แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Pino Silvestre แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Pino Silvestre แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Review: Pino Silvestre - Acqua di Pino Cologne

Pino Silvestre - Acqua di Pino Cologne

Pino Silvestre ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้ำหอมในตำนานของอิตาลีเลยก็ว่าได้กับการอยู่ในตลาดน้ำหอมมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1955 กับการแจ้งเกิดการเป็นน้ำหอมกลิ่นอายสาย Classic ที่โดดเด่นในความเป็นน้ำหอมผู้ชายสไตล์อิตาลี รวมถึงรูปทรงขวดที่เห็นแล้วเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเลยนั่นคือ ขวดทรงต้นสน ที่ยังคงอัตลักษณ์แบบนี้มาจนถึงปัจจุบันในน้ำหอมส่วนใหญ่ของแบรนด์

ปัจจุบันที่เทรนด์น้ำหอมเปลี่ยนอย่างชัดเจน การเปลี่ยนแปลงเพื่อเดินไปพร้อมกันกับผู้ใช้น้ำหอม โดยที่ยังคงคุมความเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์อยู่จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากในการสร้างสรรค์น้ำหอม แต่สิ่งที่แบรนด์ได้ต่อยอดออกมานั่นก็คือ การดึงเอา Concept สร้างสรรค์น้ำหอมผู้ชายที่เน้นกลิ่นอายสดชื่น เป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา ที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์มาเป็นตัวจุดประกายในการเปิดทางที่ยังคุมทั้งกลิ่นอายสไตล์ร่วมสมัย โดยที่แตะการใช้งานของผู้ใช้ใหม่ๆ ก็ได้ เอาใจผู้ใช้เก่าก็ดี อารมณ์เราเรียนรู้ไปด้วยกัน จึงได้เกิด Collection - Acqua di Pino ขึ้นในปี 2021 และนี่แหละที่จะเอามาเล่ากลิ่นกับหนึ่งรุ่นที่ได้จัดมาแล้วตกผลึกจนได้ที่ ซึ่งจะสื่อสารอย่างไร ว่ากันได้ตามนี้ 

Acqua di Pino Cologne เปิดตัวด้วยความเป็นลูกครึ่งนั่นคือ Citrus และสมุนไพรสาย Fresh Spicy ที่จะตีคู่ไปด้วยกันแบบมีมิติให้จับต้องได้โดยเด่นมาเชียวกับโทนสดชื่นแนว Cologne แต่ไม่ได้ใสกระจ่าง เพราะเป็นกลิ่นอายแบบน้ำหอมผู้ชาย เลยจะมีโทนที่เข้าลักษณะกลิ่น Barber Shop’s Scent แต่มีเอกลักษณ์กลิ่นกลิ่นโทน Soapy หรือสบู่เข้ามาร่วมด้วย เนื้อกลิ่นในช่วงแรกจะเด่นที่ Citrus ออกแนวติดขมเจือเปรี้ยวแนวๆ ออกทางเปลือกส้มปนกลิ่นส้มที่ติดทางเปรี้ยว รวมถึงมีโทนออกทางติดเปรี้ยวกึ่งสแปลชสดชื่นของเลมอนพร้อมกับโทนมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ล้อมกลิ่นแบบสร้างบรรยากาศสดชื่นติดเปรี้ยวให้ความรู้สึกที่เป็นสไตล์ Cologne ชัดเจน แต่กลิ่นจะไม่ได้ใส เพราะมีโทนออกทางกึ่งปร่ากึ่งการบูรกึ่งมินต์ของโรสแมรี่พร้อมกับขิงที่มีความทึบกึ่งโทนสบู่แกมแป้งเข้ามาเสริม เลยทำให้เนื้อกลิ่นจะมีเลเยอร์ที่เริ่มจากสดชื่นสไตล์ Cologne ผู้ชายตามด้วยกลิ่นออกทางสบู่ปร่าเผ็ดเจืออวล ซึ่งเรียกว่าเปิดมาก็ได้อารมณ์ทั้งแบบกลิ่นอายสไตล์ Traditional Cologne ที่ใส่ความเป็นสบู่ขิงเข้าไปแบบน่าสนใจมาก

แน่นอนว่าความเป็นสบู่ขิงจะชัดขึ้นมากตามลำดับและเปิดทางเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่ชัดเจนมาแบบอารมณ์กลิ่นหอมสบู่ขิงติดอวลที่มีความเผ็ดเจือปร่าหวาน ซึ่งเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงกลิ่นคล้ายแป้งทึบอ่อนๆ ที่เสริมให้เนื้อกลิ่นเป็นโทนสบู่แตะแป้งเบาๆ ของไอริส ซึ่งจะมีกลิ่นปร่าสมุนไพรติดเขียวแกมพริกไทยเบาๆ รวมถึงมีกลิ่นออกทางเขียวหอมสดชื่นเข้ามาเสริมความเป็นกลิ่นโทนแบบสบู่ขิงให้มีความหอมอวลรื่นรมย์มากขึ้นด้วย ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นโทน Citrus จะยังเป็นตัวเสริมที่ดีและยังคงจับต้องได้แบบปลายกลิ่นที่ให้โทนติดสดชื่นในเนื้อกลิ่นตลอด จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ว่ามีกลิ่นออกทางไม้หอมติดอวลๆ แกมกลิ่นคล้ายผิวกายอบอุ่นที่เป็นลักษณะของสารหอมอย่าง Ambroxan แถมด้วยกลิ่นติดไม้ซีดาร์โปร่งหน่อยๆ ที่ค่อยแทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ และโทนสบู่เริ่มเปลี่ยนเป็นโทนแป้งขิงที่มีความแห้งสอดรับกับโทนไม้หอมด้วย เลยเปลี่ยนเป็นช่วงท้ายเต็มตัวในที่สุด กับกลิ่นอายที่ไม่ซับซ้อนเลย เพราะชัดเจนมากกับการเป็นโทน Ambroxan สาย Soft ที่เข้ากับการเป็นฐานของความเป็น Cologne ที่ชัดเจน เนื้อกลิ่นจะมีความอวลไม้หอมที่รุมๆ กำลังดี และมีโทน Musk ที่ทำให้กลิ่นมีความสะอาดรองพื้นร่วมอยู่ด้วย ถือเป็นการปิดท้ายที่เอาความเป็นกลิ่นอายโทนสมัยใหม่ของสารหอมยอดฮิตมาสร้างเสน่ห์ที่ร่วมสมัยได้ลงตัวเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นให้อารมณ์ร่วมสมัยที่แตะความ Classic ก็ได้ ทันสมัยปั้นปลายก็ดี สดชื่นน่ะเต็มๆ ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมดครอบจักรวาลเลย เรียกว่าใช้แล้วรอดแน่นอน รวมถึงยามค่ำคืนด้วยที่ใส่แบบสบายๆ หรือออกงานก็สามารถ แต่ที่ให้ตัดออกไปได้เลยนั่นคือการใส่ไปท่องราตรีหรือเน้นใส่เพื่อปล่อยของ บอกเลยว่าไม่ได้เด่นทางนั้นเลย เน้นเป็นกลิ่นอายสายสดชื่นและ Nice เสียมากกว่า

ความทน - เพราะเป็น Cologne Concentree ซึ่งมีความเข้มข้นระดับเดียวกับ EDT เช่นนั้นความทนเลยถือว่าแตะ 6 - 8 ชม. ได้สบายๆ ตามแต่ละสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ ซึ่งส่วนตัวใช้ไป 7 สเปรย์ เรียกว่าคุ้มกันเลยเพราะ 12 ชม. กลิ่นยังติดผิวอยู่เลย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นแล้วจะผ่อนลงมาปานกลางติดอวลๆ สบู่ขิงปร่าหอมราวๆ 3 ชม. ก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวซักพัก ที่เหลือก็ Skin Scent กันยาวๆ และจะตีขึ้นยามขยับร่างกาย

สรุป - ต้องบอกว่าจับเอาความเป็น Traditional Cologne สไตล์สดชื่นติดสบู่ขิงอวลที่มีความเป็นธรรมชาติเกินคาด แถมปิดท้ายด้วยกลิ่นที่ยังไงก็รอดกับการเป็นโทนแนวน้ำหอมยุคใหม่ที่มี Ambroxan เป็นตัวชูโรง ถือเป็นการจับคู่และผสมผสานสร้างความร่วมสมัยได้ลงตัวแบบไม่ต้องเยอะสิ่ง ไม่ต้องซับซ้อน และหอมและเอาอยู่แบบมีสไตล์อิตาลีแบบกึ่ง Classic ได้ลงตัว

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/news/Acqua-Di-Pino-A-Tribute-To-Pino-Silvestre-Heritage-15200.html

 

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Review: Pino Silvestre – Underwood

Pino Silvestre – Underwood

หนึ่งในแบรนด์อิตาลีที่เน้นน้ำหอมโทนคลาสสิคผสมผสานกับความร่วมสมัยในแนวน้ำหอมของอิตาลีอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่า Pino Silvestre ได้เคยบอกเล่ากลิ่นอายภูมิฐานอย่าง Pino Fifty ไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่นนั้นกลับมาหาแบรนด์นี้เลยเลือกตัวน่าสนใจมานำเสนออีกครั้ง (แถมราคาก็เบาๆ ด้วยนะ) นั่นคือรุ่น Underwood นั่นเอง

เปิดต้นกลิ่นก็มากันแบบแน่นๆ ด้วยโทนซิตรัสที่เด่นนำมาก่อนเลย เพียงแต่จะจับได้ถึงโทนไม้หอมติดโทนสมุนไพรเขียว กลิ่นนัวพอสมควร มีแน่นคมอมความหวานให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนมากและมีกลิ่นอบอุ่นที่รองพื้นอยู่ในลักษณะคล้ายๆ แอมเบอร์ผสมวานิลลา ซึ่งพอเข้าช่วงกลางกลิ่นจะเริ่มออกทางไม้หอมกลั้วสมุนไพรมากขึ้น โทนซิตรัสที่มาแบบเปรี้ยวอมหวานนัวๆ จะลดลงไป โดยกลิ่นไม้หอมและสนไพน์ที่เป็น Signature ของแบรนด์นี้จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ และมีความนุ่มหวานคล้ายวานิลลาผสมผสานไปตลอดกลิ่นจะลากยาวนานพอสมควรจนเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะมีความเป็นไม้หอมอบอุ่นติดสะอาด ซึ่งกลิ่นจะมีความครีมมี่แบบนุ่มๆ ของไม้หอมติด Musk โดยจะมีแอมเบอร์และวานิลลามาแบบอบอุ่น และที่ขาดไม่ได้คือ พิมเสน ที่จะมาแบบนวลๆ อ้อยอิ่ง ทำให้ภาพรวมกลิ่นนี้เด่นที่ไม้หอมอบอุ่นเป็นหลัก โดยจะมีความเขียวสมุนไพรเสริมเข้ามา กลิ่นเลยจะออกแนวผู้ชายภูมิฐาน สุขุม มีความเป็นสุภาพบุรุษที่มาดดีอบอุ่นน่าเชื่อถือ สมกับที่แบรนด์เขาสื่อถึงการเป็นผู้ชายร่วมสมัยที่มีความคลาสสิคนั่นเอง

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นจะออกทางเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือและความภูมิฐาน เลยจะเข้าทางการใส่ในยามทางการมากหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าจะใส่ในยามทั่วๆ ไปไม่ได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะกลิ่นมีความอบอุ่นและเป็นสุภาพบุรุษที่ลงตัว แบบว่าเป็นที่พึ่งพิงได้ไรงี้ แต่ข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งไปได้เลยไม่เข้าทางแม้แต่น้อย

ความทน – 8 ชม. ลงตัวมาก และอาจจะมากกว่านี้ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม แต่ให้ระวังกลิ่นที่แน่นช่วงต้นเป็นพอ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่ามาเต็มและคมอมหวานอย่างชัดเจน แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวอบอุ่นน่าเชื่อถือในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย ถ้าเทียบกับราคาแล้ว กลิ่นคุ้มค่าขั้นสุดเพราะไม่ได้ด้อยเลยในเรื่องของความหอมตามคอนเซปท์ของแบรนด์ที่เน้นเรื่องความภูมิฐานและความอบอุ่นแบบสุภาพบุรุษ

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Pino Silvestre – Pino Fifty



Pino Silvestre – Pino Fifty 

แม้ว่าน้ำหอมแบรนด์นี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักในบ้านเราก็ตาม แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์อิตาลีที่ทำน้ำหอมออกมาได้ดีมากเลยทีเดียวและอยู่ในเครือเดียวกันกับแบรนด์คลาสสิคหอมหรูอย่าง 4711 แบรนด์ทันสมัยเท่ห์ๆ อย่าง Zippo ซึ่งน้ำหอมแบรนด์นี้จะเน้นที่กลิ่นของต้นสน Pine เป็นส่วนผสมหลัก ในฐานะที่ชอบลองเมื่อสบโอกาสได้ตัวนี้แบบแบ่งขายเลยขอมารีวิวเลยครับกับรุ่น Pino Fifty ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าที่มาของชื่อมันคืออะไร ทำไมต้องเป็นตัวเลข 50 เลยช่างมันครับ มาดูกันที่กลิ่นเน้นๆ ว่าใช้แล้วจะขนาดไหน

Top Notes พูดกันตรงๆ ว่ากลิ่นเปิดเรียกได้ว่าทั้งแน่นและทำเอาตกใจ เพราะกลิ่นของเม็ดกระวานพอผสมกับโทนสมุนไพรติดวู้ดดี้ของสน Pine ตามด้วยกลิ่นซิตรัส บอกกันตรงๆ เลยครับ มันเหมือนได้กลิ่นแบบไม้เนื้อหอมปนกับกลิ่นเอียนๆ ของลูกมะขวิดและเนื้อฝักราชพฤกษ์ที่ไว้กินเป็นยาถ่ายอ่อนๆ ทำให้สตันไปเลย 3 นาทีว่ากลิ่นห่านอะไรของมันเนี่ย แม้ไม่ได้เวียนหัวแต่เป็นกลิ่นที่อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกเอียนๆ ผะอืดผะอมหน่อยๆ ได้ถ้าไม่ถูกโฉลก ซึ่งถ้าตัดสินกันที่เพียงแค่ช่วง Top Notes บอกเลยว่าไม่ไปต่อ ลากกระเป๋าออกจากบ้านทันที แต่ถ้าจะรอซักหน่อยไม่เกิน 5 นาที กลิ่นเอียนๆ ที่ว่าจะเริ่มหายไป และเปลี่ยนมาเป็นกลิ่นหอมนุ่มนวลเนียนสดชื่นแอบแน่นแบบหน้ามือเป็นหลังมือในช่วง Middle Notes ที่กลิ่นของจันทน์เทศและเม็ดผักชี มาในโทนสมุนไพรที่มีพิมเสน และกลิ่นหญ้าฝรั่นมาเสริม กลิ่นช่วงนี้หอมดูดีอย่างบอกไม่ถูก ให้ความรู้สึกเหมือนอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยสะอาดสะอ้านนุ่มๆ มากมาย และพิมเสนนี่แหละที่จะอยู่ไปจนถึงช่วง Base Notes และกลายเป็นพระเอกหลักของน้ำหอมตัวนี้เลยทีเดียว เพราะจะไปเสริมกับกลิ่นกำยานและ Musk ทำให้กลิ่นออกทางเย้ายวน สะอาดและอบอุ่นกำลังดี กลิ่นดูเป็นผู้ใหญ่ออกทาง Family Man ที่น่าเข้าหา สบายๆ และผ่อนคลายไม่น้อยเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ รวมถึงคนที่ต้องการน้ำหอมเสริมภูมิให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น กลิ่นสามารถใช้ได้ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป ใช้ง่ายเข้ากับสภาพอากาศบ้านเรา สามารถใส่ทำงาน ใส่ไปเรียน ใส่ไปพักผ่อนชิลล์ๆ ใส่ไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่หรือลูกค้าได้หมด ใส่ออกกำลังกายก็ยังได้ ส่วนเที่ยวดื่มยามค่ำคืนไม่ค่อยเหมาะนัก ซึ่งไม่ว่าจะใส่ไปทำอะไรก็ตาม รอหลักฉีดซักไม่เกิน 5 นาที ก่อนจะดีที่สุดครับ

ความทน – ประมาณ 6 ชม. จะมากหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่เคมีของผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่งครับ ซึ่งกับผิวผมอยู่ได้ถึง 8 ชม. ในรูปแบบ Skin Scent

การกระจาย – กลิ่นนี้ช่วง Top จะกระจายดีไม่น้อย แล้วจะกระจายกำลังงามในช่วง Middle จะตีขึ้นให้รับรู้ และคนมายืนหรืออยู่ใกล้ๆ ได้กลิ่นสะอาดนุ่มติดแน่น และจะเป็น Skin Scent ให้ความรู้สึกอบอุ่นกำลังดีในช่วง Base ครับ

ทิ้งท้าย – ถือเป็นน้ำหอมอีกตัวที่ไม่สามารถตัดสินกันได้เพียงแค่ดมกลิ่นในช่วง Top Notes เพราะมันซ่อนรูปจริงๆ ครับ