แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bottega Veneta แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bottega Veneta แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

Review: Bottega Veneta - Essence Aromatique for Women

Bottega Veneta - Essence Aromatique for Women

จากที่ผ่านการเล่ากลิ่นอายของ Bottega Veneta for Woman มาจนได้สัมผัสความหอมของโทนหนังกลับ + พิมเสนที่งดงามคาบเกี่ยวทั้งความ Modern และ Classic ร่วมสมัยได้ไม่ธรรมดา แถมมีความ Unisex สูงมาก ก็เริ่มให้ความสนใจในการไปลองตัวอื่นๆ ดูบ้างแม้ว่าจะเป็นน้ำหอมผู้หญิงก็ตาม เลยทำให้เห็นว่าไม่ว่าจะรุ่นผู้หญิงหรือผู้ชายก็จะต้องมีรุ่น Cologne มาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบเพื่อความครบถ้วนในการใช้งานครอบคลุมความเข้มข้นในหลายๆ ลำดับขั้นเสมอ 

เช่นนั้นผ่านทั้งรุ่นต้นตระกูลมาแล้ว ก็ขอมาสัมผัสกลิ่นอายสไตล์ Cologne ของสาย Bottega Veneta for Women เสียหน่อย ว่าจะตีความเนื้อกลิ่นอย่างไรออกมาให้ครอบคลุมและสอดรับซึ่งกันและกันกับ Collection นี้ ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นเช่นนี้

Essence Aromatique เปิดตัวขึ้นมาก็บอกได้ชัดเจนเลยว่ามีความเป็น Original จากตัวตจ้นตระกูลมาทักทายเลยนั่นคือกลิ่นแนวพิมเสนที่มาเป็นตัวสร้างบรรยากาศให้ความหวานผ่อนคลายจมูกแถมเป็นตัวเกลาที่ดีให้กลิ่นโทนเม็ดผักชีที่ควรจะต้องปร่าฟุ้งพุ่งคมๆ มาเป็นปร่านวลแกมหวานติดเครื่องเทศเบาๆ โดยมีกลิ่นโทน Citrus ติดขมของมะกรูดฝรั่งและกลิ่นออกทางติดหวานหน่อยๆ มาตัดทอนเลยทำให้เนื้อกลิ่นค่อนไปทางเครื่องเทศสายปร่าสดชื่นโดยที่คุมสไตล์การเป็น Cologne แนว Fresh Spicy ที่มีกลิ่นพิมเสนกล่อมให้กลิ่นมีความสดชื่นแกมสมดุลย์ได้ดีตั้งแต่เริ่มต้นเลย

ในรอยต่อของการเข้าสู่ช่วงกลาง จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นติดหวานนวลที่เข้าทางโทนแป้งหน่อยๆ เสริมขึ้นมา ซึ่งจะสัมผัสได้อย่างแรกเลยคือกลิ่นวานิลลาและกุหลาบที่ให้ความหวานเรื่อๆ โรแมนติค อารมณ์จะคาบเกี่ยวการเป็นโทนแป้งหอมแกมอบอุ่นหน่อยๆ จากวานิลลา มีความครีมมี่เนียนๆ ของถั่วตองก้าที่มีความเขียวกึ่งหญ้าแห้งมาเสริมร่วมด้วย ซึ่งจะซ้อนและตีคู่ไปกับกลิ่นโทนเครื่องเทศปร่าสดชื่นที่ติดครีมมี่แกมหวาน ซึ่งแน่นอนว่ามีไม้จันทน์ฺหอมมาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบด้วยเพราะความเป็นโทนติดครีมมี่จืดหอมปลายหวานเสริมกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ยังคุมโทนอารมณ์แบบ Cologne สบายๆ ได้อยู่ โดยที่กลิ่นจะสัมผัสได้ทั้งความสดชื่น ความนุ่มนวลติดแป้ง ความหวานระเรื่อ และความเป็นโทนปร่า ทุกอย่างคือสมดุลย์ของทุกโทนที่เอามาเจอตรงกลางและเกลาจนได้กลิ่นอายกึ่งแป้งกึ่งไม้หอมครีมมี่ที่ลงตัวและมีระดับแบบไม่ต้องประโคมเยอะสิ่งได้ดีมาก

ช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเริ่มลดทอนความสดชื่นลงมากลายเป็นโทนไม้หอมกึ่งครีมมี่กึ่งโปร่งๆ เต็มตัว ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีไม้จันทน์หอมที่ออกทางนวลๆ แกมติดหวานปลายกลิ่นที่น่าจะมาจาก Effect ของวานิลลาติดโทนแป้งหอมอบอุ่นกับโทนถั่วตองก้าที่ยังตามมาในช่วงนี้ และเนื้อกลิ่นจะมีโทนติดไม้หอมเจือหวานแกมครีมมี่เบาๆ โดยที่ปลายกลิ่นจะมีโทนหวานระเรื่ออ่อนๆ ค่อนไปทางสะอาดของพิมเสนที่สร้างความรื่นรมย์รวมอยู่ด้วย ทำให้ได้มิติความหอมที่สบายๆ ผ่อนคลาย ไม่เยอะสิ่งแต่มีระดับและมีเสน่ห์ในการใช้งานแบบ Day Time ได้ครบถ้วนและมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิงแต่จริงๆ Unisex แบบชัดเจน เช่นนั้นผู้ชายใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก โดยเนื้อกลิ่นจะเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึง Activity ต่างๆ แบบครอบจักรวาลได้เลย เพราะเนื้อกลิ่นมีเสน่ห์และสร้างความพึงพอใจในการใช้งานได้ดีมาก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบออกงานหรือทั่วๆ ไปจะดีกว่า

ความทน - แม้ว่าจะเป็น Eau de Cologne แต่ความทนแตะ 8 ชั่วโมงได้อยู่ ซึ่งกลิ่นสามารถไปต่อได้อีกหรือว่าลดลงก็ได้เพราะอิงตามประเภทผิวกายผู้ใช้น้ำหอมเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. พอดีๆ เสมอ  

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาทีละหน่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงกลางก็กลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบผ่อนคลายสบายๆ มีความ Refreshing เนียนๆ แล้วพอเข้าช่วงท้ายก็เป็น Skin Scent ชัดเจน

สรุป - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่สร้างสรรค์ออกมาโดยเอาพิมเสนมาต่อยอดได้ดีและเนื้อกลิ่นนุ่มและหอมมีเสน่ห์แบบที่ไม่ว่าจะเพศไหนก็จะผ่อนคลายไปกับเนื้อกลิ่นได้สบายมาก แถมสร้างความเพลิดเพลินในการดมตลอดระยะเวลาที่น้ำหอมปล่อยของได้ดีอีกด้วย ถ้าจะมีเสียดายก็มีเรื่องเดียวนั่นก็คือ รุ่นนี้เหมือนจะไม่เห็นในท้องตลาดเท่าไหร่แล้วนี่สิ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.davidjones.com/essence-aromatique-eau-de-cologne-90ml-20274390

 

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2565

Review: Bottega Veneta - Illusione for Him

Bottega Veneta - Illusione for Him

หลังจากที่ Bottega Veneta ได้สร้างสรรค์ Collection น้ำหอมผู้ชายที่ตรงไปตรงมาอย่าง Bottega Veneta pour Homme จนได้รับความนิยมสูงมากกับกลิ่นอายที่คาบเกี่ยวทั้งความเป็นผู้ชายสไตล์ Classic ก็ได้ แต่มีความสมาร์ทแบบสาย Modern ทันสมัยควบคู่ไปด้วยกับการนำเสนอกลิ่นอายหนังและสนไพน์เข้าด้วยกัน ตั้งแต่ปี 2013 และก็มีการต่อยอดไปเรื่อยๆ ทั้งแบบ Extreme –> Essence Aromatic (Cologne) –> Parfum ที่เป็นรุ่นสุดท้ายในปี 2017 แล้วปิด Job ไม่ได้มีการต่อยอดอีก จนเริ่มมีข่าวเลิกผลิตขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วแบบนี้จะมีตัวไหนมารับช่วงต่อหรือว่าจะจบลงเพียงเท่านี้

แต่ในปี 2019 แบรนด์ก็ได้เปิดตัวน้ำหอมแบบแพ็คคู่ชายหญิงออกมา กับการนำเสนอ Concept ที่ออกแนวกึ่งๆ แฟนตาซีอยู่บ้างอย่าง Illusione เพราะว่าเป็นการดึงเอาความรู้สึกที่ล่องลอยอยู่ระหว่างความฝันกับความเป็นจริงอะไรประมาณนั้น ซึ่งตัดเรื่องที่มาในการสร้างสรรค์น้ำหอมออกไป มาสนใจกันดีกว่าว่าการนำเสนอทางกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่แบรนด์จะให้เป็นเสมือนตัวเอกใหม่หรือตัวเอกควบคู่กับรุ่น pour Homme จะเป็นอย่างไร สิ่งที่ได้ก็เป็นเช่นนี้เลย  

Illusione for Him เปิดตัวมาได้ชัดเจนมากว่าแกนหลักของกลิ่นคือกลิ่นยางไม้สนที่มีความเขียวปร่าแกมสะอาดเคล้ากลิ่นไม้ติดปร่าขรึมหน่อยๆ เป็นฉากหลัง แต่จะมีโทน Citrus เป็นตัวฉาบหน้ากลิ่นกันก่อนอย่างโทน Citrus ที่จะไม่ได้ มีความเปรี้ยวนำ แต่เป็นความเป็นกลิ่นออกทางกึ่งส้มใสๆ ที่มีความหอมเฉพาะของส้มขม + กับกลิ่นออกคล้ายน้ำเลมอนที่มีความฉ่ำหอมแบบตัดลดทอนความเปรี้ยวแหลมออกไป จนเหลืออารมณ์เปรี้ยวหอมอ่อนๆ แกมขมเจือหวานปลายกลิ่น โดยแอบมีความรู้สึกแบบโทนสมุนไพรหน่อยๆ ที่มีความปร่าเกือบจะเข้าโทนมินต์แต่มีความเขียวระเรื่อกำลังดีของโรสแมรี่นิดๆ มาทำให้เนื้อกลิ่นมีความสมดุลย์พอดี ไม่เปรี้ยวสดชื่นจ๋าเกินไป ไม่ใสเบาโหวงเกินไป เป็นเลเยอร์กลิ่นจากสดชื่นซ้อนความปร่าหอม ตามด้วยมิติความเป็นโทนยางสนเขียวปร่าแกมไม้แห้งติดขมที่ให้ความแมนๆ แบบธรรมชาติ ไม่จงใจ ไม่หวือหวา แต่มีเสน่ห์สไตล์นิ่งๆ สดชื่นได้ดีเลยทีเดียว

เมื่อกลิ่นเข้าช่วงกลาง เหล่าสายสดชื่นอย่าง Citrus ทั้งหลายเริ่มลดทอนตัวเองลงไปเป็นสายสนับสนุนที่ให้ลูกเอื้อนทางกลิ่นที่มีความสดชื่นประปราย แล้วให้กลิ่นหลักอย่างโทนยางสนและไม้หอมที่มีความปร่าสมุนไพรเข้ามาเสริม จนทำให้เนื้อกลิ่นมีลักษณะโทนกลิ่นแบบป่าสนที่มีสน Fir เป็นตัวหลัก ซึ่งมีความเป็นโทนเขียวอะโรม่าแกมปร่าที่มีความหวานเนียนๆ แฝง โดยจะมีโทนไม้หอมติดปร่าขรึมๆ ของไม้ซีดาร์ที่มีความโปร่งปร่าขรึมเข้ามาทำให้กลิ่นมีความอวลมากขึ้น และแอบมีกลิ่นออกทางสนอื่นๆ เข้ามาเสริมหน่อยๆ เลยทำให้ได้ลูกเอื้อนแบบสนไพน์ติดเขียวนิดๆ มีความสะอาดแบบสนไซเปรสเบาๆ ผสมรวมอยู่ด้วย ที่สำคัญมีความรู้สึกกึ่งกลางหยินหยางระหว่างความเป็นโทนเย็นๆ แบบบรรยากาศ ก่อนจะตามด้วยโทนอวลติดอบอุ่นที่มีความปร่าหวานแกมสะอาดกึ่งสบู่ และมีความรู้สึกว่าต้องมีกลิ่นแนวสารหอมอย่าง Ambroxan อยู่ด้วยเป็นแน่ เพราะมันจับลูกผสมระหว่างความอบอุ่นและไม้หอมได้ชัดพอสมควร แต่กลิ่นก็จะไม่ได้เล่นใหญ่เล่นโตอะไร เน้นให้ความอวลแบบเรื่อยๆ ค่อนไปทางมินิมัลแบบเรียบหรูแบบผู้ชายนิ่งๆ ทันสมัย ที่มีความเท่ห์ก็ได้ ผ่อนคลายก็ดีในเวลาเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงของเนื้อกลิ่นเมื่อเริ่มลดทอนความอวลลงมา และโทนแบบคล้ายสบู่เริ่มเบาลงไป + กับ Citrus ทั้งหมดได้โบกมือลาไปแล้ว โดยจะมีกลิ่นสน Fir อ่อนๆ เป็นปลายกลิ่นสนับสนุนให้โทนไม้หอมอย่างไม้ซีดาร์ค่อนข้างชัดเจนและเป็นโทนเด่นเต็มตัว ซึ่งตอนนี้ก็เต็มๆ เลยว่ามีกลิ่นสารหอมอย่าง Ambroxan รวมอยู่ด้วย เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนอบอุ่นแบบผิวกายรุมๆ นวลๆ แกมไม้แห้งๆ ที่เป็นตัวเสริมให้กลิ่นมีความอวลแบบกำลังดี และมีกลิ่นหญ้าแฝกที่ให้ความเป็นกึ่งไม้แห้งๆ กึ่งถั่วที่มีความ Smoky หน่อยๆ ซึ่งถือว่าช่วงท้ายจะเป็นสไตล์มินิมัลที่ยืนพื้นกับการเป็นโทนไม้หอมเป็นหลัก ให้ความเป็นสุภาพบุรุษแบบที่มีความทันสมัย ไม่เยอะสิ่ง แต่มีเสน่ห์และมีความเท่ห์ Cool กำลังดี โดยที่ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่แผ่ไพศาลก็เอาอยู่ได้สบายๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก เนื้อกลิ่นเป็นสไตล์ Daily Use กันอย่างตรงไปตรงมา เลยเหมาะกับการใช้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย รวมถึงใส่ออกกำลังกายก็ได้อยู่ เพียงแต่ถ้ารอให้ผ่านช่วงกลางไปก่อนน่าจะลงตัวกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือทั่วๆ ไปจะลงตัวมาก เพราะกลิ่นมีระดับอยู่แล้วรวมถึงไม่เหมือนใคร แต่ถ้าใส่เพื่อไปท่องราตรี ก็จะกริบมากหน่อยเพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังจัดจ้านประมาณนั้น 

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. ที่ถือเป็นค่าเฉลี่ยที่กำลังดีเลย อาจจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันตามสภาพผิวกายผู้ใช้และจำนวนสเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น แล้วก็จะเปลี่ยนเป็นกระจายดีแบบอวลๆ ขึ้นมาเลยในช่วงกลาง พอผ่านไปซักราวๆ 4 ชม. ก็จะเริ่มผ่อนตัวลงมาตามลำดับ จนเป็นออร่าเบาๆ กึ่ง Skin Scent ไปจนถึงราวๆ 8 ชม. ที่เหลือก็ Skin Scent กันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปในที่สุด

สรุป - เป็นการก้าวเข้าสู่การเป็นน้ำหอมผู้ชายที่มีความ Modern เป็นหลักและจับตลาดผู้ใช้ที่หลากหลายมากขึ้นด้วย โดยที่ไม่ได้มีโทนหนังที่เป็นพระเอกหลักในการเป็นสายแฟชั่นของแบรนด์มาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ เพียงแต่เอาความเป็นสน Fir หรือต้น Christmas มาเป็นตัวเดินกลิ่น โดยเน้นกลิ่นอายสบายๆ แต่มีความเรียบหรูแกมเท่ห์ที่ไม่โฉ่งฉ่าง และมีเสน่ห์ในโทนมินิมัลยืนพื้นที่กลิ่นสนที่มีความสดชื่นและสะอาด แฝงด้วยความลุ่มลึกสไตล์สุภาพบุรุษนิ่งๆ ที่ไม่ธรรมดาเลย ต้องยอมเขาล่ะว่าแบรนด์วางตำแหน่งของกลิ่นที่แตกต่างจากรุ่น pour Homme โดยมีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นลำดับ และมีทิศทางการสร้างสรรค์กลิ่นที่น่าสนใจให้ครอบคลุมการใช้งานของน้ำหอมชายได้ดีเลยทีเดียว 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/news/Bottega-Veneta-Illusione-12309.html

 

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Review: Bottega Veneta pour Homme

Bottega Veneta pour Homme

เป็นการวนการใช้กลิ่นอายสาย Bottega Veneta pour Homme ที่น่าจะงงไปนิดนึงเพราะเริ่มที่รุ่น Extreme ตามด้วย Parfum โดยที่ข้ามรุ่นต้นตระกูลมาตลอดจนแบบว่า นี่เราจะไม่ได้แตะรากเหง้าของมันใช่ไหม เพราะกลิ่นนี้เลิกผลิตแล้วด้วย เช่นนั้นจึงได้ขวนขวายหามาจนได้กับกลิ่นอายที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเท่ห์และ Cool อย่างมีเสน่ห์ในการเป็นน้ำหอมชายที่ควรค่าต่อการลงคำว่า pour Homme ของแบรนด์

เช่นนั้น ก็ได้เวลามาพินิจพิเคราะห์กลิ่นซักทีว่าจุดตั้งต้นนี้เป็นอย่างไร

Bottega Veneta pour Homme เปิดตัวออกมาด้วยกลิ่นอายโทนสนไพน์ที่ชัดเจนและให้ความเป็นธรรมชาติสูงมาก เนื้อกลิ่นจะให้อารมณ์ไม้สนที่มีความสะอาดเจือความ Evergreen หรือความเขียวติดชะอุ่มๆ แบบเวลาริดกิ่งสนแล้วกลิ่นเขียวติดปร่าชื้นเจือหวานที่แทรกแกล้มไปกับความหอมตามสไตล์เนื้อไม้+ยางสนหอม (อารมณ์กลิ่นแบบเดทตอลที่ไม่ได้เข้มข้นมาก มันเลยรู้สึกสะอาดมีอนามัยให้จับต้องได้แนวๆ นั้น) และจะมีกลิ่นอายติดปร่าเขียวซ่าหน่อยๆ ของจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่ให้อารมณ์กึ่งเหล้าจินที่สอดรับพอดี แถมตบท้ายปลายกลิ่นติดขมปนเปรี้ยวซ่าเบาๆ แบบสร้างบรรยากาศเย็นๆ ของมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) เลยทำให้เนื้อกลิ่นเป็นสไตล์กลิ่นอายอะโรม่าไม้สนไพน์ที่ค่อนข้างชัดเจน เจือความร่วมสมัยที่มีความสดชื่นล้อมกรอบประปรายกำลังดี แอบมีกลิ่นติดดาร์กแบบหนังหน่อยๆ รองพื้นเนียนๆ ให้พอรู้สึกได้ถึงความดารก์เบาๆ รวมอยู่ด้วย เลยให้อารมณ์กลิ่นแบบป่าสนหน่อยๆ เย็นๆ เท่ห์ๆ ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นมีความแมนชัดเจน แต่ไม่ได้มาสายตะบี้ตะบันสร้างความแมนยัดเยียด เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติมากในการเป็นสนไพน์นี่แหละ เลยยกระดับเนื้อกลิ่นที่เป็นอีกเลเวลของกลิ่นอายสไตล์ผู้ชายสาย Cool นิ่งมีเสน่ห์ได้ตั้งแต่ช่วงเปิดเลยทีเดียว

ในช่วงกลางโทนกลิ่นจะมีความเป็นสไตล์ไม้หอมอะโรม่าที่มีความดาร์กซ้อนอยู่รองพื้นชัดเจนมากขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ป เพราะมีกลิ่นโทนหนังที่ชัดเจนมากขึ้นขึ้นมาตีคู่กับโทนกลิ่นสนไพน์ ซึ่งจะรักษาสมดุลย์กันได้ดีมาก อารมณ์กลิ่นหนังที่ไม่ได้ออกทาง Animalic มากเท่าไหร่ (มีบ้างแต่ให้เป็นลักษณะลูกเย้าจมูกที่ให้ดูเท่ห์มีเสน่ห์มากกว่าจะมาสายกลิ่นสาบเย้า) ซึ่งแน่นอนว่าจะมีกลิ่นออกทางเขียวติดปร่าเผ็ดหน่อยๆ แบบเนื้อไม้สนเหมือนกัน แต่มีลักษณะที่แตกต่างสร้างมิติเข้ามาเสริมจากกลิ่นของสนคริสต์มาส โดยที่มีกลิ่นติดโทนเผ็ดสดชื่นให้รู้สึกได้แกมกลิ่นออกทางติดหวานอ่อนๆ สมุนไพรนิดๆ แกมลาเวนเดอร์เนียนๆ ที่ทุก Notes กลิ่นจะสอดรับกันอย่างลงตัวส่งเสริมกันให้ได้ความเป็นกลิ่นไม้สนแกมหนังที่มีความเย็นๆ มีความแมนแกมสะอาดแบบมีเสน่ห์กับพื้นฐานกลิ่นที่เป็นไม้หอมแกมดาร์กที่น่าค้นหา โดยคุมโทนความสดชื่นล้อมกรอบได้อย่างเนียนๆ และมีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วงนี้จะได้อารมณ์กลิ่นแบบผู้ชายใส่เสื้อแจ็คเกตหนังกลิ่นอ่อนๆ ยืนอยู่ท่ามกลางอากาศเย็นๆ เคล้ากลิ่นไม้สนแกมเขียวปร่าจูนิเปอร์ แบบที่มีการตัดต้นสนกองๆ อะไรประมาณนั้น

ในการส่งต่อในช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเริ่มลดโทนสดชื่นลงตามลำดับ จนกลิ่นหนังเริ่มกลายเป็นตัวเด่นขึ้นมาแต่กลิ่นไม้สนก็ไม่ได้หนีไปไหน เพราะจะผสมกับกลลิ่นหนังจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะเป็นการเป็นช่วงท้ายเต็มตัว โดยให้อารมณ์กลิ่นหนังปนกลิ่นสนที่มีมิติซ้อนกันได้อย่างสมดุลย์ โดยที่จะมีพิมเสนเข้ามาเสริมให้ความปร่าระเรื่อซ่อนด้วยกลิ่นปร่าเขียวอ่อนๆ ของจูนิเปอร์ที่ตามมาในช่วงนี้แบบเหลือบางๆ และมีความอบอุ่นลึกๆ เป็นฐานกลิ่นล่างสุด ซึ่งเนื้อกลิ่นจะให้ความเป็นโทนหนังเจือปร่าเย็นๆ แกมไม้หอมที่มีลูกผสมโทนอบอุ่นให้พอรู้สึกได้ สร้างเสน่ห์ทางกลิ่นที่คุมโทนความเท่ห์ นิ่ง น่าค้นหา และ Cool แบบที่มีความร่วมสมัยแบบชัดเจนปิดท้ายสร้างออร่าคลอผิวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปตามเวลาที่สมควรตามสภาพผิว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว ซึ่งพื้นฐานกลิ่นจะมีความเป็นโทน Classic กับกลิ่นแนวสนแกมกลิ่นหนังก็จริงๆ แต่เนื้อกลิ่นก็ไม่ได้จัดจ้านในด้านนี้นัก เพราะความเป็นโทนอื่นๆ ที่มาผสมผสานมันสร้างความร่วมสมัยสไตล์ Contemporary ได้อย่างลงตัว จนทำให้อารมณ์กลิ่นเป็นแมน เท่ห์ นิ่ง ที่มีระดับ เลยตอบโจทย์การใช้งานแบบเน้นความเท่ห์มีเสน่ห์เสียมาก ซึ่งได้กับทั้งทางการและทั่วๆ ไปแบบกวาดหมดในยามกลางวัน ส่วนกลางคืนจะเน้นแบบกิจกรรมแบบ Outdoor หรือว่าเน้น Cool ออกงานหรือโรแมนติคก็ยังได้ แต่ถ้าไปท่องราตรีไปที่ตัว Extreme หรือ Parfum ดีกว่า ชัดเจนกว่า

ความทน - ลงตัวที่พื้นฐานกลิ่นราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้ตามแต่สภาพผิวที่เอื้ออำนวย โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้จับต้องได้

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราวๆ 3 ชม. ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อย แล้วเป็น Skin Scent เอาตอนราวๆ 6 - 8 ชม. ไปแล้ว

สรุป - สมแล้วที่เป็นรุ่นตั้งต้นที่มีความดีงามสูงมากและเป็นกลิ่นอายสไตล์ Timeless ที่ดึงความดีงามของกลิ่นสนไพน์และโทนหนังออกมาเพื่อเป็นน้ำหอมชายได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์มากแบบที่แตะความ Classic ก็ได้ ความ Modern ก็ดีเป็นพื้นฐานหลัก ในการส่งต่อลายเซ็นเดียวกันให้กับรุ่นต่อเนื่องอีก 2 รุ่น ซึ่งถ้าสรุปการไล่เรียงโทนกลิ่นก็จะบอกได้แบบนี้เลย

Original = สนไพน์และหนังที่สมดุลย์และมีความ Cool และมีเสน่ห์ที่ลงตัว

Extreme = ต่อยอดจากรุ่นตั้งต้น แต่เพิ่มความอบอุ่นแกมหนัง Animalic เข้ามาเสริมให้แมนจัดชัดเจนขึ้น

Parfum = ต่อยอดจาก Extreme กับความเข้มข้นของโทนหนัง เครื่องเทศ และไม้ติดดาร์กที่ให้ความทันสมัยมากขึ้น

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://perfumeuae.com/shop/eau-de-toilette-spray/bottega-veneta-pour-homme-edt-90ml/

 

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

Review: Bottega Veneta pour Homme Parfum

Bottega Veneta pour Homme Parfum

ก็งงตัวเองอยู่พอสมควรว่า การได้มาเจอน้ำหอมผู้ชายของ Bottega Veneta ดันไม่ได้เริ่มต้นที่รุ่น pour Homme เพราะดันมาเริ่มที่ตัว pour Homme Extreme ก่อน ซึ่งตัวต้นตระกูลเองทำได้แค่เพียงผ่านไปผ่านมาเทสเบาๆ ก็เล็งอยู่ไม่น้อยว่าวันนึงจะต้องได้ใช้เต็มๆ ซะที แต่

มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะดันได้มาเจอกับรุ่นล่าสุดของสายนี้เสียก่อนอย่าง Bottega Veneta pour Homme Parfum ที่มาในความเข้มข้นแบบ Eau de Parfum (คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นสุดท้าย เพราะแบรนด์ไปเอาดีกับสาย Illusione แทนแล้ว) เช่นนั้นรุ่นต้นตระกูลไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ขอมาเล่ากลิ่นจากการใช้งานรุ่น Parfum กันก่อนว่าจะเพิ่มความเข้มข้นออกมาอย่างไร และต่อยอดมาจาก Extreme มากขนาดไหน ก็ว่ากันได้แบบนี้เลย

เปิดต้นกลิ่นมาโทนสนไพน์ที่ค่อยไปทางยางสนติดเขียวเข้มปร่าจะพุ่งเข้ามาทักทายก่อนพร้อมกับกลิ่นออกทางกึ่งสมุนไพรเขียวใบไม้กึ่งโปร่งๆ ขรึมๆ ที่มีลักษณะแบบกึ่งกลิ่นไม้ซีดาร์ติดเขียวเนียนๆ อยู่ และจะจับต้องได้ถึงกลิ่นเขียวติดปร่ากึ่งเหล้าซ่าเล็กน้อยของจูนิเปอร์รองพื้นอยู่ด้วย ซึ่งมีลักษณะแนวเดียวกับรุ่น Extreme ที่เปิดตัวลักษณะเดียวกัน และเหมือนรุ่นปกติที่เคยลองผ่านๆ ด้วย ซึ่งถือเป็นลายเซ็นหลักของสาย pour Homme เลย แต่สิ่งที่มีสร้างความแตกต่างในช่วงเปิดของรุ่น Parfum คือ กลิ่นออกทางเครื่องเทศเย้าๆ หวานเผ็ดกึ่งเรซิ่นที่มีความกลางๆ ไม่ข้นหรืออุ่นเกินไปของเม็ดกระวาน ที่เข้ามาเสริม เลยทำให้ฉากหน้าที่เป็นกลิ่นสายเซ็นเดิม จะมีความดาร์กเย้าหวานเผ็ดเนียนๆ แบบกลิ่นมีความหนาและเข้มมากขึ้นชัดเจนจนจับต้องได้ ง่ายๆ เป็นกลิ่นแบบลายเซ็นของไลน์ แต่มีความเย้าเข้มขึ้นด้วยเครื่องเทศนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางจะชัดขึ้นเมื่อกลิ่นเริ่มมีโทนเขียวที่แน่นขึ้นแกมหวานเนียนๆ แบบปลายกลิ่น ที่น่าจะมาจากตัวยางสน Fir เนื้อกลิ่นเลยจะไม่ได้แตกต่างจากช่วงแรกมาก เพียงแต่จะรู้สึกเขียวแน่นขึ้นมาอีกสเต็ป แต่กลิ่นก็ไม่ได้หนักจนเกินไปเพราะมีความอะโรม่าตามสไตล์กลิ่นยางสนและไม้สนไพน์ที่กำลังดี Evergreen ชะอุ่มเข้มที่มีความปร่ามีเสน่ห์ได้ลงตัวมาก ที่สำคัญจะมีกลิ่นปร่าเผ็ดคลออยู่ตลอดเวลาแบบติดนุ่ม แต่มันจะมีอะไรซ้อนลงไปอีกให้รู้สึกได้ถึงโทนติด Animalic หน่อยๆ เป็นพื้นหลังของกลิ่นอยู่ และนี่แหละก็จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ จนจับต้องได้เลยว่าเป็นกลิ่นหนังที่เป็นอีกหนึ่งลายเซ็นสำคัญของน้ำหอมไลน์นี้ ที่จะมีความเข้ม ห่าม และดิบแบบที่ไม่ได้ดุดัน แต่ให้ความแมนมีเสน่ห์แบบติดเท่ห์ดาร์กแบบ Classic เข้ามาร่วมด้วย และกลิ่นโทนหนังนี่แหละที่จะปูทางไปสู่ช่วงท้าย

เมื่อกลิ่นหนังเริ่มแทรกตัวออกมาเด่นกว่าโทนกลิ่นไม้หอมติดปร่ายางไม้และเครื่องเทศเผ็ดๆ มากขึ้น และเริ่มมีโทนอวลเย้ากึ่งวานิลลาและมีความติดนวลเคล้าโทนอบอุ่นสไตล์แอมเบอร์เสริมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนสร้างโทนกลิ่นในสไตล์ทันสมัยเนียนๆ ติดเย้ายวนอวลดึงดูดเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะมีความซับซ้อนของเนื้อกลิ่นที่สมดุลย์พอสมควรเพราะจะจับต้องได้ถึงกลิ่นหนังที่ติดห่ามแบบมีเสน่ห์ติดอวลแบบแมนๆ ที่มีความอบอุ่น และปลายกลิ่นเป็นกลิ่นออกทางไม้หอมอ่อนๆ ติดพิมเสนปร่าหอมระเรื่อที่เสริมลักษณะกลิ่นให้มีความเท่ห์และมีมิติที่มีชั้นเชิงปล่อย Sex Appeal สไตล์ผู้ชายร่วมสมัยได้อย่างชัดเจนมากในการเป็นช่วงท้ายของน้ำหอมรุ่นนี้ ซึ่งตรงนี้แหละที่ต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Extreme ได้ชัดเจนมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยมหาลัยขึ้นไป จัดได้หมด ได้อารมณ์ผู้ชายเท่ห์ แมน มีระดับ อารมณ์ผู้ชายลุคติดเท่ห์ร้ายเนียนๆ ใส่แจ็คเกตหนังหรูๆ และมี Sex Appeal สูงมาก ประมาณนี้เลย ซึ่งใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นค่อนข้างหนาและอวลแบบสไตล์หนังกับปร่าไม้หอมเขียวดาร์ก เลยจะไม่ได้ดูเหมือน Nice ตั้งแต่ช่วงเปิดนัก โดยสามารถใส่ทำงานได้ ใส่ทั่วๆ ไปได้แบบเน้นกลิ่นเท่ห์มีเสน่ห์และมีระดับ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปจะดีที่สุด ยกเว้นรอช่วงท้ายๆ อันนี้ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนบอกเลย จัดไป กลิ่นเท่ห์มีเสน่ห์เฉพาะตัวมาก ยิ่งถ้าแต่งตัวลุคเข้ากับน้ำหอมยิ่งหล่อทางกลิ่นมากขึ้นไปอีกเลยล่ะ   

ความทน - 8 ชม. คือพื้นฐาน และไปต่อได้อีกแบบที่น่าประทับใจได้เลยถึง 12 - 15 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีช่วงต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวสร้างเสน่ห์ชวนคลุกวงในกันยาวๆ ไป พอพ้นซัก 8 - 10 ชม. ก็จะค่อยๆ ลงมาติดผิว

สรุป - เป็นการต่อยอดที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาอีกสเต็ปจากรุ่น Extreme เพราะเพิ่มความเป็นหนังและความอวลลึกของยางไม้ในสายอบอุ่นมากขึ้นอีกสเต็ป และที่สำคัญตอบโจทย์กลิ่นอายน้ำหอมที่มีความเป็นโทนสมัยใหม่เข้ามาร่วมด้วยที่ต้องมีความเย้ายวนและมีเสน่ห์แทรกอยู่ตลอด ซึ่งจะไล่เรียงจากความ Classic ของไม้หอมกึ่งปร่าเขียวสู่ความเป็นหนังอวลลึกที่ทันสมัย เรียกว่าเป็นการต่อยอดที่ดีและมีเสน่ห์คุมโทนการเป็นกลิ่นหนังและสนไพน์ตามสไตล์ของ Bottega Veneta ได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.profumeria.com/en/bottega-veneta-bottega-veneta-pour-homme-eau-de-parfum-90-ml.html

 

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Review: Bottega Veneta Eau Legere

Bottega Veneta Eau Legere

จากความสำเร็จของ Bottega Veneta for Women ที่ได้รับคำชมอย่างมากในการสร้างกลิ่นอายสายหนังที่มีเสน่ห์และมีออร่าแตะได้ทั้งโทน Classic หรูหราและโทน Modern ที่ขับ Sex Appeal ออกมาแบบชัดเจนมาก ก็ได้เวลาของการต่อยอดในการสร้างสรรค์ตัวต่อไปของแบรนด์ที่เกิดเป็น Flanker ออกมากับการเปิดตัวในปี 2013 กับรุ่น Bottega Veneta Eau Legere ที่ได้มีการเกริ่นนำไว้ว่า

เป็นการสร้างสรรค์กลิ่นอายใหม่ๆ ออกมา โดยยืนพื้นที่การเอาความเย้ายวนมีเสน่ห์ของรุ่นต้นตระกูลมาใส่ความสว่างในเนื้อกลิ่นและเพิ่มความสดชื่นแบบโทนน้ำเข้าไปด้วย” มาถึงแค่นี้ก็บอกได้เลยว่านี่คือการต่อยอดมาทางสายสดชื่นมากขึ้นกับการเป็นหนึ่งในตระกูล Bottega Veneta for Women เช่นนั้นเลิกเกริ่นมาเล่ากลิ่นกันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไร

แรกฉีดจะสัมผัสได้ชัดเจนมากถึงกลิ่นแนว Citrus ที่ติด Spicy มีความเปรี้ยวขมเคล้ากับกลิ่นแนวพริกไทยปร่านวลๆ กึ่งฝาดเล็กๆ ที่แอบมีวูบดอกไม้หน่อยๆ แต่เพียงชั่วขณะจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายเขียวสดชื่นกึ่งแตงกวาบางๆ ที่เป็นลักษณะของใบไวโอเล็ตหน่อยๆ ที่เป็นฉากหลังเคล้ากับกลิ่นหนังบางๆ ซึ่งทำให้ช่วงเปิดแม้จะมีความปร่า Spicy ที่มีความเป็นหนังเจืออยู่แบบลายเซ็นตามต้นตระกูล แต่กลิ่นมีความสดชื่นเนียนๆ แบบโทนชื้นๆ ติดเขียวเคล้าความเป็นหนังอ่อนๆ แอบดาร์กเนียนๆ และมีความปร่าเจือความสดชื่นเย้าๆ โดยช่วงเปิดนี้ต้องบอกเลยว่ากลิ่นมีระดับมาก มีความ Feninine ที่กรุยกรายเย้ายวนกำลังดี และมีระดับหรูหราให้จับต้องได้ตลอดแนวเดียวกับรุ่นต้นตระกูลเพียงแต่กลิ่นสว่างกว่า

และเมื่อการเปลี่ยนแปลงเริ่มเข้ามาทีละหน่อย เพราะกลิ่นดอกไม้ขาวแนวมะลิกึ่งเขียวเจือตุ่ยเห็ดอ่อนๆ ของดอกพุด (Gardenia) เริ่มค่อยๆ เปิดตัวออกมาแบบที่ไม่ได้มาสายครีมมี่จัดจ้าน และมีความครีมมี่แบบกำลังดีที่ออกแนวสร้างมิติเสียมากกว่า แต่จะเจอเต็มๆ ที่กลิ่นหนังค่อนไปทางหนังกลับหน่อยๆ แต่มีความเป็นโทนติดเขียวเข้มน่าค้นหาสร้างมิติออกทางโทนดาร์กของ Oak Moss และมีกลิ่นติดอบอุ่นลึกๆ แบบกลิ่นหนังกึ่งแอมเบอร์ที่ไม่ได้อบอวลมากเกินไป แต่ให้ความอบอุ่นเจือหอมเย้ายวนดึงดูดของยางไม้ประเภท Labdanum ที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพล แกมกลิ่นพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อกำลังดีในช่วงนี้ ซึ่งถ้าพูดในแง่ของภาษาน้ำหอมถือเป็นช่วงที่บอกกันได้อย่างชัดเจนมากว่าเป็นโทน Chypre Floral ที่ชัดเจนมาก เพราะพื้นฐานของ Chypre จะมี Bergamot, Labdanum, Oak Moss และพิมเสน ที่เป็นกลิ่นอายที่สร้างความหรูหรามีระดับติดกรุยกรายหน่อยๆ โดยมีฝั่งดอกไม้ขาวที่ให้ความครีมมี่แบบกึ่งกลางกึ่งเบาละเลียดกลิ่นคลอไปเรื่อยๆ เจือความเป็นโทนแป้งหน่อยๆ เสียด้วย เลยทำให้อารมณ์กลิ่นมีความหรูหราแกมเซ็กซี่เย้ายวนไล่เลเยอร์กลิ่นจากปร่าหอมพิมเสน แป้งกึ่งหนังที่มีความปร่าอวลเย้าเร้าใจปนโทนสว่างขาวแบบเนียนๆ ของดอกไม้ ตามด้วยและกลิ่นดาร์กน่าค้นหาของ ของ Oak Moss โดยที่ได้อารมณ์น่าค้นหาแบบติดดาร์กในเนื้อกลิ่นก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ปล่อยของมากที่สุดเลยเพราะเสน่ห์มาเต็มจริงๆ

จนเริ่มสัมผัสได้ว่า Musk เริ่มเข้ามาเกลากลิ่นให้มีความนวลลง ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายตามลำดับ ซึ่งจะได้อารมณ์กลิ่นหนังเจือ Musky ที่มีความครีมนวลเจือแป้งหอมเนียนๆ แต่จะมีความปร่าติดปลายกลิ่นของพิมเสนที่เย้าจมูกคลออยู่ อารมณ์จะมีมิติมากในการสร้างความเซ็กซี่เย้ายวนเพราะมีพื้นกลิ่นเป็น Oak Moss ที่ให้อารมณ์ติดกรุยกรายดาร์กเจือกลิ่นหนังติดอบอุ่นหน่อยๆ สร้างความ Dirty และ Sex Appeal เนียนๆ คลอกลิ่นออกทางโทนแป้งดอกไม้ขาวเย้าติดปร่าระเรื่อที่ให้ความดึงดูดแบบไม่ได้จงใจ อารมณ์กลิ่นจะแบบว่าให้ความสว่างนวลยวนใจดึงเข้ามาก่อน เมื่อเข้ามาใกล้จะได้กลิ่นเย้าเร้าใจที่ค่อยๆ ซึมลึก ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์แบบหยินหยางในความเย้ายวนได้ดีมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้ ซึ่งถ้าผ่านกลิ่นอายแบบหนังมาบ้างบอกเลยว่ากลิ่นนี้สร้างออร่าเย้ายวนแบบที่มีความร่วมสมัยสูงจริงๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการเพื่อสร้างความหรูหรา ทั่วๆ ไปแบบมีจริตเย้ายวนแบบไม่ไก่กาก็ทำได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลยไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงาน ออกเดท หรือท่องราตรีที่อัดสเปรย์เพิ่มหน่อย จะสร้างออร่าหรูหรามีระดับได้ดีโดยที่มีความเซ็กซี่เนียนๆ พ่วงมาด้วยได้ไม่ยาก

ความทน - พื้นฐานยังไงก็ 8 ชม. และไปต่อได้อีก เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. ก็เจอมาแล้วกับการใช้งานที่ 5 สเปรย์  ถือว่ากลิ่นทนจัดดีจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและมีความเสถียรในการกระจายแบบนี้ยาวพอสมควร จนเมื่อผ่านซัก 4 ชม. ถึงลดลงมาปานกลางก่อนที่จะผ่อนตัวลงมาเรื่อยๆ จนเป็นออรน่ารอบๆ ตัวหลังจากผ่านไป 8 ชม.

สรุป - เอาความเป็นต้นตระกูลมาต่อยอดได้อย่างลงัวและงดงามมากโดยยังคุมโทน Sexy เย้ายวนแบบมีคลาสมีระดับได้อยู่ เพียงแต่จะไม่ได้มีจริตและมีความเชิ่ดเท่า แต่จะหันมาออกแนวเย้ายวนอวลปนนวลสว่างที่มีจริตกำลังดีมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าแบรนด์นี้สร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมได้ไม่ธรรมดาจริงๆ

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Bottega_Veneta/Bottega_Veneta_Eau_Legere


 

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Review: Bottega Veneta for Women


Bottega Veneta for Women

เมื่อพูดถึงน้ำหอมกลิ่นหนังที่ควรค่าแก่การได้ลองๆ หลายๆ คนมักจะบอกให้มาลองที่น้ำหอมของแบรนด์เครื่องหนังชั้นยอดและแฟชั่นจากอิตาลีอย่าง Bottega Veneta เสมอ ซึ่งจากที่ได้ลองทางฝั่งผู้ชายในรุ่น pour Homme Extreme ก็ยอมรับถึงกลิ่นอายที่ดึงเอาความเป็นหนังออกมาสร้างออร่าเท่ห์และ Cool ได้ดีมากจริงๆ

แต่ยังไม่จบแค่นี้เพราะมีอีกหนึ่งในความดีงามของน้ำหอมกลิ่นหนังที่แบรนด์นี้สร้างสรรค์ขึ้นและเป็นน้ำหอมตัวแรกของแบรนด์เสียด้วยอย่าง Bottega Veneta for Women เช่นนั้น ไม่สนใจว่ากลิ่นจะเป็นของเพศไหน ก็จัดไปอย่าได้เสีย ใช้แล้วบอกต่อได้แบบนี้เลยว่า

สมแล้วที่ได้รับคำชื่นชมทางกลิ่นว่าดีงาม เพราะจะสร้างออร่าทางกลิ่นด้วยความเป็นหนังกลับได้สวยมากตั้งแต่เริ่มต้นยันจบ โดยจะเปิดตัวกันก่อนที่กลิ่นโทนเปรี้ยวเจือขมของมะกรูดฝรั่งที่จะเจือกลิ่นโทนฝาดปร่าเจือเผ็ดนวลอ่อนๆ กึ่งกุหลาบบางๆ ของพริกไทยสีชมพูที่วูบขึ้นมา รวมถึงแอบมีกลิ่นออกทางผลไม้หอมติดหวานแห้งหน่อยๆ แนวลูกพีชที่คลอเนียนๆ อยู่ พร้อมกับตามมาติดๆ ด้วยกลิ่นอายโทนหนังกลับ ที่ให้ความนวลกึ่ง Musky กึ่งหนังที่ไฟล่ไปทาง Animalic นิดๆ และมีกลิ่นสากพิมเสนบางๆ ที่สร้างความกรุยกรายเฉพาะเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นอยู่ด้วย ทำให้ช่วงต้นการผสมผสานทางกลิ่นจะมีเสน่ห์และดึงดูดที่มีมิติกรุยกรายแกมนิ่งมีระดับมาก แบบที่สร้างความประทับใจแรกกลิ่นได้และเรียกร้องความสนใจได้แบบที่ไม่ต้องพยายามเลยทีเดียว

การเปลี่ยนสถานะในช่วงกลางจะมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นมาเป็นโทนหนังกลับที่มีลูกผสมผสานของกลิ่นโทนหนังปกติที่ให้ความ Animalic เย้ายวนเนียนๆ เคล้ากับกลิ่นโทนเครื่องเทศเจือพิมเสนที่เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะให้กรุยกรายสากบางๆ เย้าจมูกและมีความเป็นโทน Earthy ติดดินเขียวเข้มๆ ของ Oakmoss ที่สร้างความน่าค้นหาปนกรุยกรายเข้าไปด้วย รวมถึงจะมีเลเยอร์กลิ่นโทนแป้งดอกไม้ขาวนวลหวานบางๆ ของมะลิเคล้ากุหลาบที่จะมาให้รับรู้ประปราย ท่ามกลาง เลยทำให้ช่วงกลางจะเป็นช่วงที่ปล่อยเสน่ห์ได้ชัดมากกับการเป็นกลิ่นหนังที่กึ่งนวลละมุนมีเสน่ห์กึ่งดาร์กเย้า มีทั้งออร่าความกรุยกรายมีจริตกำลังดี ความเย้านวลอวลเร้ากำลังงาม และมี Sex Appeal ทางกลิ่นได้ชัดมาก ที่สร้างความหรูหราออกมา จนเมื่อกลิ่นหนังเริ่มลดทอนความเข้มลงกลายเป็นโทนสไตล์ Musky ที่รองพื้นกลิ่น แล้วโทนพิมเสนกับ Oakmoss เริ่มกลายเป็นตัวหลักแทนในการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมซึ่งกลิ่นจะให้ความ Earthy ติดดินสะอาดๆ มีความเย้าเร้าจมูกของพิมเสนที่ให้ทั้งความหวานระเรื่อ แอบมีความ Spicy หน่อยๆ เป็นตัว on Top ที่ได้ทำให้รับรู้ได้ก่อนเพื่อน แล้วจะตามด้วยกลิ่นกรุยกรายเขียวติดเข้มของ Oakmoss ที่ผสมผสานกับกับโทนหนังกลับและหนังที่มีกลิ่นกุหลาบเนียนๆ ซึ่งช่วงนี้จะจับต้องความรู้สึกของโทนน้ำหอมได้อย่างหนึ่งคือ กลิ่นมาสไตล์ Timeless ที่คาบเกี่ยวความ Classic หรูหราก็ได้ ความ Modern ที่นำเสนอ Sex Appeal เสน่ห์มีจริตแบบมีระดับมากกว่าจะอวลแน่นจัดจ้าน ซึ่งกลิ่นจะมีลูกเล่นที่ได้ความเย้าระเรื่อมีจริตปนหรูหราแบบวางตัวดี และดูมีความเป็นตัวแม่เนียนๆ แบบที่คงเสน่ห์ความหอมได้ลงตัวยาวไปจนกว่าจะจางไปจากผิว

เหมาะสำหรับ - เป็นน้ำหอมผู้หญิงที่เข้ากับวัยทำงานขึ้นไป เพราะมันเสริมลูกเล่นให้ดูนางพญาได้ดีในระดับหนึ่งเลย แต่ไม่ใช่ว่าน้องๆ มหาลัยจะใส่ไม่ได้ ใส่ได้อยู่ แต่จะดูเป็นสายกรุยกรายมากหน่อยก็เท่านั้นเอง ซึ่งกลิ่นนี้สามารถจัดไปได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งแบบลุยๆ หรือออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทาง เดี๋ยวกลิ่นจะตีขึ้นจนจุกคอหอยเสียก่อน เพราะมันมีความอวล ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยจัดไป ใส่ออกงานก็เริ่ด ใส่โรแมนติคก็เย้า ใส่ท่องราตรีก็มีจริตและมีเสน่ห์ ส่วนคุณผู้ชายบอกเลยใส่กลิ่นนี้ได้สบายมาก เพราะเนื้อกลิ่นมีความ Unisex มากเสียด้วย แม้ช่วงกลางจะมีโทนไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ถ้าไม่มายด์บอกเลยกลิ่นนี้ผู้ชายใส่แล้วมีความเป็นคุณชายที่ Cool และหรูหรากันได้เลยล่ะ

ความทน - ดีงามมากกับพื้นฐานที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. กันเลยทีเดียวกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาปานกลางยาวๆ ไป พอผ่านไปซัก 6 ชม. กลิ่นจะเจ้าสถานะการเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ

สรุป - ใส่แล้วอารมณ์เชิ่ดคอ 45 องศามาพร้อมมาก เพราะกลิ่นสร้างออร่าความเป็นกรุยกรายมีระดับยืนพื้นที่โทนหนังและหนังกลับที่แตกต่าง โดยใส่ความ Classic หรูหราที่สมดุลย์พอดีกับโทน Modern ที่เน้นปล่อย Sex Appeal เสริมบุคลิก ไม่แปลกใจว่าทำไมน้ำหอมรุ่นนี้ถึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลายสำนักชมว่ากลิ่นงดงามและได้รับความนิยมมาเสมอ และที่สำคัญใครที่ชอบ Serge Lutens - Daim Blonde จะอินกับตัวนี้ได้ไม่ยากเพราะพื้นฐานกลิ่นคือหนังกลับเหมือนกัน เพียงแต่ Bottega Venenta for Women จะไพล่มาทางสไตล์น้ำหอมผู้หญิงมากกว่าหน่อย และมีความระเรื่อพิมเสน Earhty ปนเขียวขม Oakmoss มากกว่า

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.bottegaveneta.com/us/fragrance_cod62000455bf.html

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563

Review: Bottega Veneta pour Homme Extreme

Bottega Veneta pour Homme Extreme

ว่ากันด้วยเรื่องของเครื่องหนังชั้นดีจากอิตาลี คงหนีไม่พ้นแบรนด์ที่ชื่อว่า Bottega Veneta ที่เป็นหนึ่งในใต้หล้าในด้านนี้ กับเอกลักษณ์ในเรื่องการทำเครื่องหนังด้วยเทคนิคการสานหนังแผ่นเฉพาะที่เป็นลายเซ็นของแบรนด์มาตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันอย่าง Intrecciato ในการนำมาทำกระเป๋าและเครื่องประดับอื่นๆ จนมาถึงแฟชั่นเสื้อผ้าในปัจจุบัน แบบที่ใครเห็นแม้ไม่ต้องเห็นแบรนด
์ ก็สามารถ อ๋ออออ ได้เลย นี่แหละ Bottega Venenta 

แต่แบรนด์เองไม่ได้มีแค่เรื่องเครื่องหนังและแฟชั่น เพราะความครบครันในการเป็น Fashion House มันต้องมีน้ำหอมด้วย และคุณภาพมาระดับเดียวกับ Chanel และ Dior กันเลยล่ะ เช่นนั้น ได้มาเจอกับน้ำหอมของแบรนด์นี้ในโซนน้ำหอมผู้ชายมีหรือที่จะไม่ใช้แล้วบอกต่อ เช่นนั้น ก็มาว่ากันซักหน่อยกับรุ่นนี้เลย Bottega Veneta pour Homme Extreme 

บอกก่อน - เพราะยังไม่ได้มีโอกาสลองและใช้รุ่นปกติที่ถือเป็นน้ำหอมที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์มาก่อน เคยแค่ลองผ่านๆ นิดหน่อยเท่านั้น เช่นนั้นเลยจะเล่ากลิ่นเฉพาะตัว Extreme เพียงอย่างเดียวไม่มีการเทียบเคียงกลิ่นกับรุ่นตั้งต้นนะจ้ะ 

เปิด Top Notes เรียกว่าได้ความรู้สึกปร่าเขียวปนกลิ่นไแนวๆ ยางไม้สนที่ชัดเจนมาก กลิ่นมีความอะโรม่าที่กำลังดีมีลักษณะบรรยากาศสดชื่นแต่มีความดาร์กเท่ห์เนียนๆ อยู่ให้รู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นที่ให้ความปร่าอะโรม่าที่เด่นออกมาเลยคือ จูนิเปอร์เบอร์รี่ ที่ให้ความปร่าเจือเขียวตีคู่กับกลิ่นของโทนแนวๆ ยางสน ที่มาจากสนไพน์ที่สร้างกลิ่นโทนไม้หอมสะอาดๆ ปร่าๆ เสริมทัพกันเข้าไป แต่เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนที่สร้างบรรยากาศเย็นๆ เข้ามาร่วมด้วยอย่างมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ให้ความสดชื่นเปรี้ยวเจือขมบางๆ ประปราย แต่มีความหม่นที่น่าค้นหาหน่อยๆ รองพื้นอยู่ เลยทำให้กลิ่นโทนเขียวปร่าจะไม่ได้ไปสายสว่างมากเกินไป มีความกึ่งกลางที่จะสดชื่นก็ได้ ดาร์กหน่อยๆ ก็ดี โดยอยู่ในพื้นฐานของกลิ่นไม้หอมแนวไม้สนเป็นสำคัญ 

Middle Notes ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่ชูโรงความเป็นกลิ่นอายสายไม้สนติดปร่าที่ชัดเจนไม่พอ ยังมีกลิ่นบางอย่างจากตอนต้นที่จับได้ว่ามันแอบหม่นๆ หน่อย ก็จะมาชัดเจนในช่วงนี้ และเป็นลายเซ็นที่บ่งบอกถึงความเป็น Bottega Veneta เลยนั่นคือ กลิ่นหนัง ซึ่งจะมาสร้างออร่ากลิ่นหนังที่ให้ความดาร์กอวลแบบกำลังดีเป็นพื้นกลิ่น โดยให้กลิ่นแนวไม้สน Fir (ต้นสน X’Mas) ที่ให้ความเป็นไม้หอมปร่าเขียวมีความชะอุ่มๆ ผสมผสานอยู่ในกลิ่น เด่นขึ้นมาประสานรวมกับกลิ่นที่ตามมาจากช่วงต้นอย่างสนไพน์และจูนิเปอร์ รวมถึงมีลักษณะติดเผ็ดบางๆ สร้างมิติให้จับต้องได้มากกว่ากลิ่นไม้หอม ทำให้ช่วงกลางจะได้อารมณ์กลิ่นไม้สนปร่าเผ็ดสะอาดกลมๆ ไม่แหลมไม่บาด แต่ติดดาร์กเจือ Dirty จากโทนหนังที่รองพื้น ทำให้จะได้ลักษณะที่น่าค้นหาเข้ามาชัดเจนมากไม่พอ ความ Cool ในเนื้อกลิ่นยังมาเต็มแบบนิ่งๆ แต่เอาอยู่ได้อย่างลงตัวมาก 

เมื่อกลิ่นดำเนินความเป็นไฮไลท์ไปยาวๆ พอสมควร การเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้น และคราวนี้ก็เป็นการเข้า Base Notes ที่กลิ่นโทนไม้สนจะค่อยๆ ผ่อนตัวลงไป จนเหลือกลิ่นโทนไม้ติดเขียวปร่าสะอาดเบาๆ แต่กลิ่นหนังจะกลายเป็นตัวเอกหลัก ที่ต้องบอกเลยว่าช่วงท้ายของน้ำหอมรุ่นนี้คือการผสมผสานกลิ่นได้ดีมากกับการสร้างกลิ่นอายแบบกระเป๋าหนังชั้นดีที่มีความติด Animalic แบบกลิ่นหนังจริงๆ เคล้าความอวลลึกติดอบอุ่น และมีโทนสมุนไพรแห้งๆ ติดหวานบางๆ ของพิมเสนเคล้าไม้หอมสะอาดบางๆ ที่ตามมาจากช่วงกลางแบบประปรายสร้างมิติความดึงดูดและเย้ายวนแบบนิ่งๆ คุมโทนความ Cool ติดเร้าใจเนียนๆ ปนดาร์กลึกที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวได้ดีมากและยาวไปเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใช้งานตัวนี้ได้แล้ว แต่อย่างน้อยถ้าผ่านกลิ่นโทนไม้สนและโทนหนังมาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ง่ายขึ้นและอาจจะอินจนต้องใช้เป็นตัวหลักยาวๆ กันได้เลย ซึ่งแน่นอนความความเท่ห์ Cool ปนเร้าใจของกลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการและทั่วๆ ไป ที่เน้นมานิ่งๆ มีระดับแต่มีเสน่ห์โดนใจเป็นสำคัญ แต่กลิ่นไม่ค่อยเข้าทางกับการใส่ออกกำลังกายเท่าไหร่นัก ส่วนยามค่ำคืน บอกเลยจัดไป กลิ่นสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงความ Cool และ Sexy แบบมาดนิ่งเท่ห์ปน Bad Boy คูลๆ เนียนๆ ได้ดีเลยล่ะ

ความทน - ดีงาม เพราะ 10 ชม. กลิ่นยังคงอยู่และยาวไปถึง 12 ชม. ได้เลย ซึ่งถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ย ยังไงก็ 8 ชม. ขึ้นไปได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และคงความเสถียรในเรื่องการกระจายที่ดีไปจนถึงช่วงกลางของน้ำหอมเลย และเมื่อพ้นซัก 6 ชม. ไปแล้ว กลิ่นจะเริ่มลดลงมาปานกลางไปซักระยะแล้วจะค่อยๆ เป็นออร่ารอบๆ ตัวในที่สุด 

สรุป - เป็นการเล่นโทนกลิ่นที่ลงตัวมากเลยทีเดียวระหว่างโทนไม้สนและหนังได้ดีมาก คุมโทนกลิ่นอายที่บ่งบอกถึงความเป็นสายเครื่องหนังที่มีความเท่ห์และ Cool ของ Bottega Veneta ได้ชัดเจน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.parfumo.net/Perfumes/Bottega_Veneta/Bottega_Veneta_pour_Homme_Extrme