางจะเป็นสีแดงที่ค่อนมาทางอ่อนๆ เป็นแดงครีม แต่ไม่ได้มาสายเย้ายวนแต่ประการใดให้ความสดชื่นเจือนวลมีความรื่นรมย์กำลังดีเสียมากกว่า ที่สำคัญกลิ่นเริ่มมีความอุ่นให้จับต้องได้เสียด้วย 

สีครีม - เมื่อกลิ่นโทนแดงครีมเริ่มเบาบางลงไป ความเป็นไม้หอมเริ่มเข้ามาแทนที่ ให้ความรู้สึกแบบสีเนื้อไม้ออกครีมเจือด้วยความอบอุ่นของกลิ่นอายสไตล์ไม้หอม ซึ่งช่วงนี้จะจับต้องได้เลยถึงกลิ่นอายแบบไม้โปร่งๆ สไตล์ไม้ซีดาร์ซึ่งน่าจะมาจากสารหอมอย่าง ISO E Super และมีกลิ่นอายแบบโทนไม้หอมแห้งๆ อบอุ่นมีลักษณะคล้ายสารหอมที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไม้ซีดาร์ หญ้าแฝกแห้งๆ และโทนอำพันปลาวาฬอย่าง Cedramber ที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงนัก แต่มีความสมดุลย์ลงตัวกำลังดีทำให้กลิ่นออกทางอวลอุ่นไม้แบบระเรื่อๆ ผสมผสานไปกับโทนครีมมี่อ่อนๆ ของถั่วตองก้าเนียนๆ บางๆ เจือในกลิ่นอยู่ เลยจะได้อารมณ์แบบสบายๆ อบอุ่น สว่างๆ เป็นโทนสีครีมเนื้อไม้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย สามารถใส่ได้หมดทุกเพศ มัะนอาจจะมีโทนเบอร์รี่แดงๆ บ้างแต่ก็ไม่ได้สาวแต่ประการใด ซึ่งสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน อาจจะมีเว้นสำหรับการใส่แบบยามทางการจัดๆ รับแขกบ้านแขกเมืองอะไรแบบนี้ ส่วนออกกำลังกายก็รอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ตลอดจนยามค่ำคืนที่เน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วๆ ไปจะดีที่สุด 

ความทน - เกินคาดความเป็น Jo Malone มากเพราะความทนดีงามกับราวๆ 8 ชม. เป็นพื้นฐานไม่พอ ถ้าสภาพผิวเอื้อและจำนวนสเปรย์เหมาะสมลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้เลย เพราะส่วนตัวใช้ 6 สเปรย์ กลิ่นทนตั้งแต่เช้าจนอาบน้ำก่อนนอนราวๆ 5 ทุ่มเลยด้วยซ้ำ อันนี้เป็นสิ่งที่ตะลึงจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นสร้างความเป็นโทนสีเขียว แล้วจะลดลงมาเป็นปานกลางด้วยสีครีมแดง แล้วคงสถานภาพการเป็นออร่ารอบๆ ตัวเบาๆ อวลๆ กำลังดีกับการเป็นสีครีมปิดท้าย 

สรุป - เอาจริงๆ ส่วนตัวไม่ได้นึกถึงว่ากลิ่นนี้เป็นโทน Gourmand หรือออกทางขนมมากนัก เป็นกลิ่นโทนไม้หอมเด่นเสียมากกว่า ถ้าจะมีขนมก็มีช่วงกลางที่ทำให้นึกถึงทาร์ตเรดเคอแรนท์วางข้างอัลมอนด์ดิบเขียวบนถาดไม้ซีดาร์ แต่ที่เหลือเป็นไม้หอมยาวไป แต่ยังไงกลิ่นนี้ก็สร้างความหอมที่มีเอกลักษณ์โดยยังคุมโทนลักษณะสไตล์โปร่งสว่างแบบ Jo Malone ได้ไม่มีผิดเพี้ยน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - เข็มขัดสั้น



วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Anna Sui - Secret Wish

Anna Sui - Secret Wish 

ถ้าพูดถึงแบรนด์น้ำหอมผู้หญิงที่ขวดสวยฝางามที่มีความน่ารักดึงดูดสายตาโดยที่เรื่องกลิ่นสามารถเอาไว้ทีหลังได้เลยในแรกเห็น คือหนีไม่พ้นแบรนด์ Anna Sui ที่ออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็สร้างความอยากที่จะครอบครองได้ไม่ยากเพียงแค่เห็น Package ทั้งหมดได้ไม่ยากในหมู่สาวๆ
 ยิ่งเฉพาะฝั่งเอเซียเรียกว่าน้ำหอมแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักมากเลยทีเดียว 

ที่มาที่ไปของการเป็น Anna Sui โดยการท้าวความสั้นๆ คือ เป็นหนึ่งใน Designer ชาวจีนที่ได้ไปเติบโตที่ USA และได้พิสูจน์ฝีมือทางด้านแฟชั่นจนปัจจุบันเป็นที่รู้จักทั่วโลก ไม่ว่าจะทางด้านแฟชั่นเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางค์ Skin Care และน้ำหอม เช่นนั้น ได้มาเจอกับน้ำหอมแบรนด์นี้ (จากเดิมที่ปล่อยผ่านมาอย่างยาวนานเพราะว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง) ก็ได้เวลามาถ่ายทอดต่อว่ากลิ่นอายแรกที่ได้มีโอกาสลองแบบเต็มๆ เป็นอย่างไร กับรุ่นนี้เลย Secret Wish 

แรงบันดาลใจที่มาจากเทพนิยายสู่ความเป็น Secret Wish ด้วยการนำเสนอโทนกลิ่นที่ตีคู่กันได้อย่างดีระหว่างโทนCitrus และ Fruity ผลไม้ โดยเปิดตัวกันเต็มๆ กับการเป็นโทน Citrus ที่มีกลิ่นโทนผลไม้และดอกไม้อ่อนๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายมากเว่อร์ แบบว่าฉีดทีเดียว สามารถทำให้ตัดสินใจซื้อได้ในทันทีเพราะมันสดชื่น สดใส น่ารัก และปลอดโปร่งแบบที่ยังไงก็รอดผ่าน อย. ด้านกลิ่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งแม้อาจจะนึกไพล่ไปถึงน้ำหอมดังๆ ที่กลิ่นคล้ายบ้างไม่ว่าจะเป็น D&G Light Blue หรือ Moschino Cheap & Chic I Love Love แต่ก็ฉีกตัวเองออกมาไม่ได้เหมือมากด้วยการเป็นโทนผลไม้เคล้าไม้หอมอ่อนๆ ที่รองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นเด่นนำที่เรียกว่าอยู่เป็นตัวเอกยาวไปเลยตั้งแต่ช่วงต้นยันปลายช่วงท้าย คือ เลมอน ที่ให้ความเปรี้ยวสดชื่นสว่างติดหวานปลายเจือสะอาดๆ ที่จะชัดเจนเต็มๆ เลยในช่วงต้น แต่จะมีโทนกลิ่นผลไม้สนับสนุนอยู่อย่างเมลอน และกลิ่นโทนคล้ายแอปริคอตแต่เบาๆ จะให้ความหวานสบายๆ เบาๆ และมีกลิ่นโทนออกทางเขียวติดหวานอ่อนๆ ที่สร้างมิติของโทนเขียวให้สนับสนุนให้กลิ่นโทน Citrus ของเลมอนนั้นมีความสว่างและติดหวานปลายได้อย่างลงตัว เรียกว่าแทบไม่ต้องใช้ลีลาอะไรทางกลิ่นเลย เปิดมาก็หอมสดชื่นสบายๆ ปนน่ารักสว่างๆ ที่โดนใจได้ไม่ยาก 

เมื่อโทนกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยกลิ่นโทนผลไม้เริ่มจะกลายเป็นตัวเด่นในการเดินกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งโทนกลิ่นเลมอนจะดรอปลงมานิดหน่อย ดันให้กลิ่นของสับปะรดจะชัดเจนขึ้นมาแบบเป็นสับปะรดออกทางติดเปรี้ยวไม่ได้หวานฉ่ำชุ่มอะไรนัก โดยมีลูกคู่อย่างกลิ่นของแบล็คเคอร์แรนท์ที่ให้ความเป็นโทนเปรี้ยวค่อนไปทางเบอร์รี่ติดม่วงเปรี้ยวเจือปร่าหน่อยๆ เข้าทางโทนแห้งๆ ที่มีกลิ่นออกทางไม้หอมสะอาดๆ โปร่งๆ เป็นเลเยอร์ล่างสุดในการรองพื้น กลิ่นในช่วงนี้จะเป็นการผสมผสานที่เรียกว่ายังไงก็รอด เพราะเป็นกลิ่นที่เข้าถึงได้ง่ายสุดๆ ได้ทั้งความเปรี้ยวสดชื่นติดสะอาดๆ สบายๆ ที่เป็นจุดลงตัวและส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดีของโทนผลไม้ติด Citrus ติดแห้ง โดยกลิ่นจะลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายที่ความสดชื่นติดเปรี้ยวสว่างจะค่อยๆ จางไปเรื่อยๆ แต่ยังจับต้องได้อยู่บางๆ เสริมให้ยังมีความสดชื่นอยู่ แต่กลิ่นที่จับต้องได้ชัดขึ้นมาเลยคือกลิ่นไม้หอมโทนสว่างปร่าอ่อนๆ แนวๆ ไม้ซีดาร์ โดยมีกลิ่นสะอาดเบาๆ ปนอบอุ่นหน่อยๆ ที่มาจากโทนสไตล์ Musk ซึ่งยังไงก็ยังเป็นกลิ่นที่ยังมีความรอดสูง เบาๆ สบายๆ ระเรื่อๆ เน้นคลอผิวไปเรื่อยๆ มีออร่าความสดชื่นติดสว่างอ่อนๆ จนกว่าจะจางไป

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศ วัยตั้งแต่ ประถมปลายก็ใส่ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นมันสดชื่น สบาย น่ารัก สว่างๆ ไม่ถึงกับลั่นล้าแจ๋นๆ เกินไป ใส่แล้วสร้างความเยาว์วัยสดใสเป็นสำคัญ โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นให้ความสดชื่นและเป็นสายปลอดภัยที่ใครได้กลิ่นก็เข้าถึงได้สบายมาก แถมไม่รบกวนใครเสียด้วย ส่วนยามค่ำคืนเน้นการใส่แบบสบายๆ สร้างความสดชื่นเวลาอาอากศอบอ้าวจะดีกว่าใส่ไปท่องราตรีที่โดนกลบหมดเกลี้ยงไร้ตัวตนเพียงแต่ก้าวเท้าเข้างานปาร์ตี้กันได้เลย สิ่งที่พิเศษอย่างหนึ่งของกลิ่นนี้คือ แม้กลิ่นจะมีความสาวสดใสสดชื่น แต่ผู้ชายก็ใส่ได้อยู่ เพราะกลิ่นมีความกลางๆ ในลักษณะแบบ Fruity Citrus ที่รองพื้นด้วยไม้หอมโปร่งๆ ที่เน้นเบาๆ ที่ใส่แล้วก็ไม่โดนใครทักว่าจะ Grand Opening แน่ๆ (ยกเว้นมีคนถามแล้วตอบไปว่าใส่ Anna Sui อาจจะมีหันมามองหน้ากันได้)

ความทน - บอกเลยว่า เป็นข้อด้อยของน้ำหอมรุ่นนี้ เพราะอยู่ที่ราวๆ 3 - 4 ชม. เป็นสำคัญ อิงตามสภาพอากาศ สถาพผิว และจำนวนสเปรย์ด้วย ซึ่งกลิ่นสามารถลากไปได้ถึง 6 ชม. ถ้าอากาศแบบกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาว แต่ถ้าร้อนจัดๆ เหงื่อซึม ก็จากลาไปไวมาก ทางที่ดีพกติดตัวไปเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันจะดีที่สุด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น สร้างความสดชื่นสว่างๆ Sparkling กันชัดเจน แล้วจะลดลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัว แบบติดผลไม้ ก่อนจะเป็น Skin Scent จนกว่าจะจางไป 

สรุป - #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ของน้ำหอมฝ่ายหญิงสายสดชื่น ที่ใช้แล้วยังไงก็รอด ไม่มีใครเบ้ปาก รวมถึงเข้ากับอากาศร้อนชื้นของบ้านเราได้อย่างดีมากเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://annasui.com/products/secret-wish-eau-de-toilette



วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Ormonde Jayne - Sampaquita

Ormonde Jayne - Sampaquita 

Sampaquita เป็นชื่อดอกไม้ประจำชาติของฟิลิปปินส์ที่มีความหมายว่า
 “I Promise You - ฉันสัญญาที่สื่อสารถึงความบริสุทธิ์ บอบบาง จงรัก และพร้อมแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น แต่เมื่อมาดูลักษณะทางกายภาพแล้วดอกไม้ชนิดนี้คนไทยก็จะรู้จักกันเป้นอย่างดีนั่นก็คือ ดอกมะลิลา (ขึ้นต้นก็เป็นมะลิซ้อนพอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา) ซึ่งเมื่อ Ormonde Jayne ได้นำเอาความงดงามของการเป็นกลิ่นอายมะลิลาของฟิลิปปินส์มาสื่อสาร รายละเอียดกลิ่นที่ได้ก็ว่ากันตามนี้เลย

เปิดตัวกันด้วยโทน Floral ที่ค่อนข้างชัดเจนโดยมีกลิ่นอายของแมกโนเลียที่ให้ความเป็นกึ่ง Citrus กึ่งดอกไม้ขาวที่มีความครีมอ่อนๆ เจือ Wax หน่อยๆ มีกลิ่นอายติด Aquatic ปนหวานปะแล่มๆ แปร่งๆ ของดอกบัวสาย และกลิ่นโทนเขียวเจือโทนออกทางพริกไทยอ่อนๆ ของฟรีเซียที่เป็นตัวหลักของโทนกลิ่นที่กำหนดทิศทางของน้ำหอมในการสร้างความหอมสดชื่นปนนุ่มนวลและสดใส ซึ่งจะมีตัวเสริมที่ดีที่ให้มิติของการเป็นโทนติด Tropical แบบไม่จงใจมากเกินไปอย่างลิ้นจี่ ที่ทำให้กลิ่นคุมโทนความหวานใสและสว่าง ซึ่งจะมีมิติที่สร้างความเป็นธรรมชาติในกลิ่นอย่างกลิ่นอายติดเขียวหญ้าติดสมุนไพรอ่อนๆ หน่อยๆ ความเป็น Citrus ออกทางติดขมบางๆ ลอยตามลม Airy แนวๆ มะกรูดฝรั่งบางๆ ทำให้อารมณ์กลิ่นจะได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนที่มีบึงบัวสายครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็เป็นสวนดอกไม้ที่มีแมกโนเลียและฟรีเซียผสมผสานกันอยู่จนเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีมิติครบถ้วนทั้งเขียว ฉ่ำ นวล ใส หวานอมเปรี้ยว สมุนไพร โดยมีความอ่อนโยนกำลังดีซ่อนอยู่เนียนๆ ในกลิ่นได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว 

กลิ่นในช่วงต้นจะเริ่มมีการปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยความฉ่ำเริ่มจะเบาบางลง และเริ่มมีกลิ่นนวลใสอ่อนๆ เข้ามาร่วมอย่างเนียนๆ จับต้องได้แบบออกแนวเป็นผู้ร่วมรายการนั่นคือ มะลิ ที่มาแบบเงียบๆ เรียบร้อย ไม่กระโตกกระตากใดๆ ซึ่งเป็นสายสนับสนุนให้ 3 สหายทั้งฟรีเซีย บัวสาย และแมกโนเลียที่ยังชัดเจนอยู่ครบเลยเป็นตัวเดินเรื่องแทน โดยมะลิจะให้ออร่าความนวลปนใสหอมรื่นรมย์แบบที่ค่อยเป็นค่อยไปกลางๆ ไม่ทำให้กลิ่นภาพรวมกลายเป็นดอกไม้ขาวข้นหนักเลย และที่สำคัญกลิ่นจะเริ่มนวลมากขึ้นจากโทน Musky ที่เป็นตัวรองพื้นสร้างความรู้สึกสว่างนวลเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งทั้งหมดจะคุมโทนความเรื่อยๆ มาเรียงๆ เจือกลิ่นออกทางหวานบางๆ กับกลิ่นเขียวแห้งเจือหวานอ่อนๆ ทุกอย่างไม่มีอะไรโดดมากนักแต่ลงตัว จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายติดไม้แห้งๆ อ่อนๆ กับกลิ่นสะอาดๆ นุ่มๆ เจือกลิ่นสมุนไพรออกทางเวจจี้ปนเมทัลลิคอ่อนๆ ค่อยๆ เนียนเข้ามาในกลิ่นก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายกันอย่างชัดเจน โดยจะกลายเป็นโทน Floral Musky ที่ให้เลเยอร์ความหอมของกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ที่ยังพอจับต้องได้ เชื่อมโทนด้วยกลิ่นออกทางสมุนไพรเวจจี้บางๆ รองพื้นด้วยกลิ่นอาย Musk และไม้หอมติดแห้งอ่อนๆ ของหญ้าแฝกที่สร้างมิติให้กลิ่นมีลูกเล่นเบาๆ เข้าโทนสว่างและรื่นรมย์สไตล์น้อยแต่มากไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมาสายสภาพแวดล้อมเสียมากเลยเป็น Unisex ที่แตะได้หมดทุกเพศ เพียงแต่เพราะเป็นโทนดอกไม้ เลยจะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายมาก ซึ่งเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปได้หมด จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนแนะนำให้ใส่เพื่อความผ่อนคลายจะลงตัวที่สุด เพราะที่เหลือไม่ว่าจะท่องราตรีหรือออกงานสามารถโดนกลบได้หมดเกลี้ยงเลย 

ความทน - ค่อนข้างแกว่งพอสมควร อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยช่วยหนึ่ง ซึ่งถ้าเฉลี่ยออกมาแล้วจริงๆ ก็ราวๆ 6 ชม. ที่กลิ่นให้ความกำจายออกมาเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ จางไป อาจจะมีติดผิวบ้างก็ว่ากันไป เพราะส่วนตัวกลิ่นผ่านไป 8 ชม. ยังติดผิวอ่อนๆ อยู่เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ปิดท้ายที่ Skin Scent ซึ่งทั้งหมดนั้นก็คือสาย Safe Scent นั่นเอง เพียงแต่มีความ Unique ที่สร้างความน่าสนใจในการรับรู้กลิ่นเพิ่มเข้ามา 

สรุป - กลิ่นมาสายน้อยแต่มาก ไม่ได้เน้นโฉ่งฉ่าง เน้นเรื่อยๆ มาเรียงๆ ให้โทนความเป็นดอกไม้ที่แม้ว่าจะไม่ได้เด่นกับการเป็นโทนมะลิลาตามชื่อรุ่น แต่ก็ให้ความเป็นโทนสว่างและรื่นรมย์ด้วยลูกเล่นของกลิ่นอายดอกไม้ที่ให้ทั้งโทน Aquatic โทนดอกไม้ขาวใส และโทนเขียวติดนวลเครื่องเทศ และโทนครีมติดเปรี้ยวอมหวานแบบที่ไม่ค่อยเหมือนใครในท้องตลาดได้ลงตัว

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit https://essenza-nobile.de/fragrances/ormonde-jayne/ormonde-jayne-sampaquita-.html



วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Kiton Men

Kiton Men

ถ้าว่ากันด้วยเรื่องแบรนด์แฟชั่นที่มีดีทางด้านสูทและได้รับการยอมรับทั่วโลกถือว่ามีมากมาย แต่ถ้ามุ่งมาที่แบรนด์สาย Exclusive ราคาสูงและคุณภาพยอดเยี่ยมสุดๆ และเป็นหนึ่งในตองอูระดับ Top ที่มีทั้งสูทแบบสำเร็จรูปและสูทแบบสั่งตัดสไตล์ Classic ให้ความเรียบหรู เท่ห์ สมาร์ท และมีออร่าความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่มีระดับสูงมาก รวมถึงสามารถดำเนินการตัดสูทให้ได้ภายในเวลาประมาณ 25 ชม. โดย
ที่ฝีมือและฝีเข็มเป๊ะทุกอย่างอีกด้วย ซึ่งนั่นก็คือ Kiton 

เรื่องสูทก็ว่ากันเพียงเท่านี้ แต่มาคุยกันในเรื่องน้ำหอมของแบรนด์นี้ที่ได้มีการผลิตออกมาวางจำหน่าย สร้างความครอบคลุมในการใช้งานที่นอกเหนือจากเรื่องสูทแทนดีกว่า ซึ่งแม้ว่า Kiton จะไม่ได้มีน้ำหอมเยอะมากนัก แต่ได้รับความนิยมเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดจนถึงปัจจุบันกับการนำเสนอโทนกลิ่นที่สร้างออร่าความเป็นสุภาพบุรุษที่ทีมีระดับมาเสมอ และหนึ่งในนั้นก็คือรุ่น Kiton Men ที่ต้องเอามาเล่ากลิ่นในครั้งนี้ 

เปิดตัวกันที่โทนกลิ่นแนว Citrus ติดเขียว Aroma หน่อยๆ ซึ่งมาจากกลิ่นอายของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เคล้ากับเลมอนที่ติดไปทางเขียวๆ โดยมีกลิ่นโทนผลไม้ของสับปะรดที่ไม่ได้ออกทางนัวหวานฉ่ำ แต่เป็นสับปะรดออกทางติดเปรี้ยวขาวปนเมทัลลิคเบาๆ เสริมโทนอยู่ ซึ่งจะเคล้าไปกับกลิ่นโทนสมุนไพรเผ็ดนุ่มที่วูบมาก่อนตอนแรก ซึ่งจะมีความคมให้รับรู้อยู่บ้าง แล้วกลิ่นโทนดอกไวโอเล็ตจะเสริมขึ้นมาไวมากทำให้กลิ่นช่วงต้นเลยจะได้อารมณ์ Citrus ติด Floral โปร่งเจือหวานมีที่ให้ความเป็นโทนผู้ชายออกทางแมนสุภาพบุรุษติด Citrus สดชื่นแบบไม่ได้ไปสายฉ่ำจ๋าแต่อย่างใด อิงตามแมนเรียบหรูมีระดับเป็นสำคัญ ซึ่งบอกกันเลยว่าในช่วงต้นของ Kiton Men ทำให้นึกถึง Creed Green Irish Tweed ขึ้นมาได้เลย เพียงแต่จะไม่ได้ออกทางเขียวเท่า ซึ่งต้องให้เครดิตดอกไวโอเล็ตที่สร้างโทนดอกไม้โปร่งๆ ติดแป้งที่ดันขึ้นมาไวพอสมควรนั่นเอง 

เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพราะไวโอเล็ตจะเป็นตัวเด่นขึ้นมาทำให้ได้ความนวลโปร่งของโทนออกทางแป้งเจือหวานมีกลิ่นดอกไม้จางๆ แต่มีความเข้มในระดับหนึ่ง รวมถึงมีกลิ่นอายของโทน Musky ติดนวลสะอาดกึ่งนุ่มโทนถั่วตองก้าปนไม้หอมหน่อยๆ ที่เริ่มแทรกตัวเข้ามาเสริม กลิ่นเลยจะยังคุมโทนการเป็นโทนสุภาพบุรุษที่มีความเป็นโทนแป้งติดดอกไม้แบบเรียบหรู นิ่งๆ และมีความละมุนที่คงตัวให้ความสมูธในกลิ่นและมีพลังกำลังดีไปตลอด ซึ่งแอบมีบางวูบที่ทำให้นึกถึง Dior Fahrenheit อยู่บ้าง แต่กลิ่นจะเรียบร้อยกว่ามาก ไม่ได้ดูเตรียมพร้อมเซ็กซี่กล้ามแน่นแต่อย่างใด จนเมื่อโทน Musky นุ่มๆ ติดสะอาดนวลของ Musk เริ่มเทคโอเวอร์กลิ่น โดยจะมีกลิ่นไม้หอมติดโทนกระดาษหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วยและโทนแป้งหอมดอกไม้เจือหวานหน่อยๆ ของไวโอเล็ตจะเริ่มเบาลงเป็นแต่สายสนับสนุนให้ความหอมนวลเจือโปร่งบางๆ เนียนไปกับกลิ่นแทน ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมอย่างเป็นทางการที่จะทำให้เห็นภาพออกมาเป็นผู้ชายในเสื้อเชิ้ตขาว มาดขรึม ภูมิฐาน อบอุ่น น่าไว้วางใจ และมีระดับ ให้โทนที่นึกถึงสุภาพบุรุษเรียบหรูนิ่งๆ กำลังดีและมีความเป็น Leadership ที่แฝงในกลิ่นได้อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นนี้มาสายสร้างความสดชื่น นุ่มนวล และสุขุม บนพื้นฐานกลิ่นที่เป็นโทนสะอาดนวลมีระดับที่สร้างออร่าความเป็นสุภาพบุรุษได้ดีมาก เลยเหมาะกับการใส่ช่วงกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไปที่ต้องการความภูมิฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง เอาจริงๆ ก็ใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายก็ได้อยู่ แบบรอช่วงท้ายๆ จะถือว่าลงตัว ส่วนยามค่ำคืนก็แบบทั่วๆ ไปรวมถึงออกงานได้เลย แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรีรั่วสุดฤทธิ์ ปล่อยเสน่ห์สุดตัว แนะนำให้ข้ามตัวนี้ไปจะดีกว่า เดี๋ยวเขาจะนึกว่าเปลี่ยนที่ทำงานมาทำงานในผับแบบโดนบังคับมา 

ความทน - ไปแตะ 12 ชม. และมากกว่านั้นได้เลย แต่ก็จะอิงตามสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าเอาค่าเฉลี่ย ยังไงก็ 8 ชม. ได้สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แต่ไม่ได้หนักหน่วงเกินไปจนแน่นอึดอัด แต่จะมีคมๆ บ้างหน่อย แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้าย ซึ่งพอพ้นไปซัก 8 ชม. ถึงจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป 

สรุป - กลิ่นอาจจะไม่ได้ถึงกับหวือหวา แต่ความหรูหราและภูมิฐานน่ะมาเต็ม ซึ่งเหมาะมากกับการใส่เพื่อเพิ่มออร่าการเป็นผู้นำ มีระดับ สุขุมและสมาร์ทมาก เอาง่ายๆ ถ้า Creed ให้อารมณ์หรูหราและมีระดับได้เท่าใด Kiton ก็ให้ได้พอๆ กันสมกับเป็นหนึ่งในแบรนด์สูทที่ยอดเยี่ยมอีกแบรนด์ของโลก

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.fragrancenet.com/cologne/kiton/kiton/edt



Review: Givenchy - Eaudemoiselle de Givenchy Ambre Velours

Givenchy - Eaudemoiselle de Givenchy Ambre Velours 

เห็นมาก็นานมากเลยทีเดียวกับหนึ่งใน Collection น้ำหอมยอดนิยมของ Givenchy กับ Eaudemoiselle de Givenchy แต่เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้คลาดกันมาตลอด เพราะว่าไลน์นี้เป็นน้ำหอมผู้หญิง แต่เมื่อคนจะได้เล่ากลิ่น ก็ได้มีมาให้ได้ใช้งานจนได้ แต่ไม่ใช่ตัวต้นตระกูล เพราะข้ามมาที่ตัวลูกอย่าง Eaudemoiselle de Givenchy Ambre Velours ที่ได้วางจำหน่ายเมื่อปี 2013 กันก่อนเลย (ถ้ามีโอกาสจะไปลองตัวต้นตระกูลภายหลัง) เลยทำให้รู้ว่า

เปิดตัวด้วยโทนผลไม้ติดเย้ายวนกึ่งดาร์กกึ่งฉ่ำของลูกพลัมล้อและตีคู่กับกลิ่นกุหลาบที่เด่นเด้งออกมาอย่างชัดเจนกันก่อนเลย เพียงแต่ในเนื้อกลิ่นจะไม่ได้ดิ่งลึกจัดจ้านอะไรนัก จะได้ในลักษณะสีแดงกับสีม่วงมาเจอกัน ให้อารมณ์น่ารักก็ได้ เย้ายวนก็ดี มีสายสนับสนุนที่ดีเสริมให้ความเป็นกุหลาบไม่ได้ออกทางคลาสสิคเลย มีความทันสมัยเจือความมั่นใจกึ่งน่ารักเนียนๆ กำลังดีเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่กี่อึกใจถัดมาจะเริ่มเข้าสู่ช่วงกลางที่กุหลาบจะกลายเป็นตัวเด่นนำคุมโทนความเป็นกุหลาบสไตล์ทันสมัยอยู่เช่นเคย มีความเป็นสีแดงเจือม่วงที่ยังชัดเจนจากพลัมที่ให้โทนผลไม้อยู่เหมือนเดิม แต่จะมีพิมเสนที่มาเสริมความหรูหราของโทนกลิ่นที่ให้ความ Earthy ติดหวานปนดิบบางๆ ทำให้กลิ่นมีความกรุยกรายและมีจริตปนเย้ายวนดึงดูดกำลังดี ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ออกทางข้นแน่นเกินไป เพราะจะจับได้ถึงกลิ่นโทนไม้หอมอ่อนๆ โปร่งๆ ติดเครื่องเทศบางๆ ร่วมอยู่ด้วย แต่นี่แค่ฉากหน้าของช่วงกลางเท่านั้นเพราะความอวลลึกปนอบอุ่นเริ่มเข้ามาผสมผสานแบบเนียนๆ ในลักษณะโทนยางไม้ที่ออกทางวานิลลากับเครื่องเทศอุ่นๆ สไตล์อบเชยแต่ไม่หนักหน่วง และมีกลิ่นอายออกทาง Incense เนียนลึกผสมผสานอยู่ ทำให้กลิ่นจะมีลักษณะแบบค่อนไปทางไซรัปหรือโทนยางไม้ที่ให้ออร่าออกมาเป็นกลิ่นอายกุหลาบติดหวานลึกอุ่น เย้ายวน และมีจริตปนเซ็กซี่ที่ไม่ได้ดูพยายาม ได้ความรู้สึกเหมือนเห็นผู้หญิงในชุดราตรีสีแดงกุหลาบกำมะหยี่ที่มีระดับและดึงดูดสายตา ซึ่งกลิ่นจะเริ่มมีความอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับจนเข้าสู่ช่วงท้าย ซึ่งคราวนี้จะจับได้อย่างชัดเจนในลักษณะกลิ่นอายแบบแอมเบอร์ที่คาบเกี่ยวทั้งโทนแบบไม้หอมอบอุ่นปนยางไม้ที่มีโทนวานิลลาค่อนไปทางหวาน รวมถึงมีลักษณะกลิ่นอายติดยางไม้ Incense ค่อนฝุ่นหน่อยๆ ทำให้กลิ่นมีความ Dirty นิดๆ ตัดทอนไม่ให้กลายเป็นกุหลาบหวานเชื่อมวานิลลาเกินไป ซึ่งคุมโทนกลิ่นอายยางไม้เจือวานิลลาที่อุ่นหอม on top ด้วยความเป็นกุหลาบเจือพิมเสนแบบที่กลิ่นเบาลงมาจากช่วงกลางได้อย่างลงตัว ให้ความหวาน หรูหราและเย้ายวนแบบไม่ต้องพยายาม โดยสร้างอารมณ์ไล่สีแดงไปสู่แดงเจือม่วงลุ่มลึกอวลอบอุ่นอย่างมีชั้นเชิง โดยที่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นมีเนียนๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป คุมโทนทั้งแต่ต้นยันปลายได้ดีมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นสร้างออร่ามีระดับและวางตัวอย่างมีชั้นเชิงในการนำเสนอ Sex Appeal และความมั่นใจโดยให้ความรู้สึกสีแดงเจือม่วงปนอบอุ่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ไม่ได้ทางการจัดๆ เกินไปนัก ใส่แบบทำงานออกแนวสาวมั่น หรือใส่ทั่วๆ ไปได้อยู่แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม แต่ให้เว้นการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและการออกกำลังกายไปจะดีกว่า ไม่เข้าทางนัก แต่เมื่อเข้ายามค่ำคืนบอกเลยจัดไป กลิ่นนี้ใส่ได้ทั้งออกงาน หรือท่องราตรีแบบมีระดับสร้างความ Hot ที่มีชั้นเชิงแบบผู้หญิงมั่นใจติดหวานลึกได้เลยทีเดียว อารมณ์สาวในชุดแดง Velvet ที่ดึงดูดด้วยเสน่ห์และบุคลิกเสียมาก ไม่ใช่ตะบี้ตะบันแดงเลือดแจ๊ดแจ๋เรียกร้องความสนใจแต่ประการใด อ้อ กลิ่นนี้แอบ Unisex ช่วงท้ายๆ เสียด้วย เช่นนั้นถ้าไม่มายด์กลิ่นกุหลาบทันสมัยในตอนต้น ผู้ชายก็พอใส่ได้อยู่ 

ความทน - ดีมากกกกก 8 ชม. เป็นพื้นฐาน และมากกว่านั้นได้เลยถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว เพราะเมื่อใช้เองก็ลากไปที่ 12 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลาง ค่อนลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายยาวไป ซึ่งไม่ถึงกับรบกวนใครแบบหนักหน่วงมากนักถ้าดูในภาพรวม 

สรุป - นี่คือหนึ่งในกลิ่นอายสายอบอุ่นเย้ายวนที่มีกุหลาบเจือพิมเสนเป็นฉากหน้าอย่างมีจริต มั่นใจ และหรูหราในโทนสีแดงออกทางแดง Vetvet กำมะหยี่ที่งามมากเลยทีเดียว จนทำให้รู้สึกพลาดในใจไปไม่น้อยว่าไม่ทำไม่ลองมาก่อนหน้านี้หนอ กลิ่นออกจะดีขนาดนี้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.neimanmarcus.com/en-th/p/givenchy-eaudemoiselle-ambre-velours-prod162400269

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Juliette Has a Gun - Vanilla Vibes

Juliette Has a Gun - Vanilla Vibes 

เมื่อถึงเวลาปลายเดือนสิงหาคม - ต้นเดือนกันยายนของทุกปีที่ตรงกับช่วงวันแรงงานของประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีเทศกาลทางศิลปะที่จัดเต็มเรื่องความหลุดโลกและเสรีสุดๆ ให้เต็มที่เกิดขึ้น 1 สัปดาห์ โดยสร้างเป็นเมืองขนาดย่อมกลางทะเลทราย Black Rock ในรัฐเนวาด้า โดยมีสัญลักษณ์ประจำงานคือ หุ่นไม้ยักษ์รูปมนุษย์ใจกลางงานเทศกาล โดยให้แต่ละคนที่มาเข้าร่วมปล่อยความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ และโชว์ความเป็นงานศิลปะของตัวเองได้เต็มเหนี่ยว โดยไม่มีการจำหน่ายอะไร มีแต่การแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น จบงานก็เผาทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง เก็บขยะและของที่ติดตัวมาทุกอย่างกลับไปทิ้งบ้าน ปล่อยให้สภาพแวดล้อมของทะเลทรายคงเดิมให้มากที่สุด แล้วกลับไปมีชีวิตของแต่ละคนตามหน้าที่ ซึ่งเทศกาลสุดติ่งนี้ คือ Burning Man Festival 

และเทศกาลนี้ก็เป็นที่มาของการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Niche Brand สายเก๋อย่าง Juliette Has a Gun ที่ดึงเอาช่วงเวลาแห่งความสนุกทั้งภายใต้ท้องฟ้าสีวานิลลา เพลง Electro และการแต่งตัวแบบเมทัลลิคเก๋ๆ ที่สุดติ่ง ทั้งการผจญภัยและอิสระเสรีต่างๆ ในเทศกาลมาลงในขวด ซึ่งกลิ่นอายจะถ่ายทอดออกมาเป็นอย่างไร ว่ากันที่รุ่นนี้เลย Vanilla Vibes 

ดอกเกลือจะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นตั้งแต่ต้นยันปลายช่วงกลางที่จะทำให้กลิ่นอายมีความเค็มเจือหวานปลายอยู่ตลอด ซึ่งกลิ่นนี้จะแตกต่างจากกลิ่นเกลือปกติที่จะมีอารมณ์ของความเค็มทะเลเจืออยู่ แต่เพราะเป็นเกลือที่เกิดแรกสุดของการทำนาเกลือ เลยจะไม่ได้เค็มจัดและจะเจือกลิ่นติดหวานปลายที่กำลังดี (มักเอาไปประกอบพวกเครื่องสำอางค์ เพราะรสเค็มบำรุงผิวเนื้อ) เลยทำให้ช่วงต้นเปิดตัวมากับความเค็มที่ไม่ได้ออกทางทะเลมากนัก มีความแห้งในระดับหนึงเจือหวานปลายสอดรับกับกลิ่นของวานิลลาที่ค่อยชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ เจือกลิ่นคล้ายโทนมะพร้าวหน่อยๆ แนวๆ พวกกลิ่นโลชั่นกันแดดออกทางครีมๆ แต่ไม่ได้หนักหน่วงมากนัก ทำให้ภาพรวมในช่วงแรก จะเป็นกลิ่นเค็มหอมแบบเกลือที่ติดหวานอ่อนๆ มีความแห้งกำลังดีมีเสน่ห์ ที่ให้อารมณ์กลิ่นจะได้โทนออกทางสีฟ้าเจือขาวได้อย่างน่าสนใจมาก 

และวานิลลาก็จะเริ่มเป็นตัวตีคู่ขึ้นมาเด่นคู่กับกลิ่นดอกเกลือโดยกลิ่นจะเริ่มแปรเปลี่ยนความรู้สึกชัดเจนเป็นวานิลลาที่ติดเค็มอ่อนๆ มีความเป็นโทนกึ่งแป้งนวลกึ่งโลชั่นกำลังดี ซึ่งจะจับได้ถึงกลิ่นที่สนับสนุนโทนแป้งในช่วงนี้อย่างกล้วยไม้ที่ให้ความนวลๆ เจือสะอาดรองพื้นความหวานติดเค็มนวลๆ ของวานิลลา ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับเลยว่าโทนกลิ่นในช่วงกลางให้ความรู้สึกที่เป็นสีส้มนวลปนเหลืองกำลังดีมาก อารมณ์ไล่เรียงต่อจากช่วงต้นคล้ายสีขวดจากฟ้าสู่เหลืองส้ม ได้ความรู้สึกของการเป็นช่วงใกล้โพล้เพล้ที่ท้องฟ้าสีวานิลลาได้เป็นอย่างดีมาก จนกลิ่นจะค่อยๆ ผ่อนลงไปเรื่อยๆ โทนเค็มดอกเกลือจะเหลือเพียงเบาบาง ปล่อยให้กลิ่นอายโทนครีมมี่นวลสะอาดติดแป้งหน่อยๆ ของ Musk และไม้หอมเปิดตัวออกมาเป็นตัวเด่นในการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม ซึ่งโทนวานิลลาจะยังมีอยู่เคล้ากับกลิ่นครีมมี่ออกทางนุ่มๆ ของถั่วตองก้าและยางไม้กำยาBenzoin ที่มีโทนวานิลลาติดหวานหน่อยๆ เป็นตัวสร้างความเป็นโทนวานิลลาอบอุ่นเสริมโทนแป้งนวลหอมติดไม้หอมของ Musk และไม้จันทน์หอมที่ให้ความนวลๆ เย้ายวนกำลังดี รื่นรมย์กำลังงาม ติดอบอุ่นสวยๆ ไปตลอด และมีความละมุนระเรื่อไปเรื่อยๆ สมกับชื่อรุ่นว่า Vanilla Vibes นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย แต่จะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่านิดนึง ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นนัยยะสำคัญอะไรนัก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ข้ามยามทางการทั้งหมดไปได้เลย เพราะกลิ่นมาสายชิลล์ แต่พอใส่ทำงาน Office ได้อยู่ ถ้าไม่ได้พบปะผู้คนเพื่อทางธุรกิจนัก รวมถึงยามชิลล์ๆ พักผ่อน ท่องเที่ยว หรืออะไรก็ตาม ส่วนถ้าจะออกกำลังกาย รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด นอกจากนี้ยามค่ำคืนสามารถจัดไปได้สบายมาก ให้อารมณ์อบอุ่นผ่อนคลายนวลเข้าถึงได้ง่าย เพราะเสน่ห์ทางกลิ่นมันไม่ต้องอะไรเยอะ เพียงแต่นวลๆ ละมุนๆ ก็สามารถสร้างความดึงดูดได้มากกว่าที่คิดนะ 

ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. กำลังดีเลยกับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่า Salt Breeze กันเต็มๆ แต่ไม่ได้ออกทางทะเลจ๋าๆ อะไรนัก เพราะวานิลลารองพื้นอยู่ ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางกึ่งๆ ออร่ารอบๆ ตัว แล้วพอช่วงท้ายก็ออร่ารอบๆ ตัวอ่อนๆ ยาวไป ถือว่าไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องเป็นตัวปล่อยพลังนัก แต่ให้ความเรื่อยๆ อย่างมีระดับแทน 

สรุป - บอกตามตรงว่ากลิ่นนี้เองไม่ได้ถึงกับหวือหวา ล้ำ หรือว่าอาร์ตจัดๆ แต่ให้อารมณ์แบบสภาพแวดล้อมที่สื่อสารถึงกลิ่นอายแบบท้องฟ้ายามใกล้พระอาทิตย์ตกดินหรือโทน Vanilla Sky ก่อนจะเข้าสู่ความอบอุ่นติดอวลสบายๆ ซึ่งทำได้ดี ง่ายๆ ว่าอาจจะไม่ตอบความคาดหวังเวลาเห็นชื่อแบรนด์ว่ามันต้องมีอะไรที่เป๊ะปังติดเก๋เท่ห์คูล แต่มันก็มีความนวลน่ารัก ผ่อนคลาย และสบายๆ เย้ายวนกำลังดีแอบโรแมนติคแบบเก๋ๆ ที่ลงตัว

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - http://saharreviews.com/juliette-has-a-gun-vanilla-vibes-new-launch/

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Etat Libre d’Orange - I Am Trash : Les Fleurs de Dechet

Etat Libre d’Orange - I Am Trash : Les Fleurs de Dechet 

เพียงแค่ชื่อรุ่นก็ทำให้ถึงกับอึ้งไปเลย เพราะมันแปลตรงตัวออกมาว่า ขยะแต่เพราะว่ามาในแบรนด์ที่สร้างความเก๋ของกลิ่นมาตลอดในโลกของน้ำหอมอย่าง Etat Libre d’Orange จึงทำให้ต้องหาข้อมูลว่าอะไรคือที่มาที่ไปของการทำน้ำหอมรุ่นนี้ ก็ได้เห็นคำโปรยว่า “The Most Wanted Scent Made from Unwanted” ซึ่งเรียกว่าเป็น Concept ที่มีความเก๋ไก๋เลยทีเด
ียวเพราะกลิ่นที่มาจากสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการแล้ว มันจะออกมาในรูปไหน และมันจะเป็นกลิ่นขยะที่เราได้กลิ่นเวลาเดินผ่านถังขยะหรือไม่ เช่นนั้นไม่พลาดที่จะจัดมาซักหน่อย ผลที่ออกมาจากการใช้งานจริงก็เป็นเช่นนี้เลย 

I Am Trash : Les Fleurs de Dechet เปิดตัวด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคยได้ไม่ยากเลยกับโทนกลิ่นที่ผสมผสานกันเป็นอย่างดีของโทน Citrus และ Fruity ผลไม้ ในลักษณะที่ให้อารมณ์แบบบผสมผสาน ซึ่งจะมีกลิ่นอายของแอปเปิ้ลเขียวเป็นตัวเดินเรื่องพร้อมกับกลิ่นโทนคล้ายสับปะรด ลูกแพร์ และสตรอเบอร์รี่ที่จับต้องได้ในสาย Fruity กับกลิ่นอายส้มที่มีความใสอ่อนๆ เจือหวานแต่ไม่ถึงกับฉ่ำมากสไตล์ส้มเขียวหวาน และมีความ Spicy หน่อยๆ แบบตะไคร้บางๆ ให้พอจับต้อง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะได้อารมณ์แบบผลไม้รวมแบบที่มีความใสๆ เจือมะรุมมะตุ้มกันในระดับหนึ่ง ซึ่งกลิ่นนี้จะได้อารมณ์คล้ายกลิ่นผลไม้ที่เป็นกากจากเครื่องปั่นแยกน้ำแยกกากผสมผสานปนเปกันแบบที่ไม่ได้สกปรก (เพราะยังอยู่ในเครื่องแยกกากอยู่) หรือกลิ่นผลไม้ที่เราหั่นปอกแล้วกองรวมๆ กันจนน้ำซึมออกมาบางส่วนผสมกันในระยะหนึ่งที่ยังไม่ได้เทรวมกับขยะประเภทอื่นๆ และสามารถไพล่ไปลักษณะกลิ่นอายแบบแชมพูกลิ่นผลไม้รวมด้วยก็ยังได้ อารมณ์เลยได้ความรู้สึกแบบกลิ่นอายที่ยังมีความหอมสดชื่นเจือหวานปนฉ่ำอ่อนๆ ใสๆ สไตล์ผลไม้รวมได้แบบชวนยิ้มแกมรื่นรมย์ได้เลยด้วยซ้ำ 

และเมื่อกลิ่นโทนผลไม้รวมเริ่มลดทอนลงไปในระดับหนึ่ง แต่ยังมีความหอมแบบผลไม้ให้สัมผัสได้แบบติดชื้นหน่อยๆ ของแอปเปิ้ลเขียวและสตรอเบอร์รี่ที่ยังคงมีอยู่ แต่กลิ่นที่เริ่มเสริมเข้ามาคือกลิ่นอายของกุหลาบที่มาแบบใสๆ ไม่ได้หนักหน่วง อารมณ์แบบกุหลาบเบาๆ ก็เป็นการนำเข้าสู่ช่วงกลางของกลิ่นที่กลิ่นเริ่มมีความเป็น Floral Fruity เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้ออกทางสาวเกินไป มีความกลางๆ แบบเจอกันครึ่งทางที่ได้รับทั้งกลิ่นผลไม้และกลิ่นดอกไม้ที่สนับสนุนอ่อนๆ ซึ่งไม่จบแค่นี้ เพราะต้องขอเพิ่มคำว่า Woody เข้าไปด้วย โดยกลิ่นจะมีความนวลมากขึ้นจากโทนไม้หอมอย่างไม้ซีดาร์ที่โปร่งและออกทางใสๆ แบบไม้ดินสอหน่อยๆ ที่มีลักษณะเดียวกันกับสารหอมอย่าง ISO E Super กับกลิ่นอายออกแนวอบอุ่นเบาๆ ติดไม้หอมเคล้าความเผ็ดนวลแบบพริกไทยเบาๆ กลิ่นเลยจะมีความหนาปนนวลมากกว่าช่วงต้นขึ้นมาหน่อย ซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งเค้กและผสมผสานกันเป็นอย่างดีของกลิ่นอายผลไม้ กุหลาบ และไม้หอมได้อย่างลงตัว ไม่หนักเกินไป มีความนวลในความใสได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว 

และเมื่อกลิ่นอายของผลไม้เริ่มจางลงไป ให้เหลือเพียงกลิ่นอายดอกไม้ที่มีกลิ่นเบาๆ กับกลิ่นอายไม้หอมที่โปร่งๆติดอบอุ่นเบาๆ กำลังดี กลิ่นอายโทนไม้หอมจะมีความกึ่งนวลกึ่งโปร่ง มีความสะอาดแนว Musky อ่อนๆ มีอารมณ์แบบสบู่อ่อนๆ เจือกลิ่นไม้หอมนวลอุ่นๆ เบาๆ คลอผิวแบบแนวๆ Whispering Scent ที่สร้างออร่านวลอ่อนๆ ไปจนกว่าจะจางไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นมีความกลางๆ แม้ว่าจะเป็น Floral Fruity ก็ตาม เพราะกลิ่นมาสายสภาพแวดล้อมมากกว่าจะเฉพาะเจาะจงไปที่เพศใดเพศหนึ่ง ซึ่งสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดเกือบหมดได้เลย จะมีก็แค่ยามทางการจัดๆ หรือออกกำลังกายที่ให้พ้นกลิ่นช่วงต้นไปก่อนจะดีกว่า เพราะผลไม้มันชัดเจนไป เดี๋ยวจะไม่เข้ากับสถานการณ์ที่ควรจะเป็นเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืน ให้เน้นใส่แบบสบายๆ ผ่อนคลายให้อารมณ์ผลไม้ ตามด้วยดอกไม้ และกลิ่นไม้หอมเบาๆ แทนดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีบอกเลยว่า กริบแน่นอน 

ความทน - เนื่องจากกลิ่นนี้มีความเป็น Whispering Scent ในช่วงท้าย และมีกลิ่นแนวๆ สารหอมที่เบาๆ เป็นตัวชูโรง กลิ่นเลยจะเหมือนไม่ค่อยมีมาให้รับรู้ แต่เอาเท่าที่จับต้องและประมาณการ จะอยู่ราวๆ 6 ชม. ได้ไม่ยาก ซึ่งต้องอิงกับสภาพผิวกายและจำนวนสเปรย์ด้วยเป็นสำคัญ และถ้าฉีดเสื้อความทนจะมากขึ้นมาอีกหน่อยนึง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่า ผลไม้รวมมาเต็ม แล้วจะลดลงมาเป็น กระจายปานกลางแล้วลดลงเรื่องๆ ลงมาที่ Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ถ้ามองว่าเป็น Trash หรือ ขยะบอกเลยว่านี่คือขยะในรูปแบบที่ดูเป็นเหมือนสิ่งที่เราไม่ต้องการแล้วมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกากผลไม้รวมจากเครื่องคั้นแยกน้ำแยกกาก กลิ่นดอกไม้ที่ไม่ได้ดูสวยพอเอาไปตกแต่งได้ โดนคัดแยกไปกองเตรียมทิ้ง กลิ่นกระดาษที่ขยำทิ้งเฉยๆ ไม่ได้เปื้อนหรือสกปรกคราบอาหารอะไร ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่มันก็มีความดีงามในตัวเองจนหยดสุดท้ายที่สามารถสร้างกลิ่นที่สร้างความรื่นรมย์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.ofildo.com/products/les-fleurs-du-dechet-i-am-trash