แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Phaedon แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Phaedon แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

Review: Phaedon - Ilanguara

Phaedon - Ilanguara

กระดังงา ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายสายดอกไม้สีเหลืองที่ให้อารมณ์ดอกไม้ที่มีกลิ่นอวลหวานแกมกลิ่นกล้วยอ่อนๆ ที่จะมีกลิ่นติดเปรี้ยวอยู่หน่อยๆ ที่ให้ความสดชื่นก็ได้ และให้ความเย้ายวนอวลหวานมีจริตก็มาเต็มไม่น้อย ซึ่งกระดังงามักจะมาในการเป็นน้ำหอมผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ เพราะสามารถปล่อยเสน่ห์รัญจวนและจริตที่พอเหมาะออกมาได้อย่างลงตัว และเข้ากับผู้หญิงอย่างมากมาเสมอ

ก็มีอยู่หลายกลิ่นไม่น้อยที่นำเสนอความเป็นกระดังงาในน้ำหอมผู้ชายหรือ Unisex พอสมควร ซึ่งก็มาเต็มบ้าง มาหน่อยๆ บ้าง แต่มีอยู่หนึ่งกลิ่นที่ถือว่าเป็นกระดังงาที่ให้ความกลางๆ อยู่ไม่น้อยในการใช้งาน กับการสร้างสรรค์ของแบรนด์ Phaedon ที่จะเอาความเป็นกระดังงาจากมาดาร์กัสก้ามานำเสนอในการเป็นน้ำหอมสายหวานที่เข้าได้กับทุกเพศ และกลิ่นนั่นก็คือ Ilanguara

ถ้าสปอยกันก่อนเลยต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่กระดังงาที่เด่น แต่จริงๆ จะมีอัลมอนด์และยางไม้กำยาน Benzoin ด้วยที่เป็นเสมือนตัวเอกนำทางกลิ่นและอยู่ในทุกๆ ช่วงแบบ 3 ประสานในการเป็นศูนย์กลางของทั้งหมด เพียงแต่ความเด่นหลักจะเป็นอัลมอนด์กับกระดังงาที่จะโลดแล่นก่อน ค่อยปิดท้ายด้วยยางไม้กำยาน Benzoin ซึ่งในช่วงต้นความเป็นกระดังงาที่ให้ความหวานเย้าลึกจะมีความติดปร่าแบบเปลือกเลมอนที่มีความเปรี้ยวไม่มากแกมปร่าหอมกำลังดีเสริมเข้ามาในวูบแรก ก่อนที่จะเป็นกลิ่นออกทางถั่วๆ แห้งๆ ที่มีความขมแกมหวานเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นลูกครึ่งอัลมอนด์กระดังงาที่สมดุลย์พอดีมีความเข้มติดขมกลั้วหวานดอกไม้ แต่สิ่งที่จับได้อีกอย่างคือมีกลิ่นออกทางควันๆ ออกทางธูปไม้หน่อยเข้ามาเป็นลูกเล่นเล็กๆ และมีความอบอุ่นประปรายให้จับต้องได้เนียนๆ ซึ่งมาจากกำยาน Benzoin ทำให้กลิ่นมีความน่าค้นหาร่วมด้วยตลอดทั้งช่วงแรกนี้เลย

เมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงความหักมุมของกลิ่นที่จะแห้งลงมากขึ้นและรู้สึกได้ถึงความเป็นโทนแป้งที่ชัดเจนมากๆ ในการปรับเข้าสู่ช่วงกลางเต็มตัว ซึ่งตอนนี้อัลมอนด์ได้เปลี่ยนจากโทนถั่วๆ ติดขมๆ มีควันๆ กลายมาเป็นโทนแป้งอัลมอนด์เต็มตัวโดยมีความหวานหอมของกระดังงาเสริมอยู่ตลอด เนื้อกลิ่นจะมีความเป็นแป้งที่มีความอบอุ่นแฝงอยู่ตลอด ซึ่งแตะได้ทั้งอารมณ์แป้งหอมค่อนไปทางวานิลลากระดังงากึ่งแป้งฝุ่นอวลๆ ที่ติดโทนถั่วและไม้หอมติดควันๆ สไตล์ธูป Incense หน่อยๆ ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นโทนแป้งที่มีความอบอุ่นกำลังดี และมีเสน่ห์ๆ อวลๆ ได้ลงตัว

ในการเข้าสู่ช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเริ่มลดทอนโทนแป้งลงไปอีกสเต็ป แต่ว่าจะเพิ่มความนุ่มนวลเข้าความเป็นโทนไม้หอมเข้ามาเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น ความเป็นอัลมอนด์แกมกระดังงาจะเหลือเพียงประปรายให้รู้สึกได้และเริ่มเนียนไปกับกลิ่นแป้งที่มีความเป็นวานิลลามากขึ้นแต่ไม่ได้ข้นจนเกินไป มีความกลางๆ พอดีๆ และมีลูกเอื้อนหวานค่อนไปทางติดหวานอวลแหลมอ่อนๆ ของกำยาน Benzoin ที่เหมือนโดนเกลามาแล้วให้จับต้องได้แทน แต่จะมีอีกฝั่งคือโทนไม้หอมที่จะมีมิติที่กลางๆ มีความหยินหยางแบบเหมาะสมโดยมีกลิ่น Smoky หน่อยๆ แฝง ซึ่งจะให้ความสุขุมกำลังดีในเนื้อกลิ่นไปเรื่อยๆ ทำให้ภาพรวมจะกลายเป็นกลิ่นโทนอบอุ่นแกมแป้งที่มีความสุขุมติดหวานหน่อยๆ กำลังดีคลอผิวไปเรื่อยๆ เป็นการปิดท้าย   

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ยังไงผู้ชายก็ใช้ได้สบายๆ เพราะความเป็นอัลมอนด์และแป้งแกมยางไม้อบอุ่นที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความกลางๆ ในการใช้งานทุกเพศมากกว่าที่คิด ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เช่นใส่ยามทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือลุยๆ กลางแจ้งจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้เข้าทางเหงื่อเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงาน โรแมนติค หรือว่าชิลล์ๆ ได้หมด จะมีก็แต่ใส่ไปท่องราตรีที่ก็ได้อยู่ แต่อาจจะอวลสู้ความจัดจ้านของกลิ่นสายหวานกว่าทั้งหลายได้ยากหน่อย

ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบแน่นอนอย่างดีก็ราวๆ 2 ชม. ขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้และจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 ชม. เสมอในการใช้งานที่ 6 สเปรย์ แต่บนเสื้อจะทนกว่าบนผิว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าทำให้เกรงๆ เอาได้ว่ากลิ่นจะกระจายหนัก แต่ก็ไม่ได้ขึ้นปล่อยรอบทิศทั่วห้องขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นเมื่อลดลงมาเป็นโทนแป้งเด่นก็จะกระจายปานกลางไปราวๆ 3 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเมื่อแตะ 6 ชม. ถึงเป็น Skin Scent

สรุป - ต้องยอมเลยว่าสุคนธกรแบรนด์นี้ทำกลิ่นหวานเก่ง และเข้าใจฉีกเอาความเป็นแป้งอัลมอนด์และกระดังงามาเจอกันได้อย่างสวยงาม ให้ความกึ่งกลางระหว่างสีเหลืองกับสีครีมและมีสีน้ำตาลเป็นฐานกลิ่นได้เหมาะสมมาก ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาได้น่าสนใจ มีความเป็นโทนแป้งที่ลงตัว เผลอๆ ตกคนชอบสายแป้งได้ไม่รู้ตัวง่ายๆ เสียด้วยซ้ำไป

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://phaedonparis.com/en/shop/ilanguara/

 

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Phaedon - Tabac Rouge

Phaedon - Tabac Rouge

เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่บอกว่า นอกจาก Tobacco Vanille ของ Tom Ford ถือเป็นหนึ่งในกลิ่นยาสูบที่เซ็กซี่และมีความสมาร์ทมาก แต่ก็ยังมีอีก 1 กลิ่นที่เรียกว่ามาสายเดียวกันและพื้นฐานเนื้อกลิ่นใกล้เคียงในความเป็นยาสูบเหมือนกัน แต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ฉีกออกมาแบบที่เรียกว่าสูสีกันเลย โดยที่ราคาสมเหตุสมผลเสียด้วย นั่นก็คือ Tabac Rouge ของแบรนด์ Phaedon ที่เป็น Niche Perfume ในการดูแลของสุคนธกรที่หน้าตาหล่อเหลามากๆ อย่าง Pierre Guillaume

ในเมื่อเสียงเข้ามาอย่างหนาหูนัก ว่ากลิ่นมีความดีงามอร่ามแท้ เช่นนั้น ต้องมีได้เสียกันหน่อยแล้วว่าเนื้อกลิ่นจะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร และมีความโดดเด่นออกมาในลักษณะไหน จัดไปได้เรื่องกันตามนี้

Tabac Rouge เปิดตัวมาก็จับต้องกันได้เต็มๆ ถึง 3 โทนกลิ่นที่จะเป็นแก่นหลักของน้ำหอมเลยนั่นคือ ยาสูบ น้ำผึ้ง และธูป Incense ซึ่งทั้ง 3 โทนนี้จะมีอยู่ในทุกๆ ช่วงของน้ำหอมเลย ซึ่งช่วงต้นจะมีโทนออกทางสายเครื่องเทศที่มีความอบอุ่นเป็นตัวหลักในการเสริมโทนยาสูบและเชื่อมไปยังฝั่งธูป Incense นั่นก็คือ อบเชย ที่จะมาให้โทนหวานเผ็ดอุ่นอวล เสริมด้วยขิงที่มาให้ความปร่าฟุ้งเสริมกำลังดี ทำให้เนื้อกลิ่นจะชูโรงความเป็นยาสูบน้ำผึ้งหวานที่มีความเย้าอุ่น ซึ่งจะมีความเป็นโทนกึ่งไซรัปหน่อยๆ แต่ไม่ได้หวานจัด + ความเป็นโทน Animalic แบบสไตล์น้ำผึ้งจริงๆ ที่มีความเอียนลึกเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงหรือจงใจให้จับต้องได้ โดยที่พื้นกลิ่นมีลักษณะของโทน Incense ที่ค่อนไปทางยางไม้ติดปร่าหน่อยๆ คาดว่าน่าจะเป็น Frankincense อยู่แบบเนียนๆ ที่เสริมโทนดึงดูดอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเปิดมาก็สร้างเสน่ห์ดึงดูดกันตั้งแต่แรกแบบที่ไม่ต้องมาอารัมภบทให้เสียเวลาแต่อย่างใดเลย

ช่วงกลางความเป็นยาสูบและน้ำผึ้งจะยังคงเด่นเป็นสง่าอยู่ แต่เนื้อกลิ่นจะเริ่มลดทอนความเป็นโทนคล้ายไซรัปลงไป จนกลายเป็นโทนที่แห้งมากขึ้น สอดรับกับโทนที่ค่อนไปทางวานิลลาแต่ออกไปทางยางไม้ติดหวานแหลมที่เป็นเสน่ห์ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นยางไม้กำยาน Benzoin ที่มาให้โทนลักษณะนี้ แต่ที่กลิ่นไม่ได้หวานแหลมแต่ค่อนไปทางยางไม้มากกว่า ต้องยกให้ตัวตัดทอนอย่างโทนแป้งที่เข้ามาเกลา แถมโทน Incense ที่เป็นพื้นกลิ่นเองก็มาแบ่งเบาภาระในการตัดโทนหวานฉ่ำออกไป เลยกลายเป็นโทนหวานที่มีความเย้ามีเสน่ห์แบบไม่ต้องมาก แต่สร้างออร่าดึงดูดทั้งยาสูบที่ให้โทนแบบยาสูบบ่ม + น้ำผึ้งแห้งที่มีโทน Animalic เนียนๆ แกมอบเชยที่เป็นตัวเสริมสร้างความร้อนแรงแฝง ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ปล่อยของที่สุดจริงๆ ในการสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นในการดึงดูดโดยที่ไม่ได้ถึงกับลึกมาก แต่มีความสมดุลย์กำลังดีที่ได้ทั้งความลุ่มลึกและความโปร่งเย้าในเวลาเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายตอนนี้โทนต่างๆ ที่เป็นแกนหลักจะเริ่มเบาลงเรื่อยๆ ทั้งหมด รวมถึงตัวกำยาน Benzoin เองก็ด้วย เพราะ Musk และโทนแป้งจะเป็นตัวที่เด่นขึ้นมาเป็นสายเกลาให้เนื้อกลิ่นเริ่มมีความนุ่มนวลมากขึ้น โดยโทน Incense เองก็เหลือเพียงเบาๆ ที่เคล้ากับ Musk และแป้งไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนยาสูบและน้ำผึ้งจะเหลือเป็นความอะโรม่าติดหวานแห้งแบบกลางๆ ที่ให้กลิ่นแบบ On Top ก่อนที่จะมาเจอความนุ่มนวลแกมอบอุ่นละมุนกำลังดีของแป้งกึ่งวานิลลากึ่งยางไม้ที่มีความนวลสะอาด ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่มีความ Smooth ทางกลิ่นที่ให้ความนุ่มลึกแบบไม่ได้ลงสายดาร์กเกินไป ปิดท้ายด้วยความรู้สึกนุ่มนวลแกมเอิร์ธโทนที่หวานเย้าก็ได้ นุ่มนวลน่าเข้าหาก็ดี โดยที่เสน่ห์ยังมาชัดเจนไม่ล้มหายตายจากไปไหนแต่อย่างใด 

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าราวๆ 70% เพราะมีลักษณะแบบยาสูบ โทนค่อนไปทางวานิลลา และ Incense แต่เพราะว่ามีน้ำผึ้งมาเป็นอีกหนึ่งตัวหลัก เลยทำให้มีความ Unisex ที่เข้ากับผู้หญิงด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แบบให้ความมีเสน่ห์แบบไม่ดาร์กหรือลึกเกินไป เข้าถึงได้ง่ายในความหวานหอมแกมน่าค้นหาเนียนๆ รวมถึงยามค่ำคืนก็สามารถใช้งานได้สบายมาก ไม่ว่าจะโรแมนติค ท่องราตรี หรือว่าออกงาน แต่ที่ให้ข้ามไปได้เลยเพราะไม่เหมาะนักนั่นคือ ออกกำลังกายหรือว่ากิจกรรมลุยๆ กลางแจ้ง เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นจนมึนเอาได้

ความทน - ยังไงก็ 8 ชม. ขึ้นไปสบายมาก และไปต่อได้อีกถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้วกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ เช่นนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้ด้วยว่าจะอยู่ที่พื้นฐานหรือไปต่อกันยาวๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น พอผ่านไปซัก 1 ชม. ถึงผ่อนลงมากระจายดี แล้วลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อแตะราวๆ ชั่วโมงที่ 5 ก็เริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่เสถียรกันไปเรื่อยๆ จะมีแตะ Skin Scent ก็เมื่อเลยไปซัก 10 ชม. ไปแล้ว

สรุป - สิ่งที่แตกต่างเลยจาก Tobacco Vanille นั่นคือ เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนสว่างกว่า ไม่ได้มีความดาร์กหรือลึกจนเซ็กซี่และความหวานก็ไม่ได้มากเท่า แต่ยังคงให้เสน่ห์ในเรื่องความเย้ายวนและดึงดูดที่เข้าลักษณะกลิ่นอายที่มักลงท้ายด้วยคำว่า Rouge ได้อย่างชัดเจนไม่หนีไปไหน ที่สำคัญคือ น้ำผึ้ง มีโดดเด่นจริงๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีเสน่ห์มากและไม่ธรรมดาในการสร้างออร่าน่าค้นหาและเซ็กซี่แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้าได้ครบเครื่อง แถมยังมีระดับในเนื้อกลิ่นอย่างงามๆ อีกด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://phaedonparis.com/en/shop/tabac-rouge/

 

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Review: Phaedon - Pluie de Soleil

Phaedon - Pluie de Soleil 

ติดใจในความเรียบหรูของน้ำหอมแบรนด์ Phaedon และที่สำคัญขวดสวยดูดีมีพลังแบบเรียบขรึมน่าวางเรียงเป็น Colletions อย่างน่าประหลาด เช่นนั้นก็ต้องหาอะไรที่น่าสนใจมาดมกลิ่นเพิ่มกันหน่อย สบโอกาสเมื่อเห็นว่าน้ำหอมอยู่รุ่นหนึ่งมีกลิ่นสตรอเบอร์รี่ที่เป็น Unisex จากฝีมือการปรุงของสุคนธกรสุดหล่ออย่าง Pierre Guillaume ที่สร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาด้วย ก็จัดมาเลยแล้วกันกับรุ่นที่บอกถึงความเป็น Summer อย่าง Pluie de Soleil และเมื่อได้ใช้จนหนำใจก็รู้ว่ากลิ่นออกมาเป็นเช่นนี้ 

#คุณหลอกดาว 

เพราะรูปลักษณ์ขวดที่มีความขรึมขลัง เรียบหรู แต่สิ่งที่อยู่ภายในกลายเป็นหนังคนละม้วนไปได้เลย เพราะ Top Notes มากับการเป็นโทน Citrus Berry ติดผลไม้กันแบบที่ อาจจะทำให้แปลกใจได้ว่านี่ฉีดน้ำหอมผิดขวดหรือเปล่า มันทำไมลั่นล้ามาเต็มจัง ซึ่งในความรู้สึกเริ่งร่าแบบนี้ ความเป็น Citrus ยังทำหน้าที่ได้ดีในแง่ของการให้ความรู้สึกสดชื่นมีระดับลงตัวได้ดี ออกแนวคุณหนูที่มีความเริงร่าสดใสแบบที่มีความหรูหราไม่โฉ่งฉ่างมากกำลังดี ท่ามกลางการเป็นโทนผลไม้ที่สว่างสดใสเปรี้ยวอมหวานกันอย่างชัดเจน แต่เพียงไม่นานการเปลี่ยนโทนเข้า Middle Notes กลายเป็นสายฟรุตตี้เต็มขั้นกันเลย เพราะกลิ่นของสับปะรดและสตรอเบอร์รี่จะแทคทีมดันขึ้นมากันอย่างจัดเต็ม กลายเป็นตัวหลักที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของน้ำหอมเลย ซึ่งจะมาในลักษณะของแบบลั่นล้า เริงร่าเต็มที่ ความเป็น Citrus จะผ่อนลงไปเป็นสายสนับสนุนที่ให้ความสดชื่นเปรี้ยวเจือหวานปลายอยู่ ความมีมาดแบบเดินเอียงอายมาในตอนแรกเริ่มหลุดออกมาเป็นลักษณะที่เริงร่าเต็มที่แล้ว กลิ่นสตรอเบอร์รี่ให้ความเป็นโทนสว่างสีแดงสดใส เคล้าความเป็นกลิ่นสับปะรดที่มีความนัวเปรี้ยวอมหวานกำลังดี และมีความเป็นโทนผลไม้ออกกึ่งหวานกึ่งเปรี้ยวแต่ไม่ฉ่ำเท่าไหร่ เพราะเนื้อกลิ่นมีพื้นของการเป็นโทนดอกไม้ติด Spicy พริกไทยจางๆ เขียวนิดๆ ผสมผสานกับความครีมมี่ไพล่มาทางคล้ายความเป็นโยเกิร์ต กลิ่นเลยจะได้ความน่ารักสดใสก็ได้ เริงร่าลั่นล้าแฮปปี้กลางแจ้งมีความสุขก็ชัด แล้วเมื่อขยับไปที่ Base Notes กลิ่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากช่วงกลางมากนัก เพราะว่าความเป็นผลไม้ยังคงลั่นล้าอยู่แบบ On Top เปรี้ยวอมหวาน เพียงแต่กลิ่นจะนวลมากขึ้นเพราะ Musk จะเป็นตัวรองพื้นกลิ่นจะมีความสะอาดเจือและมีกลิ่นไม้หอมครีมอ่อนๆ คลอเบาๆ เนื้อกลิ่นมีความอบอุ่นกำลังดีจากวานิลลาแบบอ่อนๆ ไม่ได้ข้นหนักจนกลายเป็นขนมหวาน เลยได้อารมณ์แบบสว่างและกลางแจ้งเริงร่าสนุกสนานที่เบาลงมาหน่อย (อาจจะสนุกไปจนเหนื่อยเลยพักบ้างประมาณนั้น) เข้าสไตล์แบบนั่งเล่นพลางจิบกลิ่นค็อกเทลน้ำผลไม้ติดโทนครีมบางๆ ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายของกิจกรรมในฤดูร้อนหรือปาร์ตี้กลางแจ้งประมาณนั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - ตราเอาไว้ว่าเป็น Unisex แต่เอาเข้าจริงความสาวของเนื้อกลิ่นมาเต็มถึง 90% เลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นนี้ถือว่าเป็นกลิ่นที่ใช้ง่าย เข้าถึงง่าย เด่นที่โทนผลไม้เบอร์รี่ที่สาวๆ ชอบ จึงใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน อาจจะไม่เข้ากับงานทางการจัดๆ นัก เพราะกลิ่นมันมีความลั่นล้าในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใส่แบบทำงานใน Office ทั่วไป พักผ่อนชิลล์ๆ หรืิอว่าเที่ยวทะเล เดินเล่นโน่นนี่อันนี้ได้หมด จะใส่ทำกิจกรรมกลางแจ้งอันนี้ก็สามารถ แต่ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกาย อันนี้เบามือนิดนึง กลิ่นมันผลไม้จ๋าไปคนจะมองหน้าหรืออึดอัดเอาได้ ส่วนยามกลางคืนก็ได้สบายมากยิ่งไปท่องราตรีหรืิอไปงานปาร์ตี้ เพียงเพิ่มสเปรย์ก็เอาอยู่แถมดูสดใสได้อีกด้วยนะ 

ความทน - อันนี้ยอม กลิ่นทนมากราวๆ 8 -10 ชม. เลย โดนส่วนตัวจัดไปที่ 6 สเปรย์ ยาวไป 12 ชม. ชัดเจนแม้จะเป็นวันที่อากาศร้อนๆ เหงืิ่อซึมบ่อยๆ ก็ตาม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกกในตอนต้น เรียกว่า โหยยย มาถึงก็สดใสลั่นล้าเลย แล้วลดลงมากระจายดีแบบยาวไป จนพอเข้าช่วงท้ายกลิ่นจะเริ่มดรอปลงมาตามลำดับเป็นปานกลางและออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย - คุณหลอกดาวอีกที เพราะว่าอารมณ์ขวดกับอารมณ์น้ำหอมมันคนละทางอย่างแรง แต่ยอมรับอย่างหนึ่งว่ากลิ่นนี้ให้อารมณ์ของสาวน้อยสดใสในฤดูร้อน และกิจกรรมกลางแจ้งสไตล์สาวๆ เริงร่าได้ดีมากจริงๆ อ้อ อีกอย่าง จริงๆ ถ้าเอาน้ำหอมกลิ่นนี้ไปใส่ขวดของ Escada ซักรุ่น นี่ใช่เลยยยยยยยย ขอบอกกกกกก! 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นผู้นำเข้าแบรนด์นี้มาขายในประเทศไทยโดยตรง นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Website - Phaedon Paris
--> http://www.phaedonparis.com/eau-de-toilette-pluie-de-soleil-phaedon-paris.html

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

Review: Phaedon - Rue des Lilas

Phaedon - Rue des Lilas 

ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ Phaedon นี้มาระยะหนึ่งและมีความสนใจอยากลองมาตลอด เนื่องจากสุคนธกรและเจ้าของแบรนด์คือ Pierre Guillaume ที่ทั้งหล่อเหลาและฝีมือจัดเต็มไม่น้อย แถมทำกลิ่นแนวๆ ขนมหรือโทนหวานได้ดีมากเสียด้วย ตลอดจนเป็นเจ้าของแบรนด์ Parfumerie Generale หรือ PG เสียด้วย เช่นนั้นเมื่อมีโอกาสกระทำความ Niche มาลองแบรนด์นี้ เลยขอเลือกโทนกลิ่นแนว Floral มาซะหน่อยว่าจะทำกลิ่นออกมาในลักษณะไหนที่แตกต่างจากที่เคยลองตัวอื่นๆ จากฝั่ง PG หรือไม่ กับรุ่นนี้เลย Rue des Lilas 

ชื่อรุ่นแปลออกมาได้อย่างชัดเจน คือ ถนนสายดอกไลแลคเช่นนั้นกลิ่นดอกไลแลคเลยจะเป็นกลิ่นหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบให้ความรู้สึกแบบดอกไลแลคที่ออกทางสะอาดๆ มีความจืดบางๆ เจือกลิ่นอายแบบมะลิแบบสดชื่นและมีความหอมออกโทนน้ำผึ้งนิดๆ ในเนื้อกลิ่นด้วย โดยจะมาทักทายกันตั้งแต่แรกเลย ซึ่งในเนื้อกลิ่นเปิดมาก็ไลแลคแบบติดโทนแป้งให้รู้สึกได้เลย กลิ่นจะหอมสดชื่นหวานปนนุ่มนวล แต่จะมีความสดชื่นเจือๆ อยู่ให้พอจับต้องได้แนวๆ ดอกมะลิๆ ใสและดอกส้มที่ให้ความสะอาดติดสดชื่นแบบกำลังดี ให้ความรู้สึกได้อยู่เหมือนได้กลิ่นดอกไลแลคลอยมาแบบชัดๆ ให้ความรู้สึกหอมรื่นรมย์ได้เลยถ้ากลิ่นโทนดอกไม้ลักษณะแนวนี้ แล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นโทนแป้งจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเลยกับการเป็นแป้งหอมกึ่งสบู่ดอกไลแลค ที่มีกลิ่นอายหอมหวานติดครีมนวลๆ และมีกลิ่นใสๆ ออกทางดอกมะลิกึ่งดอกกระดิ่ง (Lily-of-the-Valley) เคล้าคลอไปตลอด ที่แน่ๆ ในเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงกลิ่นอายซ่าๆ ติด Spicy บางๆ เสียด้วยได้อารมณ์แบบติดโทน Vintage สะอาดแน่นๆ หน่อยๆ มาตัดทอนไม่ให้กลิ่นมาเต็มและเยอะไปจนทึบจัด ทำให้กลิ่นคงความเป็นธรรมชาติระดับหนึ่งเลยทีเดียว จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีความนวลปนอบอุ่นสมทบเข้ามามากขึ้น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมอย่างชัดเจนที่จะเป็นกลิ่นอายนวลๆ ปนไม้หอมบางๆ พื้นของกลิ่นเป็น Musk ที่ออกทางแป้งนวลๆ ชัดเจน โดยที่กลิ่นของดอกไลแลคจะลดทอนลงมาเป็นกลิ่นหอมนวลๆ ปนหวานบางๆ เจือในเนื้อกลิ่นไปตลอดให้ความผ่อนคลายและรื่นรมย์ได้อย่างลงตัวมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงเอาไว้ว่าเป็นโทน Unisex แต่เอาเข้าจริงเอียงไปทางสาวๆ ราวๆ 70% ได้เลย แต่ถ้าผู้ชายที่มาใช้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เพราะกลิ่นมาสายบรรยากาศในระดับหนึ่งก็ใส่ได้สบายๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือว่าทั่วๆ ไป ซึ่งกลิ่นแตะการใช้งานได้หลากหลายและกลางพอสมควร แต่ไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายแน่นอนข้ามไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้แบบสบายๆ ชิลล์ๆ ไปเดินเล่น ช้อปปิ้งหรือว่าอยู่กับคนรักก็ได้หมด กลิ่นมีความรื่นรมย์กำลังดีเลยทีเดียว (อีกฝั่งต้องชอบกลิ่นของไลแลคด้วยนะ ไม่งั้นมีมองบนเอาได้) ส่วนการท่องราตรี เอาจริงๆ สามารถใช้งานได้ถ้าอัดสเปรย์หน่อยในการสร้างความแตกต่าง เพียงแต่ว่าจะให้ความนุ่มนวลและมีความหอมหวานเป็นธรรมชาติมากกว่าจะเน้นเย้ายวนนั่นเอง 

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่ามาชัดเจนให้รู้สึกได้ถึงความเป็นไลแลคเลย แล้วกลิ่นจะคงตัวกระจายดีไปจนถึงช่วงกลางเลยที่จะมีความแน่นขึ้นมาหน่อย พอเริ่มเข้าช่วงท้ายกลิ่นจะดรอปลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัว พ้นซัก 6 ชม. จะ Skin Scent ชัดเจน ยกเว้นยามที่อากาศร้อนจัด อาจจะแค่ 4 ชม. กลิ่นก็ลงมาแล้วก็เป็นได้ 

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายของดอไลแลคที่หอมนุ่ม และใส่จริตจะก้านกำลังดีได้เลย โดยที่แตะความเป็น Vintage จางๆ และความเป็นธรรมชาติที่รื่นรมย์ก็ได้ ถือว่ากลิ่นอายมาสายแบบเรื่อยๆ แต่มั่นคงได้ดีเลย 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit  Phaedonparis --> http://www.phaedonparis.com/client/cache/produit/631_600____2__rue-des-lilas_102.jpg