แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Montale แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Montale แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Montale - Pure Love

Montale - Pure Love

เมื่อเจอคำว่า Pure Love กับการเป็นหนึ่งในรุ่นน้ำหอมของแบรนด์ Montale อย่างแรกที่รู้สึกเลยว่าจะต้องมีพลังมาเต็มตามประสาความทรงพลังที่เน้นกระจายรอบทิศแน่ๆ เพราะสไตล์ของแบรนด์เป็นเช่นนี้มาเสมอ และต้องหวานเพราะน่าจะมีทั้งกุหลาบ และวานิลลา และเผลอๆ จะต้องมี Oud มาเกี่ยวข้องด้วยก็เป็นได้ และหลังจากที่ได้อ่านคำโปรยของรุ่นนี้ ผลที่ออกมาก็คือ

OK ตัด Oud ออกไป ไม่น่าจะมี ไปมุ่งเน้นกันที่วานิลลากับกุหลาบแทน เพราะแบรนด์นี้ก็ปล่อยของกับ 2 โทนนี้เก่งกันจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะทำออกมาแบบไหน และมีกลิ่นอายแบบที่แบรนด์ดึงเอาความดีงามของเดิมที่ทำมาต่อยอดให้ทรงพลังมากขึ้นหรือไม่ ว่ากันได้ตามนี้เลย

สิ่งแรกที่มาทักทายในแรกสเปรย์เลยคือ ความเป็นกุหลาบกึ่ง Citrus ที่มีลูกผสมกึ่งแยมเล็กๆ แต่ไพล่ออกไปทาง Candy ลูกอมเสียมากกว่า แต่เนื้อกลิ่นไม่ได้กิงก่องแก้วดู Puppy Love ขนาดนั้น เพราะมีโทนหวานเย้าของเม็ดกระวานที่ไม่ได้มาแบบหนักและหนืดจนเกินไป ให้ความเย้าลึกแบบน่าสนใจ + กับความนิ่งที่แฝงในเนื้อกลิ่นของโทนไม้หอมรองพื้นอยู่ให้รู้สึกได้แบบกำลังดี แถมยังมีกลิ่นหนังที่แอบผลุบๆ โผล่ๆ ให้พอสนุกสนานในการจับกลิ่น เลยทำให้กลิ่นมีความน่ารักแบบค่อนไปทางนิ่ง แต่มีความเย้ายวนแกมหวานที่มีเสน่ห์แบบไม่ได้โฉ่งฉ่าง ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้มาถึงก็ปล่อยพลังใส่รอบด้าน แต่ให้ความอวลๆ แบบสีแดงอมชมพูค่อนไปทางสดชื่นแต่มีพลังอยู่ในระดับที่สมดุลย์ดีเลยทีเดียว

การเข้าสู่ช่วงกลางคือการเปลี่ยนสถานะจากกลิ่นที่ค่อนไปทางลูกอมกลิ่นกุหลาบ มากลายเป็นกุหลาบหวานแกมไม้หอมที่อวลสว่างแบบสมดุลย์มาก ซึ่งคราวนี้จะจับต้องได้ 2 โทนคือ กลิ่นออกทางกึ่งหญ้ากรำแดดนิดๆ กึ่งไม้แห้งหน่อยๆ ที่เป็นโทนกลิ่นของหญ้าแฝกที่จะแท็คทีมกับไม้จันทน์หอมสร้างความเป็นโทน Woody ที่มี 2 สถานะคือโทนสว่างครีมมี่อวลกำลังดีและกลิ่นออกทางไม้แห้งขรึมติดเขียวอุ่นปลายกลิ่น โดยที่มีตัวแฝงสำคัญให้เริ่มจับต้องได้ชัดมากขึ้นนั่นคือ วานิลลาและหนังมาเป็นตัวรองพื้่นให้ความอลอุ่นปนน่าค้นหาแถมมีความหวานผ่อนคลายเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งพอมารวมกับกลิ่นช่วงต้นยิ่งทำให้เนื้อกลิ่นมีความนิ่งอวลหวาน โดยยังมีความหอมกุหลาบติดเปรี้ยวอมหวานคลอเคลียจมูกอยู่ตลอด

เมื่อกลิ่นกุหลาบเริ่มเบาลงตามลำดับ และความเป็นวานิลลาเริ่มกลายเป็นตัวเอกที่รับช่วงในการเดินกลิ่นต่อ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัวที่จะเป็นวานิลลามาจับคู่กับไม้จันทน์หอม โดยมีกลิ่นไม้หอมแห้งๆ เคล้าหนังเสริมแรงอยู่ กลิ่นจะให้ความหวานครีมมี่อบอุ่นผ่อนคลายกำลังดี แต่ไม่ได้หนักจนข้นเกินไป เนื้อกลิ่นจะเป็นแบบวานิลลาผสมไม้อยู่ตลอดให้จับต้องได้ รวมถึงจะมีกลิ่นหนังเย้าๆ เคล้ากลิ่นติดอวลเค็มคล้ายผิวกายอ่อนๆ เข้ามาตรึงให้กลิ่นมีเสน่ห์อวลๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็น Cetalox หรือไม่ก็ Ambroxan ที่เป็นตัวสร้างโทนกลิ่นลักษณะนี้ (แต่คาดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเพราะสอดรับกับกลิ่นไม้หอมได้พอดิบพอดี) โดยโทนกุหลาบจะยังมีอยู่หน่อยๆ ปลายกลิ่นที่ให้อารมณ์ออกทางกึ่งโทนแป้งเบาๆ แทนแล้ว มิติกลิ่นได้ทั้งอบอุ่น หวานครีมนวลกำลังดีไม่แต่หวานจัดจนเลี่ยนและข้นเกินไป แถมยังมีความระเรื่อนวลๆ โรแมนติคของกุหลาบอ่อนๆ เสริมติดปลายจมูก เป็นการปิดท้ายที่พอเมาะและสมดุลย์ได้ดีและน่าสนใจในทิศทางกลิ่นที่ไม่ได้จัดหนักมาก แต่ยังคงทนยาวนาน แบบที่ไม่ค่อยได้เจอจากแบรนด์นี้ได้น่าสนใจจริงๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน เพราะเข้าได้หมดไม่ว่าจะชายหรือหญิง กลิ่นมีเสน่ห์แบบกึ่งกลางที่ผู้ชายใส่ก็อบอุ่นโรแมนติคแกมหวาน และผู้หญิงใส่ก็มีเสน่ห์หวานหอมนวลอวลน่าเข้าใกล้ ซึ่งกลิ่นเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการที่พอได้อยู่พอสมควร แต่อาจจะเลือกนิดนึงว่าถ้าทางการจัดๆ กลิ่นแบบนี้อาจจะหวานไป หรือใส่แบบทั่วๆ ไปที่เน้นสร้างความหวานเย้ามีเสน่ห์แบบนิ่งๆ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย เดี๋ยวตึ้บเอาได้ เพราะกลิ่นมีพลังอยู่ไม่น้อย ส่วนยามค่ำคืน ชี้ไปที่การใส่เพื่อความโรแมนติคหรือออกงานจะดีที่สุด เพราะเข้าทางม๊ากมาก

ความทน - หายห่วงในเรื่องนี้ไปได้เลย เพราะว่า 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ ขนาดใช้ที่ 5 สเปรย์ เช่นนั้นวางใจได้ Montale ไม่ทำให้ผิดหวัง ยังไงก็แตะและไปต่อได้มากกว่า 8 ชม. ได้ไม่ยาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายตีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเสถียรกันยาวพอสมควรที่เป็ยบาเรียรอบตัวแบบกลางๆ ตีไปประมาณ 1 ช่วงแขนราวๆ นั้น พอผ่านไปซักราวๆ 5 ชม. กลิ่นเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวแทน แล้วจะคงที่กันยาวๆ ไปจนกว่าน้ำหอมจะพอใจ

สรุป - หักมุมจากความคาดการณ์และความรู้สึกที่คิดว่าจะทรงพลังมาเต็มไปเลย เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้มาสายลักษณะนี้นัก เพราะมาแบบอวลๆ กำลังดี มีพลังแบบบาเรียรอบกายกลางๆ ไม่ได้เปล่งพลังหมื่นลี้มาจากไหน แต่ให้ความนิ่งและลุ่มลึกเข้ามาผสมผสานโดยดันโทนได้ดีในการเป็นกุหลาบ วานิลลา และไม้จันทน์หอมที่ลงตัวแทน ซึ่งถ้ามองตามชื่อรุ่นว่า Pure Love ก็ถือว่าเหมาะสมเพราะถือเป็นรักที่อบอวลแบบนิ่งๆ และมีเสน่ห์ยามอยู่ใกล้แบบไม่ต้องโฉ่งฉ่างเล่นใหญ่ได้ลงตัวมากๆ อีกหนึ่งกลิ่นเลยทีเดียว 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.4doutfitters.com/frauen/beauty-parfum/parfum/16353/pure-love-eau-de-parfum-100ml

 

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

Review: Montale - Sensual Instinct

Montale - Sensual Instinct

จากปี 2018 ที่ Montale ค่อนข้างมีความท็อปฟอร์มอย่างมากกับการปล่อยน้ำหอมออกวางจำหน่ายแบบมาเต็มถึง 10 รุ่น เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 7 - 9 รุ่น ในแต่ละปี ก็ทำให้คาดการณ์ในเบื้องต้นว่า ปี 2019 น่าจะแผ่วลงมาหน่อยเพราะจัดเต็มไปแล้วเมื่อปีก่อนหน้า และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ กับการกลับมาที่ 8 รุ่น ซึ่งแน่นอนว่าครอบคลุมหมดทั้งสาย Oud ที่ต้องมีอยู่แล้ว สายกุหลาบ สายไม้หอม สาย Gourmand สายอบอุ่น และสายหวาน

และหนึ่งในกลิ่นกลิ่นอายสายอบอุ่นที่เรียกว่าสร้างความฮือฮาพอสมควรเลยกับการที่มีมีหลายๆ ผู้ใช้น้ำหอมโหวตโยงเรื่องความใกล้เคียงกับน้ำหอมดังแห่งยุคอย่าง MFK - Baccarat Rouge 540 อย่างรุ่น Sensual Instinct ซึ่งก็ทำให้มีความ เอ๊ะ! อยู่พอสมควร เพราะส่วนใหญ่หลังจากได้ลองหลายๆ รุ่นของแบรนด์นี้ ลามไปถึงแบรนด์พี่แบรนด์น้องอย่าง Mancera ที่มักมีการอ้างถึงความคล้ายกับรุ่นดังที่ว่า มักจะซึมซับได้ว่าเป็นเนื้อกลิ่นที่เอากระแสความนิยมมาต่อยอด ให้มีการฉีกโทนกลิ่นออกมาให้มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์แบรนด์เสียมากกว่า แน่นอนว่าความอยากรู้อยากดมก็ต้องมา เพราะไม่คิดว่ามันจะถอดกันมาชัดๆ ขนาดนั้น และเมื่อได้ลองก็เล่าต่อได้แบบนี้เลย

Sensual Instinct เปิดตัวมาก็ใช่มาตามความนิยมชมชอบทางกลิ่นของยุคนี้อย่างชัดเจนกับวูบแรกที่จะมีความหวานอมเปรี้ยวหอมที่มีความใสและให้อารมณ์สีแดงเข้มและมีความลึกในเนื้อกลิ่นที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นโทนวิสกี้ กุหลาบเคล้ากาแฟที่เสริมด้วยกลิ่นกระวานหวานเย้า + โทน Citrus ที่มีส่วนประกอบของความเปรี้ยวแกมขมของมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) และความหวานอมเปรี้ยวของส้มจีน ที่ทำให้ได้ความรู้สึกคล้ายกับ Baccarat Rouge 540 ในวูบแรก แต่ชั่วขณะถัดมาตัวเอกหลักก็อย่างหญ้าฝรั่น (Saffron) ที่จะไม่ได้มาแบบหวานลึกสีชาดแบบน้ำหอมรุ่นดังแต่อย่างใด แต่มาแบบความเป็นหญ้าฝรั่นที่มีความเมทัลลิคแกมขมแปร่ง Spicy ที่เป็นเสน่ห์ตามธรรมชาติของหญ้าฝรั่นและให้โทนกึ่งอาระเบียนหน่อยๆ โดยมีวิสกี้เสริมได้อย่างลงตัวในการสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นที่เซ็กซี่ไม่น้อย เรียกว่าเบียดความหวานอมเปรี้ยวหอมช่วงแรกสุดไปเป็นแค่กลิ่นโทนสนับสนุนที่สร้างความหวานเย้ามีเสน่ห์ในโทนสีแดงในเนื้อกลิ่นแทน ถือว่าเป็นการพลิกโทนที่ไม่ได้เป็นการถอดเนื้อกลิ่นมาแบบช็อตต่อช็อต แต่เป็นการนำมาปรับให้เนื้อกลิ่นให้เป็นสไตล์ของแบรนด์โดยที่ไม่หลุดความ Trendy ทางกลิ่นแต่อย่างใด

การปรับเปลี่ยนโทนในการเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นหญ้าฝรั่นกับวิสกี้จะยังคงความเด่นอยู่ เพียงแต่เริ่มโดนเกลากลิ่นให้โทนแปร่งเมทัลลิคแกมหวานขมอาระเบียนลดทอนลงมาเป็นกลางๆ มากขึ้น และจะมีกลิ่นโทนหวานแตะโทนของกิน (Gourmand) ที่เป็นลูกผสมระหว่างความเป็นกาแฟ วานิลลา และกุหลาบ แบบที่ทำให้นึกถึงความเป็นรุ่นดังของ Montale ที่มีอยู่เดิมอย่าง Intense Cafe เพียงแต่จะมีความนวลกึ่งขนมแนวคัสตาร์ดที่มีกาแฟ มีชอคโกแลตหน่อยๆ ที่เข้ามาร่วมด้วยแบบไม่ได้มาแบบจัดจ้านจนแน่นเกินไปนัก ทำให้ได้ทั้งความหวานเย้าแกมดึงดูดแบบที่หญ้าฝรั่นและวิสกี้ให้โทนแบบนี้ได้ชัดเจน ตามด้วยความหอมนวลอวลน่ากินแบบกลางๆ ของสายกุหลาบ กาแฟ วานิลลา ที่มีโทนหวานเผ็ดเย้าของกระวานเป็นลูกคู่ เนื้อกลิ่นเลยจะมีความหวานอมเปรี้ยวหอมลึกสู่หวานนวลอวลแบบดมไล่สเต็ปจากกลิ่นที่ฟุ้งสู่ติดผิวที่มีโทนสีในเนื้อกลิ่นออกมาชัดเจนจาก แดง > ม่วง > ชมพู > น้ำตาลทอง > เหลือง > ครีมนวล เรียกว่าช่วงกลางมีมิติไล่โทนกลิ่นที่น่าสนใจมากจริงๆ

ช่วงรอยต่อระหว่างช่วงกลางกับช่วงท้าย ความเป็นกลิ่นอายหวานอมเปรี้ยวหอมลึกๆ ที่ให้อารมณ์สีออกทางแดง ม่วง และชมพู เริ่มจะเบาลงตามลำดับ และเนื้อกลิ่นเริ่มมีโทนไม้หอมเข้ามาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเปลี่ยนเป็นโทนสีครีมนวลมากขึ้น จนเมื่อเข้าช่วงท้ายเต็มตัว ความเป็นโทนขนมในช่วงกลางจะเหลือเพียงเบาๆ ที่เสริมโทนอบอุ่นน่าซุกในเนื้้อกลิ่น แต่จะเริ่มมีโทนออกทางไม้หอมอย่าง Amberwood ที่ให้ความหอมไม้อวลๆ แกมอบอุ่น แต่ไม่ได้หนัก เพราะ Musk มาตัดทอนให้เนื้อกลิ่นมีความนุ่มนวลมากขึ้น และมี Oak Moss สร้างความดาร์กแกมขมหน่อยๆ ที่สร้างโทนแบบ Earthy ดินๆ มารวมอยู่ด้วย ซึ่งพอเจอ 3 เกลอ (Musk, Amberwood, Oak Moss) จะได้โทน Woody Musky ที่สะอาดนวลกำลังดีมีลูกเอื้อนโทนขนมเย้าหน่อยๆ ตามด้วยพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อเย้าๆ จมูกเข้ามาแท็กทีมประปรายในเนื้อกลิ่นด้วย ยิ่งทำให้เนื้อกลิ่นมีเสน่ห์ดึงดูดปิดท้ายแบบไม่ต้องเยอะสิ่งก็เอาอยู่ได้สบาย

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะเนื้อกลิ่นมีพื้นฐานความเป็นโทนหวานสีแดงไปสู่ครีมนวลที่เข้าได้หมดทุกเพศ และทันสมัยเลยกับการใช้งาน ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ที่จะทางการก็พอได้ แต่ใส่แบบทั่วๆ ไป หรือทำงาน Office นี่ก็เข้าทีมากมาย รวมถึงยามค่ำคืนที่จัดไป ได้หมดทั้งออกงาน หรือท่องราตรีแบบหรูๆ มีสไตล์ เข้าทางโรแมนติคหน่อย ส่วนการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายนั้น ข้ามไปเถอะ ไม่ใช่ทุกประการ 

ความทน - เรื่องนี้หายห่วง แปะแบรนด์ Montale มีหรือที่จะไม่ทนเกิน 8 ชม. ขึ้นไป เพราะส่วนตัวที่เจอจัดไปที่ 15 ชม. กลิ่นยังอยู่ให้จับต้องได้ตลอด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แต่ไม่ได้ถึงกับทรงพลังหมื่นลี้รอบทิศขนาดนั้น ออกแนวกระจายดีมากแบบเรียกแขกในช่วงต้น แล้วจะลดลงมากระจายดีไปซักราวๆ 3 ชม. ถึงผ่อนลงมาเป็นปานกลางที่ใครเดินสวนก็ได้กลิ่น ยาวไปจนถึงราวๆ 6 ชม. ก็เริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ กว่าจะ Skin Scent ก็ชั่วโมงที่ 10 ไปแล้วประมาณนั้น

สรุป - ถ้าว่ากันตรงไปตรงมา ก็คือการเอาลักษณะเนื้อกลิ่นแบบ Baccarat Rouge 540 มาเป็นตัวเรียกแขกให้อารมณ์หวานสีแดงเย้าๆ แต่ปรับโทนให้มีลูกเล่นที่น่าสนใจมากขึ้นแบบที่เป็นลักษณะของ Montale โดยดึงเอาหญ้าฝรั่นในด้านเซ็กซี่มาแบบชัดๆ แล้วปูเข้าสู่ความเป็นกลิ่นอายขนมแกมกุหลาบที่ไม่หนักเกินไปแล้วเป็นมินิมัลสไตล์ที่อบอุ่น เย้ายวน และผ่อนคลายแบบมีเสน่ห์ในช่วงท้าย จะว่าเกาะกระแสก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่เกาะแล้วมีแตกต่างอย่างมีสไตล์ต่างหากที่ทำให้กลิ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและมีเสน่ห์โดดเด่นไม่แพ้กัน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.instagram.com/p/CRntdODp-pk/?utm_source=ig_web_copy_link

 

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Review: Montale - So Iris Intense

Montale - So Iris Intense

เห็นชื่อรุ่นครั้งแรกมีมาครบเลยทั้ง So และ Intense ที่มาประกบคำว่า Iris เป็นแซนด์วิชกันเลย ซึ่งถือว่าแค่นี้ก็สามารถเรียกแขกได้ไม่น้อยจริงๆ รวมถึงพื้นฐานความเข้าใจที่เมื่อเห็น Montale แน่นอนว่าเราจะต้องเจอความ Power House ปล่อยพลังจัดจ้าน ซึ่งนี่แหละเลยอยากรู้ อยากเห็น และอยากลองขึ้นมาทันทีเลย

และย่อหน้าข้างต้นนั่นคือการคาดคะเนก่อนที่จะได้ได้งานรุ่น So Iris Intense ที่จะได้สัมผัสซะทีว่า Montale จะมาสื่อสารกลิ่นอายของรุ่นนี้ยังไง เพราะถือว่าเป็นการชูโรง Iris แบบเต็มๆ รุ่นแรกของแบรนด์เลยก็ว่าได้ และผลที่ได้จากการใช้งานก็เป็นเช่นนี้

เมื่อลงสเปรย์เรียบร้อยถึงกลับต้องหันไปมองขวด ว่าหยิบผิดกลิ่นมาฉีดหรือเปล่า เพราะมันมีความ เอ๊ะ! ในเนื้อกลิ่นสูงมาก และโดยส่วนใหญ่เวลาเจอกับ Montale เรามักจะเจอความทรงพลังเป็นตัวเปิดเสมอ แต่ So Iris Intense ดันไม่ใช่ เพราะกลิ่นจะเปิดมาในลักษณะมินิมัลมากๆ แต่มีความชัดเจนกับการเป็นโทน Iris ที่ให้โทนกึ่งดอกไม้จืดติดทึบลักษณะแบบแป้งฝุ่นที่มีโทนติดแป้งโปร่งหวานนิดๆ ที่เดาได้ไม่ยากว่าจะเป็นโทนของดอกไวโอเล็ตที่มาสนับสนุนให้มีมิติโทนแป้งที่ไม่ได้ทื่อๆ เกินไป ตามด้วยมีโทนออกทางสดชื่นแกมไม้หอมโปร่งๆ เข้ามาเสริม ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มาสายตะโกนเรียกร้องความสนใจเลย ออกแนวแบบรุมๆ อวลๆ รอบตัวแบบที่กลิ่นชัดเจนตีขึ้นให้รับรู้ตลอดเสียมากกว่าในการเป็นโทนแป้งแนวแป้งฝุ่นแกมดอกไม้ติดจืดระเรื่อแกมหวานปลายปนชื้นอ่อนๆ ที่มีกลิ่นไม้หอมคลอๆ ประมาณนั้น ซึ่งอันนี้เหวอและอึ้งไปพอสมควรเลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่า Montale จะมาแนวนี้

ในช่วงกลางเนื้อกลิ่นจะมีความเข้มข้นมากขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ป อารมณ์กลิ่นจะหนาจากตอนต้นขึ้นมาหน่อย เพราะจะมีกลิ่นไม้หอมติดจืดหอมแกมครีมมี่ปนหวานนวลของไม้จันทน์หอมที่เข้ามาเสริมกับโทนแป้งที่ Iris เป็นตัวนำทีม และโทนไม้หอมโปร่งๆ ที่จับต้องได้ในช่วงแรก ที่เดาว่าน่าจะเป็น ISO E Super จะเริ่มเป็นตัวเสริมที่ดีที่ทำให้กลิ่นโทนไม้หอมมีมิติที่ไม่ได้ครีมมี่จนเกินไป แต่ให้ลักษณะที่เสริมกับโทนแป้งได้ลงตัวมากขึ้น อารมณ์กลิ่นจะแบ่งเค้กและเสริมกันอย่างลงตัว แบบที่แยกกลิ่นได้ชัดเจนว่านี่คือโทนแป้งเด่นที่ Iris นะเพราะมีโทนออกทางแป้งฝุ่นติดหวาน (ที่ไวโอเล็ตเสริมอยู่) และตัวแทรกอยู่คือไม้จันทน์หอมที่มีความจืดหอมนวลๆ แกมกลิ่นไม้แห้งโปร่งๆ ซึ่งกลิ่นจะไม่ซับซ้อนเลย ตรงไปตรงมามากกับการเป็น “แป้งไม้หอม” ชัดเจนจริงๆ และมีความรู้สึกหน่อยๆ ด้วยว่ากลิ่นมีโทนติดทึบ Earthy หน่อยๆ ที่น่าจะเป็นหัวเหง้าออริส (เหง้าของต้นไอริส) ที่มาแบบโทนติดแห้งๆ เสริมอยู่ด้วย และใช่เลยเพราะในช่วงท้ายของน้ำหอมกลิ่นนี้กลิ่นออริสที่ติดทึบแกมแป้งจะมาสอดรับกับโทน White Musk ที่มาทำให้กลิ่นมีความนุ่มนวลและเสริมให้โทนแป้งมีความละมุนกำลังดีมากขึ้น และแอบจับได้เบาๆ ด้วยว่ามีกลินกลิ่นแป้งอบอุ่นแบบวานิลลาอ่อนๆ รวมอยู่ด้วย เพราะมีกลิ่นนุ่มนวลผ่อนคลายจมูกแบบเวลาได้แป้งวานิลลาอ่อนๆ ให้สัมผัสได้ แต่ทั้ง White Musk และ Soft Vanilla ต่างก็เป็นตัวเสริมเท่านั้น เพราะโทนแป้ง Iris กับไม้หอมจะยังเด่นอยู่ เพียงแต่จะมีกลิ่นติด Earthy แห้งๆ แบบเหง้าใต้ดินหน่อยๆ ของออริสที่สร้างมิติกลิ่นให้มีเลเยอร์อื่นๆ ให้สัมผัสได้มากขึ้น

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจากการสัมผัสกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบ มันได้อารมณ์กลิ่นอายสไตล์มินิมัลเรื่อยๆ มาเรียงๆ เด่นที่โทนแป้งตีคู่กับไม้หอมแบบเรียบหรู และมีความ Unisex ในเนื้อกลิ่นสูงเพราะคุมสมดุลย์ความกลางๆ ได้ดี ซึ่งแน่นอนไม่คิดว่าจะได้เจอกับ Montale แต่พอเจอแล้ว ก็ทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียวล่ะ

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป เพราะกลิ่นมีความกลางๆ มากพอที่จะเสริมบุคลิกผู้สวมใส่ในการเป็นโทนแป้งไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ทั้งทางการหรือทั่วๆ ไป ให้อารมณ์แป้งไม้หอมที่เรียบง่ายแต่น่าค้นหาและมีเสน่ห์แกมเรียบหรูได้ดี แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้ง ออกกำลังกายจะดีกว่า เพราะว่ากลิ่นไม่ได้ไปได้ดีกับสถานการณ์เหล่านี้นัก รวมถึงการตัดออกจากการใส่ไปเพื่อเรียกแขกยามท่องราตรีจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้เรียกร้องความสนใจเน้นรุมๆ อวลๆ รอบตัวแบบสไตล์คลุกวงในเสียมากกว่า

ความทน - แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็น Extrait de Parfum หรือ Pure Parfum แต่ความทนก็ตกที่ราวๆ 8 ชม. ประมาณนี้ แถมไปว่าอาจจะบวกลบราวๆ 2 ชม. ก็ได้อยู่

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลงมาที่ปานกลางซักราวๆ 2 - 3 ชม. ก่อนจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่ตีขึ้นให้ผู้ใช้รับรู้ไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent เต็มตัวเมื่อผ่านไปซักราวๆ 6 ชม. ไปแล้ว เพราะกลิ่นช่วงท้ายค่อนข้างจมลงกับผิวพอสมควร แต่เป็นเรื่องดีเพราะไม่ทำให้เราอึดอัด เพราตีขึ้นยามขยับเนื้อตัวเสียมากกว่า 

สรุป - เรียกว่าไม่เคยได้เจอความเป็นสไตล์มินิมัลจาก Montale มาก่อน เรียกว่าเหวอไปเลย จนคิดว่าตาลายหยิบขวดผิดมาฉีดหรือเปล่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสไตล์จัดหนักจัดเต็มในเรื่องการกระจายรอบทิศแบบที่ส่วนใหญ่เราจะเจอกับ Montale มาเสมอ แม้จะชื่อรุ่นว่า So Iris Intense ก็ตาม ซึ่งน่าจะเน้นเรื่องความเข้มข้นของน้ำหอมมากกว่าเพราะว่าเป็น Pure Parfum เลยให้ชื่อรุ่นประมาณนี้ แต่ถ้าตัดเรื่องการกระจายออกไป ถือว่ากลิ่นนี้เป็นการนำเสนอโทน Iris คลอไปกับไม้จันทน์หอมได้ดีมากเลยทีเดียว เพราะให้ความเป็นหอมแกมไม้สว่างนวลไปตลอดแบบที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ในความเข้มข้นที่ชัดเจนมากในการให้จับต้องได้ และแน่นอนว่าถ้าใครชอบ Iris มาลองตัวนี้ระวังโดนตกเข้าให้เอาได้เลยล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/Montale/So-Iris-Intense-43413.html

 

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Review: Montale - Bakhoor

Montale - Bakhoor

ในการนำเสนอโทน Incense หรือธูปหอมต่างๆ ผ่านน้ำหอมที่ Montale ปล่อยออกมาวางจำหน่าย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีรุ่นดังอย่าง Full Incense ที่เรียกว่าจัดเต็มในการปล่อยพลังทางกลิ่นธูปแบบที่ชัดเจนทุกสโตรกและแผ่รังสีได้แบบถึงใจคนชอบโทน Incense มานักต่อนัก แต่ก็ไม่ใช่มีเพียงรุ่นเดียวที่ว่ากันในโทนนี้ เพราะกลิ่นอายสายธูปที่มีพื้นเพมาจากทางอาระเบียนมันก็มีหลากหลายพอสมควร

เช่นนั้น เลยเป็นที่มาของการสร้างสรรค์กลิ่นอายสายธูปขึ้นมาเสริมทัพในรุ่น Bakhoor ที่เป็นกลิ่นอายสไตล์ธูปหอมที่ผสมผสานความเป็นยางไม้ ไม้หอมต่างๆ และน้ำมันหอมระเหยเข้าด้วยกันจนเป็นกลิ่นโทนที่น่าค้นหา ขรึมขลังมีเสน่ห์ และเป็นโทนที่สื่อถึงวัฒนธรรมทางอาระเบียนได้ด้วยเช่นกัน เลยไม่ขอท้าวความอะไรมาก มาว่ากันเลยดีกว่าว่ารุ่นนี้ Montale จะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไรบ้าง

เปิดต้นกลิ่นเรียกว่านี่แหละ Montale’s Style ชัดเจน เพราะจะต้องมีกลิ่นอายสไตล์อาระเบียนอยู่โดยการผสมผสานกลิ่นโทนไม้กฤษณา (ขอเรียกว่า Oud หลังจากนี้) กับกลิ่นอายติดแปร่งขมเจือหวานของหญ้าฝรั่นที่ให้โทนแบบอาระเบียนเข้ามา แถมมีกลิ่นออกทางหนังหน่อยๆ ที่มีความ Smoky แฝงเสริมอยู่ แต่กลิ่นจะไม่ได้หนักหน่วงมากนักแบบปล่อยพลังพร่ำเพรื่อ จะให้ความกลางๆ ที่อวลๆ กำลังดี แอบมีความโปร่งมากกว่าที่คาดคะเนไว้ ซึ่งจะมีโทนไม้หอมแทรกประปรายให้จับต้องได้ ซึ่งนั่นก็คือโทนออกทางไม้ซีดาร์ ซึ่งคาดว่าจะต้องมี ISO E Super แฝงอยู่ด้วยเลยมีความโปร่งๆ ให้รู้สึก ทำให้กลิ่นช่วงต้นเลยออกแนวสร้างความรู้สึกในแบบลายเซ็นของแบรนด์กันก่อนว่าจะต้องมีโทนแบบนี้ให้รู้ ก่อนจะปูทางสู่ช่วงที่เป็นหัวใจหลักของน้ำหอมต่อในช่วงกลาง

การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มให้จับต้องได้เมื่อกลิ่นโทนไม้หอมต่างๆ เริ่มแทรกตัวมาเป็นตัวนำกลิ่นซึ่งต้องเรียกว่าเป็นการผสมผสานโทนไม้หอมที่เสริมกันเป็นอย่างดีมากและจับต้องแยกโทนกลิ่นได้ไม่ยากด้วย เพราะจะได้ความเป็นกลิ่นไม้หอมติดปร่าขรึมโปร่งๆ ของไม้ซีดาร์แกมกลิ่นออกทางไม้ดินสอ (แน่นอนว่า ISO E Super ชัดเจน) ตามด้วยกลิ่นไม้แห้งๆ ที่เป็นกลิ่นโทนสไตล์หญ้าแฝกที่ไม่ได้ออกทางรากใต้ดินหรือถั่วๆ และกลิ่นไม้ครีมนวลจืดหอมของไม้จันทน์หอมที่เสริม ทำให้มิติของกลิ่นไม้หอมในช่วงนี้ค่อนข้างเสริมกันได้ลงตัว รวมถึงกลิ่นจะมีความปร่ากึุ่งพริกไทยแกมยางไม้อ่อนๆ ที่เป็นลักษณะของ Frankincense เข้ามาร่วมด้วย และยังไม่พอกลิ่นในช่วงต้นก็ตามมาทั้งหมดเลย ทำให้กลิ่นไม้หอมที่เป็นพื้นกลิ่นจะมี Oud และหญ้าฝรั่นเข้ามาเสริมสร้างความอวลลึกดาร์กน่าค้นหา แถมมีโทน Smoky หน่อยๆ แกมหนังด้วย เรียกว่าช่วงกลางนี้มีความชัดเจนมากกับการเป็นอารมณ์ธูปไม้หอมที่มีความอวลลึกรุมๆ กรุ่นกำจายแบบสร้างบาเรียรอบตัวที่ขรึมขลังน่าค้นหา แต่มีความโปร่งและสว่างเนียนๆ มาตัดทอนไม่ให้กลิ่นดูดาร์กจนมากเกินไป อารมณ์หยินหยางกำลังดี

จนเมื่อกลิ่นดำเนินไปซักพักใหญ่ความอวลแกมอุ่นเริ่มชัดเจนมากขึ้น และมีโทนออกทางกึ่งไม้แห้งๆ กึ่งผิวกายติดเค็มเล็กๆ คล้ายโทน Ambergris หรืออำพันปลาวาฬเข้ามา แต่ถ้าให้คาดเดาน่าจะเป็น Ambroxan ที่ทำหน้าที่แทนเสียมากกว่า ซึ่งมาเสริมกับโทนไม้หอมให้ความอวลอุ่นกำลังดีไม่พอ ยังมีโทนไม้ออกทาง Smoky ติดออกทางกึ่งหนังแกมไม้นิดๆ ที่เสริมเข้ามาด้วยเลยทำให้กลิ่นธูปไม้หอมจากช่วงกลางเริ่มมีความ Smoky รุ่มรวยขรึมและน่าค้นหาแบบชัดเจนมากขึ้น แต่เพราระมีโทน Musk มาตัดทอนเลยทำให้กลิ่นมีความนวลสว่างกำลังดีเข้ามา และทำให้กลิ่นมีความนุ่มลงไม่ได้ตะยี้ตะบันอัดความเป็นธูปยางไม้+ไม้หอมแบบจัดหนักนัก เลยจะได้อารมณ์กลิ่นอายที่เป็นโทนธูปอวลๆ อบอุ่นแกมนุ่มๆ ที่คลอรอบกายไปเรื่อยๆ แบบที่มีลูกเอื้อนปลายกลิ่นอ่อนๆ สไตล์ Oud เบาๆ ที่มีเสน่ห์ปิดท้ายอย่างพอเหมาะและลงตัว

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่พื้นเพชอบกลิ่นอายสายไม้หอมและธูปยางไม้ รวมถึงกลิ่นอายสไตล์ตะวันออกกลางแบบอ่อนๆ ได้ (กลิ่นแนว Oud ไม่ได้หนักมาก ผ่านช่วงต้นไปที่เหลือก็สบายมากแล้ว) ก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายๆ เลย เพราะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่เน้นสร้างออร่าความขรึมขลังแต่ไม่ได้ถึงขั้นหลอนเหมือนมีกลิ่นธูปคลอแบบนั้น ให้อารมณ์น่าค้นหาเสียมากกว่า รวมถึงสามารถใส่ออกงานกลางคืนได้อยู่ แต่ถ้าจะใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือออกกำลังกาย แนะนำให้ข้ามไปดีกว่า รวมถึงใส่ไปท่องราตรี ที่กลิ่นอาจจะทำให้คนงงๆ ได้อยู่ว่าไปทำพิธีกรรมอะไรมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า แต่ถ้าแน่ จะลองก็ได้ เพราะกลิ่นมันมีโทนน่าค้นหาอยู่พอสมควร

ความทน - ลงตัวที่พื้นฐาน 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้อีกถึงราวๆ 12 ชม. เลยกับการใช้เพียง 4 สเปรย์ ซึ่งเรื่องนี้ Montale ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

การกระจาย - อันนี้จะมาแปลกกว่าสิ่งที่เคยเจอจาก Montale พอสมควร เพราะไม่ได้มาสายปล่อยพลังสะท้านฟ้านัก ซึ่งแม้กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แต่ก็จะผ่อนลงมาที่ปานกลางไปเรื่อยๆ แบบที่คงตัวและเสถียรกันยาวๆ พอสมควรถึงราวๆ 6 ชม. กลิ่นถึงจะเริ่มลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปยาวๆ จนพ้นซัก 10 ชม. ก็จะเริ่มติดผิวแล้ว ซึ่งอันนี้เกิดคาด แต่เป็นเรื่องที่ดี เพราะมันไม่หนักไปนั่นเอง  

สรุป - ถ้าเอาความหวือหวา กลิ่นนี้ไม่ได้มาแบบเต็มที่หนักหน่วงจัดจ้านในลักษณะน้ำหอมโทน Incense ในแบรนด์เดียวกันอย่าง Full Incense แต่ให้ความเรื่อยๆ อวลๆ แบบที่สร้างบาเรียน่าค้นหาและมีระดับรอบตัวแบบที่กำลังดีเสียมากกว่า โดยบาลานซ์กลิ่นได้ดีชูโรงกลิ่นไม้หอมและยางไม้แกมธูปเสริมด้วยโทนอาระเบียนแบบประปรายที่สร้างเสน่ห์ ซึ่งถือว่าเป็นน้ำหอมสายธูปที่ใช้ไม่ยาก แต่ให้ความดีงามเสริมบุคลิกที่น่าค้นหาและขรึมขลังแกมสว่างนวลได้ดีเลยทีเดียว 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.instagram.com/p/CIu_FWAnZwm/?utm_medium=copy_link

 

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Review: Montale - Tropical Wood

Montale - Tropical Wood

เมื่อเห็นชื่อรุ่นว่า Tropical Wood ของ Montale ครั้งแรกความคิดและจินตนาการแรกก็คาดการณ์ไว้ว่ากลิ่นจะต้องมาในลักษณะแบบไม้หอมในเกาะเขตร้อน ต้องน่าจะมีอะไรทะเลๆ มีดอกไม้ขาวครีมนวล และกลิ่นออกทางผลไม้เมืองร้อนที่จะต้องได้อารมณ์ในการตากอากาศแต่เด่นกลิ่นอายโทนไม้หรือน่าจะออกทางกลิ่นแนวป๋าเขตร้อน อะไรประมาณนี้แน่ๆ

แต่พอมาดู Notes กลิ่น ความเอ๊ะ! ก็เริ่มปรากฎ เพราะว่ามี Oud มีกุหลาบ และก็มีหนัง มันจะออกแนว Tropical Wood ไม้เมืองร้อนแบบไหน และจะบิดกลิ่น 3 Notes นี้ให้มีความ Tropical เช่นนั้น จัดไป ผลที่ออกมาคือ

เปิดต้นมาเรียกว่าสร้างความ Tropical จริงอะไรจริงแบบเขตร้อน นั่นก็คือโทนผลไม้ ซึ่งกลิ่นที่โดดออกมาก่อนเพื่อนเลยคือ เสาวรส ซึ่งกลิ่นจะมาแบบติดเปรี้ยวหอมนวลกึ่งเอียนเล็กๆ กำลังดี มีอารมณ์ค่อนไปทางไซรัปอยู่พอประมาณ แล้วก็จะมีตัวเสริมที่ดีเชื่อมความเป็นผลไม้เมืองร้อนเข้าไปอีกอย่างสับปะรดที่ให้โทนค่อนไปทางติดหวานอมเปรี้ยวหอมมาเสริม แบ่งเลเยอร์ได้ดีกับเสาวรสพอสมควร ก่อนจะได้อารมณ์สดชื่นติดปลายขมปร่าเจือเปรี้ยวหน่อยๆ ของ Bergamot (มะกรูดฝรั่ง) ที่มาเติมเต็มได้ให้มีความเป็นโทนผลไม้ที่ได้ความหวานอมเปรี้ยวติดนวลกึ่งแปร่งเอียนเล็กๆ ตามที่ควรจะเป็นออกแนวกึ่งไซรัปผลไม้รวมสีส้มเหลือง ซึ่งทั้งหมดที่บรรยายนี้จะเด่นจัดจริงๆ ในช่วง 1 - 2 นาทีแรกในการจับกลิ่น แต่ที่เหลือนี่สิ

ตัวที่แทรกขึ้นมาไวมากให้ความเป็นไม้หอมอวลลึกอย่าง Oud นี่แหละ ที่มาพลิกเกมกันเลย เพราะเนื้อจะมีกลิ่นไม้ติดดาร์กปนแปร่งอวลยวนจมูกเนียนแทรกเข้ามาให้โทนผลไม้ฉาบหน้า กลิ่นที่ได้เลยจะเริ่มมีความเป็น Tropical Wood แบบที่ชื่อรุ่นบอกมากขึ้น แม้มันจะทำให้การคาดการณ์ตามที่ระบุในย่อหน้าแรกพังพาบไปเลย ว่ามันไม่ได้เป็นกลิ่นแบบเกาะเขตร้อน ป่าเขตร้อนแล้ว แต่มันคือการจับเอาความ Tropical มา + กับ Wood ที่เป็นสไตล์หลักของ Montale เลย โดยไม่ได้ไปยุ่งกับสภาพแวดล้อมที่ไหน คือ เอามาป่ะกัน ประมาณนั้น แล้วเพียงไม่นานสิ่งที่เกินคาดไปอีกก็มานั่นคือกลิ่นออกทางกึ่งแป้งหอมกุหลาบที่มีความเป็นแป้งกุหลาบหวานโปร่งที่เสริมเข้ามาทำให้โทนกลิ่นมันเปลี่ยนไปกลายเป็น กลิ่นแป้งหอมกุหลาบกึ่งผลไม้รวมเปรี้ยวหอมหวานที่มีกลิ่นไม้หอมอวลลึกติดดาร์กคลอรองพื้นให้ความเย้าแปร่งเฉพาะตัวอยู่ตลอด ซึ่งนี่แหละคือช่วงกลางของน้ำหอมรุ่นนี้ ซึ่งช่วงแรกๆ ของการใช้งานก็ เหวอไปพอสมควร แต่พอมาพินิจพิเคราะห์กลิ่นแล้ว แน่นอนว่าแบรนด์ยังเป็นเอกในเรื่อง Oud กับกุหลาบ และพอมีโทนแป้งมาเสริมเลยทำให้ได้อารมณ์แป้งหอมเย้ายวนอวลลึกมีเสน่ห์กึ่งตะวันออกกลางนิดๆ แบบที่คุมเกมได้ดีเช่นเดิม ซึ่งเมื่อมาเจอกับโทนผลไม้ที่ตามมาจากช่วงต้น มันเลยได้ความเฉพาะของโทนหวานอมเปรี้ยวมาเสริมให้โทนแป้งมีอะไรให้จับต้องได้มากขึ้นด้วย ซึ่งแน่นอนช่วงนี้จะก้าวข้ามความ Unisex มาเป็น Feminine กันชัดเจนพอสมควร 

เมื่อกลิ่นดำเนินไปในการเป็นแป้งกุหลาบผลไม้เคล้า Oud แทรกเนียนยาวไปพอสมควร จนจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นหนังกับโทน Musk ที่เริ่มแทรกเข้ามาทำให้กลิ่นโทน Oud เริ่มลงไปผสมผสานกับโทนหนังให้มีกลิ่น Smoky หน่อยๆ และมีความเย้าอวนกึ่งหนังที่มีความนุ่มของ Musk มาเจือจางความ Animalic ไปลงไป ก็จะเป็นการเข้าช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเริ่มเป็น 3 ประสานอย่างแป้งกุหลาบที่มีโทนอบอุ่นเจือๆ คล้ายวานิลลาติดโทนแป้ง หนังที่มีความนวลแต่ให้ความเข้มเย้า และ Oud ที่มีโทนเย้าดาร์กแบบอ้อยอิ่งแต่จับต้องได้เนียนๆ ในเนื้อกลิ่นตลอด ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นโทนผลไม้เริ่มหายไปเกือบหมดแล้ว อาจจะมีวูบจางๆ ปลายกลิ่นบ้างนิดหน่อย ซึ่งภาพรวมอารมณ์กลิ่นก็ยังค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าเพราะความเป็นโทนแป้งที่มีจริตกุหลาบนี่แหละ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่สร้างความกรุยกรายแกมเย้าลึกให้กับกลิ่นได้มีเสน่ห์และมีความเป็นนางพญากลายๆ ได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่เอาจริงๆ มันค่อยไปทางผู้หญิงราวๆ 70% ได้เลย เพราะเนื้อกลิ่นมันโทนแป้งกุหลาบแกมอวลลึก Oud เสียมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ชายจะใส่ไม่ได้ เพราะมันก็ยังมีโทนแนว Unisex อยู่บ้าง และถ้าพื้นฐานชอบโทนแป้ง ก็สามารถสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวได้เลย ซึ่งเข้ากับกลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ที่ต้องลงจำนวนสเปรย์เหมาะสมหน่อย เพราะ Montale เรื่องการแผ่รังสีนั้นไม่ลดราวาศอกอยู่แล้ว รวมถึงสามารถใส่ยามค่ำคืนได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะออกงาน ท่องราตรี หรือโรแมนติค ก็ได้หมด ให้ความเย้ายวนอวลเย้าที่ไม่เหมือนใครในความเป็นโทนแป้งได้ดี ส่วนการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายนั้น บอกเลย ตัดทิ้งไปเถอะ จุกคือหอยตายตอนตีขึ้นหนักๆ กันพอดี

ความทน - กลิ่นทนจัดจ้านมาก เรียกว่า 15 ชม. ยังตีขึ้นให้รู้สึกตลอด แน่นอน Montale เรื่องนี้หายห่วง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก และคงที่มากด้วยไปจนถึง 6 ชม. กันเลย แล้วจะผ่อนลงมากระจายดีไปยาวถึงราวๆ 10 ชม. ถึงลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ กลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวเอาเมื่อผ่านไปราวๆ 13-14 ชม. แล้ว

สรุป - เป็นการเอา Tropical + Wood เท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงสภาพแวดล้อมที่ไหนอย่างไร ไม่งั้นจะรู้สึกเหมือนโดนสับขาหลอกเอาได้ แต่ทั้งนี้นั้น กลิ่นไม่ธรรมดาในเรื่องการสร้างสรรค์กลิ่นอายโทนแป้งกุหลาบที่มีลูกโทนผลไม้เย้าๆ แนวหวานอมเปรี้ยวไซรัปคลอไปตลอด ซ้อนให้มีความน่าค้นหาและเสน่ห์เฉพาะของ Oud ก่อนจะเป็นโทนอบอุ่นน่าซุกแกมกรุยกรายที่กำลังดีของหนังเคล้าโทนอบอุ่น ซึ่งถ้าใครชอบโทนแป้งตัวนี้ให้ความน่าสนใจแบบแนวๆ แป้งกุหลาบอวลเย้าได้ดีไม่น้อยเลยล่ะ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Montale/Tropical_Wood

 

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564

Review: Montale - Patchouli Leaves

Montale - Patchouli Leaves

ผ่านการลองน้ำหอม Note กลิ่นที่แบรนด์ Montale ทั้งช่ำชองอย่าง Oud (ไม้กฤษณา) และกุหลาบมาก็มากมาย มีไปลอง Note กลิ่นอื่นๆ บ้างก็มีถึงเครื่องบ้างหรือไปได้อยู่บ้าง แต่มีอยู่หนึ่ง Note กลิ่นของแบรนด์นี้ที่มีการชูโรงเป็นจริงเป็นจังอยู่กับเขาบ้าง แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ลองเลยนั่นก็คือ Patchouli หรือพิมเสน ที่ถ้านับกลิ่นที่เอาโทนนี้มาชูโรงก็มีเพียง 2 รุ่นที่ไป + กับโทนอื่น แต่มีอยู่หนึ่งรุ่นที่เรียกว่าเป็นรุ่นตั้งต้นหลักของการเป็นกลิ่นอายสายพิมเสนนี้เลย ที่ดูไปดูมาคำชมของรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยล่ะ

เช่นนั้น มาเจอกันหน่อยเป็นไร ดูสิว่ากลิ่นจะออกมาเป็นพิมเสนแบบไหนกับรุ่นนี้เลย Patchouli Leaves

เปิดตัวออกมาก็เดาและบอกได้เลยแบบไม่เม้มว่า “พิมเสนนี่แหละจะเป็น Center Note ตัวหลักที่จะต้องอยู่ยาวๆ ไปอย่างสตรองแน่นอน” เพราะความเป็นพิมเสนในช่วงต้นจะมาแบบอารมณ์แบบใบเขียวปร่าเฝื่อนติดกลิ่น Earthy ดินๆ แนวพืชล้มลุกที่ชัดเจนมาก ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเป็นอารมณ์แบบขนี้ใบพิมเสนแต่ตัดความสาบเด่นๆ ออกไป จนได้พิมเสนที่มีความดีงามในรูปแบบที่อารมณ์สมุนไพรสดที่เผื่อนปร่าแต่มีความหวานแทรกในเนื้อกลิ่นตลอดโดยไม่ดิบห่ามเกินไปนัก ซึ่งจะได้อารมณ์มีระดับและหรูหราขึ้นมาทันที และไม่พอในความเป็นพิมเสนในช่วงนี้จะมี Texture ทางกลิ่นที่สำคัญ 2 อย่างที่ดึงเสน่ห์ออกมามากกว่าพื้นฐานตามที่บรรยายไว้ก่อนหน้า นั่นก็คืออารมณ์กลิ่นที่ติดอโทนชอคโกแลตที่ไม่ได้ดาร์กจ๋า มาแบบเป็นเลเยอร์สนับสนุนติดสมุนไพรสากมีเสน่ห์แบบปลายกลิ่นที่ดึงดูดมาก ตามด้วยลูกเล่นกลิ่นพิมเสนติดเปียกๆ ชื้นๆ ที่สร้างมิติทางกลิ่นที่ให้อารมณ์แบบพิมเสนในสวนที่มีความเปียกจากละอองน้ำเคล้ากลิ่นดินปนกลิ่นปร่ามีเสน่ห์ปนลูกเล่นโทนชอคโกแลตที่เรียกว่า “ประทับใจ” เอาเลยในแรกดม และร้องอื้อหือในพลังของกลิ่นที่เปิดมาก็จัดจ้านในย่านนี้ตามสไตล์ของแบรนด์ Montale ชัดเจน

และก็เดาไม่ผิด เพราะว่ากลิ่นของพิมเสนยังไม่ลดราวาศอกในการปล่อยพลัง แต่กลิ่นที่เข้ามาเสริมจะเป็นโทนอบอุ่นที่เป็นลูกผสมออกทางยางไม้อวลดิ่งลึกๆ และมีพลังออกทางอบอุ่นและอวลติดโทนคล้ายหนังหน่อยๆ อย่างมีชั้นเชิง ซึ่งก็มาจากยางไม้อย่าง Labdanum ที่เข้ามาสร้างโทนอบอุ่นให้เนื้อกลิ่นสอดรับกับพิมเสนตอนต้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็เปิดทางเข้าสู่ช่วงกลางชัดเจนมาก โดยโทนกลิ่นติดชื้นเปียกในตอนต้นจะจางไปแล้ว กลายเป็นลูกเล่นที่ชัดเจนในโทนอบอุ่นติดกลิ่นอายสายแอมเบอร์เต็มตัวและมีความสมดุลย์ที่ผสมผสานกับพิมเสนได้อย่างงดงามได้ทั้งความเป็นพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อซ้อนกับกลิ่นออกทางเผื่อนสมุนไพรติดแห้งๆ อารมณ์มีวูบแบบยาจีนเล็กๆ แต่เพราะเนื้อกลิ่นมีความหวานปร่าที่สร้างความเย้าและน่าค้นหาเลยทำให้กลิ่นมีมิติที่สนุกในการดมมากเลยทีเดียว ซึ่งจะจับต้องอารมณ์กลิ่นโทนพิมเสนที่ควรจะเป็นได้หมด ทั้งติดดินดิบอ่อนๆ ทั้งเย้าหรู ทั้งปร่าระเรื่อ ทั้งติดสมุนไพรยาจีนที่ลุ่มลึก และกลิ่นหวานเย้าสะกิดจมูกอย่างมีชั้นเชิง โดยจะอยู่บนพื้นฐานกลิ่นอบอุ่นติดอวล และมีโทนวานิลลามาเสริมความหวานหน่อยๆ ให้กลิ่นมีความหนามากขึ้น แต่ไม่ได้ข้นจัดแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนความทรงพลังทางกลิ่นยังมีอยู่ครบถ้วนมาก

ก่อนจะเข้าช่วงท้าย เนื้อกลิ่นโทนอบอุ่นจะเริ่มเบาลงมาให้รู้สึกได้แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จะเพิ่มโทนแห้งติด Earthy ดินๆ เคล้ากลิ่นสมุนไพรแห้งติดปร่าเฝื่อนที่มีความหวานมีเสน่ห์กึ่งโทนยาของพิมเสน แต่ไม่ได้เป็นยาจีนจ๋าจัดมาจากไหน ซึ่งต้องยอมให้ผู้ปรุงเลยว่าคุมโทนพิมเสนได้งามและลงตัวมาก กลิ่นจะไม่อารมณ์โทนแห้งเจืออบอุ่นที่ไม่หนัก มีเสน่ห์ติดโทนยางไม้ค่อยทางไม้หอมแปร่งอวลเล็กๆ ซึ่งช่วงนี้จะไม่ได้ลึกเท่าช่วงกลาง ซึ่งก็มาแบบแอมเบอร์แห้งๆ กันชัดเจน โดยที่จะมีตัวตัดทอนให้กลิ่นมีความนวลนุ่มเข้ามาอย่างสมดุลย์ด้วยจาก Musk ซึ่งจะทำให้กลิ่นพิมเสนมีความระเรื่อติดดิบบางๆ ปนกลิ่นหวานอะโรม่าที่อวลมีเสน่ห์และหรูหรามีระดับแบบกำลังดี กลิ่นยังมีพลังก็จริง แต่ก็มาแบบอวลรุมๆ รอบตัวแบบที่สร้างความน่าค้นหาเข้าไปอีกสเต็ป ถือเป็นการปิดท้ายกันยาวๆ บนผิวจนกว่ากลิ่นจะพอใจไปเองเลยล่ะ

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นมีความกลางๆ แบบอิงที่ความเป็นพิมเสนเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นโทนสร้างเสน่ห์แบบลุ่มลึกและแจะได้หมดทั้งฮิปปี้หรือสมาร์ทอบอุ่นน่าค้นหา ซึ่งแน่นอนว่าการใช้จำนวนสเปรย์ควรจะต้องเหมาะสมกับสภาพอากาศในวันนั้นๆ นิดนึง ถ้าร้อนก็เบาๆ มือหน่อยไม่งั้นจุกตายกันพอดี กลิ่นแผ่รังสีมาก ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปที่เน้นความขรึมมีเสน่ห์และความเก๋ปนอบอุ่น แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยว่าใช้กลิ่นนี้จะไม่เหมือนใครไม่พอ ใครก็มาข่มไม่ได้เสียด้วย ซึ่งได้หมดถ้ามั่นใจไม่ว่าจะโรแมนติค ท่องราตรี หรือออกงานก็ตาม  

ความทน - มากกกกกกก ถึงมากที่สุด เพราะ 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ปล่อยพลังอวลๆ อยู่แบบที่ไม่ลดราวาศอกแต่อย่างใด และพออาบน้ำล้างตัวไปแล้วกลิ่นยังติดผิวคลออยู่จนถึงตอนเช้าวันถัดไปอีกด้วย เช่นนั้นเรื่องนี้หายห่วง

การกระจาย - มากกกกกกก เรียกว่าฉีดทีฟุ้งกระจายทั้งห้องและทิ้งค้างในห้องต่ออีกพักนึงได้เลยแม้ตัวจะออกไปจากห้องแล้วก็ตาม แล้วจะผ่อนลงมาที่กระจายดีซักพัก แล้วกลิ่นจะลึกอวลมากขึ้นเลยให้การกระจายที่ปานกลางกันยาวพอสมควร พ้นซัก 8 ชม. แล้วถึงลงมาเป็นออร่าอบอวลรุมๆ รอบตัวกันยาวๆ ไป

สรุป - กลิ่นตรงตามชื่อรุ่นชัดเจน เอาความเป็นพิมเสนที่สื่อสารหลากมิติ อิงกับจุดเริ่มต้นคือใบพิมเสนที่มีโทนเปียก สู่โทนอบอุ่น และปิดท้ายด้วยความ Earthy ติดดินและมีความแห้งได้อย่างลงตัว เรียกว่าจับเอากลิ่นนี้อยู่ใน List กลิ่นพิมเสนงามๆ ได้ไม่ยาก แถมมีพลังหนักแน่นในความเป็น Montale ที่ผู้ใช้ที่ชอบความชัดและแผ่รอบทิศของกลิ่นจะแฮปปี้ได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://perfumeuae.com/shop/eau-de-parfum-spray/montale-patchouli-leaves-for-unisex-edp-100ml/

 

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Review: Montale - Velvet Fantasy

Montale - Velvet Fantasy

สีขวดที่สะดุดตาแดงชมพูมาเชียวกับน้ำหอมใหม่ประจำปี 2020 ของ Montale ที่ไม่ใช่สาย Oud หรือไม้กฤษณา โดยมาเน้นที่ความเป็นกลิ่นอายสาย Velvet หรือพลิ้วไหวและสวยเนียนดุจกำมะหยี่ ซึ่งแน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์สูงมากในการที่จะเอาใจผู้ใช้ฝ่ายหญิง เช่นนั้นความเป็น Velvet ที่แบรนด์นี้เคยสร้างสรรค์มาแล้วทั้งในสาย Oud และสายดอกไม้ (ที่ยังไม่ได้ผ่านการลอง ไว้มีโอกาสค่อยว่ากันอีกที) คราวนี้เราจะมาตื่นตาตื่นจมูกกันกับการเป็น Velvet Fantasy บ้าง

และกลิ่นจะเป็นอย่างไร ว่ากันได้แบบนี้เลย

Top Notes มากันแบบชัดเจนกับการเป็นกลิ่นอายที่เข้าทางสาย Feminine หรือสาวๆ ค่อนข้างชัดเจนกับการเป็นโทนแบบผลไม้สายเบอร์รี่แกล้มไปกับสาย Citrus ที่เหมือนส้มและเลมอนที่จะมีความเปรี้ยวติดหวาน และบางวูบจะจับได้ถึงกลิ่นคล้ายแอบเปิ้ลเขียวที่ให้ความเปรี้ยวค่อนมาทางผลไม้ที่เป็นตัวเชื่อมโทนที่ดีระหว่าง Citrus และเบอร์รี่ แต่ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้มาแบบใสๆ เพราะจะมีกลิ่นติดโทนครีมมี่หน่อยๆ เข้าโทนออกทางจะไปสายขนมเสริมและสนับสนุนอยู่ อารมณ์เลยจะได้กลิ่นแบบมีจริตและมีเสน่ห์แบบติดอวลเย้าที่ไม่ได้สร้างอารมณ์ใสๆ เลย แต่ให้ความเป็นสีแดงที่ติดกรุยกรายและมีเสน่ห์และ Sex Appeal ที่ดึงดูดเสียมากว่า 

Middle Notes การเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดตรงที่อารมณ์กลิ่นจะได้ลักษณะแบบลูกอมเบอร์รี่ติดครีมมี่เบาๆ เพราะจะมีกลิ่นติดหวานโปร่งเข้าทางโทนแป้งของดอกไวโอเล็ตที่เข้ามาผสมผสานอย่างสมดุลย์และไม่ดึงซีนแต่อย่างใด ให้พื้นฐานของการเป็นตัวสนับสนุนชั้นดีให้กลิ่นมีลูกเล่นโทนสีแดงที่มีความนวลหวานเข้ามาร่วมด้วย และที่สำคัญจะเริ่มมีเฉดกลิ่นออกทางสีชมพูอย่างกุหลาบเข้ามาร่วมด้วย ช่วงกลางอารมณ์กลิ่นเลยจะเป็นลูกครึ่งระหว่างโทนออกทางลูกอมครีมมี่ติดเปรี้ยวเบอร์รี่เคล้ากุหลาบที่แน่นอนว่ามีความอวลในเนื้อกลิ่นชัด แตะความเป็นโทน Gourmand ที่ชัดมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หวานเยิ้มหนักแน่นหน่วงอต่อย่างใด ให้ความสมดุลย์กำลังดีในการปล่อยพลังเฉดสีแดงแกมชมพูที่กรุยกรายแทน

Base Notes จะเป็นการเปลี่ยนโทนที่ค่อนข้างชัดเลย เพราะกลิ่นจากช่วงกลางจะเริ่มเฟดตัวเองมาเป็นสายสนับสนุน ให้กลิ่นโทนออกทางอบอุ่นแนววานิลลาที่เจือกลิ่นยางไม้อบอุ่นแนวแอมเบอร์ แต่ก็มีความนวลของ Musk ที่มารองพื้นเคล้ากลิ่นออกทางสารหอมแนวๆ ไม้หอมติด Smoky ที่ได้อารมณ์แนว Amberwood เจือกลิ่นสายควันเข้ามาสร้างความน่าค้นหาคลอผิวอยู่ ซึ่งแน่นอนกลิ่นจะให้ความอบอุ่นเป็นหลักและมีความอวลต่อจากช่วงกลางที่คงที่พอสมควร โดยที่อารมณ์กลิ่นสายผลไม้เบอร์รี่แคนดี้ติดครีมมี่จะเบาลงมาให้จับได้ปลายกลิ่น และยังทิ้งลายเซ็นกลิ่นอายสีแดงปนชมพูอยู่เหมือนเดิม แน่นอนว่ากลิ่นจะให้ความอวลติดหรูหรา และมีจริตที่ให้อารมณ์ผู้หญิงเจ้าเสน่ห์ติดกรุยกรายแบบดูนิ่งๆ มาเงียบๆ แต่เรียกเรตติ้งได้ดีและเอาอยู่ได้ชัดนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นไม่ไดมาสายใสๆ วัยสะออนนัก แม้จะมีลูกเล่นอารมณ์ผลไม้เบอร์รี่ก็ตาม แต่จะเป็นตัวเสริมที่สร้างความเป็นโทนสีแดงให้ความเจ้าเสน่ห์แทน ซึ่งจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบใส่ออกงาน ใส่ทั่วๆ ไปหรือใส่ทำงาน ส่วนยามทางการอาจจะกรองก่อนว่ากลิ่นมันจะดูโปรยเสน่ห์มากไปหรือเปล่าอีกที ที่สำคัญตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย เพราะไม่เข้าทางทุกประการ แต่ยามค่ำคืนบอกเลยว่าถ้าสเปรย์ลงตัวสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นได้ดีมาก แถมสามารถใส่ออกงาน ปาร์ตี้ งานกาล่า หรือว่าท่องราตรีได้เลยเพราะกลิ่นเสริมเสน่ห์เย้ายวนแกมหรูหราได้ลงตัว 

ความทน - 12 ชม. คือพื้นฐาน และไปต่อได้อีกนานเลยจนถึง 15 ชม. ได้สบายมาก โดยส่วนตัวเจอข้ามคืนเลยทีเดียวแม้จะอาบน้ำด้วยสบู่ที่ชะล้างได้ดีก็ตาม กลิ่นยังตรึงผิวกันยาวจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเลย  

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นแต่ก็ไม่ได้ปล่อยพลังหนักหน่วงแบบสาย Oud ของแบรนด์ขนาดนั้น ให้ความกระจายดีมากแบบมีชั้นเชิงมากกว่าและคงตัวกันยาวๆ จนถึงปลายๆ ช่วงกลางเลย แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวหลังผ่าน 8 ชม. ไปแล้ว

สรุป - ถ้ามองว่ากลิ่นมันมาสายทรงพลังแบบโซน Oud ไหม? อันนี้ไม่ใช่ ไม่ได้มาแบบปล่อยพลังบอลเกงกิรอบทิศขนาดนั้น แต่จะให้ความรู้สึกที่มีเสน่ห์สะดุดจมูกเสียมากกว่าและให้ความเป็นกลิ่นอายสร้างโทนสีแดงแกมชมพูได้ค่อนข้างชัด อาจจะไม่ได้หวือหวาเพราะกลิ่นมีความเป็นสไตล์ Designer อยู่บ้าง แต่ก็ยังคุมโทนความดีงามของ Montale ที่ความทนจัดจ้านและมีความอวลเสน่ห์เสมอต้นเสมอปลาย อ้อ และเพิ่มด้วยว่ากลิ่นทันสมัยเข้าเทรนด์แบบใช้แล้วไม่เอาท์ได้ดีเลยล่ะ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.perfumemaster.com/montale/velvet-fantasy-womens-perfume

 

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Review: Montale - Oud Tobacco

Montale - Oud Tobacco

ความแดงแรงฤทธิ์ของสีขวดพร้อมกับการชูโรงกลิ่น Oud ที่เป็น Note ชูโรงหลักของแบรนด์ Montale ที่ปล่อยออกมาตลอด ปล่อยทุกปี ไม่มีคำว่ายั้ง และในปี 2020 นอกจากรุ่นขวดลายสวยผงาดอย่าง Oudrising แล้ว ยังมีการจับคู่เอา Oud มาเจอกับ Note กลิ่นอื่นด้วย ซึ่งนั่นก็คือ ยาสูบ (Tobacco) ซึ่งกลิ่นจะมีความน่าสนใจอย่างไรและพร้อมปูทางการสร้าง Impact ให้กับสาย Oud ของแบรนด์หรือไม่?

ได้เวลามาลองกันหน่อยแล้วกับรุ่นนี้เลย Oud Tobacco

เปิดต้นกลิ่นมาเรียกว่า “เกินคาด” เพราะว่าเนื้อกลิ่นมีความหอมที่ติดออกทางโทนผลไม้แนวเชอร์รี่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นยาแก้ไอ เพราะมีความปร่าหอมเปรี้ยวอมหวานค่อนมาทางสาย Citrus ที่มีความอวลๆ ติดสีแดงในความรู้สึกออกมาค่อนข้างชัด ซึ่งดูจาก Note กลิ่นน่าจะใช่เลยนั่นก็คือ Sumac (เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ให้โทนสีแดงและกลิ่นอายออกทางเปรี้ยวหอมอวล) รวมถึงมีความซ่าเบาๆ ติดขมปนเปรี้ยวเจือจากกลิ่นอายสาย Citrus ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) รวมถึงกลิ่นอายสายเปรี้ยวที่เสริมความหวานปลายกลิ่นอย่างเลมอนที่เข้ามาร่วมด้วย แต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้ เพราะอารมณ์กลิ่นจะมีลูกผสมที่เนียนเสริมอยู่ด้านหลังอย่างดอกส้มที่สกัดด้วยตัวทำละลาย (Orange Blossom) ที่จะให้ความอวลนวลเปรี้ยวหอมอมหวานเสริมเข้ามาอีกอย่างมีชั้นเชิง และมีกลิ่นออกทาง Dirty ติดสาบเหงื่อนิดๆ อารมณ์ Animalic หน่อยๆ ปนหวานจากกลิ่นยี่หร่าเข้ามาเนียนๆ อยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงเปิดทั้งหมดราวๆ 10 นาที เป็นช่วงที่สร้างอารมณ์กลิ่นสีแดงอวลได้อย่างมีเสน่ห์มาก ตรงกับคำว่า “เกินคาด” ที่บอกไว้ตอนต้นเลย เพราะอารมณ์กลิ่นแบบที่มักจะ Oud จัดจ้านมาเต็มตั้งแต่ช่วงเปิดของ Montale จะไม่มีมาให้รู้สึกแต่อย่างใด กลิ่นเลย Modern ขึ้นมากจริงๆ

และการเปลี่ยนแปลงก็จะเริ่มมีให้จับต้องได้ในการเดินเข้าสู่ช่วงกลางเพราะกลิ่นของ Sumac และดอกส้มจะเริ่มมีความอวลมากขึ้น แอบมีโทนกลิ่นออกทางอบอุ่นหน่อยๆ คล้ายวานิลลาเข้ามาเนียนผสมอยู่ด้วยเลยทำให้อารมณ์สีแดงความครีมนวลอบอวลเปรี้ยวหอมอมหวานชัดเจนเลย และมีลูกเล่นกลิ่นอายไม้หอมที่ไม่ได้หนักหน่วงมาก แต่ให้ความอวลลึกเข้ามาอย่างมีชั้นเชิงแบบที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็น Oud หรือไม้กฤษณา และมีมิติปลายกลิ่นที่ออกทางโทนธูป Incense หน่อยๆ ที่จะไม่ได้มาแบบหนักหน่วงจนแย่งซีน แต่จะมาแบบสาย Support ที่ให้ความอวลลึกปนควันไม้แบบมีเสน่ห์ดึงดูดและเซ็กซี่แบบเนียนๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงนี้เป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นการไล่เลเยอร์กลิ่นที่มีความซับซ้อนกำลังดีปะปนกันอยู่ โดยที่เมนหลักของกลิ่นจะเป็นโทนเปรี้ยวอมหวานนวลปนครีมมี่ที่ให้สีแดงซ้อนกับกลิ่นอวลลึกติดไม้ดาร์กปนควันนิดๆ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่รู้สึกว่า “เกินคาด” ในเรื่องของกลิ่นที่สร้างความน่าสนใจและเรียกร้องความสนใจได้ดีเลยทีเดียว

เมื่อกลิ่นดำเนินไปจนเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นยาสูบที่ให้ความหวานโปร่งแต่ติดควันไหม้อารมณ์คล้ายบุหรี่นิดๆ ที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนเป็นตัวพลิกเกมมาเป็นช่วงท้ายของน้ำหอมที่โทนหอมเปรี้ยวอวลอมหวานของดอกส้มและ Sumac จะเบาลงเหลือบางๆ แต่จะให้กลิ่น Oud แบบติดควัน หรือจะเรียกว่ากลิ่นควันที่ได้จากการเผาไม้กฤษณาที่มาแบบกลางๆ สมดุลย์จะเป็นเมนหลักในการเดินกลิ่นแบบพลิกโทนเนียนๆ ไปเลย ซึ่งแน่นอนว่าลายเซ็นแบบ Montale มาแล้ว แต่ไม่ได้มาแบบอวลหนักหน่วงแบบสายตะวันออกกลางจ๋าขนาดนั้น แต่ให้อารมณ์อวลโปร่งควันระเรื่อจมูกที่มีเสน่ห์และความเย้ายวนแบบสายไม้หอมที่มีความดาร์กหน่อยๆ มีกลิ่นควันยาสูบอ้อยอิ่งอย่างมีชั้นเชิงเนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย (บางวูบทำให้นึกถึง Tom Ford - Tobacco Oud แบบที่เข้มอวลและควันชัดเจนมากขึ้น) โดยกลิ่นที่รองพื้นจะมีความครีมมี่อ่อนๆ ติดแป้งวานิลลาเล็กๆ ปนเขียวหญ้าแห้งบางๆ ของถั่วตองก้ามาสอดรับให้กลิ่นมีความอวลตรึงหวานติดเปรี้ยวปลายกลิ่นที่มีหลงเหลืออยู่จากช่วงกลางเบาๆ กำลังดี ทำให้ความรู้สึกจะไล่เรียงความมีเสน่ห์ดึงดูดที่มีความดาร์กเย้าของควันไม้เนียนๆ ล่อลวงกำลังดี ต่อด้วยควันยาสูบที่ให้ความเร้าใจ แล้วความอวลนวลที่ให้ความเซ็กซีอบอุ่นปิดท้ายการเป็น Oud Tobacco ได้น่าสนใจไม่พอ ความ “เกินคาด” ในด้านดีก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยมเช่นเดิม     

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่สมดุลย์ได้ดีเลยทีเดียวระหว่างการตีคู่กลิ่นที่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยที่สร้างโทนสีแดงได้อวลนวลปนควันไอไม้กฤษณาได้งามเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกับอากาศบ้านเรา ถ้าจำนวนสเปรย์หนักมือ ก็บอกเลยว่ามีจุก เพราะ Montale เป็นสายปล่อยพลังอยู่แล้ว ซึ่งกลิ่นจะใส่ยามทางการก็ได้ (แต่เลือกหน่อยก็ดี เพราะถ้าทางการจัดๆ มันอาจจะดูปล่อยเสน่ห์เกินไป) ใส่แบบ Smart Casual ก็แบบว่าเข้าทาง หรือใส่แบบทั่วๆ ไปก็ได้เลยกลิ่นมีเสน่ห์ชัดเจน แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ กับออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงาน ใส่ไปท่องราตรี จัดไป ยังไงก็เด่นและรอดสูงมาก

ความทน - ดีงามมากกกกก กับ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน และไปต่อได้ถึง 24 ชม. แบบอาบน้ำไปแล้ว 2 รอบ กลิ่นก็ติดผิวลึกๆ อยู่เลย เรียกว่า “ทนหายห่วง” เลยก็แล้วกัน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก ชัดเจน ฟุ้งทั้งห้องและคงอยู่ในห้องนั้นได้อีกราว 10 นาทีเลย เลยแม้ตัวจะออกไปจากห้องนั้นแล้ว แล้วกลิ่นจะลดลงมาที่กระจายปานกลางแบบคงความเสถียรไปเรื่อยๆ จนผ่านไปซัก 8 ชม. ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป

สรุป - Oud Tobacco ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานใหม่ของแบรนด์ที่ต่อยอดความเป็น Montale สาย Oud โดยให้ทิศทางใหม่ๆ เข้ามาให้จับต้องได้ชัดมากขึ้น โดยที่ลดทอนความเป็น Oud แบบอวลลึกออกทางยาเนื้อไม้เข้มๆ เล่นเอาความอาระเบียนมาเต็มตั้งแต่แรกที่เป็นลายเซ็นอันจัดจ้าน มาเป็นลูกผสมที่ดีสร้างออร่าความดึงดูดที่ให้เสน่ห์เนียนเฉพาะออกมาอย่างเกินคาดแทน เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ลองแล้วก็ต้องยกให้เลยว่าลงตัวและมีเสน่ห์มาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.profumeriagini.it/prodotto/oud-tobacco/

 

Review: Montale - Oudrising

Montale - Oudrising

เห็นชื่อรุ่นครั้งแรกเผลอแปลในใจว่า “Oud ผงาด” -__-” `

ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ฉากหน้าของน้ำหอมออกวางจำหน่ายประจำปี 2020 ของแบรนด์ Montale ที่ขวดมีกิมมิคกับรูปนกฟินิกซ์สยายปีกผงาดบินสกรีนรวมอยู่ด้วย แต่สิ่งที่ต้องยอมแบรนด์เขาเลยนั่นคือ การออกน้ำหอมกลิ่น Oud ที่มีได้อย่างต่อเนื่องไม่เคยพัก ทำให้ตระกูล Oud ของแบรนด์นี้มี List ออกมายาวเป็นหางว่าวกันเลยทีเดียว เช่นนั้นกลิ่นนี้จะสร้างสรรค์ความเป็น Oud ออกมาในลักษณะไหน มาผงาดผ่านกลิ่นกันเลยดีกว่า

Oudrising จะเปิดตัวออกมาแบบที่คนที่ชอบกลิ่นอายโทนหนังเข้มๆ แต่ไม่ได้ดิบห่ามเกินเหตุจะชอบเอาตั้งแต่แรกดมได้ไม่ยาก เพราะความเป็นกลิ่นหนังจะมาแบบบเข้มดิบกำลังดี ไม่มีสาบหนัง Animalic แต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นมีความสดชื่นคลออยู่แบบมีชั้นเชิงตลอด เริ่มจากพริกไทยที่ให้ความเผ็ดนวลปร่านุ่มสอดรับกับหนังได้อย่างดี ตามด้วยกลิ่นติดขมเปรี้ยวปร่าของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่เชื่อมโทนสาย Citrus กับเกรปฟรุตที่สร้างโทนแปร่งสว่างให้เนื้อกลิ่น ซึ่ง 2 ฝั่งในโทนทึบอย่างหนัง เมื่อมาเจอกันอย่างสมดุลย์กัยสายสดชื่นทั้งพริกไทยและ Citrus กลิ่นเลยจะได้อารมณ์หนังที่มีลูกเล่นกึ่งทึบกลิ่นสดชื่นให้ความเป็นสีน้ำตาลแกล้มโทนสว่างอย่างน่าดูชมและดมกลิ่นเกินคาด แถมรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นโทน Oud เนียนๆ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนเปิดมาก็ผงาดแล้ว

เพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ถึงโทนหวานหอมติดกุหลาบที่เสริมขึ้นมาไวพอสมควรและเปลี่ยนโทนจากช่วงต้นมาเป็นช่วงกลางเร็วเลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่กุหลาบที่เสริมขึ้นมาคลอหนัง แต่พกเอาวานิลลากับกลิ่นโทนแอมเบอร์ติดยางไม้่ลึกๆ มาด้วย ทำให้ได้อารมณ์แนวกลิ่นคล้ายตัว Intense Cafe ของแบรนด์นี้แบบเนียนๆ แต่ไม่ได้หนักหน่วงเข้ามาแจม  ซึ่งอันนี้แยกส่วนสายหวานไว้ก่อน เพราะจะมีมิติกลิ่นที่มาเสริมโทนหนังแกมรับช่วงต่ออย่าง Oud ที่เปิดตัวขึ้นมาแบบไม่ได้หนักไม่ได้เข้มอวลมากนัก แต่จะมีอารมณ์ติด Smoky ควันไม้หน่อยๆ และมีโทนสาย Aromatic เข้มแต่รื่นจมูกอย่างชาดำมาตัดทอน เลยทำให้ช่วงนี้การชูโรงกลิ่นโทนต่างๆ จะชัดขึ้น ต่างคุมเสน่ห์ของเนื้อกลิ่นแต่ละโทนได้ดี ไล่เลเยอร์ได้น่าสนใจและมีความหลากหลายพอสมควรเริ่มจากกลิ่นหอมติดหวานวานิลลากุหลาบกึ่งอบอุ่นหวานเจือหอมค่อนไปแตะโทนออกขนมเล็กๆ แต่ตัดกลิ่นด้วยชาดำเคล้ากลิ่นไม้หอมติดอวลลึกมีความเย้าของ Oud สไตล์ของแบรนด์ที่จะมีโทนลูกครึ่งตะวันออกกลางกับตะวันตกที่ให้ความแขกเนียนๆ กึ่งไม้หอมดาร์กลึก เลยทำให้ไม่ได้หวานจนแหลมแต่อวลไม้เข้มติดลุ่มลึก ซึ่งฉาบหน้าความเป็นหนังที่เริ่มลดทอนความเข้มลงมากลายเป็นตัวรองพื้น มิติกลิ่นช่วงนี้เลยมีความหลากหลายแต่สอดรับกันได้ลงตัวเกินคาด และมีเสน่ห์มากจริงๆ

เมื่อกลิ่นช่วงกลางดำเนินไปนานพอสมควรจนความเป็นไม้หอมเริ่มกลายเป็นตัวเมนหลักในการเดินกลิ่นมากขึ้น โดยที่ Oud ยังคงคุมโทนชัดอยู่ ก็ใช่เลย Montale’s Style เป็น Oud ที่จะให้ความแปร่งไม้เจือดาร์กมีความตะวันออกกลางที่กลางๆ ตีคู่กับกลิ่นโทนไม้หอมดาร์กติด Smoky เนียนๆ และมีลูกเล่นความอวลลึกที่มียาสูบมาเสริมแบบติดควันและมีไม้จันทน์หอมมาสร้างอารมณ์กลิ่นไม้หอมครีมนวลทำให้ได้อารมณ์อาระเบียนติด Modern ที่มีความอบอุ่นแกล้มอยู่ชัดเจน ซึ่งเมื่อดมใกล้ผิวจะจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนหวานที่ตามมาจากช่วงกลางแบบค่อนไปทางเบา เคล้ากลิ่นหนังที่รองพื้นสร้างโทนน่าค้นหาคลอผิวอยู่ ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นที่ติดผิวไม่ได้โดดเด่นออกมามาก เพราะกลิ่น Oud แบบ Montale ยังมี Signature ที่คุมหมดอยู่ เลยทำให้สร้างมิติแบบยามคลุกวงในมาดมใกล้ๆ แทน สร้างอารมณ์ไล่เรียงจากหนังที่ดูดีมีอะไรและสดชื่น สู่มิติกลิ่นที่หลากหลายแต่ไม่ทิ้งลายเซ็น ก่อนปิดท้ายที่สไตล์ความเป็นแบรนด์ปิดท้าย Oud ผงาด กันให้ยาวไปแบบทนไปอี๊กกกก เลยล่ะ

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ให้ความพอดีกับทุกเพศ ยิ่งถ้าพื้นฐานผู้ใช้เป็นคนรับได้กับกลิ่นโทนหนังและโทนอาระเบียน สามารถร่วมผงาดประทับใจกับกลิ่นได้ไม่ยาก ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์ที่พอเหมาะ อย่างดีก็ไม่เกิน 3 สเปรย์ ก็เรียกว่าอาจจะจุกกันได้แล้วกับอากาศบ้านเรา ซึ่งใส่ได้แบบทั่วๆ ไปหรือใส่ทำงาน Office ได้ แต่ถ้าทางการอาจจะต้องเลือกและพิจารณากันหน่อย เพราะกลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าถึงได้ทุกคน แน่นอนว่ายามออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งตัดทิ้งไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืน บอกเลยว่ากลิ่นนี้มีผงาด และสร้างเสน่ห์ได้ดีเสียด้วยไม่ว่าจะใส่ออกงานหรือว่าท่องราตรี เพราะยังไงช่วงต้นกับช่วงกลางก็เอาอยู่ได้สบายมาก จะมีช่วงท้ายที่อาระเบียนนิดหน่อยแต่ถ้าคนอื่นไม่มายด์มันก็เซ็กซี่ในทางของมันเลยล่ะ  

ความทน - จัดจ้านที่สุด เพราะว่าเจอไปที่ 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ เรียกว่าประทับตราความทนไว้ได้เลยว่า 8 ชม. สบายๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก และคงตัวยาวไปยังช่วงกลางพักใหญ่เลย ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ แล้วคงที่กับการเป็นออร่ารอบๆ ตัว

สรุป - โดยรวมไม่รู้ว่าแตะคำว่าผงาดได้อยู่ จะมีแค่ช่วงท้ายอาจจะทำให้รู้สึกผงกแทน เพราะกลิ่นก็สไตล์ Oud ของแบรนด์เขาล่ะ เขาคงความดีในเรื่องนี้มาเสมอ แต่ถ้าว่ากันในช่วงต้นกับกลางบอกเลยว่าประทับใจ เพราะเป็นกลิ่นหนังที่มีมิติกลิ่นหลากหลายและสนุกกับการจับเนื้อกลิ่นมาก แถมสร้างความมีเสน่ห์เย้าดึงดูดได้ดีและมีเสน่ห์ในโทนหนังและความหวานได้อย่างลงตัวเลยล่ะ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://montaleparfums.com/en/aoud/287-489-oudrising.html

 

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Review: Montale - Aoud Night

Montale - Aoud Night

มีช่วงหนึ่งของแบรนด์ Montale ที่เวลาออกน้ำหอมใหม่จะต้องออกมาเป็นคู่ อาจจะมีเป็นคู่กลางวัน/กลางคืน คู่ Concept ใกล้เคียงแต่ชูโรง Note กลิ่นหลักที่ต่างกัน หรือคู่แบบอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งก็จะมีมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ในแต่ละปี ซึ่งในปี 2014 ก็มีการจับคู่ชู้ชื่น 2 รุ่นที่ออกมาทำตลาดคู่กัน โดยเอาสิ่งที่แบรนด์ถนัดมากที่สุดอย่าง Oud และกุหลาบมาจับคู่กับคำว่า Night จนออกมาเป็นรุ่น Rose Night (ผ่านการเล่ากลิ่นไปเมื่อนานมากแล้ว) และ Aoud Night ที่จะมาเล่ากลิ่นในครั้งนี้นั่นเอง

และกลิ่นจะสื่อสารยังไง ก็ถอดออกมาได้แบบนี้เลย

เปิดต้นกลิ่นก็เรียกความสนใจกันอย่างเต็มๆ กับโทนกลิ่นออกทางคล้ายพิมเสนน้ำกลิ่นผลไม้ที่มีความอวลลึกของไม้กฤษณาอกมกุหลาบเนียนๆ ในเนื้อกลิ่น ซึ่งเมื่อจับโทนกลิ่นดีๆ แล้วแยกออกมา จุดเด่นสุดของช่วงต้นจะมีพิมเสนที่ให้ความปร่าหอมติดอะโรม่าอารมณ์คล้ายพิมเสนน้ำซ่าๆ ชื่นใจ ที่มีความปร่าปนเขียวเจือขมของมะกรูดฝรั่งกับติดเปรี้ยวเจือหวานปลายกลิ่นที่ทำให้กลิ่นดูสว่างขึ้นมาไม่ได้ถึงกับดาร์กไปของเลมอน แต่จะมีลูกผสมกลิ่นคล้ายโทนผลไม้ออกทางคล้ายลูกพลัมหรือผลไม้ออกทางสีติดม่วงที่ทำให้กลิ่นมีลักษณะออกทางสีเข้มฟ้าปนม่วงใหก้จับต้องได้ ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่น Oud หรือไม้กฤษณาจะให้ความอวลลึกดาร์กเนียนๆ ติดหวานกุหลาบที่เป็นตัวรองพื้นอยู่ เลเยอร์กลิ่นในช่วงต้นเลยจะได้อารมณ์ความสดชื่นที่ติดดาร์กหวานหอมปร่าระเรื่อ ซึ่งถือว่าเข้าทางไม่น้อยในการสื่อถึงคำว่า Night แบบช่วงหัวค่ำที่อากาศปร่าสดชื่นหน่อยๆ เพียงแต่เอาโทนหวานลึกเย้าปนดาร์กมาเป็นตัวเรียกแขกที่มีพลังชัดเจนประมาณนั้น

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากช่วงต้นสู่ช่วงกลางจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ เพียงแต่จะเริ่มเป็นการสลับที่ของกลิ่นโทนกุหลาบและ Oud ที่จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงจัดจ้าน เพราะโทนพิมเสนปร่ารื่นจมูกหอมยังคงมีอยู่พร้อมกับกลิ่นออกทางผลไม้ที่ดาร์กเย้าและเริ่มเข้าโทนหวานลึกมากขึ้น ซึ่งความเป็นกุหลาบจะมีลูกผสมออกทางหวานหอมลึกที่เป็นกลิ่นสไตล์แบบ Montale ที่แท้ทรูไม่พอ ความเป็น Oud ที่ให้ความเป็นไม้หอมติดดาร์กเย้าและมีความลึกติดอบอุ่นของเนื้อกลิ่นหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วยโดยยังคงคุมโทนกลิ่นอายสไตล์ Oud แบบ Montale ที่ให้ความเป็นลูกครึ่งกึ่งตะวันตกกึ่งอาระเบียน รวมถึงมีโทนของแอมเบอร์ที่เสริมเข้ามาเลยทำให้เนื้อกลิ่นมีความหวานลึกติดอวลมีความอบอุ่นเนียนๆ แกมเย้าที่มีพลังมากเลยทีเดียว ซึ่งพอผ่านไปพอสมควรจะเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดขึ้น เพราะจะจับต้องถึงกลิ่นติด Animalic แต่ไม่ได้สาบดิบที่เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ออกแนวจะให้ความห่ามแบบเร้าๆ หน่อยเสียมากที่มาจากโทนหนัง และก็เป็นตัวปูทางหลักในการเข้าสู่ช่วงท้าย ซึ่งกลิ่นโทนผลไม้และพิมเสนจะจางไปแล้ว แต่จะให้ความเป็นหนังที่รองพื้นเนียนๆ ให้ความอวลๆ ฉาบหน้าด้วยกลิ่นกุหลาบหวานลึกและกลิ่นติดไม้ออกทางอวลเย้าอ่อนๆ ของ Oud ที่ยังตามมาจากช่วงกลาง แต่จะมีความนวลปนไม้หอมของจันทน์หอมที่มาสร้างวูบกลิ่นโทนไม้หอมเข้ามาร่วมด้วย ถือเป็นการผสมผสานที่จะได้ความเป็นกลิ่นอายกุหลาบเจือ Oud หวานลึกหอม ห่อหุ้มด้วยหนังที่กำลังดีและโทนอบอุ่นเจือไม้หอมนวลที่สร้างความหอมรื่นรมย์เกินคาด ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ไปสายอาระเบียนมากไป แต่ให้ความรู้สึกดาร์กเย้าอวลกำลังดีมีเสน่ห์และดึงดูดได้สวยๆ สไตล์ลูกครึ่งตะวันตกและตะวันออกกลางแฝงเนียนๆ เลยล่ะ

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมากเลยทีเดียว บางวูบอาจจะมีลักษณะของกุหลาบออกทางผู้หญิงบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับจัดจ้าน เลยทำให้ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบาย แต่กลิ่นมีพลังสูงมาก ซึ่งการใช้ต้องพิจารณาจำนวนสเปรย์และสถานการณ์หน่อย ซึ่งถ้าจะเอามาใช้ยามกลางวันจะต้องลดจำนวนสเปรย์สูงสุดไม่ควรเกิน 3 สเปรย์ เพราะไม่งั้นรอาจจะอวลจัดรอบทิศเอาได้ ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์อยู่ ซึ่งทางการก็พอได้แต่เลือกหน่อยว่าเหมาะหรือไม่ หรือทั่วๆ ไปที่เน้นความเย้ายวนอวลโดดเด่น อันนี้ใช่เลย แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลย จงหยุดก่อนที่จะขาดอากาศหายใจ ส่วนยามค่ำคืนอันนี้แหละเรียกเรตติ้งได้ดี ปล่อยพลังรอบทิศเลย แถมกลิ่นก็ไม่ได้แขกจ๋าไปเสียด้วย เลยเข้าได้หมดทั้งใส่ออกงาน โรแมนติค แบบเบามือหน่อย และท่องราตรีที่ถ้าจำนวนสเปรย์ดีก็ไม่มีคนข่มได้ง่ายๆ  

ความทน - มากเรียกว่า 15 ชม. ไปเลยจ้า อาจจะมีแผ่วลงมาบ้างถ้าผิวกายผู้ใช้ไม่เอื้อนัก แต่ยังไงก็เกิน 8 ชม. ได้สบายมาก ขนาดใช้ที่ 3 สเปรย์ยังขนาดนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าถ้ามากกว่านี้จะขนาดไหน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก เรียกว่ามาชัดมาเต็มและคงตัวไปจนถึงราวๆ 4 ชม. ก็จะผ่อนลงมาปานกลางกันเรื่อยๆ แล้วพอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ  

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นที่เอาความเป็นสไตล์ Oud มาคอมโบกับกุหลาบแบบที่เป็นลายเซ็นของ Montale เป็นพื้นฐาน แต่สร้างความแตกต่างในโทนกลิ่นสายผลไม้เย้าลึกและกลิ่นหนังที่อวลเร้า เคล้าความเป็นพิมเสนที่ปร่ารื่นรมย์ ซึ่งถามว่าตอบโจทย์คำว่า Night ไหม? บอกเลยว่าใช่ และเรียกเสน่ห์แบบกลิ่นยามค่ำคืนได้ดีมีพลังมากจริง 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.debijenkorf.de/montale-aoud-night-eau-de-parfum-4897090033-489709003300000

 

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Montale - Fantastic Oud

Montale - Fantastic Oud

น้ำหอมแบรนด์ไหนที่มีชื่อ Aoud หรือ Oud มากที่สุด?

เรียกว่าไม่ต้องเดาเลยก็ว่าได้ว่าเป็น Montale ซึ่งในแต่ละปีได้ปล่อยน้ำหอมที่มีชื่อรุ่นว่า Oud หรือ Aoud มาตลอดไม่เคยว่างเว้นแต่อย่างใด และหนึ่งในนั้นก็มีการปล่อยความมหัศจรรย์พัน Oud กันออกมากับเขาด้วยในปี 2018 กับชื่อที่มีความเป็นยอดมนุษย์อย่างอบอกไม่ถูกกับ Fantastic Oud หรือ แปลแบบดูเป็นไทยๆ ได้เลยว่า “ไม้กฤษณาแสนมหัศจรรย์” เช่นนั้นจะมหัศจรรย์พันลึกขนาดไหน มาว่ากันเลยเพราะกลิ่นออกมาในลักษณะนี้

Top Notes จะเด่นที่ความเป็นไม้กฤษณาหรือ Oud ที่จะวูบออกมาก่อนโดยมีพื้นฐานกลิ่นติดอวลไม้เจือควันนิดๆ แอบมีโทนเมทัลลิคหน่อยๆ เคล้ากลิ่นออกทางยาแก่นเนื้อไม้ที่มีความเป็นยางไม้แปร่งๆ ปนกลิ่นติดชีสนิดๆ วูบขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งแน่นอนกลิ่นอาจจะไม่ได้เป็น Oud สาย Nice เท่าไหร่ แต่ถ้าคนที่ชอบ Oud สไตล์แบบติดดิบๆ สามารถทำให้ฟินได้ไม่ยาก ซึ่งกลิ่นก็ยังมีความปราณีอยู่บ้าง เพราะจะไม่ได้อยู่กับเรานานนัก เพราะตัวเด่นตัวที่ 2 คือ กุหลาบ ที่จะมากล่อมเกลากลิ่น Oud ให้ลดทอนความแปร่งลง และเริ่มเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงถัดไปเร็วพอสมควร

Middle Notes จะเด่นที่โทนกลิ่นกุหลาบ ที่จะมีลูกเล่นกลิ่นยาสูบที่ให้ความโปร่งติดเขียวแอบมีโทนคล้ายเมทัลลิคนิดๆ เจือหวานกำลังดีเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งกลิ่นจะอยู่ในลักษณะที่มีความอวลแฝงอยู่เนียนๆ โดยที่ Oud จะกลายเป็นตัวสนับสนุนที่กลิ่นจะให้ความลุ่มลึก ดาร์ก และน่าค้นหาโดยที่จะมีความนวลหอมติดหวานระเรื่อของกุหลาบเกลาล้อมกลิ่นไปตลอด และเมื่อพอดมเข้าไปใกล้ผิวมากขึ้นจะเริ่มจับได้ว่าความอวลไม่ได้มีแต่โทน Oud เพราะว่ากลิ่นติดโทนธูปปร่าอวลกึ่งโปร่งของ Frankincense ก็จะเนียนสร้างความ Smoky น่าค้นหาในเนื้อกลิ่นเข้าไปอีกสเต็ป ซึ่งเมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควร เนื้อกลิ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ เพราะจะมีโทนไม้หอมติดครีมมี่ปนจืดหอมอย่างไม้จันทน์หอมเข้ามาพร้อมกับเอาโทนหนังเข้ามาด้วย เนื้อกลิ่นจะเริ่มมีความหนาขึ้นตามลำดับ และขยับเข้าสู่ช่วงท้ายในที่สุด

Base Notes จะเด่นที่โทนหนังที่เปิดตัวออกมาและเทคโอเวอร์แทน ซึ่งกลิ่นจะให้มิติในการดมได้อย่างน่าสนใจตรงที่กลิ่นโทนหนังจะมีกลิ่นควันและยาสูบฟุ้งออกมา เมื่อดมเข้าไปใกล้ในระดับหนึ่งจะมีกลิ่นโทน Oud เคล้ากุหลาบอ่อนๆ และมีกลิ่นติดไม้เก่าๆ แห้งๆ ปนระเรื่อกึ่งสมุนไพรของพิมเสนที่สร้างความเย้าและดึงดูดกำลังดี จนเมื่อดมเข้าไปติดผิวจะได้กลิ่นไม้ครีมจืดหอมของจันทน์หอมเคล้ากลิ่นผิวกายอวบลติดเค็มหน่อยๆ แล้วพอถอยออกมามันจะผสมผสานกันจนออกมาเป็นกลิ่นหนังเจือไม้หอมติดวันที่อวลรุมๆ อบอุ่นที่ดึงดูดน่าค้นหามาก และกลิ่นมีความซ่อนคมกำลังดีในเนื้อกลิ่น และสร้างภาพคนในชุดสีดำมาดคมนิ่งขรึมกับออร่ากลิ่นที่มีความดาร์กปนดิบเนียนๆ เคล้ากลิ่นหนังที่เร้าใจปนมีเสน่ห์แบบที่ไม่ได้อาระเบียนจัดจ้านเกินไปนั่นอง

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงไว้ว่า Unisex แต่กลิ่นจะค่อนไปทางผู้ชายราว 75% ได้ แต่ถ้าผู้หญิงชอบกลิ่นแนวหนังเจือควันปนไม้หอมก็สามารถใช้งานได้ไม่ขัดเขิน ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่เบามือหน่อยหรือรอช่วงต้นผ่านไปก่อน เพราะนอกจากคนฉีดเองอาจจะตึ้บเพราะกลิ่นเปิดมาเต็มไม่พอ คนอื่นรอบตัวจะตึ้บไปด้วย แม้ช่วงที่เหลือกลิ่นจะไม่ได้ถึงกับหนักหน่วงมากก็ตาม แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย จะได้ไม่ขาดออกซิเจน ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ไม่ว่าจะออกงานหรือว่าท่องราตรีใส่ได้หมด แต่อาจจะมีอารมณ์อาระเบียนเข้ามาร่วมด้วยบ้างก็เท่านั้นเอง 

ความทน - มากเลยทีเดียว เพราะพื้นฐานเจอไปที่ 10 ชม. เป็นค่าเฉลี่ย แต่ไปต่อได้อีกถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว ถือว่าสตรองในเรื่องนี้จริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าเราจะรับความแปร่งความอึนความไม่ค่อย Nice เท่าไหร่ (ถ้าไม่ชิน) กันเต็มๆ กัน แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางไปซักครู่หนึ่ง ที่เหลือคือออร่ารอบๆ ตัวกำลังดียาวไป

สรุป - มหัศจรรย์ขนาดที่พันลึกไหมกับความเป็น Oud ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น และไม่ได้เว่อร์วังอลังการจัดจ้านอะไรถ้าเทียบกับสาย Oud จัดหนักอื่นๆ ที่เป็นน้ำหอมแถบตะวันออกกลาง แต่ถ้าบอกว่าเป็น Oud ที่น่าสนใจไหม อันนี้ถือว่า “ใช่” เพราะเนื้อกลิ่นไล่เรียงเลเยอร์กันได้น่าสนใจจริงๆ แถมชูโรง Note กลิ่นแต่ละช่วงได้ชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นหนัง ยาสูบ กุหลาบ และตัว Oud เอง เลยถือว่ามหัศจรรย์ได้อยู่พอสมควร

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://montaleparfums.com/us/en/aoud/258-298-fantastic-oud.html