แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Pierre Balmain แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Pierre Balmain แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Pierre Balmain – Balmain Homme


Pierre Balmain – Balmain Homme

ถ้าพูดถึง Pierre Balmain แฟชั่นแบรนด์นี้ไม่เป็นสองรองใครมาเสมอ แถมนานๆ ทีแบรนด์นี้จะออกน้ำหอมผู้ชายออกมาด้วยนะนั่น เช่นนั้นสบโอกาสได้จัดเต็มกับน้ำหอมผู้ชายรุ่นล่าสุด เลยต้องมาบอกเล่ากันเลยว่าเป็นอย่างไรกันบ้างกับ Balmain Homme 

Top Notes เรียกว่าน่าสนใจมากในแง่ของการถ่ายทอดกลิ่นของหญ้าฝรั่น (Saffron) ที่ขมอมหวาน พอมาเจอโทนซิตรัสเข้าไปกลิ่นจะออกสดชื่นแกมนัวๆ แกล้มด้วยกลิ่นลูกจันทน์เทศที่จับได้ถึงความเป็นเครื่องเทศติดโทนหวาน ตอนแรกนึกว่าจะมาแน่นๆ แต่เพราะกลิ่นโทนเขียวนวลโปร่งของใบไวโอเล็ตที่เริ่มเข้ามาเทคโอเวอร์เลยทำให้เข้าสู่ Middle Notes แบบนำพากันไปทั้งหมด โดยที่กลิ่นโทนซิตรัสจะบางลงไปให้โทนเขียวนวลๆ เด่นนำขึ้นมา แต่สิ่งที่ตีคู่มาด้วยคือกลิ่นโทนหนังที่มาแบบนุ่มๆ ไม่มีกลิ่นสาปดิบ เป็นเพราะความเขียวมันตัดโทนอย่างลงตัวด้วย สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ หญ้าฝรั่นที่ตามมาจากช่วงแรกจะมาเสริมกลิ่นหนังให้ออกโทนหวาน กลิ่นในช่วงนี้ถือว่าเป็นการเกลี่ยโทนกลิ่นได้ลงตัวมาจะได้ทั้งความเขียวนวลๆ ติดหวานกลั้วนุ่มนวลแบบแมนๆ กำลังดีเลย โดยจะเริ่มมีโทนครีมมี่นุ่มๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วง Base Notes ที่เปิดเผยเป็นโทนอบอุ่นของถั่วตองก้ากับความครีมมี่ที่มาผสมผสานกับกลิ่นโทนหวานนุ่มที่ยังตามมาอยู่ในช่วงนี้กลิ่นจะอบอุ่นนวลๆ ไปเรื่อยๆ โดยจะมีกลิ่นไม้หอมติดขรึม Smoky เบาๆ ของไม้ซีดาร์ประปรายให้มีความแมนในเนื้อกลิ่นอย่างชัดเจน ภาพรวมจึงเหมือนลักษณะกลิ่นอายผู้ชายเท่ห์ๆ ที่มีความอบอุ่นดึงดูดในตัว และมีความสบายๆ แมนๆ ตีคู่กันไปด้วยยามที่เห็นและได้กลิ่น 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาวิทยาลัยขึ้นไปสามารถจัดได้สบายๆ เพราะถือเป็นกลิ่นที่ Balmain เริ่มขยายเข้ามาสู่ในหลายๆ ช่วงวัยให้ครอบคลุมมากขึ้นแล้ว กลิ่นมีเอกลักษณ์มากพอที่จะสื่อถึงความมีสไตล์ของตัวเอง โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือไม่ทางการ ได้เกือบหมด แต่ขอยกเว้นใส่ไปออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน จัดตัวนี้ได้อยู่ เรียกว่าเป็นตัว Safe ที่ใส่ไปเที่ยวกลางคืน หรือออกงานก็ไม่ทำให้โดนกลบ แต่ต้องอัดสเปรย์เพิ่มหน่อยเท่านั้นเอง 

ความทน มาในความเป็น Balmain เช่นนั้นไม่มีคำว่าเสียชื่อกับความทนประมาณ 8 ชม. ซึ่งอาจจะบวกลบไปบ้างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวอบอุ่นในช่วงท้ายก่อนจะลดลงไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เป็นตัวเปิดทางเข้าสู่การใช้น้ำหอมโทนอบอุ่น มีติดเขียวหอมนวลดึงดูดแบบโปร่งๆ และมีโทนหนังนุ่มๆ ที่ใช้ได้ง่ายสไตล์เท่ห์ๆ ได้ดีเลยล่ะครับ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.sydneymensstyle.com/wp-content/uploads/2015/09/balmain.jpeg.png

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Pierre Balmain - Vent Vert

Pierre Balmain - Vent Vert

แบรนด์หรูหรามาเต็มเสมอ แถมมี Collection กับแบรนด์อื่นๆ ให้คนมาต่อแถวซื้อกันเสียด้วย ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในเมืองไทยบ้านเรา ซึ่งอันนี้แล้วแต่ตามสะดวก ผมมาที่น้ำหอมต่อดีกว่าหลังจากผ่านรุ่น Ambre Gris ไปแล้ว เราก็ยังไม่ได้เข้าไปเจอน้ำหอมผู้ชายของแบรนด์นี้ซะที เพราะยังมาหาน้ำหอมผู้หญิงกันต่อซึ่งครั้งนี้มาเจอกับรุ่นนี้เลย Vent Vert 

รุ่นนี้ออกมานานมากกกกกเลยตั้งแต่ปี 1947 เรียกว่าคงกระพันมาอย่างยาวนานมาก และเปลี่ยน Package มาเป็นในรูปแบบปัจจุบันซึ่งยังคงความหรูหราไม่มีผิดเพี้ยนตามสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งน้ำหอมสีเขียว Top Notes เลยกลายเป็นกลิ่นอายเขียวสะใจมาก เหมือนกำลังตัดหญ้าอยู่เลยจ้ะ กลิ่นเขียวของหญ้าฟุ้งกระจายขึ้นมากลั้วกับกลิ่นอายซิตรัสแบบสดชื่นหน่อยๆ รองอยู่ด้านหลัง แล้วจะตามมาด้วยกลิ่นติดหวานหน่อยๆ ของดอกส้มและพีช เรียกว่ากลิ่นเปิดให้อารมณ์แบบธรรมชาติมาก ราวกับเดินในทุ่งหญ้าและมีคนตัดหญ้ามาให้ได้กลิ่นเต็มๆ ซึ่งกลิ่นอายของช่วงต้นนี้จะตามไปที่ Middle Notes ที่โทนเขียวจะยังคงอยู่แต่จะมีโทนดอกไม้นานาพันธุ์มาเสริม โดยมีความเขียวที่นุ่มขึ้น เพราะดอกไฮยาซินท์จะมาแบบเขียวๆ คู่กับมิโมซ่า หรือดอกกระถินเด่นขึ้นมาก่อนที่จะรายล้อมด้วยกลิ่นอายดอกไม้หอมนวลๆ ของกุหลาบและมะลิ มีกลิ่นหวานๆ ติดเครื่องเทศจางๆ ให้รู้สึกได้ และกลิ่นอายเขียวๆ จะส่งต่อให้ช่วง Base Notes ดันให้กลิ่นของ Oakmoss เด่นขึ้นมาให้โทนแบบเขียวกำลังดี กลั้วกับกลิ่นโทนแป้งของ Musk และดอกไอริส มีความ Smoky บางๆ กลิ่นอายอบอุ่นเบาๆ กำลังดีไปตลอด คือ ภาพรวมเป็นกลิ่นที่เขียวตั้งแต่ต้นยันจบได้ไล่เรียงกันน่าดูชมเลยตั้งแต่เขียวสดชื่น เขียวนวลหวานเบาๆ และเขียวนุ่มอบอุ่น ครบเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ กลิ่นนี้เหมาะสำหรับสาวๆ ตรงที่เพราะมีโทนดอกไม้มาเด่นด้วยนี่แหละ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เข้าถึงง่ายไม่น้อย และมีความเป็นธรรมชาติสูงพอสมควร โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือชิลล์ๆ ได้หมด ครอบจักรวาลตอนกลางวันมากเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นไม่เข้าทางนัก เดี๋ยวเขาจะหาว่าตัดหญ้าก่อนมาเที่ยวผับเอาได้ ส่วนคุณผู้ชาย เอาจริงๆ ช่วงต้นของรุ่นนี้คือ Unisex ที่เหลือมันไม่ใช่นัก แต่ถ้าชอบกลิ่นโทนเขียวๆ และกลิ่นของหญ้าแบบตัดฟุ้งสดชื่นฉ่ำๆ ตัวนี้น่าลองเลยล่ะ 

ความทน กลิ่นทนอย่างลงตัวมากที่ประมาณ 6 – 8 ชม. โดยอิงจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น เรียกว่ากลิ่นหญ้าเขียวๆ ติดหวานหน่อยๆ สดชื่นมาแต่ไกล แต่พอเข้าช่วงกลางจะลดลงมาเป็นกระจายกลางๆ ก่อนปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ แล้วจางลงตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย ไม่แปลกใจว่าทำไมน้ำหอมกลิ่นนี้ถึงอยู่ยงคงกระพันมาได้ในทุกวันนี้เพราะกลิ่อนอายเขียวๆ สดชื่นแบบเป็นธรรมชาตินี่แหละ ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้ดูแก่ย้อนยุคแต่ประการใด ต้องปรบมือให้ Balmain เลยที่สร้างน้ำหอมกลิ่นสดชื่นแล้ว Timeless ได้มากขนาดนี้ 

Credit ภาพ - http://www.moncredo.pl/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/b/a/balmain-vent-vert-1.jpg

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

Review: Pierre Balmain – Ambre Gris


Pierre Balmain – Ambre Gris

หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่มากับความหรูหราจัดเต็ม ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องเสื้อผ้าตามสะดวก แต่น้ำหอมผมไม่พลาด และตั้งมั่นว่าจะต้องได้น้ำหอมผู้ชายมาลองซักหน่อย แต่สิ่งที่ได้คือน้ำหอมผู้หญิงจ้า เช่นนั้น เอาก็เอา จะเป็นยังไงมาพิสูจน์กลิ่นกันครับ กับ Ambre Gris 

ตอนเห็นชื่อรุ่นน้ำหอมครั้งแรก มั่นใจว่าคนเล่นน้ำหอมนับล้านคนต้องนึกถึง อำพันทองหรืออำพันปลาวาฬ (Ambergris) กันแน่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นของหายาก และราคาแพง รวมถึงทำให้กลิ่นหอมแบบล้ำลึกมากเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นหนึ่งในส่วนผสมของน้ำหอมรุ่นนี้เสียด้วย และเมื่อเปิดกลิ่น Top Notes ขึ้นมา ก็มากันเต็มเหนี่ยวเลยทีเดียวกับกลิ่นโทนเครื่องเทศที่จัดเต็มกับพริกไทยสีชมพูและอบเชย มีกลิ่นโทนยางไม้กำยานลอยคลุ้งไปตลอด ที่สำคัญสิ่งที่แฝงไปตลอดคือกลิ่นของอำพัน (Amber) ที่จะมีกลิ่นออกทางสาปหน่อยๆ กลิ่นมาทางเย้ายวนติดหวานชัดเจน ตรงๆ คือกลิ่นแม้จะเป็นโทนเครื่องเทศแต่ได้สัมผัสแบบกลิ่นโทน Animalic ปลุกเร้ากันเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะไปรวมตัวกับช่วง Middle Notes ที่ก่อให้เกิดความมีเสน่ห์มากกกกก กับโทนดอกไม้หวานๆ อ่อนๆ ที่พอรวมกันแล้วกลายเป็นกลิ่น Unisex ขึ้นมาทันที กลิ่นหอมหวานนุ่ม ซึ่งตอนนี้แหละที่อำพันปกติจะเด่นขึ้นมาทำให้เกิดความอบอุ่นกลั้วกับความหอมอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกมีภูมิมีมาดได้เป็นอย่างดี จนมาถึงช่วง Base Notes ที่งาน Musk ต้องมาตีคู่กับกลิ่นของอำพันทองทำให้กลายเป็นกลิ่นออกทางคล้ายผิวกายมนุษย์ ไม่พอกำยานยังตามมาอยู่คราวนี้รวมกันเป็นกลิ่นโทนอบอุ่นติดวู้ดดี้เย้ายวนกันเลยทีเดียว แต่ความเย้ายวนที่ว่าไม่ได้ออกมาแบบโจ่งแจ้ง แต่มาแบบแฝงภูมิดูนิ่งๆ มีเสน่ห์ทางกลิ่นจัดเต็มให้น่าสนใจเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – คุณผู้หญิงวัยทำงานขึ้นไป และอย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอมอะไรมาพอสมควรจะเข้าใจและหลงรักกลิ่นนี้ได้เลยทีเดียว ที่สำคัญผู้ชายใช้ได้สบายๆ เพราะมีความเป็น Unisex ในเนื้อกลิ่นสูงมากเลยล่ะครับ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันและยามกลางคืน ที่ถ้าเน้นงานทางการหน่อยจะเข้าทางมาก หรือการใส่ออกงานกาล่าต่างๆเพราะมันบ่งบอกถึงรสนิยมคนใส่ว่า “หรูหรามีระดับชัดเจน”

ความทน – มากกกกก 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่เลยจ้า

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น และจะลดมากระจายกำลังดีไปตลอดจนปลายสุดทางของกลิ่นที่จะปล่อยของได้

ทิ้งท้าย – เป็นอีกหนึ่งในน้ำหอมที่ต้องผ่านการใช้มาหลายและและหลากหลายหน่อยครับ เพราะกลิ่นแบบนี้ต้องเรียนรู้และรักไปในที่สุด เพราะถ้าไม่งั้นจะเบือนหน้าหนีทำปากเป็นรูปสระอิ จนไม่ได้ความดีงามที่ควรจะเป็นของ Ambre Gris รุ่นนี้ครับ