แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Serge Lutens แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Serge Lutens แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

Review: Serge Lutens - Baptême du Feu


Serge Lutens - Baptême du Feu

เห็นชื่อรุ่นครั้งแรกของ Serge Lutens ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2016 ก็ลองแปลออกมาดูถือเป็นความหมายที่น่าสนใจมาก คือ Baptême du Feu = การล้างบาปของไฟ ซึ่งเมื่อได้ดูที่มาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์น้ำหอม ก็ถือว่ามีความน่าสนใจมากกับการบอกเล่าว่า “ให้จินตนาการถึงงานรื่นเริงของหมู่บ้านในเขตสงครามที่มีกลิ่นอายควันปืนใหญ่ผสมผสานไปกับกลิ่นอายหอมหวานของขนมปังขิง อบเชย กานพลู และส้มแช่อิ่มหวาน นี่แหละการล้างบาปของไฟ” ซึ่งถ้าอนุมานเอาได้ว่าน่าจะเป็นงาน Fair รื่นเริงหลังจากจบศึกสงครามอะไรประมาณนั้น

และเมื่อคำโปรยมีความน่าสนใจขนาดนี้ กลิ่นอายที่สร้างสรรค์และถ่ายทอดออกมาจะขนาดไหน เช่นนั้นขอเล่าออกมาได้แบบนี้เลย

Baptême du Feu เปิดตัวด้วยกลิ่นอายหอมหวานกลั้วควันไอที่เป็นฉากหลังกันค่อนข้างชัดเจน โดยทัพหน้าของของกลิ่นจะมาในสายกลิ่นอาย Citrus ของส้มค่อนทางหวานกึ่งไซรัปหอม แต่มีความสดชื่นให้พอจับต้องได้แบบปลายกลิ่น แต่เนื้อกลิ่นไม่ได้ทื่อๆ แต่อย่างใดๆ เพราะมีโทนติดกึ่งเขียวเจือกุหลาบบางๆ แบบกลิ่นของกิ่งก้านส้ม (Petitgrain) กึ่งดอกส้มเล็กๆ เข้ามาร่วมด้วยเป็นเลเยอร์แรก ตามด้วยเลเยอร์ที่ 2 คือ กลิ่นออกทางหวานปร่าเผ็ดโปร่งของขิงที่สร้างมิติกลิ่นให้มีโทนออกทางเครื่องเทศสายสดชื่นอยู่ในเนื้อกลิ่นด้วย ก่อนจะไปเลเยอร์ที่ 3 ที่เป็น Background ของกลิ่นคือกลิ่นควันไออวลปร่ากึ่งพริกไทยเคล้า Incense ธูปที่เป็นลักษณะโทนกลิ่นคล้ายควันดินปืน ทำให้มิติกลิ่นช่วงแรกอารมณ์กลิ่นเหมือนจะหวานติดสดชื่นแต่จริงๆ มีความอวลและมิติกลิ่นที่ซับซ้อนเนียนๆ ให้สัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกที่แตกต่างและ Mix & Match ได้พอสมควรเลย

เมื่อกลิ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงเพราะโทนส้มหวานติดไซรัปเริ่มจะผ่อนลงมา ให้กลิ่นของขิงเริ่มชัดขึ้นมามากขึ้น และเริ่มมีกลิ่นอบอุ่นออกทางโทนขนมปังขิงเปิดตัวออกมาด้วย ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมซึ่งแน่นอนสิ่งที่ยังคงมีอยู่คือ Background ของกลิ่นอย่างกลิ่นติดควัน Incense เคล้าดินปืน แต่ทัพหลักที่เดินกลิ่นคือกลิ่นขนมปังขิงอุ่นเคล้ากลิ่นผงอบเชยหอมหวาน แกมความปร่าหน่อยๆ ของเครื่องเทศสายปร่าเผ็ด แต่จะมีสายสนับสนุนสำคัญที่สร้างอารมณ์มิติที่กึ่งความเป็นโทน Fruity และดอกไม้เข้ามาร่วมด้วยอย่างกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ ที่จะให้โทนกึ่งแอปริคอตกึ่งดอกไม้ที่มีความอวลกำลังดี โดยที่ยังมีส้มหวานไซรัปที่มีอยู่ประปรายเป็นตัวเสริม ทำให้อารมณ์กลิ่นจะมีมิติโทนขนม Gourmand และกลิ่นโทนกึ่งดอกไม้และผลไม้หวานตีคู่ไปด้วยกัน โดยที่มีกลิ่นน่าค้นหาของควันเป็นฉากหลัง ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเมื่อเริ่มจับต้องถึงโทนไม้หอมและโทนแป้งที่เริ่มจะเข้ามาเปลี่ยนสถานะของกลิ่น ก็จะเป็นช่วงเปลี่ยนที่เข้าสู่ช่วงท้ายที่จะกลายเป็นกลิ่นแป้งไม้หอมที่มีโทน Incense ควันหน่อยๆ และมีกลิ่นออกทางหนังเล็กๆ เนียนๆ อยู่ด้วย ซึ่งความหอมหวานขนมปนเครื่องเทศอุ่นหวานในช่วงกลางยังตามมาอยู่ เพียงแต่ลดทอนลงไปพอสมควร ทำให้การรับกลิ่นจะไล่จากกลิ่นแป้งเจือไม้หอมเคล้ากลิ่นควัน ไล่ไปหอมหวานโทนขนมบางๆ ปลายกลิ่น โดยภาพรวมของกลิ่นยังคุมโทนอบอุ่นอวลๆ อยู่ซึ่งรู้สึกได้เบาๆ ว่ามีโทน Ambroxan ที่ให้อารมณ์ลูกครึ่งกึ่งอำพันปลาวาฬและไม้หอมแห้งๆ เนียนอยู่ด้วย ซึ่งทำให้กลิ่นมีความอวลมีเสน่ห์เข้ามาร่วมด้วยนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นอายมาแนวสภาพแวดล้อมและสถานการณ์เป็นหลัก เลยแตะได้หมดทุกเพศเลย ซึ่งสามารถใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นใส่ออกงาน ใส่ทำงาน หรือใส่ทั่วๆ ไป แบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะถ้าอากาศร้อนๆ กลิ่นจะอบอวลหนักเอาได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเหมาะมากกับการใส่แบบทั่วๆ ไปหรือออกแนวออกเดทโรแมนติค เพราะกลิ่นจะลุ่มลึกน่าค้นหาปนหวานซึ่งสร้างเสน่ห์เฉพาะออกมาได้ด้วย ส่วนใส่เที่ยวร่องราตรี ก็ได้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้พุ่งตรงไปที่การปล่อยเสน่ห์โต้งๆ นักก็เท่านั้นเอง

ความทน - ลงตัวที่ค่าเฉลี่ย 8 ชม. ซึ่งกลิ่นสามารถไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์และสภาพผิวเอื้ออำนวย ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ได้เลยกับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาทีละสเต็ปตามแต่ละช่วง จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว ไปเรื่อยๆ

สรุป - ถ้ามองในแง่กลิ่นที่หวือหวามีความอาร์ตแบบสายศิลปะลุ่มลึกตามที่ Serge Lutens ทำได้ อาจจะไม่ได้จัดจ้านขนาดนั้น ซึ่งแฟนๆ ของแบรนด์นี้อาจจะแบบว่าทำไมมันดูธรรมดาจัง แถมมีกลิ่นเด่นของตัวเก่าๆ ของแบรนด์อย่าง Five O’Clock au Gingembre เข้ามาเนียนๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าในแง่เนื้อกลิ่นที่ทำออกมาได้ดีเกินมาตรฐานและยังมีความซับซ้อนเนียนๆ อันนี้ยังเชื่อขนมกินได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.casadelprofumo.it/serge-lutens-bapteme-du-feu-eau-de-parfum-unisex-50-ml-64119.html


วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: Serge Lutens - Jeux de Peau

Serge Lutens - Jeux de Peau

ถ้านึกถึง ขนมปังแล้วต้องมา Link กับน้ำหอมที่ให้กลิ่นนี้ มักนึกถึงน้ำหอมกลิ่นไหน?
 

เอาตรงๆ ก็ตอบได้ไม่ยากเลย เพราะจะนึกถึง Serge Lutens รุ่น Jeux de Peau ขึ้นมาทันที เพราะเป็นครั้งแรกจากการใช้น้ำหอมมาแล้วได้ดมกลิ่นนี้จินตนาการพร้อมมากกับการนึกถึงขนมปังฝรั่งเศสทาเนย และมีเมเปิ้ลไซรัปหวานๆ ใกล้ๆ ในห้องสีเอิร์ธโทนสว่างและอบอุ่น แต่กลิ่นไม่ได้แน่นจนเกินไป ให้ความรู้สึกเป็นกลิ่นอายแบบบรรยากาศเสียมาก นี่เป็นเพียงแค่ครั้งแรกที่ได้แค่เทส แล้วพอมาใช้จริงๆ นอกจากที่เห็นภาพตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มันมีอะไรในเนื้อกลิ่นที่สัมผัสแล้วให้อารมณ์ที่หลากหลายอีกไม่น้อยเลยทีเดียว เช่นนั้นก็ต้องเล่ากันหน่อยว่าจะเป็นในลักษณะไหน 

ก่อนที่จะเข้าเรื่องกลิ่น ก็ต้องว่ากันที่แรงบันดาลใจของน้ำหอมซักหน่อย ซึ่งที่มาที่ไป มาจากช่วงเวลาในวัยเด็กของ Serge Lutens เองที่จะมีช่วงที่แวะร้านขนมปังตอนกลับจากโรงเรียน แล้วหนีบขนมปังฝรั่งเศสท่อนยาวๆ วิ่งกลับมาให้คนที่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาในความทรงจำที่สวยงามในวัยเด็กเลยทีเดียว จึงได้ถ่ายทอดออกมาเพียงแต่แฝงความเป็น Serge Lutens ที่ลุ่มลึกบางอย่างลงไปด้วย เพราะมันจะโต้งๆ เป็นเด็กถือขนมปังอย่างเดียวมันก็กระไรอยู่ เช่นนั้น ชื่อ Jeux de Peau เลยมีความหมายที่ค่อนไปทางเย้ายวนยามเมื่อแปลออกมาด้วยเช่นกัน 

กลิ่นเปิดจะเริ่มต้นที่กลิ่นของขนมปังที่ทำจากแป้งข้าวสาลีผสมผสานกับกลิ่นออกทางครีมมี่ติดนม โดยจะมีกลิ่นหวานไซรัปกับหวานเย้าติดหอมเครื่องเทศเจือเนื้อไม้ที่เด่นออกมาก่อน ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ออกทางอุ่นจ๋าจัดจ้านแบบขนมปังอบใหม่ขนาดนั้น แต่จะเป็นกลิ่นอายหอมแบบขนมปังฝรั่งเศสที่อบเสร็จแล้ววางไว้พอสมควรเสียมากกว่า ซึ่งจะไม่ได้ออกทาง Smoky อะไรนัก แต่เป็นความหอมแบบได้กลิ่นขนมปังโปร่งๆ กำลังดี อุ่นหน่อยๆ แบบบรรยากาศ เคล้าความหวานกลิ่นออกทางคาราเมลหรือไซรัปเมเปิ้ลติดสมุนไพรแห้งๆ แอบมีกลิ่นออกทางผลไม้ค่อนไปทางหวานบางๆ ประปราย ซึ่งกลิ่นเปิดเป็นอีกหนึ่งในรักแรกพบสำหรับคนที่ชอบกลิ่นอายโทนขนมแต่ไม่ได้เน้นหนักไปทางสายวานิลลา ชอคโกแลต หรือพวกวีปครีมมันๆ ได้เลย เพราะเป็นการสร้างอัตลักษณ์ของกลิ่นโทนขนมปังติดนมกำลังดี มีความหวานรายล้อมกำลังงามแต่โปร่งจมูกสร้างความรื่นรมย์ได้อย่างลงตัวจริงๆ 

และความเป็นขนมปังฝรั่งเศสก็ยังคงอยู่จนเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นเริ่มมีลักษณะที่ติดออกทางเนยๆ เข้ามาผสมผสาน ทำให้อารมณ์ขนมปังทาเนยเข้ามาร่วมด้วย แต่กลิ่นก็ยังไม่ได้ออกทางหนักหน่วงนัก ยังคงมีความโปร่งปนอวลหวานกำลังดี ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นโทนออกทางไซรัปคาราเมลหวานก็ชัดขึ้นมาในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน อารมณ์คือกลิ่นขนมปังฝรั่งเศสที่ยังอุ่นๆ หน่อยๆ ทาเนยแล้วกลิ่นฟุ้งออกมา เคล้ากับกลิ่นน้ำเชื่อมไซรัปที่มีโทนติดสมุนไพรปนกลิ่นผลไม้ติด Spicy บางๆ ซึ่งตอนนี้จะจับได้ชัดเลยว่าเป็นกลิ่นของชะเอมและดอก Immortelle รวมถึงกลิ่นผลไม้ที่ติดทางแอปริคอตที่ผสมผสานกันเป็นลักษณะของน้ำเชื่อมไซรัปที่มีความหอมหวานโปร่งดึงดูดและน่ากินไม่น้อยเลย ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้อีกหนึ่งโทนที่สร้างมิติให้บรรยากาศมันเป็นลักษณะของการกินขนมปังทาเนยราดไซรัปเข้ามาคือกลิ่นออกทางแป้งๆ ทำขนมปังหน่อยๆ ที่ทำให้ทุกอย่างประกอบกันอย่างดีและคุมโทนความรื่นรมย์ได้ชัดเจนรับช่วงต่อจากตอนต้นได้อย่างงดงาม 

เมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควรจนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง คือ กลิ่นโทนไม้หอมครีมมี่นวลๆ ของไม้จันทน์หอมเริ่มแทรกตัวเข้ามาทีละหน่อย และกลิ่นโทนขนมปังทาเนยกับไซรัปเริ่มเบาลงกลายเป็นกลิ่นสนับสนุนสร้างอะโรม่าความหวานปนขนมปังอ่อนๆ แต่กลิ่นออกทาง Herbal หวานๆ ของ Immortelle ที่ให้ความหวานแห้งปนเมเปิ้ลไซรัปจะยังคงชัดเจนอยู่ กลิ่นจะเริ่มมีลักษณะแบบนวลละมุนปนอบอุ่นกำลังดี มีความค่อนไปทางกลิ่นอายแบบผิวกายที่มีกลิ่นขนมปังเจือไซรัปติดสมุนไพรหวานเย้าดึงดูด ซึ่งช่วงนี้นอกจากความรื่นรมย์ของกลิ่นโปร่งหอมหวานปนนวลแล้ว สิ่งที่ได้เต็มๆ คือ ความเย้ายวนปนเซ็กซี่ดึงดูดแบบเนียนๆ จะเรียบง่ายแต่ก็มีความลุ่มลึกซ่อนเร้นอยู่ด้วย เพราะกลิ่นมันให้ความรู้สึกแบบผิวกายนวลๆ ที่หอมหวานโปร่งควรค่าแก่การดมใกล้ๆ และไม่ไปไหนอยู่ดมกลิ่นต่อไปเรื่อยๆ มาก ง่ายๆ ก็ลองนึกภาพตามดูว่า ถ้าคุณกำลังกอดคนที่เรารักหรือชอบแล้วเขามีกลิ่นผิวกายที่ออกทางขนมปังอ่อนๆ หวานหอมโปร่งปนนวลสว่างๆ เย้าๆ ระเรื่อเบาๆ ให้รับรู้เป็นระยะ คุณจะเอาจมูกดมใกล้ๆ ผิวหรือถือโอกาสซุกดมเลยไหม? ถ้าใช่ นี่แหละ Jeux de Peau ให้โทนท้ายๆ เป็นลักษณะนี้เลย 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน แม้ว่าจะออกทางหวานแต่ไม่ได้ข้นไป มีความเรื่อยๆ มาเรียงๆ ดูเหมือนเรียบๆ แต่เอาอยู่ทุกสโตรกกลิ่นเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกเพศเลย อาจจะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่านิดหน่อย แต่ผู้ชายอย่าได้ใส่ใจ จัดไปเถอะ คนที่ได้รับกลิ่นจากเราจะได้ทั้งความรื่นรมย์และเย้าให้อยากอยู่ใกล้ได้ไม่ยาก ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันในแบบทั่วๆ ไป ที่เน้นสร้างความรื่นรมย์ปนเย้ายวนเนียนๆ ทางกลิ่น จะมีก็แต่การใส่ยามทางการที่อาจจะไม่เข้าทาง แต่ก็พอได้แบบจำนวนสเปรย์ไม่หนักมือนัก แต่ตัดการใช้เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย เพราะอาจจะทำให้จากที่จะไปฟิต กลายเป็นเดินไปจัดชิบูย่าฮันนี่โทสต์ 1 ก้อนคนเดียวให้รู้สึกว่าวันนี้ เราทำอะไรลงไปเสียเปล่าๆ ส่วนยามค่ำคืนใส่แบบโรแมนติค ออกงาน หรือทั่วๆ ไปได้หมด และสามารถใส่ไปท่องราตรีได้ด้วย ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่ได้ปล่อยพลังเย้ายวนเรียกแขกอะไรนัก แต่ก็สร้างเสน่ห์แบบเดินเข้ามาใกล้ๆ จะได้ความรื่นรมย์หอมหวานโปร่งที่ดึงดูดใจแบบเนียนๆ ก็เป็นได้ 

ความทน - กลิ่นทนดีงามเลยทีเดียว กับราวๆ 8 - 10 ชม. ซึ่งก็ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไป 12 ชม. สบายมาก กับการใช้งานที่ 5 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าเปิดมากก็หวานโปร่งปนหอมน่ากินแบบที่ไม่ต้องข้นหนักและจงใจแต่อย่างใด แล้วจะลดลงมาที่ปานกลางมีความเรื่อยๆ ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวเบาๆ ที่ให้ความดึงดูดแนรื่นรมย์เวลาอยู่ใกล้ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งพอผ่านซัก 8 ชม. กลิ่นถึงเป็น Skin Scent 

สรุป - ส่วนตัวนี่คือกลิ่นของ Serge Lutens ที่รักมากที่สุดของแบรนด์นี้เลย เพราะเป็นกลิ่นขนมก็จริง แต่ไม่ใช่ตะบี้ตะบันอัดแต่ขนมเข้าไป กลิ่นจะมีความเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น สว่างนวล และหอมหวาน ที่ต่างเป็นจิ๊กซอว์ในการประกอบเข้าด้วยกันจนสร้างความประทับใจแบบองค์รวมได้ดีมาก ที่สำคัญมันยวนใจก็เพราะว่า Jeux de Peau แปลว่า “Play on (my) Skin” นั่นไง ถึงทำให้รู้สึกน่าดมไปตลอดจริงๆ ที่สำคัญบอกเลยว่าตอนนี้รุ่นนี้โดนเปลี่ยนสายไปเป็น Exclusive ที่เป็นขวด Bell Jar ไปเรียบร้อยแล้ว ง่ายๆ ก็เป็น Rare Item ไปแล้วล่ะ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttp://media.static-allbeauty.com/image/product/1/1600/1173321-serge-lutens-jeux-de-peau-eau-de-parfum-spray-50ml.jpg และ https://www.sergelutens.com/fr/jeux-de-peau-flacons-de-table-serge-lutens.html


วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Review: Serge Lutens – Miel de Bois

Serge Lutens – Miel de Bois

สำหรับคนที่ติดตาม Serge Lutens มักจะมีความรู้สึก อะไรก๊านนนนนเกิดขึ้นเสมอเวลาที่อยู่ดีๆ น้ำหอมบางรุ่นที่มีความเป็นสายศิลปะและมีความเป็นสาย Niche Perfumery ที่งดงาม โดนปิดตัวในการเป็นน้ำหอมในการวางขายตามปกติ กลายเป็นหนึ่งในตัว Exclusive กับขวดทรงระฆังคว่ำ Bell Jar ที่วางขายแค่เฉพาะบูติคที่ปารีสเท่านั้น ซึ่งทำให้ต้องรักษาสิ่งที่ตัวเองมีอย่างจงหนักไม่ให้มันหมดไปง่ายๆ หรือรีบขวนขวายหามาให้ได้ก่อนที่ราคามันจะถีบตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะมันจะหายากขึ้นในทุกๆ วัน และบางรุ่นก็หาแทบไม่ได้แล้ว ต้องพึ่งคนที่ไปที่ปารีสช่วยจัดมาให้แทนในราคาที่ไม่ใช่น้อยๆ แถมไม่ใช่หัวสเปรย์ด้วย เป็นขวดแต้มเน้นๆ

ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่ตอนนี้ไปเป็นขวด Bell Jar และหายากมากในลักษณะขวดปกติแล้ว กับการนำเสนอความเป็นกลิ่นอายน้ำผึ้งที่มีความลุ่มลึกและแตกต่างจากโทนกลิ่นน้ำผึ้งในท้องตลาดอย่างมาก แบบถอดความเป็นน้ำผึ้งแบบธรรมชาติไม่ได้จงใจประดิษฐ์ให้หวานเชื่อมสะบึมอารณ์แต่อย่างใดๆ อย่าง Miel de Bois ก็ทำเอาคนที่มีขวดนี้ต้องเก็บรักษากันให้แน่นเลย เช่นนั้น ในเมื่อมันหายากก็ต้องมาถ่ายทอดกลิ่นกันหน่อยว่าน้ำผึ้งกับไม้หอมขวดนี้จะให้โทนกลิ่นในลักษณะไหน

Miel de Bois จะเป็นหนึ่งในลักษณะของน้ำหอมที่เข้าข่ายไม่น่าจะอิงตามขั้นพีระมิดของน้ำหอมได้ซักเท่าไหร่ แต่จะมาในลักษณะของการเป็น Center Note ที่จะมีกลิ่นต่างๆ เข้ามาสร้างมิติของกลิ่นตามแต่ละเวลาที่ผ่านไป ซึ่งตัวเอกหลักในการดำเนินกลิ่นจะเป็นไปตามชื่อรุ่นเลย คือ น้ำผึ้ง ที่จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ แต่จะมีตัวรองลงมาอย่าง ไม้หอม ที่จะค่อยๆ มาตีคู่ล้อกันไปเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง โดยเริ่มต้นจะเปิดตัวกันด้วยความหวานหอมของน้ำผึ้งที่มีความหวานกันอย่างชัดเจน มาชัดและมาเต็ม ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ออกทางน้ำผึ้งที่หวานชุ่มนัก จะให้ความใสแบบได้กลิ่นห่างออกมาในระดับหนึ่ง แต่เพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ ถึงกลิ่นอายออกทาง Beeswax หรือรังผึ้งที่จะให้อารมณ์แบบกลิ่นสีผึ้งหรือไขผึ้งที่ผสมเข้ามา ทำให้กลิ่นน้ำผึ้งจะออกทางติดไขผึ้งหน่อยๆ เริ่มมีความอุ่นปนสาป Animalic เข้ามาปะปน ซึ่งเมื่อ 2 โทนนี้มาเจอกัน มันจะได้กลิ่นที่ออกทางธรรมชาติของน้ำผึ้งที่คารังที่ทำให้เราจับต้องได้ และแน่นอนว่ากลิ่นอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามันคือน้ำผึ้งแบบที่เราๆ ได้กินเข้าไปแน่นอน มันจะแปร่งและดิบอยู่เพียงแต่ไม่ได้มากนัก จนกลายเป็นเหมือนเอาหน้าซุกรังผึ้งแต่ประการใด

เพียงชั่วขณะโทนกลิ่นที่เสริมเข้ามาไวมากสร้างมิติในโทนติด Airy และมีความแห้งมากขึ้นในเนื้อกลิ่นคือ ไอริส ที่ทำให้ มีความแห้งติดจืดปนกลิ่นดอกไม้เข้ามาด้วย ซึ่งไม่ได้มีแค่ไอริส เพราะจะจับไก้ถึงกลิ่นของดอกฮาวโทรน ที่ให้ความหวานกำลังดีเสริมเข้ามาด้วย กลิ่นเลยจะได้ความหวานน้ำผึ้งปนกลิ่นดอกไม้เจือๆ ที่มีความหวานเรื่อยๆ กำลังดี กลิ่นจะค่อนทางแห้งๆ ไม่ได้ไปสายฉ่ำนัก เพราะอิทธิพลของกลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ ที่เป็นตัวเอกตัวที่ 2 ที่เริ่มแทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ จนเมื่อชัดเจนมากขึ้นก็จะตรงตามชื่อรุ่นที่ว่าด้วยการเป็นน้ำผึ้งและไม้หอมกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ติดโทนออกทาง Smoky เจือ Incense อยู่พอสมควร ทำให้จะได้อารมณ์น้ำผึ้งหอมหวานดอกไม้อ่อนๆ เจือกลิ่นไม้หอมติดธูปที่กลิ่นจะสลับคลอกันไปมาอย่างน่าสนใจมาก เพราะบางครั้งจะได้โทนน้ำผึ้งติดแห้งเจือดอกไม้วูบขึ้นมา บางทีก็ได้กลิ่นออกทางคล้ายธูปไม้กลิ่นน้ำผึ้ง และบางทีได้กลิ่นติดรังผึ้งมีความ Animalic สาปบางๆ ปนหวานเจืออึนไขผึ้ง ซึ่งกลิ่นจะมีความน่าค้นหามากเลยทีเดียวกับโทนกลิ่นที่เหมือนจะไม่ได้อะไร สื่อตรงถึงน้ำผึ้งและไม้หอมก็จริง แต่มีความไม่ธรรมดาอยู่ในนั้นให้สัมผัสได้ตลอด ซึ่งกลิ่นจะเริ่มแห้งลงเรื่อยๆ ด้วยก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นน้ำผึ้งที่ติดสาปปนไม้แห้งติดธูปที่จะคลอผิวไปเรื่อยๆ ค่อนไปทางโทนแป้งหน่อยๆ ที่ให้ความกรุยกรายปนเย้ายวนน่าค้นหาติดปลุกเร้าอ่อนๆ แต่ไม่ได้ถึงกับเข้าโทน Dirty ชัดเจน เพราะกลิ่นยังคงคุมโทนสว่างมีระดับในเนื้อกลิ่นอยู่นั่นเอง

เหมาะสำหรับ กลิ่นลงเอาไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นโดยภาพรวมจะค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าราวๆ 70-75% ได้เลยเพราะโทนหวานน้ำผึ้ง แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้อยู่ เพราะกลิ่นไม่ได้ถึงกับหวานฉ่ำชุ่มจนดูสาวแต่ประการใด ออกทางน่าค้นหาแบบที่ไม่เหมือนใครเสียด้วย ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์หน่อย เพราะกลิ่นมีพลัง ไม่ได้ดูง่ายนักและมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะใส่แบบทั่วๆ ไป หรือว่าจะค่อนไปยามทางการก็พอได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย เดี๋ยวหวานจุกเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นเหมาะกับการใส่เพื่อออกงานมาก เพราะมันมีคอารมณ์กรุยกรายมีระดับปนเย้ายวนแฝงพอสมควร หรือถ้าจะใส่ไปท่องราตรีแบบหรูๆ ก็ได้อยู่

ความทน อันนี้ดีงามเลย เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ไม่หนีไปไหน และมากกว่านั้นได้อีกด้วย 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าอาจจะอึ้งๆ กันหน่อย เพราะความหวานชัดเต็มและมีความดิบตามธรรมชาติ แล้วกลิ่นจะลดลงมาที่กระจายปานกลางไปเรื่อยๆ คงตัวเสถียรดีมาก พอพ้นไปซัก 6 ชม. ถึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป

สรุป หนึ่งในกลิ่นน้ำผึ้งที่ไม่ธรรมดาและนำเสนอออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับการสร้างกลิ่นความดิบแบบกำลังดีตามธรรมชาติในความเป็นน้ำผึ้ง โดยมีกลิ่นไม้หอมแห้งๆ เจือโทนธูปที่อวลกำลังดีสร้างออร่าความน่าค้นหา เสียดายจริงที่กลายเป็น Exclusive ที่หาไม่ได้ง่ายไปเสียแล้ว



หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.sergelutens.com/us/miel-de-bois-75ml.html

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Serge Lutens - Santal Majuscule

Serge Lutens - Santal Majuscule 

เมื่อเห็นคำโปรยถึงน้ำหอมกลิ่นอายสายไม้จันทน์หอม (Sandalwood) ของ Serge Lutens อย่าง Santal Majuscule ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2012 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ 3 ที่สื่อสารกลิ่นถึงความเป็นไม้จันทน์หอมถัดจาก Sandal de Mysore (1991) และ Santal Blanc (2001) ที่ต่างมีความงดงามในการเป็นงานศิลปะทางกลิ่น ก็ถูกขยับขึ้นไปในไลน์ที่สูงกว่าอย่าง Palais-Royal Collection กับขวดทร Bell Jar ระฆังคว่ำไปแล้วในปัจจุบัน ซึ่งในตัวที่ 3 นี้ จะวางตัวการเป็นกลิ่นไม้จันทน์หอมในลักษณะไหน ก็บอกเล่าออกมาได้ในลักษณะนี้เลย

โทนกลิ่นหลักๆ ที่มีความชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบ นั่นคือกลิ่นอายแบบไม้จันทน์หอมที่เป็นตัวเอกหลักของน้ำหอมรุ่นนี้ เพียงแต่จะมีความโปร่งเจือพอสมควรและไม่ได้ออกทางแน่นมาเต็มนัก โดยจะมีลูกคู่ที่เป็นตัวสนับสนุนชั้นดีอย่างโกโก้ที่ให้ความเย้ายวนดึงดูดและกุหลาบที่สร้างออร่าความรื่นรมย์และโรแมนติคทางกลิ่นได้อย่างลงตัว ซึ่งช่วงเปิดจะเป็นกุหลาบที่ออกมาปูทางกลิ่นกันก่อน ซึ่งกลิ่นจะมาแบบกลิ่นกุหลาบหอมกลางๆ กำลังดี ไม่ได้ออกทางเปรี้ยว Lemony หรืออกทางแยมไซรัป หรือคลาสสิคแบบแป้งจ๋าๆ เกินไป แต่จะมีความหวานปนโรแมนติคแบบกลิ่นอายระเรื่อยามดมกุหลาบจากช่อกุหลาบกันพอสมควร ที่สำคัญจะมีกลิ่นอายติดโทน Citrus บางๆ และเครื่องเทศอ่อนๆ ที่อบอุ่นบางๆ คล้ายกลิ่นอบเชยเสริมอยู่ด้วย แต่มิติที่ซ้อนลงไปต่อเนื่องคือกลิ่นอายของไม้จันทน์หอมที่ให้ความครีมมี่ติดจืดหอมไม้กำลังดีรองพื้นอยู่ ทำให้ช่วงต้นจะได้โทนออกทางสีแดงครีมกำลังดี สร้างความโรแมนติคกันตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว 

พอเข้าช่วงกลางโทนกุหลาบจะยังคงอยู่ แต่กลิ่นจะมีเลเยอร์ของโทนไม้หอมซ้อนกันระหว่างความโปร่งจากกลิ่นอายคล้ายสารหอมที่ให้กลิ่นคล้ายไม้ซีดาร์สะอาดๆ อย่าง ISO E Super ติดกลิ่นกุหลาบระเรื่อๆ ที่ให้ความรื่นรมย์ และกลิ่นอายไม้หอมครีมมี่ติด Milky หน่อยๆ มีความทึบพอประมาณของไม้จันทน์หอมเองที่มีกลิ่นอายของโกโก้ที่ไม่ได้มาแบบติดดาร์กเลย กลิ่นออกทางน่ารักหอมคล้ายผงชอคโกแลตผสมนมแต่มาแบบโทนแห้งๆ คลอไปด้วยกลิ่นหวานแบบไซรัปสมุนไพรเบาๆ เจืออยู่ กลิ่นเลยจะมีโทนที่ไล่เรียงกันจากกุหลาบสู่กลิ่นโกโก้นมหอมนวลปนหวานออกทางไซรับติดสมุนไพรอ่อนๆ คลอๆ และปิดท้ายด้วยครีมมี่ติดจืดไม้หอมของจันทน์หอมที่เป็นการผสมผสานกันเป็นอย่างดีมากเลยทีเดียว สร้างโทนที่สว่างเจือครีมค่อนไปทางน้ำตาลอ่อนๆ มีความเย้ายวนดึงดูดที่โรแมนติคกำลังดีไปเรื่อยๆ จนส่งต่อให้ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กุหลาบจะจางไป ยกให้โทนไม้จันทน์หอมเด่นเต็มตัว ซึ่งกลิ่นจะมีความแห้งมากขึ้นแต่ยังมีความนวลๆ ระเรื่อๆอยู่ ที่สำคัญมีลักษณะโทนกลิ่นแบบ Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดคลอไปกับกลิ่นแป้งโกโก้ปนนมหอมหวานอ่อนๆ นุ่มๆ ที่ตามมาจากช่วงกลางแบบบางๆ โทนกลิ่นเลยจะได้อารมณ์หอมนุ่มสะอาดเจือครีมมี่ไม้หอมที่มีความหวานนวลแทรกบางๆ ในเนื้อกลิ่นที่สร้างความรื่นรมย์และมีระดับกำลังดี ติดโทนมินิมัลน้อยแต่มากคลอผิวไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย อาจจะมีบางความรู้สึกที่เป็นโทนน้ำหอมผู้หญิงบ้างนิดหน่อยเพราะกลิ่นกุหลาบ แต่ไม่ได้สาวจ๋าอะไรเลย ออกแนวโรแมนติคเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นอาจจะมีความอวลทึบอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงเกินไป จะมีก็แต่การใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายที่ให้ตัดออกไปน่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนแบบออกงานหรือโรแมนติค เข้าทางไม่น้อยเลย หรือจะใส่ไปท่องราตรีแบบหรูๆ ให้ความรู้สึกที่มีระดับและไม่โฉ่งฉ่างก็สามารถ 

ความทน - ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนดีงามมากกับราวๆ 10 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวบอกเลย 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ตลอด ของเขาดีตรงนี้จริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเรื่อยๆ เป็นกึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ก่อนวางตำแหน่งตัวเองเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป พอพ้นซัก 10 ชม. ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent 

สรุป - กลิ่นมีความมินิมัลที่เข้าถึงง่ายเกินคาด ยิ่งถ้าใครชอบไม้จันทน์หอมที่ระเรื่อแบบสมดุลย์กำลังดีเป็นตัวเดินกลิ่นหลักคลอไปกับกุหลาบ ตัวนี้ถือว่าเข้าที อาจจะไม่ได้ถึงกับเป็นโทนอินดี้สื่อสารถึงศิลปะ แต่ก็เอาอยู่และยกระดับคนใช้ให้ดูมีคลาสได้ไม่ยาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”


วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

Review: Serge Lutens - Vetiver Oriental

Serge Lutens - Vetiver Oriental 

ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง Collection ปกติแต่เป็น Limited Edition กับการ Exclusive ขวดทรง Bell Jar ขายเฉพาะที่ Paris กันมาอยู่ระยะหนึ่ง แต่เพราะเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีความดีงามสูงมากและได้รับคำชมอย่างมากมาย จนปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่กลับมาผลิตและวางจำหน่ายแบบยาวๆ ไปของ Serge Lutens แล้ว ซึ่งความเก๋ของรุ่นนี้ คือ การนำเอาหญ้าแฝกมาเจอกับชอคโกแลตได้อย่างงดงาม เช่นนั้นพลาดไม่ได้ที่จะเล่ากลิ่นต่อว่าเป็นอย่างไร กับรุ่นนี้เลย Vetiver Oriental 

หญ้าแฝก จะกลายเป็นตัวเด่นนำที่อยู่ยาวไปตั้งแต่ต้นยันจบ เพียงแต่อารมณ์กลิ่นจะมีมิติที่จับต้องได้และให้ความลุ่มลึกที่สร้างความรู้สึกที่เชื่อมต่อกันอย่างลงตัว โดยเริ่มจากการเป็นหญ้าแฝกที่ให้ความ Earthy ติดกลิ่นดินและรากไม้ Rooty แบบกำลังดี มีความเป็นไม้แห้งกึ่งชื้นหน่อยๆ ที่สมดุลย์โดยไม่ได้หนักไปทางใดทางหนึ่ง เสริมโทนด้วยกลิ่นของไอริสที่ให้ความเป็นแป้งติดอับอ่อนๆ บางเบา และกลิ่นมีความเขียวเจือแต่ไม่ได้ไปสายคมๆ ออกทางแห้งๆ เจือสดชื่นติดชื้นหน่อยๆ ให้พอสัมผัสได้ ซึ่งเป็นการสร้างความอะโรม่าแบบมีชั้นเชิงติดสมาร์ทปนขรึมพอสมควร และที่สำคัญสัมผัสความรู้สึกออกทางโทนดาร์กขมติดอวลลึกๆ น่าค้นหาที่แฝงเนียนรองพื้นอยู่ไปตลอดเสียด้วย จนเมื่อโทนกลิ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงกลาง โทนไอริสจะเริ่มเหลือเพียงบางเบา แต่หญ้าแฝกจะยังคงอยู่ให้ลักษณะโทนออกทาง Earthy ที่ออกดินหน่อยๆ รากไม้แบบแห้งๆ ที่ยังคุมโทนได้ดีมาจากช่วงต้น แต่จะเริ่มมีกลิ่นอายที่สร้างความลึกลับน่าค้นหาและมีความดาร์กขมอวลๆ เสริมขึ้นมาชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะมาจาก 2 โทนกลิ่นคือ โทนไม้หอมที่ติดดาร์กเจือหวานกึ่งกุหลาบปนไม้ไหม้ที่ออกทางนุ่มของไม้ Guaiac กับกลิ่นอายของดาร์กชอคโกแลตที่เสริมขึ้นมาสร้างออร่าความดาร์กติดขมปนลึกลับน่าค้นหาและมีความขรึมมีระดับ แฝงไปด้วยกลิ่นอายออกทางอบอุ่นติดครีมมี่นวลๆ ทำให้กลิ่นที่ได้จะเป็นการคลอกลั้วกันไประหว่างความเป็นหญ้าแฝก ไม้หอมและดาร์กชอคโกแลตที่งดงามมาก มีความนุ่ม ลุ่มลึก ดาร์ก ขรึม น่าค้นหา ดึงดูด มีระดับ และสมาร์ทกันอย่างชัดเจนสมกับชื่อรุ่นว่า Vetiver Oriental ที่แต่ละโทนส่งเสริมกันและกันอย่างดีงามมาก 

เมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควร ความนุ่มติดครีมมี่เบาๆ + ความอวลลึกติดอบอุ่นที่มาสายสนับสนุนแฝงในเนื้อกลิ่นก็จะเริ่มมีมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งโทนกลิ่นของหญ้าแฝกและดาร์กชอคโกแลตจะลดทอนลงมาให้ออร่าความดาร์กแบบติดนุ่มนวลและหรูหรามีระดับในทีไปตลอด ซึ่งช่วงนี้จะจับต้องได้ถึงกลิ่นโทน Musk ที่ให้ความนุ่มนวลปนสะอาดเนียนอยู่กับเนื้อกลิ่น และมีความอบอุ่นปนครีมมี่นวลที่มีมากขึ้นจากไม้จันทน์หอมและโทนกลิ่นของแอมเบอร์แบบกำลังดี ทำให้ช่วงนี้จะเป็นโทนกลิ่นลักษณะออกทางดาร์กนุ่ม มีความเป็นโทนสีออกทางสีดินปนดาร์กชอคโกแลตที่มีกลิ่นสะอาดๆ เจือไม้หอมแห้งๆ เข้าทางหญ้าแฝกที่ให้ความอะโรม่าติดลุ่มลึกน่าค้นหากึ่งสมาร์ทไปเรื่อยๆ โดยยังคุมโทนการเป็นกลิ่นอายที่เป็นสายดาร์กแต่สวยงามทางกลิ่นได้อย่างดีไม่มีผิดเพี้ยน 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงเอาไว้ว่าเป็น Unisex แต่เอาเข้าจริง กลิ่นนี้ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าราวๆ 70% ได้ ซึ่งถ้าผู้หญิงจะใส่เอาจริงๆ ก็ได้อยู่ เพียงแต่อาจจะต้องมาในลุคแนวๆ สายเท่ห์แทน โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปแบบลุคแนวสมาร์ท เสริมความน่าค้นหา ขรึม และออร่าความดาร์กอย่างมีชั้นเชิง รวมถึงยามค่ำคืนที่อาจจะใส่ออกงาน หรือท่องราตรีแนวๆ จิบแบบ Cool มีระดับก็เข้าท่าไม่น้อย แต่กลิ่นนี้จะไม่เข้ากับการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายเลย เสียดายน้ำหอมที่จะไปกับเหงื่อหมด

ความทน - ดีงามเลยทีเดียวกับราว 10 ชม. อาจจะมีมากหรือน้อยกว่า ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไป 12 ชม. ได้สบายมากกับการใช้งานเพีย5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และค่อนข้างคงความเสถียรในการกระจายที่ดีแบบยาวไป ซึ่งพอผ่านไปซัก 2 ชม. ถึงลดลงมากระจายปานกลาง และผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป ซึ่งเมื่อพอเข้าชั่วโมงที่ 10 ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

สรุป - นี่คือหนึ่งในผลงาน Masterpiece ของ Serge Lutens ที่สร้างสรรค์กลิ่นหญ้าแฝกกับดาร์กชอคโกแลตได้อย่างลึกลับ น่าค้นหา และดึงดูดอย่างสวยงามทางกลิ่นมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/Serge-Lutens/Vetiver-Oriental-469.html &https://www.harrods.com/en-gbd/serge-lutens/vetiver-oriental-eau-de-parfum-p000000000005929718?bcid=1468398303906

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - Un Bois Vanille


Serge Lutens - Un Bois Vanille 

จากที่ผ่านการใช้งานและเล่ากลิ่นน้ำหอมของ Serge Lutens มา พอย้อนกลับไปดูก็เห็นว่ายังไม่เคยแตะความเป็นวานิลลาของแบรนดนี้เลยว่าเป็นลักษณะไหน เช่นนั้นก็ได้เวลาที่จะเอามาถ่ายทอดกันหน่อยว่าจะมีความแตกต่างหรือว่ามีความเป็นงานอาร์ตแบบที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง กับรุ่นนี้เลย Un Bois Vanille 

เปิดตัวให้รู้สึกๆได้เลยว่าเราเจอกลิ่นออกทางขนมของแบรนด์นี้แล้ว เพราะเนื้อกลิ่นที่ได้จะมีความเป็นโทนไม้หอมปนหวานโปร่งสไตล์ชะเอม เคล้ากลิ่นอายของกะทิหน่อยๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งแน่นอนความหวานยังไม่ใช่แค่นี้ เพราะกลิ่นอายเหมือนน้ำตาลเกร็ดไหม้ๆ หน่อยๆ มีความ Smoky แบบติดเขม่าเล็กๆ เจือจะผสมผสานอยู่ในเนื้อกลิ่นค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว ทำให้กลิ่นจะมีความหวานที่มีมิติซ้อนกันอยู่ 3 เลเยอร์ คือ หวานน้ำตาลไหม้ หวานไม้หอมโปร่ง และหวานครีมมี่อบอุ่น ให้ความรื่นรมย์แบบขนมหวานหอมกำลังดี ไม่ได้มากไปหรือน้อยไป และเพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ว่ามีกลิ่นวานิลลาค่อยๆ แทรกตัวมาแบบเรื่อยๆ แอบมีกลิ่นอายลักษณะคล้ายคัสตาร์ดวานิลลาให้พื้นฐานของกลิ่นมีความหวานอบอุ่นมากขึ้นแต่ไม่หนักเป็นตัวปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่วานิลลาหวานหอมปนกะทิจะเด่นชัดเจนได้อารมณ์ขนมกันพอสมควร แต่จะเริ่มมีกลิ่นอายติดโทนแป้งครีมมี่นุ่มนวลของถั่วตองก้าและอัลมอนด์มาเป็นตัวทำให้กลิ่นนวลละมุนมากขึ้น รวมถึงแบ่งภาคให้กลิ่นอายไม้หอมดันขึ้นมาตีคู่ได้อย่างลงตัวและยังคุมโทนความหวานโปร่งอยู่ตลอดจากกลิ่นอาย Smoky เคล้ากลิ่นชะเอมที่ทำให้กลิ่นมีความดาร์กไหม้ปนหวานหวานตัดทอนกับหวานนวลครีมอบอุ่น เรียกว่ากลิ่นในช่วงนี้เป็นการเจอกันที่ลงตัวในพื้นฐานความหวานสมกับชื่อรุ่น Un Bois Vanille เลยเพราะมีทั้ง 2 โทนให้จับต้องได้

กลิ่นจะเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็นโทนไม้หอมจะกลายเป็นตัวเด่นนำมากขึ้นมาหน่อย และสนับสนุนด้วยความเป็นวานิลลาติดโทนแป้งให้กลิ่นมีความนวลกำลังดีไปตลอด ความหวานลดทอนลงมาบ้างแต่ยังมีอยู่ เพียงแต่จะไม่แน่นหรือหนักแต่อย่างใดให้ความรื่มรมย์เคล้าความเป็นไม้หอมครีมนวลสไตล์ไม้จันทน์หอมและ Musk เบาๆ ที่ให้ความครีมนวลในกลิ่นสอดรับกับวานิลลาได้ลงตัวและยังคงมีความ Smoky อ่อนๆ ปนหวานโปร่งให้จับต้องได้อยู่เป็นมิติสนับสนุนให้กลิ่นไม่ทื่อเกินไปและมีความน่าค้นหาเย้ายวนกำลังดีเสียด้วย ซึ่งช่วงนี้เนื้อกลิ่นมีความนัวกำลังดีปนอบอุ่นที่ค่อนข้างชัดเจน และไม่ได้เป็นโทนออกทางขนมแบบที่คิดตั้งแต่ตอนแรก เพราะกลิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างเนียนๆ มาเป็นกลิ่นโทนไม้หอมวานิลลาที่อบอุ่นและอวลนัวแบบกำลังดีคลอเคลียผิวกายและเป็นออร่าละมุนๆ มีระดับได้ไม่ยาก 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ลงเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ถือว่าเข้าทางอยู่กับการใช้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป แต่เพราะกลิ่นออกทางหวานอาจจะทำให้รู้สึกไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายๆ ให้ความรู้สึกครีมนวลติดดาร์กเสริมบุคลิกได้อย่างลงตัวเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพียงแต่ให้จำกัดสเปรย์หน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวหวานอวลจนอึดอัดเอาได้กับอากาศบ้านเรา ให้ตัดการใช้เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งกับออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งการใส่เพื่ออกงาน เพื่อดินเนอร์ เพื่อท่องราตรีแบบติดหรูมีระดับ หรือเพื่อโรแมนติคติดน่าค้นหาก็ได้เลย จัดไป 

ความทน - ความดีงามชัดเจนอีกเรื่องก็เรื่องความทนนี้แหละที่ลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้สบายๆ ซึ่งถ้าอิงตามสภาพผิวค่าเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 8 ชม. ได้กำลังดี 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความหวานติดไหม้หอมแต่ไม่หนักได้ดีเกินคาด ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ดูเหมือนจะค่อนข้างเดินเป็นเส้นตรง แต่ซ่อนการเปลี่ยนแปลงโทนอย่างเนียนๆ มารู้ตัวอีกทีก็สามารถทำให้รู้สึกเอ๊ะ! ได้เลยว่ามันไม่ใช่แบบที่เราได้คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้ถึงกับใช้ยากจนเกินไป ถ้าชอบพื้นฐานกลิ่นที่ความหวานหอมตัวนี้เรียกว่าเข้าทางและตอบโจทย์ได้เลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – AllBeauty
: https://www.allbeauty.com/image/product/1/1600/1145970-serge-lutens-un-bois-vanille-eau-de-parfum-spray-50ml.jpg

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - La Fille de Berlin

Serge Lutens - La Fille de Berlin

เคยได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง Woman in Berlin มาเมื่อนานมาแล้วที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงนิรนามคนหนึ่ง ที่เล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองในการเอาตัวรอดท่ามกลางภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเยอรมันท่ามกลางวงล้อมของทหารรัสเซีย ซึ่งต้องอยู่ในภาวะที่ทั้งจำยอมและเอาตัวรอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกทาง ซึ่งภาพยนตร์ทำให้เราสะเทือนใจกับสิ่งที่เธอต้องพบเจอ แต่เธอก็ยังมีความสตรองมากพอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  

และเมื่อได้มีโอกาสอ่านข้อมูลต่างๆ น้ำหอมของ Serge Lutens อย่าง La Fille de Berlin (หญิงสาวจากเบอร์ลิน) ที่บอกเล่าเรื่องราวกลิ่นถึงความเป็นกุหลาบที่มีอารมณ์ในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะแข็งแกร่ง เย็นชา นิ่งสงบ สวยงาม และคาดไม่ถึง ซึ่งไม่ว่าจะแหล่งใดๆ ต่างก็เชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องที่ได้กล่าวไปตอนต้น คราวนี้ก็เลยได้เวลาที่จะพิสูจน์บ้างว่ากุหลาบงามขวดนี้จะเป็นในลักษณะใด ให้ความรู้สึกเดียวกับการเป็น Woman in Berlin หรือไม่

แรกสเปรย์เปิดตัวด้วยการเป็นกุหลาบที่ชัดเจนมาก แตะความเป็นกุหลาบไพล่ไปทางโทน Classic อยู่แบบกลางๆ ซึ่งไม่ได้มาแบบหนักหน่วงจัดๆ มากขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ออกทางกุหลาบแดงแห้งปล่อยพลังจัดเต็ม แต่มีความสดชื่นแซมอยู่ให้รู้สึกได้ถึงกุหลาบแดงแรกแย้มยามเช้าอากาศเย็นๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะที่ติดเขียวอยู่หน่อยๆ เลยได้ความเป็นธรรมชาติได้พอสมควรเลย นอกจากกุหลาบที่เป็นตัวหลักแล้ว ความเป็นโทน Fresh Spicy สไตล์พริกไทยที่เสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีความโปร่งสะอาดรองพื้่นสร้างความสมดุลย์ให้กลิ่นได้เป็นอย่างดีในการเปิดตัวความเป็นกุหลาบที่ได้ทั้งความคลาสสิคและความเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่สะกิดใจให้รู้สึกได้ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากอะไรคือ ความเยือกเย็นของกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนอ้อยอิ่งให้รับรู้ ซึ่งเป็นมิติกลิ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

จนเมื่อมีกลิ่นอายโทนติดแป้งโปร่งปนเขียวของไวโอเล็ตค่อยๆ เสริมขึ้นมาพร้อมกับความเยือกเย็นของกลิ่นที่ยังคงอยู่ และจับได้ชัดเจนว่าเป็นลักษณะของโทนเมทัลลิคหน่อยๆ แต่ไม่ได้ออกทางคมพุ่งหรือว่าปล่อยพลังนัก ซึ่งให้ความเป็นกุหลาบติดแป้งโปร่งเจอความเขียวปลายๆ กลิ่นให้รับรู้ได้ตลอด กลิ่นมีความสตรองแบบนิ่งๆ ไม่โฉ่งฉ่าง เพราะน่าจะโดนตัดทอนโดยโทนกลิ่นที่เริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้นเข้ามาแทรกซึมของโทนไม้หอมติดนวลอ่อนๆ ของไม้จันทน์หอม ที่พาเอากลิ่นอายของ Musk ที่ค่อนข้างมีความดิบสไตล์ Animalic Musk มาด้วย แต่ยังไม่มาก ทำให้กลิ่นช่วงนี้ได้ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงต้นอย่างมีนัยยะสำคัญพอสมควร จากความเยือกเย็นสู่ความสตรองในด้านอารมณ์กลิ่นของกุหลาบที่ไม่ได้ไปสายใสๆ หรือว่าสายดาร์กเกินไป มีความนวลปนอุ่นรองพื้นเอาไว้ และมีทิศทางเป็นของตัวเองที่ชัดเจนคุมโทนระหว่างความคลาสสิคและความเป็นโทนร่วมสมัยได้อยู่ แล้วกลิ่น Animalic Musk จะเริ่มมีบทบาทชัดขึ้นตามลำดับปูทางเข้าความเป็นกุหลาบที่มีความสตรองมากขึ้นในเลเยอร์ของกลิ่นช่วงถัดไป 

ช่วงท้ายกลิ่นอายของ Musk จะรวมตัวกับกลิ่นโทนอบอุ่นแนวไม้หอมสไตล์คล้ายโทนแอมเบอร์ที่ติดดิบหน่อยๆ ซึ่งทำให้ช่วงนี้มีความชัดเจนมากพอสมควรเลยทีเดียวกับการปลดปล่อยโทน Animalic ออกมาเป็นตัวรองพื้น กลิ่นค่อนข้างจะมีลักษณะที่สตรองเป็นออร่าออกมาให้ความห่ามติดสาปปลุกเร้า โดยที่มีกุหลาบปนเขียวปลายเจือแป้งนวลบางๆ เคล้ากลิ่นอายแบบคล้ายพิมเสนให้ความรู้สึกหวานปลายกลิ่นฉาบซ้อนเอาไว้ ผสมผสานกันทำให้ได้ลักษณะที่มีหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะอัดอั้นเก็บกด มีพลังทางเพศ ปลุกเร้า สตรอง กร้าว เคร่งขรึม โดยที่ยังมีความนิ่งของกลิ่นที่คุมโทนเอาไว้อยู่อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นเริ่มแตะความเป็นลักษณะเรโทรมากกว่าร่วมสมัย โดยที่ไม่ได้กรุยกรายหรือหรูหราแบบคุณหญิงคุณนายจัดๆ แต่มีความเป็นกุหลาบที่มาสายจริงจังและแข็งกร้าวเสียมาก ซึ่งเมื่อมาถึงกลิ่นในช่วงนี้ ภาพที่เห็นจากกลิ่นจึงเริ่มไปในทิศทางเดียวกันกับภาพยนตร์ที่เคยได้ชมตามที่กล่าวไปข้างต้น คือ

ผู้หญิงคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นกุหลาบที่แบ่งบานในช่วงเวลาที่เลวร้าย แต่ต้องยืนหยัดเพื่อเอาตัวรอดแม้ว่าต้องสูญเสียอะไรไปพอสมควรในชีวิต แต่เธอก็สตรองผ่านมันไปได้และทิ้งรอยทางความงามในทิศทางที่เธอเป็นให้เราได้จดจำ

นี่แหละหญิงสาวจากเบอร์ลินที่สื่อสารออกมาเป็นน้ำหอมขวดนี้       

เหมาะสำหรับ - แม้ว่ากุหลาบจะบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง แต่กลิ่นนี้ก็มีความเป็น Unisex อยู่พอสมควรที่ผู้ชายสามารถใส่ได้ เพราะกลิ่นไม่ได้ชี้ทิศทางไปทางกรุยกรายแต่อย่างใด ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพื่อให้กลิ่นพอเหมาะกำลังดีกับอากาศบ้านเรา ไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วๆ ไป ยิ่งถ้าอากาศเย็นๆ สบายๆ ไม่ร้อนจัดจะลงตัวมาก แต่ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือออกแดดจะดีที่สุดกลิ่นไม่เข้าทางทุกกรณี ส่วนการใส่ยามค่ำคืนอันนี้ถือว่าลงตัว มีเสน่ห์แบบเย็นชาแต่น่าค้นหาได้อยู่ เพียงแต่ว่ากลิ่นจะไม่ได้เข้าทางกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นโยกหน้าเด้งหลังหรือเมารั่วก็เท่านั้นเอง

ความทน - อันนี้ยกนิ้วให้ กลิ่นทนดีงามจริงๆ กับราวๆ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ กับการใช้ 5 สเปรย์มาตลอด ซึ่งถ้ามองที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นก็ราวๆ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้อิงเคมีผิวกายของผู้ใช้เลย เพราะอาจจะได้รับกลิ่นที่แตกต่างกันไปในพื้นฐานของการเป็นกุหลาบและ Animalic Musk โดยที่ไม่มีโทนตะวันออกกลางหรือ Oud ใดๆ มาเกี่ยวข้อง (เพราะถ้าเกี่ยวเมื่อไหร่มีหรือที่แบรนด์จะไม่เอาลงเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากแถบนั้น) ซึ่งจากการใช้งานกลิ่นนี้มาไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง เพื่อซึมซับทุกสิ่งอย่างที่กลิ่นจะบอกความรู้สึกออกมา ก็ขอบอกได้เลยว่า

นี่แหละหนึ่งในงานศิลปะอันยอดเยี่ยมผ่านกลิ่นที่สามารถสร้างความแตกต่างจากการรับรู้ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคลจาก Serge Lutens”

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางาหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ


วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - Ambre Sultan

Serge Lutens - Ambre Sultan 

Ambre Sultan เห็นรุ่นนี้ของ Serge Lutens ครั้งแรก ก็ผลัดวันประกันพรุ่งในใจก่อนเลย เพราะเป็นช่วงที่เจอน้ำหอมกลิ่นอาหรับค่อนข้างมาก ไว้มีโอกาสค่อยว่ากัน จนเมื่อเริ่มพัฒนาการดมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้เวลาหันกลับมาดูฤกษ์ดูยามเตรียมพร้อมมาทดลองและเทสกลิ่นนี้ว่าจะออกมาในลักษณะไหน และผลที่ออกมาคือ 

ความคาดคะเนต่างๆ ในหัวว่ามันจะแขกจ๋า หรือมาเต็มแน่นอวล โดนลบออกไปจากสารบบในพริบตาเดียว เพราะสิ่งที่ Ambre Sultan ให้มากับกลายเป็นกลิ่นอายสไตล์แอมเบอร์ที่ไม่ได้ออกไปทางอบอวลเผ็ดร้อนรุมๆ แต่กลายเป็นแอมเบอร์ที่ลุ่มลึกแบ่งสมดุลย์กันเป็นอย่างดีสำหรับโทนที่เป็นสายสนับสนุนทั้งหมดได้ลงตัว โดยกลิ่นอายจะมาในสไตล์ของการเป็นยางไม้เรซินสาย Labdanum เสียมากกว่า (กลิ่นอายของยางไม้ Labdanum จะมีลักษณะที่มีความเป็นแอมเบอร์ติดโทนหนังที่ลึก กลิ่นมีพลังและติดอวลอุ่นกำลังดี มีความหวานเจือในเนื้อกลิ่น ไม่ได้อ้อยอิ่งบางเบาแบบมีปีกแต่อย่างใด) ซึ่งความเป็น Labdanum จะเป็นตัวหลักเลยที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันปลายกลิ่นในลักษณะของการเป็น Center Note แบบยาวไป ซึ่งในช่วงต้น Labdanum มาแบบลึกแน่นชัดเจนก็จริง แต่ก็จะมีการแบ่งซีนให้กลิ่นอายโทนสมุนไพรเครื่องเทศแบบแห้งๆ ของออริกาโน่ (ที่ไว้โรยหน้าพิซซ่าให้กลิ่นหอมๆ) กับกลิ่นใบเบย์ (ที่ให้กลิ่นคล้ายใบกระวาน คือ เขียวสมุนไพรติดเครื่องเทศปร่าๆ นวล ซึ่งตัวนี้แหละทำให้กลิ่นนี้มีความเป็น Unisex ค่อนไปทางผู้ชาย) รวมถึงกลิ่นอายโทนยางไม้ที่ให้ความหวาน ทำให้กลิ่นในช่วงต้นจะมาเต็มและชัดเจน เพียงแต่จะสัมผัสได้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ไปสายแอมเบอร์แบบจ๋าๆ อวลๆ มันเข้าไป มีมิติความโปร่งซ่าๆ หอมสมุนไพรแห้งปนความหวานของกลิ่นอายยางไม้ที่ลงตัวมาก 

เพียงไม่นานกลิ่นอายของพิมเสนจะแทรกเข้ามาไวมากพร้อมกับกลิ่นอายโทนสมุนไพรที่เริ่มจะเป็นฝ่ายรุกไล่มาครองพื้นที่แบบ On Top ในช่วงกลาง ซึ่งความหอมติดสมุนไพรเข้าโทนทางยาแห้งๆ เจือหวานโปร่งของพิมเสนจะชัดในระดับหนึ่ง ตัดทอนความหวานที่น่าจะทึบของโทนยางไม้ให้มีความโปร่งมากขึ้นไม่พอ ยังมีตัวช่วยสำคัญคือ กลิ่นอายสมุนไพรที่ออกมาเผ็ดปร่าที่มาแบบสมดุลย์กำลังดี ผสมผสานกันออกมากลายเป็นกลิ่นอายเครื่องเทศปนกลิ่นออกทางยาสมุนไพรแห้งๆ ปนหวานที่สมดุลย์ หอมนวลปนปร่าอย่างมีมิติ บนพื้นฐานของกลิ่นอายโทนยางไม้สไตล์แอมเบอร์จาก Labdanum อุ่นเจือหวานกำลังดี มีความดิบแห้ง ไม่ได้ประดิษฐ์ออกมาให้กลายเป็นกลิ่นแอมเบอร์แบบจงใจและดูทั่วๆ ไป มีความลุ่มลึกตามโทนที่ควรจะเป็นได้น่าสนใจและมีเสน่ห์มาก ส่งต่อไปยังช่วงท้ายของน้ำหอม ที่คราวนี้ชัดเจนว่ากลิ่นอายของแอมเบอร์ที่มาในลักษณะติดทางวานิลลาจะเด่นขึ้นมากลิ่นจะไม่ได้หวานเกินไป มีความอุ่นกำลังดี นวลๆ ปนกลิ่นไม้หอมและมีกลิ่นยางไม้หวานๆ แบบสไตล์กำยานที่มีโทนหอมวานิลลาสอดรับเข้ามาพอดี ทั้งยังเจือความเป็นพิมเสนปนหวานโปร่งสมุนไพรแห้งบางๆ ที่ยังตามมาเสีัยด้วย ซึ่งถือว่ากลิ่นมีมิติให้จับต้องได้หลากหลายในพื้นฐานของการเป็นโทนแอมเบอร์ที่ไม่ได้มาแบบขนบนิยม แต่ยังคง Concept ที่ชัดเจนแบบฉบับที่เป็นแอมเบอร์ที่มีอะไรในตัวให้ความรู้สึกแบบแห้งๆ ที่ลงตัวและลุ่มลึกมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ตราเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ตรงตัวเลยทีเดียว แอบค่อนไปทางแมนๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าตอบโจทย์ทุกเพศในการใช้งานอยู่ดี ซึ่งอาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนแอมเบอร์หรือกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรเด่นๆ มาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ดีมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำกัดสเปรย์ เพราะกลิ่นโทนอุ่นเครื่องเทศเจออากาศร้อนๆ บ้านเรา สามารถทำเอาตึ้บได้ ซึ่งถ้าพอดีๆ จะกลิ่นงามมาก โดยใส่ได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป ตัดการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานลงตัว ใส่ท่องราตรีก็ได้ให้มาดที่ลุ่มลึกน่าค้นหามีความเซ็กซี่เย้ายวนในกลิ่นกำลังดี ดึงดูดกำลังงามได้เลย 

ความทน - อยู่ราวๆ 8 ชม. กำลังดี ซึ่งมีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ กลิ่นนี้อิงเคมีกับผู้ใช้ด้วย โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. เกินคาดไปมากเลยทีเดียว 

การกระจาย - เปิดตัวกระจายดีงามมาก เรียกว่าความชัดทุกช่วงตัวมาเต็ม แต่จะลดลงมาที่กระจายปานกลางต่อมาแล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย เมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. จะค่อยๆ ลงมาเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ยอม กลิ่นดีจริง จากที่คิดว่าก็น่าจะมีความอาร์ตแบบ Serge Lutens และเพราะไม่ใช่สายแอมเบอร์นัก แต่พอเจอตัวนี้หลงเสน่ห์ไปเลย 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.escentual.com/serge-lutens/sergelutens46/

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - Fleurs de Citronnier

Serge Lutens - Fleurs de Citronnier

Fleurs de Citronnier เป็นภาษาฝรั่งเศสที่ใช้เรียก “ดอกเลมอนซึ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะเป็น Lemon Blossom ที่กลิ่นจะคล้ายดอกส้มแต่จะสดชื่นกว่า ออกทางหอมลอยตามลมอ่อนๆ และมีความเปรี้ยวซ่าๆ กว่าหน่อย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นในโทนดอกไม้ขาวที่มีเสน่ห์และสดชื่นมากเลยทีเดียว ที่สำคัญน้ำหอมที่ชูโรงกลิ่นนี้เด่นๆ แม้ว่าจะมีพอสมควร แต่กลิ่นมักจะมาประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ก็โดนกลบไปพอตัว ซึ่งจะหากลิ่นนี้ชัดๆ ในน้ำหอมเองก็ไม่ได้ง่ายนัก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี เพราะ Serge Lutens ก็มีน้ำหอมที่สื่อสารชัดเจนทั้งชื่อรุ่นและกลิ่นอายตามลักษณะของดอกเลมอนเสียด้วย เช่นนั้นมาเล่ากลิ่นกันซักหน่อยว่าออกมาในลักษณะไหน 

Fleurs de Citronnier เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ Serge Lutens ทำออกมาได้มีมิติของความน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่น ได้ชัดเจนมาก กลิ่นมาสาย Less is More แบบที่ไม่ต้องพยายาม ด้วยการดึงโทนความเป็นธรรมชาติของกลิ่นอายดอกเลมอนในสวนที่ลอยมาตามลมให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย แต่รองพื้นไว้ด้วยความเรียบหรูหอมหวานนุ่มนวล และมีมิติกลิ่นของความเป็นสาปปลุกเร้า Animalic ที่แทรกซึมอยู่ข้างใน โดยช่วงเปิดคือช่วงที่ปล่อยความรู้สึกสดชื่นกับกลิ่นอายดอกไม้หอมสดชื่นติดเขียว มีความเป็น Citrus ที่นุ่มนวลตามสไตล์ของการเป็นดอกเลมอนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายติดซ่าเล็กๆ มีความเป็นธรรมชาติและมีความสว่างไสวอารมณ์คล้ายยืนอยู่ใกล้ๆ สวนเลมอนที่มีกลิ่นดอก กิ่งก้านและต้นลอยมาตามลมที่ได้ความรู้สึกน้อยแต่มากชัดเจน แล้วเพียงไม่นานความหวานออกทางครีมมี่จะเริ่มเข้ามา ซึ่งกลิ่นของน้ำผึ้งจะมาก่อนเลย หวานแบบบใสๆ เคล้าความนวลของซ่อนกลิ่นที่ให้ความครีมมี่หอมหวานได้ความเป็นดอกไม้ขาวนวลขึ้นสว่างขึ้นมาอีกสเต็ป โดยที่กลิ่นของดอกเลมอนจะมีความเป็นดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ (Neroli) ให้ความสดชิื่นติดเขียวสะอาOn Top อยู่ด้านบน เลยจะได้โทนกลิ่นที่เป็นลักษณะกึ่งดอกส้มกึ่งดอกเลมอนกำลังดี ความธรรมชาติของกลิ่นยังอยู่ครบ เพิ่มที่ความหวานนวลหอมละมุนใสๆ ติดครีมปนเข้ามา ได้ความรู้สึกเรียบก็จริงแต่มีความโก้หวานใสมาเสริมประมาณนั้น ซึ่งกลิ่นจะคงตัวไปในลักษณะนี้จนเมื่อมีกลิ่นโทน Musk ที่มีโทนติดสาปปลุกเร้าดิบตามธรรมชาติหน่อยๆ เสริมเข้ามา สัญญาณก็ชัดเจนว่าเข้าสู่ช่วงท้ายแล้วที่กลิ่นจะเริ่มอบอุ่นมากขึ้น โดยที่ยังมีกลิ่นครีมมี่ปนน้ำผึ้งหวานหอมสว่างโทนครีมนวลขาวบยังคงตามมาอยู่ และความ Animalic จะเริ่มชัดมากขึ้นจากการที่น้ำผึ้งกับ Musk มาเจอกัน เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ถึงกับติดสาปจ๋ามากเกินไป มีลักษณะออกทางสบู่หน่อยๆ ติดแป้งที่โปร่ง Airy นิดๆ โดยยังมีความสะอาดติดเขียวเจือบางมากๆ จากดอกเลมอนและดอกส้ม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ยังคุมโทนความหวานครีมติดสดชื่นบางๆ ได้ดี มีความไฮแฟชึ่นแบบ Less is More แฝงด้วยความเซ็กซี่ปลุกเร้าในความเป็นธรรมชาติได้ลงตัวและมีความซับซ้อนเบาๆ ให้รู้สึกได้ตามสไตล์งานอาร์ตของ Serge Lutens ที่ต้องมีอะไรให้เห็นมิติของกลิ่นที่มีระดับเสมอ 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ระบุเอาไว้ว่า Unisex แต่กลิ่นไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ยังไงก็ใช้ได้ทุกเพศสบายๆ ถ้าผู้ชายคนไหนชอบโทนดอกไม้ขาวจัดไปใช้ได้แน่นอน โดยสามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วไป กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติเลยเข้าถึงง่ายเรียบหรู แต่จะไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายเพราะเดี๋ยวพอโทนหวานมาจะอึ้งกิมกี่ไปเสียก่อนว่าพลาด ส่วนยามค่ำคืนใส่แบบเพื่อผ่อนคลายหอมสบายๆ ติดหวานนวลก็รื่นรมย์ดีไม่หยอก ใส่ออกงานกลางคืนก็พอได้ แต่ไม่เข้าทางอย่างแรงกับใส่ไปท่องราตรีแน่ๆ โดนกลบมิดจ้าาาา

ความทน - กลิ่นทนลงตัวมากราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ รวมถึงสภาพผิวที่อาจจะทำให้ความทนมีบวกลบบ้าง ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กำลังดีเลยกับ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent กำลังดีที่มีกลิ่นเรื่อๆ ตีขึ้นจมูกยามขยับเนื้อตัว

ทิ้งท้าย - เท่าที่พอรู้มาเหมือนกลิ่นนี้ได้อัพเกรดเป็นเป็นขวดทรงระฆังคว่ำ Bell Jar ที่ถือว่าเป็น Exclusive ขายเฉพาะที่ไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าเอากลับมาเป็นขว50 ml หรือ 100 ml หรือไม่เช่นนั้นใครหามาครอบครองได้ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะหากลิ่นทำนองนี้ไม่ได้ง่ายๆ ด้วยนะนั่น 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Auparfum
- http://www.auparfum.com/fleurs-de-citronnier-serge-lutens-0159