แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Ulric de Varens แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Ulric de Varens แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Review: Ulric de Varens – Varens Lavande

Ulric de Varens – Varens Lavande

เมื่อเป็นคนชอบกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ไม่ได้ชอบไปวิ่งในทุ่งของมันนัก เลยมักจะเผลอเรอเสาะหามาตลอดว่าแบรนด์ไหนมีกลิ่นลาเวนเดอร์แบบไหนบ้าง ดียังไง ถูกจริตหรือไม่ และอยากใช้ต่อไหม เมื่อสบโอกาสหันไปเห็น Ulric de Varens เขาเองก็มีน้ำหอมที่ชูความเป็นลาเวนเดอร์ ก็เสร็จโต๋สิจ้ะ จัดมาเลย ผลออกมาคือ 

Varens Lavande เรียกว่ามีความเป็นลาเวนเด๊ออออ ลาเวนเดอร์มาก โดยจะเป็นกลิ่นหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบมีความชัดเจนในทุกช่วงและกลิ่นจะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มจากการเป็นลาเวนเดอร์ที่มีความเป็นกลิ่นอายแบบธรรมชาติในระดับหนึ่งเพราะจะมีความนุ่มเจือเขียวให้รู้สึกได้แบบช่อลาเวนเดอร์ แล้วกลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนโทนในเวลาไม่นานเข้าสู่ช่วงกลางที่เป็นกลิ่นอายแบบลาเวนเดอร์นุ่มสะอาดและผ่อนคลายเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นไม้หอมอ่อนๆ เสริมอยู่ แต่มาแบบสายสนับสนุนเบาๆ ให้พอรู้สึกได้ โดยที่ตัวหลักคือความหอมละมุนสไตล์ลาเวนเดอร์ที่มาแบบกำลังดี ไม่มากไม่มาย จนเมื่อมีกลิ่นอายนุ่มๆ ออกติดไปทางแป้งอบอุ่นแบบวานิลลาอ่อนๆ ดันเข้ามาเสริมทัพ ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่จะได้ความรู้สึกแบบลาเวนเดอร์ที่นุ่มคลอเคลียผิวลักษณะแบบโลชั่นลาเวนเดอร์ที่ไม่ได้ข้นคลั่ก มาแบบหอมละมุนนุ่มเบาๆ ซึ่งเนื้อกลิ่นมีพิมเสนมาเสริมให้เกิดความนุ่มนวลจมูกเบาๆ แบบยาวไป ภาพรวมกลิ่นให้ความรู้สึกอะโรม่าผ่อนคลายแบบกำลังดี สบายๆ คุมโทนความเป็นลาเวนเดอร์ได้ชัดเจนจั้งแต่ต้นยันจบแบบไม่ซับซ้อนและไม่ได้มามากสิ่ง เน้น Minimalist ที่เข้าถึงง่ายนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ก็ใส่ได้แล้ว เพราะกลิ่นนี้ใช้ง่ายมาก มีความสะอาด นุ่ม แต่กลิ่นได้ความเป็นลาเวนเดอร์แบบสบายๆ เต็มๆ ที่สำคัญมาสายปลอดภัยไม่รบกวนใครเสียด้วย ซึ่งกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันในการใช้งาน ไม่ว่ากลางแจ้งหรือในร่ม ส่วนยามค่ำคืนเน้นฉีดสบายๆ ให้ความอะโรม่าจะเข้าทางมาก หรือว่าใส่ก่อนนอนให้เกิดความผ่อนคลายและหลับสบายได้เลย ส่วนตัวนี้คุณผู้หญิงคนไหนที่ชอบกลิ่นลาเวนเดอร์สะอาดๆ สามารถจัดได้สบายมาก เพราะมันก็มีความเป็น Unisex พอสมควรเลยทีเดียว

ความทน อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. โดยประมาณ อาจจะมีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับ 7 สเปรย์ พร้อมการฉีดเสื้อด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย ตัวนี้ต้องยกให้เขาเรื่องการเป็นกลิ่นที่ปลอดภัย นุ่มสบาย และไม่ทำร้ายใคร เช่นนั้น Skin Scent ชัดเจน โดยในช่วงแรกจะกระจายแบบปานกลาง แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แบบอ่อนๆ แล้วปิดท้ายด้วยความเป็น Skin Scent ที่ให้ความรู้สึกนุ่มสะอาดได้ไม่ยาก 

ทิ้งท้าย เอาจริงๆ นี่คืออีกหนึ่งกลิ่นยามที่นึกอะไรไม่ออก สามารถหยิบขวดนี้มาใช้งานแบบที่ยังไงก็รอดได้เสมอ ที่สำคัญกลิ่นอายนุ่มอะโรม่าผ่อนคลายแบบลาเวนเด๊ออออ ลาเวนเดอร์จริงๆ ในราคาที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

Review: Ulric de Varens - UDV Night

Ulric de Varens - UDV Night 

จากรุ่นปกติที่เคยบอกเล่าเรื่องราวความร่วมสมัยของกลิ่นที่คาบเกี่ยวความเป็น Old School ก็ได้ จึงได้เวลาของรุ่นที่แตกหน่อออกมากันบ้าง ซึ่ง Ulric de Varens ก็ปล่อยความเป็นน้ำหอมโทน Modern ที่มีความเป็น Metrosexual ออกมาชัดเจนก็งานนี้ เช่นนั้นต้องมาลองพิสูจน์กันหน่อยว่าจะออกมาในลักษณะไหนกับรุ่น UDV Night 

เป็นอีกหนึ่งกลิ่นได้เลยที่รวมเข้ากับกลิ่นอายน้ำหอมโทนอบเชย (Cinnamon) กับเหล่าฟรุตตี้ผลไม้ทั้งหลาย ที่ใส่กลางคืนก็ได้กลางวันก็ดีปล่อยของได้น่าลงตัว ซึ่งเปิด Top Notes กันที่กลิ่นอายของผลไม้กันก่อนเลยนั่นคือสับปะรด ที่เจือด้วยแอปเปิ้ลเขียว เจือด้วยกลิ่นซิตรัสบางๆ แต่กลิ่นช่วงนี้จะไม่ได้ออกแนวผลไม้ธรรมชาติขนาดนั้นเพราะว่าตัวเอกของน้ำหอมอย่างอบเชย จะมาผสมผสานกันตั้งแต่ช่วงนี้ กลิ่นเลยจะอยู่กึ่งกลางจะระหว่างความเป็นผลไม้ที่ติดหวานคมกับเครื่องเทศโทนอบอุ่น ซึ่งแน่นอนว่าให้ความแมนแบบเย้ายวนกับกรุ้มกริ่มขี้เล่นกำลังดี เมื่อผ่านไปเพียงไม่นานกลิ่นจะเข้าสู่ Middle Notes ที่คราวนี้อบเชยจะมาเป็นตัวเด่นนำ และเริ่มมีกลิ่นติดขรึมๆ มาตัดทอนไม่ให้กลิ่นออกทางหวานบาดนั่นคือ ไม้ซีดาร์ กลิ่นเลยจะคาบเกี่ยวความขรึมแมนกับเย้ายวนชวนนัวได้เป็นอย่างดี และกลิ่นที่หวานคมของโทนผลไม้ของสับปะรดกับแอปเปิ้ลจะลดระดับลงมาเสริมให้ดูมีความกรุ้มกริ่มแบบกำลังดีและลงตัวโดยที่คุมโทนที่ความหวานอบอุ่นอยู่ตลอด ประมาณว่าป้องกันการเป็นนก ถ้าเย้ายวนไม่ได้ ก็ยังขรึมเท่ห์ได้อยู่ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีเริ่มมีความครีมมี่มากขึ้น จนมาเต็มที่ในช่วง Base Notes ด้วยการปล่อยของจากถั่วตองก้า ซึ่งกลิ่นจะเริ่มเป็นช่วงอบอุ่นน่าซุกมากขึ้น โดยมีโทนไม้หอมอบอุ่นเจือไปด้วยตลอดแบบแมนเท่ห์ๆ ภาพรวมจึงเป็นสาย Metrosexual ชัดเจน ซึ่งจะกล่อมเกลาโทนกันมาอย่างลงตัวแตะได้หมดไม่ว่าจะเป็น หวาน ลั่นล้า กรุ้มกริ่ม อบอุ่น เย้ายวน นุ่มนวล และขรึมแมนแตะคำว่า Night ตามที่แบรนด์นำเสนอมาเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้สบายๆ กลิ่นไม่ได้เข้าถึงยาก เรียกว่าเป็นการอยู่ในโทนเย้ายวน แต่ยังมีความกลางๆ ไม่หนักหน่วงจัดจ้านเกินไป หรืออะไรเด่นจนกลบทุกสิ่งอย่าง ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เช่นชิลล์ๆ ทั่วไป หรือว่าจะแนวๆ ลั่นล้าสบายๆ เอาจริงๆ ใส่ไปเรียนหรือใส่ทำงานใน Office ได้ เพียงแต่จะไม่เหมาะกับงานทางการจัดๆ นัก รวมถึงการใส่เพื่อออกกำลังกายก็ให้ไม่เข้าทางนัก ส่วนยามค่ำคืนจัดไปเพราะยังไงก็ผ่าน อย. ด้านกลิ่น ซึ่งพอไปสู้กับคนอื่นได้ถ้าอัดสเปรย์ลงตัว 

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะเป็นออร่าครีมมี่เย้าอุ่นรอบตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นแม้จะมาสายเดียวกับโซนเหล่า 1 Million หรือ Black XS ของ Paco Rabanne แต่เอาเข้าจริงฉีกออกมาไม่ได้ไปสายคมเท่ห์มากขนาดนั้น ยังมีลุคของความอบอุ่นให้สัมผัสได้ไปตลอด เรียกว่าทำออกมาได้ดี และคุ้มค่ามากกับราคาที่ไม่ได้หนักหน่วงเลยด้วยซ้ำไป 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - http://i1.sephora.com.br/media/catalog/product/cache/1/image/1800x/040ec09b1e35df139433887a97daa66f/_/D/_D76E0757-C203-45EF-A981-121036988854__Night-zoom_500px.jpg

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

Review: Ulric de Varens – UdV for Men

Ulric de Varens – UdV for Men

Ulric de Varens เป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมของฝรั่งเศสที่อยู่มาอย่างยาวนานเลยทีเดียวตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1983 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งใน Designer Brand ที่ทำน้ำหอมได้เข้าถึงได้ง่ายในราคาที่ไม่แรงจนเกินไปนัก ก่อนจะแตกแยกไลน์ของตัวเองมาสู่การทำเครื่องประดับ Body Care เครื่องสำอาง รวมถึงพวกน้ำหอมในบ้านด้วยในเวลาต่อมา ในเมื่อได้เวลามาลองน้ำหอมแบรนด์นี้ ก็ต้องมาที่ตัวยอดฮิตของแบรนด์ที่อยู่มาอย่างยาวนานกันก่อนเลยเพื่อแนะนำ นั่นคือรุ่นนี้เลย UdV for Men

เปิดต้นกลิ่นมาด้วยความเป็น Citrus กันก่อนเลยกับกลิ่นของเลมอน โดยที่จะมีความเขียวติดสมุนไพรเด่นคู่กันอย่างชัดเจนด้วยมินท์และโกฐจุฬาลัมพา (Artemisia) ที่จะให้ความเขียวติดขมคมๆ มีความซ่าจางๆ ซึ่งโดยพื้นฐานจะรู้สึกได้เลยถึงกลิ่นอายเขียวสากๆ ของ Oak Moss และแฝงไปด้วยความแมนของกลิ่นด้วยหญ้าแฝกที่เป็นตัวรองพื้นอยู่ ซึ่งย้ำกันชัดเจนว่ามีความเป็น Old School ในเนื้อกลิ่นแบบที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงเข้าทางร่วมสมัยอยู่ไม่น้อย และเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง กลิ่นโทนเขียวติดขมออกทางโปร่งของสมุนไพรแฝงไปด้วยกลิ่นอายของ Citrus ติดเปลือกผลจะยังคงอยู่ แต่หญ้าแฝกจะชัดเจนขึ้นมาแบบแห้งๆ ติดไม้หอม กลิ่นไม่ได้มาสาย Smoky มากนักแต่พอรู้สึกได้อยู่ โดยกลิ่น Oak Moss จะเริ่มเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ ตีคู่กับหญ้าแฝกและนำไปสู่ช่วงท้ายที่จะมีความนุ่มติดสะอาดๆ ของ Musk เป็นตัวรองพื้น โดยมี Oak Moss กลั้วความเป็นไม้หอมจางๆ ของหญ้าแฝกที่ยังตามมาอยู่ผสมผสานกับกลิ่นพิมเสนที่มาแบบนวลๆ อ้อยอิ่งเคล้าความสดชื่นของซิตรัสยังมีให้รู้สึกได้อยู่บางเบา ซึ่งถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่หอมสะอาดติดเขียวและลงตัวมากเลยทีเดียว ภาพรวมของ UdV เลยจะมาในลักษณะกลิ่นอายร่วมสมัยที่มีความเป็น Old School แฝงเข้ามา ออกแนวสุภาพบุรุษหวีผมเรียบแปล้ด้วย Pomade แต่งตัวภูมิฐานสะอาดสะอ้านนั่นเอง

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศทำงานขึ้นไป กลิ่นนี้ถือว่าเข้าทางลักษณะใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบเสริมความเป็นสุภาพบุรุษที่ร่วมสมัยสะอาดสะอ้านติด Retro หน่อยๆ ซึ่งเหมาะกับงานทางการที่มีการพบปะผู้คนเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือหรือออกงานราษฎร์งานหลวงอะไรประมาณนั้น โดยยืนพื้นที่กลิ่นอายสดชื่นติดเขียวเท่ห์ๆ นอกนั้นในเวลาทั่วๆ ไปชิลล์ๆ ก็ใส่ได้ ส่วนออกกำลังกายรอท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนจัดได้สบายๆ กับการออกงานเลี้ยง หรือเที่ยวกลางคืนก็ได้แต่ต้องอัดสเปรย์หน่อยก็เท่านั้นเอง

ความทน อยู่ที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอิงจากจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยเช่นกัน

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นมาแบบคมๆ กันเลยทีเดียว ก่อนที่จะลดระดับลงไปที่ปานกลาง และเป็นออร่ากึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย ถือว่าเป็นกลิ่นอายที่อยู่ระหว่างรอยต่อของความเป็น Old School ก็ได้ ความร่วมสมัยติด Modern ก็ดี มาในลักษณะของน้ำหอมช่วงยุคต้นๆ 90 กันอย่างชัดเจน ที่สำคัญราคาไม่แรงเสียด้วยนี่สิ น่าสนใจมากจริงๆ     

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ